ความคิดเห็นที่ 1 สงสัยว่า เทคโนโลยีปืนเรือสมัยก่อน ต้องใช้คนอุ้มลูกกระสุนปืนใหญ่แบบนี้เหรอ ไม่มีป้อนกระสุนเอง อยากถามผู้รู้ด้วยครับ (เห็นช่วงหลังมีหลายคนในหว้ากอ) ประจวบกับพอดีอ่านเรื่อง ซิปัง(Zipang) ก็เลยคิดว่า แต่ละชาติก็คงมีคนที่มีอุดมการณ์ละนะ สงครามมันก็ต้องโหดร้ายทุกฝ่ายอยู่แล้ว จริงๆน่าจะมีคนหยิบยกเรื่องราวของไทยเราสมัยนั้นมาทำหนังภาพยนตร์เยอะๆเพราะว่าเราไม่ควรลืมประวัติศาสตร์ แต่อย่างว่า เราไม่ค่อยอยากนึกถึงมันเท่าไร จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 9 ก.ย. 50 01:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เหอ ๆ เจ๋งไง สมัยนั้นก็สู้ เรือ มิไร ไม่ได้แหง ๆ โป้งเดียวจอด จากคุณ : keiji - [ 9 ก.ย. 50 01:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สารคดีครับ Yamato: " Sinking the Supership " 1 of 6 จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 9 ก.ย. 50 01:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่มากครับ เพราะญี่ปุ่น พลาดมาตั้งแต่ Pearl Harbor แล้วล่ะครับ ที่ไม่สามารถทำลายกองเรือบรรทุกเครื่องบินได้ทั้งหมด ยิ่งที่มิดเวย์ด้วยแล้ว ชี้ชัดเลยว่าจุดจบคงอีกไม่นาน มันหมดยุคของเรือลำโต ๆ ปืนใหญ่ ๆ แล้วครับ สงครามโลกครั้งที่สองให้กำเนิดหลักนิยม ยุทธวิธี รวมถึงยุทธศาสตร์ใหม่ นั้นคือเรือบรรทุกเครื่องบินครับ ฉะนั้น ยามาโต้มาหรือไม่ ก็ไม่น่าสร้างความแตกต่างมากนักครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 9 ก.ย. 50 01:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คห. 2 คุณ keiji นั่นสิครับ แหม ก็นั่นมันมีจรวด.. สารคดี Yamato: " Sinking the Supership " 2 of 6 จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 9 ก.ย. 50 01:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สารคดี Yamato: " Sinking the Supership " 3 of 6 จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 9 ก.ย. 50 01:57:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่กว่าจะจมมันได้ ก็เล่นกันหนักเหมือนกันนะครับคุณ Skyman (Analayo) สารคดีที่เหลือ คลิกดูในนี้ครับ http://www.youtube.com/watch?v=SD62cZowTAg&mode=related&search= จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 9 ก.ย. 50 01:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ คห. 4 สมัยนั้น ญี่ปุ่น ก็มีกองเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่แล้วนะ เยอะด้วย สมมุติฐานนี้ ฟังแล้วแปลก ๆ อยู่นา การที่ยามาโมโตะ มันใหญ่ ๆ ก็เพราะญี่ปุ่น อยากให้เป็นเรือธง ไว้เชิดหน้าชูตากองทัพเรือจักรวรรดิ เรือลำอื่น ๆ ของญี่ปุ่น มันก็ขนาดทั่ว ๆ ไปแหละ มีไอ้เจ้านี่ลำเดียว ที่บึ๊กกว่าเพื่อน แต่ สังเกตุกันมั๊ย ว่า เรือบรรทุกเครื่องบินของญี่ปุ่น สมัย ww 2 นี่ มันดูตัน ๆ ชอบกล รูปร่างไม่เพรียว สวยเหมือน usa เห็นแล้วเลยทำให้คิดว่า สมรรถมันจะสู้ usa ไม่ได้นะสิ ใครรู้ข้อมูลด้านเทคนิคของเรือรบ ญี่ปุ่น ช่วง ww2  มาเฉลยหน่อย แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 50 02:06:06 จากคุณ : keiji - [ 9 ก.