ความคิดเห็นที่ 1 อายุุโลกไม่ได้วัดจาก Carbon 14 เพราะมันวัดได้แม่นยำในช่วงไม่กี่พันปีเท่านั้น เขาใช้สารกัมมันตรังสีตัวอื่นวัด จากคุณ : Nexus - [ 2 ต.ค. 50 13:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1) ไม่มีหลักฐานทางวัตถุที่จะยืนยันว่า มี Missing Link ระหว่างการวิวัฒนาการจากสายพันธ์หนึ่งไปอีกสายพันธ์หนึ่ง.. มนุษยชาติ ไม่เคยพบ Missing Link ที่จะเป็นหลักฐานยืนยันทฤษฏีวิวัฒนาการแม้แต่ชิ้นเดียว ที่เห็นกันชัดๆก็ Archaeopteryx ที่เป็นกึ่งนกกึ่งสัตว์เลื้อยคลานครับ เป็นนกที่มีฟัน นอกจากนั้นก็มีฟอสซิลสัตว์พวกม้าในยุคต่างๆจากที่เป็นเมกาเธเรี่ยม http://web.archive.org/web/20030416124757/www.talkorigins.org/faqs/archaeopteryx/info.html http://web.archive.org/web/20010802193621/www.talkorigins.org/faqs/horses.html http://web.archive.org/web/20010805200010/www.talkorigins.org/faqs/faq-transitional.html แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 13:59:07 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 13:54:59 จากคุณ : Kaizer - [ 2 ต.ค. 50 13:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 1. http://www.pantown.com/board.php?id=8396&area=1&name=board1&topic=16&action=view และนอกจากหลักฐานที่เป็นฟอสซิลแล้วยังมีหลักฐานจากชีวโมเลกุล 2. เอาเครื่องมือวัดไฟ 10 โวลต์ ไปวัดไฟ 1 ล้านโวลต์ แล้วบอกว่าผิดพลาดก็ไม่แปลกหรอกครับ คาร์บอน 14 ใช้วัดวัตถุที่มีอายุไม่มากกว่า 5 หมื่นปี ถ้าเกินจากนี้ใช้ตัวอื่นวัดแทนครับ มีเป็นสิบวิธีเลย 3. การประมาณอายุฟอสซิล ค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้อยู่ที่ 15% ไม่มีการบอกค่าที่แม่นยำชัดเจนหรอกครับ เพราะไม่ได้ทำการวัดแค่ครั้งเดียวแต่จะวัดหลายรอบแล้วหาค่าเฉลี่ยทางสถิติ ซึ่งจะมี ค่า SD กับ SE มาเกี่ยวข้อง จากนั้นก็ทำเป็นช่วงอายุฟอสซิลครับ จากคุณ : silverspider - [ 2 ต.ค. 50 14:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าอยากอ่านภาษาไทยไปที่นี่ครับ http://evidence-evolution-theory.pantown.com จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ต.ค. 50 14:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 และที่สำคัญเรื่อง Taxonomy กับ Systematics นี่ใช้ทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นพื้นฐานนะครับ ถ้าจะปฏิเสธเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการก็ต้องเปลี่ยนชื่อชนิดและจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิตใหม่ทั้งหมดที่ได้มีการตั้งชื่อไว้ ส่วนการ Classification ที่ไม่ตรงกันนี่เป็นเพราะว่าการจัดแบ่งช่วงของสาย phylogeny ว่าช่วงใดควรอยู่ลำดับขั้นใดของอนุกรมวิธานแตกต่างไปในความคิดของนักอนุกรมวิธานแต่ละท่านครับ แต่พื้นฐานที่ตรงกันคือต้องหาความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการให้ได้ก่อนเพื่อเขียนสายวิวัฒนาการจากนั้นก็แบ่งช่วงตามความต้องการครับ จากคุณ : silverspider - [ 2 ต.ค. 50 14:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รู้ไปก็เท่านั้น แย้งไปก็เท่านั้น ปล่อยให้เค้าเชื่อแบบนั้นก็ดีนะ อย่างน้อยพระเจ้าก็สอนให้รักกัน คนที่เชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง คงไม่ไปเบียดเบียนใคร ดีกว่าหมดทรัทธาแล้วไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่เกรงกลัวต่อบาป จากคุณ : false - [ 2 ต.ค. 50 14:19:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต่อจาก #5 นาย ก. เห็นว่าควรจัดอันดับขั้นตามอนุกรมวิธานดังนี้ A = Species, B= Subgenus, C = Genus, D = Subfamily, E= Family นาย ข. เห็นว่าควรจัดอันดับขั้นตามอนุกรมวิธานดังนี้ A = Species, B= Subgenus, C = Genus, D = Tribe  E= Subfamily จากคุณ : silverspider - [ 2 ต.ค. 50 14:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ความรักมันทำให้คนตาบอดครับ ทำให้ใครๆ ก็เลือกที่จะโง่ได้ biasฝั่งนึง มาจากเหตุผลการค้นคว้า ทดลอง และตรรกะ อีกฝั่งนึง มาเพื่อสนับสนุนสิ่งที่เค้าเชื่อ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 2 ต.ค. 50 15:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สถานการณ์ปัจจุบัน :   ปัญหาของการอธิบายวิวัฒนาการของมนุษย์ คือ การหา Missing Link ของวิวัฒนาการมนุษย์ ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีฟอสซิลใดที่นักวิทยาศาสตร์เห็นพ้องต้องกันว่าเป็น Missing Link ของวิวัฒนาการมนุษย์ มองในอีกมุมหนึ่ง เพื่อเป็นข้อคิดว่า Missing Link ต่างๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ยกมาอ้างในความเห็นบนๆ นั้น เป็น Missing Link จริงๆ หรือไม่ : ถ้าคุณไม่เคยเห็นลิงมาก่อนเลย เคยเห็นแต่หนู กระรอก คน   แล้วพอคุณไปเจอลิง  จะถือว่า ลิง เป็น missing link ของวิวัฒนาการมนุษย์หรือไม่ครับ ? จากคุณ : PureTruth - [ 2 ต.ค. 50 15:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าเรื่องการวิวัฒนาการนี่ไปดูพวกสัตว์ที่ isolate มากๆอย่างปลาตาบอดในถ้ำลึกลับ หรือนกบางชนิดบนเกาะห่างไกล ก็พอจะเห็นแล้วนะครับว่า การปรับตัวเพราะสภาพแวดล้่อมจนเปลี่ยนไปจากspecies เดิมๆมันก็น่าจะมีจริงๆ จากคุณ : ดู planet Earth แล้วอิน (....4จุด) - [ 2 ต.ค. 50 16:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 งูเหลือมมีนิ้วหลงเหลืออยู่ นกฮวาซินพบที่อเมริกาใต้ ลูกนกจะมีเล็บเล็กๆที่ปีกใช้ช่วยในการปีนป่าย พอโตขึ้นจะหายไป ตัวอ่อนของสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิดมีช่องเหงือก และหาง สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมี DNA RNA ที่ประกอบด้วยเบสพื้นฐานเหมือนกัน การ conserve ของลำดับกรดอะมิโนในโปรตีนที่มีความสำคัญ ความคล้ายคลึงกันในกระบวนการทางสรีรวิทยา และชีวเคมีของสิ่งมีชีวิต ครีบของโลมา และ วาฬมีกระดูกนิ้ว เหล่านี้เป็นหลักฐานของการวิวัฒนาการทั้งสิ้น มีมากมาย ไหนล่ะหลักฐานที่แสดงถึงการมีอยู่ของพระเจ้า ไม่เห็นจะมีเลย ผู้เชื่อในพระเจ้า คุณจะพยายาม (หลง)เชื่อในพระเจ้าที่ไม่มีจริงต่อไปก็ได้ แต่ช่วยกรุณาอย่าบิดเบือนความจริงเพื่อสนับสนุนความเข้าใจ (ผิด) ของตัวคุณเอง ป.ล. ถ้าเปิดใจกว้าง และพยายามใช้สติปัญญา และ เหตุผล (ถ้าพอมีอยู่บ้าง) ก็คงจะเข้าใจความจริง จากคุณ : mirror man - [ 2 ต.ค. 50 17:15:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ คุณ mirror man ครับ ลองตอบคำถามใน #9 นะครับ แล้วจะรู้ว่าคุณยังเข้าใจผิดอยู่อีกเยอะครับ   คุณเชื่อว่าไม่มีพระเจ้า คุณจะพยายาม (หลง)เชื่อว่าพระเจ้าไม่มีจริงต่อไปก็ได้ แต่ช่วยกรุณาอย่าบิดเบือนความจริงเพื่อสนับสนุนความเข้าใจ (ผิด) ของตัวคุณเอง ป.ล. ถ้าเปิดใจกว้าง และพยายามใช้สติปัญญา และ เหตุผล (ถ้าพอมีอยู่บ้าง) ก็คงจะเข้าใจความจริง แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 18:20:03 จากคุณ : PureTruth - [ 2 ต.ค. 50 17:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ mirror man ครับ ขอยกตัวอย่างความเข้าใจผิดของคุณนะครับ คุณบอกว่า "ตัวอ่อนของสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิดมีช่องเหงือก และหาง" ไม่จริงครับ ดูได้จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Recapitulation_theory Embryonic pharyngeal arches are not gills and do not carry out the same function.   คือ มันไม่ใช่ช่องเหงือก และไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนกับเหงือกแต่อย่างใด (มันเป็นแค่เรื่องโกหกที่สืบทอดกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ไม่น่าเชื่อนะครับ ยุคดิจิตอลขนาดนี้แล้ว นักนิยมวิวัฒนาการยังใช้เรื่องโกหกเก่าๆ กันได้อย่างหน้าไม่อาย เหลือเชื่อจริงๆ ครับ  แล้วก็มีคนตกเป็นเหยื่อความรู้ความเชื่อผิดๆ นี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่เคยคิดมาก่อนว่านักนิยมวิวัฒนาการจะสามารถโกหกหน้าตายได้ขนาดนี้ครับ) จากคุณ : PureTruth - [ 2 ต.ค. 50 18:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ PureTruth.. พูดกันจริงๆ ตอนนี้ผมไม่รู้แล้ว ว่าแหล่งข้อมูลไหน เชื่อได้ หรือเชื่อไม่ได้.. เอาเป็นว่า ถ้าได้ความรู้เพิ่มเติมในระดับที่จะออกความเห็นได้ ค่อยว่ากันใหม่ครับ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่กลางๆ แล้วกัน จากคุณ : Angos - [ 2 ต.ค. 50 19:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 น่าจัด Debate กันนะครับ เชิญสองฝ่ายมาออกความเห็นพร้อมข้อมูลประกอบ คงจะได้ความรู้เยอะดี จากคุณ : Angos - [ 2 ต.ค. 50 19:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ Angos มีความเป็นกลางดีนะครับ   ถ้าอยากได้ความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติม ไม่ลองเริ่มจากตอบคำถามของผมใน #9 ก่อนล่ะครับ   :D จากคุณ : PureTruth - [ 2 ต.ค. 50 20:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไม่ค่อยมีข้อมูล(ทางวิชาการ)อะไรมากนักที่จะโต้แย้งนะครับ แต่เห็นประการหนึ่งว่า http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5876209/X5876209.html#3 ผู้ที่กล่าวไว้ใน คคห 3 และ 5 กล่าวไว้ถูกต้องนัก สำหรับคุณ mirror man ครับ งูเหลือมมีนิ้วหลงเหลืออยู่ นกฮวาซินพบที่อเมริกาใต้ ลูกนกจะมีเล็บเล็กๆที่ปีกใช้ช่วยในการปีนป่าย พอโตขึ้นจะหายไป ตัวอ่อนของสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิดมีช่องเหงือก และหาง สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมี DNA RNA ที่ประกอบด้วยเบสพื้นฐานเหมือนกัน การ conserve ของลำดับกรดอะมิโนในโปรตีนที่มีความสำคัญ ความคล้ายคลึงกันในกระบวนการทางสรีรวิทยา และชีวเคมีของสิ่งมีชีวิต ครีบของโลมา และ วาฬมีกระดูกนิ้ว เหล่านี้เป็นหลักฐานของการออกแบบอย่างชาญฉลาดทั้งสิ้น มีมากมาย ไหนล่ะหลักฐานที่ ปฏิเสธ ถึงการมีอยู่ของพระเจ้า ไม่เห็นจะมีเลย จากคุณ : ksk - [ 2 ต.ค. 50 21:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้ามีพระเจ้า ถ้าออกแบบปลาวาฬเเล้วลืมเอากระดูกขาออก ผมว่ามันไม่ไหวเลย จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สแกนจาก nAtional geographic ธันวาคม 2544 จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 missing link มากมายของวาฬที่มนุษย์ได้ค้นพบ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 22:13:09 จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:12:59 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาดูกันว่าเจอมีกี่ missing link ที่ค้นพบ จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หลายตัวเลยที่นักวิทยาศาสตร์พยายามทุ่มเทค้นหา เพื่อค้นหาสิ่งที่มี ใส่ลำดับภาพผิดขอภัยเพื่อนๆทุกท่าน แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 22:24:26 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 22:23:57 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 22:23:44 จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:22:05 ]

ความคิดเห็นที่ 23 บรรดาบรรพบุรุษวาฬ จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:23:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มากมาย หาไปมาก็เจอเวปนี้ http://www.edwardtbabinski.us/whales/evolution_of_whales/ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 22:48:17 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 22:26:16 จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โพสผิดไปเพราะตั้งชื่อสลับ จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รูปสุดท้าย จากคุณ : Chaos dragon - [ 2 ต.ค. 50 22:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มันน่าเศร้าครับ ที่ขนาด National Geographic ที่มีชื่อเสียง ก็ยังสามารถโกหกในเรื่องที่เกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการได้ ดูรูป ปากีเซตุส ใน #21 ที่ National Geographic วาดให้คุณดูเพื่อหวังให้คุณรู้สึกว่ามันใกล้เคียงกับสัตว์ในลำดับถัดมา   แล้วเทียบกับรูปที่วาดโดยอิงจากโครงกระดูกฟอสซิลที่ค้นพบจริง   ดูรูป Pakicetidae ใน link ข้างล่างนี้ http://www.sci.tamucc.edu/~wcrc/cetaceans/extinct/archaeocetes.html เมื่อไหร่นักนิยมวิวัฒนาการจะเลิกใช้ข้อมูลผิดๆ หลอกผู้คนสักทีครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 23:54:28 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 23:49:52 จากคุณ : PureTruth - [ 2 ต.ค. 50 23:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าตั้งคำถามแบบกลางๆนะครับ แบบประมาณว่า เด็กประถมมาดูพิพิธภัณฑ์ แล้วถามเจ้าหน้าที่ว่า เป็นไปได้หรือไม่ ? ที่กระดูกเหล่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยกับเรื่องราวการวิวัฒนาการ เป็นเพียงสัตว์ที่สูญพันธ์ไป บังเอิญว่า พี่ๆเค้าจินตนาการเก่งไปหน่อย เลยตั้งชนิดอันนี้เป็นอันโน้น แล้วอันนี้เป็นปู่ทวดของอันนั้น อันนี้เป็นพี่สะใภ้ของอันโน้น อาจเป็นไปได้ หรือ ไม่มีทางเป็นไปได้ ???? จากคุณ : ksk - [ 2 ต.ค. 50 23:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องการตรวจ หาครึ่งชีวิตของธาตุ ก็บอกได้แล้วว่า สัตว์ หลายชนิด มีในอดีต แต่ปัจจุบันไม่มี แล้วมันหายไปไหน แล้วสัตว์ที่ปัจจุบันมี แต่อดีตไม่มี คือมันถูกสร้างมาไม่พร้อมกันเหรอ ส่วนการหาmissing linkของมนุษย์ ก็เคยมีการคำนวนอัตราการเปลี่ยนdnaที่บอกว่ามนุษย์ทุกคน มาจากโฮโมซาเปี้ยนกลุ่มเล็กๆเดียวกัน เริ่มต้น จึงน่าจะมีน้อยมาก ที่ยากต่อการพบหลักฐานmissing linkครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 2 ต.ค. 50 23:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ สัตว์บางอย่างถูกสร้างมาไม่พร้อมกันครับ จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 00:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องกระดูกมนุษย์ที่มีอายุเกิน 6 พันปีจะอธิบายว่าอย่างไรครับคุณ PureTruth จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 01:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถึงตอนนี้เราจะหา missing link ระหว่างบรรพบุรุษมนุษย์หน้าตาคล้ายลิงกับมนุษย์ปัจจุบันไม่ได้ ผมก็ไม่ขอมักง่ายสรุปว่าเพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาหรอกนะครับ และผมเชื่อบรรดานักวิทยาศาสตร์ลึกๆแล้วเขาก็คิดแบบนี้แหละ มันต้องมีที่มาที่ไป ไม่งั้นก็คงไม่อยากรู้จนพัฒนาวิทยาการจนมาถึงทุกวันนี้ สำหรับผมพระเจ้ากับผีป่าเทพเจ้าก็เหมือนกันแหละ คืออธิบายสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจด้วยการบอกว่ามันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะและคนหมู่มาก พระเจ้าเลยเป็นความดีงามไป ส่วนผีป่าก็เป็นความชั่วร้าย ยิ่งคิดถึงประวัติศาสตร์ก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าอะไรคือความชั่วร้ายกันแน่ สรุปผมมีแนวคิดว่ามีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้มนุษย์เกิดวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดด จึงทำให้มี missing link เกิดขึ้น มนุษย์อาจจะเป็นผลการทดลองของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกก็ได้ และถ้าเป็นแบบนั้นจริง มนุษย์ต่างดาวก็คือพระเจ้านั่นเอง จากคุณ : VeryBadman...อมยิ้มชำรุด - [ 3 ต.ค. 50 01:55:05 A:128.242.106.124 X: TicketID:155341 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ไอ่การที่คุณบอกว่า สัตว์บางอย่างถูกสร้างมาไม่พร้อมกันครับ คุณก็ไม่มีหลักฐานเช่นกัน หรือจะเอาไบเบิ้ลมาอ้างก็ไปไกลๆเลยครับ เพราะไบเบิ้ลก็ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้เป็นหลักฐาน ถ้าจะเอาไบเบิ้ลเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ ผมว่าปัญญาอ่อนพิลึกครับ อะไรๆก็ตอบว่าพระเจ้าสร้าง พระเจ้าดลบันดาล ปาฏิหารย์การทดสอบ มันง่ายดีใช่มั๊ย บอกหน่อยว่าทำไมนกถึงมีรูปแบบขนที่เป็นแบบนั้น แต่ทำไมค้างคาวไม่มีขนแบบนั้น ทำไมพระองค์จะสร้างให้ค้างคาวเลี้ยงลูกด้วยนมแต่บินได้ ใยพระองค์ไม่ประทานขนแบบนกให้เล่าท่าน! จากคุณ : Yoiji - [ 3 ต.ค. 50 03:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ู^ ^ ^ ท่านจะได้คำตอบว่า เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สติปัญญาของพระองค์ล้ำลึกเกินกว่าเราๆ ท่านๆ จะเข้าใจได้ครับ ^^ เทพมังกรอวยชัย! เอนมา! เอนมา! จากคุณ : powwy - [ 3 ต.ค. 50 04:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ mirror man ครับ ขอยกตัวอย่างความเข้าใจผิดของคุณนะครับ คุณบอกว่า "ตัวอ่อนของสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิดมีช่องเหงือก และหาง" ไม่จริงครับ ดูได้จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Recapitulation_theory Embryonic pharyngeal arches are not gills and do not carry out the same function.   