ความคิดเห็นที่ 1 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 6 ก.ย. 50 22:38:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เฟร้ยยยย..... มาดูเร็วจัง จะเข้ามาดูคนตอบซะหน่อยเจอตานี่ซะงั้น จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 6 ก.ย. 50 23:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ปั๊มหอยโข่งต้องปิดวาล์วก่อน start ครับ  ไม่งั้นนจะ overload  อยากรู้ให้ดูที่ Characteristic curve จะบอกหมดเลยครับ ปล.แต่ถ้าเป็น axial flow อย่าปิดวาล์วโดยเด็ดขาดครับ ไม่งั้นตัวใครตัวมัน จากคุณ : ROBOTMAN (ROBOTMAN10GHz) - [ 6 ก.ย. 50 23:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก็จริงนะ อย่าว่าแต่ วิศวะใหม่เลย ผมว่าวิศวะเก่าแก่หลายท่านก็ตอบไม่ได้(ไม่ถูก) ถ้าให้ผมตอบ ผมจะตอบว่า เมื่อปิดวาล์ว จะกินกระแสน้อยกว่า เนื่องจากโหลดลดลง ตามคอนเซปที่เคยได้ยินมา ปั้มหอยโข่ง เมื่อด้านส่งถูกปิด จะทำให้โหลดไม่อั้น กล่าวคือโหลดที่เป็นน้ำนั้นเมื่อไม่มีทางออกก็จะหมุนวนไปตามใบพัดขับในห้องเสื้อครับ ใกล้เคียงหรือเปล่าหนอ มาเฝ้ารอคนอื่นตอบด้วยคน อยากรู้ จากคุณ : YKK - [ 6 ก.ย. 50 23:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วว่าที่วิศวคอมฯอย่างอิฉันจะตอบได้หรือเจ้าคะ - -" จากคุณ : -ทำเป็นเล่นไป- - [ 7 ก.ย. 50 00:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ได้เรียนวิศวะ  แต่เคยเรียนเรื่องปั้มพ์หอยโข่งเมื่อ2ปีที่แล้ว ขอสารภาพว่าเพิ่งจะนึกได้ว่าปั้มพ์หอยโข่งมันมีวาวด้วยแฮะ 555+ จากคุณ : Tsunade_Sama - [ 7 ก.ย. 50 00:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปั๊มหอยโข่งเป็นยังไงอ่ะคะ v v v ขอบคุณค่า แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 50 08:22:00 จากคุณ : ผุ๋งผิ๋ง - [ 7 ก.ย. 50 00:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปั๊มหอย จากคุณ : sara - [ 7 ก.ย. 50 01:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ........= จากคุณ : น้องยุ้ยงัย - [ 7 ก.ย. 50 01:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แฮ่... ปิดวาล์วขาออก หมายความว่าให้เข้าได้ แต่ไม่ให้ออกใช่ปะครับ ถ้าอย่างนั้น มอเตอร์ที่ขับปั๊มจะกินกระแส "น้อยลง" ครับ เพราะเมื่อปิดทางออก ทำให้ปั๊มหมุนช้าลง ส่งผลให้มอเตอร์หมุนได้ช้าลง ทีนี้มาดูที่มอเตอร์ อิเลคตรอน (ไฟฟ้า) จะไหลก็ผ่านขดลวด ก็ต่อเมื่อก้อนแม่เหล็กในมอเตอร์หมุนผ่านไป เมื่อมีแรงมาบังคับให้มอเตอร์หมุนช้า อิเลคตรอนแต่ละตัวต้องออกแรงสู้กับก้อนแม่เหล็กที่ขวางทางอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมขยับซักที กว่าอิเลคตรอนแต่ละตัวจะวิ่งผ่านขดลวดไปได้ก็ยากเย็นแสนเข็น สู้ตอนที่มอเตอร์หมุนเร็วๆ ก้อนแม่เหล็กเปิดทางให้สะดวกๆ ไม่ได้ เมื่ออิเลคตรอนวิ่งลำบากขึ้น จึง "ใช้กระแสน้อยลง" ด้วยครับ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 7 ก.ย. 50 02:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อยู่ที่ pressure ขาออกด้วยซิ ตามสมการเบอร์นูลี จากคุณ : tangs - [ 7 ก.ย. 50 02:16:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นึกว่าปั๊มเชลล์ จากคุณ : จิวแป๊ะทง (ละอ่อนชายแดน) - [ 7 ก.