ย. 50 02:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เปลี่ยน แต่ไม่เปลี่ยนจนชนะ อาจแค่ทำให้อเมริกาเสียหายเพิ่มขึ้น เพราะไงๆก็จบด้วยระเบิด จากคุณ : JengisKhan - [ 9 ก.ย. 50 03:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่เกี่ยวกับกระทู้แต่อยากถามนิดนึงครับว่า พี่ ญี่ปุ่น สมัยสนั้นเขารวยอะไร ถึงมีเงินมีทองมาสร้างกองทัพที่ใหญ่โต และมีงบมาใช้ในสงครามมากมายครับ จากคุณ : น้องยุ้ยงัย - [ 9 ก.ย. 50 03:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถึงสมัยนั้น Yamato ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ก็ไม่ใช่ว่าญี่ปุ่นจะไม่มี เรือคลาสระดับนี้ ถ้าผมเป็น ผบ.ยามาโมโต้ ผมจะใช้กลยุทธ์ถล่มPearl Harbor ด้วยการโจมตีทางอากาศ พร้อมๆกับการยิงสนับสนุนด้วยเรือปืน Battle Ship Class   แรกเริ่มเปิดประเดิมด้วยการโจมตีทางอากาศรอบแรก ตั้งแต่ระยะ 200 กิโลเมตร (ของเดิมประชิด250km) แต่แบ่งกำลังให้น้อยลง แต่มากเซตขึ้นตามลำดับ (แบ่งกำลังให้เหลือเครื่องบินคุ้มกันกองเรือ กับคุ้มกันตอนยกพลขึ้นบก) พอเซตแรกบินไป  เซตสอง เซตสามบินตาม กองเรือก็ยังคงมุ่งหน้าไปทางเกาะ คิดไปว่า เรือแล่นด้วยความเร็ว 20 นอต = 37.04 km/h   ประมาณ 4.5 ช.ม. จะเข้าระยะยิงหวังผลในการถล่มเกาะ!!! ซึ่งพวกอเมริกาก็คงไม่ทันได้มาป้องกันแน่นอน เพราะต้องเสียเวลาไปกับการกู้ภัยเหมือนเดิม (ตามประวัติศาสตร์) นำกำลังกองเรือเข้าระยะประชิดเกาะ 30Km เอาพวกเรือชั้น Nagato  เรือชั้น Ise ไปยิง ถล่ม Pearl Harbor ด้วยปืน 16 กับ 12 นิ้ว ตั้งแต่ระยะ 30 km   พอถล่มกำลังรบหลักให้ง่อย ก็เอาพวกเรือลาดตระเวน เรือพิฆาตทำการปิดเกาะตามหลักยุทธวิถีมะริกัน ถล่มซํ้าด้วยปืนเรือเกือบทุกขนาด ตั้งแต่  37มิล ยัง 16 นิ้ว!!! ตามด้วยเอาเรือ LPD ยกพลขึ้นบก ทำการยึดเกาะด้วยทหารราบ ยึดยุทธปัจจัยของอเมริกาให้หมด ป.ล อันนี้คิดเล่นๆครับ แค่สงสัยว่าทำไม โจมตีทางอากาศแค่ 2 รอบ(จากที่เตรียมพร้อมไว้ 3 เซต) แล้วก็บินกลับ แถมคลังนํ้ามันก็ลืมถล่มอีกตะหาก แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 50 04:11:53 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 50 04:11:28 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 50 03:59:45 จากคุณ : S e m a k u t e k ! (เจ้าพ่อSemakutek) - [ 9 ก.