คือ มันไม่ใช่ช่องเหงือก และไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนกับเหงือกแต่อย่างใด (มันเป็นแค่เรื่องโกหกที่สืบทอดกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ไม่น่าเชื่อนะครับ ยุคดิจิตอลขนาดนี้แล้ว นักนิยมวิวัฒนาการยังใช้เรื่องโกหกเก่าๆ กันได้อย่างหน้าไม่อาย เหลือเชื่อจริงๆ ครับ  แล้วก็มีคนตกเป็นเหยื่อความรู้ความเชื่อผิดๆ นี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่เคยคิดมาก่อนว่านักนิยมวิวัฒนาการจะสามารถโกหกหน้าตายได้ขนาดนี้ครับ) ในส่วนนี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เรื่องช่องเหงือก และหาง แต่ประเด็นคือความคล้ายคลึงกันของแบบแผนการเจริญของตัวอ่อนของสัตว์มีกระดูกสันหลังซึ่งแสดงถึงลักษณะร่วม             กันของสัตว์กลุ่มนี้ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่ามันมีบรรพบุรุษร่วมกัน ในการศึกษาการเจริญของตัวอ่อนมนุษย์ หรือ human embryology ของนักศึกษาแพทย์นั้นการศึกษาการเจริญของตัวอ่อนในระยะต้นจะใช้ embryo ของไก่ และหมูในการศึกษาเนื่องจากหา embryo ระยะนี้ของคนมาใช้ศึกษาได้ยาก และรูปแบบการเจริญของตัวอ่อนในระยะแรกของไก่ และหมูมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ จากตัวอย่างที่ยกมาคงช่วยให้คุณ Pure truth เข้าใจมากขึ้น ในลำดับต่อมาจะขอยกตัวอย่าง missing link ที่เป็นยีนควบคุมการเจริญ http://en.wikipedia.org/wiki/Homeobox homeobox genes เป็นยีนที่กำหนดแบบแผนการเจริญในสัตว์ ถูกค้นพบครั้งแรกในแมลงหวี่       Drosophila melanogaster ต่อมาได้ถูกค้นพบในสัตว์หลายชนิดตั้งแต่แมลงไปจนถึงสัตว์เลื้อยคลาน     และ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในตอนแรกนั้นพบ Homeobox genes เฉพาะในสัตว์ที่มีสมมาตรแบบผ่าซีก (bilaterian) แต่เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการค้นพบว่าสัตว์กลุ่ม cnidarians (สัตว์ใน phylum cnidaria หรือ coelenterata เช่น แมงกะพรุน ดอกไม้ทะเล etc.) ก็มี homeobox domains ซึ่งเป็น "missing link" ในระหว่างกระบวนการวิวัฒนาการของสัตว์ทั้ง 2 กลุ่ม การเกิด mutation ของ homeobox genes สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ phenotype ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ตัวอย่างของการกลายพันธุ์ของ homeobox gene ในแมลงหวี่ เช่น หนวดกลายเป็นขา (Antennapedia) และ การมีปีก 2 คู่ (แมลงหวี่อยู่ในอันดับ Diptera ปกติจะมีปีก 1 คู่) การ Duplication ของ homeobox genes สามารถทำให้เกิด new body segments และ การ duplications เช่นนี้มีความสำคัญในกระบวนการวิวัฒนาการของสัตว์ที่มีปล้อง ในการศึกษาทาง molecular biology พบว่า ลิงชิมแปนซี มี DNA ต่างจากคนเพียง 1 % หนูมีลักษณะทางพันธุกรรม 80% ที่เหมือนคน จากตัวอย่างที่ยกมาล้วนสนับสนุนว่าวิวัฒนาการเกิดขึ้นจริง และการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของของ DNA สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างอย่างมากมาย แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 08:55:40 จากคุณ : mirror man - [ 3 ต.ค. 50 08:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบคุณ silverspider คคห 31 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5876209/X5876209.html#3 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5876449/X5876449.html#3 ประมาณนี้นะครับ ตอบคุณ Very Good man ใจเย็นๆครับ นึกถึงตรรกะให้ดีนะครับ ถึงตอนนี้เราจะหา missing link ระหว่างบรรพบุรุษมนุษย์หน้าตาคล้ายลิงกับมนุษย์ปัจจุบันไม่ได้ ผมก็ไม่ขอมักง่ายสรุปว่าเพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาหรอกนะครับ แปลว่า ขอมักง่ายสรุปว่าไม่มีพระเจ้าไว้ก่อนหรือเปล่าครับ ตอบคุณ Yoiji เรื่องการไม่ยอมรับไบเบิ้ลเป็นหลักฐาน อันนี้ก็จนปัญญานะครับ เป็นปัญหาที่ทำให้ตอบเท่าไร ก็เหมือนไม่ได้ยินนะครับ ผมว่าบางครั้งเรื่องการยอมรับในหลักฐานมันก็ออกไปในแนวพวกมากลากไปนะครับ ส่วนเรื่องค้างคาวไม่มีขนเหมือนนก แล้วทำให้ไม่มีผู้สร้างตรงไหนครับ ช่วยอธิบายอย่างที่คุณเรียกว่าวิทยาศาสตร์หน่อยครับ ขอบคุณ คุณ powwy ที่ช่วยตอบให้แล้วครับ แต่ไม่ใช่เทพมังกรครับ อันนั้นทำให้กลายเป็นไร้สาระไป จากคุณ : ksk - [ 3 ต.ค. 50 08:26:44 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คนบางตนโดนล้างสมองไปแล้ว ยากที่จะรักษาให้กลับมามีตรรกะ และเหตุผลได้เหมือนเดิม จากคุณ : mirror man - [ 3 ต.ค. 50 09:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมคิดว่า ทั้งฝั่งผู้เชื่อในพระเจ้า และไม่เชื่อในพระเจ้า ก็มีวิทยาศาสตร์ตัวเดียวกันอยู่ในมือ มีหลักฐานวัตถุอย่างเดียวกัน เพียงแต่การหยิบไปใช้ตีความประกอบเหตุผลนั้นมีวัตถุประสงค์อย่างไร โปรดเข้าใจอย่างหนึ่งว่า พวกเชื่อพระเจ้า ไม่ได้ปฏิเสธวิทยาศาสตร์ เพียงแต่เรารู้สึกถึงความ "ไม่เป็นธรรม" อยู่บ้างในการตีความข้อมูลทางวิทยาศาสตร์บางเรื่อง ที่ถูกนำมาอ้างเสมอว่า ไม่มีพระผู้สร้าง ทั้งๆที่หลักฐานเหล่านั้นก็ไม่ได้บอกอย่างนั้น เช่นถ้าพระเจ้ามีจริงทำไมไม่สร้างให้ค้างคาวมีขนเหมือนนก ถ้าพระเจ้ามีจริงทำไมถึงมีภัยธรรมชาติ ถ้าพระเจ้ามีจริงทำไมไม่ให้ทุกคนเชื่อพระเจ้า บลา บลา บลา... ผมคิดว่าเป็นการใช้ตรรกะไม่ถูกนะครับ คล้ายๆกับจะบอกว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของรถคันนี้จริง ทำไมรถคันนี้ระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำไมไม่ใช้หม้อน้ำ ส่วนตัวเลขบางอย่าง เช่นอายุของวัตถุที่ดูเหมือนจะเกินเลยบันทึกในคัมภีร์ อันนี้ก็พูดกันตรงไปตรงมาว่า ตัวผมเองก็ไม่มีปัญญาที่จะไปคัดค้าน เพราะไม่ได้อยู่ในสายงานที่ทำวิจัยพวกนั้นโดยตรง ยังรอฟังความคืบหน้าทางวิทยาศาสตร์เหมือนคนอื่นๆอยู่เช่นกัน แต่ผู้เชื่อพระเจ้าท่านอื่นๆที่ศึกษาเรื่องนี้มากกว่าผม ก็อาจมีประเด็นที่น่าสนใจ ในการที่จะยกมาซักค้าน เช่นเราอาจรู้ค่าครึ่งชีวิตของสารบางชนิด และสามารถวัดปริมาณที่เหลือในปัจจุบันได้ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่า ในจุดเริ่มต้นมันมีอยู่เท่าไร และจะแน่ใจได้อย่างไรว่าอัตราการเปลี่ยนแปลง ของสารนั้นเป็นไปด้วยอัตราเดียวกันตลอดช่วง (มันจะมีการต้องสมมุติค่าเริ่มต้นให้ สมมุติว่าไร้การรบกวนใดๆ โดยอิงจากสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน) คำตอบของนักวิทยาศาสตร์ที่ "ตรงไปตรงมา" ก็จะเป็นดังนี้ "ไม่มีเหตุผลใดที่มันต้องเหมือนกับสารที่มีในปัจจุบัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลใด ที่มันจะแตกต่างกับสารในปัจจุบัน ไม่มีเหตุผลใดที่อัตราการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไม่ไปอย่างคงที่ตลอดช่วงอายุ อาจเป็นไปได้ว่าการรบกวนจากภายนอกส่งผลกระทบบ้าง แต่เรายังไม่พบ" ประมาณนั้น ผมก็อปปี้คำตอบที่เคยลงไว้ในกระทู้เก่าอันหนึ่งนะครับ ในฝ่ายที่ยอมรับในความเป็นไปได้ของการเกิดจาก "พระผู้สร้าง" ก็ไม่มีอะไรจะอธิบายมากไปกว่า "การยอมรับ โดยดุษฎี" ซึ่งถูกแทนที่ด้วยคำว่า "เชื่อ" (คนละความหมายกับ "งมงาย") มุมมองต่อความรู้ในสาขาชีววิทยา และวิทยาศาสตร์ทุกแขนงที่สั่งสมกันมา กลับเป็นหลักฐานส่งเสริม ให้เห็นถึงความเป็นระบบ ซึ่งไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการ "ถูกออกแบบ" เบื้องหลังของการไม่ยอมรับเรื่องการทรงสร้างของพระเจ้า มาจากเหตุผลอื่นๆ ลองสำรวจในใจของคุณดูนะครับว่า มาจากเหตุผลอะไร จากคุณ : ksk - [ 3 ต.ค. 50 09:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เชื่ออันไหนก็ได้ครับ ทั้งวิทยาศาสตร์ และ พระเจ้า ก็ความเชื่อทั้งคู่ อยู่ที่จะเอาฐานมาจากอะไรเท่านั้นเอง เชื่อแล้วอุ่นใจ สบายใจ เชื่อแล้วเกิดความสามัคคี เชื่อแล้วเกิดความมั่นคงในสภาพทางจิต ผมว่า การที่เราเชื่ออะไรสักอย่าง และยึดถือสิ่งนั้นมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในการดำรงค์ชีวิต ไม่ว่าวิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ พระเจ้าศาสตร์ หรือเทพสาดดดดด ;-) มันก็เหมือนๆกันนะแหละครับ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 3 ต.ค. 50 10:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตอบคุณ VeryBadman..อมยิ้มชำรุด  #32  ครับ "สรุปผมมีแนวคิดว่ามีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้มนุษย์เกิดวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดด จึงทำให้มี missing link เกิดขึ้น มนุษย์อาจจะเป็นผลการทดลองของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกก็ได้ และถ้าเป็นแบบนั้นจริง มนุษย์ต่างดาวก็คือพระเจ้านั่นเอง" Ans. นั่นน่ะสิครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น ทฤษฎีวิวัฒนาการก็สอนผิด เพราะทฤษฎีวิวัฒนาการบอกว่า มนุษย์เปลี่ยนแปลงมาจากสัตว์อื่นได้เองโดยการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ ไม่ได้มีผู้ใดเข้ามาเกี่ยวข้องเลย จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 11:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบคุณ mirror man #35 ครับ "ในการศึกษาทาง molecular biology พบว่า ลิงชิมแปนซี มี DNA ต่างจากคนเพียง 1 %" Ans. นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความเชื่อผิดๆ ที่นักนิยมวิวัฒนาการใช้หลอกลวงเรามาตลอดครับ   ส่วนความจริงนั้นไม่ค่อยถูกนำมาเปิดเผยหรอกครับ  ถ้าอยากรู้รายละเอียดจริงๆ ต้องไปอ่าน เช่น  The Myth of 1%, Jon Cohen, Science 316, 29 June 2007.   หรือไม่ก็ลองอ่านเว็บที่เขามีอธิบายเปเปอร์นี้ เช่น http://www.truthinscience.org.uk/site/content/view/251/63/ โดยสรุปคร่าวๆ ก็คือ มันไม่ใช่แค่ 1% นะครับ แต่เป็นประมาณ 6% (เท่าที่วิจัยได้ในปัจจุบัน) และในอนาคตคงจะค้นพบความแตกต่างของ DNA ระหว่างคนกับชิมแปนซีมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ครับ จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 12:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ ksk ผมไม่ได้ปฏิเสธเรื่องพระเจ้าแต่ปฏิเสธเรื่องการสร้างมนุษย์และสัตว์เมื่อ 6 พันปีก่อนนะครับ (ถ้านับจริง ๆ แค่ 5 พันปีกว่า) จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 14:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 44 #42 1% วิเคราะห์วิธีใด 6% วิเคราะห์วิธีใด ดูให้ดีนะครับวิธีที่ใช้ต่างกันจะบอกว่าอีกวิธีผิดไม่ได้นะครับ จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 14:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 45 แต่ไม่ว่าจะ 1% หรือ 6 % มันก็มีบรรพบุรษร่วมกันอยู่ดี จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 14:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ได้ปฏิเสธเรื่องผู้สร้าง และผู้ที่เชื่อผู้สร้างก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องวิวัฒนาการ แต่จะมีพวกสุดโต่งนะแหละที่ปฏิเสธหมด เพียงถ้าแสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์การมีอยู่ของผู้สร้างได้เขาก็ยอมรับหมดครับ แต่จะเป็นผู้สร้างของศาสนาไหนนั่นก็อีกเรื่อง เป็นการดีซะอีกที่จะได้เห็นว่าผู้สร้างของศาสนาไหนจริง http://www.religioustolerance.org/ev_publi.htm แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 14:37:57 จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 14:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จะรอคำอธิบายซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์และสัตว์ที่อายุเกิน 6 พันปีนะครับ ส่วนเรื่องพืชนี่ไม่สงสัย จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 14:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อืมม น่าสนใจดีแฮะ ไม่รู้จะคอมเมนต์อะไร เพราะไม่มีความรู้ในสาขานี้เลย เลยไม่รู้ว่า ข้อมูลไหนมีแนวโน้ม จริงหรือเท็จ จากคุณ : Angos - [ 3 ต.ค. 50 15:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบ #44   วิธีที่บอกว่า 1% นั้น คิดไม่ครอบคลุมละเอียดเท่ากับวิธีที่ได้คำตอบ 6% ในเมื่อเรามีข้อมูลที่ละเอียดมากกว่าแล้ว  การพยายามจะใช้ตัวเลขเดิมจากวิธีการที่ไม่ละเอียด จึงเป็นเพียงจิตวิทยาในการโน้มน้าวคนให้เชื่อเท่านั้น ปล. การศึกษาจีโนมเพิ่งทำไปได้แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น พอศึกษาต่อไปมันก็มีแต่จะทำให้ความแตกต่างนั้นถูกค้นพบมากขึ้นๆ จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 15:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบ #45 "แต่ไม่ว่าจะ 1% หรือ 6 % มันก็มีบรรพบุรษร่วมกันอยู่ดี" Ans.   เอ่อ .... ?   แสดงว่า เปอร์เซนต์ความแตกต่างมันไม่มีผล เหรอครับ ?  ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่ควรเอามันมาเป็นเหตุผลสนับสนุนสินะครับ ถ้าเปอร์เซนต์ความแตกต่างมีผล แล้วต้องเท่าไหร่ล่ะครับ ถึงจะสรุปได้ว่ามันไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกัน ???   ถ้าไม่ยอมตอบตรงจุดนี้  ถึงจะมีความแตกต่างทาง DNA ซัก 10%  คุณก็อ้างได้ว่า มันมีบรรพบุรุษร่วมกันอยู่ดี ..... แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 16:07:40 จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 16:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ก็หามาสิครับว่าต่างกันเท่าไหร่ถึงจะไม่มีบรรพบุรุษร่วมกัน เพราะเรื่องความแตกต่าง 6% แล้วมีบรรพบุรุษร่วมกันผมก็เอามาจากที่คุณบอกใน #42 ที่ว่า "ถ้าอยากรู้รายละเอียดจริงๆ ต้องไปอ่าน เช่น  The Myth of 1%, Jon Cohen, Science 316, 29 June 2007." แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 16:20:08 จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 16:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 52 #49 ก็เหมือนกับที่ใช้ทฤษฎีของนิวตันนะแหละครับ ในเมื่อทฤษฎีสัมพัทธภาพกัยทฤษฎีควอนตัมละเอียดกว่าทำไมยังใช้อยู่ครับ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 16:25:20 จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 16:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตอบ #47 ปัญหาเรื่องการอ้างอายุสมัยดึกดำบรรพ์ก็คือ ความไม่แน่นอนของปัจจัยแวดล้อมต่างๆ (การปนเปื้อน ฯลฯ) ที่มีผลต่อค่าของสารที่ใช้วัดอายุ และที่สำคัญอีกอย่าง คือ สมมติฐานของวิธีการวัดอายุนั้นๆ ซึ่งต้องใช้สมมติฐานต่างๆ เป็นจำนวนมาก และสมมติฐานบางอย่างก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าถูกต้องหรือไม่ ปัญหาของ Carbon Dating (ใช้วัดอายุ ไม่เกิน 40,000 ปี) Archaeologists are Concerned The unreliability of carbon 14 date testing is a great concern to honest archaeologists. They get particularly concerned when C14 testing shows obviously inaccurate results and they are left in uncertainty about the reliability of the dates that they have previously never questioned. New or Old? Some examples of abnormal C14 results include testing of recently harvested, live mollusc shells from the Hawaiian coast that showed that they had died 2000 years ago and snail shells just killed in Nevada, USA, dated in at 27,000 years old. A freshly killed seal at McMurdo Sound, Antarctica, yielded a death age of 1300 years ago. A petrified miner’s hat and wooden fence posts were unearthed from an abandoned 19th century gold hunter’s town in Australia’s outback. Results from radiocarbon dating said that they were 6000 years old. More Evidence Needed These anomalies have driven archaeologists to question their earlier conclusions about archaeological sites and their respective civilizations founded on artefact dating. Many theories about societies and their cultures have been based solely on C14 dating results. The honest archaeologist can no longer propose theories and ideas without bringing a wider plate of evidences to the history table. Reference:  http://www.archaeologyexpert.co.uk/RadioCarbonDating.html ทีนี้ ถ้านานเกินกว่าที่จะใช้ Carbon วัดได้   ก็จะมีวิธีอื่น เช่น Potassium-Argon Dating ปัญหาของ Potassium-argon dating Because the K/Ar dating technique relies on the determining the absolute abundances of both Ar and potassium, there is not a reliable way to determine if the method's assumptions are valid. Argon loss and excess argon are two common problems that may cause erroneous ages to be determined. Argon loss occurs when radiogenic Ar (Ar*) produced within a rock/mineral escapes sometime after its formation. Alteration and high temperature can damage a rock/mineral lattice sufficiently to allow Ar* to be released. This can cause the calculated K/Ar age to be younger than the "true" age of the dated material. Conversely, excess argon (ArE) can cause the calculated K/Ar age to be older than the "true" age of the dated material. Excess argon is simply Ar that is attributed to radiogenic Ar and/or atmospheric Ar. Excess argon may be derived from the mantle, as bubbles trapped in a melt, in the case of a magma. Or it could be a xenocryst/xenolith trapped in a magma/lava during emplacement. Reference:  http://www.ees.nmt.edu/Geol/labs/Argon_Lab/Methods/Methods.html จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 17:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบ #51 นั่นก็คือ ไม่มีใครตอบได้ว่า ต้องมีความแตกต่าง DNA เป็นเปอร์เซนต์เท่าไหร่ ถึงจะสรุปได้ว่ามันไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกัน ?   