ย. 50 09:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อปิดวาวแล้วมอเตอร์จะกินกระแสน้อยลง จากคุณ : joe (aircraftdesigner) - [ 7 ก.ย. 50 09:30:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 #10 มั่วเลยนะนั่นนะ ไปอ่านหนังสืออีกรอบนะ  เด๋วน้องๆ มาอ่านเข้าใจผิดกันหมด จากคุณ : NaCl - [ 7 ก.ย. 50 09:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มันก็ต้องกินกระแสลดลงสิ เอ หรือผมเข้าใจผิดหว่า... จากคุณ : yongkung - [ 7 ก.ย. 50 10:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คำถามนี้จะสัมพันธ์กับคำถามที่ว่า ทำไมปัมพ์หอยโข่งต้องล่อน้ำด้วยครับ ถ้าจะตอบว่าถ้าไม่ล่อน้ำ น้ำจะไม่ขึ้นนั่นไม่พอที่จะอธิบายนะครับ ทำไมไม่ล่อน้ำแล้วน้ำไม่ขึ้น ลองคิดดีๆครับ #3 Characteristic curve บอกหมดนั่นใช่ครับ แต่หลักการที่แท้จริงของมันคืออะไรทราบไหมครับ #10 อธิบายเป็นเรื่องเป็นราวดี แต่ไม่ถูกตั้งแต่ --------------------------- เพราะเมื่อปิดทางออก ทำให้ปั๊มหมุนช้าลง --------------------------- แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 50 10:24:17 จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 7 ก.ย. 50 10:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เดี๋ยวรอคุณ waterman มาตอบ เพราะเขาเรียนมาสายตรง จากคุณ : น้าพร - [ 7 ก.ย. 50 10:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 น่าจะปิดวาล์วทางออกแล้ววัดกระแสเข้ามอเตอร์ดูนะครับจะได้คำตอบชัวร์ๆ    ถ้าจะเอาแบบเหตุผลโดยไม่ทดลองก็พอได้นะครับ   ปั๊มดันน้ำไห้ไหลไปตามท่อ  เมื่อคุณไปปิดทางออกของ มัน   มันก็ต้องทำงานหนักขึ้น้ซิครับ   มอเตอร์เมื่อมีโหลด เพิ่มมันก็ต้องกินกระแสเพิ่มเป็นธรรมดา       แล้วมอเตอร์มันกินกระแสเพิ่มได้อย่างไรในเมื่อมันไม่มีคันเร่ง         เมื่อโหลดเพิ่มขึ้นมอเตอร์จะหมุนช้าลง   เป็นผลให้ สนามแม่เหล็กที่โรเตอร์ตัดกับขดลวดที่สเตเตอร์ช้าลงจึง เกิดแรงดันที่ขดลวดสเตเตอร์ลดลง( เรียกแรงดันนี้ว่าแรง ดันไฟฟ้าต้านกลับ  Back e.m.f.)  เมื่อแรงดันนี้ลดลง   มัน ก็ดันสู้แรงดันที่เราป้อนให้ไม่ไหวกระแสจึงไหลเข้าไปมาก     แล้วคุณจะปิดมันทำไมละครับ! จากคุณ : ตาเป๋า - [ 7 ก.ย. 50 12:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ^ จริงหรือไม่ เมื่อคุณไปปิดทางออกของมัน   มันก็ต้องทำงานหนักขึ้นซิครับ จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 7 ก.ย. 50 12:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบไม่ได้ อ่ะ - -" จากคุณ : วิศวกาม (INEOS) - [ 7 ก.ย. 50 12:57:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปั้มหอยโข่ง ก็คือ centrifugal pump แต่จะมีอะไรลึกลับในปั้มหอยโข่งหรือปล่าว ยังนึกไม่ออกแหะ โดยทั่วๆไปถ้าเราปิดท่อทางออกของ pump ทุกชนิด นั่นจะหมายถึงว่า pump ต้องออกแรงต้านเพิ่มขึ้น หรือออกแรงขับ load สูงขึ้น หรือตัว motor ที่ใช้ขับปั้มจะต้องกินกระแสเพิ่มขึ้น แต่ถ้ากรณีที่ท่อทางออกปั้มดังกล่าวนำไปต่อกับ pressure switch พอปั้มออกแรงดันมากๆ pressure switch จะทำการ off motor กระแสจะลดลงเป็น 0 ใช่แบบนี้หรือปล่าวที่กำลังพูดถึงกัน (ฟังแล้วดูเหมือนปัญหาเชาว์เลยนะเนี่ย) จากคุณ : jounior - [ 7 ก.