ความคิดเห็นที่ 25
มีบทความที่อ่านเจอมา แบ่งปันครับ
เรื่องของอาหารดัดแปลงพันธุกรรม ที่ปนอยู่ในอาหารที่เราบริโภคกันทุกวัน โดยไม่มีโอกาสล่วงรู้ และไม่อาจป้องกันตนเองได้
GMO สำหรับอาหารมื้อเย็นนี้ แปลจากเรื่อง"WHAT'S FOR DINNER?" By Jim Hightower
คุณเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ butterfly effect.ไหม? มันเป็นทั้งแนวคิดทางวิทยาศาสตร์และความจริงทางนิเวศวิทยา, สาระสำคัญของมันก็คือ ผีเสื้อนับล้านตัวขยับปีกที่ใจกลางเม็กซิโก สามารถก่อให้เกิดผลกระทบตามมาในกรุงนิวยอร์ค, โรม, หรือฮ่องกงได้. แนวคิดดังกล่าวบอกกับเราว่า โลกในทางฟิสิกส์นั้น มันมีดุลยภาพอย่างสลับซับซ้อนยิ่งกว่าที่เราล่วงรู้เสียอีก. ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่เกี่ยวเนื่องกัน สามารถส่งผลกระทบให้กับพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปมากๆได้ ทั้งในด้านเวลาและสถานที่. ถึงตรงนี้, ขอให้ข้าพเจ้าได้นำเรื่องนี้ลงมาจากท่าทีทางวิชาการ และวางมันลงาในความเข้าใจของตัวเองสักหน่อย : กล่าวคือ เรา ในฐานะมนุษย์ที่มีอัจฉริยภาพ ไม่เคยทราบเลยถึง สมมุติว่าคือ %$XWM อันเป็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่.
ทุกวันนี้ และ ณ ชั่วโมงนี้ โรงงานอุตสาหกรรมและบริษัทต่างๆได้พ่นหรือคลายสารเคมีที่สกปรกเป็นตันๆที่เรียกว่า organochlorines ออกมา แล้วเข้าสู่บรรยากาศและน้ำของเรา และต่อมามันได้มีผลให้จระเข้ตัวผู้ที่เกิดขึ้นในฟลอริด้าไม่มีอวัยวะเพศ (อันนี้เราทุกคนต่างรู้ดีว่า จระเข้าตัวผู้ต้องมีอวัยวะเพศ ใช่ไหม ?). เมืองดีทรอยท์ได้มีการใช้สาร CFCs กับแอร์คอนดิชั่นที่มีมากจนเกินไป อันนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบอะไร ? ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ มันได้ทำให้เกิดช่องหรือรูโหว่ขนาดใหญ่ในชั้นบรรยากาศโอโซนของโลก. ประเด็นในที่นี้ เป็นการดำเนินการหรือปฏิบัติการทางด้านอุตสาหกรรม ที่เสมือนหรือดุจเดียวกันกับ การพยายามที่จะปอกเปลือกของผลองุ่นด้วยขวานนั่นเอง การนำเอาขวานมาปลอกเปลือก, ผลที่ได้กลับกลายเป็นความยุ่งยาก และอันตรายอย่างยิ่งต่อเนื้อของผลองุ่นอันอ่อนนุ่ม.
เมื่อสองทศวรรษที่ผ่านมา, การดำเนินงานทางด้านอุตสาหกรรมอันไร้เหตุผลนี้ ได้ถูกประยุกต์เข้ามาสู่ระดับพันธุศาสตร์เกี่ยวกับการแพร่กระจายทางด้านอาหารการกินของเรา และมาถึงตอนนี้ ผลกระทบผีเสื้อ(butterfly effect) กำลังเริ่มต้นที่จะมีผลกระทบต่อผีเสื้อทั้งหลายแล้ว
อันนี้ไม่ได้พูดถึงแค่คุณกับผมเท่านั้น.. คนที่กำลังกวัดแกว่งขวานอันนี้ ก็คือยักษ์ใหญ่ทางด้าน biotechnology ที่ได้ถูกกำหนดเพื่อเอาชนะต่อมารดาธรรมชาติโดยการยักย้ายเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง DNA ในระดับเซลล์ของพืชพันธุ์ต่างๆ. คนพวกนี้จะนำเอายีนจากปลาและใส่มันลงไปในมะเขือเทศ, หรือนำเอายีนจากหนูและใส่มันลงไปในเซลล์ต่างๆของข้าวโพด, หรือนำเอายีนจากพืชจำพวกถั่วใส่ลงไปในมันผรั่งต่างๆ. ยีนที่มีการย้ายหรือนำมารวมกันต่างๆนี้ไม่มีขีดจำกัด, นั่นก็ยีนหนึ่ง / ยีนจากทุกหนทุกแห่ง, ยีน / Old McDonald มีแล็บหรือห้องทดลอง / E-I-E-I-O.
ผลลัพธ์ที่ออกมาต่างๆได้ถูกรู้จักกันในฐานะอาหารประเภท GA ซึ่งเป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า Genetically-altered food, GMO หรือ genetically modified organisms, GM หรือ genetically-manipulated, GE หรือ genetically engineered
หรือ, หากใช้ภาษาซึ่งค่อนข้างไม่สุภาพเท่าไรนัก เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า อาหารของแฟรงค์เก็น(Frankenfood).
แนวหน้าสุดของอาหารที่ท้าทายหรือเสี่ยงภัยนี้(Brave new Food World)ก็คือ บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก 4 บริษัท ผู้ซึ่งอ้างอิงตัวเองอย่างหน้าซื่อๆในฐานะที่เป็นบริษัทวิทยาศาสตร์แห่งชีวิต(life science corporations): บริษัทเหล่านี้ได้แก่ Monsanto, Novartis, Dupont, และ Hoescht. เจตนาหรือความตั้งใจของบริษัทเหล่านี้ ได้กล่าวอ้างอย่างโอหังว่ามันจะเป็นการกระจายแหล่งอาหารและผลผลิตของโลกกันใหม่, และการกระทำทั้งหมดเหล่านี้ กระทำขึ้นภายใต้ผลประโยชน์ของมนุษยชาติ, แน่นอน, รวมไปถึงอาหารต่างๆที่มีวัคซีนต่างๆในอาหารด้วย, อาหารซึ่งสามารถอยู่ได้เป็นสัปดาห์ๆโดยไม่เน่าเสีย, และอาหารที่สามารถต้านทานศัตรูพืชได้ในระดับยีนที่ใส่เข้าไปในพืชพันธุ์เหล่านั้น. แต่หากว่าเราเป็นโรคภูมิแพ้ที่รุนแรงต่อพวกถั่วในมันฝรั่งที่ได้รับการประกอบกันขึ้นมา, หรือถ้าหากว่าเราไม่ต้องการให้ลูกๆของเราบริโภคอาหารต่างๆที่มีวัคซีนและเซ้กซ์ฮอร์โมนซึ่งเราไม่รู้จัก (ใช่, เซ็กซ์ฮอร์โมนต่างๆ, ด้วยเช่นกัน, ได้ถูกรวมเข้าไปโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์แห่งชีวิตที่ดีมากๆ)
และจำพวกยาต้านแมลงที่ถูกใส่เข้าไปในอาหารต่างๆ เราจะทำอย่างไรล่ะ ?
