ความคิดเห็นที่ 1 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 3 ต.ค. 50 15:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จะพูดยังไงดี ใครก็อยากได้อะไรที่ดีที่สุดกับตัวเองครับ จากคุณ : V--Bank--V - [ 3 ต.ค. 50 15:17:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มนุษย์ทุกคน เกิดมาถูกฝังชิปไว้สี่ตัว ติดตัวไปจนตลอดชีวิต รัก โลภ โกรธ หลง จากคุณ : Peet - [ 3 ต.ค. 50 15:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมมีเพื่อนเป็นหมอนะ ตอนจบ ม. 6 มันไม่มีเงินเรียน เลยให้นักข่าวชวย....ได้เงินช่วยเหลือจากสังคมมามากโข.....ปัจจุบันมันลาออจากราชการไปแล้วละ การรับคนเข้าเรียนมักจะดูที่คะแนนกันมากกว่าความคิด.......คนที่คิดเรียนหมอส่วนใหญ่ก่อนที่มันจะเลือกสอบเข้าเรียนหมอ มันก็จะฝันอณาคตไว้ว่า 1. สอบเข้ามหาลัยให้ได้ 2. เรียนให้จบ 3. เลือกสาขาที่หากินง่าย 4. ทำงานใช้ทุนให้หมด 5. ลาออกมาเปิด คลีนิก หรือ ไปอยู่โรงบาลเอกชน ผมสงสัยว่าก่อนจะรับคนเข้าเรียนสาขานี้ทำไมไม่ถามเขาเสียก่อนว่าเขาพร้อมจะรับราชการไปจนตายไหม หรือเปิดรับคนที่เรียนไม่เก่งขนาดที่รับกันอยู่ทุกวันนี้ แต่เขาสมัครใจที่จะรับราชการไปนานๆๆมั่งนะ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 15:37:07 จากคุณ : โกยแนบ - [ 3 ต.ค. 50 15:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนนึงก็เพราะเงินครับ อันนี้ก็ใช่แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ปัญหาคือความอึดอัดในระบบมากกว่า คุณทำงานรพ.รัฐ  ยาที่คุณสามารถสั่งได้ก็มีไม่กี่ตัว  ยาดีๆ แพง ๆ ก็ไม่ให้ใช้ (อันนี้ยอมรับไหมครับ ว่าพาราองค์การ กับพาราของ tylenal มันก็ประสิทธิภาพไม่เหมือนกันแล้ว)   ส่งใช้เครื่องมือตรวจมากก็ไม่ได้เพราะไม่มีงบ  แค่เอ๊กซ์เรย์สมองคนละ 4 พัน  ถามว่ารพ.จะสามารถส่งได้กี่คนครับ เพราะงบปีนึง รัฐบาลก็ให้ไม่มาก  แต่ขณะเดียวกันคนไข้กลับหวังมาตรฐาน hi-end ทั้งที่งบมันมีแค่นี้  พอไม่ได้ก็ด่าหมอ  พอไม่ดีก็ฟ้องหมอ  แล้วหมอก็คนนะครับ  แพ้คดีมาที จ่ายเงินแถมเสียชื่อ ทั้งที่ไม่ดูว่ามาตรฐานรพ.รัฐมันก็ได้เท่าที่เห็น ส่วนผู้ใหญ่ในกระทรวงกับนักการเมือง ก็เอาแต่คะแนนเสียง เวลามีคดีก็ช่วยกันรุมถล่มหมอ แล้วก็ไปโยนว่าหมอบกพร่อง เพื่อสร้างภาพ(แต่ทีหนังสือเวียนถึงหมอมาว่าให้จำกัดการใช้เครื่องมือ หรือให้ลดการใช้ยาดี ๆ หละทำไมพูดถึง) แล้วงี้คนทำงานรัฐจะมีกำลังใจไหมครับ ทำรัฐบาล  งานหนัก  เงินน้อย  ผลงานผู้ใหญ่เอาไป เครื่องมือไม่พร้อม ทำเอกชน  งานเบา  เงินดี  ทำมากได้มาก  ส่งตรวจได้เต็มที่เพราะคนไข้จ่าย คุณว่าแบบไหนสบายใจกว่ากันครับ  ไม่ต้องถามหมอ ทุกอาชีพแหละ ถ้าคุณมีทางเลือกดีกว่าจะไปไหม ทุกวันนี้ผมเองก็ยังทำงานอยู่รพ.