ดังนั้น ถึงแม้จะมีความแตกต่างทาง DNA ซัก 10%  คุณก็อ้างได้ว่า มันมีบรรพบุรุษร่วมกันอยู่ดี .....  นี่ก็แปลว่า จริงๆ แล้ว เหตุผลเรื่องความแตกต่าง DNA เป็นกี่เปอร์เซนต์นี้ ไม่มีน้ำหนักอะไร ไม่สมควรถูกยกมาอ้างว่าสนับสนุนการมีบรรพบุรุษร่วมกัน เพราะไม่ว่าจะกี่เปอร์เซนต์ก็อ้างได้ตลอด จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 17:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 #53 อย่าลิมเรื่องการเกิดฟอสซิลภายใน 6000 ปีด้วยนะครับ พวกสัตว์น้ำและนกเกิดก่อนมนุษย์ 1 วัน สัตว์เลี้อยคลานต่าง ๆ อย่างในไดโนเสาร์ก็เดิดวันเดียวกับมนุษย์ นั่นก็แสดงว่าซากฟอสซิลต่าง  ๆ ที่ทับถมกันเป็นชั้นเกิดขึ้นภายในวันเดียว และทั้งหมดก็มีอายุไม่เกิน 6000 ปี จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 18:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 56 #54 งั้นการตรวจ DNA เพื่อยืนยันความเป็นพ่อแม่ลูกก็ใช้ไม่ได้ด้วยนะครับ ถ้าคิดแบบนั้น จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 18:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตอบ #52 การยกตัวเลขความแตกต่าง DNA  1%  มาอ้าง  แทนที่จะใช้ 6% ซึ่งมาจากวิธีการที่ละเอียดกว่า  ก็เหมือนกับการให้ความสำคัญกับความถูกต้องของผลลัพธ์จากสูตรของนิวตัน  มากกว่าผลลัพธ์ที่ได้จากสูตรของไอน์สไตน์  ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง     ในเมื่อเรามีผลลัพธ์ที่ได้จากสูตรของไอน์สไตน์ ซึ่งถูกต้องมากกว่าในทุกกรณี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่วัตถุมีความเร็วสูงๆ) แล้วทำไมเราถึงไม่ใช้ผลลัพธ์นี้ ทำไมเวลาพูดถกเถียงกันกลับอ้างถึงผลลัพธ์จากสูตรของนิวตันอยู่ตลอดเวลาครับ จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 18:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ตอบ #55   ผมเคยบอกไปแล้วว่า คำว่า "วัน" ถูกแปลมาจากภาษาเดิมในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ซึ่งมีความหมายรวมไปถึง "ช่วงเวลา" ดังนั้น สัตว์ต่างๆ อาจเกิดก่อนมนุษย์เป็นเวลานานแล้วก็ได้ครับ ไม่ได้จำเป็นต้องแปลตรงตัวตามภาษาไทยว่า สัตว์เกิดก่อนมนุษย์ 1 วัน หรือเกิดวันเดียวกับมนุษย์ อย่างที่คุณเข้าใจนะครับ   ตอบ #56  การตรวจ DNA เพื่อยืนยันความเป็นพ่อแม่ลูก มี"เกณฑ์"บอกนี่ครับว่าเหมือนกันแค่ไหนอย่างไรถึงจะเป็นพ่อแม่ลูกกัน ต่างกันอย่างไรถึงจะแปลว่าไม่ใช่พ่อแม่ลูกกัน     มันแตกต่างจากกรณีที่เราคุยกันอยู่นี้ ซึ่งไม่มีการกำหนดเกณฑ์แต่อย่างใด  ไม่มีใครตอบได้ว่า ต้องมีความแตกต่าง DNA อย่างไร เป็นเปอร์เซนต์เท่าไหร่ ถึงจะสรุปได้ว่ามันไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกัน ? แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 18:59:36 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 18:56:07 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 18:47:14 จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 18:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ถ้าคุณจะกำหนดช่วงของวันแทนพระเจ้าของคุณก็ตามใจครับ ปฐมกาล 1:14 พระเจ้าตรัสว่า "จงให้มีดวงสว่างบนพื้นฟ้าอากาศเพื่อแยกวันออกจากคืน และเพื่อใช้เป็นหมายสำคัญ และที่กำหนดฤดู วันและปีต่าง ๆ ถ้าคุณบอกเป็นช่วงเวลา กลางวันกลางคืนก็นานตามช่วงเวลานั้นด้วย แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 19:03:22 จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 19:01:22 ]

ความคิดเห็นที่ 60 กู่ไม่กลับแล้วหล่ะแบบนี้... จากคุณ : root :-D - [ 3 ต.ค. 50 19:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ท่านปล่อยสาวกให้เป็นแบบนี้ บาปนะท่าน... แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 19:44:40 จากคุณ : root :-D - [ 3 ต.ค. 50 19:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 62 นั่นสิครับคุณ root :-D ถึงขนาดกับกำหนดวันแทนพระเจ้าเลยนะครับ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 19:10:57 จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 19:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ตอบ #60, #61  คุณ root :-D คำตอบของคุณไม่มีข้อมูลวิทยาศาสตร์ใดๆ เลย  คุณได้แต่พูดจาว่าฝ่ายตรงข้ามแบบเรื่อยเปื่อย   เมืองไทยถ้ามีแต่คนแบบคุณเยอะๆ นี่คงแย่แน่ๆ ครับ จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 19:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ผมจำได้ว่าคุณอุ้ย เคยเถียงกับคุณแล้วเรื่องDNAที่แตกต่าง1% นะครับ แล้วยกข้อมูลมาด้วย แต่ ตอนนั้นคุณก็เลิกเถียง แล้วเงียบไป และยอมรับใน1%นั้น จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 3 ต.ค. 50 19:41:10 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ฮี่ๆ ไม่ว่าอะไรนิ ก็เห็นบอกว่ามีพระเจ้า ผมก็คิดว่าเผื่อว่าพระเจ้ากะลังอ่านอยู่ ก็เลยบอกแกไป จากคุณ : root :-D - [ 3 ต.ค. 50 19:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตอบ #64   คุณขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน ยอมรับในเรื่อง 1% นั้น ???         ไม่เคยแน่ๆ ครับ จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 19:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ตอบ #59 พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับภาษาเดิม ไม่ได้ใช้คำ "กลางวัน" "กลางคืน" แบบคำปกตินะครับ ใช้เป็นอีกคำที่ต่างออกไปจากกรณีธรรมดา  ดังนั้น "1 วัน" ตอนที่พระเจ้าสร้างโลก  ไม่ใช่ว่า มีกลางวัน = 12 ชั่วโมง,  มีกลางคืน = 12 ชั่วโมง,  1 วัน = 24 ชั่วโมง  ตามปกตินะครับ     แต่มีความหมายเป็น "ช่วงเวลา"  ทั้งนั้นครับ     สิ่งเหล่านี้ ถ้าคุณดูแค่จากคำไทยหรืออังกฤษที่แปลมาแล้ว คุณจะเข้าใจผิดครับ       อันนี้ผมไม่ได้มั่วนะครับ มันเป็นอย่างนี้จริงๆ  เห็นได้จากการที่มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่ยังเชื่อในพระเจ้า เพราะเขารู้ว่าจริงๆแล้วพระคัมภีร์เขียนเรื่องนี้ไว้อย่างไร (ก็ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นนะครับ)   ดังนั้น เรื่อง "วัน" ในการสร้างของพระเจ้า  ไม่ขัดกับระยะเวลาที่นานๆ เป็นล้านๆ ปีครับ จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 20:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ไม่ได้นับถือพระเจ้านะครับ แต่พึ่งดูหนังเรื่อง Evan almighty (ภาค 2 ของ Bruce almighty) มอร์แกน ฟรีแมน (รับบทเป็นพระเจ้า) พูดประโยคหนึ่งน่าสนใจทีเีดียว - ถ้าลูกคุณหัดเดิน แล้วล้ม คุณจะช่วยไม่ให้เขาล้ม หรือปล่อยให้เขาล้ม เพื่อให้เขาเรียนรู้ว่าจะต้องไม่ล้ม - ถ้าใครซักคนต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง คิดว่าพระเจ้าประทานพรให้เขา หรือประทานปัญหาเพื่อให้เขาได้พิสูจน์ตัวเอง - ถ้าคุณปรารถนาให้ครอบครัวใกล้ชิดกัน คุณคิดว่าพระเจ้าจะเนรมิตให้ครอบครัวคุณใกล้ชิดกัน หรือสร้างโอกาสให้ครอบครัวของคุณใกล้ชิดกัน ในตอนนี้ที่ยังไม่มีข้อสรุป ถ้าผมจะลองพูดว่า - หากคุณคิดว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิต คุณคิดว่าพระเจ้าจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อม หรือสร้างสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตนั้นเรียนรู้ด้วยตัวเอง แบบนี้จะได้ไม๊ครับ จะได้เอาไปเชื่อมโยงกับทฤษฎีวิวัฒนาการได้ด้วย ศาสนากับวิทยาศาสตร์มันก็ครือๆ กันน่ะแหละ ต่างคนต่างก็แสวงหาความจริง จะทะเลาะกันไปทำไม๊ จากคุณ : ดุก - [ 3 ต.ค. 50 20:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ประเด็นสำคัญของเรื่อง DNA ก็คือ สารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยเบส A T C G เหมือนกันแสดงว่ามีบรรพบุรุษร่วมกัน กรุณาอย่าหลงประเด็น จากคุณ : mirror man - [ 3 ต.ค. 50 21:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 70 #67 นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่เชื่อในพระเจ้าและยังเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ การเอามาอ้างว่ามีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่ยังเชื่อในพระเจ้า อ้างไม่ได้หรอกครับ และพระเจ้าก็ยังแตกต่างไปในแต่ละความเชื่อ คุณ PureTruth ลองให้ความหมายเดิมของอันนี้หน่อยสิครับ ปฐมกาล 1:14 พระเจ้าตรัสว่า "จงให้มีดวงสว่างบนพื้นฟ้าอากาศเพื่อแยกวันออกจากคืน และเพื่อใช้เป็นหมายสำคัญ และที่กำหนดฤดู วันและปีต่าง ๆ และที่แปลกอย่างหนึ่งพวกนักศาสนายังไม่กล้าตีความแบบคุณเลยนะครับคุณ PureTruth เห็นมีแต่บอกว่าไม่ทราบกันเพราะกลัวจะบิดเบือนพระคัมภีร์ เพราะพระเจ้าทรงกำหนดวันมาแล้ว วันที่ 1-4 ในพระคัมภีร์จะยาวนานเป็นล้านปีก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้า แต่วันที่ 5-7 นี่เท่ากับวันตามปกติแล้วเนื่องจากในวันที่ 4 พระเจ้าได้กำหนดฤดู วันและปีต่าง ๆ แล้ว และเรื่อง 6 พันปี หลักฐานมันก็มีอยู่ทั้งใน OT และ NT และที่สำคัญที่สุดคือชาวคริสต์ให้ความสำคัญกับ NT มากกว่าไม่ใช่หรือครับ ถ้าคุณ PureTruth อยากบิดเบือนพระคัมภีร์ก็เรื่องของคุณครับผมไม่ห้ามอยู่แล้ว จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 21:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 71 #68 นักวิทยาศาสตร์ส่วนมากที่เชื่อในพระเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าทรงแนะนำแนวทางให้สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการไปตามที่ต้องการครับ อย่างกำหนดสภาพแวดล้อมต่าง ๆ จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 21:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เอางี้นะครับคุณ puretruth ผมคิดว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ กับไอ้ภาพเนชั่นแนลเจโอกราฟฟิคกับ 1% การที่ผลการสรุปมันจะขัดแย้งกันน่ะเป็นเรื่องปกติมากเลยในวงการวิทยาศาสตร์ครับ บางครั้งผลทดลองเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ว่า "ทั่นนักวิทย์" ทั้งหลายก็อาจจะมีการตีความไปคนละแบบ เช่นไอ้ 1% กับ 6% เนี่ยวัดแบบไหนเหรอครับ.. ผมแค่เทียบสายนิวคลีโอไทด์สั้นๆ ลองเปลี่ยนโปรแกรมเทียบนิดหน่อยมันได้ผลเปลี่ยนไปเกือบ 5%  อยากถามว่าสายนิวคลีโอไทด์ที่ผมเอามาเปรียบเทียบทั้งสองอันมันเปลี่ยนไปจากเดิมรึเปล่าครับ ?  ปล่าว แต่ที่ผมเปลี่ยนคือตัวโปรแกรม ( หรือพูดง่ายๆ ผมเปลี่ยนมุมมอง...  มุมมองของคนทำโปรแกรมออกมาไม่เหมือนกัน ) มันก็เหมือนที่เมื่อก่อนเขาพูดว่าขนนกตกพื้นช้ากว่าหินเพราะว่าขนนกมันเบากว่าล่ะครับ  จริงอยู่ว่าข้อสรุปผิดแต่ "ขนนกตกช้ากว่าหิน" เป็นความจริงล่ะครับ..   เช่นกัน DNA คน กับลิงต่างกันเท่าไร.. ? แน่นอนว่ามันก็ต่างกันเท่านั้นแหละ แต่่ว่า 1% กับ 6% ใช้อะไรวัด ? วัดอย่างไร และสรุปอย่างไร ? แน่นอนว่าของอย่างนี้ต้องใช้ "วิจารณญาณ" เอาเอง ( ไม่ใช่มั่วนะ  ต้องใช้ประสบการณ์นั่งดู  ไม่ใช่บอกว่าต่างกัน 5% ได้ 10% ได้ ) ขอถามว่านักวิทย์มั่วมั้ย ? ผมว่ามีแต่ว่าวงการวิทย์นี่ก็ชอบจับตาของใหญ่ๆอยู่ด้วย  ถ้ามั่วขึ้นมาแล้วเกิดคนอื่นจับได้ล่ะก็มีเฮ... แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 21:31:53 จากคุณ : Munch - [ 3 ต.ค. 50 21:27:50 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เรื่องมนุษย์ในพระคัมภีร์แน่ใจได้อย่างไรว่าหมายถึงมนุษย์ทางกายภาพอย่างเดียว ไม่ได้หมายถึงเรื่องวิญญาณด้วย จากคุณ : silverspider - [ 3 ต.ค. 50 21:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตอบ #69   คุณ mirror man ครับ "ประเด็นสำคัญของเรื่อง DNA ก็คือ สารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยเบส A T C G เหมือนกันแสดงว่ามีบรรพบุรุษร่วมกัน กรุณาอย่าหลงประเด็น" Ans. ผมว่าคุณกำลังเสี่ยงที่จะหลงประเด็นนะครับ การที่ของบางอย่างมีโครงสร้างแบบเดียวกัน มันเป็นเพราะว่าคนที่สร้าง (หรือผู้สร้าง) เจตนาใช้โครงสร้างนั้นซึ่งมีความเหมาะสมดีแล้ว สำหรับทุกๆ แบบ ทุกๆ model ก็ได้เช่นเดียวกันนะครับ  เราก็เห็นตัวอย่างอย่างนี้เยอะแยะไปในสิ่งของต่างๆ ที่เราสร้างขึ้น    ดังนั้น ไม่เห็นจำเป็นว่าโครงสร้างเหมือนกัน แล้วต้องแปลว่า ตัวหนึ่งต้องเปลี่ยนมาจากอีกตัวหนึ่ง อาจจะถูกสร้างขึ้นใหม่เลยก็ได้ โดยใช้โครงสร้างหลักที่เหมือนๆกันเท่านั้นเองครับ (ทำไมต้องเปลี่ยนโครงสร้างหลักทุกครั้งที่จะสร้างด้วยล่ะครับ ถ้าโครงสร้างหลักนั้นมันเวิร์คดีอยู่แล้ว ........) จากคุณ : PureTruth - [ 3 ต.ค. 50 23:53:58 ]

ความคิดเห็นที่ 75 งั้นผมถามเพิ่มอีกคำถามเดียว เหตุใดพระเจ้าจึงสร้างพืช ในวันที่ 3 และสร้างดวงดาวในวันที่ 4 พืชเหล่านั้นสังเคราะห์แสงได้อย่างไร ก่อนจะมีดวงอาทิตย์? หรือว่าพืชดึกดำบรรพ์ ไม่จำเป็นต้องสังเคราะห์แสง? จากคุณ : Angos - [ 4 ต.ค. 50 00:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คุณดุก#68 ตอนผมดูผมคิดเหมือนคุณเลย พระเจ้าอาจจะทรงสร้างสิ่งมีชีวิตแบบไดโนเสาร์แล้วก้อปล่อยให้เผชิญกับปัญหาต่างๆ แล้วจึงวิวัฒนาการมาถึงทุกวัน และคงวิวัฒน์ต่อไป อดัมส์กับอีฟ อาจจะเป็นต้นแบบของโฮโมเซเปี้ยนก้อด้ายเนอะ ส่วนการเอาคำแปลในพระคัมภีร์มาคาดคั้นคุณ PureTruth ก้อไม่แฟร์นะ เพราะพระคัมภีร์ผ่านการแปลผ่านการตีความมากี่คนกี่ยุคสมัย คนเขียนคัมภีร์อาจต้องการสื่ออย่างอื่นก้อด้ายนะครับ อย่างกฎหมายพอคนร่างตาย คนเอามาใช้ก้อไม่รู้เจตนารม์ของกฎหมายแล้ว ได้แต่ให้นักกฎหมายตีความตามตัวอักษร ... ป.ล. ผมไม่ได้เป็นคริสเตียนนะครับ จริงๆ นับถือเต๋าต่างหาก จากคุณ : เอย์คุง (Aeykun) - [ 4 ต.ค. 50 01:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ตอบคุณ Angos ปฐมกาล 1 1 ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง  {หรือ  เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มเนรมิตสร้าง}  ฟ้าและแผ่นดิน 2 แผ่นดินก็ว่างเปล่า  ความมืดอยู่เหนือน้ำ  และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น 3 พระเจ้าตรัสว่า  "จงเกิดความสว่าง"  ความสว่างก็เกิดขึ้น 4 พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี  และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด 5 พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า  วัน  และความมืดนั้นว่า  คืน  มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันแรก ความสว่างมีอยู่ตั้งแต่วันแรกแล้วครับ จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 09:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คห 74 นี่จัดเป็นตัวอย่างของการเอาสีข้างเข้าถู ใช้เหตุผลที่บิดเบือนเพื่อสนับสนุนความเข้าใจผิดของตัวเอง ขาดความรู้อย่างแท้จริง รวมทั้งชักชวนให้ผู้อื่นหลงผิดเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ตัวอย่างของคนจำพวกนี้ได้แก่ 1.คนที่เชื่อเรื่องพระเจ้า 2.พวก NGO 3.พวกขายตรง (อาหารเสริม และเครื่องมือออกกำลังกาย) 4.วัดธรรมกาย 5.หมอดู และคนทรงเจ้า พวกใบ้หวย เซ็งพวกนี้เต็มที ถือโอกาสนี่ด่ารวมๆเลยแล้วกัน แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 09:26:29 จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 09:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ^ ^ อืม...........   