ความคิดเห็นที่ 1 ศาสนาทุกศาสนา ไม่มีเรื่องมงายครับ  ทุกหลักคำสอนขององค์พระศาสดา  สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์  ว่าด้วยเหตุและผล สิ่งที่งมงาย เกิดจากคนที่แสวงหาผลประโยชน์ โดยนำคำสอนมาบิดเบือน เสริมแต่งเรื่องราวต่างๆ เข้าไป   ผมว่าคนพวกนี้ อยู่นอกศาสนา จากคุณ : ปากหวาน - [ 5 ก.ย. 50 08:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทั้งหมดอยู่ที่โอกาสทางการศึกษา และการศึกษาที่มีคุณภาพ จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ก.ย. 50 08:25:30 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะวิทยาศาสตร์ไม่ได้ตอบปัญหาทุกได้สิ่งนี่ครับ จากคุณ : bbiggy - [ 5 ก.ย. 50 08:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างที่คุณบอกแหละครับ ผู้คนตอนนี้มีแต่ความทุกข์ เพราะบ้านเมืองวุ่นวาย ข้าวของก็ขายไม่ออก ไหนจะหนี้สิน จึงหันไปพึ่งสิ่งที่จะทำให้เค้าสบายใจขึ้นได้ และศาสนาก็คือสิ่งที่มีไว้สำหรับพึ่งพาทางจิตใจไงละครับ แต่ศาสนาที่ถูกบิดเบือนต่างหาก ทำให้ิเกิดเหตุการณ์แปลกๆอย่างปัจจุบันนี้ โดยส่วนตัวผมคิดว่าวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำให้คนสบายใจได้หรอกครับ วิทยาศาสตร์มุ่งเน้น ที่จะอธิบายสิ่งที่เกิดในธรรมชาติหรืิอเพื่อการค้นพบสิ่งใหม่ๆ แต่ไม่ใช่เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สบายใจแน่นอนครับ วิทยาศาสตร์ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้แน่นอนครับ(รถติด,มลภาวะ,สุขภาพ) แต่ถ้าอยากให้พัฒนาเรื่องจิตใจแล้วคงต้องมาทำนุบำรุงศาสนาให้กลับมาถูกต้องเหมือนเดิมครับ จากคุณ : LivingMachine - [ 5 ก.ย. 50 08:34:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ต้องออกแรง และใช้สมองมากไงหละครับ รอคอยแต่จะพึ่งอย่างอื่น ไม่เคยพึ่งตัวเอง จากคุณ : ฟางข้าวในทุ่งนา - [ 5 ก.ย. 50 08:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะมันง่ายกว่ามั้ง  วิทยาศาสตร์มันยากกว่านิดหน่อย อย่างพวกแคลคูลัสหรือสแตทนี่ขนาดนั่งเรียนกันดีๆยังตกกันระนาว แล้วนับประสาอะไรกับชาวบ้านที่ไม่มีโอกาสได้เรียน จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 5 ก.ย. 50 08:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยังไงก็ต้องใช้สองอย่างร่วมกันนะครับ และไม่ว่าศาสนาไหนๆ ก็ไม่เคยสอนให้คน ..งมงาย.. มีแต่คนที่บิดเบือนคำสอน แล้ว งมงาย เอง  หรือเพื่อหวังผลประโยชน์ ควรจะใช้คำว่า "ความเชื่อ" เฉยๆมากกว่า ถ้าเราใช้หลักศาสนาที่ถูกต้องจริงๆมาแก้ปัญหา รับรองว่าเราไม่ได้จมอยู่ในทุกข์หรอกครับ และแก้ถูกจุดด้วย เช่น อริยสัจ4 เป็นต้น ผมเชื่อว่าวิทยาศาสตร์และศาสนาเป็นสิ่งเดียวกันที่มองคนละมิติ ปัญหาของคนปัจจุบัน คือ งมงาย และไม่รู้ว่าแก่นของศาสนาคืออะไรมากกว่า อย่างการห้อยพระ พระพุทเจ้าคงไม่เคยสอนหรอกครับ ว่าห้อยพระแล้วกันผีได้ คนเราเชื่ออย่างนั้นกันเองมากกว่า (และผมมองว่า การห้อย ถ้าไม่ได้ห้อยรุงรัง ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่จตุคาม อีกเรื่องนะครับ อันนั้นไม่สนับสนุน) การไม่มีศาสนา ไม่ใช่เรื่องดีนักทีเดียวหรอกครับ อย่างประเทศญี่ปุ่น หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่2 คนของประเทศเค้าก็เริ่มไม่เชื่อศาสนากัน ไม่ว่าจะพุทธหรือชินโตก็ตาม คนส่วนใหญ่ก็นับถือกันแค่ในนามเท่านั้น ทำให้ขาดที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และมีคนฆ่าตัวตายกันมากมายจนเป็นเรื่องปกติ (เอ๊ะ! แล้วทำไมบ้านเราถึงมีข่าวข่มขืนกันเป็นปกติล่ะ) จริงๆอ่านดูแล้วเหมือนผมจะมาแย้ง จขกท. เลยเนาะ แต่ผมไม่ได้แย้ง 100% นะครับ แค่คิดว่าต้องใช้ร่วมกันทั้งสองอย่าง โดยใช้หลักศาสนาที่แท้จริงด้วย ไม่ได้บิดเบือนมา จากคุณ : MinIEs - [ 5 ก.