ความคิดเห็นที่ 1 นักวิทยาศาสตร์เคยจำลองสภาพโลกเมื่อสมัยเกิดใหม่ มีแต่ก๊าซ ประจุไฟฟ้า ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้น ก็สามารถสร้างหน่วยมีชีวิตขึ้นมาได้สำเร็จ ปล.อ่านมานานแล้ว จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จากคุณ : นายขนมหวาน - [ 29 ส.ค. 50 20:04:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมคิดว่า ถ้าเราเข้าใจหลักการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ได้ ก็จะสามารถหาคำตอบให้เราได้ว่า มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตมาจากไหน? และมันก็เป็นงานที่นักวิทยาศาสตร์ นักประวัติศาตร์ หรือนักชีววิทยา หลายๆ คน บนโลกนี้กำลังศึกษาอยู่ครับ จากคุณ : T-E-N-A - [ 29 ส.ค. 50 20:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วิวัฒนาการไม่เกี่ยวข้องกับ abiogenesis ครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 29 ส.ค. 50 20:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จำได้ลางๆว่า มีสารคดีการทดลองโดยสร้างสภาวะที่เชื่อว่าคล้ายกับโลกเมื่อ 4000 ล้านปีก่อนทำให้ได้สารที่เชื่อว่าเป็นแบบเดียวกับสารสมัยจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตครับ ไว้ขอไปค้นกองวีดีโอก่อนครับ ถ้าเจอแล้วจะเอาภาพมาให้ดู ---------------------- เจอแล้ว ค้น google ไวกว่าครับ  “Miller-Urey experiment” แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 20:34:56 จากคุณ : นายข่วย - [ 29 ส.ค. 50 20:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อมันเกิดโปรตีนอะมิโน สิ่งมีชีวิตก็เริ่มอุบัติขึ้นนับตั้งแต่นั้น (รึเปล่าครับ) จากคุณ : Jerry Woody - [ 29 ส.ค. 50 20:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 DNA<=>RNA->protein  แล้ว protein ก็สามารถกลับไปควบคุมการสร้างและการทำงานทั้ง DNA, RNA และ ตัวมันเองคือ protein แค่นี้ผมก็ไม่เชื่อแล้วครับว่ามันจะเกิดขึ้นเองได้ แต่คนตอนนี้สามารถสร้างเลียนแบบได้ แต่ยังไม่สามารถสร้างรูปแบบสิ่งมีชีวิตให้ต่างไปจากนี้ได้ ตัวผมเองก็คิดอยู่ว่า cell cell แรกอาจจะมาจากอวกาศ มากับอุกาบาต ในแบบ spore แล้วค่อยมาวิวัฒนาการต่อบนบ้านใหม่นี้ จากคุณ : recombination - [ 29 ส.ค. 50 20:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 http://en.wikipedia.org/wiki/Abiogenesis Abiogenesis (Greek a-bio-genesis, "non biological origins") is the formation of life from non-living matter. Today the term is primarily used to refer to hypotheses about the chemical origin of life, such as from a 'primeval soup' or in the vicinity of hydrothermal vents, and most probably through a number of intermediate steps, such as non-living but self-replicating molecules (biopoiesis). The current models of abiogenesis are still being scientifically tested. เวลาตาย-สิ่งมีชีวิตก็กลายเป็นสิ่งไม่มีชีวิต ถ้างั้น สิ่งมีชีวิตแรกบนโลก อาจอุบัติขึ้นมาเองจากสิ่งไม่มีชีวิตได้ จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 29 ส.ค. 50 20:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หุ หุ ขอบคุณครับ อ. Practical x 2 รีบไปเปิดดิกฯ ดู Abiogenesis แปลว่าอะไรหว่า? พอรู้ความหมาย ก็ ไปดูใน wikipedia อีกที ก็ยังอ่านไม่ค่อยเข้าใจ ต้องขอโทษจริงๆ ครับ จากคุณ : T-E-N-A - [ 29 ส.ค. 50 20:45:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจำไม่ผิดเคยรู้มาว่าสิ่งมีชีวิตเกิดได้จากธาตุหรืออะไรซักอย่างเรียกไม่ถูกน่ะค่ะ สองชนิดมารวมตัวกัน เอ...สองหรือสามหว่า รวมตัวกันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : PattyPukes - [ 29 ส.ค. 50 20:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Miller-Urey experiment http://en.wikipedia.org/wiki/Miller_experiment The Miller-Urey experiment (or Urey-Miller experiment) was an experiment that simulated hypothetical conditions present on the early Earth and tested for the occurrence of chemical evolution. Specifically, the experiment tested Oparin and Haldane's hypothesis that conditions on the primitive Earth favored chemical reactions that synthesized organic compounds from inorganic precursors. Considered to be the classic experiment on the origin of life, it was conducted in 1953 by Stanley L. Miller and Harold C. Urey at the University of Chicago จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 29 ส.ค. 50 20:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ในอวกาศยังมีพันธะทางเคมีที่เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างง่ายของสิ่งมีชีวิตล่องลอยอยู่เลยครับ ในอวกาศเลยนะครับ ไม่ใช่ในดาว จากคุณ : nOnG_WinZ - [ 29 ส.ค. 50 20:56:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #11 เค้าเรียกว่าตัวอะไรหงะ - - เป็นแบบพวกไวรัสรึเปล่า จากคุณ : chidkido - [ 29 ส.ค. 50 21:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 น่าสนใจทฤษฎีนี้ น่าจะมีความเป็นไปได้อยู่ จากคุณ : เหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน - [ 29 ส.ค. 50 21:13:27 A:125.26.57.209 X: TicketID:130166 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมคิดว่าได้ครับ เพราะพอคิดกลับกันว่าถ้าสิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตไม่ได้ แล้วสิ่งมีชีวิตแรกมันมาจากไหนละครับ คงจะไม่ตอบว่าพระเจ้านะครับ เพราะผมจะถามต่อว่าพระเจ้ามาจากไหน จากคุณ : IaMZ - [ 29 ส.ค. 50 21:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ธรรมชาติมีเวลาให้ทำสิ่งที่หลายคนว่ามหัศจรรย์อยู่หลายพันล้านปีนะครับ เอาเป็นว่าในความคิดคนเรามีความคุ้นเคยอย่างไร กับระยะเวลาที่ยาวนานขนาดนั้น เอาแค่ระดับหมื่นปีก็ได้ จริงอยู่ ว่าวิวัฒนาการของมนุษย์ในปัจจุบันมันเร็วมากๆ ไม่สามารถเทียบกับการลองนู้นลองนี่ของธรรมชาติได้ แต่ด้วยความพอเหมาะ+ความบังเอิญ+ฯลฯและเวลาตั้งนานขนาดนั้น ผมว่า ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็เกินไปล้ะ ถ้ามีสิ่งใดที่เหนือกว่าธรรมชาติจริงผมว่า ท่านคงมีกำลังใจสูงและอดทนมากๆ กี่ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นมา กี่สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นและดับสูญ ดูสารคดีแล้วสุดยอดจริงๆ จากคุณ : BigBrother (ด้วยคนจิ) - [ 29 ส.ค. 50 21:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ^ ยังไง มันก็ถามต่อได้อยู่ดีแหละครับ ว่า สิ่งที่ไม่มีีชีวิต กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิต นั้น มาจากไหน?? จากคุณ : Proximitron - [ 29 ส.ค. 50 21:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ http://evidence-evolution-theory.pantown.com จากคุณ : Practical x 2 - [ 29 ส.ค. 50 21:56:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 O_o จากคุณ : oldword - [ 29 ส.ค. 50 22:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องถามว่าพระเจ้ามาจากไหน ตอบได้ดังนี้ - รูปฟอร์ม "ชีวิต" ที่เรามีอยู่กันในโลกนี้ เป็นอย่างหนึ่ง - พระเจ้า "ทรงเป็นอยู่" นั้นเป็นอย่างหนึ่ง พระองค์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในนิยามทางชีววิทยา ดังนั้น การที่พระองค์บอกว่า พระองค์ "ดำรงอยู่" นั้น เป็นสิ่งที่เราไม่เคยพบเห็นในระบบของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ ตัวอย่างที่พอจะยกให้เห็นได้ใกล้เคียงที่สุดก็คือ "ความว่างเปล่า" (ในห้วงอวกาศ) มันมีของมันอย่างนั้น ใครจะตอบได้ว่ามันเริ่มเมื่อไร และจะสิ้นสุดเมื่อไร ตอนนี้เรากำลังสงสัยกันว่า รูปฟอร์มชีวิตที่เรากำลังดำเนินอยู่ มีจุดกำเนิดอย่างไร นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามค้นคว้ากันไป ตั้งสมมุติฐานและทดลองไป ก็อย่างที่หลายๆท่านข้างบนได้นำเสนอมา มันก็มาติดตรงที่ว่า โอกาสเป็นไปได้มีกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะมันซับซ้อนมาก จนมีหนทางเดียวคือ "บังเอิญ ซ้อนบังเอิญ ซ้อนบังเอิญ ..." ในฝ่ายที่ยอมรับในความเป็นไปได้ของการเกิดจาก "พระผู้สร้าง" ก็ไม่มีอะไรจะอธิบายมากไปกว่า "การยอมรับ โดยดุษฎี" ซึ่งถูกแทนที่ด้วยคำว่า "เชื่อ" (คนละความหมายกับ "งมงาย") มุมมองต่อความรู้ในสาขาชีววิทยา และวิทยาศาสตร์ทุกแขนงที่สั่งสมกันมา กลับเป็นหลักฐานส่งเสริม ให้เห็นถึงความเป็นระบบ ซึ่งไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการ "ถูกออกแบบ" เบื้องหลังของการไม่ยอมรับเรื่องการทรงสร้างของพระเจ้า มาจากเหตุผลอื่นๆ ลองสำรวจในใจของคุณดูนะครับว่า มาจากเหตุผลอะไร จากคุณ : ksk - [ 29 ส.ค. 50 22:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 pure thruth...มาอ๊ะยางงงง คิดถึงนะ.....^_^ จากคุณ : ครอบครัวมาเฟีย (Manual Tailer Machine) - [ 29 ส.ค. 50 22:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถึง rep 19 ผมเชื่อในเรื่อง "ถูกออกแบบ" เพราะผมเองก็ออกแบบได้ จากคุณ : recombination - [ 29 ส.ค. 50 22:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อย่ามาพระเจ้าอะไรแถวนี้ รำคาญ จากคุณ : axquest - [ 29 ส.ค. 50 22:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พระเจ้า ใช่คนที่มาซื้อของในร้านเรารึป่าวครับ ผมว่าแล้วมันแปลกๆ ไอ้หมอนี่นี่เอง ที่มันสร้างสิ่งมีชีวิต จากคุณ : Synchronize - [ 29 ส.ค. 50 23:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ ^ นั่นมัน "ลูกค้า"   -*- จากคุณ : น้องยุ้ยงัย - [ 29 ส.ค. 50 23:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จากคุณ : ksk - [ 29 ส.ค. 50 23:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 น่าจะไปคอยตอบห้องศาสนานะครับไม่ค่อยน่ามาตอบที่หว้ากอเท่าไร มันไม่เเนว อ่านเเล้วเบื่อ แล้วพระเจ้าของท่านก็จะถูกกลุ่มที่ไม่เชื่อลบหลู่อีก จากคุณ : Chaos dragon - [ 29 ส.ค. 50 23:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เค้าว่าเวลาในการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก ใช้เวลานานกว่า ระยะเวลาที่ก่อกำเนิดโลก เพราะฉะนั้น เราน่าจะติดมาจากอุกาบาต จากคุณ : Remember16 On The Seventh Moon - [ 29 ส.