พอคุณใช้เหตุผลและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เถียงสู้ไม่ได้ ก็สรุปเข้าข้างตัวเองเลยซะงั้น  ;) จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 10:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คนบางคนพอคนอื่นที่มีความรู้มาอธิบายให้เกิดปัญญาก็ไม่เปิดใจยอมรับยังคงยึดติดกับความรู้ผิดๆต่อไปเปรียบเหมือนบัวใต้นำ้ยังไงก็ต้องถูก เต่าปลากัดกินเป็นอาหารไม่มีทางโผล่พ้นนำ้ขึ้นมาได้ เช่น ตอนที่มีเรื่อง cool fever gel ที่มีคนกราบไหว้บูชาเนื่องจากความโง่เขลาเข้าใจว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมามีผู้พิสูจน์ให้รู้ว่าเป็นแค่เจลลดไข้ที่ดูดนำ้เข้าไป ก็มีคนส่วนนึงที่เข้าใจ ส่วนบางคนก็ยังคงไม่ยอมรับความจริง คิดว่ามันศักดิ์สิทธิ์อยู่เอาไปคลุกข้าวกิน คนบางคนก็เป็นอย่างนี้แหละน่าสมเพช ไม่มีสติปัญญาพอจะรับความจริง สิ่งเดียวที่จะทำได้กับคนกลุ่มนี้ก็คือต้องปล่อยให้อยู่ใต้นำ้ต่อไป พระเจ้าของคุณก็เหมือนเจลลดไข้นั่นแหละเป็นแค่การสร้างสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนโง่เขลา แต่ถ้าเชื่อแล้วสบายใจก็ไม่มีใครว่าคุณ เพียงแต่ช่วยอย่าชักจูงผู้อื่นให้หลงงมงายไปด้วย จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 10:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ^ ^ เฉไฉไปเรื่องอื่นซะละ ........ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 10:46:54 จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 10:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ผมเคยอ่านนิทานของนักปรัชญาคนนึงที่เคยมีคนเอามาตั้งในกระทู้ที่พันทิปนี้ ในถำ้มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่เนื่องจากความกลัว พวกเขาจึงทำการบูชาเทพเจ้า และไม่คิดหาวิธีการ หาทางออกจากถำ้ ต่อมามีผู้กล้าบางส่วนได้พยายามหาทางออกจากถำ้ และก็ออกไปพบแสงสว่าง ต้นไม้ใบหญ้า และสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ จึงกลับมาชักชวนกลุ่มผู้ขาดกลัว และโง่เขลาที่ยังคงอยู่ในถำ้ให้ออกไปนอกถำ้ แต่ผู้โง่เขลาเหล่านั้น กลับไม่เชื่อบอกว่าพวกที่มาชักชวนนั้นโกหกไม่มีแสงสว่าง ในโลกนี้มีแต่ความมืด กับถำ้เท่านั้น และพวกคนโง่เขลาเหล่านั้นก็ยังคงบูชาเทพเจ้าเพื่อบรรเทาความกลัว และอาศัยอยู่อย่างลำบากในถำ้นั้นต่อไป พวกผู้กล้าไม่สามารถทำอะไรได้จึงกลับออกไป อยู่นอกถำ้ และมีชีวิตที่สุขสบาย ปล่อยให้ผู้โง่เขลาเหล่านั้นอยู่กับความหวาดกลัว และเทพเจ้าที่ พวกเขาจินตนาการขึ้นมาเองต่อไป นิทานเรื่ิงนี้สอนให้รู้ว่ามีคน 2 พวกคือ พวกที่กล้าเผชิญกลับความเป็นจริง และพัฒนาชีวิตให้ดียิ่งขึ้น กลับพวกไม่ยอมรับความจริงซึ่งก็คงต้องปล่อยให้อยู่กับความโง่เขลา และลำบากต่อไป จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 10:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ^ ^ ดูจากเหตุผลและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ทั้งหมดที่ผมนำเสนอ  เทียบกับที่คุณ mirror man นำเสนอ    กลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่คุณสรุปมาน่ะสิครับ  กลายเป็นว่า ผู้เชื่อในพระเจ้า ก็สามารถมีความตั้งใจในการเรียนรู้ศึกษาสิ่งต่างๆ ต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด ไม่ได้เอาแต่บูชาพระเจ้าอย่างที่คุณพยายามวาดภาพกล่าวหาไว้  (เห็นได้จากการที่ผมได้ไปศึกษาข้อมูลวิทยาศาสตร์ต่างๆ มา และนำมาแชร์ให้กับทุกๆ ท่านในห้องหว้ากอนี้) ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า ก็อาจจะมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์น้อยกว่าก็เป็นไปได้ โดยเขาสรุปด้วยตัวเขาเองอยู่ตลอดว่า สิ่งต่างๆ มันสามารถเกิดขึ้นเองได้อยู่แล้ว (ไม่ทราบว่าอ้างอิงจากกฎทางวิทยาศาสตร์ข้อไหนครับ ?) ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร  ....... เราเห็นคนที่เป็นอย่างนี้มากมาย ดูได้จากความเห็นข้างบนๆ ในกระทู้นี้ครับ     แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 11:03:02 จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 10:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ผมจะออกไปจากถำ้ละปล่อยให้คุณ Pure truth อยู่กับพระเจ้าที่ไม่มีตัวตน ในถำ้แห่งความมืดมิดทางปัญญาต่อไป ขอให้สนุกกับความมืด อย่ากลัวผีละ จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 10:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ PureTruth คุณเข้าใจเรื่อง Homologous กับ Analogous รึเปล่า Analogous คือโครงสร้างต่างกัน แต่ทำหน้าที่เหมือนกัน เช่น ปีกนก กับ ปีกผีเสื้อ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวผ่านกระบวนการวิวัฒนาการให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมเดียวกันแต่มีจุดกำเนิดต่างกัน เกิดจาก convergence evolution ็Homologous คือ โครงสร้างเหมือนกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน เช่น ปีกค้างคาว กับ มือคน เกิดจากมีจุดกำเนิดเหมือนกัน แต่ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ต่างกันผ่นวิวัฒนาการ เกิดจาก divergence evolution ผมคิดว่าคุณอาจไม่เข้าใจดีพอจึงสับสนเรื่องนี้รึเปล่า จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 11:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 86 คนบางคนก็หน้าด้านเกินกว่าเราจะเถียงได้ ไปดีกว่าเบื่อละ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 11:07:49 จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 11:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ดูเหมือนคุณ mirror man จะยังไม่เข้าใจสิ่งที่อธิบายใน #74 ลองอีกทีนะครับ เวลาที่คุณประดิษฐ์อะไรซักอย่างโดยใช้หลักการอย่างหนึ่ง มันเป็นไปได้นะครับว่าอาจจะมีคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างสิ่งนี้โดยใช้หลักการเดียวกัน (โดยที่รายละเอียดปลีกย่อยอาจมีต่างกันไปบ้าง)  ทีนี้ พอทั้งสองฝ่ายทำออกมาเสร็จ การวิเคราะห์ที่ถูกต้องก็จะต้องบอกว่า สิ่งของทั้งสองอย่างนี้ มี "คอนเซ็ปต์" ร่วมกัน แต่ถ้าเราไม่มองมุมกว้าง   มองแต่ในมุมอย่างที่คุณ mirror man ว่า ก็จะวิเคราะห์ออกมาได้ว่า สิ่งของ 2 สิ่งนี้ มีโครงสร้างหลักเหมือนๆ กัน แสดงว่ามี "บรรพบุรุษ" ร่วมกัน  ซึ่งมีความหมายที่คลุมเครือ ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจน และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดได้ครับ         คนที่หลับหูหลับตาเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ จะไม่ใจกว้างยอมรับว่ามันอาจจะเป็น สิ่ง 2 สิ่ง ที่ถูกสร้างโดยใช้ "คอนเซ็ปต์" ร่วมกัน  ไม่ได้จำเป็นต้องแปลว่า สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้เองโดยมี "บรรพบุรุษ" ร่วมกันครับ จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 11:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 88 คุณไม่อ่าน คห 85 เลยใช่มั๊ยเนี่ย การเหมือนกันโดยบังเอิญ กับเหมือนกันเพราะมีความเกี่ยวข้องกันนี่ ถ้าวิเคราะห์ดูก็จะแยกออกกรณีของ DNA เป็นความเหมือนกันเพราะมีความเกี่ยวข้องกัน คุณพยายามตีความผิดๆจากข้อมูลที่ถูกต้องเหมือนกรณีที่ปล่อยกระดาษที่เป็นแผ่น กับก้อนหินแล้ว ก้อนหินตกเร็วกว่าแล้วคุณสรุปว่า เพราะก้อนหินหนักกว่า จริงๆแล้ว กระดาษตกช้ากว่าเพราะแรงต้านจากอากาศ ถ้าเราขยำกระดาษให้เป็นก้อนเหมือนหิน สิ่งทั้ง 2 ก็จะตกถึงพื้นพร้อมกันเนื่องจากแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อวัตถุทั้ง 2 เท่ากัน ผมรู้สึกเหมือนว่าคุณพยายามจะบอกว่ากระดาษตกช้ากว่าเพราะมันเบากว่า โดยไม่ยอมรับเรื่องแรงต้านจากอากาศ ทำไมต้องพยายามแปลผลให้มันผิดเพี้ยนเพื่อให้สิ่งที่ตัวเองเชื่อมันถูกต้องด้วย จะยอมรับความเป็นจริง ว่าสิ่งที่คุณเชื่อมาตลอดมันผิดไม่ได้หรือไง แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 11:24:30 จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 11:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ตอบ #85 "คุณ PureTruth คุณเข้าใจเรื่อง Homologous กับ Analogous รึเปล่า" Ans. เข้าใจสิครับ  มันเป็นการตีความของนักนิยมวิวัฒนาการ ..ซึ่งไม่ได้แปลว่ามันจำเป็นจะต้องเป็นความจริงครับ "Analogous คือโครงสร้างต่างกัน แต่ทำหน้าที่เหมือนกัน เช่น ปีกนก กับ ปีกผีเสื้อ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวผ่านกระบวนการวิวัฒนาการให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมเดียวกันแต่มีจุดกำเนิดต่างกัน เกิดจาก convergence evolution" ็Homologous คือ โครงสร้างเหมือนกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน เช่น ปีกค้างคาว กับ มือคน  เกิดจากมีจุดกำเนิดเหมือนกัน แต่ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ต่างกันผ่นวิวัฒนาการ เกิดจาก divergence evolution" Ans.  สรุปก็คือ ไม่ว่าโครงสร้างจะเหมือนกันหรือต่างกัน ก็ถือว่าเป็นหลักฐานสนับสนุนวิวัฒนาการทั้งนั้น ???    พอไปเจออะไรซักอย่างเข้า ก็บอกว่ามันเป็นวิวัฒนาการแบบ  A evolution.   พอไปเจออย่างอื่น  ก็บอกว่ามันเป็น B evolution  พอไปเจออะไรที่อธิบายไม่ได้ ก็พยายามตั้งชื่อมันให้ได้ แล้วบอกว่ามันเป็น X evolution   ......... ไม่ลองเปิดใจให้กว้างบ้างหรือครับว่า มัน"อาจจะ" ถูกสร้างขึ้นมาก็ได้  (ผมไม่ได้บอกว่าต้องฟันธงนะครับ) จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 11:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ต่อไปจะข้ออธิบายเรื่อง phylogenetic tree ให้ฟัง จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 11:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จากรูปใน คห 90 สิ่งมีชีวิต H กับ I วิวัฒนาการมาจาก G  เป็น divergence evolution ถ้า I กับ A มีลักษณะเหมือนกันจัดเป็น convergence evolution เพราะมาจากคนละบรรพบุรุษ G กับ C อย่างไรก็ดีสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีบรรพบุรุษร่วมกันคือ J เข้าใจมั๊ย จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 11:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ตอบ #88 ครับ "คุณไม่อ่าน คห 85 เลยใช่มั๊ยเนี่ย " Ans.  อ่านสิครับ (แต่คุณไม่ดูเวลาที่โพสเลยเหรอ ว่ามันใกล้เคียงกันขนาดนั้น  ก็แสดงว่าผมเพิ่งจะได้อ่าน และกำลังเขียนตอบอยู่   แค่นี้ก็คาดการณ์ไม่ได้เลยเหรอครับ) "การเหมือนกันโดยบังเอิญ กับเหมือนกันเพราะมีความเกี่ยวข้องกันนี่ ถ้าวิเคราะห์ดูก็จะแยกออกกรณีของ DNA เป็นความเหมือนกันเพราะมีความเกี่ยวข้องกัน" Ans.  การที่ DNA มันเกี่ยวข้องกัน มันก็เป็นได้ทั้งมี "บรรพบุรุษ" ร่วมกัน หรือไม่ก็แค่ใช้ "คอนเซ็ปต์" "วิธีการ" ร่วมกัน แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 11:50:44 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 11:45:46 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 11:36:12 จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 11:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 93 คุณรู้ไหมครับว่ามันมีหลักฐานมากมายที่ขัดแย้งกับทฤษฎีที่คุณเขียนใน #90, #91  น่ะครับ จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 11:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ถ้าคล้ายๆนะยังอ้างเรื่อง concept ได้แต่ DNA นี่องค์ประกอบพื้นฐานเหมือนกันหมดเลย มี phosphate gr. deoxyribose nitrogenous base A T C G แสดงว่าต้องเกี่ยวข้องกันแน่ อย่างกรณี concept ที่คุณยกมาจะพบว่า พีระมิดของ อียิปต์ กับ มายา จะมีรูปร่างเป็นพีระมิดเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามของอียิปต์จะเรียบๆ ของมายาเป็นขั้นบันได จะเห็นว่ามีส่วนที่แตกต่างกันบ้าง ถ้ามันเหมือนกันเดะๆ 100% เนี่ยแสดงว่าต้องรับเอารูปแบบมาจากอีกวัฒนธรรมนึงแน่ๆ กรณีของ DNA ก็เช่นเดียวกัน หวังว่าคงเข้าใจสักที การอธิบายให้พวกงมงายเข้าใจนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 12:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ถ้าเข้าใจก็คงยุติ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็คงค้องให้บัวใต่นำ้เหล่านี้เน่าอยู่ใต้นำ้เพื่อเป็นอาหารของเต่าปลาต่อไป จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 12:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ^ ^ คุณบัวใต้น้ำครับ อย่ามัวงมงายและยึดติดอยู่กับทฤษฎีวิวัฒนาการมากนักสิครับ ผมได้ตอบคำถามของคุณมาตลอด แต่คุณกลับแทบไม่เคยตอบคำถามของผมได้เลย  เมื่อเป็นอย่างนี้ มองให้เป็นกลาง ใครเป็นบัวใต้น้ำกันแน่ครับ ผมถามคำถามคุณตั้งแต่ความเห็นต้นๆ ใน #9, ถามซ้ำใน #12, ฯลฯ   คุณก็ตอบไม่ได้  ไม่ยอมที่จะพ้นน้ำขึ้นมาซักที .................. จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 13:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 97 อยากเชื่อก็เชื่อต่อไป ขี้เกียจเถียง ขอปิดกระทู้ ณ บัดนี้ จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 13:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ^ ^ อ้าว พอตอบคำถามไม่ได้ ก็หนีไปเลยซะงั้น ..........   (แล้วยังอุตส่าห์ไปว่าคนอื่นว่า งมงาย เป็นบัวใต้น้ำ  ไม่ยอมดูตัวเองบ้างเลย) จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 13:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตอบ #94 "ถ้าคล้ายๆนะยังอ้างเรื่อง concept ได้แต่ DNA นี่องค์ประกอบพื้นฐานเหมือนกันหมดเลย มี phosphate gr. deoxyribose nitrogenous base A T C G แสดงว่าต้องเกี่ยวข้องกันแน่ อย่างกรณี concept ที่คุณยกมาจะพบว่า พีระมิดของ อียิปต์ กับ มายา จะมีรูปร่างเป็นพีระมิดเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามของอียิปต์จะเรียบๆ ของมายาเป็นขั้นบันได จะเห็นว่ามีส่วนที่แตกต่างกันบ้าง ถ้ามันเหมือนกันเดะๆ 100% เนี่ยแสดงว่าต้องรับเอารูปแบบมาจากอีกวัฒนธรรมนึงแน่ๆ กรณีของ DNA ก็เช่นเดียวกัน หวังว่าคงเข้าใจสักที การอธิบายให้พวกงมงายเข้าใจนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะเนี่ย " Ans.  คุณกำลังจับแพะชนแกะครับ  ลองคิดดูง่ายๆ ครับ  ถ้าวันหนึ่งมนุษย์สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ขึ้นมาได้  แล้วใช้ DNA ที่มีองค์ประกอบพื้นฐานเป็น A B C D    แล้วมนุษย์ก็สร้างสิ่งมีชีวิตนี้ขึ้นมาหลายๆ ชนิด โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ซับซ้อนน้อย ไปจนถึงชนิดหรือพันธุ์ที่มีความซับซ้อนมาก ถ้าดูตามที่คุณ mirror man วิเคราะห์ไว้ เราก็จะได้คำตอบว่า สิ่งมีชีวิตต่างๆ เหล่านี้ มี "บรรพบุรุษ" ร่วมกัน โดยพันธุ์ที่มีความซับซ้อนมาก วิวัฒนาการมาจากพันธุ์ที่มีความซับซ้อนน้อย ซึ่งเราเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นคำตอบที่ "ผิด" นะครับ   เพราะว่าจริงๆ แล้ว สิ่งมีชีวิตต่างๆ เหล่านี้ ถูกมนุษย์สร้างขึ้นโดยใช้ DNA ที่มีองค์ประกอบพื้นฐานเป็น A B C D  เหมือนๆ กัน  และมนุษย์เริ่มสร้างจากพันธุ์ที่มีความซับซ้อนน้อย ไปสู่พันธุ์ที่มีความซับซ้อนมากครับ อย่าให้กรอบของทฤษฎีวิวัฒนาการครอบงำความคิดคุณไว้นะครับ จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 14:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 100 พระเจ้าไม่มีอยู่จริง (ถ้ามีจริงก็คงจะโง่มากๆ หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีพระเจ้าโง่เง่ามีมากมาย) 1.ดาราศาสตร์ โลกกลม แต่ในคัมภีร์บอกว่าแบน โคตรโง่เลยสร้างโลกเองแต่ดันไม่รู้ว่ามันกลม แถมยังบอกว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาลอีก นีีก็โง่อีกเช่นกัน 2.ธรณีวิทยา พระเจ้าบอกว่าแผ่นดินไม่มีการเคลื่อนที่จริงๆมันเคลื่อนที่ โง่วะสร้างเองแต่ไม่รู้ว่ามันเคลื่อนที่ 3.