ย. 50 03:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ว่ากันว่าการต่อเรือยามาโต้หนึ่งลำสามารถผลิตเครื่องบินขับไล่ซีโร่ได้ถึง 1,000 ลำ ดังนั้นถ้าบวกมุซาชิเข้าไปอีกด้วยก็จะเป็น 2,000 ลำพอดี ญี่ปุ่นโชคร้ายหน่อยที่พอสร้างเรือประจัญบานชั้นนี้ขึ้นมา หลักนิยมในการรบทางทะเลก็เปลี่ยนพอดี คือเรือประจัญบานไม่ได้เป็นจ้าวแห่งท้องทะเลอีกแล้ว แต่เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินแทน ด้วยเหตุนี้เรือน้องลำที่ 3 ชินาโน จึงถูก convert ให้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินแทน เพราะญี่ปุ่นเสียเรือบรรทุกเครื่องบินไปมากในการรบ  น่าเสียดายที่เจ้าชินาโน นี่ไม่มีบทบาทอะไร เพราะพอออกมาไม่ทันไรก็เจอตอร์ปิโดของเรือดำน้ำไอ้กันยิงจมซะแล้ว เพราะฉนั้นผมว่าถ้าญี่ปุ่นไม่สร้างเรือรุ่นนี้ และลงกำลังการผลิตทั้งหมดไปที่เครื่องบินซีโร่หรือเครื่องบินรุ่นอื่นๆอย่างเดียว พร้อมกับเทรนนักบินขับไล่ของตนให้เชี่ยวชาญ ญี่ปุ่นก็จะมีเครื่องบินชั้นเยี่ยมและนักบินระดับหัวกะทิเพิ่มขึ้นมาถึง 3,000 ลำ/คนเลยทีเดียวในตอนต้นสงคราม  เพราะจากสงครามก็เห็นแล้วยามาโต้ไม่ได้มีบทบาทอะไร แค่เป็นเรือธง จอดอยู่เฉยๆ จนกระทั่งช่วงท้ายๆของสงครามนั่นแหละ ญี่ปุ่นถึงได้งัดเอายามาโต้กับมุซาชิออกมารบ แต่ก็โดนฝูงบินไอ้กันรุมกินโต๊ะซะจมลงหมด ถือเป็นการสูญเปล่าโดยแท้  เพราะฉนั้นผมว่า ถ้าไม่สร้าง ญี่ปุ่นจะได้เปรียบกว่าไอ้กันเยอะในตอนต้นสงคราม  แต่ in the long run แล้ว ไอ้กันก็จะชนะสงครามอยู่ดี เพียงแต่สงครามอาจจะยืดเยื้อไปอีกซักประมาณ 1-2 ปีนี่ความเห็นผมนะ (ถ้าไม่เอาเรื่องการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์มาเกี่ยวข้องนะ) แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 50 04:27:47 จากคุณ : piras - [ 9 ก.ย. 50 04:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จะสร้างยามาโต้เอาไว้เป็นเป้าซ้อมยิงหรือครับ แทนที่จะใช้ทรัพยากรสร้างเรือพรรค์นี้ เอาเงินไปพัฒนาอากาศยานอย่าง J9Y Kikka หรือ Ki-201 Karyu(ทั้ง2ลำเครื่องบินเจ็ทที่เป็นโคลนของ Me-262 แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทั้ง2ลำมันต่างกันอย่างไร),shinden หรือเครื่องบินทิ้งระเบิดอย่าง fukaku ที่บินได้ถึงสหรัฐแบบสบายๆ หรือเรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบิน(เอ่อ ไม่ต้องก็ได้มั้ง) รับรองกองทัพอากาศสหรัฐได้หนาวแน่ จากคุณ : Norah (Norah) - [ 9 ก.ย. 50 08:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อให้มี ยามาโต อีก 3-4 ลำ  ยังไงก็แพ้อยู่ดี  ยุคนั้นมันหมดยุคเรือประจัญบานไปแล้ว  ยามาโตก็อย่างที่บนๆบอก  เป็นเรือธงโชว์พาว  แต่ไม่ได้เอาไปรบสร้างวีรกรรมเท่าไร  ยกเว้นออกไปจมตอนสุดท้าย ส่วนเรื่องที่เพริล  ญี่ปุ่นจะบินไปทิ้งระเบิดอีกรอบแต่หมอกลงหนา  เลยพลาด  ทำให้เมการู้ว่าญี่ปุ่นน่าจะมีฐานอยู่ใกล้ๆ  ถึงไปสืบจนเจอมิดเวย์  แล้วจากมิดเวย์นี่เองที่ญี่ปุ่นเสียเรือรบไปจนหมดโอกาสชนะในสงครามแล้ว แล้วยามาโตจริงๆแล้วก็ไม่ได้จมนะ  แต่โดนบอมม์เข้าห้องกระสุนระเบิดขาดครึ่งเป็นชิ้นๆอยู่ใต้ทะเล  เวลาเค้าดำไปดูก็จะเจอแต่ หัวเรือที่มีสัญลักษณ์ของเรืออยู่ เรือประจัญบานที่บักอึดจมยากจริงๆต้องบิสมาร์ก  อังกฤษยิงจนกระสุนหมดแล้วยังไม่จมเลย  เหอ เหอ  แล้วจมทั้งลำ  ไม่ได้ระเบิดเป็นชิ้นๆอย่างยามาโต หรือฮูด สมัยนั้นญี่ปุ่นมีกองเรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินด้วยนะ  รอดจนจบสงครามด้วย  แต่ก็โดนเมกาจมทิ้งเพราะกลัวรัสเซียได้เทคโนโลยีนี้ไป(หลังตัวเองสำรวจแล้ว) จากคุณ : craftman - [ 9 ก.