ค. 50 23:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณ คุณ Chaos dragon ครับ ผมไม่คิดว่าผมกำลังพูดเรื่องศาสนานะครับ เป็นเรื่องของกำเนิดสิ่งมีชีวิต ตามหัวข้อกระทู้เลย เพื่อนๆหลายๆคนก็ได้กรุณานำเสนอแนวคิดด้านต่างๆไปแล้ว ไม่ว่าจะชามซุปของมิลเลอร์ หรือสปอร์ที่มากับอุกาบาต หรืออื่นๆ แนวคิดเรื่อง การทรงสร้าง ก็ไม่น่าจะถูกปิดกั้นไม่ใช่เหรอครับ ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็อภิปรายกันไป จาก บาง คคห. ข้างบนทำให้รู้ว่า หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการ ตอบคำถามเรื่องของ กำเนิดสิ่งมีชีวิต แต่ อ.Prac ก็ได้ยืนยันไปแล้วว่าไม่ใช่(คคห 3) มันต้องใช้อีกทฤษฎีหนึ่ง แต่ยังไงก็ยังเป็นทฤษฎีอยู่ดี ยังรอการพิสูจน์อยู่(คคห 7) ดังนั้น แนวคิดอื่นๆ (จะเรียกว่าทฤษฎีอื่นๆก็พอกร้อมแกร้มได้) ก็น่าจะสามารถนำมาอภิปรายได้ แต่ปัญหาก็อย่างที่ผมบอกไว้ การปฏิเสธเรื่องการทรงสร้างของพระเจ้า มันมีเบื้องหลังมาจากสิ่งอื่นๆ จากคุณ : ksk - [ 29 ส.ค. 50 23:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ู^ | | เทพมังกรกะลังแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อจะออกโรง เตรง เตร่งๆๆๆๆ จากคุณ : root :-D - [ 30 ส.ค. 50 00:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คำถามนี้ อิชั้นก็คาใจมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วค่ะ แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเอง..................................... จากคุณ : ทิ้งไว้เป็นปริศนา - [ 30 ส.ค. 50 00:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จะเกิดเองหรือมีใครสร้างนั้น สำหรับผมยังไงก็ได้ครับ จากคุณ : Naruse_X - [ 30 ส.ค. 50 01:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ในวงการชีววิทยาก้อยังมีกระแสเรื่อง Intelligent Design เลยครับ คือเรื่องสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ถูก "ออกแบบ" มา โดยสันนิษฐาน จากเรื่องโครงสร้างที่ลด "ชิ้นส่วนจำเป็น" ไม่ได้ ของโครงสร้างทางชีววิทยา บางประเภท เช่น Motor ชีวภาพที่โคนหางของอสุจิ ซึ่งต้องการ ความ "บังเอิญ" ที่จะมีชิ้นส่วนหลายๆชิ้นที่ลงตัวกันพอดีอย่างไม่น่าเชื่อจึงจะ ทำงานได้ เรื่องนี้ค่อนข้างขัดกับทฤษฎีของดาร์วินมากๆครับ ดังนั้นผมว่าการมองกำเนิดสิ่งมีชีวิตในฐานะที่มี Creator ก้อเป็นไปได้ครับ จากคุณ : pzifrius - [ 30 ส.ค. 50 01:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เคยมีการทดลองไม่นานนี้อะ เอา ไฮโดรเจน+ออซิเจน+ฮีเลี่ยม  แล้วจำลองให้เกิดปฏิกิริยาฟ้าผ่า มันเกิดกรดอะมิโน จากคุณ : Calypsol_Red - [ 30 ส.ค. 50 02:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ได้ครับ ด้วยจินตนาการของมนุษย์ จากคุณ : เซียนแห่งmath - [ 30 ส.ค. 50 04:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ยังสร้างเซลล์ที่เจริญเติบโตได้ ขยายพันธุ์ได้ จาก สารเคมีไม่ได้ครับ การทดลองของ Miller นั้นพยายามหาเหตุผลว่า abiogenesis ในกรณีที่ไม่มี divine intervention น่าจะเกิดขึ้นได้เพราะ... โดยได้สารอินทรีย์ที่ เป็นองค์ประกอบของเซลล์ บางชนิด และใช้ keyword "เมื่อเวลาผ่านไปนานมากๆ" มาแทน ถ้าว่ากันด้วยหลักฐานนี้แล้วจะให้ฟันธงว่า ไม่ได้เกิดจากพระเจ้าหรอก ก็ยังไม่ได้ จากคุณ : Practical x 2 - [ 30 ส.ค. 50 06:28:07 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ดังนั้นปัจจุบันของสิ่งมีชีวิตโลกเรา มีสาเหตุมาจากสองขั้นตอน 1) abiogenesis (จากพระเจ้า (1a) จากมนุษย์ต่างดาว (1b) จากอุกกาบาตดาวอื่น (1c) หรือเกิดขึ้นเอง (1d)) 2) วิวัฒนาการ หลักฐานสนับสนุน (1) ประเภทที่ฟันธงได้ยังไม่มี แต่ที่สนับสนุน (2) นั้นมีเยอะ จะเลือกเชื่อว่าเป็นเพราะ (1a) แล้ว (2) (1b) แล้ว (2) (1c) แล้ว (2) (1d) แล้ว (2) ก็แล้วแต่นานาจิตตังครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 30 ส.ค. 50 06:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 37 พระเจ้า ก็แค่สิ่งที่มนุษย์ยังไม่รู้จักเท่านั้น เหมือนเมื่อก่อน เกิดฟ้า ฝน แต่ละทีก็ว่าเพราะพระเจ้า นานวันเข้ามนุษย์รู้และเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น พระเจ้าก็เลยค่อยๆหายไปทีละนิดๆ จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return - [ 30 ส.ค. 50 07:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ลองใช้กฏเกณฑ์ที่ใช้นิยามคำว่า "สิ่งมีชีวิต" มาใช้กับเสปิร์ม หรือไข่สิครับ ว่าใช้ได้ไหม?  สองอย่างนี้ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตนะ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 30 ส.ค. 50 07:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 39 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5736218/X5736218.html นักวิทยาศาสตร์กำลังทดลองอยู่ครับ อ. Prac จากคุณ : Nexus - [ 30 ส.ค. 50 08:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มารอเทพเจ้ามังกร ปรากฏกาย จากคุณ : Geon37 - [ 30 ส.ค. 50 08:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่าวิทยาการบนโลกมันยังด้วยพัฒนามาก เมื่อเทียบกับ ดาวดวงอื่นที่เค้าพัฒนาไปไกลแล้ว ( ซึ่งผมเชื่อว่ามี ) รถราของเรายังต้องใช้ล้อกันอยู่เลย ขับเคลื่อนด้วยพลังน้ำมันหรือแก็สจากใต้พื้นโลก ทั้ง ๆ ที่พลังงานอันยิ่งใหญ่ ฉายแสงเจิดจ้ารอให้เราไปคว้ามาใช้งาน ( จริงอยู่ก็อาจจะมีแล้ว แต่มันยังไม่เป็นมาตรฐานทั่วไป ที่ชาวบ้านเค้าใช้กันได้ทุกคน ) ซักวันหนึ่ง เมื่อเรารู้อะไรมากขึ้น ผมคิดว่า พระเจ้าแท้ที่จริงแล้ว อาจจะเป็นเอเลี่ยนจากยานแม่ก็ได้ โลกเราก็เหมือน BioSphere ขนาดยักษ์ที่สร้างสรรค์โดยเอเลี่ยนเหล่านั้น จากนิยายเรื่อง Deception Point ของ Dan Brown ภายใต้สมมุติฐานของนักวิทยาศาสตร์ในเรื่อง เค้าเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตในโลกเราอาจจะเกิดจากสปอร์ของชีวิตที่มากับอุกกาบาต ( แก้ไขคำว่าอุกกาบาต ) แต่ก็อีกนั่นล่ะ   ยังไงซะมันก็เป็นแค่นิยาย ( ซึ่ง ใครจะไปรู้ มันอาจจะเป็นจริงได้ ) แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 08:39:09 จากคุณ : Pixzz - [ 30 ส.ค. 50 08:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 42 พระเจ้า หรือเจ้าโลกกันแน่ ที่สร้างอ่ะ จากคุณ : pattapon - [ 30 ส.ค. 50 09:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ได้สิครับ อย่างที่เขาบอก เวลานั้นนานมาก แล้วดวงดาวในเอกภพก็มีจำนวนมาก มนุษย์เรานั้นตัวเล็กและมีอายุน้อย อาจจะไม่เข้าใจความใหญ่โตแล้วก็ยาวนานของเอกภพ คนบางคนอาจจะเรียกอะไรก็ได้ที่เขาไม่เข้าใจว่าพระเจ้า แล้วคนอีกหลายคนอาจจะพยายามเทียบสิ่งที่ถูกเรียกว่าพระเจ้า กับสิ่งที่เขาคุ้นเคยดีคือคนในสังคมของเขาเอง แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 09:38:05 จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 30 ส.ค. 50 09:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สิ่งมีชีวิตสามารถเกิดขึ้นจากสสารหรือโมเลกุลได้จริงๆครับ โดยเมื่อโมเลกุลของสารจำพวกไฮโดรคาร์บอนฝังตัวอยู่ในน้ำ และเมื่อได้รับรังสีอุลตร้าไวโอเลต จะทำให้กลายเป็นโมเลกุลทางชีวภาพขึ้นมาครับ และสารพวกไฮโดรคาร์บอน เป็นสารพื้นฐานในการกำเนิดสิ่งมีชีวิต และมีอยู่ทั่วไปในเอกภพด้วยครับ เช่น แค่ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะเรา เท่าที่ผมรู้ว่ามีสารไฮโดรคาร์บอนอยู่ ก้อมีอยู่หลายดวงแล้วครับ มีศุกร์ โลก อังคาร เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 10:12:40 จากคุณ : Styer - [ 30 ส.ค. 50 10:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ^ ^ สิ่งที่คุณ Styer พูดถึงนั้น มันยังห่างไกลจากสิ่งมีชีวิตอยู่มากนะครับ เปรียบเสมือนกับการบอกว่าฉันสามารถสร้างเครื่องบินได้แล้ว โดยที่จริงๆแล้วมีแค่พวกเหล็กโลหะต่างๆ ที่จะใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างเท่านั้น และยังมีโลหะ(วัตถุดิบ) ไม่ครบทุกชนิดด้วยซ้ำไปครับ ตอบ #43 คุณมังกรใจเย็น ครับ ถ้าอย่างนั้น คอมพิวเตอร์เกิดขึ้นมาเองโดยไม่มีผู้สร้างได้ไหมครับ ถ้าใช้เหตุผลอย่างที่คุณบอก คือ "ให้เวลานานมากๆๆๆ  และดวงดาวในเอกภพก็มีจำนวนมาก" ตอบ #20 คุณครอบครัวมาเฟีย (Manual Tailer Machine) มารายงานตัวแล้วครับผม  ;) แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 10:31:40 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 10:28:34 จากคุณ : PureTruth - [ 30 ส.ค. 50 10:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตอบคุณ Styer, คุณ Calypsol_Red, คุณนายขนมหวาน, คุณ นายข่วย, คุณ Jerry Woody, คุณ PattyPukes สิ่งที่คุณพูด จะคล้ายๆกับบอกว่า ในโทรทัศน์เครื่องหนึ่ง มีตัวต้านทาน 100 โอห์มเป็นส่วนประกอบชิ้นหนึ่ง วันนี้เราพบว่าในโกดังแห่งหนึ่ง ฝุ่นที่จับตัวบนเส้นลวด ด้วยเวลานานเท่าไรไม่รู้ ปรากฏว่ามีค่า 100 โอห์มพอดี ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่า ถ้าปล่อยเวลาผ่านไปนานหน่อย จะสามารถเกิดเป็นโทรทัศน์ขึ้นมาได้ เพื่อนๆหลายๆท่านยังเข้าใจ การทดลองของมิลเลอร์ผิดอยู่ อ.Prac ได้กรุณาอธิบายแล้วใน คคห 35 ว่า ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ยังสร้างเซลล์ที่เจริญเติบโตได้ ขยายพันธุ์ได้ จาก สารเคมีไม่ได้ครับ การทดลองของ Miller นั้นพยายามหาเหตุผลว่า abiogenesis ในกรณีที่ไม่มี divine intervention น่าจะเกิดขึ้นได้เพราะ... โดยได้สารอินทรีย์ที่ เป็นองค์ประกอบของเซลล์ บางชนิด และใช้ keyword "เมื่อเวลาผ่านไปนานมากๆ" มาแทน เทียบเคียงได้ว่า "จำลองการเกิดตัวต้านทาน 100 โอห์มมาได้" แต่ถูกเข้าใจผิดไปว่า สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้แล้ว เพิ่มชื่อสมาชิก แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 11:05:02 จากคุณ : ksk - [ 30 ส.ค. 50 10:26:44 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งไร้ชีวิตแน่นอน ในกรณีที่เราเชื่อทฤษฎีบิ๊กแบงค์นะ เพราะเมื่อทุกอย่างเริ่มต้นที่จุดที่เกิดการระเบิด ในขณะนั้นน่าจะยังไม่มีชีวิต ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ปัญหาที่ควรจะคิดก็คือ สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ มาจากไหนมากกว่า เกิดขึ้นเอง ก็เป็นไปได้นะ แต่อายุของโลกมากพอที่เกิด DNA และโครงสร้างเซลล์ที่ซับซ้อนขนาดนี้ได้โดยความบังเอิญได้เชียวหรือ แล้วถ้ามาจากนอกโลกล่ะ พืช,สัตว์ สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ความหลากหลายทางชีวภาพบนโลกนี้ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นมาเพื่ออยู่ที่นี่, ในสภาวะของโลกนี้เท่านั้น ถ้าต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตมาจากที่อื่น จะมาได้อย่างไร อุกกาบาต หรือ เพื่อนรักต่างดาว สงสัยต้องรอคำตอบต่อไป จากคุณ : อืมม (AJ_da_NR) - [ 30 ส.ค. 50 12:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ตรรกะของคุณ ksk ก็ยังคงไม่ได้คำนึงถึงว่ามันมี Natural Selection ด้วย และก็ไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียวแต่มีนับเป็นพันๆล้านชิ้นกินระยะเวลานับพันล้านปีนะครับ ยกตัวอย่างโทรทัศน์นั้นมันไม่เข้าข่ายนี้อย่างแน่นอนเพราะว่าไม่มีอะไรมาก่อให้เกิด Natural Selection กับเจ้าตัวต้านทานตัวนี้ แลัวตัวของมันเองก็ไม่มี Mutation กับ Reproduction ด้วย จากคุณ : Nexus - [ 30 ส.ค. 50 14:11:31 ]