ย. 50 09:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จขกท นับถือศาสนา อะไร? ผม ในฐานะผู้นับถือพุทธศาสนา ขอบอกว่า พุทธศาสนา เป็นศาสนา ที่ สามารถ พิสูจน์ ได้ ด้วยหลัก วิทยาศาสน์ เพราะ พุทธศาสนา สอนให้คนรู้จักเหตุผล และ ศรัทธา คือเน้น เหตุผล เป็นหลัก ไม่ให้ งมงาย จขกท ไม่ต้องมาแย้งนะว่า "วิทยาศาสตร์ พิสูจน์เรื่อง นรกสวรรค์ได้ไง" ถ้าแย้ง อย่างนี้ ก็ ให้พิจรณา ที่ตัว จขกท เองเลย ว่า เวลาปวดท้อง รู้สึกไง เป็นทุกข์ไหม เวลาได้ของที่ชอบรู้สึกไง ดีใจไหม น่าน แหละ  จึงมีคำกล่าวว่า สวรรค์อยู่ในอก นรก อยู่ในใจ และที่สำคัญ คือว่า ถ้า จขกท เป็นคน ที่ไม่มีศีล 5 ข้อ จขกท ย่อม ทำตามอำเภอใจ ไม่ว่า จะเป็น ฆ่าคน ลักทรัพย์ เที่ยวผู้หญิง กินเหล้า พูดไม่จริง คิดดูสิว่า ถ้ามีคนอย่างนี้ เป็นคนบริหารประเทศ บ้านเมือง จะเป็นอย่างไร จากคุณ : sutnet - [ 5 ก.ย. 50 09:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หลักศาสนาพุทธน่าเป็นวิทยาศาสตร์ทุกอย่างสามารถอธิบายได้ ที่คุณเห็นมันน่าจะก่ำกึ่งระหว่างไสย์ศาสตร์+ศาสนา+ความเชื่อ จากคุณ : ทองเปลว - [ 5 ก.ย. 50 09:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แล้ว ทำไมคนไทยบางกลุ่มยังคงพึ่งพาวิทยาศาสตร์มากกว่าหลักความเชื่อทางศาสนา ? จากคุณ : wizzup - [ 5 ก.ย. 50 09:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ใครๆก็ว่าศาสนาตัวเองดี จริงๆแล้วมันก็ดีที่ช่วยให้พวกไม่มีความคิดได้กลัวกัน ไม่กล้าทำผิด แต่ถ้าสังคมดีเลิศ perfect ก็ไม่จำเป็นต้องมีศาสนา จากคุณ : chidkido - [ 5 ก.ย. 50 09:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก่อนอื่นก่อนใดวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของเหตุผล เป็นเรื่องของการอธิบายวัตถุ อธิบายให้เป็นรูปธรรม ส่วนศาสนาเป็นเรื่องของจิตใจ แต่แตกต่างจากอารมณ์ เป็นเรื่องของการอธิบายจิต อธิบายในเชิงนามธรรม ตัวศาสนาเองก็ไม่ใช่สอนให้งมงาย นอกเสียจากคนจะหาประโยชน์จากความละเอียดอ่อน ส่วนตัววิทยาศาสตร์เองก็ไม่ใช่ยาพหูสูตที่ทำนายได้ทุกๆอย่าง อันว่าความจริงแล้ว หากการเมืองไม่ปิดกั้นเรื่องการศึกษาที่มีเฉพาะในห้องเรียน ความงมงายในความเชื่อเดิมๆคงจะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะต่างคนก็ต่างพัฒนา ไม่ต้องไปรอใคร เจอใครไปทางเดียวกันก็ไปด้วยกันได้ ร่างกายควรจะไปพร้อมๆกับจิตใจครับ จากคุณ : ทะเลคราม (blueocynia) - [ 5 ก.ย. 50 09:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จิตวิทยาก็อธิบายความกลัว และ ทางแก้ปัญหาได้ครับ... ศาสนา ก็คือ จิตวิทยาแบบหนึ่ง เน้นการบำบัด และ เข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 5 ก.ย. 50 09:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 "เมื่อมนุษย์มีความทุกข์ มนุษย์ก็เลยแสวงหาวิธีการดับทุกข์ แต่เมื่อไม่สามารถบำบัดจากกายภายนอกได้ ก็เลยหาวิธีการทางจิตใจ เพื่อให้เกิดการลืมทุกข์ แต่ตราบใดที่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ใข ความทุกข์เหล่านั้นก็ยังคงจะมีอยู่ดี" ขอตอบ จขกท สำหรับข้อความที่คัดลอกมาข้างต้นนะค่ะ ถ้าคุณลองศึกษาคำสอนทางพุทธศาสนาจริงๆแล้ว มีหลายคำสอนที่ชี้แจงเรื่องเหตุแห่งทุกข์ สรุปสั้นๆคือความทุกข์เกิดที่ใจ การจะดับทุกข์ให้หมดสิ้น ก็ต้องไปดับที่ต้นตอ ซึ่งก็คือใจหรือจิตนั่นเอง  อันนี้เป็นความจริงตามธรรมชาติ เป็นวิทยาศาสตร์อย่างยิ่ง จากคุณ : แม่แสนสนุก (แม่แสนสนุก) - [ 5 ก.