ย. 50 10:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ดูแล้วสงสัยจุดนึง ตรงกล่องที่ลูกเรือสะพายไว้ที่หลังมันคืออะไรเหรอครับ เหมือนหม้อสนามแต่มีสายห้อยออกมาเหมือนท่ออากาศติดหมวกนักบินเลย จากคุณ : waphoo - [ 9 ก.ย. 50 10:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เจอเรือบรรทุกเครื่องบินอย่างไรก็ไปไม่รอดแหง จากคุณ : GLYCERIN - [ 9 ก.ย. 50 11:44:32 A:58.8.109.66 X: TicketID:065895 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #14 ข้อมูลน่าจะผิดรึเปล่าครับ? เกาะ Midway อยู่ในความครอบครองของอเมริกานะครับ ถึงไปดักจับได้ว่า ญี่ปุ่นจะมาโจมตี ตอนญี่ป่นโจมตีเพิลฯ ใช้แต่กองเรือบรรทุกเครื่องบินส่วนใหญ่ครับ มีเรือดำน้ำจิ๋ว แจมด้วยนิดหน่อย จากคุณ : นัยตาสองชั้น - [ 9 ก.ย. 50 11:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่อ สำหรับ จขกท. ถ้าจะให้เกิดจุดเปลี่ยนมากกว่านี้ เรือ yamato ไม่ควรถูกสร้างเลยครับ ควรเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินมากกว่า แต่ทำไงได้ สมัยนั้นมีแต่นายพลเรือญี่ปุ่นชอบเรือปืนโตๆ อยากเอาไว้ดวลปืนเรือ กับไว้ระดมยิงชายฝั่ง จากคุณ : นัยตาสองชั้น - [ 9 ก.ย. 50 11:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถูกสร้างไว้โชว์ซะส่วนใหญ่ ไม่เคยนำออกไปใช้งานจริง ใช้งานจริงก็โดนถล่มเละ จากคุณ : MAX - [ 9 ก.ย. 50 12:30:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมหมายถึงว่าไปดักเจอญี่ปุ่นที่มิดเวย์ครับ   แบบญี่ปุ่นผ่านทางนี้ ไม่ได้หมายถึงว่าญี่ปุ่นยึดมิดเวย์อยู่  ถ้าพิมพ์นัวๆชวนอ่านแล้วงงก็ขออภัย จากคุณ : craftman - [ 9 ก.ย. 50 12:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ....ผมว่า เรือยามาโต เนี่ย เปนเรือที่สร้างขึ้นมาเปนลำท้ายๆของ ยุคที่ความนิยมเรือปืนขนาดใหญ่เริ่มจางลงไป เพราะขนาดที่ใหญ่ของเรือ ทำให้สิ้นเปลืองและยากต่อการหลบซ่อนตัวต่อข้าศึก หลังจากยามาโตแล้ว เรือปืนใหญ่ๆ ก้แทบไม่ได้เห็นกันอีกเลย .....ส่วนที่ถ้าสร้างเสร็จเร็วแล้ว ผลของสงครามจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ผมว่าไม่ จากปัจจัยที่มีอยู่ของญี่ปุ่นตอนนั้น ถึงยามาโตต่อเสร็จ ก็คงยากที่จะตีโต้ หรือตั้งรับอเมริกาได้ ....ยุทธภูมิที่มิดเวย์ คล้ายๆจะสรุปได้ว่า บทท้ายของสงครามจะเปนอย่างไร จากคุณ : พี่ OrcA ป้า HaPpy (orcahappy) - [ 9 ก.ย. 50 12:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าเลือกได้  ญี่ปุ่นคงเลือกไม่โจมตี USA มากกว่าครับ มุ่งยึดเอเชียบูรพา ยึดอินเดีย  ทะลุไปตะวันออกกลางได้สบายๆครับ จากคุณ : tamrong - [ 9 ก.