ย. 50 13:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คิดว่าน่าจะได้เวลาเฉลยแล้วครับ ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับการทำงานของปั๊มหอยโข่ง หรือ Centrifugal Pump กันก่อน ปั๊มชนิดนี้จะใช้ประโยชน์จากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์มาใช้ในการส่งน้ำครับ ผมขอคัดเอาคำอธิบายหร้อมภาพจาก http://www.ku.ac.th/e-magazine/august43/e_mag2_1.htm เลยแล้วกันเพราะเค้าอธิบายไว้ได้ดีเลยทีเดียว ------------------------------------------------------    รูปที่ 5 เป็นรูปที่แสดงหลักการทำงานของใบพัดที่ก่อให้เกิดการสูบน้ำขึ้นในเครื่องสูบน้ำแบบหอยโข่ง รูป ก แสดงให้เห็นท่อดูดและท่องอซึ่งถูกฉุดให้หมุน โดยเครื่องต้นกำลัง คือมอเตอร์ ถ้าท่อทั้งสองไม่มีน้ำอยู่เต็ม ไม่ว่าท่องอจะหมุน เร็วเท่าไร น้ำก็จะไม่พุ่งออกมาและน้ำในอ่างก็จะไม่ถูกดูดขึ้นไป นั่นคือเหตุผลที่ต้องล่อน้ำ ให้เต็มก่อนที่จะใช้เครื่องสูบน้ำแบบนี้ แต่ถ้าท่อทั้งสองมีน้ำอยู่เต็ม เมื่อท่องอ หมุน น้ำภายในท่อจะถูกเหวี่ยงออกมา น้ำที่อยู่ในอ่างจะถูกอากาศภายนอกดันเข้าไปภายใน ท่อดูดขึ้นไปแทนที่น้ำเก่าที่ถูกเหวี่ยงออกไป หลักการสูบน้ำแบบนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่ท่องอยังหมุนอยู่ และอากาศยังไม่รั่วเข้าไปภายในท่อ    ถ้ามีการเพิ่มท่องอมากขึ้นอีกดัง รูป ข ปริมาณน้ำที่สูบได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าใบพัด ของเครื่องสูบน้ำแบบหอยโข่งใน รูป ค นั้นเปรียบเสมือนตัวท่องอ ส่วนช่องว่างระหว่างใบพัดก็คือรูที่น้ำออกของท่องอนั่นเอง    เมื่อพิจารณาดูการสูบน้ำของเครื่องสูบน้ำแบบหอยโข่งจะเห็นว่า ขณะที่ใบพัดหมุนน้ำที่อยู่ภายในเรือนสูบ ซึ่งได้จาก การล่อน้ำและเข้ามาแทนที่อากาศ จะถูกพัดเหวี่ยง ออกไป ทำให้เกิดสูญญากาศขึ้นภายในเรือนสูบ ความกดดันของ บรรยากาศภายนอกจะดันให้น้ำไหลขึ้นไปยังเครื่องสูบน้ำ ผ่านท่อดูดและไหลเลยเข้าไปยังบริเวณศูนย์กลาง ของใบพัด หลังจากนั้นน้ำก็จะถูกใบพัดบังคับให้หมุนตามไปด้วยกัน การหมุนของน้ำนี้ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ ซึ่งจะเหวี่ยงน้ำ ออกจากปลายใบพัดด้วยความเร็วและ แรงดันสูง ให้ไปกระทบกับผนังของเรือนสูบซึ่งมีลักษณะโค้ง สำหรับรับน้ำ และส่งน้ำออกไป ทำให้น้ำที่ไหลออกจากเครื่องสูบน้ำ มีแรงดันสูงกว่าตอนขาเข้า และพร้อมที่ จะไหลไปยังตำแหน่งอื่น ๆ เมื่อน้ำถูกส่งออกไปแล้ว น้ำจำนวนใหม่ก็จะไหลเข้าไป แทนที่ภายในเครื่องดูดน้ำ รอให้ถูกเหวี่ยง ออกนอกเครื่องด้วย วิธีการเดียวกับ ที่กล่าวมาแล้ว ข้างต้น รูปที่ 5 ของ บทความข้างต้น จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 7 ก.ย. 50 13:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คราวนี้มาถึงคำตอบ เมื่อคุณปิดวาล์วด้านออก น้ำจะไม่ไหล เท่ากับ ไม่เกิดงาน ใบพัดที่หมุนจะทำหน้าที่แค่ กวน น้ำในห้องปั๊มเท่านั้น มอเตอร์จะกินกระแสน้อยลงครับ ส่วนที่อธิบายในคคห.21 นั้น จะเกิดขึ้นในกรณีที่ใช้ปั๊มลูกสูบ แต่จะไม่เกิดในปั๊มหอยโข่งครับ จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 7 ก.