ย. 50 09:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ศาสนา และวิทยาศาสตร์ ต่างก็เป็นเครื่องมือในการแก้โจทย์ปัญหา เครื่องมือแต่ละชนิดก็เหมาะกับโจทย์ที่แตกต่างกันออกไป ชาวบ้าน ต้องการน้ำกินน้ำใช้ ก็ใช้วิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือ ในการแก้ปัญหา เอาศาสนามาทำไม่ได้ ชาวบ้าน มีปัญหากังวลใจ ก็เอาศาสนามาแก้ไข วิทยาศาสตร์เอามาใช้ไม่ได้ จากคุณ : ksk - [ 5 ก.ย. 50 09:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เคยคิดเหมือนกันสมัยก่อนว่า วิทยาศาสตร์ต้องแก้ปัญหาทุกอย่างได้ แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ โดยเฉพาะการแก้ปัญหา แบบองค์กร หรือการมองภาพรวม ปัญหาแบบสังคมบางอย่าง เช่นปัญหาครอบครัว ตราบใดที่ยังแก้ปัญหาอะไรได้ไม่ชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ วิทยาศาสตร์ตอบคำถามไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือควบคุม ไม่ได้ มันก็จะมีศาสนาต่อไปแน่นอน เช่น คุณควบคุมสึนามิไม่ได้ เขาต้องไหว้พระก่อนออกเรือ จากคุณ : Fah Lan - [ 5 ก.ย. 50 09:48:36 A:220.101.174.31 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดูลิงค์นี้ครับ หลักการพุทธศาสนา สามารถนำมาปรับใช้ ผสมผสาน ประยุกต์ใช้ได้อย่างดี http://www.budmgt.com/index-budman.html จากคุณ : campaign - [ 5 ก.ย. 50 09:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าใครคิดว่ามี แปลว่ามันไม่ใช่ชาวพุทธ จากคุณ : NaCl - [ 5 ก.ย. 50 10:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ NaCl ทำไมจะไม่มีครับ อยู่ในลิงค์ที่ผมให้ไปน่ะ ขลังสุดๆ แล้ว ขลังอย่างมีเหตุมีผลด้วย จากคุณ : campaign - [ 5 ก.ย. 50 10:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เหตุผลที่คนงมงายในบ้านเรามาก คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่า ว่าคุณภาพชีวิตประชากรของไทยเราแย่แค่ใหน ก้อโอกาสและการศึกษาไง -เหมือนรายการวงเวียนชีวิต ชีวิตที่ต้องดิ้นรนทำมาหากิน เค้าก้อเลยไม่มีที่พึ่งพิง เด็กก้อไม่ได้เรียน หรือที่มีโอกาสเรียน ก้อเป็นแบบนี้ -ที่ข่าวออกเมื่อเช้าที่เณรโทรไปชวนนักเรียนผู้หญิงไปนั่งดื่มเหล้าในกฏิ จนชาวบ้านต้องแจ้งตำรวจ) -เด็กนักศึกอาชีวะยกพวกตีกัน แล้วแล้วจะหาคุณภาพชีวิตจากที่ไหน ต้องแก้ปัญหาสังคมหลักใหญ่ ในเมื่อปัญหาสังคมยังเป็นเช่นนี้ ก้อเป็นวัฏจักรวนเวียนไม่รู้จบสิ้น จากคุณ : iamnid - [ 5 ก.ย. 50 10:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อนาถใจกับการศึกษาศาสนาของเยาวชนไทย ซึ่งแสดงออกมาจากกระทู้นี้ ทำไมการศึกษาสาสนาของเราตกต่ำและย่ำแย่ขนาดนี้ ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้เชื่อของขลัง ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้เอาแต่สวดมนต์ขอโน่นขอนี่ตามชอบใจ ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้ไปขูดต้นไม้ขอหวย ศาสนาพุทธไม่มีไอ้วงๆ กลมๆ อันโตๆ ที่ชอบอามาห้อยคอกัน ราคาแพงๆ ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้เอาเงินซื้อบุญ ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้เชื่อโดยไม่คิด ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้ปฏิบัติธรรมแล้วเหาะได้ ศาสนาพุทธไม่เคยสอนว่าปฏิบัติธรรมแล้วเสกโน่นเสกนี่ได้ ศาสนาพุทธ ไม่มีวิชาปัดระเบิด ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้รักษาความทุกข์ไว้ มีแต่สอนวิธีดับทุกข์ ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้งอมืองอเท้า ปล่อยวางมันทุกเรื่อง จะมีก็แต่ให้ทำให้สุดความสามารถ ศาสนาพุทธสอนให้วางในสิ่งที่ควรวาง