บอกว่าโลกอายุแค่ 6000 ปี จริงๆนะ 3500 ล้านปี สร้างเองทำไมไม่รู้อะ โง่จริงๆเลยพระเจ้าเนี่ย สำหรับเรื่องนี้พอแค่นี้ต่อไป เราจะมาพูดเรื่องความเลวของพระเจ้ากันบ้าง ถ้าใครไม่นับถือก็จะให้สาวกจับไปเผาเช่น การจับแม่มดไปเผาในยุคกลาง เผด็จการวะใครไม่เห็นด้วยก็จับฆ่าหมด แถมถ้าใครไม่นับถือตัวเองก็จับให้ตกนรก โคตรเลวเลย นอกจากนี้ยังใช้ให้สาวกไปทำลายวัฒนธรรมอื่นๆ โคตรเลวเลยตอนแรกจะพยายามโน้มน้าวให้มานับถือตัวเอง ถ้าไม่สำเร็จก็ฆ่าทิ้ง แถมยังติดสินบนอีก ล่อให้คนมานับถือโดยการให้ชีวิตอมตะเป็นโปรโมชั่นหลังตาย พระเจ้าแบบนี้ถึงมีจริงก็ไม่เห็นน่านับถือเลยทั้งโง่ ทั้งเลว จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 15:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 101 พระเจ้า ช่วยเก็บสาวกคุณกลับไปด้วย รำคาญชอบเถียงข้างๆคูๆช่วยคุณอยู่ได้ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 15:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ^ ^ เสียสติไปแล้ว จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 16:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เรื่องโลกแบน โลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล เป็นความเข้าใจผิดของคนที่ไม่ใช่คริสเตียน ที่คิดว่าพระคัมภร์สอนอย่างนั้น ทั้งๆที่ก็ได้ชี้แจงกันไปหลายครั้งหลายหน ก็ยังไม่สามารถลบออกไปจากความเข้าใจผิดๆเสียที หรือว่า memory bad เสียแล้ว http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5849468/X5849468.html#10 จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 16:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขออธิบายคุณ ksk นะครับว่าทำไมผมถึงถามอย่างนั้น ในเมื่อคุณบอกว่า ไม่สามารถหา missing link ระหว่างบรรพบุรุษมนุษย์กับมนุษย์ในปัจจุบัน ผมก็จะแสดงให้ดูถึงความสัมพันธ์ระหว่างการวิวัฒนาการที่เห็นๆกันอยู่ไงครับ การวิวัฒนาการโดยมากจะค่อยๆเปลี่ยนแปลง น้อยที่จะเป็นแบบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากบรรพบุรุษเดียวกับย่อมมีลักษณะซึ่งตกทอดกันหลงเหลือให้เห็นอยู่ ขนนกเป็นหนึ่งในสิ่งซึ่งตกทอดในหมู่นกซึ่งมีบรรพบุรุษเดียวกัน แต่ค้างคาวไม่ใช่ พวกคุณมัวแต่พูดถึงว่า ไม่เจอ missing link โน้นๆนี้ๆ แต่ไม่แหกตาดูสิ่งมีชีวิตปัจจุบันเลย link ที่เห็นๆมีดาษดื่น  การที่อยู่ๆมาโพล่งว่าเห้ย ไม่เจอ missing link แสดงว่าพระเจ้ามีจริง ผมว่ามันง่าวไปหน่อยอะครับ จากคุณ : Yoiji - [ 4 ต.ค. 50 16:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ทำไมปลาถึงมีกระดูกแข็งกระดูกอ่อน แล้วทำไมในพวกกระดูกอ่อนด้วยกันถึงเป็นพวกปลาไม่มีฝาปิดเหงือก ในขณะที่ปลากระดูกแข็งเป็นพวกมีฝาปิดเหงือก?? นี่ไม่ใช่ link ทางวิวัฒนาการหรือ จากคุณ : Yoiji - [ 4 ต.ค. 50 16:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ทำไมปลาถึงมีกระดูกแข็งกระดูกอ่อน แล้วทำไมในพวกกระดูกอ่อนด้วยกันถึงเป็นพวกปลาไม่มีฝาปิดเหงือก ในขณะที่ปลากระดูกแข็งเป็นพวกมีฝาปิดเหงือก?? จำเป็นต้องเกิดจากวิวัฒนาการเท่านั้นหรือ ??? หากจะมีทฤษฎีหนึ่งบอกว่า "สัตว์ทั้งหลายได้รับการออกแบบสร้างขึ้นมา โดยพระผู้สร้าง โดยที่สัตว์เหล่านั้น ถูกออกแบบให้มีความสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ระดับหนึ่ง เหตุภัยพิบัติบางประการก็สามารถทำให้เกิดการสูญพันธ์ของสัตว์บางประเภทในบางพื้นที่ได้" คุณคิดว่ามันไม่ผ่าน "ข้อกำหนด" ใดๆของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันบ้าง ผมจะไม่ต่อว่าคนที่เชื่อในวิวัฒนาการว่าง่าวหรอกนะครับ เพียงต้องการให้รับรู้และเข้าใจข้อมูลของฝ่ายผู้เชื่อในพระเจ้าอย่างถูกต้อง ไม่ใช่คิดเอง เออเองว่าเขาเชื่ออย่างโน้นอย่างนี้ อย่างที่คุณมนุษย์กระจกข้างบนทำอยู่ จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 16:30:36 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ตอบ #104 คุณ Yoiji ครับ คุณตั้งชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น ถ้าอยากจะสนทนากับผมเป็นภาษาญี่ปุ่นก็ยินดีนะครับ  ^^   คุณบอกว่า "ขนนกเป็นหนึ่งในสิ่งซึ่งตกทอดในหมู่นกซึ่งมีบรรพบุรุษเดียวกัน" Ans. หลักการวิทยาศาสตร์ก็คือ จะพูดอะไร ก็ขอให้มีหลักฐานอ้างอิงครับ   คุณพูดว่า นกมีบรรพบุรุษเดียวกัน   อย่างนี้มันเข้าข่ายมั่วแล้วนะครับ เพราะว่า ไม่มีหลักฐานอะไรที่ระบุได้อย่างชัดเจนไร้ข้อสงสัยว่านกมีบรรพบุรุษเดียวกันครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 16:47:56 จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 16:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ึคือผมว่านั่นยังไม่ใช่คำตอบนะครับ มันออกจะเป็นการพูดให้มันครอบคลุมกว้างๆไปหน่อยนะครับ ลักษณะสืบทอดระหว่างสายพันธุ์ซึ่งมีบรรพบุรุษต่างกัน นี่คือสิ่งที่ผมพยายามจะชี้ให้เห็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเห็นได้ทั่วไปบนโลกในเวลานี้ จากคุณ : Yoiji - [ 4 ต.ค. 50 16:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 109 อธิบายให้เข้าใจได้ยาก เพราะพวกนี้มีความรู้วิทย์ตำ่มากๆบางทีเด็กอนุบาลยังมีความรู้มากกว่าเลย ตัวอย่างที่คุณ Yoiji ยกมาเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ยอมรับอยู่ดี เอาแต่สีข้างเข้าถูไม่แสบบ้างหรือไง ผมว่าสงสัยคุณ PureTruth จะเลือดไหลโชกชุ่มสีข้างแล้วคง ไป ร.พ. ทำแผลอยู่ เลยให้คุณ k เล็กมาแก้ คุณ k เล็กเป็นวิศวกรนี่เอง มิน่าถึงไม่เข้าใจเรื่องการ วิวัฒนาการเพราะพวกวิดวะมักจะเรียนชีวะไม่เก่ง จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 16:54:54 ]

ความคิดเห็นที่ 110 "ไม่มีหลักฐานอะไรที่ระบุได้อย่างชัดเจนไร้ข้อสงสัยว่านกมีบรรพบุรุษเดียวกันครับ" อ่อ พวกคุณสื่อสารกันอย่างนี้นี่เองเนอะ งั้นการที่จะทำให้ใครซักคนเชื่อ คุณควรจะพิสูจน์ในวิถีของเขาให้เขาเห็นว่าเขาคิดผิด ถูกมั๊ย งั้นคุณพิสูจน์ให้ผมดูหน่อยสิครับว่าพระเจ้ามีจริง จริงอยู่เราไม่มีวีดีโอหรือคนที่มีอายุนานขนาดบันทึกการวิวัฒนาการของสัตว์สายพันธ์หนึ่งๆไว้ แต่ลักษณะตกทอดทางพันธุกรรมมันก็ถือว่าชัดเจนมากพอดูอยู่แล้ว ขนนก กระดูกอกรูปตัว V ในหมู่นก เกล็ดปลา มันก็ชัดพอๆกับทำไมกะโหลกคนถึงไม่มีเขา หรือถ้าคุณ PureTruth แสดงให้เห็นว่าหัวคุณหรือคนใกล้เคียงมีเขา ผมก็คงต้องล้มความเชื่อทั้งมวลในหัวผมเสียแล้วละครับ จากคุณ : Yoiji - [ 4 ต.ค. 50 16:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ผมขอยกตัวอย่างเรื่อง Glycolysis นะครับคิดว่าน่าจะรู้จัก Glycolysis เป็นวิถีหนึ่งที่เกิดขึ้นในการหายใจระดับเซลล์ ซึ่งมีการ conserve สูงมากพบใน eukaryote และ prokaryote ทุกชนิดซึ่งแสดงถึงลักษณะที่มีร่วมกัน share derive character ที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษเดียวกันในอดีตเมื่อ 3500 ล้านปีมาแล้ว หวังว่าคงไม่ยากเกินสติปัญญา จากคุณ : mirror man - [ 4 ต.ค. 50 17:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เพราะพวกวิดวะมักจะเรียนชีวะไม่เก่ง ผมจะเสนอชื่อให้คุณ mirror man รับรางวัลโนเบิล สาขาชีววิทยาก็แล้วกันนะครับ ยินดีด้วยครับ จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 17:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ตอบ #110 คุณ Yoiji  ครับ คุณบอกว่า มีลักษณะอย่างหนึ่ง -- กระดูกอกรูปตัว V ในหมู่นก คุณบอกว่า มันแปลว่า นกมีบรรพบุรุษร่วมกัน คุณพูดอย่างนี้แปลว่า *ในทางตรงกันข้าม* ถ้าในหมู่นก ดันเกิดมีลักษณะบางอย่าง ที่พบในนกบางชนิด แต่ไม่พบในนกชนิดอื่นๆ  ก็แปลว่า นกไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกัน   โอเคไหมครับ จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 17:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ส่วนสำหรับคุณ mirror man นั้น  พี่ท่านใช้แท็คติกเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ   เป็นเพราะว่าเรื่องที่ผ่านๆ มา พี่ท่านตอบคำถามไม่ได้   ก็เลยต้องใช้แท็คติกเด็กๆ อย่างนี้   ไม่ว่ากันครับ แต่คงไม่มีเวลาเปลี่ยนเรื่องไปคุยกับแกได้ตลอดเวลาเท่านั้นเอง ....... จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 17:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ตอบ #113 ถ้าคิดแบบผม ผมไม่โอเคแบบที่คุณบอกครับ เพราะนั่นต้องสงสัยว่า ทำไมมันถึงต่าง ปัจจัยอะไรเหนี่ยวนำให้มันเกิดการวิวัฒนาการและอยู่รอด และลักษณะแตกต่างนี้ปรากฏอยู่ในสายพันธุ์ไหน และหาจุดเชื่อมโยง ซึ่งแน่นอนว่าจุดเชื่อมโยงบางส่วนอาจจะขาดหายไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมเคลือบแคลงในทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะว่าเราไม่มี data logger ของการวิวัฒนาการ บอกแล้วไงครับ หากคุณต้องการให้ผมเชื่อในพระเจ้า คุณต้องพิสูจน์ให้เห็นชัดแจ้งว่าพระเจ้ามีจริง หลักฐานการสร้างสิ่งต่างๆของพระองค์ ซึ่งเมื่อมาเปรียบเทียบกันระหว่างสองฝ่ายแล้ว ผมว่าฝ่ายวิทยาศาสตร์ให้คำตอบที่ชัดเจนมากกว่าฝ่ายศาสนา สิ่งที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ทำคือพยายามพิสูจน์ซึ่งก็ได้ทำไปได้มากแล้ว แต่สิ่งที่ฝ่ายศาสนาทำคือพยายามแย้งด้วยช่องว่างที่ยังไม่ค้นพบ แต่ฝ่ายศาสนาเองก็ไม่เคยแสดงให้เห็นถึงหลักฐานการมีตัวตนของพระเจ้าหรือแม้แต่หลักฐานการสร้างของพระเจ้าเลย ผมว่าศาสนาจุดที่สอนให้คนรักกัน สอนให้คนเป็นคนดีนั้นน่ะ ควรสรรเสริญอยู่ แต่ที่จะมาแย้งวิทยาศาสตร์ด้วยวิธีการแบบนี้ ผมว่าไม่ดีแน่ รังแต่จะสร้างความรู้สึกทางลบอยู่ร่ำไปซะมากกว่า แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 17:46:20 จากคุณ : Yoiji - [ 4 ต.ค. 50 17:45:57 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ขอชมคุณ PureTruth ครับ ว่าสุภาพและใจเย็นมาก อ่านกระทู้นี้ได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : pbns - [ 4 ต.ค. 50 17:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ขอแก้จาก #13 เป็น #113 ในความเห็นด้านบน จากคุณ : Yoiji - [ 4 ต.ค. 50 17:47:03 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ใครจะตอบคำถามผมก็ได้นะไม่จำเป็นต้องเป็นชาวคริสต์ ขอหลักฐานยืนยันด้วยนะครับ ไม่ใช่กุขึ้นมาเอง ส่วนใครคิดจับิดเบือนพระคัมภีร์ก็ตามใจนะครับ 1. มีตรงไหนในพระคัมภีร์ที่บอกว่าสิ่งมีชีวิตไม่มีวิวัฒนาการระดับมหภาค 2. สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในปฐมกาล บทที่ 1 มีชนิดในบ้าง 3. มนุษย์ที่ปรากฏในปฐมกาล บทที่ 1 เป็นมนุษย์ทางร่างกายหรือทางวิญญาณ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 18:09:53 จากคุณ : silverspider - [ 4 ต.ค. 50 18:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ตอบ #115 ครับ "#113 ถ้าคิดแบบผม ผมไม่โอเคแบบที่คุณบอกครับ" Ans.  อันนี้เป็นจุดที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า  จริงๆแล้ว นกมันก็มีลักษณะหลายอย่างที่ทุกชนิดมีเหมือนๆกัน และก็มีลักษณะอีกหลายๆอย่างที่นกบางชนิดมี แต่นกบางชนิดไม่มี    การจะอ้างว่า ลักษณะที่เหมือนกันของนก เป็นหลักฐานสนับสนุนการมีบรรพบุรุษร่วมกัน  จะอ้างอย่างนี้ได้ก็ต่อเมื่อ คุณยอมรับว่าลักษณะที่แตกต่างกันออกไป มันแปลว่าไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกัน     ไม่อย่างนั้นตรรกะมันก็จะไม่สมบูรณ์ครับ "เพราะนั่นต้องสงสัยว่า ทำไมมันถึงต่าง ปัจจัยอะไรเหนี่ยวนำให้มันเกิดการวิวัฒนาการและอยู่รอด และลักษณะแตกต่างนี้ปรากฏอยู่ในสายพันธุ์ไหน และหาจุดเชื่อมโยง ซึ่งแน่นอนว่าจุดเชื่อมโยงบางส่วนอาจจะขาดหายไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมเคลือบแคลงในทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะว่าเราไม่มี data logger ของการวิวัฒนาการ" Ans. จุดบอดของการใช้คำอธิบายแบบคลุมจักรวาลอย่างนี้ คือ ถ้าทฤษฎีวิวัฒนาการมันผิด คุณก็จะไม่มีทางรู้ได้เลย เพราะคุณจะคิดไปเองว่ามันเป็นเพราะจุดเชื่อมโยงบางส่วนอาจจะขาดหายไป ทำให้คุณไม่เกิดความสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นครับ "ผมว่าศาสนาจุดที่สอนให้คนรักกัน สอนให้คนเป็นคนดีนั้นน่ะ ควรสรรเสริญอยู่ แต่ที่จะมาแย้งวิทยาศาสตร์ด้วยวิธีการแบบนี้ ผมว่าไม่ดีแน่ รังแต่จะสร้างความรู้สึกทางลบอยู่ร่ำไปซะมากกว่า" Ans. ผมเอาข้อมูลจริงๆ ทางวิทยาศาสตร์มาพูด ทำไมคุณถึงรู้สึกไม่ดีล่ะครับ  อย่าไปยึดติดกับทฤษฎีวิวัฒนาการมากนักสิครับ มันอาจจะผิดก็ได้ ไม่ใช่เหรอครับ ผมเอาเหตุผลและข้อมูลมาคุยด้วย ไม่เห็นจะต้องรู้สึกไม่ดีอะไรเลยนะครับ อะไรที่คุณพูดถูกต้องผมก็ยอมรับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 18:35:12 จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 18:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ขอบคุณคุณ pbns #116 สำหรับกำลังใจครับ  ^^ จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 18:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 121 การจะอ้างว่า ลักษณะที่เหมือนกันของนก เป็นหลักฐานสนับสนุนการมีบรรพบุรุษร่วมกัน  จะอ้างอย่างนี้ได้ก็ต่อเมื่อ คุณยอมรับว่าลักษณะที่แตกต่างกันออกไป มันแปลว่าไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกัน     ไม่อย่างนั้นตรรกะมันก็จะไม่สมบูรณ์ครับ ไม่ถูกต้องครับ ถ้าจะบอกว่ามีแค่ Yes กับ No หรือ if กับ else มันบ้องตื้นเกินไป การจะมาสรุปว่าลักษณะปรากฎที่ไม่เหมือนกัน แสดงว่าไม่มีบรรพบุรุษร่วมกัน โดยไม่มองปัจจัยสิ่งแวดล้อมและการวิวัฒนาการไป มันถูกต้องแล้วหรือ ซึ่งถ้าจะให้คิดแบบนั้น มันก็คือให้ผมคิดแบบที่คุณคิด! ความแตกต่างของการไม่มีบรรพบุรุษร่วมกัน หรือมีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่แยกสายมานานมากๆแล้ว ก็มีเต็มไปหมดผมไม่เถียง แม้แต่การวิวัฒนาการโดยรูปแบบบางอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทั้งๆที่มีบรรพบุรุษใกล้ชิดก็มี คุณพูดถึง missing link ผมก็ได้แสดงถึง link ที่พบเห็นได้จริง แล้วคุณก็พูดถึงลักษณะความแตกต่างโดยไม่มองการวิวัฒนาการ เพื่อบอกว่า link นั้นเป็นเท็จ คุณคงคิดว่ามีแค่ if กับ else ละซิครับ ผมจะบอกให้ว่ามี elseif อีกด้วย "จุดบอดของการใช้คำอธิบายแบบคลุมจักรวาลอย่างนี้ คือ ถ้าทฤษฎีวิวัฒนาการมันผิด คุณก็จะไม่มีทางรู้ได้เลย เพราะคุณไม่เกิดความสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นครับ" ผมว่าอันนี้คุณใช้บอกตัวเอง เหมาะสมกว่าครับ คำอธิบายของคุณมันโคตรครอบคลุมเครือเลย อีก link ที่อยากยกตัวอย่าง สัตว์กระเป๋าหน้าท้องของออสเตรเลียไงครับ สัมพันธ์กับทั้งสภาพแวดล้อม ระยะเวลาการแยกตัวของทวีป ลองไปดูๆมั่งนะครับ บอกแล้วบอกอีก ผมขอแค่หลักฐานการสร้างสิ่งต่างๆของพระเจ้ากับ หลักฐานตัวตนของพระเจ้า ท่านสร้างไม่พร้อมกันตามที่คุณ PureTruth บอกไม่ใชหรือ งั้นน่าจะมีหลักฐานการสร้างตัวหลังๆบ้าง ถ้าหามาแสดงไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูดเสียเวลาจริงๆ จากคุณ : Yoiji - [ 4 ต.ค. 50 18:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ท่านสร้างไม่พร้อมกันตามที่คุณ PureTruth บอกไม่ใชหรือ งั้นน่าจะมีหลักฐานการสร้างตัวหลังๆบ้าง ถ้าหามาแสดงไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูดเสียเวลาจริงๆ คุณ Yoiji เข้าใจผิดนะครับ ที่คุณ PureTruth บอกว่าสร้างไม่พร้อมกัน  ก็เป็นไปตามที่ไบเบิ้ลบอกไว้ ว่าวันที่เท่าใดสร้างสัตว์ในกลุ่มใด ไม่ได้หมายความว่า ณ วันเวลาปัจจุบัน ยังมีการสร้างอยู่ ส่วนเรื่องหลักฐานนั้น ผมเกรงว่าคุณจะไม่ยอมรับว่าเป็นหลักฐานน่ะสิครับ พระคัมภีร์ได้บอกว่า "19 เหตุว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย  เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว 20 ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว  สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น  คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์  ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง  ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย" ผมเดาว่าคุณจะไม่ยอมรับว่าตัวคุณเอง ก็เป็นหลักฐานการทรงสร้างของพระเจ้า และสิ่งที่คุณกำลังคาดคั้นถามหา ก็คือเปเปอร์งานวิจัยที่บอกว่าพระเจ้าสร้างอะไรบ้าง ซึ่งไม่มีทางที่ใครจะหามาได้ เพราะมันถูกเขี่ยออกไปจากสารบบตั้งแต่กรรมการเห็นหัวข้อแล้ว จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 19:15:29 ]

ความคิดเห็นที่ 123 คุณ ksk ไม่ลองตอบคำถาม #118 ของผมหน่อยหรือครับ น่าจะง่ายนะครับคำถามแบบนี้ จากคุณ : silverspider - [ 4 ต.ค. 50 19:18:56 ]

