ความคิดเห็นที่ 1 พระพุทธเจ้าว่าไงมั่งล่ะ... จากคุณ : ปลาบู่จัง - [ 10 ก.ย. 50 23:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เค้าบิดเบือนพระพุทธศาสนาไปขนาดนั้นแล้วเหรอครับ ในนั้นอธิบายวิธีปัดลูกระเบิดเอาไว้ด้วยรึปล่าว จากคุณ : LivingMachine - [ 10 ก.ย. 50 23:23:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 .... จากคุณ : Lancaster - [ 10 ก.ย. 50 23:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นคนเห่อกันเยอะนะเล่มนี้ ไว้แล้วจะหามาอ่านบ้าง จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 10 ก.ย. 50 23:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สนุกดีน่ะ เราเห็นด้วย บางที ก็อย่าวิทยาศาสตร์ สุดกู๋ จนเกินไปนัก ศาสนาก็มีข้อดีของตัวมันเอง นะ คห.2 จากคุณ : chosen - [ 10 ก.ย. 50 23:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คนเขียนคือทันตแพทย์สม สุจิราครับ ถ้าเข้าใจไม่ผิดล็อกอินปัจจตัง จะเป็นตัวคุณหมอมาเล่นเอง ลองหาดูได้ครับ แวะมาที่นี่บ่อยๆ หนังสือพูดถึงวิทยาศาสตร์กับศาสนา ที่น่าอ่านทีเดียว อย่าเอาไปรวมกับพวกสั่วๆ อย่างปัดระเบิดสิครับ จากคุณ : Epinephrine - [ 11 ก.ย. 50 00:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นึกว่าโดนห้องศาสนาบุกอีกแล้ว จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 11 ก.ย. 50 00:05:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพยายามเอาวิทยาศาสตร์มาเกี่ยวกับศาสนาอ่ะครับ ในเมื่อวิทยาศาสตร์กับศาสนาก็มีคุณค่าและสามารถอธบายตัวมันเองได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามันดียังงั้นก็จะลองหามาอ่านดูบ้างแล้วกันนะครับ จากคุณ : LivingMachine - [ 11 ก.ย. 50 00:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สนับสนุนครับ หลายๆแนวคิด ดีกว่าไม่มีใครกล้าเขียนเสนออะไรออกมานะผมว่า จากคุณ : root :-D - [ 11 ก.ย. 50 00:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ว่าอยากแนะนำนิดนึง ในต่างประเทศเขาจะมีให้ผู้อ่านเสนอความคิดเห็นได้ด้วย เพื่อที่จะได้พัฒนา งานเขียนต่อๆไป เพราะถ้าเกิดเรามั่นใจในความคิดตัวเองมากเกินไป มันก็จะไม่มีการพัฒนาในงาน เขียน สุดท้ายก็ไม่มีคนสนใจนะครับ จากคุณ : root :-D - [ 11 ก.ย. 50 00:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมขออกตัวไว้ก่อนว่าผมยังไม่เคยอ่านนะ คุณ LivingMachine " แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพยายามเอาวิทยาศาสตร์มาเกี่ยวกับศาสนาอ่ะครับ " ไม่ใช่การพยายามทำให้มันเกี่ยวข้องกัน แต่เอาได้เอาส่วนที่มันเกี่ยวข้องกันอยู่แล้วที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมองเห็น ยกขึ้นมาให้ได้เห็น ทั้งศาสนาพุทธและวิทยาศาสตร์ล้วนหาเหตุผลมีอธิบายสิ่งต่างๆ มันคงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ทั้ง2ศาสตร์ อาจจะมีส่วนที่เหมือนกันในเนื้อหา เพราะทั้งคู่ต่างพยายามอธิบายธรรมชาติเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่วิทยาศาสตร์จะอธิบายจากภายนอก แต่ศาสนาจะอธิบายจากภายใน อย่างเช่น พระพุทธเจ้าบอกว่าสรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตา (ไม่มีตัวตน) เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นักวิทยาศาสตร์เหมือนจะพบว่า สิ่งที่อยู่ภายในอะตอม ภายในคว้าก เล็กลงไปอีก คือ "ไม่มีอะไร" แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 50 00:52:52 จากคุณ : ฉันมีค่าแค่ไหน - [ 11 ก.ย. 50 00:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เคยคุยกับคุณปัจจตังคนเขียนหนังสือเล่มนี้ เข้าใจว่าคุณปัจจตังเข้าใจเรื่องทฤษฏีสัมพัทธภาพผิดเพี้ยนไปนิดหน่อย (หรือไม่ ก็ผมเข้าใจผิดอ่ะ) แต่หนังสือน่าอ่านครับ เป็นมุมมองที่น่าสนใจดี จากคุณ : Angos - [ 11 ก.ย. 50 00:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มันเร็วมากนะ ต้องตามกันทุกวันถ้าอยากให้ข้อเขียนเราทันสมัยผมว่าต้องทำกัน หลายๆเอดิชั่น ที่สำคัญนะเราอย่าเพิ่งด่วนสรุปในเนื้อหา มันจะทำให้คนอ่านรู้สึกอึดอัด อย่างงานเขียนของ ฮอว์กิ้น เขาไม่เคยด่วนสรุปเลยทั้งๆที่ตัวเองถูกยกย่องว่าเป็นอัจริยะจากทั่วโลก งานของเขาเลยขายดีอย่างคาดไม่ถึงทั้งๆที่เขานำเสนอเรื่องที่ค่อนข้างเช้าใจยาก (ตรงนี้เจ้าตัวได้เขียนบอกเอง) จากคุณ : root :-D - [ 11 ก.ย. 50 01:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เข้าใจครับตามที่เจ้าของกระทู้ว่า เชื่อครับเรื่องของศาสนาและวิทยาศาสตร์ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้เกี่ยวกับเรื่องทางด้านวิทยาศาสตร์หลาย ๆ เรื่องแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ พระพุทธองค์จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่จะทำอย่างไรให้พ้นทุกข์ เรียนรู้ถึงสัจธรรม วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาเหมือนกันตรงเรื่องของหลักเหตุและผล และความจริง แต่ต่างกันที่วิทยาศาสตร์กลับเพิ่มพูนและสร้างกิเลสให้กับมนุษย์แต่พุทธศาสนากลับสอนให้เรามองย้อนมาดูที่ใจและตัวของเรามากกว่า    ส่วนเรื่องปัดระเบิดนั้นมันเรื่องลัทธินอกรีตขอว่าอย่างนั้น แค่ชื่อหนังสือก็บอกแล้ว ธรรมกาย ขอให้แยกออกจากกันระหว่างพุทธศาสนาและธรรมกาย ส่วนตัวผม  ธรรมกาย อาศัยศาสนาเป็นเครื่องมือเท่านั้นครับ จากคุณ : my_toei - [ 11 ก.