ความคิดเห็นที่ 49 #45 คุณตีความสิ่งที่ผมพิมพ์ผิดไปนะครับ ผมไม่ได้บอกว่า ผมสามารถสร้างเครื่องบินได้ครับ ผมบอกว่า ในเมื่อเราเจอเศษเหล็ก ก็หมายความว่า ก็มีโอกาสที่จะเจอเครื่องบินได้เช่นกัน ส่วนเรื่องสร้าง ไม่เกี่ยวอะไรเลยครับ อย่าพยายามโยงการสร้างเข้ากับการกำเนิดสิ่งมีชีวิตสิครับ แล้วเวลากว่า 4500 ล้านปี ที่โลกกำเนิดขึ้นมาเนี่ย มันยังไม่ยาวนานพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ วิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์อีกเหรอครับ(มีกี่วินาทีลองไปนั่งคำนวน) (แล้วลองดูอายุมนุษย์ แล้วลองหารดูว่าน้อยกว่าอายุของโลกกี่เท่า) ขนาดซากพีช,สัตว์ ที่ตายแล้วเหลือแต่กระดูกเนี่ย ใช้เวลานานๆ มันยังเกิดเป็นน้ำมันดิบได้เลยนะครับ แล้วทำไมสารเคมีแต่ล่ะโมเลกุลเหล่านั้น จะมาประกอบรวมตัวกันกลายเป็นกรดอะมิโนไม่ได้ แล้วเรื่องการวิวัฒนาการ ผมขอถามหน่อยนะครับ ทำไมรูปแบบของสิ่งมีชีวิตจึงมีความสัมพันธ์กับ DNA ของมันล่ะครับ แล้วที่เขาตัดต่อยีนส์พีชที่เรียกว่า GMOs ทำไมเขาสามารถกำหนดลักษณะของพีชที่ให้เป้นไปอย่างที่เขาต้องการ ออกมาได้ล่ะครับ งั้นก็แสดงว่า รูปแบบและคุณลักษณะทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตมาจาก DNA ใช่ไหมครับ DNA เปลี่ยน รูปแบบของสิ่งมีชีวิตก็ต้องเปลี่ยน นี่ไงครับ การวิวัฒนาการมาจากการเปลี่ยนแปลงของ DNA ไงครับ แล้วคุณยังจะมาคิดว่า มีผู้สร้างมนุษย์สดๆขึ้นมาอยู่เหรอครับ แบบเนรมิตขึ้นมาทันตาเห็นอย่างงั้นเลยเหรอครับ ถ้ามีผู้เนรมิตสิ่งมีชีวิตขึ้นมาจริง ทำไมต้องมี DNA อยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ใส่ DNA ให้หนักตัวทำไม ถ้ามีการเนรมิตขึ้นมาจริง ผู้เนรมิตเอง ก็ต้องใส่คำสั่งลงไปอีกว่า ไม่ให้ DNA เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์ได้สิครับ เพราะในเมื่อผู้เนรมิตจงใจอยากจะสร้างสิ่งมีชีวิตรูปแบบนั้นขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า พอใจกับการที่อยากจะให้มีสิ่งชีวิตนั้นอยู่ตลอดไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือวิวัฒนาการไปเป็นรูปแบบอื่นหรือเปลี่ยนไปจากเดิม ใช่มั้ยครับ แล้วเหตุใดในโลกนี้ ถึงได้มีสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายล่ะครับ และความหลากหลายนั้น ก็มีความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นด้วย ปล.ไม่ได้จะนอกเรื่องหรอกนะครับ แต่เห็นคุณ #45 นั้น เข้าขั้นหลงงมงายกับการเชื่อว่ามีผู้เนรมิตสิ่งมีชีวิตต่างๆบนโลก มากเกินไปครับ จากคุณ : Styer - [ 30 ส.ค. 50 14:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 รู้สึกว่าจะไม่ได้นะ สิ่งมีชีวิตสร้างขึ้นจากสิ่งไม่มีชีวิตได้ แต่ชีวิตน่ะมันทำไม่ได้ถ้าจะสร้างชีวิตขึ้นมาก็จะต้องใช้ส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตอื่นมาทำอีกทีอ่ะ แต่ชีวิตนี่ทำง่ายยยย... ไม่ต้องลงทุนอะไรมากแค่เส้นผมเส้นขนเส้นเดียวก็เอามาทำได้แล้ว สิ่งที่ยากก็คือทำให้ชีวิตนั้นมีอะไรนี่มันยากกว่าเยอะอ่ะ สร้างพลังสร้างปัญญาอะไรนี่มันทำยากกว่าเยอะอ่ะ จริงๆแล้วสิ่งมีชิวิตที่เกิดขึ้นเองแบบมั่วๆมันก็เป็นไปได้แต่จะเป็นมารทุกตัวอ่ะ เกิดมาอย่างสุมๆมั่วๆแล้วจะให้มันประเสริฐเลิศเลอนี่ฝันไปเถอะ สิ่งมีชีวิตที่เป็นฝ่ายดีจะต้องมีผู้สร้างพลังจักรวาลอันยิ่งใหญ่กำหนดไว้อย่างนั้น แล้วพลังจักรวาลอันยิ่งใหญ่ก็กำหนดไว้อีกว่าพลังของฝ่ายดีกับฝ่ายไม่ดีจะต้องคานกันอยู่โดยที่พลังของฝ่ายดีจะต้องเหนือกว่าอยู่เล็กน้อยแล้วมันจะเป็นยังไงเมื่อตัวอะไรทุกตัวที่มันเกิดขึ้นมาได้เองมันดันเป็นมารทุกตัวอ่ะ พลังของฝ่ายไม่ดีมันก็เลยมากล้นจักรวาลเลยอ่ะ ดังนั้นพลังจักรวาลเลยต้องสร้างฝ่ายดีขึ้นมาคานแต่ฝ่ายดีมันเกิดเองไม่ได้อีกมันจะต้องมีผู้สร้าง... พระเจ้าเลยเกิดเองได้ไง จากคุณ : Catwater (Catwater) - [ 30 ส.ค. 50 14:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ใจเย็นๆนะครับคุณ Styer นั่งลงคิดดีๆอีกทีนะครับ DNA ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการมีผู้เนรมิตสร้างอย่างไร ทำไมผู้เนรมิตสร้าง ถึงไม่มีสิทธิที่จะวางกลไกของสิ่งมีชีวิตด้วย DNA ล่ะครับ และทำไม ผู้สร้างจะต้องใส่คำสั่งไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง DNA ล่ะครับ สิ่งที่คุณ Styer กรุณาอธิบายมานั้นดีมากเลยครับ แต่ผมไม่เห็นว่าจะเป็นสิ่งที่ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการทรงสร้างเลยนะ ครับ ส่วนของคุณ Nexus เรื่องของ Natural Selection ก็สามารถอธิบายความในหลายๆปรากฏการณ์ได้นะครับ แต่คงไม่ใช่ Magic word ที่สามารถใช้กับทุกๆสถานการณ์นะครับ ในกรณีของสิ่งมีชีวิตที่แก่งแย่งกันในการดำรงชีพ คำๆนี้ก็คงใช้ได้ แต่ในกรณีของสารเคมีที่ไม่มีชีวิตนี่ ผมไม่แน่ใจว่าจะใช้คำๆนี้ได้นะครับ จากคุณ : ksk - [ 30 ส.ค. 50 14:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เอ่อ... คุณ Catwater ครับ ตกลงนั่นเป็นพลอตหนังไซไฟหรือเปล่าครับ จากคุณ : ksk - [ 30 ส.ค. 50 14:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ลองคิดง่ายๆครับ ถ้าการเกิดกรดอะมิโนโดยความน่าจะเป็นแล้วกรดชุดนั้นมี Survivability ดีกว่าชุดอื่นๆ ในสถานการณ์ ก็เป็นไปได้ที่เราจะพบกรดอะมิโนแบบนั้นมากกว่าแบบอื่นจริงไหมครับ นั่นคือ Natural Selection แบบหนึ่งเช่นกัน และนั่นก็ไม่ใช่เฉพาะสิ่งมีชีวิตเท่านั้น การทดลองของ Miller ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า Building block ของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ในสภาวะเริ่มแรกของโลก การที่จะรวมตัวกันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนขึ้นภายใต้ Natural Selection ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จากคุณ : Nexus - [ 30 ส.ค. 50 15:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ^ ^ ลองคิดง่ายๆครับ ถ้าการเกิดกรดอะมิโนโดยความน่าจะเป็นแล้วกรดชุดนั้นมี Survivability ดีกว่าชุดอื่นๆ ในสถานการณ์ ก็เป็นไปได้ที่เราจะพบกรดอะมิโนแบบนั้นมากกว่าแบบอื่นจริงไหมครับ นั่นคือ Natural Selection แบบหนึ่งเช่นกัน และนั่นก็ไม่ใช่เฉพาะสิ่งมีชีวิตเท่านั้น Ans. กรดอะมิโนแบบนั้น "ที่มากกว่าแบบอื่นๆ" อย่างที่คุณ Nexus ว่าเนี่ย  มันไม่ใช่แบบที่ใช้สำหรับสิ่งมีชีวิตนะครับ ดังนั้น Natural Selection ของสารเคมี มันเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับสิ่งมีชีวิตเลยนะครับ นักวิทยาศาสตร์หลายคนจึงเลี่ยงไปว่า สิ่งมีชีวิตมาจากนอกโลก โดยที่ก็บอกรายละเอียดอะไรไม่ได้มากมายเช่นเดียวกัน   การทดลองของ Miller ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า Building block ของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ในสภาวะเริ่มแรกของโลก การที่จะรวมตัวกันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนขึ้นภายใต้ Natural Selection ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ Ans. การทดลองของ Miller ได้กรดอะมิโนที่จำเป็นมาเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่ได้มาหมดทุกชนิดนะครับ แถมยังต้องรีบใช้คนแยกเก็บกรดอะมิโนออกมาอีกต่างหาก ถ้าทิ้งไว้อย่างนั้นโดยธรรมชาติ กรดอะมิโนที่เกิดขึ้นมันก็จะสลายไปอีก............. เปรียบเสมือนกับได้ความต้านทานมาไม่กี่ตัว แล้วบอกว่ากำลังจะสร้างโทรทัศน์ได้แล้ว อย่างที่อ. ksk ได้พูดเปรียบไว้นะครับ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 16:47:43 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 16:32:39 จากคุณ : PureTruth - [ 30 ส.ค. 50 16:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมอยากให้ลองเปรียบเทียบกับกรณีของ เพชรที่ผ่านการเจียรนัย กับเพชรในธรรมชาติ ถ้าถามว่า มีความเป็นไปได้แค่ไหน ที่ผ่านไป 2 พันล้านปี เพชรดิบเม็ดหนึ่ง จะบังเอิญ ถูกเสียดสีจนกระทั่งมีรูปทรงอย่างที่ปัจจุบันต้องผ่านการเจียรนัยเท่านั้นจึงจะทำได้ บางคนอาจจะตอบว่า มีโอกาส แม้จะเป็น 10 ยกกำลัง -100 ก็ตาม ซึ่งผมก็ว่าคำตอบไม่ผิดเสียทีเดียว มันมีโอกาส แต่น้อยมากๆๆๆๆ ถ้าจะพยายามอธิบายว่า โอกาสที่มีเพียงน้อยนิดนั้นจะเป็นจริงได้ ก็ต้อง "ควบคุมเงื่อนไข" ให้เกิดเหตุโน้น เหตุนี้ เพื่อให้เกิดขึ้นตามผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้ และนั่นก็คือสิ่งที่ มิลเลอร์ ได้ "ทำ" ในเรื่องการจำลองสภาพการเกิดของ "สารอินทรีย์ที่เป็นองค์ประกอบของเซลล์ บางชนิด ...." ยิ่งถ้าคิดถึงเนื้อหมูเนื้อไก่ที่อยู่บนเขียงในตลาด ผมว่า มีความสมบูรณ์ทางชีวภาพมากกว่า สารตั้งต้นที่ว่าตั้งเยอะ แต่ทำยังไงให้เนื้อพวกนั้น มีชีวิตได้ (โดยไม่เข้าไปควบคุมเงื่อนไข) จากคุณ : ksk - [ 30 ส.ค. 50 16:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 56 การถกเถียงเป็นเรื่องที่ดีครับได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่อย่างไรผมยังยืนยันว่า ผมออกแบบสิ่งมีชีวิตได้ ออกแบบให้มันมีวิวัฒนาการได้ แต่ก็ไม่ต้องมาเชื่อผมหรอกครับ สำหรับคนที่เชื่อในพระเจ้า.... จากคุณ : recombination - [ 30 ส.ค. 50 16:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ^ ^ ไม่ขัด(ใจ)ครับ จากคุณ : ksk - [ 30 ส.