ย. 50 13:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 # 18 --------------------------     แล้วคุณจะปิดมันทำไมละครับ! -------------------------- ในการทำงานของระบบส่งน้ำที่ต้องมีการควบคุมอัตราการไหล (สมัยก่อนที่จะมีระบบ Inverter Control) จะเลือกใช้การหรี่วาล์ว หรือ ปิดวาล์วให้สุดก่อน ซักระยะนึง เมื่อระบบควบคุม คิดว่าไม่ต้องการน้ำเพิ่มแล้ว จึงจะ off motor ครับ เพื่อที่จะได้ไม่ต้อง start-stop motor บ่อยๆ แต่ถ้ามีความต้องการน้ำมากขึ้นในขณะที่ motor ยังรันอยู่ ก็สั่งเปิดวาล์วได้เลย จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 7 ก.ย. 50 14:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มอเตอร์ไม่ได้มีแต่ความเร็วรอบ มอเตอร์ทุกตัวมีแรงบิดด้วย จากคุณ : high_voltage_x - [ 7 ก.ย. 50 15:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ่า ไม่ได้เรียนวิศวะ ไม่รู้เรื่องวุ้ย ..... - -" ปั๊มหอย....... จากคุณ : Kenshin - [ 7 ก.ย. 50 15:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ ^ ปั๊ม shell ซะงั้น - -" จากคุณ : Nu~tourtor - [ 7 ก.ย. 50 15:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ยืนยันคำเฉลยของเจ้าของกระทู้ถูกต้องนะครับ                                        มีผมโง่อยู่คนเดียว จากคุณ : ตาเป๋า - [ 7 ก.ย. 50 15:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คงไม่แปลกเพราะที่เรียนก็เรียนแค่คำนวณ head loss ดู Performance chart ของปั้มยี่ห้อหนึ่งดูนะครับ มันบอกได้หมดทุกอย่าง ว่าทำไมมันกินไฟประหลาดแบบนี้ ปิดทางออก ดันกินไฟฟ้าน้อยกว่าเดิม calpeda NM จะเห็นว่า ถ้าปิดทางออกให้อัตราการไหลน้อยลง แรงดันน้ำจะสูงขึ้น มอเตอร์ก็กินไฟฟ้าน้อยลงด้วย แต่ประสิทธิภาพจะห่วยลงตาม จากคุณ : Professor - [ 7 ก.ย. 50 16:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 นึกว่าเท่าเดิม - -" จากคุณ : .............................. - [ 7 ก.ย. 50 17:41:43 A:58.8.45.21 X: TicketID:087386 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เหอๆ ถูกเฟ้ย... ที่ผมตอบว่าลดลงเพราะว่าเคยซื้อปั๊มใหญ่กว่ามอเตอร์ ผมเลยใช้วิธีหรี่วาล์วเอาเพื่อไม่ให้ปั๊มไหม้ และจะได้อยู่ใน curve ด้วย แต่ไม่เคยปิดวาล์วอ่ะ เลยไม่แน่ใจ จากคุณ : yongkung - [ 7 ก.ย. 50 20:41:01 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ยังงง ครับ จขกท แรงมอเตอร์ T = Iw + ทอร์คเสียดทาน ในรูป ก  ตาม คห 22 ถ้าปิดปลายแล้ว  แรงบิด T ลดตามที่  จขกท บอกทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่สมมติที่ว่ากินกำลังไฟน้อยลง  แล้วตัวไหนที่ลดลงครับ ตัว  I  (moment of inertia) ตัว  w (Angular acceleration) หรือ T เสียดทาน แถลงไขทีครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 50 22:42:49 จากคุณ : =Lord Gary= - [ 7 ก.ย. 50 22:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แก้สมการครับ จากวิกิ Equations of motion For rotational motion, Newton's second law can be adapted to describe the relation between torque and angular acceleration: T= I a where T is torque, and I is moment of inertia. a angular acceleration จากคุณ : =Lord Gary= - [ 7 ก.ย. 50 22:50:12 ]

ความคิดเห็นที่ 34 1. ขออธิบายตามความเข้าใจของผมตาม Performant Curve ตัวอย่าง ครับ มี Curve เส้นนึงที่คนที่จะใช้ปั๊มมักไม่ค่อยเห็นความสำคัญ แต่เส้นนี้จะเป็นตัวเลือกว่าจะใช้ปั๊มตัวไหน นั่นคือ Efficientcy Curve ครับ ในตัวอย่างนี้จะเห็นว่า เมื่อเราให้พลังงานกลจากมอเตอร์กับน้ำผ่านทางเครื่องสูบน้ำ (นิยามของเครื่องสูบน้ำ : เครื่องมือที่เปลี่ยนพลังงานกลไปเป็นพลังงานศักย์และพลังงานจลน์ให้กับของไหล) จะมีค่าที่สูงในช่วงแคบๆ และเมื่อ Head มากขึ้น Q จะน้อยลงเรื่อยๆ รวมถึงประสิทธิภาพ (ให้พลังงานจากมอเตอร์เท่ากัน ผลคูณของ Q กับ H จะน้อยลงเรื่อยๆ ) ซึ่งเมื่อถึง H ค่าสุดท้าย Q จะเป็น 0 แต่เครื่องยนต์ต้นกำลังหรือมอเตอร์ก็ยังต้องจ่ายพลังงานเท่ากัน ซึ่งในกรณีของการปิดวาล์วทางออก ผมว่ามันไม่ต่างกับให้เครื่องสูบยกน้ำไปเรื่อยๆ จนถึงความสูงสุดท้ายครับ ดังนั้นข้อสรุปของผมก็คือ มอเตอร์ก็คงยังกินกระแสเท่าเดิม ครับ และตามประสบการณ์ล่าสุด เมื่อตอนต้นปีที่น่าน ผมออกแบบระบบสูบน้ำโดยต้องยกน้ำสูงประมาณ 100 ม. โดยไม่มีไฟฟ้า ก็เลยต้องกำหนดเครื่องสูบ และเครื่องยนต์ดีเว,ทั่วไปเป็นต้นกำลัง ซึ่งฝ่ายก่อสร้างได้รับไปดำเนินการจนเสร็จ แต่พอช่วงเดินเครื่องกลับแจ้งว่าน้ำขึ้นไม่ถึง เรื่องใหญ่พอสมควรขนาดผู้ที่เป็นผู้กำหนด Spec บอกว่า ผมกำหนด Q H และเครื่องยนต์ต้นกำลังยังไงก็สูบไม่ขึ้น (ผมแค่คำนวณ แต่เขาเป็นผู้กำหนด Spec เพื่อจัดซื้อ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดผมได้) ทำให้ผมต้องไปตรวจสอบ และลอง Run เครื่องดู มันก็ไม่ขึ้นจริงๆ แหละครับ แต่เครื่องก็ยังหมุนเหมือนมี Load สูงๆ อยู่ ผมจึงสั่งให้ถอดเสื้อเครื่องสูบน้ำดู ปรากฏว่าสาเหตุเกิดจากมีเศษหินเล็กๆ มันเข้าไปอุดที่ใบพัด ทำให้น้ำไม่ไหล ก็เลยจัดการแคะออกมา จากนั้นก็ลองเดินเครื่องใหม่ หนนี้น้ำขึ้นถึงถังได้แล้วครับ เพียงแต่ Q น้อยไปประมาณ 10 - 20 % จากที่กำหนดซึ่งสันนิษฐานว่ายังคงมีเศษหินอยู่ในใบพัดช่วงใน ซึ่งจากการฟังเสียงเครื่อง ผมสังเกตว่ามันไม่ต่างกันครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 7 ก.ย. 50 23:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 35 2. การเดินเครื่องสูบโดยปิดวาล์วขาออก ในกรณีของเครื่องสูบที่ใช้มอเตอร์ 3 Phase ผมว่ามอเตอร์จะพังเอานะครับ เพราะว่า มอเตอร์จะต้องเริ่มความเร็วจาก 0 ซึ่งต้องใช้แรงบิดมากพอควร โดยในการ Start Motor พวกนี้ เด็กๆ ก็ Star-Delta ซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มแรงบิดจนมีแรงเฉื่อยพอควรจึงเดินเต็มที่ ในขณะที่เครื่องสูบจะค่อยๆ ยกน้ำหรือให้แรงดันกับน้ำเรื่อยๆ แต่การปิดแม้ว่าน้ำอาจจะไม่ไหล แต่ช่วงแรกจะทำให้เครื่องสูบต้องทำงานเต็มที่ทันที เพื่ออัดน้ำ ดังนั้นมอเตอร์ช่วงนี้น่าจะวิกฤตมากกว่านะครับ (อันนี้เป็นแค่ สมมุติฐาน เพราะผมไม่ใช่วิศวกรไฟฟ้า) และสำหรับมอเตอร์ใหญ่ๆ ที่ใช้ Soft Start ผมก็ไม่มีประสบการณ์ เพราะมอเตอร์ใหญ่สุดที่ดูแลเอามารื้อก็แค่ 45 KW. ครับ เครื่องสูบผม Head 220 ม. มอเตอร์ยังแค่ 