จับในสิ่งที่ควรจับ ศาสนาพุทธไม่เคยสอนให้เชื่ออย่างเดียว แต่ต้องพิสูจน์ด้วย ศาสนาพุทธไม่เคยขัดกับหลักการทางวิทยาศาสตร์  ถ้าอะไรขัด แสดงว่าไม่ใช่วิถีพุทธ หรือ คุณยังมองมันไม่ทะลุ ศาสนาพุทธ สอนให้มีศีลห้า เป็นกฏของสังคม ที่เมื่อทุกคนปฏิบัติเหมือนกันแล้ว จะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขทุกฝ่าย ศาสนาพุทธ สอนเรื่องของใจ ไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ แค่นั่งมองใจของเรา เข้าใจมัน เมื่อเข้าใจแล้ว ปัญหาก็จะหมด ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่มีเหตุผลที่สุดในโลกแล้ว คุณจะอยากได้ศาสนาอะไรอีกหรือ ?? แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 50 10:55:53 จากคุณ : NaCl - [ 5 ก.ย. 50 10:14:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณ คห. 17 สำหรับลิงค์ดีๆครับ จากคุณ : hooya - [ 5 ก.ย. 50 10:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แน่นอนไม่ใช่ทุกคนที่ต้องออกจาก matrix หรอก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้แล้วว่า matrix มันหนัก ก็จะทิ้งมันไปแน่ๆ แต่ก็ไม่มีทางที่ทุกคนจะทิ้งไปพร้อมกัน บัวมีสี่เหล่า ก็ทยอยๆกันไป ประเด็นก็คือตอนนี้คนในสังคมไทย กลับไม่รู้ว่าพุทธศาสนาสอนอะไร ปฏิบัติอย่างไร อย่างมากก็รู้แต่เปลือกวัฒนธรรมประเพณีเป็นพุทธแบบไทยๆ รู้แค่วัดต้องเป็นแบบนี้ เวียนเทียน ต้องทำท่าแบบนั้นแบบนี้ เปลือกอื่นๆอีกมากมาย ....   เสียดายมากๆ ที่คนไทยใกล้เกลือกินด่าง มันเป็นเรื่องตลก(ร้าย)ของวัฏฏะนะ ที่เราแค่รู้ทุกข์ ทำความเข้าใจกับการเกิดทุกข์ มันกลับมีความสุขเพราะเราไม่ยึดติด  แต่ถ้าเราไปเรียนสุข เสพสุข มันกลับติดแล้วยิ่งทุกข์ถ้าปล่อยไม่ได้ หากเสพปริมาณน้อยกว่าเดิมเมื่อไหร่ก็ทุกข์ทันที เราก็ดิ้นหนี ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์ไปอีกไม่จบ เชื่อว่าอนาคตวิทยาศาสตร์จะศึกษามาถึงคำสอนพระพุทธองค์แน่นอน ถึงตอนนั้นอยากให้คุณก็รีบเรียนให้ทันรีบทำความเข้าใจ เพราะนี่เป็นโอกาสทองสุดๆแล้ว จากคุณ : Dr.slump - [ 5 ก.ย. 50 10:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เพิ่ม #21 ศาสนาพุทธ ไม่มีวิชาปัดระเบิด :D จากคุณ : chidkido - [ 5 ก.ย. 50 10:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยกับคุณ เกลือ ครับ ต้นกำเนิดของพระพุทธรูปคืออะไรละครับ แล้วตอนนี้บิดเบือนกันจนเอาไปขายเป็นหลักแทนที่จะเอาไว้บูชาแล้ว แต่บางทีจะว่าชาวบ้านก็ไม่ได้ ถ้าจะด่า ก็ต้องด่า คนห่มผ้าเหลืองบางคนที่คิดจะหาเงินเข้าวัดอย่างเดียวนะแหละครับ เฮ่อ จากคุณ : monjangja - [ 5 ก.ย. 50 10:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ศาสนาก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอค่ะ ศาสนาไม่ใช่ความเชื่อแบบผีสางนางไม้เหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นความศรัทธา ความศรัทธาเกิดจากความเชื่ออย่างมีเหตุผล  เหตุผลก็เป็นของแต่ละคนที่อาจเหมือนหรือแตกต่างกัน ยกตัวอย่างศาสนาพุทธนะคะ ศาสนาพุทธศึกษาเรื่องธรรมะ ก็คือ ศึกษาธรรมชาติของชีวิตว่า มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ ใครไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย  นอกจากนี้ธรรมะยังสอนธรรมชาติของการอยู่กับสัตว์โลกอื่น  อย่างเช่น ความมีเมตตา  ความไม่ประมาท และอีกหลายอย่างค่ะ มันก็พิสูจน์ได้นะคะ คุณลองไปทำดีช่วยเหลือใครสักคน จิตใจของคุณก็จะเบิกบานพองโต มีความสุข ไม่ว่าจะเอาศาสนานำชีวิตหรือเอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต เป็นเพียงเรื่องของระบบความคิดและความเข้าใจของคนที่แตกต่างกันค่ะ เราควรยอมรับในความคิดที่แตกต่างนะคะ เราไม่ควรไปตัดสินใจแทนใครว่า สิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดีและเหมาะสม  เขาทำแล้วมีความสุขนั่นคือ ชีวิตของเขาค่ะ   ชาติพัฒนาไม่พัฒนาไม่เกี่ยวกัน เราเอามาตรวัดแบบของต่างชาติมาคิด เช่น ตลาดทุนหตลาดหุ้นต้องโต ต้องมีผลงานวิจัย  มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่พื้นฐานของชาติบ้านเมืองเราไม่ไม่ใช่อย่างนั้นสิค่ะ ถ้าวันหนึ่งเราเปลี่ยนจุดมาโฟกัสที่สินค้าเกษตรกรรมหรือการเติบโตของรายได้ของสหกรณ์ บ้านเมืองเราก็อาจเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็ได้นะคะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 50 10:44:46 จากคุณ : bestwish - [ 5 ก.ย. 50 10:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ช่างหัวมันครับ มีพวกนี้ก็ดีแล้วครับ จะได้มีแรงงานไว้ให้ใช้ ให้โอกาสเฉพาะ คนที่สมควรจะได้โอกาสก็พอแล้ว จากคุณ : Chaotic System - [ 5 ก.ย. 50 10:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แล้วแต่การใช้งานอะครับ อย่างคห.15 ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งมันก็ไม่ได้ ใช้แต่อันไหนอันหนึ่งมากไปก็ไม่ดี เพราะตอนนี้เราก็ยังไม่ได้รู้และเข้าใจในทุกสิ่ง ควรรับฟังความคิดเห็นและเหตุผลของผู้อื่นด้วยเช่นกันครับ จากคุณ : ITEMP - [ 5 ก.ย. 50 10:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หลักๆเลยคือเรื่องของคุณภาพการศึกษาครับ ประชาชนส่วนใหญ่ตามต่างจังหวัด เท่าที่เคยไปสอบถามมา ส่วนใหญ่จบไม่เกินป.4 บางคนไม่ได้เรียนหนังสือ แค่เขียนชื่อตัวเองเป็นเท่านั้น คนกลุ่มนี้จึงไม่รู้จักแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ พอมีเหตุการณ์อะไรก็ไม่เคยเอาหลักวิทยาศาสตร์มาอธิบาย(เพราะไม่รู้จัก) จึงเชื่อตามที่ปู่ย่าตายายสอนกันมา แถมหนักข้อเข้าก็โดนพวกหมอผีต้มตุ๋นหลอกเอาได้ง่ายๆ จากคุณ : ซามาโนสุเกะ - [ 5 ก.ย. 50 11:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 30 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แก้ปัญหาบางอย่างทางวัตถุภายนอกได้ แต่พุทธศาสนานั้น ได้ช่วยเยียวยารักษาความกลัดกลุ้มภายในได้ คนมีปัญญาย่อมเอาส่วนที่ดีมาผสมผสาน ใช้ให้เกิดประโยชน์ จากคุณ : campaign - [ 5 ก.ย. 50 11:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอโทษครับ  กรุณาแยกให้ออกว่าศาสนาพุทธ กับความเชื่องมงายในศาสตร์มืด และไสยศาสตร์ มันต่างกัน พุทธที่แท้จริง ไม่ใชเรื่องพวกนั้น และมันเป็น "คน" ตะหากที่จงใจบิเบือนแล้วลากเอาศาสนาไปเกี่ยวข้อง เพื่อหลอกตัวเองว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เป้น"ความเชื่อ"ตามศาสนา จากคุณ : KCrazy16 - [ 5 ก.ย. 50 11:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ในความเห็นผมนะ จะเรียกว่าความเชื่อ หรือ จะเรียกว่างมงาย หรือ อะไรก็ตามแต่ ถ้า " ไม่ได้ทำให้ - คนอื่น ๆ - เดือดร้อน " ก็ปล่อยเขาไป เถอะครับ มันก็เหมือนกับ ความชอบ หรือ รสนิยม อย่างหนึ่ง ตามสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้า เชื่อแบบนั้น แล้วมองเห็นคนที่เชื่อไม่เหมือนกับตัวเอง ผิด ไปหมด หรือ พยายามชักจูง คนอื่น ให้มาเชื่อ เหมือนกับตัวเอง โดยใช้เหตุผลที่ตัวเองเชื่อ ไม่ใช่เหตุผลสากลที่ทุกคนยอมรับได้ นั่นก็..อีกเรื่อง ครับ.. จากคุณ : tintin - [ 5 ก.ย. 50 11:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สิ่งจำเป็นสำหรับดำรงชีพของมนุษย์ คือเงินครับ ชาวบ้านเค้าเห็นทางรวยได้กี่ทางกันเล่า หวย กับ ดวง กับ บุญ ครับ ถ้าคุณตอบเป็นวิทยาศาสตร์ ให้สามารถมีเงิน ล้าน แก่ตาสีตาสาได้ เมื่อนั้นแหละครับ จากคุณ : IRQ5 - [ 5 ก.