ค. 50 17:14:16 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แล้วสมมติมีผู้เนรมิตมนุษย์จริง แล้วมนุษย์ที่ถูกเนรมิตขึ้นมา ใช้ชีวิตผ่านสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่ได้อย่างไรครับ ในเมื่อร่างกายของมนุษย์ผู้นั้น ยังไม่รู้จักเชื้อโรคต่างๆเลย แค่สูดอากาศหรือเก็บของที่อยู่ตามพื้นกิน เชื้อโรคก็เข้าสู่ร่างกายได้แล้ว แล้วมนุษย์ที่เพิ่งถูกเนรมิต ผ่านการใช้ชีวิตช่วงนั้นมาได้อย่างไรล่ะครับ DNA ก็ยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่ถูกถ่ายทอดมาจากพ่อ แม่ แล้วนี่พ่อ แม่ ก็ไม่มี ยิ่งไม่มีนมจากแม่ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแล้ว จะรอดได้อย่างไรครับ จากคุณ : Styer - [ 30 ส.ค. 50 17:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตอบคุณ recombination #56 ครับ การถกเถียงเป็นเรื่องที่ดีครับได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน Ans.   เห็นด้วยครับ  ^^ แต่อย่างไรผมยังยืนยันว่า ผมออกแบบสิ่งมีชีวิตได้ ออกแบบให้มันมีวิวัฒนาการได้ แต่ก็ไม่ต้องมาเชื่อผมหรอกครับ สำหรับคนที่เชื่อในพระเจ้า.... Ans.  คนที่เชื่อในพระเจ้า ก็คิดแบบเดียวกับคุณนะครับ คือ คิดว่าคุณหรือนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆในที่สุดแล้วก็จะออกแบบสิ่งมีชีวิตได้ "คล้ายๆกับที่ผู้สร้างได้เคยออกแบบไว้ในตอนแรก"    คือ เป็นการออกแบบโดยใช้สติปัญญา (เช่น โดยนักวิทยาศาสตร์ โดยผู้สร้าง)  ไม่ใช่อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติครับ จากคุณ : PureTruth - [ 30 ส.ค. 50 17:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 60 "สิ่งมีชีวิตเมื่อตาย  ก็เป็นสิ่งไม่มีชีวิตนั่นเอง" อึมม  เจ๋งครับ  แต่จะว่าย้อนกลับให้สิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตได้หรือไม่นั้น  ยังไม่ขอฟันธง แต่ถ้าจะถามเชิงปรัชญาว่า  แขน มีชีวิตหรือไม่  คงคิดหนัก  งั้นหัวใจหละ มีชีวิตหรือไม่  ก็คงคิดหนัก    สุดท้าย  สมองมีชีวิตหรือไม่   ก็ยิ่งคิดหนักเข้าไปอีก - -! จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 30 ส.ค. 50 17:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เสปิร์ม เป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 30 ส.ค. 50 17:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าสิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต แล้วสิ่งที่ไม่มีชีวิตเกิดขึ้นมาจากไหน????   คำถามโลกแตกซะแล้ว จากคุณ : chaos_r - [ 30 ส.ค. 50 18:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มาคุยมั่ง... สมมุติว่าโอกาสที่สิ่งมีชีวิตจะเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตนั้น น้อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เช่น 10^-1000000... (ขี้เกียจเติม 0) แต่ตามหลักสถิติ เอกภพที่กว้างใหญ่นี่มีดวงดาวมากมายมหาศาล ในดาวแต่ละดวงก็มีโมเลกุลต่างๆ เยอะแบบไม่ต้องมานั่งนับกัน เอา 0 ต่อท้ายกี่ตัวก็ยังไม่พอ นับมิติเวลาเข้าไปอีกกี่หมื่นล้านปีที่เอกภพถือกำเนิดขึ้น จะแปลกหรือ ความน่าจะเป็นอันเล็กน้อยนั้น เกิดขึ้น ณ. จุดใดจุดหนึ่ง และช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งของจักรวาล? โอกาสที่ลูกเต๋าจะออกเลข 1 นั้นมี 1 ใน 6.. ถ้ามีลูกเต๋า 6 ลูก ก็อาจออก 1 ได้ซักลูกนึง โอกาสที่จะถูกเลขท้ายสองตัวเป็น 1 ใน 100.. ถ้าซื้อลอตเตอรี่เรื่อยๆ 100 งวด ก็อาจถูกได้ซัก 1 งวด โอกาสที่จะเกิดสิ่งมีชีวิตจากโมเลกุลสิ่งไม่มีชีวิต สมมุติว่าเป็น 1 ใน 10^n (โดยที่ n มีค่าเยอะมากๆ).. ถ้ามีโมเลกุลพวกนั้นซัก 10^n ในดวงดาวทุกดวงในเอกภพตลอดระยะเวลาหมื่นกว่าล้านปีที่มีเอกภพเกิดมา จะแปลกตรงไหน ถ้าจะมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาซัก 1 ตัว...?? จากคุณ : Angos - [ 30 ส.ค. 50 18:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ตราบใดที่ความน่าจะเป็นไม่ใช่ 0 สมมุติว่าเป็น 1/n แล้วมี Sampling มากพอเป็นจำนวน >= n อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าใช้หลักสถิติ ยกเว้นสถิติจะผิด... จากคุณ : Angos - [ 30 ส.ค. 50 18:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ^ ^ ถ้าใช้หลักสถิติเพียวๆ อย่างที่คุณ Angos ว่า    ดังนั้น ก็น่าจะมีคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นมาเอง(โดยไม่ได้ถูกใครสร้าง) ได้ซัก 1 ตัว   ??? แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทั้งนี้เพราะว่าเรื่องอย่างนี้มันจะใช้หลักสถิติเพียวๆ ไม่ได้ ต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 18:50:55 จากคุณ : PureTruth - [ 30 ส.ค. 50 18:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ^ ^ "แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น" คุณทราบได้อย่างไร? ว่าจุดอื่นนอกโลกของเรามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? สำหรับผม อาจมีคอมพิวเตอร์อาจจะเกิดเองได้ ณ จุดใดจุดหนึ่งของเอกภพอันกว้างใหญ่.. Sampling คือทั้งเอกภพนะครับ ไม่ใช่จุดใดจุดหนึ่ง เช่น บนโลก.. โลกเราเป้นเพียงแค่ผลธุลีเมื่อเทียบกับเอกภพ สิ่งที่ไม่รู้ในโลกนี้ยังมีอีกมากมายมหาศาล จะเทียบอะไรกับความไม่รู้เรื่องเอกภพ ตัวผมเองยังไม่อยากปฏิเสธสิ่งใดๆ ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าความน่าจะเป็น เป็น 0 ก็แค่นั้น ไม่ได้ฟังธง ว่าได้แน่ แต่ถามว่าปฏิเสธได้ไหมว่าความน่าจะเป็น มันเท่ากับ 0 แน่ๆ? ผมก็ไม่รู้ แค่บอกว่า ถ้าความน่าจะเป็น ไม่ใช่ 0 และ Sampling ใหญ่พอ โอกาสเกิด ก็น่าจะมี.. แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 18:56:42 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 18:53:55 จากคุณ : Angos - [ 30 ส.ค. 50 18:50:17 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ^ ^ เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นมาเองได้ด้วยหรือครับ   -_-"  ........ (ไปกันใหญ่ละ) อะไรที่ความน่าจะเป็น เป็น 0 ครับ ?   ^^ จากคุณ : PureTruth - [ 30 ส.ค. 50 19:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ผมบอกว่า ผมไม่รู้นะครับ.. ไม่ได้บอกว่า มันมีได้ หรือไม่ได้.. ถ้าความน่าจะเป้นที่จะเกิดคอมพิวเตอร์ มันไม่ใช่ 0 ก็แปลว่ามีโอกาสเกิด แต่ถ้าเป็น 0 ก็คือ ไม่มีทาง แล้วถ้าไม่ใช่ 0 และ Sampling ใหญ่พอ ตามหลักสถิติ ก็น่าจะเกิดได้ แค่นั้น ผมไม่ได้ฟันธงอะไรเลยนะ ++++++++ สิ่งที่ความน่าจะเป็นจะเป็น 0 ก็เช่น หยิบลูกบอลจากขวดโหลที่มีแต่ลูกบอลสีแดง แต่หยิบออกมาได้สีเขียว เป็นตัวอย่างของความน่าจะเป็นที่ = 0 ครับ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 19:03:38 จากคุณ : Angos - [ 30 ส.ค. 50 19:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 69 พูดกันให้ละเอียด เวลาเราพูดถึงความน่าจะเป็น ก็ต้องเอาทฤษฏีมาอ้างด้วย เช่น ตอนนิวตันคิดเรื่องแรงโน้มถ่วง เราจะบอกว่า ความน่าจะเป็นที่แสงจะเลี้ยวได้ เป็น 0 เพราะเรายังไม่รู้จักทฤษฏีสัมพัทธภาพ.. ผมเอาเรื่องนี้มาอ้างเหตุผลของผมแหละ ว่าถึงคุณจะบอกว่า โอกาสที่จะเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเองนั้นเป็น 0 เหมือนโอกาสที่จะเกิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเอง ก็อาจจะเป็น 0 แต่ก็แค่ตอนนี้ ในอนาคต เราก็ไม่รู้หรอก ว่าวิทยาศาสตร์ จะค้นพบอะไรออกมาบ้าง.. จากคุณ : Angos - [ 30 ส.ค. 50 19:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ^ ^ มีความรู้เยอะดีนะครับ  ^^ "ผมเอาเรื่องนี้มาอ้างเหตุผลของผมแหละ ว่าถึงคุณจะบอกว่า โอกาสที่จะเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเองนั้นเป็น 0 เหมือนโอกาสที่จะเกิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเอง ก็อาจจะเป็น 0 แต่ก็แค่ตอนนี้ ในอนาคต เราก็ไม่รู้หรอก ว่าวิทยาศาสตร์ จะค้นพบอะไรออกมาบ้าง.. " Ans. ถ้าอย่างนั้น ก็แปลว่า เมื่อดูจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ณ ตอนนี้ โอกาสที่จะเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเองเป็น 0  ดังนั้น เวลานานมากๆๆๆ และดวงดาวจำนวนมากๆๆๆ  ก็ไม่ได้ช่วยทำให้มีโอกาสเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเอง     ส่วนในอนาคต ถ้าจะบอกว่าวิทยาศาสตร์อาจจะค้นพบโน่นค้นพบนี่ ก็เป็นเรื่องของ"ความเชื่อ"ของคนๆ นั้น ซึ่งยังพิสูจน์ไม่ได้ ถูกไหมครับ จากคุณ : PureTruth - [ 30 ส.ค. 50 19:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ไม่ตรงซักเท่าไหร่.. สิ่งสำคัญที่ผมอยากย้ำคือ ไม่อยากให้ฟันธง ในสิ่งที่เรายังไม่รู้ คุณอาจจะมั่นใจ แต่ก็ยังไม่มีบทพิสูจน์หรือยืนยัน ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แค่บอกว่า เท่าที่รู้ในตอนนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็น่าจะเพียงพอในการออกความเห็นแล้ว แต่มีคนบางคนชอบบอกว่า เป็นไปไม่ได้แน่นอน ยืนยันนั่งยัน แล้วก็ดูถูกฝ่ายตรงข้าม ว่าเป็นพวกโง่ เชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง.. ผมว่าคนพวกนี้ค่อนข้างมีจิตใจคับแคบ และยึดมั่นในความเห็นของตนเองมากเกินไปหน่อย.. การที่ผมบอกว่า คอมพิวเตอร์อาจเกิดเองได้ ถ้าความน่าจะเป็นไม่ใช่ 0 และมี Sampling มากพอ ไม่ใช่ว่าผมเชื่อ ว่าคอมมันจะเกิดเองได้จริงๆ ความจริงก็คือ ผมไม่รู้ แต่ก็ไม่อยากให้ใครมานั่งฟันธงกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต ก็แค่นั้น... จากคุณ : Angos - [ 30 ส.ค. 50 20:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 72 .... ผมจะตั้งกระทู้แนวนี้ดีมั้ยครับ "จักรวาล เกิดขึ้นมาได้อย่างไร" เอากันให้เต็มที่เลย -*- คือ จะขอเสนออะไรง่ายๆนะ ว่าไอ้ที่เราเสนอกันไป-มามันก็ยังเป็นทฤษฎีใช่มั้ย มันก่อนพวกเราเกิดน้านนานเลยนะนั่น ถ้าผมไม่ได้เห็นด้วยตา ไม่ได้ทดลองในสภาวะ+เวลาที่เหมือนกันเด้ะ ผมก็คงไม่เชื่ออะไร100%หรอก ถ้าไม่มนุษย์ไม่ฆ่ากันตายก่อน คงมีสักวันน่า เมื่อได้สำรวจลึกเข้าไปในจิตตัวเองกระทั่งออกไปสู่ดาวต่างๆ "น่าจะ"เข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้น.. แต่..การเทียบสิ่งมีชีวิต,สิ่งที่สามารถมีปฏิกริยา กับสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ นี่ไม่เข้าสมองผมเลยอ่ะ มีตัวอย่างอื่นมั้ยครับ ^^' จากคุณ : 1^1x2^2x3^3x.. (ด้วยคนจิ) - [ 30 ส.ค. 50 22:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ผมว่าอย่าเอาเรื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์เข้ามาโยงเลยนะครับ เพราะอันนี้เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามนุษย์เป็นผู้สร้างซึ่งมีหลักฐานชัดเจน ตอนนี้เรากำลังพูดถึงสิ่งมีชีวิตซึ่งอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตในระยะเริ่มต้นเท่านั้น ไปนอนดีกว่า จากคุณ : normalfx - [ 30 ส.