ความคิดเห็นที่ 124 แถมอีกข้อละกัน 4. สถานที่ในปฐมกาล 1 นั้นหมายถึงโลกมนุษย์หรือหมายถึงที่อื่น ชอบประโยคนี้จัง "ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้" แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 19:40:43 จากคุณ : silverspider - [ 4 ต.ค. 50 19:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ครับจะพยายาม 1. มีตรงไหนในพระคัมภีร์ที่บอกว่าสิ่งมีชีวิตไม่มีวิวัฒนาการระดับมหภาค 2. สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในปฐมกาล บทที่ 1 มีชนิดในบ้าง 3. มนุษย์ที่ปรากฏในปฐมกาล บทที่ 1 เป็นมนุษย์ทางร่างกายหรือทางวิญญาณ ตอบ 1. ไม่มีคำว่าวิวัฒนาการระดับมหภาคในไบเบิ้ลครับ (คงไม่หาว่าผมกวนประสาทนะครับ) พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงจากสัตว์ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง นอกจากที่พระเจ้าสาปงูในสวนเอเดน ให้เลื้อยไปด้วยท้อง ซึ่งก็ไม่ได้เกิดจากการปรับเปลี่ยนตัวเอง และมันก็ยังคงเป็นสิ่งที่เรียกว่า "งู" เช่นเดิม ผมคิดว่าน่าจะตรงกับคำถามนะครับ 2. บอกไว้ว่า ตามชนิดของมัน คงไม่ตรงนักกับความหมายที่นักชีววิทยาได้จัดหมวดหมู่ไว้ "ตามความรู้ในปัจจุบัน" 3. เป็นมนุษย์เหมือนพวกเราในปัจจุบันนี้ครับ (ไม่ได้ระบุรายละเอียดไว้ว่า เป็น คอเคซอย มองโกลอย หรือนิโกลอย เพราะอันนี้มาเกิดหลังจาก ยุคของโนอาห์) ไม่รู้ตรงที่ต้องการหรือเปล่า (ตอบแบบไม่เก่งชีวะครับ เพราะเป็นแค่วิดวะ เห็นเพื่อนคนหนึ่งเขาว่าอย่างนั้น ) จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 19:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ข้อ 4 ในบริบทกล่าวถึง ไทกริส ยูเฟทิส กีโอน ปิโชน ซึ่งเป็นชื่อแม่น้ำโบราณ คาดว่าอยู่แถวๆ อิรัก ครับ ที่ๆเราจะไปท่านไปไม่ได้ พระเยซูพูดกับสาวกครับ มาจาก ยอห์น บทที่ 8 21 พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า  "เราจะจากไป  และท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา  และจะตายเพราะบาปของท่าน  ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้" 22 พวกยิวจึงพูดกันว่า  "เขาจะฆ่าตัวตายหรือ  เพราะเขาพูดว่า  "ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้" 23 พระองค์ตรัสกับเขาว่า  "ท่านทั้งหลายเป็นของเบื้องล่าง  เราเป็นของเบื้องบน  ท่านเป็นของโลกนี้  เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 19:50:43 จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 19:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 127 เอาอีกครับ เอาอีก กระทู้หนุกครับ ได้ความรู้ครับ ผมกฎหมายไม่เก่งทั้งวิดวะ และชีวะครับ แต่ขอชมคุณ Puretruth ว่าใจเย็นมาก จากคุณ : เอย์คุง (Aeykun) - [ 4 ต.ค. 50 20:32:10 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ตุณ ksk อย่าลืมสิครับว่าผมกำลังพูดถึง ปฐมกาล 1 อยู่ ซึ่งเป็นตอนที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ ซึ่งอาจเป็นทั้งมนุษย์ทางกายภาพหรือมนุษย์ทางวิญญาณก็ได้ และโลกที่อยู่ในบทนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึงโลกมนุษย์นี้นี่ครับ ถึงแม้ว่าจะมีชื่อแม่น้ำเหมือนกันดังที่กล่าวในบทที่ 2 ซึ่งอาจจะอยู่คนละมิติกันก็ได้ ถ้าเป็นมิติเดียวกันก็น่าจะเห็นสวนเอเดน ต้นไ้แห่งชีวิต ดาบเพลิง พวกเครูบ บ้างแล้วสิครับ และจากคำพูดของพระเยซูเองก็แสดงว่ายังมีที่อื่นอีกที่ไม่ใช่โลกนี้ (ยังสงสัยว่าตอนพระเยซูไปนี่ไปในรูปแบบไหน วิญญาณหรือทั้งร่างเนื้อเลย) ส่วนข้อ 1 ที่ถามเพราะจะได้เข้าประเด็นไงครับ ในเมื่อพระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงจากสัตว์ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง ทำไมหลายคนถึงคิดว่าสัตว์ชนิดหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปเป็นอีกชนิดหนึ่งไม่ได้ล่ะครับ จากคุณ : silverspider - [ 4 ต.ค. 50 20:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ถ้าพระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงจากสัตว์ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่งมันก็จะเข้าอีหรอบเดียวกับเรื่องโลกแบนที่พระคัมภีร์ก็ไม่ได้กล่าวไว้เช่นกัน ถ้าเป็นแบบนี้พระเจ้ากับพระคัมภีร์ก็ไม่เกี่ยวข้องแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่มนุษย์บางคนคิดไปเองว่าเป็นไปไม่ได้ จากคุณ : silverspider - [ 4 ต.ค. 50 21:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ทำไมพวกปลามันครอสบรีดกันได้หละครับ ถ้ามันไม่ได้มีสิ่งที่คล้ายกัหรือเป็นบรรพบุรุษร่วมกัน สิงโตกะเสือ ก็ผสมพันธ์กันได้แต่ลูกเป็นหมัน เสือปลา(พวกตัวเล็ก)กะแมวบ้านผสมพันธ์กันได้ ถ้าไม่มีบรรพบุรุษร่วมกันเเล้วสามารถครอสบรีดได้ ดังนั้นสิ่งมีชีวิตทุกชนิดน่าจะทำการครอสบรีดได้เช่น หมากะแมว 1 แล้วทำไมพวกที่ตระกูลใกล้เคียงกันถึงครอสบรีดได้ แปลว่าต้องมีบรรพบุรุษใกล้เคียงกันหรือเปล่าถึง ผสมข้ามสายพันธ์ได้ 2 ทำไมสร้างวาฬมาเเล้วถึงลืมเอาขาออก ไม่สร้างด้วยตรรกเดียวกะพวกปลาไม่มีกระดูกขา จากคุณ : Chaos dragon - [ 4 ต.ค. 50 21:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 131 #129  ก็มีเหตุผลนะครับ ทีนี้ จะเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้  คุณเคยคิดจริงๆ จังๆ ไหมครับว่า จะดูยังไง ?      หรือว่าคุณคิดเอาแบบง่ายๆ โดยใช้หลักการแค่ว่า อะไรอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ??     เคยคิดหรือไม่ครับว่า ทำไมจึงเป็นไป "ไม่ได้"  ที่คอมพิวเตอร์จะเกิดขึ้นมาได้เอง  (โดยสมมติว่าคุณไม่มีความรู้มาก่อนว่า คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งประดิษฐ์) แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 21:45:48 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 21:41:58 จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 21:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ตอบ #121 "ไม่ถูกต้องครับ ถ้าจะบอกว่ามีแค่ Yes กับ No หรือ if กับ else มันบ้องตื้นเกินไป" Ans. ไม่บ้องตื้นหรอกครับ   (ดูข้างล่างต่อไป) "ความแตกต่างของการไม่มีบรรพบุรุษร่วมกัน หรือมีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่แยกสายมานานมากๆแล้ว ก็มีเต็มไปหมดผมไม่เถียง" Ans.  ถูกต้อง โอเคครับ "แม้แต่การวิวัฒนาการโดยรูปแบบบางอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทั้งๆที่มีบรรพบุรุษใกล้ชิดก็มี" Ans.  อันนี้ก็ถูกต้องครับ   จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะรูปแบบจะเหมือนกัน แตกต่างกัน หรือเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  วิวัฒนาการก็สามารถอ้างได้เสมอว่า มันมีบรรพบุรุษร่วมกัน  สิ่งที่นักนิยมวิวัฒนาการต้องทำก็เพียงแค่ หาเหตุผลที่พอรับฟังได้ ขึ้นมาเท่านั้น  ส่วนความเป็นจริงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือไม่ ก็ไม่มีใครรู้ครับ   ยกตัวอย่างชัดๆ เลย ก็เช่น คุณบอกว่า กระดูกอกรูปตัว V ในหมู่นก แสดงว่า นกมีบรรพบุรุษร่วมกัน ถ้ายืนยันว่าอย่างนั้น ก็แสดงว่า ถ้าเจ้ากระดูกอกรูปตัว V ในหมู่นก มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นกับนกทุกชนิด คือ มีนกบางชนิด ไม่มีกระดูกชนิดที่ว่านี้  ก็แปลว่า นกไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกัน ถามว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น วิวัฒนาการจะยอมรับไหมว่า นกไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกัน   คำตอบก็คือ ไม่ยอมรับครับ   สิ่งที่นักนิยมวิวัฒนาการจะทำก็คือ หาเหตุผลที่พอจะถูๆ ไถๆ ไปให้ได้ ว่าทำไมนกชนิดนั้น กระดูกที่ว่านี้จึงวิวัฒนาการหายไป   ฮั่นแน่ ..... ก็แสดงว่า แม้ว่า ถ้ากระดูกอกรูปตัว V จะไม่ได้พบในนกทุกชนิด  วิวัฒนาการก็ยังจะอ้างว่า มันมีบรรพบุรุษร่วมกันอยู่ดี  อย่างนี้แล้วจะมาพูดได้ยังไงครับว่า  "กระดูกอกรูปตัว V ในหมู่นก" เป็นสิ่งที่แสดงว่า มันมีบรรพบุรุษร่วมกัน ในเมื่อแม้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น คุณก็ยังจะบอกว่ามันมีบรรพบุรุษร่วมกันอยู่ดี ......  อธิบายมายืดยาว หวังว่าพอจะเข้าใจนะครับ คุณเคยอ่านข่าวทฤษฎีวิวัฒนาการประเภทที่ว่า "ทำไมผู้ชายจึงชอบสีฟ้า ผู้หญิงจึงชอบสีชมพู"  หรือไม่ก็ "ทำไมผู้หญิงจึงจดจำรายการชอปปิ้ง ได้ดีกว่าผู้ชาย"  อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ   รู้สึกบ้างหรือไม่ครับว่า เหตุผลทางทฤษฎีวิวัฒนาการเหล่านี้ มันฟังดูแปล๊กแปลก เหมือนกับนักวิจัยเองก็เขียนมั่วๆ เอาตามความเห็นของตน ....... จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 22:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ตุณ ksk อย่าลืมสิครับว่าผมกำลังพูดถึง ปฐมกาล 1 อยู่ ซึ่งเป็นตอนที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ ซึ่งอาจเป็นทั้งมนุษย์ทางกายภาพหรือมนุษย์ทางวิญญาณก็ได้ และโลกที่อยู่ในบทนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึงโลกมนุษย์นี้นี่ครับ ถึงแม้ว่าจะมีชื่อแม่น้ำเหมือนกันดังที่กล่าวในบทที่ 2 ซึ่งอาจจะอยู่คนละมิติกันก็ได้ ถ้าเป็นมิติเดียวกันก็น่าจะเห็นสวนเอเดน ต้นไ้แห่งชีวิต ดาบเพลิง พวกเครูบ บ้างแล้วสิครับ และจากคำพูดของพระเยซูเองก็แสดงว่ายังมีที่อื่นอีกที่ไม่ใช่โลกนี้ (ยังสงสัยว่าตอนพระเยซูไปนี่ไปในรูปแบบไหน วิญญาณหรือทั้งร่างเนื้อเลย) แหม... คุณ silverspider ทำเหมือนกับว่าพระคัมภีร์จบลงที่บทนั้น ถ้าอ่านต่อไปจนจบเล่มก็จะพบว่า จินตนาการที่บรรเจิดออกไปนั้น ไม่สอดคล้องกับบทต่อไปน่ะครับ อย่างไรก็ต้องขอชมว่ามีจิตนาการดีนะครับ เรื่องที่ไม่เห็นสวนเอเดนในเวลานี้ ก็มีได้หลายแนวคิด พระคัมภีร์เองก็ไม่ได้กล่าวถึงอีกในภายหลัง เพียงแต่บอกว่าฑูตสวรรค์ถือกระบี่เพลิงเฝ้าไว้ นัยว่าเพื่อไม่ให้อดัมกับเอวากลับเข้าไปอีก(ข้อสุดท้ายของบทที่ 3) อาจเป็นได้ว่า ไม่มีอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีอาดัมดับเอวาอีกแล้ว พื้นที่นั้นก็เป็นเพียงพื้นที่ธรรมดาในปัจจุบัน จะเหลือซากบ้างหรือไม่ก็ไม่มีข้อมูล หรืออาจเป็นได้ที่พระเจ้าปิดบังไว้(อาจรับแนวคิดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง) ส่วนเรื่องที่คริสเตียนไม่สนับสนุนความคิดที่ว่าสัตว์เปลี่ยนจากชนิดหนึ่งไปเป็นชนิดหนึ่ง ก็จากคำที่พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าสร้าง "ตามชนิดของมัน" ส่วนคำว่าชนิดนั้น เมื่อเทียบกับทางชีววิทยาปัจจุบันจะไปจัดว่ามันตรงกับคำว่า สปีชีย์ หรือแฟมิลี่ หรือจีนัส หรืออะไรผมก็ไม่สามารถจะเทียบให้ได้ครับ ทีนี้ถ้าหากมีใครนึกตลก บอกว่า แมวตอนเด็กๆเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง เรียก kitty เมื่อโตขึ้นเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งเรียก cat และนี่คือหลักฐานว่า สัตว์เปลี่ยนชนิดได้ อันนี้ก็คงเป็นเรื่องเล่ากันตลกๆขำๆน่ะครับ (เอ จะขำไปกับผมไหมเนี่ย ) ส่วนที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านไปไม่ได้นั้น หมายถึงสวรรค์ครับ หรือในอีกบริบทหนึ่ง หมายถึงหน้าที่ที่พระเยซูจะต้องกระทำนั้น ไม่มีมนุษย์คนใดมารับแทนได้ จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 22:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ขอบคุณสำหรับคำชมของคุณเอย์คุง #127 นะครับ    ^^ จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 22:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 135 เรื่องความคิดเรื่องโลกอีกมิติและมนุษย์ทางวิญญาณ ผมไม่ได้จินตนาการเองหรอกครับ แต่มาจากชาวคริสต์ที่ตอบคำถามครับ เพราะถ้าเป็นคำตอบแนวนี้ก็จบเรื่องนกเกิดก่อนสัตว์เลื้อยคลาน หรือซากมนุษย์ H. sapiens ที่มีอายุเกิน 6 พันปีุ แต่ถ้าเป็นโลกมิตินี้และมนุษย์ทางกายภาพแล้ว ผมก็รอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อยู่นะครับ หลักฐานที่ว่านกเกิดก่อนสัตว์เลื้อยคลาน และทำไมถึงพบซากมนุษย์ H. sapiens ที่มีอายุเกิน 6 พันปีุได้ ส่วนคำถามข้อ 1 และ 2 ก็ยังไม่มีใครตอบได้เลยนี่ครับ ถ้ามันอยู่ในคัมภีร์จริงไม่ได้คิดเองก็น่าตอบได้แล้วใช่ไหมครับ ส่วนเรื่องที่ว่าพระเจ้าสร้าง "ตามชนิดของมัน" มีใครยืนยันได้ไหมครับว่าเป็นชนิดแบบไหน เพราะอย่างแค่บอกว่าปลา ก็เห็นใช้ทั้ง ปลาฉลาม ปลาดาว ปลาหมึก ทั้ง ๆ ที่ตามอนุกรมวิธานมันอยู่คนละไฟลัมเลย แต่ก็ยังเรียกว่าปลา แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 22:45:09 จากคุณ : silverspider - [ 4 ต.ค. 50 22:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 136 #131 คุณ PureTruth ไม่ตอบคำถาม 4 ข้อของผมก่อนหรือครับ ยังรออยู่นะครับ จากคุณ : silverspider - [ 4 ต.ค. 50 22:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ... จากคุณ : Angos - [ 4 ต.ค. 50 22:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ส่วนเรื่องที่ผมไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าเพราะไม่มีใครพิสูจน์เรื่องความมีตัวตนของพระเจ้าให้ผมเห็นได้ไงครับ เห็นบอกว่าให้เชื่อก่อนแล้วจะเห็นเอง แต่พอถามตนที่บอกไปว่าเคยเห็นพระเจ้าหรือไม่ ก็เห็นบอกว่าไม่เคยกัน แล้วอีกอย่างหนึ่งเห็นแต่ละศาสนาก็บอกให้เชื่อพระเจ้าของตน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าพระเจ้าของตนเป็นพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่ แถมยังมีเรื่องอย่าเชื่อพระเจ้าองค์อื่นนอกจากเราอีก หากเชื่อพระเจ้าของศาสนาใดไปแล้วเกิดไม่ใช่พระเจ้าที่แท้จริงจะว่าอย่างไรครับ จากคุณ : silverspider - [ 4 ต.ค. 50 22:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ^ ^ "ส่วนเรื่องที่ผมไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าเพราะไม่มีใครพิสูจน์เรื่องความมีตัวตนของพระเจ้าให้ผมเห็นได้ไงครับ" Ans.  สิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าสร้างนั้นก็เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำยุค เช่น สิ่งมีชีวิต  เมื่อเรามองดูเทคโนโลยีที่สุดยอดของสิ่งมีชีวิต (ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำยุคยิ่งกว่ายานอวกาศ) ก็จะมองเห็นถึงสติปัญญาอันล้ำเลิศของพระเจ้าครับ  นี่เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากสัมผัสได้ครับ "เห็นบอกว่าให้เชื่อก่อนแล้วจะเห็นเอง แต่พอถามตนที่บอกไปว่าเคยเห็นพระเจ้าหรือไม่ ก็เห็นบอกว่าไม่เคยกัน" Ans. นั่นเป็นการพูดแบบให้ฟังง่ายๆ ครับ ถ้าจะให้พูดแบบถูกต้องชัดเจนแล้วล่ะก็ จะเป็นว่า "ให้เชื่อในพระเจ้า แล้วจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของพระเจ้าได้ครับ"   ไม่ได้แปลว่า จะได้ "มองเห็น" พระเจ้าด้วยตานะครับ   "แล้วอีกอย่างหนึ่งเห็นแต่ละศาสนาก็บอกให้เชื่อพระเจ้าของตน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าพระเจ้าของตนเป็นพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่" Ans.  วิธีพิสูจน์มีครับ  แต่พอบอกไป คุณก็บอกปัดว่าไม่ทำ แล้วจะต่อว่าใครล่ะครับ "แถมยังมีเรื่องอย่าเชื่อพระเจ้าองค์อื่นนอกจากเราอีก หากเชื่อพระเจ้าของศาสนาใดไปแล้วเกิดไม่ใช่พระเจ้าที่แท้จริงจะว่าอย่างไรครับ" Ans.  คุณพิจารณาดูเอาเองก็ได้ครับ ว่าจะเลือกเชื่อพระเจ้าองค์ไหนดี  ผมว่าถ้าคุณพิจารณาดูดีๆ ก็น่าจะเลือกองค์ที่แท้จริงได้ครับ  ^^ จากคุณ : PureTruth - [ 4 ต.ค. 50 23:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 140 คำถามข้อ 1 ถึง 4 ได้ตอบไปแล้วนะครับ เพียงอาจไม่ตรงกับที่คุณ silverspider วางกับดักไว้ก็ได้ หากผมสามารถแยกแยะ "ชนิด" ของสัตว์เหล่านั้น โดยเล่าเป็นฉากๆได้ ก็แสดงว่าผมโกหกสิครับ พระคัมภีร์ไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าที่คุณและผมเห็น ใครจะสามารถมีข้อมูลจากพระคัมภีร์มากขนาดที่จะชี้ชัดลงไปว่ามีกี่ชนิด ยิ่งถ้าเอาความรู้ในปัจจุบันไปจับโดยอ้างศัพท์จากอนุกรมวิธาน ยิ่งไม่มีข้อมูลให้จับเลยครับ นี่คือคำตอบครับ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้การทรงสร้างมีน้ำหนักน้อยลงแต่ประการใด ส่วนถ้าจะอ้างว่า พระคัมภีร์ไม่ได้คัดค้านเรื่องการกลายพันธ์แบบมหภาค ผมก็ได้ตอบไปแล้วว่า โดยความหมายของการ "สร้างตามชนิดของมัน" แปลว่าสร้างแต่ละชนิดๆไป โดยไม่ต้องผ่านการกลายพันธ์อย่างที่ว่ามา แต่ผมเชื่อว่าคริสเตียนยอมรับได้ในเรื่องของการที่สัตว์สามารถปรับสภาพร่างกาย เพื่อให้อยู่รอดในระดับหนึ่ง ถ้าสภาพแวดล้อมเกินพิกัดที่จะปรับตัวได้ก็ "ตาย" เท่านั้นเอง แต่ไม่ถึงขนาดเปลี่ยนจากสัตว์น้ำเป็นสัตว์บก ข้อสังเกตประการหนึ่งในเรื่องการปรับตัวของสัตว์นั้น การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแบบฉับพลัน ไม่ได้หมายถึงน้ำแห้งไปใน 1 ชั่วโมง แค่เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน สัตว์ที่เคยอยู่ในน้ำก็ตายหมดโดยไม่ทันได้ปรับตัวอะไรเลย ยิ่งถ้าคาดหวังการส่งทอดพันธุกรรมไปยังลูกหลาน ผมมองไม่เห็นหนทางเลยจริงๆ ส่วนเรื่องที่ผมไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าเพราะไม่มีใครพิสูจน์เรื่องความมีตัวตนของพระเจ้าให้ผมเห็นได้ไงครับ อันนี้เข้าใจผิดแล้วครับ มันเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง ใครก็พิสูจน์ให้คุณไม่ได้ครับ เรื่องการเห็นพระเจ้านี่ก็นอกเรื่องไปไกล ไว้เหมาะๆค่อยว่ากันเดี๋ยวโดนเอ็ด แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 23:56:06 จากคุณ : ksk - [ 4 ต.ค. 50 23:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ความเห็นส่วนตัวของผม โดยปราศจากความรู้ใดๆ ทั้งสิ้น.. เป็นไปได้หรือไม่ กรณีที่สัตว์น้ำขึ้นบก.. ช่วงวิวัฒนาการช่วงหนึ่งมันอาศัยอยู่ทั้งบนบกและในน้ำ หรือครึ่งบกครึ่งน้ำ (คล้ายๆ ปลาตีน) อาจมีช่วงหนึ่งช่วงใดที่น้ำทะเลมันตื้นขึ้น ทำให้สัตว์ต้องเริ่มปรับตัวเพื่อจะการหายใจอากาศเข้าไปในร่างกายให้ได้ อวัยวะภายในจึงมีการปรับตัวทีละนิดๆ.. หลายล้านปี จนถึงจุดหนึ่งที่พัฒนามาเป็นปอด และปอดมีพัฒนาการมากพอที่จะอยู่บนบกได้ มันก็ค่อยๆ ห่างจากน้ำไป ซึ่งอาจกินระยะเวลาหลายล้านปี? ในทางกลับกัน เรื่องของปลาวาฬ เป็นไปได้หรือไม่ ว่าพัฒนาการของปลาวาฬทำให้มันตัวใหญ่อุ้ยอ้าย และไม่เหมาะที่จะอาศัยบนบก เนื่องจากปัญหาเรื่องการรับน้ำหนักของข้อต่อกระดูก จึงเริ่มลงไปเล่นน้ำ เพื่อลดภาระของกระดูก พออยู่ริมๆ ฝั่ง ซักสิบล้านปี จนกระทั่งอวัยวะเริ่มพัฒนาทีละนิดๆ จนอาศัยอยู่ในน้ำได้ แล้วก็ไม่กลับมาขึ้นบนอีก หลังจากไม่ขึ้นบกนานๆ อีกซักสิบล้านปี อวัยวะ ที่ใช้หายใจบนบก ก็เริ่มฝ่อ และไม่ได้ใช้งานในที่สุด?? แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 00:14:20 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 00:07:26 จากคุณ : Angos - [ 5 ต.