รัฐนะครับ  แต่ก็นั่งเห็นเพื่อน ๆ ร่วมงานลาออกทุกปี ๆ ใจนึงก็อยากออกตาม  แต่อีกใจก้รู้สึกเห็นใจชาวบ้านที่เค้าไม่มีโอกาสไปรักษาเอกชน แต่อยากขอร้องรัฐบาลว่า  ช่วยหาแรงจูงใจในการอยู่ในระบบ หรือแก้ไขอะไรบ้างได้ไหมครับ  ไม่ใช่พูดแต่ว่าคุณธรรม จริยธรรม  แล้วจริยธรรมคุณนั่นหมอเอาไปซื้อข้าวกินได้ไหมครับ  เวลาโดนฟ้องรัฐบาลเข้ามาช่วยแค่ไหน  หมอก็คนนะครับ มีครอบครัว หมอต้องมีบ้าน มีรถเหมือนกัน มีภรรยา มีลูกเหมือนกัน ทำไมไม่บอกประชาชนตามจริงครับ ว่าหลักประกันสุขภาพ ก็คือรัฐช่วยในส่วนการรักษาขั้นพื้นฐาน ถ้าเกินคุณต้องจ่าย หากอยากได้ยาดีคุณต้องเสียเพิ่ม  อยากตรวจพิเศษคุณก็ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่นี่เล่นไปหาเสียง บัตรทองทำได้ทุกอย่าง  มาตรฐานดีที่สุด คนไข้ได้ยินก็เกิดความคาดหวังแล้วพอไม่ได้ก็มาโทษว่าหมองก  ดีแฮะ ถ้าบัตรทองดีจริงอย่างที่บอก  แล้วทำไมนักการเมืองเวลาป่วยไม่เห็นใช้บัตรทองครับ  มีแต่ไปเอกชนกันทั้งนั้น ทุกวันนี้หมอไหลออกนอกระบบยิ่งกว่าท่อประปาแตกอีก  รัฐบาลกลับแก้ปัญหาโดยการงั้นเราก็สร้างหมอเพิ่มเรื่อย ๆ ให้แต่ละจังหวัดรับหมอเยอะ ๆ ลดเกรดขั้นต่ำในการสมัคร เมื่อก่อน 2.75 ถึงมีสิทธ์สมัคร แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องมีวิชาบังคับ สุดท้ายเราก็จะได้แต่หมอที่คุณภาพลดลงเดินกันชนไปมา  สุดท้ายคนไข้คือคนที่เสียประโยชน์นะครับ  เพราะหมอเก่ง ๆ เค้าก็ไปอยู่เอกชนกันหมด  กว่าหมอคนนึงจะเก่งได้ใช้เวลาเกือบ 30 ปีนะครับ  ทุกวันนี้ผมเจอหมอรุ่นน้องบางคนจะจบหมอแล้วยังทำแผลคนไข้ไม่เป็นด้วยซ้ำ  เพราะรัฐสักแต่ว่าสร้างให้เยอะ ๆ ก่อน ทุกวันนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่หมอไม่พอ  แต่ปัญหาอยู่ที่หมอเค้าท้อแท้ไม่อยากอยู่ในระบบมากกว่าครับ  เมื่อมีโอกาสที่ดีกว่า อึดอัดน้อยกว่าเค้าก็ไป คุณล้มหัวกระแทกพื้น ถ้ารพ.รัฐ ก็ให้ยากลับบ้าน จะเอ๊กซเรย์หมอก็ต้องคิดแระ ว่างบรพ.เหลือเท่าไหร่ จำเป็นไหม  อีกอย่างส่วนใหญ่แค่ล้ม โอกาสแค่ 1 เปอรเซนต์ที่จะเลือดออกในสมอง งั้นเอายาไปสังเกตุอาการที่บ้าน แนะนำ  สุดท้ายดันซวย มีเลือดออกจริง ๆ หมอโดนฟ้อง ไปรพ.เอกชน คุณล้ม คุณโดนเอ๊กซเรย์ทั้งหัว+ตัว นอนดูอาการรพ. เอายาดี ๆ มาใช้เพราะคนไข้เป็นคนจ่าย  โอกาสพลาดก็มีน้อยกว่า  หมอก็ไม่ต้องเสี่ยงมากที่จะโดนฟ้องว่าพลาด เพราะตรวจครอบคลุมหมดแล้ว อยู่ในระบบแล้วโอกาสติดคุกมากกว่าอยู่นอกระบบ  คุณจะเลือกอยู่ตรงไหนครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน - [ 3 ต.