ย. 50 14:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ปัจจัยหลักที่ญี่ปุ่นแพ้เมกา น่าจะมาจากกำลังผลิตของประเทศด้วย เพราะเมกา มีกำลังผลิตในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ีกว่า ต่อให้ญี่ปุ่นยึดอุษาคเนย์ได้หมดเพื่อเอาทรัพยากร(จริงๆก็เกือบหมดแล้ว)หรือทำลายกองเรือของเมกาได้ส่วนใหญ่แต่แรก ยังไงทรัพยากรก็ไม่พอจะไปสู้รบกับเมกาอยู่ดี เมกาเรือพังก็ต่อใหม่เรื่อยๆ กำลังผลิตต่างกันเยอะ ต่อให้เมกาไม่มี nuke ญี่ปุ่นอย่างมากก็ยันได้อีกสองสามปีครับ จากคุณ : ....4จุด - [ 9 ก.ย. 50 14:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 #22 ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ อเมริกาแทรกแซงแน่ ยังไงลองอ่านกระทู้เก่าๆที่ผมเคยโพสไว้ดูนะครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5751348/X5751348.html อ้อ ในกระทู้นี้ถ้าผมเคยว่าใครบางคนแรงๆ ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ. ที่นี้ด้วย  อ้อ เพิ้มเติมนิดนึงนะครับ ในสมัยวงครามโลกครั้งที่สองนี่ การรบทางเรือของเรือประจัญบานนี่มีแค่สองครั้งเองครับ หนึ่งคือการประจัญหน้ากันระหว่าเรือ Bismarck เรือปริ๊นซ์อูเกน กับเรือ Hood ซึ่งเป็นเรือธงของราชนาวีอังกฤษ กับเรือ Prince of Wales ซึ่งเป็นรือประจัญบานลำล่าสุดของอังกฤษในตอนนั้น  อังกฤษภาคภูมิใจกับเรือ Hood มาก รู้สึกจะเป็นเรือธงด้วยนะ แต่ปัญหาก็คือ Hood เป็นเรือในยุคปลายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และเป็น Battle Cruiser ไม่ใช่ Battle Ship ดังนั้นเกราะป้องกันจึงไม่หนาเหมือนเรือประจัญบาน จึงโดนกระสุนของบิสมาร์คเข้าตับเดียว ไปทะลุห้องเครื่องกระสุน เรือระเบิดทั้งลำ ลูกเรือเข้าใจว่าไม่น่าจะรอดหรือว่าจะรอดมาแค่ 3 คนนี่ ผมไม่แน่ใจเพราะเคยดูสารคดีนานมากแล้ว ส่วน Prince of Wales ตอนที่ฉะกับ Bismarck นั้น เป็นเรือใหม่มาก ยังสร้างไม่เสร็จดี ยังมีช่างอยู่บนเรือเลยครับ ลูกเรือก็ไม่ชำนาญเรือซะด้วย ก็เลยโดนยิงเสียหาย ต้องหลบหนีไป ผมว่าถ้า Prince of Wales พร้อมรบมากกว่านี้ และฉะกับ Bismarck อีกครั้ง คงจะเป็นมวยที่น่าสนใจมาก อีกการรบนึงก็คือการตามล่า Pocket Battle Ship ของเยอรมันที่ชื่อ Admiral Graf Spee โดยฝูงกองเรือลาดตระเวณของอังกฤษ อย่าง HMS Ajax และHMS Achilles มีการอัดกันแบบหมาหมู่เลย กราฟสปีแม้จะใหม่กว่า สดกว่า ปืนใหญ่กว่า แต่ก็โดนรุมเสียหายครับ ต้องเข้าไปหลบขอซ่อมอยู่ที่อุรุกวัยที่อเมริกาใต้ แต่รัฐบาลอุรุกวัยซึ่งเป้นกลางไม่อณุญาต สุดท้าย  กราฟสปีก็เลยต้องออกทะเลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ออกไปเพื่อทำการจมตนเองครับ ส่วนตัวกัปตันก็ฆ่าตัวตายสมชายชาติทหาร การรบครั้งนั้นมีชื่อว่า The Battle of the River Plate