ย. 50 01:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก็คงเป็นธรรมดา ถ้าเราคุยกันแล้วจะเห็นไม่ตรงกัน ผมก็เคยคุยกับท่านอาจารย์ บัญชา ธนบุญสมบัติ ผู้เขียน "แฟนพันธ์แท้ไอน์สไตน์" ซึ่งเป็นรุ่นพีผมที่เตรียมอุดมฯสองปี   และก็คุยกับอาจารย์ชัยวัฒน์ คุประตกุล ครั้งที่ผมไปสัมมนาเรื่องไอน์สไตน์ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต ทั้งสองท่านเป็นปรมาจารย์ทางฟิสิกส์ชั้นนำของเมืองไทย แต่หลังจากสรุปมุมมองทฤษฎีสัมพัทธภาพของอาจารย์ชัยวัฒน์ กับ อาจารย์บัญชา ก็ยังมีบางส่วนยังไม่เคลียร์ ( คือมุมมองไม่ตรงกัน ) ผมก็ไม่รู้ลึกขนาดจบฟิสิกส์โดยตรง แต่ถ้ารอขนาดนั้น สงสัย หนังสือ "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" จะไม่ได้เกิด ( คือผมต้องไปเกิดใหม่เป็นนักฟิสิกส์เสียก่อน ) เอาเป็นว่า มองอย่างกว้างๆ  ไอน์สไตน์ กับ พระพุทธเจ้า เห็นเหมือนกัน ในเรื่องความเป็นมายาของเวลา ก็พอจะอธิบายได้ ส่วนเรื่องดึงศาสนาเข้ามายุ่งกับวิทยาศาสตร์ ก็มีคนว่าเยอะ แม้แต่ไอน์สไตน์ เองก็โดนต่อว่า หรือปัจจุบัน อย่าง ฟริจ๊อฟ คราปรา ผู้เขียน เต๋าแห่งฟิสิกส์ ก็มีเพื่อนนักวิทยาศาสตร์บางคนไม่อยากคบหาด้วย แต่ยังไง ในเมืองไทย ก็คบผมไว้สักคนนะครับ อธิบายพุทธด้วยวิทยาศาสตร์ ยังไงก็ดีกว่า การอธิบายพุทธด้วยไสยศาสตร์ ตามที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป   ตามความรู้สึกของผม ความจริงธรรมชาติ ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ กับ ความจริงทางธรรมชาติที่พระพุทธองค์ค้นพบ เป็นความจริงเดียวกัน เพียงแต่ การเข้าถึง และ การสื่อความหมายต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ในทุกๆปรมาณู ของทุกสิ่งในโลกและจักรวาล ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ และ อาการ ของ อิทัปปัจจยตา” ถ้าใครศึกษาจนเข้าใจถึงหลัก อิทัปปัจจยตา และ ศึกษาเรื่องอะตอมไปด้วย จะรู้สึกว่า เอ๊ะทำไมพระพุทธองค์ทรงหยั่งรู้  มีอีกหลายเรื่องครับไม่ใช่เฉพาะหลัก อิทัปปัจจยตา ที่เหมือนกับวิทยาศาสตร์ อย่างน่าประหลาดใจ มีคนสงสัยอีกว่า ถ้าพระพุทธองค์รู้จริง ทำไม ไม่ประกาศออกมาเลย จะได้ดังแบบไอน์สไตน์ ก็อย่างที่คุณ my_toei  บอกไว้แหละครับ  ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเรามีลูก เราอยากจะสอนให้ลูกรู้จัก รถรุ่นต่างๆ กำลังขับของเครื่องเสียง เกมสามมิติสุดไฮเทค หรือ อะไรต่อมิอะไรที่จะมากระตุ้นกิเลสของลูกเราหรือปล่าวครับ แน่นอนในทางตรงกันข้าม เราอยากจะสอนให้ลูกเรา รู้จักอดทน มีมานะ มีจิตใจดี มีอุเบกขา มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ทำนองนี้ใช่ไหมครับ นั่นแหละ พระพุทธองค์ก็ทรงทราบว่า ไอ้เรื่องกระตุ้นกิเลสทั้งหลายน่ะไม่ต้องสอนหรอก อีกหน่อยก็ขวนขวายหากันเอาเอง แต่ที่ต้องสอนคือ วิธีดับกิเลส   ก็เลยตัด การค้นพบบางอย่าง ออกจากคำสอนทั้งหมด มุ่งแต่สอนวิธีดับกิเลส สมองมนุษย์ ลึกล้ำกว่าที่คิด ถ้าบรรลุปัญญาญานระดับสูงสุด จะสามารถหยั่งรู้ถึงความจริงแท้ของสรรพสิ่งได้ทั้งหมด จากคุณ : ปัจจตัง (ปัจจตัง) - [ 11 ก.