15 KW. เองครับ 3. การเรียกปั๊มหอยโข่ง ในความเข้าใจของผม หมายถึง Centrifugal Pump ซึ่งมีรูปแบบการไหลหลังใบพัด 3 แบบ ซึ่งในข้อ 1 นั้นเป็นการไหลแบบ Radial Flow ซึ่งจะให้ Head สูง ดังนั้น seal จะป้องกันการรั่วย้อนกลับค่อนข้างดี และตามที่ผมสรุปว่ายังคงกินกระแสเท่าเดิม (ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ครับ) แต่ในการไหลแบบ Axial Flow เช่นพวก Submersible Pump หรือ Sewage Pump จะมีช่องว่างระหว่างใบพัดกับเรือนปั๊ม ซึ่งแม้ว่าจะมี Head ไม่มากนัก เมื่อทางออกถูกปิด แรงดันที่มากขึ้นก็อาจจะมากพอที่จะดันน้ำให้ไหลย้อนกลับไปหน้าใบพัดตามช่องว่างนี้ ซึ่งทำให้ยังมีการไหลในระบบอยู่แม้จะน้อย ดังนั้นในกรณีนี้เท่าเดิมแน่ๆ ครับ 4. ข้อนี้ไม่ตรงประเด็นที่ จขกท. ถาม แต่อยากถามวิศวกรไฟฟ้าว่า มอเตอร์ตัวเดียวกันที่หมุนด้วยความเร็วเท่ากัน โดยมี Load กับไม่มี Load เนี่ยมันกินกระแสเท่ากันหรือเปล่าครับ ถ้าไม่เท่ากระแสที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้มอเตอร์ไหม้หรือเปล่า ครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 8 ก.ย. 50 00:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อืม ... ในกรณีหอยโข่ง end-suction ทั่วๆ ไปซึ่งเป็น radial flow ก็น่าจะเป็น อย่างที่เฉลย แต่ถ้าใส่ใบ axial ไว้ มันออกจะเป็น P-D มากกว่า centrifugal ในกรณีนี้ แอมป์น่าจะขึ้นนะ จากคุณ : หอยคนละพันธุ์กัน (mun) - [ 8 ก.ย. 50 00:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ปั้มของเหลวแบบแรงเหวี่ยง ไม่ว่าของเหลวนั้นจะเป็นน้ำ(เช่นปั้มหอยโข่ง) หรืออากาศ(เช่นblower) แรงที่ใช้ขับจะแปรกับน้ำหนักของเหลวที่มันส่งออกไป/เวลา ครับ หากของเหลวเป็นน้ำ น้ำหนักก็จะแปรโดยตรงกับปริมาตรที่ถูกส่งออกไป หากของเหลวเป็นอากาศ น้ำหนักก็จะแปรโดยตรงกับปริมาตรที่ถูกส่งออกไปและอุณหภูมิด้วย จากคุณ : weerahi - [ 8 ก.ย. 50 01:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จะเป็นไปไหมที่เราจะอธิบายเชิงฟิสิกส์ตามกฎข้อสองของนิวตัน เทียบกันระหว่าง  ปิดปลาย  กับเปิดปลายในรูป ก ตามแนบมานี้ ถ้าอธิบายเชิงวิศวกรรมผมไปไม่ถึงด้วยภูมิยังด้อย  แต่เข้าใจว่าวิศวกรรมหนีกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ไม่พ้น จากคุณ : =Lord Gary= - [ 8 ก.ย. 50 10:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตอบ#32 Load Torque เลยครับ ที่ลดลง ตอบ#35 (4) Motor Noload ย่อมกินกระแสน้อยกว่า Load ครับ และในการออกแบบการ Start Motor ทุกระบบ จะพยายามให้ Start ขณะ Noload เสมอ เช่น ระบบส่งน้ำที่ใช้ Centifugal Pump จะออกแบบให้เริ่ม Start Motor โดยการปิดวาล์วด้านออก เพิ่มลดกระแสขณะ Start ถ้าปิดด้าน Suction ทำได้แต่ไม่นิยมเป็นอย่างยิ่งเนื่องจาก มีโอกาสเกิด Cavitation สูง ส่วนในระบบที่ใช้ Pistol Pump และ Screw Pump จะเลือกปิดด้าน Suction เสมอ เนื่องจากการปิดด้านออก ไม่สามารถการทำไดเเพราะ Load จะสูงมาก ตรงกันข้ามกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะ Start Noload จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 8 ก.