ค. 50 23:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ได้ยินแว่ว ๆ ว่าใครกำลังพูดถึงผมครับ จากคุณ : The CUBE (Manual Tailer Machine) - [ 31 ส.ค. 50 00:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 75 จาก#36 ผมรำคาญ พวกคลั่งศาสนา ตรงที่ต่อต้าน 2 ไปด้วย หน่ะครับ แบบไม่ลืมหูลืมตา ยอมไม่ได้ว่าเราเป็นญาติกับลิง จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 31 ส.ค. 50 02:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เอกภพ พระเจ้า สิ่งมีชีวิต น่าจะมีโมเดลของบิ๊กแบงก์เป็นของตัวเอง เพียงแต่ตอนี้เราเจอสิ่งมีชีวิต กับเจอเอกภพ แต่ไม่เคยเจอพระเจ้า แสดงว่าพอเกิดบิ๊กแบงก์ปุ๊บ พระเจ้าก็หายหัวไปเลย.... จากคุณ : root :-D - [ 31 ส.ค. 50 04:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าผมถามว่า คุณ root :-D เคยพบความรักไหมครับ ลองถ่ายรูปมาให้ดูหน่อยสิครับ ผมคงโดนคุณ root :-D ต่อว่าเอาแน่ ผมว่ามนุษย์เราสามารถพบกับความรักได้ แม้ไม่สามารถเห็นด้วยตา หรือสัมผัส(โดยตรง)กับความรัก แต่ผ่านการสัมผัสด้านอื่นๆ อันนี้น่าจะช่วยให้คุณ root :-D พอเข้าใจได้นะครับว่า "ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเห็นพระเจ้าด้วยตา ก็สามารถรู้จักพระองค์ได้" ส่วนคุณ Styer คคห 58 ผมไม่คิดว่า DNA จะช่วยอะไรเราได้เสมอไปนะครับ ลองดูกรณีเหล่านี้ครับ คุณทวดของเรา ท่านเคยเป็นหวัด คุณปู่คุณตาของเราท่านก็ยังเป็นหวัดอยู่ คุณพ่อคุณแม่ของเรา รวมทั้งตัวเราและลูกหลานของเรา ทุกวันนี้ก็ยังเป็นหวัดเช่นกัน อาม่าผมเป็นเบาหวาน แม่ผมเป็นเบาหวาน ผมมีแนวโน้มอาจเป็นเบาหวาน DNA ไม่เห็นช่วยอะไรได้ เม็ดเลือดขาว และระบบอื่นๆทำหน้าที่นี้อยู่ครับ แต่มีขีดจำกัดระดับหนึ่ง และนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องไม่มองข้ามไป คุณ อากง คคห 75 ครับ พวกสุดโต่ง มันมีอยู่ทั้งสองฝั่งแหละครับ แต่สาเหตุอาจเป็นเพราะ การรับรู้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน หรือการเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งผิด เช่น - ฝ่ายที่ต่อต้านพระเจ้าไม่ลืมหูลืมตา ก็มีหลายคนที่ยังบอกว่า "มนุษย์มาจากลิง" แต่นักวิชาการทางชีววิทยาก็ยืนยันว่า การศึกษาทางชีววิทยาไม่ได้บอกอย่างนั้น แค่มีทฤษฎีว่า "มนุษย์กับลิงอาจมีบรรพบุรุษร่วมกัน" เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูของฝ่ายที่เชื่อพระเจ้า ถ้าเป็นประโยคหลัง ก็คงไม่มีปัญหา แต่มักจะเป็นประโยคแรก ก็เลยได้ถกเถียงกัน - ฝ่ายที่ต่อต้านพระเจ้าไม่ลืมหูลืมตา ก็ยังมีหลายคน บอกว่า "นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า สิ่งมีชีวิตขึ้นได้เอง ได้ทำการทดลองสำเร็จแล้ว" แต่นักวิชาการทางชีววิทยาก็บอกว่า (คคห 35) ไม่ใช่ การทดลองนั้นเป็นแค่ ผลิตผลชิ้นเล็กๆส่วนหนึ่งในจำนวนอีกมาก และจากการทดลองนั้น สิ่งที่สร้างได้ ก็ยังไม่สามารถขยายผลต่อไปได้ และยังอยู่ในเงื่อนไขของการใช้ระยะเวลา นานมากๆ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูฝ่ายที่เชื่อพระเจ้า ถ้าเป็นประโยคหลังก็ไม่มีปัญหาครับ แต่มักจะเป็นประโยคแรก ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่ มีการถกเถียงกันแน่ จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 50 08:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คุณ Angos ครับ ผมดีใจกับคำตอบของคุณใน คคห 71 เพื่อนๆหลายๆคนยังชอบฟันธงว่าไม่มีพระเจ้า ทั้งๆที่ไม่เคยได้ศึกษาเกี่ยวพระเจ้าเลย ยิ่งกว่านั้น ยังอ้างความรู้ในทางวิทยาศาสตร์อย่างไม่ถูกต้องอีกด้วย ถ้าหากว่า โอกาสจะเกิดสิ่งมีชีวิต มีค่าความน่าจะเป็นขนาด 10 ยกกำลัง -100000 (จนขี้เกียจเติมศูนย์) ยังอาจจะเป็นจริงได้ ความน่าจะเป็นเรื่องของพระเจ้า เป็นแค่ 1 ใน 2 เท่านั้น (จริงกับไม่จริง) ก็ยิ่งไม่น่าปฏิเสธ ในขณะนี้สิ่งที่เราควรทำ หากว่าเราบอกในใจของเราว่า "เรารักวิทยาศาสตร์" คือการเปิดกว้างและรับรู้ข้อมูลต่างๆ อย่าให้เรื่องอื่นๆ (วัฒนธรรม ประเพณี ความเห็นส่วนตัว ความชอบ ไม่ชอบคนบางคน ฯลฯ)มามีผลกับกับฟันธงในเรื่องนี้เลยครับ จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 50 09:12:28 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ครับ ผมเป็นกลาง ผมไม่ได้ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่ผมก็ไม่ได้เชื่อ จริงๆ ก็คือผมไม่รู้ แต่ไม่ปฏิเสธ ด้วยความรู้เท่าที่มี ณ ตอนนี้ ผมเรียกพระเจ้าที่ผมเข้าใจ ว่า "ธรรมชาติ" แค่นี้เอง จากคุณ : Angos - [ 31 ส.ค. 50 09:29:07 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าพระเจ้ามีจริง จะมีคนชั่วมาทำไม้........ คุณสร้างวัด 1000 วัดทั้งชีวิต แต่ถ้าไม่ได้นับถือคริสต์ ตายไปก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ เหมือน โจรปล้นฆ่า แค่สำนึกผิด ก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้ว ......เรื่องศาสนาบางอย่างดูแล้วก็ไร้สาระ......แถไป แถมา หาเหตุผลของวิทยาศาสตร์มาอิงให้ดูน่าเชื่อถือ ทั้งๆ ที่มันก็แค่ "นิทานก่อนนอน" เท่านั้น แต่ก็ยังไมีคนเชื่อฝังหัว ว่า นิทาน เป็นเรื่องจริง......... มาเร้ว....ใครเชื่อว่ามีซานต้า บ้าง..........อุลตร้าแมนล่ะ........แฮร์รี่ พ๊อตเตอร์ ด้วย ใครเชื่อว่ามีจริงบ้าง...... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 31 ส.ค. 50 09:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คุณ ksk ครับขอยืมตังค์จากพระผู้สร้างของคุณสัก 100 ล้านสิครับเบื่อที่จะจนแล้ว ท่านสร้างไว้เยอะนะครับ คงเหนื่อยน่าดู แหมสร้างคุณมาคงทำกันหลายยกนะครับ กลับไปที่บ้านแล้วดูไห้ดีครับว่าใครสร้าง จากคุณ : otto - [ 31 ส.ค. 50 10:06:01 A:222.123.146.88 X: ]

ความคิดเห็นที่ 82 ผมเป็นคริสเตียนครับ เชื่อเรื่องพระเจ้า สำหรับคนอื่น ก็คือเรื่องของเขา ทุกคนมีสิทธิเชื่อในสิ่งที่แตกต่างกัน มนุษย์แตกต่างกันหมด เกิดมาแค่หน้าตาก็ต่างกันแล้วแม้มีตาหูจมูกเหมือนกัน ผมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนนึง ผิดพลาดได้ ถูกต้องได้ ผมไม่รู้ว่าความจริงแท้คืออะไร แต่ตอนนี้เชื่อพระเจ้าแล้วสบายใจ พ่อแม่ก็สบายใจ ใจชื้น รู้สึกปลอดภัย ในเมื่อผมทำแล้วชีวิตเป็นบวก ทำไมผมจะไม่ทำ แต่คนก็ไม่เหมือนกัน บางคนเชื่อพระเจ้าอาจอึดอัดก็ได้ ผมเชื่ออย่างนี้ อีกคนเชื่ออย่างนั้น แตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดามนุษย์ ความสุขเป็นสัญชาติญาณของความมีชีวิตครับ จากคุณ : รัก ยาริส - [ 31 ส.ค. 50 10:45:22 A:203.113.71.68 X: TicketID:126935 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ตอบคุณน้ำปลาเดือนห้า #80 ครับ ถ้าพระเจ้ามีจริง   จะมีคนชั่วมาทำไม้........ Ans. เพราะว่าพระเจ้าสร้างให้ทุกคนมีอิสระในการตัดสินใจครับ   (ส่วนถ้าจะเอาเหตุผลที่ลึกกว่านี้ ผมคิดว่าไม่มีใครรู้หรอกนะครับ เพราะมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้าครับ) >>คุณสร้างวัด 1000 วัดทั้งชีวิต แต่ถ้าไม่ได้นับถือคริสต์ ตายไปก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ เหมือน โจรปล้นฆ่า แค่สำนึกผิด ก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้ว Ans. ในด้านตรงกันข้าม เปรียบเสมือนกับโจรที่แม้จะรู้ว่า ถ้าเขาสำนึกผิดด้วยใจจริงล่ะก็ เขาก็จะได้ขึ้นสวรรค์  แต่ถึงแม้จะรู้อย่างนั้น เขาก็ทำไม่ได้ !!  แล้วก็พยายามใช้เหตุผลอื่นๆมาอ้าง เช่น ไม่เชื่อหรอกว่าจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้     ทั้งที่จริงๆแล้วก็คือ แค่นั้น(สำนึกผิดด้วยใจจริง) เขาก็ทำไม่ได้ต่างหาก ด้วยสาเหตุทางความเชื่อส่วนตัวของเขาเองครับ ......เรื่องศาสนาบางอย่างดูแล้วก็ไร้สาระ......แถไป แถมา หาเหตุผลของวิทยาศาสตร์มาอิงให้ดูน่าเชื่อถือ Ans. อืม... การโจมตีเลื่อนลอยแบบนี้ต่างหากล่ะครับที่ไร้สาระ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 11:12:54 จากคุณ : PureTruth - [ 31 ส.ค. 50 11:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คุณน้ำปลาครับ ขอบคุณที่ยังสนใจเรื่องพระเจ้าอยู่บ้าง ประเด็นที่คุณน้ำปลากล่าวถึงนั้น ผมไม่เห็นว่าจะเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้ไม่มีพระเจ้าเลยครับ คนชั่ว ก็ชั่วเพราะเลือกจะกระทำชั่ว คนดี ก็เพราะเลือกจะกระทำดี ไม่มีใครบังคับ ปัญหาก็คือ คุณยังเข้าใจ "ข่าวประเสริฐของพระเยซู" ผิดไปน่ะครับ คนที่ทำชั่วมากๆ ถ้าคนนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ คุณคงไม่สนใจอะไรมาก แต่ถ้าเป็นญาติใกล้ชิด สิ่งที่คุณ(น่าจะ)อยากให้เกิดขึ้นคือ เขากลับตัวกลับใจได้ แม้ว่าจะทำผิดมามากเพียงใด ถ้ากลับตัวกลับใจได้ ก็เป็นสิ่งที่ควรได้รับโอกาสครับ การแสดงออกว่ากลับใจอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาด้วยการบริจาคสร้างวัตถุเป็น 1000 แห่ง ไม่งั้นคนจน หรือคนทั่วไป คงไม่สามารถทำได้ สิ่งที่จำเป็นคือ ต้องหันกลับจากการประพฤติชั่ว แต่ปัญหาที่ซ้อนอยู่คือ action = reaction  (กฏแห่งกรรม) บาปที่ได้ทำไปแล้ว จะเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน การต่อสู้กับนิสัยฝังลึกที่มักจะชักจูงไปให้ทำบาปนั้น ไม่อาจทำได้ด้วยกำลังของมนุษย์ เป็นเหตุผลที่เรา "ต้องการพระเจ้า" ครับ อธิบายมากไปกว่านี้ ผมคงถูกไล่ไปห้องศาสนาแน่ คุณ otto ครับ ผมเล่าเรื่องตลกให้ฟังก็แล้วกัน ชายคนหนึ่งอธิษฐานกับพระเจ้าว่า พระองค์เจ้าข้า พระองค์ยิ่งใหญ่เหลือเกิน สำหรับพระองค์ พันปี ก็เป็นเหมือน ชั่วเวลาแป๊บนึง เงินเป็นหมื่นล้าน ก็เหมือนเศษธุลี ดังนั้น ข้าพระองค์จะขอพระองค์โปรดประทานให้ สัก 10 ล้านก็แล้วกันนะ อาเมน พระเจ้าทรงตอบว่า ได้สิลูกรัก รอ "แป๊บนึง" นะ จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 50 11:24:13 ]