ค. 50 00:04:57 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ในแง่ทฤษฏีผู้สร้าง.. หากมนุษย์ไม่ได้วิวัฒนาการจริงๆ แล้ว..? สิ่งมีชีวิตที่ได้ชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ตามทฤษฏีวิวัฒนาการนั้น จริงๆ แล้วก็เป็นแค่สัตว์ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคน และเดินสองขาได้ ใช่หรือไม่? และสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น สูญพันธ์กันเป็นลำดับช่วงๆ ซึ่งบังเอิญว่า พระเจ้าได้สร้างสิ่งมีชีวิตพวกนั้นในแต่ละช่วง ให้มี Physical ที่พัฒนาต่อเนื่องมาตามลำดับ จนทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจผิดว่า พัฒนาการนั้นเกิดจากวิวัฒนาการ จนกระทั่งมนุษย์เกิดขึ้น สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็จึงสูญพันธ์ไปหมด ใช่หรือไม่? แล้วคำถามค้างคาใจผมนานมากๆ ก็คือ คนสองคน สามารถสร้างเผ่าพันธ์ที่มีความหลากหลายมากขนาดนี้ได้อย่างไร? 1) ความแตกต่างของมนุษย์ในแต่ละถิ่นฐาน ก็เป็นหลักฐานของ Natural Selection และน่าจะยืนยันทฤษฏีวิวัฒนาการได้ระดับหนึ่ง 2) ก่อนยุคการเดินเรือ ลูกหลานของอาดัมกับอีฟ กระจัดกระจายไปอยู่ในแต่ละทวีปได้อย่างไร จากคุณ : Angos - [ 5 ต.ค. 50 00:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ คุณ Angos     ผมคงจะเข้ามาตอบอีกทีในวันเสาร์    พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ ขอทำงานเต็มที่ส่งท้ายสัปดาห์ครับ จากคุณ : PureTruth - [ 5 ต.ค. 50 00:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 144 กลายเป็นกระทู้ทะเลาะเสียแล้ว คราวนี้ฝ่ายวิวัฒนาการอารมณ์ไม่เย็นเท่าฝ่ายพระเจ้าผู้สร้าง คงต้องไปเตรียมมาถกรอบใหม่ครับ คราวนี้ดูไม่ดีเลย จริงๆ แล้วทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ได้กล่าวล่วงไปถึงว่าไม่มีพระเจ้า เพียงแต่เสนอคำอธิบายว่าหลังจาก abiogenesis แล้ว สิ่งมีชีวิต หลากหลายชนิดและนานาพันธุ์อุบัติขึ้นได้อย่างไร จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ต.ค. 50 00:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 145 งั้นผมรบกวนถามอาจารย์แพรคหน่อย เนื่องจากความรู้ด้านนี้ของผมน้อยเหลือเกิน.. หลักฐานชนิดไหน จึงจะนำมายืนยันว่าเป็น Missing Link ได้? (เพราะหลักฐานใดๆ ทางฝั่ง Creation ก็บอกว่า Invalid ปัดตกไปหมด..) และหลักฐานชนิดนั้น มีการค้นพบแล้วหรือยัง? ผมเองเข้าใจว่า Evolution ไม่ได้บอกว่า ไม่มีพระเจ้า แต่ Creation กลับพยายามบอกว่า ไม่มี Evolution.. จากคุณ : Angos - [ 5 ต.ค. 50 00:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ในเมื่อไม่มีใครบอกชนิดของสัตว์ได้ว่าเป็นแบบไหน รูปร่างเริ่มแรกเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ วิธีสร้างอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ แต่ดูเหมือนหลายคนจะตอบแทนพระเจ้าไปแล้วนะครับ ว่าเป็นชนิดแบบไหน รูปร่างอย่างไร สร้างอย่างไร เรื่องสัตว์น้ำเป็นสัตว์บกมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีนี่ครับ ยังมีพวกที่สะเทินน้ำสะเทินบกอีกซึ่งพวกนี้ก็ยังต้องการน้ำต่างกันแต่ละชนิดอีก บางตัวต้องอาศัยอยู่ในน้ำตลอด บางตัวไม่จำเป็น และเรื่องซากฟอสซิลในชั้นหนึ่งกรณีที่ชั้นหินนั้นไม่เกิดการผลิกกลับหรือพังทลายทำไมถึงได้เรียงตามลำดับของทฤษฎีวิวัฒนาการเลยครับ ไม่เห็นว่าซากฟอสซิลของนกจะอยู่ในชั้นหินที่มีอายุมากกว่าชั้นหินที่มีซากฟอสซิลของสัตว์เลื้อยคลาน นอกจากนี้การปรากฎของซากฟอสซิลของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกยังสัมพันธ์กับการเคลื่อนตัวของแผ่นทวีปอีก การกลายพันธุ์จากสัตว์ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่งก็ไม่ได้ใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนหรือกี่ปี แต่ขึ้นอยู่ว่าสัตว์นั้นมีวงจรชีวิตสั้นยาวเพียงใด สัตว์ที่มีวงจรชีวิตยาวนั้นใช้เวลากลายพันธุ์นานนะครับ เพราะกว่าจะให้รุ่นแต่ละรุ่นนั้นนาน เอาแค่ชนิดเดียวกันอย่างเซนต์เบอร์นาร์ดกับชิวาวาที่มนุษย์กำหนดสิ่งแวดล้อมและคัดเลือกสายพันธุ์นั้นใช้เวลาเท่าไหร่ และใช้กี่รุ่นถึงจะได้แบบนั้น และตอนนี้ทั้งสองสายพันธุ์นี้สามารถผสมพันธุ์ได้ด้วยวิธีปกติหรือไม่ แต่กรณีในธรรมชาตินั้นถึงสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปแต่ต้องไม่ลืมว่าสัตว์นั้นมีการเคลื่อนย้ายได้นะครับ ตรงที่เดิมไม่เหมาะสมก็ย้ายไปที่ใหม่ที่เหมาะสมกว่า จึงใช้เวลานานกว่าที่จะกลายเป็นอีกชนิดหนึ่ง เรื่องพิสูจน์ด้วยตัวเอง อย่าลืมสิครับในคำสอนของบางศาสนามีเรื่องอย่าเชื่อพระเจ้าองค์อื่นด้วยนะครับ และวิธีปฏิบัติก็แตกต่างกัน เอาแค่ง่าย ๆ อย่างอิสลามกับคริสต์ ถ้ามีพระเจ้าองค์เดียวกันจริงทำไมไม่รวมศาสนาและปฏิบัติให้เหมือนกันไปเลยครับ ถ้าผมพิสูจน์ตามแบบอิสลาม ผมก็ต้องเชื่อในอัลลอฮ์ และต้องเชื่อว่าพระเยซูไม่ใช่พระเจ้า และปฏิบัติตนตามกฎบัญญัติของอิสลาม แต่ถ้าผมพิสูจน์ตามแบบคริสต์ ผมก็ต้องเชื่อในยะโฮวา และเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า และปฏิบัติตนตามกฎบัญญัติของคริสต์ แต่ทั้งสองศาสนากลับบอกว่าให้เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว ตกลงว่าศาสนาไหนถูกต้องครับคริสต์หรืออิสลามตอบได้ไหมครับ จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 01:17:05 ]

ความคิดเห็นที่ 147 หลักฐานชนิดไหน จึงจะนำมายืนยันว่าเป็น Missing Link ได้? (เพราะหลักฐานใดๆ ทางฝั่ง Creation ก็บอกว่า Invalid ปัดตกไปหมด..) และหลักฐานชนิดนั้น มีการค้นพบแล้วหรือยัง? ผมเองเข้าใจว่า Evolution ไม่ได้บอกว่า ไม่มีพระเจ้า แต่ Creation กลับพยายามบอกว่า ไม่มี Evolution.. จากคุณ : Angos ********************************************** เข้าใจถูกต้องครับ Evolution ไม่ได้บอกว่าไม่มีพระเจ้า และในพระคัมภีร์ก็ไม่มีส่วนไหนที่ปฏิเสธเรื่อง Evolution ดังที่ผมได้ตั้งคำถามไปล่ะครับมีใครหาหลักฐานได้รึยังว่าตรงไหนในพระคัมภีร์ที่บอกว่าสิ่งมีชีวิตไม่มีวิวัฒนาการระดับมหภาค และจากที่คุณเข้าใจว่า Creation กลับพยายามบอกว่า ไม่มี Evolution นั้นก็เป็นเหตุผลว่าแม้จะมีหลักฐานทางชีวโมเลกุลประกอบกับ Missing Link หรือพบ Missing Linkเพิ่มขึ้นมากเพียงใดเขาก็ Invalid อยู่ดี จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 01:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 148 เป็นไปได้หรือไม่ กรณีที่สัตว์น้ำขึ้นบก.. ช่วงวิวัฒนาการช่วงหนึ่งมันอาศัยอยู่ทั้งบนบกและในน้ำ หรือครึ่งบกครึ่งน้ำ (คล้ายๆ ปลาตีน) อาจมีช่วงหนึ่งช่วงใดที่น้ำทะเลมันตื้นขึ้น ทำให้สัตว์ต้องเริ่มปรับตัวเพื่อจะการหายใจอากาศเข้าไปในร่างกายให้ได้ อวัยวะภายในจึงมีการปรับตัวทีละนิดๆ.. หลายล้านปี จนถึงจุดหนึ่งที่พัฒนามาเป็นปอด และปอดมีพัฒนาการมากพอที่จะอยู่บนบกได้ มันก็ค่อยๆ ห่างจากน้ำไป ซึ่งอาจกินระยะเวลาหลายล้านปี? ในทางกลับกัน เรื่องของปลาวาฬ เป็นไปได้หรือไม่ ว่าพัฒนาการของปลาวาฬทำให้มันตัวใหญ่อุ้ยอ้าย และไม่เหมาะที่จะอาศัยบนบก เนื่องจากปัญหาเรื่องการรับน้ำหนักของข้อต่อกระดูก จึงเริ่มลงไปเล่นน้ำ เพื่อลดภาระของกระดูก พออยู่ริมๆ ฝั่ง ซักสิบล้านปี จนกระทั่งอวัยวะเริ่มพัฒนาทีละนิดๆ จนอาศัยอยู่ในน้ำได้ แล้วก็ไม่กลับมาขึ้นบนอีก หลังจากไม่ขึ้นบกนานๆ อีกซักสิบล้านปี อวัยวะ ที่ใช้หายใจบนบก ก็เริ่มฝ่อ และไม่ได้ใช้งานในที่สุด?? จากคุณ : Angos ************************************************ 1. เรื่องสัตว์น้ำขึ้นบก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แผ่นทวีปเชื่อมติดกันเป็นแผ่นใหญ่ครับ และกินเวลาหลายล้านปีครับ และเรื่องการแพร่กระจายก็สัมพันธ์กับการแยกตัวของทวีปในกรณีที่สัตว์นั้นมีข้อจำกัดเรื่องความเค็มของน้ำจำกัดการแพร่กระจาย 2. เรื่องวาฬ อวัยวะที่หายใจบนบกนั้นยังมีอยู่ครับ แต่ได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมแก่การอาศัยอยู่ในน้ำและการวิวัฒนาการก็กินเวลาหลายชั่วรุ่นครับไม่ใช่แค่รุ่นสองรุ่นก็ไปอยู่ในน้ำได้เลย จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 01:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ในแง่ทฤษฏีผู้สร้าง.. หากมนุษย์ไม่ได้วิวัฒนาการจริงๆ แล้ว..? สิ่งมีชีวิตที่ได้ชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ตามทฤษฏีวิวัฒนาการนั้น จริงๆ แล้วก็เป็นแค่สัตว์ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคน และเดินสองขาได้ ใช่หรือไม่? และสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น สูญพันธ์กันเป็นลำดับช่วงๆ ซึ่งบังเอิญว่า พระเจ้าได้สร้างสิ่งมีชีวิตพวกนั้นในแต่ละช่วง ให้มี Physical ที่พัฒนาต่อเนื่องมาตามลำดับนี่ จนทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจผิดว่า พัฒนาการนั้นเกิดจากวิวัฒนาการ จนกระทั่งมนุษย์เกิดขึ้น สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็จึงสูญพันธ์ไปหมด ใช่หรือไม่? แล้วคำถามค้างคาใจผมนานมากๆ ก็คือ คนสองคน สามารถสร้างเผ่าพันธ์ที่มีความหลากหลายมากขนาดนี้ได้อย่างไร? 1) ความแตกต่างของมนุษย์ในแต่ละถิ่นฐาน ก็เป็นหลักฐานของ Natural Selection และน่าจะยืนยันทฤษฏีวิวัฒนาการได้ระดับหนึ่ง 2) ก่อนยุคการเดินเรือ ลูกหลานของอาดัมกับอีฟ กระจัดกระจายไปอยู่ในแต่ละทวีปได้อย่างไร จากคุณ : Angos ************************************************** ถ้าตามเรื่องผู้สร้าง 1. เราไม่ทราบถึงวิธีสร้างของผู้สร้าง อาจสร้างโดยกำหนดสภาพแวดล้อมตามที่ผู้สร้างต้องการแล้วคัดเลือกสายพันธุ์แต่ละสายพันธุ์เอาไว้ก็ได้ครับ ฉะนั้นจึงไม่มีใครตอบได้ว่ามีหรือไม่มีวิวัฒนาการ นอกจากคนที่เชื่อในผู้สร้างจะคิดเอาเอง 2. การที่สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์เป็นช่วง ๆ ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเป็นเพราะฝีมือผู้สร้างหรือเกิดขึ้นโดยผู้สร้างไม่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าผู้สร้างต้องการให้เกิดวิวัฒนาการตามที่ต้องการก็ย่อมสามารถกำหนดสภาพแวดล้อมที่ให้สิ่งมีชีวิตที่ได้เลือกไว้สามารถอยู่รอดได้ ส่วนที่ไม่ได้เลือกไว้ก็ตายไป 3. ถ้ากรณีมนุษย์ก็ไม่ครับ คิดง่าย ๆ ครับ ลักษณะที่อยู่บนโครโมโซม Y มันมีทั้งที่ปกติและผิดปกติ กรณีนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้ผู้ชายอย่างน้อย 2 คนแล้วครับ 3.1 เป็นวิวัฒนาการระดับจุลภาคครับเนื่องจากยังอยู่ในชนิดเดียวกัน 3.2 เดินเท้ากับใช้เรือเล็กเดินทางสั้น ๆ ครับ แต่มันมีที่กระจายก่อน 6000 ปีนี่สิครับปัญหา เพราะอดัมกับอีฟยังไม่เกิดเลยครับ จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 01:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ความรู้เรื่องวิวัฒนาการของผมน้อยมาก แต่ผมพอจะได้ศึกษาเรื่อง Genetic Algorithm (GA) มาบ้าง ซึ่ง GA นั้นเป็น Algorithm ที่ใช้การคัดเลือกจากธรรมชาติของดาวิน มาเป็นต้นแบบในการพัฒนา Algorithm โดยทำการสุ่มข้อมูล และค้นหาข้อมูลที่มีความแข็งแรงที่สุด และทำการสืบทอดมาเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ต่อไปเรื่อยๆ และ Algorithm นี้พิสูจน์ได้ว่า การสุ่มอย่างไม่เป็นระเบียบประกอบกับการคัดเลือกเผ่าพันธ์ที่เข้มแข็ง สามารถเกิดเผ่าพันธ์ใหม่ ที่มีลักษณะแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับบรรพบุรุษได้.. ข้อมูลการ Simulation ด้วย Server Farm จำนวนหลายพันเครื่อง และทำการพัฒนาการเป็นล้านล้านครั้ง น่าจะพอเป็นข้อมูลให้ผู้ที่ไม่ทราบบางคน เข้าใจว่า การกลายพันธ์ทางธรรมชาติเกิดขึ้นได้จริง จากการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแบบสุ่มของสิ่งมีชีวิต PS. เป็นข้อมูลที่อ่านมาจากเวบๆ หนึ่ง แต่ผมหาไม่เจอ ถ้าเจอแล้วจะนำมาโพสให้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมอีกที จากคุณ : Angos - [ 5 ต.ค. 50 02:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ย้อนกลับไปอ่าน เจอเรื่อง OT และ NT ของคุณ silverspider เกิดความสงสัยขึ้นมาอีก (เริ่มจะนอกเรื่อง) OT ไม่ดีพอหรือ?? ความแตกต่างหลัก ที่ผมเข้าใจคือ NT ลดความเผด็จการของพระเจ้าลง เป็นพระเจ้าที่ดูสมเหตุสมผลมากขึ้น.. เป็นจริงหรือไม่ อย่างไร? (ทำไมบังเอิญกับแนวโน้มของศาสนาคริสต์ ที่เลิกความแข็งกร้าว และอำนาจทางการเมืองเริ่มลดลงในยุคนั้น?) ทำไมต้องมี NT?? ผมมองในแง่การตลาด (ไม่ได้ดูถูกนะครับ ทุกๆ เครื่องมือ ต้องมีการตลาดร่วมด้วยเสมอ แม้จะเป็นพุทธก็ตาม) เป็นไปได้หรือไม่ว่า "คน" ในแต่ละยุค มีความอ่อนไหวในความเชื่อที่แตกต่างกัน คนยุคแรก เป็นพวกขี้กลัว จึงต้องใช้บทโหด ขู่ให้กลัวไว้ก่อน จะได้ทำดี ไม่ทำผิดบาป เชื่ออย่างเดียว แบบไม่กล้าเถียง ในขณะที่คนยุคหลัง ใช้เหตุและผลมากขึ้น เริ่มต่อต้านเรื่องที่เป็นเผด็จการ NT จึงออกมาเพื่อปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับกลุ่มคนประเภทนี้ให้มากขึ้น จากคุณ : Angos - [ 5 ต.ค. 50 02:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 152 เอาเป็นว่าเหตุการณ์เดียวกันแต่สายของอิชมาเอลบันทึกอย่างหนึ่ง สายของอิสอัคกลับบันทึกอีกอย่างหนึ่ง แล้วตกลงว่าเหตุการณ์นั้นตามบันทึกของสายไหนจะถูกต้องล่ะ แสดงว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องใส่ความคิดเห็นของตัวเองไปและบิดเบือนไปจากความจริง แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 03:32:17 จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 03:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 153 #145 คำว่า Missing Link นั้นเป็นคำเก่าที่ใช้มาตั้งแต่สมัยที่ดาร์วินเสนอทฤษฎี วิวัฒนาการขึ้นเป็นครั้งแรกครับ โดยนำมาแย้งว่ายังมีหลักฐานไม่พอ แต่หลัง จากนั้นก็พบหลักฐานมากมาย จนวิทยาศาสตร์ปัจจุบันถือว่าวิวัฒนาการเป็น Fact แล้ว ตัวอย่าง Missing Link (ในปัจจุบันนิยมใช้คำว่า transitional fossils มากกว่า) มีดังต่อไปนี้ Nautiloids to Ammonoids Bactritids Fish to Amphibians Tiktaalik roseae Osteolepis Eusthenopteron Panderichthys Elginerpeton Obruchevichthys Hynerpeton Tulerpeton Acanthostega Ichthyostega Pederpes finneyae Eryops Amphibians to Amniotes (early reptiles) Proterogyrinus Limnoscelis Tseajaia Solenodonsaurus Hylonomus Paleothyris Synapsid (mammal-like "reptiles") to mammals Protoclepsydrops Clepsydrops Dimetrodon Procynosuchus Thrinaxodon Yanoconodon Diapsid reptiles to birds Yixianosaurus Pedopenna Archaeopteryx Changchengornis Confuciusornis Ichthyornis Evolution of whales Pakicetus Ambulocetus Kutchicetus Artiocetus Dorudon Basilosaurus Eurhinodelphis Mammalodon Evolution of the horse Hyracotherium Mesohippus Parahippus Merychippus Pliohippus Equus Non-human apes to modern humans Pierolapithecus catalaunicus Ardipithecus Australopithecus Homo rudolfensis Homo habilis Homo erectus ตัวอย่าง http://vuletic.com/hume/cefec/5-1.html แต่ในสายตาของผู้ที่แย้งทฤษฎีวิวัฒนาการนั้น ต่อให้มี transitional fossils ทุกๆ 10,000 ปี ก็จะยังไม่พอใจเขาจะแย้งต่อไปเรื่อยๆ ว่าต้องมี หลักฐานในช่วง 10,000 ปีนั้นๆ มาอีก จึงจะทำให้เปลี่ยนแปลงความเชื่อได้ ซึ่งในวงการวิทยาศาสตร์ ถือว่าคำแย้งนี้ตกไปครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 05:43:12 จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ต.ค. 50 05:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 154 จุดยืนความคิดเห็นของผมสรุปง่ายๆ ดังนี้ครับ 1. มีวิวัฒนาการเกิดขึ้นจริง 2. หลักฐาน abiogenesis ตอนนี้ถือว่ายังไม่แน่นพอจะพูดได้อย่างเต็มปาก เต็มคำว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกมาจากไหนแน่ อุกกาบาต? สารอนินทรีย์บนโลก เอง? หรือ พระเจ้าอาจจะสร้างขึ้นก็เป็นได้? หลายคนทีเดียวที่พอใจกับความคิดเห็นที่ว่า พระเจ้าทำให้เกิด abiogenesis แล้วจึงเกิดวิวัฒนาการ ซึ่งผมไม่มีปัญหาอะไรกับความคิดเห็นนี้ครับ เพราะอาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ต.ค. 50 05:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ขอบคุณครับ จากคุณ : Angos - [ 5 ต.