ส่วนการรบแบบปืนต่อปืนอีกครั้งนึงที่แม้ว่าจะไม่โด่งดังเท่าสองอันแรก ก็คือยุทธนาวีที่เกาะช้างระหว่างเรือหลวงธนบุรี กับกองเรือฝรั่งเศสที่นำโดยเรือลาดตระเวณลามอตปิเกต์นี่แหละครับ  แต่เรื่องนี้เคยมีบางท่านให้รายละเอียดไปแล้วในกระทู้ก่อนๆ และข้อมูลแน่นกว่าผม ผมเลยไม่ขอลงรายละเอียดครับ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าบทบาทของเรือประจัญบานในสงครามโลกครั้งที่สองนี่มีน้อยมากครับ แต่จะเป็นการรบแบบไม่เห็นตัวโดยใช้เรือบรรทุกเครื่องบินซะมากกว่า ทั้งที่มิดเวย์ และหมู่เกาะมาเรย์น่า ซึ่งอันหลังนี่นักบินไอ้กันสอยเครื่องบินญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น เพราะญี่ปุ่นเสียนักบินดีๆไปเกือบหมด เหลือแต่เพียงพวกน้องใหม่ ดังนั้นการรบครั้งนั้นจึงได้ฉายาว่ายุทธการล่าไก่งวงแห่งหมู่เกาะมาเรียน่าหรือ Mariana Turkey Shoot การรบครั้งนั้นญี่ปุ่นเสียเรือบรรทุกเครื่องบินไป 3 ลำและเครื่องบินอีก 600 ลำ ในขณะที่ไอ้กันเสียเครื่องบินไป 123 ลำแต่ไม่สูญเสียเรือใดๆเลย  ในการรบครั้งนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก้มีเรือประจัญบานเข้าร่วมด้วย ไอ้กันมี 7 ลำญี่ปุ่นมี 5 ลำ แต่เนื่องจากเป็นการรบแบบไม่เห็นตัว เรือประจัญบานจึงไม่มีบทบาทอะไร แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 50 15:17:43 จากคุณ : piras - [ 9 ก.ย. 50 15:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ปัจจุบันญี่ปุ่นครองอเมริกา ด้วยวิธีอื่นแทนครับ รบโดยไม่ใช้ทหารครับ จากคุณ : วมแย์ราจาอ - [ 9 ก.ย. 50 15:23:38 A:125.24.147.94 X: TicketID:137077 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นั่นสิถ้าดูปัจจุบันแล้ว อเมริกาคงแพ้ล่ะนะ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 9 ก.ย. 50 15:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรือยามาโตะจริงๆแล้วผมว่าอำนาจการรบมันก็สูงนะ พูดง่ายๆ ถ้าเอาเรือบรรทุก บ. กับกองเรือคุ้มกันนำพาไปถึงที่หมาย ได้ อำนาจการยิงจะขนาดไหน แต่การซดนํ้ามันของยามาโตะก็ใช่ย่อย ช.ม.นึงบริโภคนํ้ามันเกือบ 70ตัน กรณีขับเคลื่อนเต็มสตรีม   ยุ่นเองก็ไม่รู้จะไปหาเชื้อเพลิงขนาดไหน มาใช้ในการออกเรือ ตอนหลังเลยมีภารกิจฆ่าตัวตาย คือเติมเชื้อเพลิงให้พอแค่ไปเกยตืน เป็นฐานป้อมปืน   แต่เรือดันจมซะก่อน - -' (จริงๆ เรือยามาโตะก็ได้จมเรือข้าศึกบ้างเหมือนกันนะ) เอาง่ายๆครับ ตอนหลังๆสงครามญี่ปุ่นเองยังไม่มีเชื้อเพลิงพอในการเติม เครื่องบินเลย  เลยต้องใช้ยุทธวิธีคามามิคาเซ่ บินไปไม่ต้องบินกลับ เสียเครื่องบินและคนไป 2500 คน!!! จากคุณ : S e m a k u t e k ! (เจ้าพ่อSemakutek) - [ 9 ก.ย. 50 15:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่า ถ้าไปพร้อมกับเรือบรรทุกเครื่องบินละก็ น่ากลัวทีเดียวแหละ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 9 ก.