ไม่มีปัญหา, บางคนคิดว่าอย่างนั้น, ฉันก็ไม่ซื้อไอ้พวก GA, GM, GMO, GE, หรืออะไรก็ตามที่เป็นพวก GD อื่นๆที่ใช้กับอาหารแฟรงเก็นสไตน์ ที่หลุดออกมาจากห้องทดลองทางด้านอาหารพวกนี้. คุณอาจจะปรารถนา, หรือคุณอาจต้องการให้เด็กๆของคุณดื่มโคคาโคล่า, หรือกินมันฝรั่งจำพวก french fry ของ McDonald, หรือมี kraft salad dressing บนโต๊ะอาหารของคุณไหม? คุณได้เทช็อคโคแล็ทร้อนๆของ Nestle ถ้วยหนึ่งสำหรับตัวเอง, หรือเนย Land o Lake ในตู้เย็น, คุณได้ใช้ NutraSweet, หรือคุณได้ป้อน Similac ให้กับทารกของคุณใช่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ขอต้อนรับคุณเข้าสู่โลกของอาหารเสี่ยงภัยเลยครับ. ทั้งหมดนี้ของผลิตภัณฑ์ทางด้านอาหารได้มีการยักย้ายส่วนประกอบของยีนหมดแล้ว. ทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ทางด้านอาหารมากกว่า 3 หมื่นชนิด, บนชั้นวางของในร้านโกรเซอรีหรือร้านขายของชำในอเมริกาทุกวันนี้ ตั้งแต่นมจนไปถึงน้ำโซดา, หรือจาก Big Macs ไปถึงเต้าหู้ ได้มีการยักย้ายองค์ระบบเกี่ยวกับยีนทั้งสิ้น.
เมล็ดพันธุ์ซึ่งมีการแก้ไขจากห้องทดลองต่างๆของยักษ์ใหญ่ biotech ต่างๆ ปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้ในการเพาะปลูกถึง 25 เปอร์เซนต์ของธัญพืชประเภทข้าวโพดในอเมริกา, และพวกถั่วเหลืองก็ใช้เมล็ดพันธ์ที่มีการแก้ไขในระดับยีนทำการเพาะปลูกถึง 30 เปอร์เซนต์ด้วยกัน, และพืชจำพวกฝ้ายมีถึง 40 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว, และ 50 เปอร์เซนต์พวก canola. ใช่เลย แน่นอน พืชพันธุ์เหล่านี้ล้วนปลอดภัย
ถูกต้องไหม? รัฐบาลได้ทำการทดสอบพืชแต่ละชนิดเหล่านี้แล้วเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีอะไรเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นมาได้จากการบริโภคสิ่งเหล่านี้ ที่มีการคัดสรรและเปลี่ยนแปลงแก้ไข DNA, ไม่ใช่หรือ? และจวบจนกระทั่งบัดนี้ the FDA และ FPA ก็ยังยืนยันว่าอาหารวิศวพันธุกรรมเหล่านี้ต่างก็มีความปลอดภัย.
อันที่จริง, สิ่งเหล่านี้ได้รับการเรียกขานว่า public watchdogs (หรือ สุนัขเฝ้ายามให้กับสาธารณชน) ซึ่งได้ทำความมั่นใจอย่างฉลาดในทางที่ตรงกันข้าม, และยืนยันว่าสิ่งที่ดึงดูดใจเกี่ยวกับวิศวกรรมทางชีวภาพต่างๆ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าไม่ปลอดภัย.
ขณะที่นักกิจกรรมและนักเขียนเชื้อสายอเมริกันพื้นเมืองโดยกำเนิด Vine DeLoria เคยพูดเอาไว้ครั้งหนึ่งว่า, แน่นอน คุณสามารถให้ความไว้วางใจรัฐบาลได้. คำตอบต่อข้อซักถามของอินเดียนคนหนึ่ง. บรรทัดล่างลงมา: มันยังไม่ได้มีการทดสอบที่ยาวนานเพียงพอต่อผลิตผลต่างๆเหล่านี้. รัฐบาล, โดยคำสั่งของบรรดาโรงงาน biotech ต่างๆ, ได้ผลักดันภาระในการพิสูจน์ให้กับผู้บริโภคชาวอเมริกันอย่างง่ายๆ, ซึ่งกล่าวได้ว่า คุณและครอบครัวของคุณ โดยแท้จริงแล้ว คือหนูตะเภาที่ได้ถูกนำมาทดลองในโครงการทดลองทางด้านยีนอันยิ่งใหญ่นี้.
จากคุณ :
BongKoch
- [
29 ก.ย. 50 04:13:16
]
|
|
|