ย. 50 01:27:36 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมยังไม่ได้อ่านหนังสือนะครับ แต่อยากจะบอกว่า เรื่องพวกนี้ บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละคนด้วยครับ เราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ หรือบอก ว่าอะไรถูกอะไรผิด กับคนอื่น เราแค่เสนอแนวทางที่เหมาะสม กับคนอื่นก็พอแล้ว จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 11 ก.ย. 50 01:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โห นี่ไปเรียก เจ้าของหนังสือ มาเลยเหรอครับ ผมเพิ่งซื้อแล้วก็อ่านจบไป ใช้เวลา 3 วัน ว่าจะอ่านอีกรอบ เพราะเรื่องของพุทธศาสตร์ เข้าใจได้ยากกว่า วิทยาศาสตร์เยอะ ท่านที่ยังไม่เคยอ่าน อย่าเพิ่งอคตินะครับ ในมุมมองของผู้เขียน ผมว่าเยี่ยมมากๆ จะขอตัดตอนมาบางช่วง ถ้าผิดขออภัยด้วย จริงๆเล่มนี้ได้กล่าวถึงการค้นพบในหลายๆอย่างของ พุทธเจ้า เช่นเรื่อง การยืดหดของเวลาตามทฤษฎีสัมพัทธภาพ เรื่องของปรมาณูหรืออะตอม เรื่องของมีติที่มีมากกว่า 10 มิติ ตามทฤษฎีสตริง เรื่องของจักรวาลที่มีนับ ล้านๆจักรวานในเอกภพนี้ ซึ่ง ต้องรออีกเป็น 2000 ปี นักวิทยาศาสตร์ตะวันตก จึงจะพบสิ่งที่ พุทธเจ้า ได้เคยตรัสรู้ไว้ ซึ่งเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในพระไตรปิฎก เท่านั้นเอง คนรุ่นๆเดียวกับพระพุทธเจ้า ก็คือ อริสโตเติล ซึ่งกล่าวอะไรออกมาบอกได้เลยว่า ผิดหมด (ฮา) ฝรั่งเองถึงกับอึ้ง โดยแม้แต่สุดยอดอัจฉริยะอย่างไอน์สไตน์ ยังบอกว่า นี่คือศาสนาแห่งจักรวาล เพราะเป็นวิทยาศาตร์ จริงๆแล้ว ผมเชื่อว่า พุทธศาสตร์ เหนือกว่า วิทยาศาตร์อีกหลายเท่า ทำไมนะเหรอครับ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ผมสามารถทำความเข้าใจ แล้วก็พิสูจน์สมการออกมาเป็นสมการ E=mc^2 ได้โดยไม่ยาก ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เพิ่งจะเริ่มศึกษา มีความเข้าใจบ้าง คิดว่าไม่น่าจะยากถ้าจะพิสูจน์สมการดังกล่าวออกมาเช่นกัน แต่ สิ่งที่พุทธเจ้า ตรัสรู้ที่อยู่ใน ไตรปิฎก ผมอ่านแล้วรู้สึกเข้าใจและเข้าถึงได้ ค่อนข้างยาก แม้พอได้เข้าใจบางส่วน ก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของ พุทธศาสตร์เข้ามาทันที สมการทางฟิสิคส์ ผมศึกษาซัก 1 ปี เชื่อว่าเคลียร์ทุกอย่าง แต่พุทธศาสตร์ อีกซัก 10 ปี ผมเองคงเข้าใจได้ไม่หมด คุณ my_toei กล่าวได้ถูกต้อง พระพุทธเจ้าไม่ได้เน้นถึงเรื่องของฟิสิคส์มากนัก เพราะไม่ใช่ทางพ้นทุก นี่คืออีกเหตุผลที่ พุทธศาสตร์เหนือกว่าฟิสิคส์มาก จากคุณ : จขกท - [ 11 ก.ย. 50 02:13:10 A:192.168.23.21 X:202.142.204.1 TicketID:088451 ]