ความคิดเห็นที่ 85 #77 ผมกำลังทำความเข้าใจว่าคนที่เขาเชื่่อแบบนั้นว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ เท่าที่คุณอธิบาย 'ผมว่ามนุษย์เราสามารถพบกับความรักได้ แม้ไม่สามารถเห็นด้วยตา หรือสัมผัส(โดยตรง)กับความรัก แต่ผ่านการสัมผัสด้านอื่นๆ' ถ้าคุณใช้ตรรกะอย่างนี้แสดงว่าพระเจ้าเป็นเรื่องของความรู้สึกอย่างเดียว !? เพราะว่าถ้าจะให้ไปถ่ายรูปมาก็ไม่น่าจะได้ แต่ในกรณีความรักเราอาจจะ ถ่ายรูปคนที่เรารักมาได้ การรับรู้ผ่านการสัมผัสด้านอื่นๆ อย่างเช่นลมเนี่ยเราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา ถ่ายรูปมาไม่ได้ แต่สัมผัสได้ พิสูจน์ได้ พระเจ้าน่าจะต่างจากลมตรงที่พิสูจน์ไม่ได้ (แต่อาจจะสัมผัสได้ถ้าที่คุณ ksc พูดเป็นความจริง) ผมกะลังสงสัยว่านอกจากสัมผัสได้ด้วยกาย (เช่นมองเห็น ถ่ายรูปได้ จับต้องได้) กับสัมผัสด้วยใจเช่นความรัก (อันนี้มีหลายอย่างที่เรารักสามารถมองเห็นได้พิสูจน์ได้ และก็มีอีกหลายอย่างที่เรารักสิ่งที่อยู่ในจินตนาการ เช่น ผู้หญิงที่ไม่มีอยู่จริงแต่เราสร้างขึ้นมาเอง หรือพระเจ้าที่ไม่มีอยู่จริงแต่เราสร้างขึ้นมาเอง !?) ไม่แน่ใจว่าในแง่ของคนที่สัมผัสพระเจ้าได้เนี่ยเขายังมีวิธีอื่นที่นอกเหนือจากนี้อีกหรือเปล่า ? แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 11:37:27 จากคุณ : root :-D - [ 31 ส.ค. 50 11:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 86 คห..ของอาจารย์ ksk ตรงกับผมเด๊ะเลยครับ เพียงแต่ผมคงไม่สามารถลงสำนวนอธิบายแบบอาจารย์ได้ .....     ผมยังเชื่อเสมอว่าทฤษฎี"บังเอิญ"ของวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการกำเนิดส่งมีชีวิตนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ครับ  และทฤษฎีวิวัฒนาการของมนุษย์เป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้จริงๆ จากคุณ : Dare More - [ 31 ส.ค. 50 11:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ผมกะลังสงสัยว่านอกจากสัมผัสได้ด้วยกาย (เช่นมองเห็น ถ่ายรูปได้ จับต้องได้) กับสัมผัสด้วยใจเช่นความรัก (อันนี้มีหลายอย่างที่เรารักสามารถมองเห็นได้พิสูจน์ได้ และก็มีอีกหลายอย่างที่เรารักสิ่งที่อยู่ในจินตนาการ เช่น ผู้หญิงที่ไม่มีอยู่จริงแต่เราสร้างขึ้นมาเอง หรือพระเจ้าที่ไม่มีอยู่จริงแต่เราสร้างขึ้นมาเอง !?) เกือบจะใช่แล้วครับ คุณ root :-D ผู้คนในหลายยุคหลายสมัยก็สร้างพระเจ้าขึ้นเองในจินตนาการจริงๆครับ แต่พระเจ้าที่มีอยู่จริง ไม่ใช่พระเจ้าที่สร้างขึ้นเองสิครับ จะพิสูจน์อย่างไร ล่ะ ก็พระเจ้าท้าให้เราพิสูจน์พระองค์ หลายๆประการด้วยกัน ซึ่งผมไม่สามารถนำเสนอที่นี่ได้ เกรงว่าเพื่อนๆจะเอ็ดเอา เพราะออกนอกประเด็น จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 50 11:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ตอนนี้เท่าที่อ่านๆดูเนี่ย จขกท ถามว่าสิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตได้หรือไม่ ฝ่ายที่สัมผัสพระเจ้าได้บอกว่าสิ่งมีชีวิตน่าจะเกิดมาจากการออกแบบจากพระเจ้า อีกฝ่ายที่ไม่เชื่อก็พยายามหาเหตุผลมาพิสูจน์ว่าพระเจ้าไม่มีจริง แล้วจะสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้ยังงัย? ฝ่ายที่สัมผัสพระเจ้าเลยใช้จุดอ่อนของวิทยาศาสตร์ที่ยังไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้โดยสมบูรย์ โดยพยายามเอาเรื่องพระเจ้ามาเผยแพร่ เพราะถ้าโดนตอกกลับว่าพระเจ้าพิสูจน์ไม่ได้ ทางพระเจ้าก็บอกว่า แล้วใหนลองพิสูจน์ของคุณมาซิ ...อะไรประมาณนี้. สุดท้ายเท่าที่เห็นก็คือฝ่ายพระเจ้าได้ใช้ช่องทางด้านภาษามาให้เป็นประโยชน์ คล้ายๆการโต้กัน ไปมาระหว่างทนายความจำเลย กับทนายโจทย์ โดยวัตถุประสงค์หลักคือพยายามผลักดันพระเจ้า ให้มีค่ามากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นโดยจินตนาการแบบเข้มข้น โดยการดึงภาพของวิทยาศาสตร์ให้เบลอๆลง (ด้วยสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้สมบูรย์ทั้งหลายแหล่ เช่นเรื่องเอกภพ) เพราะถ้าความเบลอๆแบบวิทยาศาสตร์ ผู้คนยังเชื่อกันได้ ก็แล้วทำไมจะเชื่อในสิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเองอย่างเช่นพระเจ้าไม่ได้ !? ประมาณนี้... แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 12:02:22 จากคุณ : root :-D - [ 31 ส.ค. 50 11:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 89 แล้วคุณ ksk เชื่อจริงๆหรือครับว่ามนุษย์คู่แรกคือ อดัมกับอีฟ ถามจริงๆครับคิดไห้ดีก่อนตอบนะครับ เชื่อหรือว่าถ้าเป็นโรคร้ายแล้วจะหายหากศรัทธาพระเจ้า ผมไม่เถียงครับว่าหากทำอะไรหรือเชื่ออะไรแล้วทำไห้มีความสุขนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ผมเคยเจอเคยพบกับสาวกทั้งหลายที่ชักชวนโดยแอบอ้างแต่ปาติหารย์นั้นมันสุดทนครับ ยังไงก็ช่วยตอบหน่อยนะครับ ว่าเชื่อหรือเปล่า จากคุณ : otto - [ 31 ส.ค. 50 12:01:10 A:58.147.112.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 90 โอกาสซื้อหวยรางวัลที่หนึ่งอาจจะน้อย แต่ถ้าซื้อเยอะๆ ซื้อเป็น ล้านล้านล้านล้านใบดูสิครับ ความบังเอิญตรงนั้นมันไม่ได้เกิดแค่จุดๆเดียว ถ้าทั่วโลกแล้วมันกี่จุด ? จากคุณ : false - [ 31 ส.ค. 50 12:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จริงๆแล้วเท่าที่ผมคิดเอาเองง่ายๆเนี่ย วิทยาศาสตร์มันมีข้อดีตรงที่มันทำให้คนโดยรวมได้เข้าใจปรากฎการณ์ต่างๆที่ผ่านการพิสูจน์ได้ มาแล้วรุ่นต่อรุ่น ทำให้เกิดการต่อยอดองค์ความรู้ออกไป นับว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้คนโดยรวม พระเจ้าอาจจะมีผลในแง่ของจิตใจ หรือความสุข ในปัจเจกชนแต่ละคน (เพราะมันเกิดจากข้างใน) (ซึ่งสิ่งที่ทำได้แบบนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นพระเจ้าอย่างเดียว เด็กๆที่ได้ของเล่นก็มีความสุขได้!) เพียงแต่องค์ความรู้ในเรื่องพระเจ้า (ซึ่งสัมผัสได้ พิสูจน์ไม่ได้) มันจะมีประโยชน์แค่คนๆเดียวที่ ได้มีโอกาสได้สัมผัส (เอ๊ะ..หรือว่ามันยังสามารถถ่ายทอดออกไปผ่านสัมผัสต่อๆกันไปได้อีก!?) ฉะนั้นถ้ามองในแง่วิทยาศาสตร์ก็คือว่าข้อพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าจะเป็นจริงก็แค่ปัจเจกชนเป็นคนๆไป ซึ่งต่างจากวิทยาศาสตร์ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าความเร่งที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงคือค่า A มันก็จะเป็นค่า A เสมอสำหรับคนทุกคนที่รับรู้มัน..... จากคุณ : root :-D - [ 31 ส.ค. 50 12:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 92 นั่งอ่านก็เพลินดีครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 31 ส.ค. 50 12:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ตอบคุณ root :-D  #88 ครับ เพราะถ้าความเบลอๆแบบวิทยาศาสตร์ ผู้คนยังเชื่อกันได้ ก็แล้วทำไมจะเชื่อในสิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเองอย่างเช่นพระเจ้าไม่ได้ !? Ans.  ความเบลอๆแบบวิทยาศาสตร์ => ในอนาคตอาจพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า 'ไม่เป็นความจริง'   ก็เป็นไปได้นะครับ การบอกว่า พระเจ้า = สิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเอง   นั้นถูกต้องเฉพาะในบางกรณีที่มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาเอง   การฟันธงว่าพระเจ้าในทุกกรณีเป็นสิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเองนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะถูกต้องนะครับ เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะกลายเป็นการฟันธงไปหมดว่า  ทุกๆสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ (เช่น วิญญาณ พระเจ้า) เป็นสิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเอง จากคุณ : PureTruth - [ 31 ส.ค. 50 12:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 94 #93 ผมเข้าใจวัตถุประสงค์ของคนที่เชื่อในพระเจ้านะ เราสนับสนุนอะไรเราก็อยากให้สิ่งนั้นมีค่ามากขึ้น แต่เราควรจะสร้างค่ามันขึ้นมาด้วยวิธีที่เป็นที่ยอมรับ เหมือนกับที่เครื่องบินเกิดจากการต่อยอดองค์ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (ความเป็นจริงที่วัตถุสามารถลอยตัวได้ถ้าทำตามเงื่อนไขๆหนึ่งหรือหลายๆ เงื่อนไข ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้ว สามารถทำซ้ำได้ผลเหมือนเดิม 9ล9) ความเป็นจริงของเครื่องบินสามารถพิสูจน์ได้ด้วยการบรรทุกคน (ที่ทั้งเชื่อ หรือไม่เชื่อในพระเจ้า) ให้ บินไปในอากาศได้ ...อันนี้คือสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ให้เห็น แต่การพิสูจน์เรื่องพระเจ้าเนี่ยตั้งข้อสมมติฐานกันมาไม่ต่ำกว่า 200 ปี ยังไม่เคยมีอะไรวอบๆแวมๆ มาให้ตื่นตาตื่นใจ มีแต่ทิสดีเดิมๆ ตรงๆ ไร้ราก หาน้ำหนักไม่ได้ สุดท้ายทิสดีนี้ผมว่ามีแต่จะจางลงๆ จากคุณ : root :-D - [ 31 ส.ค. 50 13:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ถ้าพระเจ้าเป้นเรื่องของความรู้สึกจริง ก็มีความเป็นไปได้ว่า ผู้ที่ใช้ความรู้สึกนั้น กำลังถูกความรู้สึกที่สมองตัวเองสร้างขึ้นครอบงำ แล้วนำความรู้สึกที่กำลังครอบงำนั้น ไปปนกับความจริงครับ ผมคิดว่าก็คงเหมือนกับใช้สารเคมีที่ไปกด,หลอนประสาทนั่นแหล่ะครับ แล้วผู้ที่เสพ ก็นำความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไปคิดว่ามันเป้นจริง มันได้เกิดขึ้นจริง แบบนี้ต้องลองตัดสมองซีกขวาออกไปสินะครับ แล้วดูว่ายังจะมีความรู้สึกนั้นอยู่อีกรึเปล่า แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 13:20:27 จากคุณ : Styer - [ 31 ส.ค. 50 13:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ตอบ #94 ครับ แต่การพิสูจน์เรื่องพระเจ้าเนี่ยตั้งข้อสมมติฐานกันมาไม่ต่ำกว่า 200 ปี ยังไม่เคยมีอะไรวอบๆแวมๆ มาให้ตื่นตาตื่นใจ มีแต่ทิสดีเดิมๆ ตรงๆ ไร้ราก หาน้ำหนักไม่ได้ สุดท้ายทิสดีนี้ผมว่ามีแต่จะจางลงๆ Ans. คุณอาจจะยังไม่เจอคำตอบที่ถูกใจคุณ  แต่ไม่เป็นไรครับ ซักวันคุณก็น่าจะเจอ          ส่วนที่บอกว่า'ทฤษฏีนี้มีแต่จะจางลงๆ'   อันนี้ไม่จริงเลย ตรงกันข้ามซะด้วยซ้ำครับ  ทฤษฏีนี้มีแต่จะเข้มข้นขึ้นในทุกๆด้าน ทั้งทางด้านศาสนศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (Intelligent Design)  มีอะไรให้ลองศึกษาอีกเยอะครับ  ^^ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 13:47:40 จากคุณ : PureTruth - [ 31 ส.