ย. 50 13:02:43 A:210.1.22.23 X: TicketID:129004 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อืมครับ ก็อย่างที่ว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการชม.... ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตนเอง ไงก็พยายามใช้ให้ถูกแล้วกันครับ ปล.นอกเรื่องนิด Elixer ยาครอบจักรวาลในไฟนอลฯ นี่ใช้สวมใส่ได้มั้ยอะ? อย่างดีนี่ใช้โจมตีใส่ผี(กรณีว่าใช้ได้...ภาค2มั้ง) แต่ก็เปลืองของอะ จากคุณ : ITEMP - [ 5 ก.ย. 50 13:16:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ความเชื่ออันไหน อธิบายได้ใกล้เคียงกว่า ก็มักจะเชื่อในสิ่งนั้น " เชื่อในสิ่งที่เห็น เห็นในสิ่งที่เชื่อ"                เลขที่ออก.... จากคุณ : BombCM - [ 5 ก.ย. 50 13:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ก็ข้าคือคนไทย จากคุณ : ข้าคือคนไทย - [ 5 ก.ย. 50 15:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ดูจากกระทู้นี้ก็ได้ครับ คนไทยยังไม่ออกจากกรอบแนวคิดที่พึ่งพาศาสนาในยุคกลางเลยแม้แต่น้อย ก็เป็นอย่างที่อาจารย์ Practical X2 ว่าไว้ข้างบนนั่นละครับ ซึ่งนอกจากโอกาสทางการศึกษา และคุณภาพทางการศึกษาแล้ว ยังอยู่กับแนวคิดที่ได้รับการปลูกฝังกันมาในครอบครัวแต่ละรุ่นอีกด้วย โดยคนเราจะมีความคิดความเชื่อที่ฝังหัวมาจากข้อมูลที่ได้รับในช่วงอายุไม่เกิน 9 ขวบ จากนั้นแม้ว่าจะคิดได้ แต่ความเชื่อก็ยังฝังรากลึกอยู่ในใจอยู่ดี จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 5 ก.ย. 50 16:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ศาสนาพุทธสอนให้คนเรามี ศีล(การรักษาความดี) สมาธิ(มีสติรู้ตัวว่าทำอะไรแล้วทำให้ได้ดี) ปัญญา(ไม่หลงเชื่อสิ่งซึ่งไร้เหตุผล) นี่คือความคิดเรานะ ไม่เห็นว่าจะไม่เป็นวิทยาศาสตร์ตรงไหน ส่วนเครื่องลางของขลังหรือวัดวาใหญ่โต ไม่ใช่หลักพุทธศาสนาค่ะ อันนั้นเป็นอวิชชา จากคุณ : กบข้างกะลา - [ 5 ก.ย. 50 16:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อีกนิดนึงค่ะ คนที่เห็นว่าศาสนาเป็นของงมงาย เพราะว่าคุณไม่ได้ศึกษาแก่นของศาสนานั้น ๆ อย่างแท้จริง ทุกวันนี้คนบิดเบือนศาสนาไปมากเลยค่ะ ทำให้คนหลายคนหมดศรัทธา จากคุณ : กบข้างกะลา - [ 5 ก.ย. 50 16:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตรงตามที่คุณเกลือบอกแหละครับ ว่าแต่ พระที่เป็น พระ จริงๆ สมัยนี้ ยังมีเหลือ อีกไหมนะ - -* เฮ้อ อนิจาประเทศไทย จากคุณ : vn, man - [ 5 ก.ย. 50 17:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านเจอมาหลายปีละ ผลการสำรวจวิธีการจัดการกับความเครียดของคนไทยหลายชิ้น (ยังไม่มีเวลาหาชื่อภาคนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ ใครสนใจเข้าฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์หาต่อเองละกันนะ) พบว่า คนที่มีการศึกษาระดับต่ำกว่ามัธยม มักจะใช้วิธี หลีกเลี่ยงปัญหา คนที่มีการศึกษาระดับตั้งแต่มัธยม ขึ้นไป มักจะใช้วิธีเผชิญปัญหา หรือถ้าใช้วิธีเลี่ยงปัญหา ก็จะกลับมาเผชิญปัญหาเมื่อความเครียดบรรเทาลงแล้ว น่าจะเป็นคำตอบส่วนหนึ่งนะ จากคุณ : Deckard - [ 5 ก.ย. 50 17:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ปัญหาก็คือคนสมัยนี้แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นพุทธอะไรไม่ใช่พุทธ แล้วอะไรเป็นเปลือก อะไรเป็นแก่นธรรม จะโทษพระอย่างเดียวก็ไม่ได้ อุบาสก อุบาสิกา ก็มีส่วนสำคัญในพุทธบริษัท แต่ไม่รู้เรื่องบริษัทตัวเอง จากคุณ : Dr.slump - [ 5 ก.