ย. 50 16:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 1 yamato class battleship = 3 shokaku class + carrier  aviation จากคุณ : a6mzero - [ 9 ก.ย. 50 16:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 30 shokaku is the latest class aircraft carrier of IJN at that time commissioned fews month before 7 Dec 1941 จากคุณ : a6mzero - [ 9 ก.ย. 50 16:26:44 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มันขึ้นอยู่กับสมรภูมิครับ ถ้ายามาโต้ไปอยู่ในน่านน้ำแอตแลนติก หรือกองเรือสมเด็จพระจักรพรรดิไปตระเวณอวดโฉมในแอตแลนติก กองเรืออังกฤษจะทาบรัศมีไม่ติด แต่ดันไปอยู่ในแปซิฟิค ที่ล่อกันด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินแทน จะว่าไปต้องบอกว่าเมกามียุทธการที่ดีกว่าเหมือนกับไล่จับหนู ตอนนั้นกองเรือประจัญบานญี่ปุ่นประจำการเติมน้ำมันที่ซาบาห์ แล้วได้รับคำสั่งให้ไปลุยสนับสนุนการรบในฟิลิปปินส์ มะกันรู้ว่าเรือญี่ปุ่นชุดนี้มีอำนาจยิงสูง จึงไม่ปะทะซึ่งหน้า เรื่องนี้พวก ผบ.กองเรือญี่ปุ่นรู้ แต่แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเกาะแถบนั้นเปลี่ยนมือเต็มไปด้วยอิทธิพลของมะริกัน กองเรือถูกเรือดำน้ำมะกันสอดแนมตั้งแต่ออกจากซาบาห์ ส่งที่อยู่ให้ฐานบินเมกันตามรายทางเข้าโจมตีจนต้องเสียเรือมูซาชิไป และเรือส่วนใหญ่เสียหายรวมทั้งยามาโต้ ผบ.กองเรือมะกันเห็นว่าใช้เครื่องบินอัดญี่ปุ่นจนน่วม กลายเป็นกองเรือพิการ เลยกะจะใช้กองเรือปะจัญบานที่ฟิลิปปินส์ประกาศศักดาถล่มคนบาดเจ็บ ว่างั้นเหอะ แกก็เลยปล่อยกองเรือพิการของญี่ปุ่นหลุดรอดมาถึงฟิลลิปปินส์ ที่กองเรือมะกันแลบลิ้นเลียปากรออยู่ และแล้วมหาสงครามประจัญบานระหว่างเรือปืนขนาดใหญ่แห่งแปซิฟิค ก็เกิดขึ้นคือยุทธการสมรภูมิที่อ่าวเลย์เต้ และกองเรือประจัญบานมะกันก็ได้ลิ้มรสอานุภาพปืนเรือที่ใหญ่และมีอำนาจการยิงมากที่สุดในโลกจากยุทธการนั่นเอง(จากความประมาท นึกว่าพี่ยุ่นหมดพิษสง) มีเรือประจัญบานหนักมะกันได้ไปนอนอยู่ก้นทะเลฟิลิปปินส์ และหลายลำได้รับความเสียหาย ขณะที่มะกันหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงโดยกล่าวว่าเป็นผลของสงครามโดยรวม นั่นเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของยามาโต้ ก่อนที่จะโดนเครื่องบินกินโต๊ะที่โอกินาวา จากคุณ : x - [ 9 ก.ย. 50 22:49:04 A:210.246.64.236 X: TicketID:052378 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คงจะยากนะในความคิดผม ยุคสมัยของเรือประจัญบานมันส่อแววสิ้นสุดตั้งแต่ต้นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว แม้ว่าอเมริกาจะมีโครงการต่อเรือประจัญบานอยู่อีกระหว่างสงคราม อย่างเช่น ชั้นไอโอว่า และมอนทาน่า แต่ก็เป็นได้เฉพาะอเมริกันเท่านั้นที่มีศักยภาพทางอุตสาหกรรมอย่างมหาศาล ญี่ปุ่นเอง มีเรือประจัญบานที่เร่งสร้างออกมาตั้งแต่เริ่มหลุดจากสนธิสัญญาวอชิงตัน แต่ก็ไม่มากเพียงพอที่จะดำเนินกลสงครามได้อย่างอิสระในทุกทุกทางได้  