ค. 50 13:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 97 อยากรู้ต้องลองเองครับ คุณ Styer ตอบคุณ otto ผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ในเรื่องการหายโรคโดยการรักษาของพระเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมจะไม่เชื่อวิชาการแพทย์ หรือผมจะบอกว่าคนที่เชื่อพระเจ้าจะไม่เป็นโรคตาย พระเจ้าได้อนุญาตให้เกิดโรคภัยขึ้น ตามเหตุผลที่ควรเป็น และพระเจ้า มีเหตุผลของพระองค์ที่จะช่วยในบางกรณี แต่ไม่ช่วยบางกรณี ผมบังคับพระองค์ไม่ได้หรอกครับ ถ้าเป็นผม ผมก็อยากช่วยทั้งหมดแหละ แต่ผมอาจตาสั้นเกินไปที่มองไม่เห็นว่า การทำอย่างนั้นอาจส่งผลร้ายมากขึ้นในสังคมได้ บางครั้งผู้ต่อต้านเรื่องพระเจ้า ก็พยายามตั้งเงื่อนไข เหมือนกับเวบหนึ่งที่ตั้งคำถามว่า "ทำไมพระเจ้าไม่รักษาคนด้วน" "ทำไมพระเจ้าให้เด็กๆเล็กๆอดอาหารตายอย่างทุกข์ทรมานน่าสงสาร" คำถามนั้นควรย้อนกลับไปว่า แล้วมนุษย์ที่ร่างกายสมบูรณ์ อยู่ดีกินดี ทำอะไรกันอยู่ พระเจ้ามอบหมายโอกาสให้ได้แสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ และหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนรุนแรง เอารัดเอาเปรียบ ทำลายธรรมชาติ โลกที่มีมาแต่เดิมนั้น พระเจ้าทรงสรางไว้ อุดมสมบูรณ์ แต่มนุษย์ได้กระทำให้มันสูญเสียไป ทุกข์ภัยได้เกิดขึ้นให้เห็นแล้ว ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง กลับตัวกลับใจ ทุกข์ภัยอย่างนั้นจะมาถึงลูกหลานของคุณในเร็วๆนี้ คุณ root :-D เหมือนจะเข้าใจถูกนะครับ แต่ไหงสรุปผิดทางไปซะงั้น เราไม่ได้มาเล่นลิ้น เล่นโวหารกันนะครับ ผมไม่คิดว่าเป็นการแพ้-ชนะอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นด้วย เพราะไม่งั้นด้วยความกลัวแพ้ ก็จะเฉไฉไปเรื่องอื่นๆ แต่ถ้าพูดคุย และรับฟังซึ่งกันและกัน โดยไม่นึกถึงการแพ้ชนะ ก็น่าจะเก็บไปเป็นประโยชน์ได้ ที่พูดมาตั้งเยอะแค่อยากเล่าให้ฟัง ในสิ่งที่เพื่อนๆอาจไม่เคยฟัง เสนอแนวคิด ในแนวที่เพื่อนๆอาจไม่เคยคิด เปรียบให้ฟัง ด้วยข้อมูลที่เพื่อนๆอาจเคยหยิบยกไปใช้อย่างผิดๆ จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 50 13:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ตอบคุณ otto อีกเรื่อง ผมเชื่ออยางบริสุทธิ์ ในทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ หมายความว่า ผมเชื่อในการสร้างของพระเจ้า และมนุษย์คู่แรกที่เรียกว่า อาดัมกับเอวา (หรืออีฟ) ส่วนประเด็นที่จะบอกว่าลูกหลาน แต่งงานกันเอง ไม่ปัญญาอ่อนกันหมดหรือ ผมคิดว่าได้อธิบายไปหลายครั้งแล้วครับ จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 50 13:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ความรักทำให้คนลุกขึ้นมาทำงานหาเงินเพื่อซื้อข้าวให้ลูก ส่งลูกเรียน ความรักทำให้คนเราสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่...ศิลปิน แต่งบทเพลง บทกวี ภาพวาด เพื่อสื่ออารมณ์รัก....ทำให้คนบางคนพยายามจะดีขึ้นไปกว่าเดิม... ความรักทำให้เกิดความห่วงใย ทำให้มนุษย์หันมาดูแลกันและกัน ชั่วชีวิตถ้าต้องอยู่ไปวันๆ มีเงินทองความสะดวกสบายมากมาย แต่ไม่มีความรัก ...มันจะเป็นยังไง ความรักไม่ใช่สิ่งที่พิสูจน์ได้หรือต้องพิสูจน์...ไม่มีใครปฎิเสธความรัก... อะไรกันเนี่ย จู่ๆก็อยากพูดเรื่องความรัก ไม่ได้เกี่ยวกะกระทู้เล้ย...โฮ่.. จากคุณ : khorbfaa - [ 31 ส.ค. 50 14:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ถ้าพูดถึงเรื่องการกำเนิดสิ่งมีชีวิตเข้ามาโยงกับการเกิดของคอมพิวเตอร์เนี่ย ผมก็เชื่อว่า ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน ก็คงจะเกิดคอมพิวเตอร์แบบที่เราใช้ๆกันอยู่ไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าจะบอกว่าธรรมชาติสร้าง P/N junction แบบง่ายๆโดยบังเอิญ ทำให้เกิดสิ่งที่คุณสมบัติเหมือนทรานซิสเตอร์ อันนี้น่าจะพอเชื่อกันได้ใช่มั้ยล่ะครับ ดังนั้น ด้วยความเชื่อส่วนบุคคล ทำให้ผมเชื่อว่า ธรรมชาติบังเอิญทำให้เกิดทรานซิสเตอร์(สิ่งมีชีวิตเริ่มแรก)ผ่านกระบวนการพัฒนา(วิวัฒนาการ)ทำให้เกิดคอมพิวเตอร์(สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน) ขอแค่ว่า สิ่งมีชีวิตเริ่มแรกนั่น สามารถพัฒนาตัวเองผ่านวิวัฒนาการได้ก็พอแล้วล่ะครับ ที่เหลือก็จะเป็นกลไกของธรรมชาติที่จะทำให้มันมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเอง จากคุณ : เถ้าลอย - [ 31 ส.ค. 50 14:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 31 ส.ค. 50 14:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ผมเคารพในความเชื่อของคุณครับ คุณkskเหมือนที่คุณพูดก็ถูกครับ บางครั้งต้องสัมผัสด้วยตัวเอง มันอธิบายกันสัก10วันก็ไม่จบ ขอบคุณครับที่ช่วยตอบคำถามของผม เท่าที่ดูแล้วจากคำอธิบายของคุณ คุณเป็นคนใจเย็นมากครับ แล้วก็ต้องขอโทษนะครับในสิ่งที่พูดไม่ดีไปตั้งแต่แรก ก็อย่างว่านะครับประเด็นทางศาสนามันหาข้อยุติได้ยาก เปลี่ยนเรื่องจะดีที่สุด เอาเป็นว่าผมเชื่อว่าส่วนใหญ่แล้วในห้องหว้ากอนี้มีพื้นฐานความรู้ค่อนข้างสูงครับ ผมมัวแต่นั่งอ่านอยู่2ปีกว่าเห็นจะได้เพิ่งจะแสดงความคิดเห็นก็วันนี้ ผมว่าควรจะเปลี่ยนเรื่องจากที่วกไปหาเรื่องของแรงศรัทธาแล้วมาตอบกันตามกระทุ้จะดีกว่า ยังไงก็ขอเป็นสมาชิกหน้าไหม่ด้วยคนนะครับทุกท่าน จากคุณ : otto - [ 31 ส.ค. 50 14:37:09 A:58.147.112.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 103 ยินดีครับคุณ otto จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 50 14:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 104 สุดท้ายแล้วก็มีแต่พวกเดิมๆเถียงกัน ... แล้วพระเจ้าสร้างคนชั่วมาทำไมก็ตอบก่อนละกันว่าพระเจ้าเกิดขึ้นมาจากพลังจักรวาลสองอย่างคือฝ่ายดีจะต้องมีผู้สร้างกับจักรวาลนี้จะต้องมีฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดีคานอำนาจกันอยู่ถูกไหม... ดังนั้นพลังของพระเจ้าจึงจะอยู่ในช่วงที่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตที่เป็นฝ่ายดีได้ และอยู่ใต้กฏที่ว่าจะต้องมีฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดีคานอำนาจกันอยู่อ่ะ พลังที่สร้างพระเจ้าขึ้นมามันคือพลังที่ทำให้จักรวาลนี้สมดุล แล้วพลังที่ทำให้จักรวาลนี้สมดุลมันจะสร้างให้พระเจ้ามีพลังพอที่จะทำให้จักรวาลไม่สมดุลได้เหรอ มันก็ไม่ได้ ทำให้พระเจ้าสร้างเฉพาะฝ่ายดีไม่ได้ยังไงก็ต้องสร้างฝ่ายไม่ดีด้วยแล้วก็จะต้องพยายามหาทางควบคุมฝ่ายไม่ดีให้มันไม่ทำไม่ดีแทนอ่ะ จากคุณ : Catwater (Catwater) - [ 31 ส.ค. 50 15:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ตอบ #100 คุณเถ้าลอยครับ ขอแค่ว่า สิ่งมีชีวิตเริ่มแรกนั่น สามารถพัฒนาตัวเองผ่านวิวัฒนาการได้ก็พอแล้วล่ะครับ ที่เหลือก็จะเป็นกลไกของธรรมชาติที่จะทำให้มันมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเอง Ans. เข้าใจครับว่านี่เป็นคอนเซ็ปต์ที่หลายๆคนใช้กันอยู่   แต่ตรงที่"ขอแค่ว่า" เนี่ย คุณลองศึกษาดูนะครับ แล้วจะพบความจริงว่า "สิ่งมีชีวิตเริ่มแรก" ที่คุณ'ขอแค่ว่า' เนี่ยมันเป็นอะไรที่ซับซ้อนสุดยอดที่สุดในโลกแล้วล่ะครับ เรียกได้ว่า ใครที่รู้รายละเอียดทั้งหมดก็จะเข้าใจเลยว่ามันเกิดขึ้นมาเองไม่ได้ ผมให้กระดาษ A4 คุณ จำนวน 1000 หน้า รับรองได้ว่าไม่สามารถเขียนรายละเอียดของ"สิ่งมีชีวิตเริ่มแรก" ได้หมดครับ จากคุณ : PureTruth - [ 31 ส.ค. 50 16:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 106 คุณ Catwater นี่อนาคตไปสร้างหนัง คงจะรุ่งเรืองน่าดูเลยนะครับ จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 50 16:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ส่วนในเรื่องของความเป็นไปได้ที่ความบังเอิญทำให้เกิดคอมพิวเตอร์หนึ่งตัวผมว่ามันคือสิ่งที่เป็นอยู่ (เป็นไปได้ เป็นไปแล้ว และก็กำลังเป็นอยู่) แพทเทิร์นทุกอย่างในโลกนี้ถ้าเราค้นพบวิธีแปลงค่าของมันออกมาให้แสดงผลได้เหมือนกับที่เราสามารถบังคับอิเลคตรอนด้วยอุปกรณ์ เซมิคอนดักเตอร์ เราก็จะเห็นว่ามันสามารถเป็นคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งได้ ยกตัวอย่างถ้าเราค้นพบวิธีแปลงคลื่นความคิดของคนมาเป็นอิเลคตรอนเราก็สามารถเอาความคิดเหล่านั้นมาแสดงผลที่หน้าจอได้ ทีนี้ถ้าเราจะให้คอมพิวเตอร์ที่เกิดจากคลื่นสมองคนทำการคำนวนเราก็อาจจะใช้คนล้านคนมาบังคับคลื่นสมองอาจจะเลียนแบบคอมพิวเตอร์ อิเลคตรอนด้วยการทำเป็น 0 หรือ 1 ก็ได้ หรือ เอ็นโค้ดแบบแพทเทิร์นของ ดีเอ็นเอ ก็ได้ ทีนี้มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตก็เป็นไปได้ที่จะเป็นแพทเทิร์นองค์รวมที่ก่อให้เกิดเป็นร่างกายและชีวิต ที่เกิดจากความบังเอิญที่ถูกแปลงค่ามาให้แล้ว !? ผมสมมติต่ออีก สมมตินาย A สามารถมองเห็นคลื่นสมองของมนุษย์ทุกคนบนโลก และเขาค้นพบต่อไปอีกว่ามีแพทเทินร์นอันหนึ่ง ในคลื่นสมองทั้งหมดสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ เขาก็เลยสร้างเครื่องจับพลังงานมาดักจับเมื่อเกิดแพทเทิร์นอันนั้นขึ้นมา แล้วนำพลังงานไปใช้งานโดยที่สำหรับคนอื่นจะมองพลังงานอันนี้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกเปลี่ยนรูปแบบจากคลื่นสมองมา แต่สำหรับนาย A จะมองพลังงานอันนี้เหมือนกับสิ่งที่ธรรมชาติได้แปลความหมายให้เขาได้รับรู้อยู่แล้ว (ความบังเอิญที่ถูกแปลงค่ามาให้สำหรับนาย A) ทีนี้แพทเทิร์นของมนุษย์ที่เกิดขึ้นมามันบังเอิญว่าถูกแปลงค่ามาให้แล้วเพราะฉะนั้นในกรณีนี ทุกคนคือนาย A แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 17:17:41 จากคุณ : root :-D - [ 31 ส.ค. 50 17:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ^ ^ สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรกครับเนี่ย....  - -" จากคุณ : PureTruth - [ 31 ส.ค. 50 17:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 109 #105 รบกวนคุณ PureTruth ที่ศึกษามาอย่างลึกซึ้งแล้วช่วยแสดงให้ดูหน่อยครับ ว่ามันซับซ้อนขนาดไหน จากคุณ : เถ้าลอย - [ 31 ส.ค. 50 18:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อันนี้น่าจะพอทำให้เข้าใจภาพได้ชัดเจนมากขึ้นครับ http://www.idthink.net/biot/dif/index.html แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 19:18:49 จากคุณ : PureTruth - [ 31 ส.ค. 50 19:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 111 สมมุติต่อไปอีกว่า A มองเห็นอีกแพทเทิร์นหนึ่งของธรรมชาติคลื่นสมอง สมมุติเป็นแพทเทิร์น X แล้ว A ตีความหมายว่ามันเป็นพระเจ้าก็เป็นไปได้เช่นกัน ส่วนคนอื่นๆจะเข้าใจแพทเทิร์นนั้นได้ก็ต้อง ผ่าน A ถ้าเป็นไปตามกรณีนี้จะเห็นว่า พระเจ้าก็คือแพทเทิร์นอันหนึ่งซึ่งเป็นสับเซ็ตของธรรมชาติ และถูกตีความ โดย A !? จากคุณ : root :-D - [ 31 ส.ค. 50 19:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ^ ^ ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะ   ลองยกตัวอย่างออกมาเป็นเหตุการณ์จริงดูหน่อยสิครับ จากคุณ : PureTruth - [ 31 ส.ค. 50 22:35:00 ]