ย. 50 18:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าไม่มีความเชื่อที่ว่า ฆ่าสัตว์ตกนรก  เราว่า ประเทศนี้ยิ่งวุ่นวายมากกว่านี้อีก ถ้าคนไม่ปฏิบัติตามศีล 5 โลกนี้ก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น   คุณปฏิบัติได้แค่ ศีล 5 ชีวิตคุณก็มีความสุขแล้ว ใช่มั๊ย?? ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมียผู้อื่น ไม่ดื่มสุรา ไม่พูดปด แค่เนี๊ย..  ถ้าปฏิบัติได้ ชีวิตก็มีความสุขละ ทั้งตัวคุณเอง และคนรอบข้าง จากคุณ : IcEzeR - [ 5 ก.ย. 50 18:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จขกท ค่ะ ประเทศที่เจริญทางวิทยาศาสตร์ เค้าก็นับถือศาสนา คนที่เค้าเข็มแข้งและมีปัญญามากกว่า จขกท หลายล้านคนบนโลก เค้าก็นับถือศาสนา คนที่ ฉลาด รวย มีชื่อเสียงของโลก มีพร้อมทุกด้าน หลายต่อหลายคนเค้าก็นับถือศาสนา ที่กล่ามาทั้งหมด....  ดิฉันอยากจะถามว่า แล้วตอนนี้ จขกท ยืนอยู่ตรงจุดไหนของโลกค่ะ.... แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 50 19:57:29 จากคุณ : ข้องใจหลังไมค์ได้ - [ 5 ก.ย. 50 19:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อืม ครับ ถ้าผมจำไม่ผิด พวกการศึกษาสูง ๆ ก็งมงายไม่แพ้กันไม่ใช่หรือครับ แถมยังเอาไปแพร่กระจายไปทั่วอีกด้วย พอมีเรื่องอะไรขึ้นมา เราก็พากันโทษแต่คนจน จากคุณ : Roh_Z - [ 5 ก.ย. 50 20:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ในหลักจิตวิทยาบอกว่า มนุษย์จิตใจปกติต้องมีศาสนาครับ ไม่งั้นก็เป็นคนเพี้ยน ๆ ไม่มีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อเรามีความสุข ก็ไม่นึกถึงความเชื่ออะไรทั้งนั้น คิดว่าวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ถ้าเราทุกข์ ความเชื่ออะไรก็เต็มใจเชื่อหมด เพื่อให้รอดพ้นสถานการณ์นั้น ถ้าเรานอนในโรงพยาบาลด้วยโรงมะเร็งร้าย แล้วมีใครบอกให้นับถือบางสิ่ง หรืออะไรซักอย่างที่รู้สึกว่าจะรอดได้ อย่างน้อยก็มีความหวัง ประสบการณ์ของผม คนเลือกที่จะเชื่อครับ เลือกทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตรอด เห็นอกเห็นใจคนอื่นด้วยครับ มีความสุขกับชีวิตดีกว่าครับ อนาคตใครจะจากไปตอนไหนก็ไม่รู้ แม้แต่ตัวเราเองก็ตาม ถึงเวลานั้น แน่นอนว่าต้องนึกถึงศาสนาแน่แท้ครับ กลัวว่าตายแล้วจะไปไหน ? จากคุณ : รัก ยาริส - [ 5 ก.ย. 50 21:10:21 A:203.113.71.71 X: TicketID:126935 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จขกท. คะ ประเทศที่เจริญทางวิทยาศาสตร์ เค้าก็นับถือศาสนา คนที่เค้าเข้มแข็งและมีปัญญามากกว่า จขกท. หลายล้านคนบนโลก เค้าก็นับถือศาสนา คนที่ ฉลาด รวย มีชื่อเสียงของโลก มีพร้อมทุกด้าน หลายต่อหลายคนเค้าก็นับถือศาสนา ที่กล่าวมาทั้งหมด....  ดิฉันอยากจะถามว่า แล้วตอนนี้ จขกท ยืนอยู่ตรงจุดไหนของโลกคะ.... จากคุณ : แก้คำผิดให้.. (DigiTaL-KRASH!!!) - [ 5 ก.ย. 50 21:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 48 พักนี้เอา ศาสนา มาผูกกับวิทยาศาสตร์ แล้วเอาโพสกันบ่อยนะคะ ยังไงซะก็อย่าเพิ่งเดือดกันอีกล่ะ พักนี้เห็นเดือดกันบ่อยเชียวค่ะ (ปล. เอามั่ง) จากคุณ : น้องยุ้ยงัย - [ 5 ก.ย. 50 22:06:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เพราะศาสนาเขาถึงคนไทยได้ง่ายกว่าและมากกว่าวิทยาศาสตร์มั้ง จากคุณ : นีรดา เค - [ 5 ก.ย. 50 22:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าคุณไม่เข้าใจเรื่องศาสนาแน่ๆครับ คุณกำลังวิจารณ์บนความไม่รู้จริง แค่นี้คุณก็ไม่ผ่านทั้งทางวิทย์ และทางศาสนาแล้วครับ คุณต้องแยกให้ออกว่าที่มีปัญหากันอยู่คืออะไรกันแน่ครับ คนไทยนับถืออะไรกันแน่ครับ และคำสอนตามหลักของแต่ละศาสนามีอะไรบ้าง จากคุณ : Poonoi - [ 6 ก.