จึงจำเป็นต้องเลือกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นที่สุด เท่าที่ศักยภาพของตนจะกระทำได้ เช่นทุ่มเทกับความสามารถของเครื่องบินรบขนาดเล็ก แทนที่เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล ไม่เร่งรัดเรื่องรถรบ เพราะพิจารณากำลังศัตรู และภูมิประเทศแล้ว ไม่จำเป็น ... ดูแล้วสงสัยจุดนึง ตรงกล่องที่ลูกเรือสะพายไว้ที่หลังมันคืออะไรเหรอครับ เหมือนหม้อสนามแต่มีสายห้อยออกมาเหมือนท่ออากาศติดหมวกนักบินเลย ... หน้ากากกันแก๊สพิษครับ จากคุณ : บาเยงนอง - [ 10 ก.ย. 50 00:22:56 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เรือมอนทาน่าครับ  กำลังออกแบบ สร้างไม่ทันสงคราม แม้แต่ไอโอว่า ก็สร้างไม่ครบเซ็ท จากคุณ : บาเยงนอง - [ 10 ก.ย. 50 00:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร แต่ชอบฟังมั่กๆ ทุกๆท่านที่เข้ามาออกความเห็น ขอชมท่าน มีความรู้มากๆ พวกท่านมีความรู้และค้นคว้า ทำให้คนที่เข้ามาอ่านได้ความรู้ดีมาก ขอปรบมือให้ครับ จากคุณ : chongcob - [ 10 ก.ย. 50 08:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ^^ จากคุณ : oldword - [ 10 ก.ย. 50 09:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กำลังจะทักเรื่อง ยุทธนาวีที่อ่าวเลย์เต้อยู่เลย ส่วนยุทธนาวี ที่คลาสสิคก็น่าจะเป็น ที่แอตแลนติกเหนือ ระหว่างเยอรมัน กับอังกฤษนั่นล่ะครับ ย้อนมาถึงเรื่องเรือยามาโต้ ผมว่า ต่อให้สร้างอีกสิบลำ ก็ไม่มีผล เพราะอย่างที่เพื่อน ๆ ว่ากันไว้ มันหมดยุคของการรบด้วยปืนเรือ แต่เป็นอาวุธยาว อย่างเครื่องบิน ส่วนที่เพิร์ลฮาเบอร์ เหตุที่ไม่มีระลอกที่ 3 เป็นเพราะว่า ทางญี่ปุ่นเกรงว่า อเมริกัน จะตั้งตัว และตอบโต้ได้ อีกทั้งเห็นว่า สร้างความเสียหายให้กับทางอเมริกา มากพอแล้ว ที่สำคัญที่สุด ก็คือ มีการตรวจพบกล้องตาเรือดำน้ำ จากทางเครื่องบินลาดตระเวณของญี่ปุ่น จึงมีการตัดสินใจถอยกำลังกลับ ทั้ง ๆ ที่ การโจมตีระลอกที่สาม พร้อมที่จะทำการต่อแล้ว ยุทธนาวี ที่มิดเวย์ เป็นจุดเปลี่ยนจริงครับ แต่ทีสะกิดใจผมมากที่สุดก็คือ ญี่ปุ่น ไม่เห็นค่าของชีวิตครับ นักบินส่วนใหญ่ที่ฝีมือดี ยอมจมไปพร้อมกับเรือบรรทุกเครื่องบิน ตรงจุดนี้ ที่เสียหาย เพราะทำให้ญี่ปุ่น ไม่พร้อมที่จะรับมือกับทางอเมริกา ได้ เพราะนักบิน มีจำนวนน้อยลง ต่อให้สร้างเครื่องบินได้มาก ก็สร้างนักบินฝีมือดีไม่ทันครับ ตรงนี้ ก็คล้าย ๆ กับทางเยอรมัน ที่มีเสืออากาศ ยิงเครื่องบินตกเป็นร้อย ๆ เครื่อง แต่ส่วนใหญ่ มักจะเสียชีวิตในระหว่างการรบ ผิดกับทางอเมริกา ถ้านักบินคนไหน ฝีมือดี ยิงเครื่องบินตกได้มาก มักจะถูกเรียกกลับ เพื่อนำประสบการณ์ มาสอนรุ่นน้อง ทั้งญี่ปุ่น และเยอรมัน เปิดแนวรบกว้างมากเกินไป จนทำให้กองกำลัง กระจัดกระจาย ไม่เข้มแข็ง สุดท้าย ทางสัมพันธมิตร รวมกำลังต่อตี ทีละจุด ค่อย ๆ ยึดคืน จนได้ชัยชนะในบั้นปลาย จากคุณ : ป้ายแดง - [ 11 ก.ย. 50 18:24:10 ]