ความคิดเห็นที่ 113 จริงๆแล้วผมกะจะอธิบายเป็นเหตุการณ์จริงเหมือนกันนะเผื่อมีคนนำไปต่อยอดความรู้ได้ แต่ว่ามันต้องอธิบายให้เป็นภาพเนี่ยเขียนกันยาวเลย โดยเฉพาะเรื่องยกตัวอย่างอ่ะ มันจะโยงใยกันพอสมควร.. นอกจากนั้นแล้วผมยังตั้งข้อสังเกตุในทางกลับกันอีกข้อนึง คือว่า โอกาสที่ A จะเป็นคนสร้างแพทเทิร์น X ขึ้นมานั้นก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน (ไม่ใช่แค่ตีความสิ่งที่มีอยู่) แล้วถ้าถามต่อว่าโอกาสที่ X เป็นคนสร้าง A หล่ะมีมั๊ย !? อันนี้จะเข้าไกล้เคียงกับการตั้งข้อสงสัยในเรื่องของการถูกออกแบบ..... จากคุณ : root :-D - [ 1 ก.ย. 50 02:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 114 จินตนาการได้ดีครับ ส่วนความจริงเป็นยังไง ค่อยๆพิจารณากันไปนะครับ จากคุณ : ksk - [ 1 ก.ย. 50 09:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ชอบความเห็นที่ 82  ...คุณ รัก ยาริส -      ตอบนุ่มเย็นดีนะครับ ชอบจังเลย ผมอยากให้คนที่มีศรัทธาสูงๆมีความคิดอย่างคุณรัก ยาริส  ศรัทธาที่ไม่สุดโต่ง จะทำให้เราไม่เบียดเบียนกัน          คุณPureTruth  เชื่อว่ามีผู้สร้างใช่หรือเปล่า  ผมก็เชื่อ  งั้นเราลองมาค้นหากัน       ...มาค้นหาผู้สร้าง      เมื่อคุณPureTruth  ตอบกระทู้นี้   มีใครอยู่เบื้องหลังการตอบมั๊ย  หรือว่าคุณ PureTruth คิดเองตอบเอง?      ถ้าคุณPureTruth คิดเองตอบเอง ..อันนี้ใช่ผู้สร้างหรือเปล่าครับ       หากคุณPureTruth ไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้ ไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ  ที่จะรับสัมผัสอะไรได้  โลกนี้จะปรากฎต่อคุณPureTruth หรือเปล่า?   ถ้าโลกนี้ไม่ได้ปรากฎต่อคุณPureTruth  แล้วผู้สร้างโลกนี้ จะมีหรือเปล่า?   หวังว่าผมไม่ได้มาเติมเชื้อเพลิง ....++ จากคุณ : เอแดง - [ 2 ก.ย. 50 02:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 116 การเอาตัวเราเป็นศูนย์กลาง เพื่อตัดสินว่าอะไรมีอยู่ หรือไม่มีอยู่นี่ คงไม่ใช่วิธีที่ถูกหรอกนะครับ คุณเอแดง การที่โทรทัศน์บ้านผมรับสัญญาณ UBC ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่า ไม่มี  UBC นี่ครับ การที่ผมพูดภาษาภูฏานไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่า โลกนี้ไม่มีประเทศภูฏาน การที่ใครสักคนจะไม่เคยรู้เรื่อง กฏแห่งกรรมมาก่อน ก็ไม่ได้หมายความว่า กฏแห่งกรรมไม่มีผลต่อคนอื่นๆในโลก แก้ไขพิมพ์ตก แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 50 16:30:57 จากคุณ : ksk - [ 2 ก.ย. 50 16:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 117 การเอาตัวเราเป็นศูนย์กลาง เพื่อตัดสินว่าอะไรมีอยู่ หรือไม่มีอยู่นี่ คงไม่ใช่วิธีที่ถูกหรอกนะครับ คุณเอแดง    ......ก็ใช่ครับ ถูกต้องแล้ว   โลกปรากฎเพราะความยึดถือ   ทีนี้เราก็มาสำรวจดูว่าเรายึดมั่นอะไรไว้ ที่ทำให้เราเป็นศูนย์กลาง  เผื่อจะละมันได้ จากคุณ : เอแดง - [ 2 ก.ย. 50 18:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 118 การประกาศตัวว่า เป็นผู้ไม่ยึดมั่นในอะไรเลย ก็เป็นการยึดมั่นอย่างหนึ่งนะครับ การที่จะพยายามละอะไรบางอย่าง ก็เป็นการยึดมั่นประการหนึ่งด้วยเช่นกัน และการพยายามที่จะไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป ก็เป็นการยึดมั่นในระบบอันหนึ่งด้วย จากคุณ : ksk - [ 2 ก.ย. 50 20:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 119 สรุปแล้วยังไงคนเราก็ต้องยึดมั่นใช่มั้ยครับ แต่ผมขอเลือกทางสายกลางแล้วกัน ส่วนนึง ไม่ปักใจเชื่อ แต่ก็เอามาคิด ทดลอง อย่างน้อยวิธีนี้ก็แก้ปัญหาต่างๆได้มากมายที่สุดตั้งแต่โบราณแล้ว จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 3 ก.ย. 50 01:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 120 การที่จะพยายามละอะไรบางอย่าง ก็เป็นการยึดมั่นประการหนึ่งด้วยเช่นกัน        ..........................           ก็มีเหตุผล และผมคุ้นๆ  อะไรบางอย่าง  คงหมายถึง สิ่งที่ประกอบกัน เกิดเป็นสิ่งที่รัก ชอบ  ต้องการ     ละ  หมายถึงการแยกออก แยกส่วน  อย่างคนเมื่อแยกส่วนแล้ว ก็มีแขน ขา ตับ ใส้ ม้าม     ถ้าคุณ ksk จะยังยึดมั่น รัก ชอบ ตับ ม้าม อยู่อีก ?  ผมจะไปว่าอะไรได้   ด้วยวิธีการนี้คุณจะเห็นว่า โลก  มีเหตุให้เกิด  ที่พูดมาเป็นตัวอย่างรูปธรรมง่ายๆ  ศาสนาพุทธเรียก ตัณหา                  เมื่อพูดไปแล้วถ้าไม่ขี้เกียจ ผมย่อมอธิบายได้     ......................................................................................   การเอาตัวเราเป็นศูนย์กลาง เพื่อตัดสินว่าอะไรมีอยู่ หรือไม่มีอยู่นี่ คงไม่ใช่วิธีที่ถูกหรอกนะครับ คุณเอแดง   .......คุณksk คงจะมีวิธีที่ถูกต้อง สอนกันบ้างก็ดีนะครับ จากคุณ : เอแดง - [ 3 ก.ย. 50 03:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 121 มอบให้คุณ เอแดง นะครับ ขอพระเจ้าอวยพระพร เยเรมีย์ 29 ข้อ 11-14 11 พระเจ้าตรัสว่า  เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า  เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ  ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ  เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า 12 แล้วเจ้าจะทูลขอต่อเรา  และมาอธิษฐานต่อเรา  และเราจะฟังเจ้า 13 เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า 14 พระเจ้าตรัสว่า  เราจะให้เจ้าพบเรา  และเราจะให้เจ้ากลับสู่สภาพดีและรวบรวมเจ้ามาจากบรรดาประชาชาติและจากทุกที่ที่เราขับไล่เจ้าให้ไปอยู่นั้น  พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ  และเราจะนำเจ้ากลับมายังที่ซึ่งเราเนรเทศเจ้าให้จากไปนั้น จากคุณ : ksk - [ 3 ก.ย. 50 09:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ในห้องนี้เป็นห้องหว้ากอน่ะครับ  อยากให้ว่ากันด้วยบทความวิชาการ  มากกว่าบทความในคัมภีร์น่ะครับ บทความวิชาการที่ว่านี้  ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ตนไปเก็บมาได้  เอามาต่อยอด  หรือเป็นทฤษฎีตัวเองล้วนๆ(จนบางคนว่านั่งเทียน)  ผมก็ให้เกียรติว่าเป็นบทความวิชาการได้ทั้งนั้นครับ เราทุกคนต่างมีศาสนาครับ  แต่ตอนนี้ขอให้วางเอาไว้ก่อนครับ  ผมเชื่อว่าความรู้เรื่องกำเนินโลกกำเนิดมนุษย์ทุกวันนี้  เกิดจากนักวิทยาศาสตร์ในศาสนาคริสตร์เป็นส่วนใหญ่ ยังไงในหว้ากอนี้  หากหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้  ก็พออนุโลมให้เป็นปรัชญานิดหน่อยได้ครับ ปรัชญากลางๆ ไม่อิงศาสนาครับ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 3 ก.ย. 50 20:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ^  ^  คุณสมภพ ไม่ต้องเชื่อได้ว่าหรอกครับ(คำนี้คุ้นๆ) เพราะมันเป็นเรื่องจริง  เมื่อจริงก็ยอมรับ ว่า..   ..  ความรู้เรื่องกำเนิดโลกกำเนิดมนุษย์ทุกวันนี้  ส่วนใหญ่มาจากนักวิทยาศาสตร์ในคริสตร์ศาสนา    ผมคิดว่าเขาแยกออกระหว่างศรัทธากับสิ่งที่รับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส   (พุทธศาสนาเพิ่มเติมว่า ใจ ก็เป็นสัมผัสอีกชนิดหนึ่ง)     แต่ถึงอย่างไร ถ้านักวิทยาศาสตร์ รู้เรื่องเหล่านี้ครอบคลุมจริง  ป่านนี้ก็คงเลิกค้นคว้าไปแล้วละครับ  เราไม่ต้องถกเถียงกันด้วย  ..ว่ามั๊ยฃ    ห้องหว้ากอ บางทีก็แปลงกายเปนห้องว่ากาม  *_-   ------------------------------------------------   ผมขอรับไว้นะครับคุณ ksk    ขอให้พระเจ้าอวยพระพรเช่นกันครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 50 21:20:58 จากคุณ : เอแดง - [ 3 ก.ย. 50 21:19:07 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ยินดีครับ คุณเอแดง คุณสมภพครับ อย่างอนสิครับ บังเอิญว่าคำถามคาบเกี่ยวไปเล็กน้อยนะครับ ยังไงๆก็ขออภัยคุณสมภพในฐานะเจ้าของกระทู้ด้วย จากคุณ : ksk - [ 4 ก.ย. 50 09:04:23 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ผมว่าเทพมังกรเอนม่า สร้างนะ จากคุณ : จอมยุทธ์กระบี่เพลงกระบี่ไหมฟ้า - [ 4 ก.ย. 50 13:08:55 ]

ความคิดเห็นที่ 126 Biophysicist Hubert Yockey has calculated the probability of forming a single gene product (one that is functionally equivalent to the ubiquitous protein cyctochrome C) as one chance in 10^75.  Given this probability, Yockey calculated that if the hypothetical primordial soup contained about 10^44 amino acids, a hundred billion trillion years would yield a 95% chance for random formation of a functional protein only 110 amino acids in length (a single gene product). However, the universe is only about 15 billion years old. This means that less than one trillionth of the time has passed that would be needed to make even one of the 250-350 gene products necessary for minimal life. Reference:  Yockey,  Information, 246-57. จากคุณ : PureTruth - [ 4 ก.ย. 50 14:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ถ้าพระเจ้าสร้างโลกและมนุษย์จริง แล้วถ้างั้น ใครสร้างพระเจ้าครับ พระเจ้าจากโลก A เหรอ แล้วถามต่องั้นใครสร้างพระเจ้าจากโลก A พระเจ้าจากโลก B C D E F........... ขอทิ้งท้ายไว้สักประโยค I believe in GOD but I call it "Nature" จากคุณ : AutoCrazy - [ 4 ก.ย. 50 17:20:02 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ^ ^ การเกิดขึ้นตาม'ธรรมชาติ' คือ การที่สิ่งต่างๆ มันเป็นไปอย่างนั้นของมันเอง ไม่ได้มีใครจงใจทำ ส่วนสิ่งที่'พระเจ้า'ทรงกระทำ หมายถึง มีการจงใจสร้างหรือทำโดยใครคนใดคนหนึ่ง (พระเจ้า) ความหมายของ 2 คำนี้ ตรงข้ามกัน ดังนั้น ถ้าจะนำคำหนึ่ง มาเรียกแทนอีกคำหนึ่งคงจะไม่ได้ล่ะครับ นั่นคือ การพูดว่า I believe in GOD but I call it "Nature".  จึงเป็นคำพูดที่นำไปสู่ความสับสน   โดยที่จริงๆแล้ว ผู้พูดประโยคนี้เชื่อว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ไม่ได้เชื่อว่ามีใคร(พระเจ้า)จงใจสร้าง  แต่พยายามดึงเอาคำว่า'พระเจ้า' เข้ามา เพื่อให้เกิดความสับสน และทำให้เหตุผลของการมีอยู่ของพระเจ้าดูชัดเจนน้อยลงไป  เพราะผู้พูดพยายามนำคำว่า'พระเจ้า'ไปปนผสมกับคำว่า'ธรรมชาติ' ให้ดูเหมือนว่า เมื่อเป็นธรรมชาติก็เป็นพระเจ้า เมื่อพูดถึงพระเจ้าก็คือธรรมชาตินั่นแหละ ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เนื่องจาก 2 คำนี้ ตรงข้ามกัน อย่างที่ผมได้อธิบายไว้ในตอนต้นครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 19:02:08 จากคุณ : PureTruth - [ 4 ก.ย. 50 18:57:21 ]