ย. 50 00:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จขกท.หายไปไหนนะ ไม่มาแวะดูกระทู้รึ ??? ตกลงแยกศาสนา ความเชื่อ และความงมงายออกจากกันได้รึยังครับ จากคุณ : MinIEs - [ 6 ก.ย. 50 01:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ฟังอยู่ครับ ผมไม่ได้มาโต้แย้งในเรื่องของศาสนาหรอกครับ แต่ผมเห็นบางคนแก้ปัญหาผิดวิธีก็เลยมาแนะนำเท่านั้นเองครับ ประเด็นก็คือว่า การเอาวิทยาศาสตร์ไปอธิบายมันไม่ใช่การแก้ปัญหาเท่านั้นเองครับ การเอาวิทยาศาสตร์ไปแก้ปัญหาความงมงาย เราจะต้องหาทางให้วิทยาศาสตร์เข้ามาพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรครับ ส่วนใครจะปกป้องความเชื่อของใคร ผมก็ถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลครับ ส่วนตัวผมเชื่ออะไรผมรู้เห็น รู้ดีแก่ใจครับ ถ้าจะให้บอกว่าผมเชื่ออะไร หรือมาโต้แย้งว่าใครคิดอะไรถูกอะไรผิด ผมคิดว่าพื้นที่เก็บข้อมูลของพันทิพย์ไม่มีเพียงพอให้เก็บหรอกครับ เรามาคุยกันเฉพาะประเด็น หลักๆ และสำคัญเท่านั้นก็พอครับ จากคุณ : นายสาระแน - [ 6 ก.ย. 50 09:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ศาสนาพุทธ ไม่เคยสอนให้เชื่อให้เคารพในอวิชชา หรือความงมงายต่างๆ - คนที่เป็นพุทธ แต่งมงายมัวแต่หลงใหลอวิชชา ก็เพราะ เค้าไม่เคยศึกษาแก่นแท้ของพุทธศาสนา - จขกท ตั้งกระทู้บอกว่าศาสนาเป็นเรื่องงมงาย เพราะไม่สามารถแก้ทุกข์ได้ ที่เหตุ จขกท บอกเช่นนี้ ก็เพราะไม่ได้ศึกษาแก่นของศาสนาพุทธอย่างจริงใจ ทำให้เรื่องอริยสัจ 4 ยังไม่เข้าใจ การดับทุกข์ไม่ใช่การลืมทุกข์ ดิฉันก็ไม่เห็นว่า ทั้ง จขกท กับ คนที่งมงาย จะต่างกันตรงไหน ? เพราะทั้งสองฝ่ายก็ เชื่อในสิ่งที่ตนเองคิดว่าถูกว่าประเสริฐ แต่ไม่เคยแม้แต่จะศึกษาแก่นของพุทธศาสนาอย่างจริงจัง แต่คิดว่าความคิดของตัวเองนั้นประเสริฐแล้ว ดีแล้ว... แล้วมันต่างกันตรงไหนหรือค่ะ ? จากคุณ : ข้องใจหลังไมค์ได้ - [ 6 ก.ย. 50 18:16:30 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เลิกพูดเรื่องศาสนาเถอะครับ เพราะมันไม่ใช่ประเด็น เพราะนี่ไม่ใช่ห้องศาสนา ผมเองไม่ชอบมาโต้แย้งอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์แบบนี้ ถ้าคิดว่ามีเวลามาโต้แย้งกับเรื่องแบบนี้ เอาเวลาไปทำมาหากินจะดีกว่านะครับ จะเป็นประโยชน์กับชีวิตของคุณๆ ท่านมากกว่า กับการที่ใครบางคนคิดว่าสามารถเปลี่ยนความคิดของคนอื่นๆ ได้เพียงเพราะการพูด ก็ขออย่าเอาคนอื่นๆ ไปเปรียบเทียบกับตนเองเลยนะครับ เพราะบางคนก็ไม่ใช่คนหูเบา ที่ใครจะมาพูดจูงจมูกง่ายๆ บางคนก็ผ่านเรื่องราวของการหลอกลวงในโลกมาเยอะ จนรู้ว่าคำพูดคนมันก็แค่ลิ้นเปื้อนน้ำลาย มันเชื่อถืออะไรไม่ได้ การกระทำของคนนั่นแหละ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเชื่อถือเค้าได้ กับการที่เค้าไม่ได้โต้แย้ง ไม่ได้แปลว่าเขารับฟัง แต่นั้นแหละครับ ยอมรับความจริงเถอะครับ ว่าเค้าไม่อยากจะรับฟัง ยกตัวอย่างเช่นกระทู้ของผม ถ้าไม่อยากจะรับฟัง เค้าก็ไม่มาอ่านแค่นั้น และผมก็ไม่ได้อ่านกระทู้ทั้ังหมดของพันทิพย์ ผมก็เลือกอ่านเอาแค่บางกระทู้ที่ผมสนใจ กับการที่คนอื่นๆ เค้าแสดงความคิดเห็นแล้วรับไม่ได้ ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้ให้ร้าย หรือพาดพิงผู้ใด เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเค้า ก็ไม่ต้องมาเล่นเน็ตสิครับ จะได้ไม่ต้องรับฟังหรือรับรู้อะไร แค่นี้นะครับ ผมไม่อยากจะไปโต้แย้งอะไรไร้สาระ ถ้าอยากจะแตกประเด็น ก็ขอเชิญไปแตกที่ห้องศาสนานะครับ เผื่อจะได้ไม่รบกวนสาระความรู้ที่จะให้กับคนอื่นๆ จากคุณ : นายสาระแน - [ 7 ก.ย. 50 07:39:05 ]