ความคิดเห็นที่ 18 วันก่อนไปถามมาแล้ว แต่มันหมด ไว้จะไปดูอีกสองร้านไม่รู้จะมีไหม อยากอ่านเหมือนกัน เพราะจะวิจารณ์ไม่ได้ ถ้าไม่รู้ว่าในเล่มเขียนไว้อะไรมั่ง จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 11 ก.ย. 50 02:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทีนี้มาลองนึกดูถึงสิ่งที่ไอน์สไตน์พยายามค้นหาสุดยอดทฤษฎีแห่งจักรวาล นั่นคือ Unify Theory เปนการสร้างสมการที่จะอธิบายได้ถึง การรวมแรงธรรมชาติ 4 แรงเข้าด้วยกัน นั่นคือ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์ชนิดเข้ม แรงนิวเคลียร์ชนิดอ่อน ไอน์สไตน์ทุ่มทั้งชีวิต ยังทำไม่ได้ หากทำสำเร็จ มนุษย์จะสามารถนำสมการไปประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างเครื่องต้านแรงดึงดูดได้ นั่นคือ เราจะมีเครื่องบินส่วนตัวบินกันให้ว่อน เหาะกันตามสบาย ทีนี้หากมามองว่า พุทธเจ้า มีตัวตนอยู่จริง ถ้าตามไตรปิฎก จะมีการกล่าวถึงการเหาะเหินเดินอากาศ ของพุทธเจ้า และเหล่าสาวกชั้นเอก นั่นมีความเป็นไปได้ว่า พระพุทธเจ้าท่านรู้จัก Unify Theory อยู่แล้ว ดังเช่นที่ท่านรู้ถึง ทฤษฎีสัมพัทธภาพ อันนี้ผมมั่วเอาเอง ไม่ได้เอามาจากหนังสือ ผมไม่เคยอ่านไตรปิฏกแบบเต็มๆ แต่น่าจะมีเรื่องนี้ซ่อนอยู่ หรืออาจจะมีวิธีการเข้าถึงจากวิธีอื่นๆ จากคุณ : จขกท - [ 11 ก.ย. 50 02:24:21 A:192.168.23.21 X:202.142.204.1 TicketID:088451 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คห. 15 คุณปัจจตัง พอดี อ่านหนังสือ ของคุณหมอ เหมือนกัน อ่านหนังสือ แล้วประทับใจ เรื่องการ โยงมิติแห่งเวลา กับจิต ทำให้เข้าใจ หลายๆอย่างได้ดีขึ้น เข้าใจมากขึ้น และพิสูจน์ ด้วยกฏของวิทยาศาสตร์ บางทีอธิบายเรื่อง ด้วยหลักศาสนา แบบภาษาบาลี แล้วเข้าใจยาก ทำให้หลายคนมองเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินไป แนวคิด อธิบาย หลักศาสนาด้วยวิทยาศาสตร์ ช่วยให้เข้าใจได้ง่าย ขึ้นมาก เป็นแนวคิดที่ดีมากๆเลย ปกติ ไม่ค่อยชอบเรื่องศาสนาเลย เพราะหนังสือแต่ละเล่ม อ่านแล้วน่าเบื่อ พูดอะไร แล้ว เข้าใจยาก เผลอๆ ไปนู่น ภาษาบาลี แต่ชอบงานเขียนชิ้นนี้มากๆค่ะ เมื่อไหร่ จะออกเล่มอื่นๆอีก มีคนติดตามอยู่ค่ะ จากคุณ : chosen - [ 11 ก.ย. 50 02:34:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วทำไมทั้งที่เราเป็นชาวพุทธ มีศาตร์ที่สุดยอดกว่า วิทยาศาตร์ (ตามความเชื่อของผมเอง และมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ) ทำไมเราไม่เจริญกว่าพวกตะวันตก ที่ไม่มี พุทธศาสตร์ นั่นคือ เรายังไม่เข้าถึงแก่นแท้แห่งพุทธศาตร์ คนเก่งๆต่างไม่ค่อยนับถือศาสนาใดๆ มีแต่ตาสี ยายสา ชาวไร่ ชาวนา ที่เชื่อตามกันมาในวัตถุแห่งพุทธ ไม่ได้ลงในคำสอนแห่งพุทธ การที่เข้าไม่ถึงคำสอน สิ่งที่เป็นปัญหาอย่างมากคือ สมองไม่เพียงพอ เพราะ พุทธศาสตร์นั้น เอาเข้าจริงๆ ยากกว่า หลายเท่า สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกตะวันออก โดยเฉพาะประเทศไทย