 |
โลกร้อนพ่นพิษสาหร่ายทะเล กิน"ปลา-หอย"ระวังโรคจู๊ด จาก มติชน
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่โรงแรมเอเชีย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการประชุมวิชาการเรื่อง "วิกฤตโลกร้อน : ความไม่พร้อมของประเทศไทย" จัดโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ว่า จากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว อาทิ ฝนตกหนัก น้ำท่วมขังนาน อุณหภูมิเย็นจัดหรือร้อนจัด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของประเทศไทย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของสาหร่ายทะเลที่มีจำนวนมากและมีความเป็นพิษสูง (Ciguatera) พิษนี้ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เส้นประสาทอักเสบ เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต และยังก่อให้เกิดโรคอหิวาต์ด้วย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงของสาหร่ายทะเลเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับการลดลงของปะการัง ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อน เนื่องจากอุณหภูมิในระดับน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลให้ปะการังล้มตายจำนวนมาก และเมื่อสาหร่ายกินซากปะการังดังกล่าวเข้าไปด้วยปฏิกิริยาบางอย่างทำให้สาหร่ายเกิดความเป็นพิษขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ เมื่อปลาทะเล หรือหอยมากินสาหร่ายพวกนี้เข้าไปก็จะได้รับพิษดังกล่าวด้วย และเมื่อคนรับประทานเนื้อสัตว์ทะเลที่มีพิษร่างกายก็จะได้รับพิษดังกล่าวเช่นกัน ส่งผลให้เกิดท้องร่วง หายใจติดขัด ตัวแข็งทื่อ เคลื่อนไหวไม่สะดวก
"ที่น่าตกใจคือ เกิดความสับสนในพิษของเนื้อปลาปักเป้ากับปลาทะเลหรือหอย เนื่องจากมีอาการใกล้เคียงกัน แต่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมามีนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 5 ราย กินปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย ส่งผลให้เกิดท้องร่วงรุนแรง ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ในระยะเวลาหนึ่ง จากการวิเคราะห์พบว่า ไม่ใช่พิษจากปลาปักเป้า แต่เป็นพิษชนิดใดยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด เพราะประเทศไทยไม่มีวิธีตรวจสอบพิษอื่นๆ นอกจากปลาปักเป้า ซึ่งเป็นจุดอ่อนอย่างมาก เบื้องต้นนักศึกษาทั้ง 5 ราย ปลอดภัยแล้ว" ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว และว่า สิ่งสำคัญต้องมีการศึกษาและประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสาหร่าย ว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านใด และจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ไม่ใช่สนใจแต่ว่าโลกร้อนจะส่งผลให้สัตว์ทะเลสูญพันธ์กี่ชนิด
วันเดียวกัน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีผลต่อแผนปฏิบัติการว่าด้วยการลดปัญหาภาวะโลกร้อนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีประชาชนจากเขตต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เข้าร่วมประมาณ 2,000 คน ว่า จากการทำประชาพิจารณ์ทราบว่า ประชาชนรับรู้ว่า กทม.มีการรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนสูงถึงร้อยละ 90 และหลังจากนี้จะเกิดการปฏิบัติเป็นรูปธรรมมากขึ้น จะไม่รณรงค์ด้านเดียว แต่จะมีแผนปฏิบัติการโดยมีการสรุปผลการลดการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ทุก 3 เดือน และตั้งเป้าว่าจะลดได้ร้อยละ 15 ภายใน 5 ปี (ปี 2555) ทั้งนี้ ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา กทม.ได้มีการรณรงค์ภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่องทุกวันที่ 9 ของเดือน และวันที่ 9 ตุลาคมนี้ กทม.ได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป ติดตั้งถังขยะรีไซเคิล แบบแยกประเภท 5 ช่อง ได้แก่ แก้ว โลหะ กระดาษ พลาสติค กล่องนมและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ กทม.สามารถคัดแยกขยะรีไซเคิลได้มากกว่าร้อยละ 40 ของขยะทั้งหมดที่มีกว่า 8,000 ตันต่อวัน
----------------------------------
แพนด้าแดงรู้สึกว่า โชคดีไงก็ไม่รู้ ที่แพ้อาหารทะเลพอดี ในช่วงที่มีปัญหา - -" ปกติเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว แต่ไม่เคยแพ้อาหารทะเล อยู่ๆก็แพ้ เลยรอดตัวไป ไม่งั้น คงไม่รอด
อีกหน่อยจะทำไงกับชีวิตดีอ่ะ แล้วพิษที่มาจากทะเล มีผลต่อระบบนิเวศ แล้วจะทำไงต่อไปหละ - -"
จากคุณ :
แพนด้าแดง 
- [
30 ก.ย. 50 01:15:25
]
|
|
|
|
|
|