ค. 50 09:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 156 ตอบคุณ Angos ก่อนนะครับ เห็นเอ่ยถึง OT กับ NT ไม่รู้หมายความว่า Over Time กับ New Technology หรือเปล่า ผมขอเดาว่าหมายถึง Old Testament กับ New Testament ก็แล้วกันนะครับ พระคัมภีร์ New Testament ไม่ได้เป็นการปรับปรุงตาม "การตลาด" อย่างที่เอ่ยมานะครับ แต่เป็นส่วนที่แสดงให้เห็นว่า คำพยากรณ์ถึงพระผู้ช่วยที่กล่าวไว้ใน Old Testament นั้นสำเร็จจริงตามนั้น ส่วนกรณีของการปราบปรามพ่อมดหมอผี ในสมัยก่อน ผมก็ไม่สบายใจนักกับการฆ่าทำลาย แต่อาจเป็นวิธีเดียวที่คนสมัยนั้นคาดหวังว่าจะแก้ปัญหาได้ เอ๊ะ.... แล้วปัญหาอะไรล่ะ ก็ปัญหาเหมือนกับที่คนไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่ไงครับ อบายมุก หมอผีทำเสน่ห์ ไสยศาสตร์ ใบ้หวย ยาเสพติด ฯลฯ ที่คุกขามศาสนาประจำชาติไทยอยู่ สมัยนี้ผู้คนอาจมีความคิดฉลาดขึ้นในการจัดการคนพวกนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถปราบปรามได้สำเร็จเช่นกัน บางคนอาจเห็นด้วยกับการประหารชีวิตผู้ค้ายาเสพติด เพราะถือว่าเป็นผู้ทำลายอนาคตของชาติ แต่ก็มีผู้เห็นว่าเขาเหล่านั้นควรกลับตัวกลับใจ เป็นคนดีจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากบอกว่า "คนเหล่านั้นมีสิทธิดำรงชีพด้วยการค้ายาเสพติด" ทำนองเดียวกันคนสมัยโบราณมองเห็นว่า พ่อมดแม่มดหมอผี เป็นผู้กระทำสิ่งชั่วร้าย ซึ่งส่งผลต่ออนาคตของลูกหลาน ปัญหาต้องแก้ไข วิธีการที่ถูกใช้ในสมัยนั้นคือการกำจัด ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อผู้คนที่มีจิตใจอ่อนโยนในสมัยนี้อ่านพบ ก็เกิดความไม่สบายใจ แต่ขอให้เข้าใจว่าสังคมปัจจุบันกับสมัยก่อนมีแนวปฏิบัติต่างกันครับ จากคุณ : ksk - [ 5 ต.ค. 50 09:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ในสมัยโบราณพวกแม่มดที่ถูกเผามักจะเป็นคนที่ถูกใส่ร้ายนะครับส่วนมากเป็นผู้บริสุทธิ์ บางคนก็เป็นหมอที่ไปแอบขุดศพขึ้นมาศึกษาเพื่อนำความรู้มารักษาผู้คน เป็นคนดีที่ถูกใส่ความเช่นกัน ในสมัยนั้นพระรวมทั้งศาสนจักรชั่วร้ายมากจับคนเผาเป็นว่าเล่น คนที่นับถือลัทธิอื่นๆที่ต่างจากตัวเอง ก็หาว่าเป็นพวกนอกรีต นับถือซาตานจัดเป็นการไม่เคารพต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรมของมนุษย์ รวมทั้งยังขัดขวางความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อีกด้วยพอมีคนค้นพบอะไรใหม่ๆที่ไม่ตรงกับพระคัมภีร์ ที่ถูกแต่งขึ้นมามั่วๆในสมัยก่อนก็จับไปลงโทษให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน ผมว่าศาสนจักรสมัยก่อนเนี่ยชั่วร้ายพอๆกับซาตาน หรือ อาจจะมากกว่าด้วยซํ้า จากคุณ : mirror man - [ 5 ต.ค. 50 10:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ผมยอมรับสิ่งที่ อ.Prac กล่าวไว้ใน คคห 154 ได้ในระดับหนึ่งนะครับ (เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ คริสเตียนแต่ละคนสามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันบ้าง ในข้อปลีกย่อยที่ไม่ขัดแย้งกับหลักข้อเชื่อใพระคัมภีร์) 1. มีวิวัฒนาการเกิดขึ้นจริง ส่วนที่ผมยอมรับได้ เป็นไปในเชิงของการปรับตัว เพื่อเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมอย่างมีขอบเขตจำกัด กรุณาอย่าถามต่อว่าขอบเขตแค่ไหน ผมก็ขีดเส้นเอาไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าเกินขอบเขตก็ตาย เท่านั้นเอง เช่นการดื้อยาของเชื้อโรค แต่ยังไม่ยอมรับในลักษณะที่ว่า มีสลึง พึงบรรจบให้ครบบาท คือสะสมไปเรื่อยๆจนกระทั่งกลายเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่ง และผมก็จะไม่ต่อว่าคนที่เชื่ออย่างนั้น แต่จะรอดูผลการศึกษาเป็นระยะๆ 2. หลักฐาน abiogenesis ตอนนี้ถือว่ายังไม่แน่นพอจะพูดได้อย่างเต็มปาก เต็มคำว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกมาจากไหนแน่ อุกกาบาต? สารอนินทรีย์บนโลก เอง? หรือ พระเจ้าอาจจะสร้างขึ้นก็เป็นได้? เสียดายที่ คนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจอย่างนี้ ขอบคุณ อ. Prac ที่กรุณาชี้แจง อย่างน้อยเพื่อนๆที่เห็นชอบในเรื่องวิวัฒนาการ (ซึ่งเชื่อถือในความคิดเห็นของ อ.Prac อยู่ไม่มากก็น้อย) จะได้ไม่แสดงความเห็นอย่างที่ไม่ถูกต้อง ความเห็นส่วนตัวของผมนั้น แม้ว่าแนวคิด พระเจ้าทำให้เกิด abiogenesis แล้วจึงเกิดวิวัฒนาการ จะดูว่าทำให้เกิดการประนีประนอมระหว่าง 2 ฝ่าย แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยนัก ดังที่ได้ตอบไปใน คคห ข้างบน (คือเห็นด้วยแบบในมีขอบเขตจำกัด) ส่วนกรณี Missing Link หรือ Transitional Fossil นั้น ผมตั้งคำถามไว้ใน คคห 106 ก็ยังไม่มีใครช่วยตอบ (อาจมองข้ามไป) ทำไมปลาถึงมีกระดูกแข็งกระดูกอ่อน แล้วทำไมในพวกกระดูกอ่อนด้วยกันถึงเป็นพวกปลาไม่มีฝาปิดเหงือก ในขณะที่ปลากระดูกแข็งเป็นพวกมีฝาปิดเหงือก?? จำเป็นต้องเกิดจากวิวัฒนาการเท่านั้นหรือ ??? จากคุณ : ksk - [ 5 ต.ค. 50 10:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ตอบคุณ mirror man ครับ ผมเห็นด้วยกับคุณว่า ศาสนจักรสมัยนั้น เลวร้ายมากครับ แต่สิ่งที่คุณพูดไม่ถูกเลย ก็คือ "พระคัมภีร์เขียนขึ้นมามั่วๆ" อันนี้ไม่จริงนะครับ พระคัมภีร์เล่มที่เราใช้กันวันนี้ก็เป็นเล่มที่มีเนื้อความเดียวกัน กับสมัยนั้น และเป็นเล่มที่มีเนื้อความเดียวกันกับสมัยก่อนหน้านั้นด้วย เพียงแต่ว่า ยุคนั้นเป็นยุคมืดจริงๆ มีการตีความพระคัมภีร์อย่างผิดๆ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและอื่นๆ ทำให้ในที่สุดก็มีการต่อต้านและแยกตัวออกมา ผู้ต่อต้านเหล่านั้น ก็เป็นคริสเตียนที่ไม่เห็นด้วยกับผู้นำ(ที่กระทำผิดๆ) เสียดายที่ไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะปกป้องนักวิทยาศาสตร์และหมอดีๆเหล่านั้นได้ทั้งหมด(อาจช่วยไว้ได้บ้าง) แต่คุณ mirror man จะว่าอย่างไรล่ะครับ ถ้าอีก 200 ปีข้างหน้า มีคนบอกว่า ศาสนาประจำชาติไทยสมัยปี 2550 แย่มาก ชั่วร้ายจริงๆ เพราะมีการทำไสยศาสตร์ และอบายมุกในศาสนสถาน(ขออภัยที่ต้องยกตัวอย่างประกอบ) ทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนไม่สนใจความชอบธรรม ข้าราชการไม่ทำงานตามหน้าที่ สนใจแต่ผลประโยชน์จากนักการเมือง เยาวชนไม่สนใจศึกษาหาความรู้ เพราะมันยาก บันเทิงดีกว่า ประเทศชาติถึงได้ล้าหลัง และอดอยาก ประชาชนถูกกดขี่ เอารัดเอาเปรียบ ผมคิดว่าคุณคงจะพูดอย่างเดียวกับผมในเวลานี้ว่า หลักคำสอนในคัมภีร์ของศาสนาไม่ได้สอนอย่างนั้น แต่คนชั่วมันเข้าไปหาผลประโยชน์ ด้วยความรักและเข้าใจนะครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 10:58:21 จากคุณ : ksk - [ 5 ต.ค. 50 10:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 160 คุณ Angos ครับ  ผมขอแนะนำ web site http://www.arn.org/ แล้วจะได้ข้อมูลและมุมมองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 11:42:49 จากคุณ : PureTruth - [ 5 ต.ค. 50 11:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ทำไมปลาถึงมีกระดูกแข็งกระดูกอ่อน แล้วทำไมในพวกกระดูกอ่อนด้วยกันถึงเป็นพวกปลาไม่มีฝาปิดเหงือก ในขณะที่ปลากระดูกแข็งเป็นพวกมีฝาปิดเหงือก?? จำเป็นต้องเกิดจากวิวัฒนาการเท่านั้นหรือ ??? จากคุณ : ksk ****************************************************** ถ้าหมายถึง Osteichthyes คือปลากระดูกแข็งกับ Chondrichthyes คือปลากระดูกอ่อนล่ะก็ใช่ครับ คือผลจาก Natural Selection ครับ แต่กลุ่ม Osteichthyes ไม่ได้วิวัฒนาการมาจากกลุ่ม Chondrichthyes นะครับ ยิ่งเอาตัวที่เห็นว่ายน้ำปัจจุบันนี้ยิ่งไม่ใช่เลยครับ เนื่องจากเป็นสายวิวัฒนาการคู่ขนานกันมา เพราะแต่ก่อนยังมีปลาในกลุ่ม Acanthodian, Placoderm, Lamprey, Ostracoderm แต่ผลของการคัดเลือกโดยธรรมชาติทำให้เหลือเท่าที่เห็นแหละครับ ส่วนเรื่องทำไมในพวกกระดูกอ่อนด้วยกันถึงเป็นพวกปลาไม่มีฝาปิดเหงือก ดูตัวนี้ไปพลาง ๆ นะครับ ว่ามีหรือไม่มี แต่อยู่คนละ subclass กับปลาฉลามนะครับ จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 12:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 162 ขอบคุณครับคุณ silverspider พอดีคำถามนั้น ผมก็อปมาจากคุณ Yoiji ใน คคห 105 น่ะครับ สิ่งที่คุณ silverspider กรุณาอธิบายมา ผมขอรับไว้เป็นความรู้นะครับ แต่คำถามของผมคือ มันจะเกิดขึ้นได้ด้วยวิวัฒนาการเพียงวิธีเดียวเท่านั้นหรือ?? จากคุณ : ksk - [ 5 ต.ค. 50 12:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ก็เป็นผลจาก Natural Selection ไงครับ ถ้าไม่มีก็คงเห็นกันพร้อมกลุ่มแล้วล่ะครับ ไม่ใช่เหลือเท่าที่เห็นในปัจจุบัน พอมีกลุ่มหนึ่งวิวัฒนาการดีกว่า กลุ่มเก่า ๆ ที่ปรับตัวไม่ได้ก็ลดจำนวนลงอย่างมาก บางกลุ่มถึงกับสูญพันธุ์ เพราะถ้าถูกสร้างสมบูรณ์จริงทำไมถึงต้องสูญพันธุ์ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 13:09:42 จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 13:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 164 แล้วตอนนี้มีใครทราบไหมว่าพระเจ้ามีวิธีสร้างสิ่งมีชีวิตอย่างไร ด้วยวิธีการใด จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 13:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 165 สร้างไว้สมบูรณ์ ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะไม่ตายนี่ครับ ภัยพิบัติต่างๆ ก็ทำให้สูญพันธ์ได้ อย่างน้ำท่วมใหญ่ หรือกันดารอาหาร ตัวเอเลี่ยนจากต่างถิ่น อย่างกรณี หมูกินไข่นกโดโด้ ก็ทำให้สูญพันธ์ได้ จากคุณ : ksk - [ 5 ต.ค. 50 13:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 166 วิธีการ ตามที่พระคัมภีร์แจ้งให้ทราบก็คือ "โดยพระดำรัสสั่ง" ส่วนขั้นตอนในการดำเนินการไม่แจ้งรายละเอียดไว้ ใครอธิบายได้ ก็น่ายินดีครับ จากคุณ : ksk - [ 5 ต.ค. 50 13:37:35 ]

ความคิดเห็นที่ 167 นั่นสิครับ ขั้นตอนเป็นอย่างไร ผมก็รอคำอธิบายพร้อมหลักฐานอยู่ เกิดสั่งโดยการให้มีวิวัฒนาการจะว่าอย่างไรครับในเมื่อในพระคัมภีร์ก็ไม่มีตรงไหนยืนยันว่าจะไม่มี ส่วนเรื่องสร้างไว้สมบูรณ์ แล้วทำไมบางชนิดต้องมาตายในช่วงที่อีกตัวโผล่มาด้วยล่ะครับ กรณีนี้มันไม่มีการจำกัดการกระจายอย่างกรณีนกโดโด้นะครับ ต้องเทียบกับนกบนแผ่นดินใหญ่ ก็ไม่เห็นจะสูญพันธุ์จากหนูเลยนี่ครับ และที่ผมยกมามันก็ไม่ได้สูญพันธุ์เร็วแบบนกโดโด้ จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 14:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 168 มันจะไปชนกับขอบอีกด้านหนึ่งน่ะครับ คือ "ด้วยดำรัสสั่ง" และ "ตามชนิดของมัน" ก็เลยเป็นการปิดประตูสำหรับการจินตนาการที่คุณ silverspider ว่ามา แต่ถ้าจะพยายามจินตนาการต่อไป ผมก็ไม่ห้ามนะครับ คงจะสนุกดี ส่วนที่ผมไม่จินตนาการตามไปด้วยเพราะผมอ่านพระคัมภีร์มามากกว่านั้น และรู้ว่ามันไม่เป็นไปในแนวอย่างนั้นเลย "การตายในช่วงที่อีกตัวโผล่มา" นี่ ผมคิดว่าคุณ silverspider พูดจากหลักฐานการขุดค้นพบจนถึง เวลานี้ใช่ไหมครับ ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้ขุดไม่ใช่เหรอครับ รอข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยก็ได้ครับ ไม่ต้องใจร้อนรีบสรุป จากคุณ : ksk - [ 5 ต.ค. 50 16:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 169 ใช่ครับผมก็รอเรื่องหลักฐานที่นกเกิดยุคเดียวกับปลาและเกิดก่อนสัตว์เลื้อยคลานอยู่ครับ แต่ยังไม่เห็นมีสักที จากคุณ : silverspider - [ 5 ต.ค. 50 16:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ^ ^ เดี๋ยวก็เจอครับ ใจเย็นๆ   ^^ จากคุณ : PureTruth - [ 5 ต.ค. 50 19:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 171 แล้วถ้าไม่เจอจะว่ายังไงละ จะยอมรับว่าเข้าใจผิดมาตลอดมั๊ยครับ จากคุณ : mirror man - [ 5 ต.ค. 50 21:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 172 ถ้าจะคิดแบบอภิปรัชญาประเภทที่ว่าพระเจ้าสร้างโลกเมือวาน แล้วใส่ข้อมูลต่างๆให้คุณ ก็คงไม่ผิด และถ้าจะคิดว่ารหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตแต่ละสปีชีส์ที่เชื่อมโยงเป็นความสัมพันธุ์ไปยังบรรพบุรุษร่วมได้นั้น มันถูกกำหนดออกแบบมาให้มีความสัมพันธ์อย่างนั้นเอง ก็ยังคงพอฟังได้ (แบบเอาสีข้างเข้าถู) ก็อยากจะเชื่อเหมือนกันครับว่าพระเจ้าสั่งให้เกิดสัตว์-พืช แต่ละสปีชีส์ แต่ถ้าคิดต่อไปว่าพระเจ้าสั่งให้เกิดไตรโลไบต์ หนอนคอร์เดต แล้วรอไปอีกหลายล้านปีจึงค่อยสั่งให้เกิดหอย รอยไปอีกหลายล้านปี แล้วค่อยเกิดไดโนเสาร์ อีกหลายล้านปี ก็มาสั่งให้เกิดนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฯลฯ ก็ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลครับ http://cas.bellarmine.edu/tietjen/Evolution/TimeLine1.gif จากคุณ : PUFF - [ 6 ต.ค. 50 01:21:54 A:140.129.77.177 X: TicketID:156968 ]

ความคิดเห็นที่ 173 ตอบ #171  คุณ mirror man ครับ ตัวผมน่ะยอมรับได้ ไม่มีปัญหาหรอกนะครับ  ส่วนตัวคุณนี่สิ ดูท่าจะมีปัญหาแน่ๆ   ขนาดโดนไปชัดๆ ในกระทู้นี้ตั้งหลายครั้ง ยังไม่เคยที่จะยอมรับว่าเข้าใจผิดเลย จากคุณ : PureTruth - [ 6 ต.ค. 50 08:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 174 มีคำถามและประเด็นต่างๆ เยอะมากในความเห็นข้างบนๆ   ผมจะค่อยๆ ทยอยตอบนะ   จะพยายามเขียนอธิบายแต่ละประเด็นโดยละเอียดครับ ทำให้อาจไปได้ทีละไม่กี่ประเด็น อย่าเพิ่งเบื่อไปก่อนละกัน  ^^ ตอบคุณ Yoiji #105 "ทำไมในพวกกระดูกอ่อนด้วยกันถึงเป็นพวกปลาไม่มีฝาปิดเหงือก ในขณะที่ปลากระดูกแข็งเป็นพวกมีฝาปิดเหงือก?? นี่ไม่ใช่ link ทางวิวัฒนาการหรือ" Ans.  เรามาตกลงกันก่อนดีไหมครับว่า จะตัดสินกันยังไง   เช่น ออกหัว คุณถูก  ออกก้อย คุณผิด   อย่างนี้ก็โอเค   แต่ถ้าเป็น  ออกหัว คุณถูก     ออกก้อย คุณก็บอกว่าคุณถูกอีก   อย่างนี้เขาเรียกว่า มั่วนิ่ม   โอเคไหมครับ คุณบอกว่า "ทำไมในพวกกระดูกอ่อนด้วยกันถึงเป็นพวกปลาไม่มีฝาปิดเหงือก ในขณะที่ปลากระดูกแข็งเป็นพวกมีฝาปิดเหงือก??"   นั่นคือคุณกำลังบอกว่า  "ที่เราได้เรียนกันมาจากทฤษฎีวิวัฒนาการแล้วว่า ปลากระดูกอ่อน - ไม่มีฝาปิดเหงือก    ปลากระดูกแข็ง - มีฝาปิดเหงือก"  อย่างนี้แสดงว่าทฤษฎีวิวัฒนาการถูกต้อง   ดังนั้น ถ้าออกก้อย (ผลออกมาเป็นอีกแบบหนึ่ง) นั่นคือ ถ้า ปลากระดูกอ่อน - มีทั้งชนิดที่ไม่มีฝาปิดเหงือก และชนิดที่มีฝาปิดเหงือก   อย่างนี้แสดงว่าทฤษฎีวิวัฒนาการจะผิด (สำหรับกรณีปลากระดูกอ่อน) โอเคไหมครับ ถ้าไม่โอเค ก็แสดงว่า คุณกำลังตั้งกฏเกณฑ์แบบลำเอียงเข้าข้างตัวเอง แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าดูดีๆ ก็จะพบว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการใช้หลักการประเภทลำเอียงที่ว่านี้อยู่บ่อยๆ ครับ  แล้วแต่ว่าผู้อ่านจะเกิดรู้ทันขึ้นมาหรือไม่เท่านั้นเองครับ คำตอบเรื่องปลากระดูกอ่อนนี้ก็คือว่า บางพันธุ์มันมีฝาปิดเหงือกนะครับ  ชื่อ Chimera  ซึ่งน่าจะเป็นตัวที่อยู่ในรูป #161  ที่คุณ silverspider เอามาให้ดูนั่นแหละครับ แล้วอย่างนี้ ไม่ทราบว่าคุณ Yoiji จะถือว่าปลากระดูกอ่อน ไม่ได้เกิดมาจากการวิวัฒนาการ หรือเปล่าครับ ?    แต่ผมเดาว่า คงต้องออกมาเป็นแบบที่ว่า ออกหัว ฉันถูก   แต่ถ้าออกก้อย  ฉันก็....เอ่อ.....ถูก  (อยู่ดี) !     -_-" จากคุณ : PureTruth - [ 6 ต.ค. 50 08:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 175 ก่อนอื่นคุณ PureTruth ควรจะรู้ว่าวิวัฒนาการมีได้หลายทิศทางขึ้นกับสิ่งแวดล้อม การบอกแค่ True กับ False ขาว กับ ดำ นั้นเป็นการมองในมุมแคบเกินไป อย่าลืมว่ายังมี Fuzzy logic และ สีเทา ซึ่งมีหลาย shade สีด้วย เช่น การวิวัฒนาการของม้ามีหลานนิ้วแล้ววิวัฒนาการเหลือนิ้วเดียวเพื่อความรวดเร็วในการวิ่ง แมงดาทะเลตอนแรกหางเป็นแบบง่ายๆต่อมาหางซับซ้อนขึ้น ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเช่น Industrial melanism ซึ่งเป็น microevolution ที่เกิดกับ ผีเสื้อกลางคืน Biston betularia ซึ่งมี 2 สีคือ ขาว กับ ดำ ปกติถูกล่าโดยนก ในช่วงแรกที่สิ่งแวดล้อมสะอาดผีเสื้อสีขาวจะกลมกลืนกับต้นไม้สีขาว ทำให้รอดจากการถูกกินมากกว่าเพราะนกมองไม่เห็นเมื่อเกาะบนต้นไม้ ต่อมาสิ่งแวดล้อมสกปรกขึ้นจากมลภาวะทำให้ต้นไม้สีขาวกลายเป็นสีดำผีเสื้อสีดำกลมกลืนกับ ด้วยเหตุผลเดียวกับตอนแรกทำใหผีเสื้อสีดำเหลือรอดในสิ่งแวดล้อมมากกว่า ผลที่เกิดขึ้นคือทำให้ gene pool ของผีเสื้อเปลี่ยนแปลงไปความถี่ของยีนที่แสดงลักษณะสีดำ เพิ่มขึ้นในขณะที่ความถี่ของยีนที่แสดงลักษณะสี่ขาวลดลง ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่เกิดในปัจจุบัน ธรรมชาติมีความซับซ้อนแบบ Fuzzy logic คุณดูแค่แบบกระดาษที่มี 2 ด้านคงจะไม่เข้าใจ กล่องทรงลูกบาศก์มีตั้ง 6 ด้าน ถ้าผ่าดูด้านในก็มีอีก 6 ด้านรวมเป็น 12 ด้าน คุณ PureTruth แค่มองแต่ด้านบน กับล่าง แต่ไม่เคยมองด้านข้างอีก 4 ด้าน และ ด้านในอีก 6 ด้าน DNA ก็มีความแตกต่าง 4 ยกกำลัง n แบบ เมื่อ n = จำนวนเบส มากมายนัก ถ้าเคยเรียงเรื่องความน่าจะเป็นจะรู้ว่าการเรียง สับเปลี่ยนการจัดรูปแบบเกิดขึ้นได้มากมาย คุณใช้ตรรกะแค่ ผิดถูกคงไม่เข้าใจลองใช้ Fuzzy logic ดูบ้างนะครับ จากคุณ : mirror man - [ 6 ต.ค. 50 09:31:47 ]