เราคงจะหวังพึ่งเทคโนโลยีตามฝรั่ง คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากคนเก่งๆทั้งหลาย ของไทย จะมาศึกษาอย่างถ่องแท้ ถึงพุทธศาสตร์ แล้วหาคำอธิบาย และเผยเพร่ หลักที่ถูกต้อง ให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย เชื่อว่าเราจะเจริญไอ้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นการเจริญทั้ง วัตถุ และ จิตใจ ตอนนี้ฝรั่งเก่งๆหันมาสนใจ พุทธศาสตร์ มากมาย แต่มีปัญหาเรื่องของการเข้าถึง ภาษา ในพุทธศาตร์ มีหลายๆคำแปลตรงตัวตามดิกชันนารี ไม่ได้ เราต้องอาศัยความได้เปรียบ ตรงนี้ ที่เราคุ้นเคยกับพุทธศาตร์มาเปนจุดแข็ง ถ้าคนเก่งๆในไทย หันมาศึกษา พุทธศาสตร์ ในส่วนที่จะนำไปประยุกต์ใช้จริงได้ ผมเชื่อว่าเราจะพบกับ ความจริงทางวิทยาศาตร์อีกหลายสิ่ง ซึ่งไม่ต้องไปเสียเวลามากในห้องแลป ก็เป็นได้ เท่าที่คุยๆกับอาจารย์ที่ปรึกษา(ด๊อกเตอร์ด้านวิศวกรรม) อาจารย์ท่านเคยศึกษา และพิสูจน์ให้ผมเห็นว่า วิทยาศาตร์เป็นแค่ subset ของ พุทธศาสตร์ โดย พุทธศาสตร์ ใช้กระบวนการเป็น วัฏจักร 12 กระบวนการ ในการหยังรู้ถึงคำตอบ อาจารย์ท่านแสดงให้เห็นว่า วิทยาศาตร์ มีเพียง 3 ข้อ ใน 12 ข้อ เท่านั้น ในการค้นหาความจริง นั่นทำให้ ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่ วิทยาสาตร์ ยังไม่สามารถอธิบายได้ ในปัจจุบัน ปล1. ผมมั่วเองนะ ไม่เกี่ยวกับหนังสือ ปล2. ผมเปนวิศวกร จากคุณ : จขกท - [ 11 ก.ย. 50 02:42:34 A:192.168.23.21 X:202.142.204.1 TicketID:088451 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จขกท ใจเย็นครับ เกรงว่าข้อความจะมีส่วนล่อเป้านะครับ จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 11 ก.ย. 50 03:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไว้จะหายืมมาอ่านนะครับ ^^" แต่พูดตามตรง ตำราวิทยาศาสตร์ของพระพุทธองค์อ่านแล้วง่วงมากครับ บางบทพูดซ้ำๆ ยาวเป็นย่อหน้าเลย หนึ่งเท่าบ้างสองเท่าบ้างห้าเท่าบ้าง...ไล่ไปจนอินฟินิตี้ - -" จากคุณ : freeek!!! - [ 11 ก.ย. 50 07:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เล่มนี้ ซื้อมาแว้วค้าบบบ  อิอิ จากคุณ : NaCl - [ 11 ก.ย. 50 09:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนนี้เป็นที่สนุกสนานในห้องศาสนาเชียวล่ะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5800769/Y5800769.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5799788/Y5799788.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5797562/Y5797562.html จากคุณ : silverspider - [ 11 ก.ย. 50 10:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าจะบอกว่าเป้นสิ่งสัมำทธ นอกจากพระทธเจ้าแล้ว นักปรัชากรีกชื่อ เฮราไคลตุส(herakleitus)ก็เคยพูดไว้ครับ คงคล้ายๆงี้มั้ง.... จากคุณ : นายปลาตีน - [ 11 ก.