ย. 50 10:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ลืมรูปซะงั้น จากคุณ : =Lord Gary= - [ 8 ก.ย. 50 10:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จขกท   คห 39 load  ในที่นี้ ได้แก่อะไรบ้าง 1  แรงบิดของระบบหล่อลื่น 2  แรงบิดจากการกวนน้ำในอ่าง 3  แรงบิดของท่อที่ทำกับน้ำในท่อตรง 4  แรงบิดที่ต้องผลักน้ำในท่อสาขา 5  น้ำที่พ้นท่อไปแล้วไม่มีผลต่อแรงบิด เท่าที่ดู  ส่วนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นข้อ 3 และ 4 แต่งงว่ามันลดน้อยลงได้อย่างไร จากคุณ : =Lord Gary= - [ 8 ก.ย. 50 10:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แรงที่ลดลงคือแรงทีใช้ในการเคลื่อนมวลน้ำจากจุดศูนย์กลางสู่ขอบ(ปลายท่อ)ครับ ตัวนั้นแหละครับ ตัวหลักที่ต้องการแรง จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 8 ก.ย. 50 11:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จริงๆแล้วต้องรวม แรงที่ใช้ในการเคลื่อนมวลน้ำจากอ่าง สู่จุดศูนย์กลางด้วยครับ ลืมไปนิด แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 50 11:11:17 จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 8 ก.ย. 50 11:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ถึงเจ้าของกระทู้ครับ               ตามเหตุผลของ#34  คุณ waterman ที่ว่ากระแสเท่าเดิมก็มีเหตุผลดีนะครับ   แต่จากการทดลองมันเป็นไปตามเจ้าของกระทู้เฉลยผมก็เลยคาใจอยู่ว่าเหตุผลของ#34ผิดตรงไหน   หรือว่าเป็นเหตุผลคนละประเด็น       1 สมมุติเราปั๊มน้ำขึ้นในแนวดิ่งนะครับโดยให้มอเตอร์หมุนฟรีก่อนตอนนี้มอเตอร์กินกระแสโนโหลด  สมมุติ 5 แอมแปร์     2 ทำการล่อน้ำมอเตอร์จะกินกระแสจากการกวนน้ำ  สมมติ 1 แอมแปร์     3 มอเตอร์เริ่มดูดน้ำและดันน้ำให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงจุดที่มันหยุด   มอเตอร์ก็จะกินกระแสเพี่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งถึงจุดสูงสุดสมมุติเพิ่ม10แอมแปร์     4 รวมกระแสทั้งหมด  16 แอมแปร์     5 หลังน้ำหยุดนิ่งมอเตอร์ก็ทำหน้าที่กวนน้ำอย่างเดียวตามเหตุผลของเจ้าของกระทู้มอเตอร์ก็ควรกินกระแสโนโหลดกับกระแสกวนน้ำรวม 6 แอมแปร์ ก็คือกระแสลดลง         6 หรือ  หลังน้ำหยุดนิ่งมอเตอร์ก็ยังคงออกแรงดันน้ำไว้เพื่อไม่ให้น้ำไหลย้อนลงมา   ดังนั้นมอเตอร์ก็คงกินกระแสรวม  16 แอมแปร์เท่าเดิม     7  การปิดวาล์วที่ปากปั๊มกับการปิดวาล์วที่จุดสูงสุดที่ปั้มสามารถดันน้ำขึ้นไปได้   มอเตอร์กินกระแสเท่ากันหรือแตกต่างกัน              เหตุผลมันขัดกันหนะครับมันก็เลยยังไม่แจ่มแจ้งครับ จากคุณ : ตาเป๋า - [ 10 ก.ย. 50 10:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เปรียบเทียบกับรถยนต์ เราจะปลดเกียร์ให้ว่างก่อนติดเครื่องยนต์เพื่อไม่ให้เกิดภาระกระทันหัน เมื่อติดเครื่องยนต์ได้ความเร็วรอบแล้วจึงใส่เกียร์(ภาระขับเคลื่อน)เข้าไป กรณีเครื่องสูบน้ำแบบหอยโข่ง เป็นไปตามที่ จขกท อธิบาย ก่อนเปิดเครื่องสูบโดยหลักปฏิบัติทั่วไป ควรจะปิดประตูน้ำทางออกไว้ก่อน เมื่่อเครื่องสูบทำงานแล้วจึงค่อยๆเปิดประตูน้ำออกจนได้ปริมาณน้ำตามที่ต้องการ ขณะที่ปิดประตูน้ำไว้ กระแสไฟฟ้าเริ่มต้นจะสูงมากกว่าปกติในเวลาไม่กี่วินาทีเพื่อเอาชนะความฝืดในระบบ จากนั้นกระแสไฟฟ้าจะลดลงในระดับต่ำ(ไม่มีภาระสูบยกระดับน้ำ) เื่มื่อเปิดประตูน้ำออกกระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นไปตามภาระการสูบ(ปริมาณน้ำ/ความสูงรวม) ที่แนะนำให้ปฏิบัติเช่นนี้เพราะจะช่วยประหยัดกระแสไฟฟ้าจากการเิดเครื่องสูบโดยมีภาระการสูบ และป้องกันความเสียหายจากการกระชากลากถูให้เครื่องทำงาน(เช่นเดียวกับการสตาร์ทรถไปทั้งเกียร์) การปิดประตูน้ำทางออกของเครื่องสูบไม่ควรปิดนาน เพราะเมื่อเครื่องสูบทำงาน แม้ไม่มีภาระสูบน้ำออก แต่จะเกิดความร้อนจากการหมุนเวียนน้ำในตัวเรือนสูบ จนอาจก่อความเสียหายได้ การออกแบบเครื่องสูบกับมอเตอร์ หริือเครื่องยนต์ขับเคลื่อน ควรสัมพันธ์กัน เอามอเตอร์ใหญ่เข้าว่าสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า แม้จะสูบน้ำในปริมาณและความสูงเท่ากันก็ตาม จึงไม่ควรเอามอเตอร์ตัวใหญ่ๆมาขับเครื่องสูบเล็ก หรือใช้วิธีปรับประตูน้ำให้น้ำไหลออกน้อยๆตามที่ต้องการ เพราะไม่เหมาะสม กรณีเครื่องสูบแบบลูกสูบ(Piston pump) อาศัยหลักการคนละแบบกับเครื่องสูบแบบหอยโข่ง แบบแรกอาศัยหลักการทดแทนปริมาตรทางบวก(Positive displacement pump) ก่อให้เกิดสูญญากาศในเรือนสูบ อากาศภายนอกจะกดดันให้น้ำไหลเข้ามาแทนที่ (ความกดดันอากาศภายนอก เทียบเท่าความสูง 10.4 เมตรน้ำ การติดตั้งจริงแนะนำให้เครื่องสูบวางสูงจากระดับน้ำได้ไม่เกิน 8 เมตร) ดังนั้นเครื่องสูบแบบนี้ปิดประตูน้ำทางออกเมื่อเปิดเครื่องไม่ได้ไม่ได้ เครื่องสูบแบบทดแทนปริมาตรทางบวกได้แก่ Gear pump/ Piston pump ฯลฯ ส่วนเครื่องสูบแบบหอยโข่ง (Centrifugal pump) อาศัยแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางก่อให้เกิดสูญญากาศตรงศูนย์กลางทางเข้าด้านท่อดูด อากาศภายนอกจะกดดันให้น้ำไหลเข้ามาแทนที่ แต่ลักษณะสร้างมีช่องว่างระหว่างตัวเรือนสูบกับตัวใบพัด ทำให้ปริมาตรน้ำไม่ได้ถูกแทนที่ตามรอบการหมุนขจัดของใบพัด (บางส่วนจะหมุนวนอยู่ได้ภายในตัวเรือนสูบ) มีข้อแนะนำการติดตั้งให้เครื่องสูบวางสูงจากระดับน้ำได้เพียงไม่เกิน 6-7 เมตร เนื่องจากสูญญากาศที่เกิดไม่สมบูรณ์ ที่สำคัญต้องมีน้ำอยู่เต็มท่อดูดและตัวเรือนสูบก่อนใบพัดหมุนเหวี่ยงจึงจะสามารถสร้างสูญญากาศจากการหมุนเหวี่ยงน้ำออกไปได้ ดังนั้นกรณีนี้หากมีการรั่วไหลที่ท่อดูดทำให้อากาศหลุดเข้ามาได้ ก็สูบน้ำไม่ได้ ปกติทั่วๆไป เครื่องสูบหอยโข่งใช้มอเตอร์ชนิดมีความเร็วรอบคงที่ตามที่ได้ออกแบบ (เช่น 1200 รอบต่อนาที หรือ 2700 รอบต่อนาที) ดังนั้นเมื่อเครื่องสูบทำงาน ไม่ว่าจะปิดหรือเปิดประตูน้ำ ความเร็วรอบก็จะคงที่ (ยกเว้นตอนเริ่มสตาร์ทเล็กน้อย) ส่วนการใช้อินเวอณเตอร์(เพิ่มเติม)เพื่อปรับความเร็วรอบเครื่องสูบใช้กรณีอัตราการสูบน้ำที่ต้องการมีการผันแปร เพื่อการประหยัดพลังงาน เช่นเดียวกับที่ใช้ในระบบทำความเย็น ถ้าปริมาณน้ำที่ต้องการสูบค่อนข้างคงที่ ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้อินเวอร์เตอร์ เพราะเป็นอุปกรณ์ราคาแพง ต้องดูแลรักษาโดยผู้รู้(จ้างดูแล/ซ่อมแพง) ความคิดเห็นที่ 4 ก็จริงนะ อย่าว่าแต่ วิศวะใหม่เลย ผมว่าวิศวะเก่าแก่หลายท่านก็ตอบไม่ได้(ไม่ถูก) ความเห็นแย่ จากคุณ : คนแก่ - [ 4 ต.ค. 50 00:14:51 A:194.187.213.89 X: ]