ย. 50 10:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ชอบประโยคนี้ของคุณปัจจตังครับ อธิบายพุทธด้วยวิทยาศาสตร์ ยังไงก็ดีกว่า การอธิบายพุทธด้วยไสยศาสตร์ ตามที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 50 10:42:00 จากคุณ : Lancaster - [ 11 ก.ย. 50 10:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 http://www.wimutti.net/download/pramote/cd/18/25500114A.mp3 จากคุณ : Dr.slump - [ 11 ก.ย. 50 12:13:22 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วมาบอกอะไรกันตอนนี้ หามาให้อ่านมั่งซิ ซักจะเสียดายแล้ว ดันไม่ได้ซื้อมาอ่าน จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day - [ 11 ก.ย. 50 14:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ยังไม่ขอออกความเห็นใดๆ ครับ ขอกลับไปอ่านหนังสือก่อนดีกว่า ดีใจที่ชาตินี้ได้นับถือศาสนา พุทธ จากคุณ : 000 (I Believe inTrue LoVe) - [ 11 ก.ย. 50 18:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมชอบที่มีการอธิบายแนวความคิดของศาสนาด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่เห็นน่าหลีกเลี่ยงตรงไหน.. การนำหลักเหตุและผลมาใช้กับศาสนา เป็นทางออกที่ดีที่สุดในการมองศาสนาด้วยความเข้าใจ ไม่ใช้ความงมงาย.. บ่อเกิดแห่งปัญญาโดยแท้.. ต่อคำถามที่ว่า ทำไมเมืองพุทธอย่างเราจึงไม่เจริญเท่าตะวันตกซึ่งไม่ใช่เมืองพุทธ ในความเห็นของผมก็คือ วิทยาศาสตร์แบบพุทธเป็นวิทยาศาสตร์เชิง Descriptive อธิบายให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติ.. แต่วิทยาศาสตร์ตะวันตก มีเป้าหมายต้องการให้มนุษย์เอาชนะธรรมชาติ.. แตกต่างกันมากมายครับ.. จากคุณ : Angos - [ 11 ก.ย. 50 21:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อ่านแล้วครับ รู้สึกแปลก ๆ กับผู้เขียน เพราะผู้เขียนบอกว่าตัวเองบรรลุแล้ว อันนี้ผมไม่เชื่อครับ เลยไม่อ่านค่อ จากคุณ : GABBA - [ 12 ก.ย. 50 10:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านแล้วครับ ถ้าทำใจเป็นกลาง ไม่คิดอคติ ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด ผมได้ความรู้มาเยอะครับ จากคุณ : Piggie MM - [ 12 ก.ย. 50 17:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ที่สำคัญ ผมว่าคนแต่ง อธิบายเรื่องที่ว่า เวลาไม่มีอยู่จริง แสงเป็นตัวอ้างอิงของจักรวาลได้ดีมากนะ จากคุณ : จขกท - [ 12 ก.ย. 50 22:39:31 A:192.168.23.21 X:202.142.204.1 TicketID:088451 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมมีเป็น  pdf นะ จากคุณ : sc24 Naresuan U. - [ 18 ก.ย. 50 20:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ ^ จะดีเหรอ จากคุณ : DogGie SuGar - [ 19 ก.ย. 50 17:30:09 ]