ค. 50 15:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ เห็นด้วย จ่ะ แต่จะไปเรียนต่อ ละ ไม่ลาออกเด้อ จากคุณ : หัวใจเถื่อน - [ 3 ต.ค. 50 15:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมอยู่รพ.รัฐบาลที่งานสบาย แต่เห็นใจเพื่อนๆที่อยู่รพ.ที่งานหนัก ร้องเรียนสูง คับที่อยู่ได้  คับใจอยู่ยาก............ คนไข้บัตรทองมีมาก  ทำให้เวลาตรวจเหลือ1-3นาทีต่อคน ตรวจช้าก็คงไม่ต้องกลับบ้านพอดี (น่าจะเลิก3ทุ่ม) นักการเมืองก็ใช้หมอหาเสียงกันโครมๆ จากคุณ : doctormankung - [ 3 ต.ค. 50 16:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แพทย์ส่วนใหญ่ เลือกที่จะเป็นและเรียน สาขาเฉพาะด้านที่ทำให้ รวย มากกว่าการช่วยชีวิตคน มันเลยกลายเป็น แพทย์ไม่มีพอ คือแพทย์ด้านการช่วยชีวิตคน โรง'บาลต่างจังหวัด แพทย์เฉพาะทาง หาได้น้อย ส่วนใหญ่ มีแต่หมอรักษาไข้หวัด เวลาผ่าตัด หรือฉุกเฉินจริงๆ ต้องส่งไปโน่นไปนี่ ผู้ป่วยตายก่อนพอดี เพราะไม่รู้ว่า ที่โรง'บาลไหน จะรักษาได้ดีที่สุด ส่วนใหญ่ก็เจอที่ไหนก็เข้าไปก่อน หรือไปที่ๆ มีประกัน หรือโรงที่ใช้บริการบ่อย จากคุณ : ปีศาจหมายเลข5 - [ 3 ต.ค. 50 16:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ที่สามารถไปได้ครับ เจอมาหลายคนแล้ว อยู่แรก ๆ ก็มีไฟ จะทำงานเพื่ออุดมการณ์ อยู่เพื่อประชาชน แต่เข้าไปในโลกความเป็นจริงซักพัก ก็เจอเหมือนที่คห.ต้น ๆ บอก อยู่ไปหลาย ๆ ปีก็ไม่ไหว ลูก ภรรยา ก็ต้องกินต้องใช้ ต้องดูแล พอมีทางเลือกเขาก็ต้องไปเป็นธรรมดา เวลาบ่นมาทีก็จะมีคนมาว่า เห็นแก่ตัว ทำไมไม่เห็นแก่ประเทศชาติ ตอนเข้ามาทำไมไม่คิด ฯลฯ ไม่ต้องมาว่าผมนะ ผมอยู่รพ.รัฐ รับเงินเดือนราชการธรรมดา ๆ นี่แหละ แต่ผมก็ไม่เคยตำหนิคนที่ลาออกเลย. . . จากคุณ : เหวเห้ว - [ 3 ต.ค. 50 16:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 .... ผมจะออกปีหน้าครับ ไปเรียนต่อ ... หลังจากใช้"ทุน" ซึ่งไม่เคยได้รับมา3ปี ใจจริงอยากอยู่รพ.รัฐ เพราะตั้งใจแต่ต้น อยากเปิดคลินิกแบบอาจารย์สภา เพราะทำตามความฝัน + ปลอดภัยต่อการฟ้องร้อง จากคุณ : หมอแมว - [ 3 ต.ค. 50 16:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พ่อผมเป็นหมอครับ ทุก ๆ วันนี้ก็อยู่บ้านของคณะแพทย์ครับ พ่อผมทำเอกชนน้อยมาก ๆ และไม่ได้ทำคลินิกด้วย พ่อผมอายุ 50 แล้วครับ เหลือเวลาทำงานแบบ work ได้เต็มที่ก็อีก 10 ปี เงินเดือนของข้าราชการ มันก็พอต่อการใช้ชีวิต และพอเก็บบ้างนะครับ แต่กว่าจะใต่มาจนถึง จุดสูงสุดของสาขาแล้ว ก็ใช้เวลาเกือบแทบปลด เกษียณเนี่ยแหละ แน่นอนครับ หมอก็มีลูก มีภรรยา แม่ผมก็เป็นหมออะ แต่แม่ผมออกมาทำเอกชนตั้งนานแล้ว ไม่งั้นผมไม่มี กินแน่ ๆ งานเอกชนเหนื่อยกว่างานรัฐบาลมาก ๆ ครับ เมื่อเทียบระหว่างแม่กับพ่อ เมื่อพ่อผมปลดเกษียณ ก็ต้องได้บำนาญใช่ปะครับ แต่นั่นก็คือ พ่อผมมีเงินเก็บที่จะใช้ชีวิตหลังจาก เกษียณค่อนข้างน้อย และทำไมล่ะครับ ที่ช่วงเวลาอีก 10 ปี พ่อผมจะออกมาหาเงินอย่าง เต็มตัวเลยไม่ได้บ้าง จะพึ่งไอ่ลูกอย่างผม มันคงไม่ได้ ถ้าไม่หาเงินตอนนี้แล้วจะหาเงินตอนไหน รับใช้รัฐบาลมาจนอายุ 50 แล้วนะ หมอบางคนอาจคิดอย่างนี้ตั้งแต่อายุ 30 แต่พ่อผมไม่อะครับ สวัสดิการของรัฐบาลก็ดีนะ แต่ก็นั่นแหละ ทำให้มีคนที่คิดจะเหยียบเรือสองแคม หมอบางคน ไปทำเอกชนเต็มเวลา แต่ไม่ ลาออกจากรัฐบาล ก็มีครับ คนอยู่ในอาชีพนี้มันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ จะต้องมีช่วงเวลากอบโกยตังค์บ้าง ไม่งั้นชีวิตยามชรา จะเป็นยังไง? เหมือนคนจบคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาต่าง ๆ แหละครับ ทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คุณก็ต้องออกมาสอนพิเศษให้นักเรียน แหละครับ ไม่งั้นเงินก็ไม่พออยู่อ่า คนเราต้องใช้สาขาอาชีพ และความรู้เลี้ยงตัวเอง และคนที่เรารักครับ มันก็ทุกคนนั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 17:05:34 จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 3 ต.ค. 50 17:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เหมือนบางสาขาวิชานะ อย่าง มนุษศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ พวกนี้ไม่เห็นออกไปอยู่เอกชนบ้างเลย ทั้งๆที่รัฐบาลก็มี โครงการ เออร่ีรีทาร์ยดีๆหลายโครงการ อีกอย่างเวลาสอบเข้ารับราชการแต่ละที แห่กันมาสมัคร 1000 นึง เอา 2 คนก็มี ทำไมมันถึงสุดโต่งอย่างนี้หละครับ เข้าง่าย จบง่าย บรรจุยาก ออกยาก ที่หมอละ สอบเข้ายาก ผลิตยาก บรรจุง่าย ออกง่าย จากคุณ : โหลโหล - [ 3 ต.ค. 50 17:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 >> แพทย์ส่วนใหญ่ เลือกที่จะเป็นและเรียน สาขาเฉพาะด้านที่ทำให้ รวย มากกว่าการช่วยชีวิตคน  คห.ส่วนใหญ่ ก็เลือกที่จะอวดรู้ อวดเก่ง มากกว่า คิดหาเหตุและผลได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 3 ต.ค. 50 17:15:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านกระทู้นี้แล้ว อยากกลับไปเอาแผ่นเรื่อง คนดีที่โลกรอ หมอโฮจุน มาดูอีกรอบจังเลย จากคุณ : T7Promoter - [ 3 ต.ค. 50 17:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 : สาลิกาโบยบิน *มันเป้นอะไรที่คุณคิดได้เข้าข้างตัวเองได้ดดีครับ... เครื่องมือไม่ดี หมดงานเยอะ หมอเสี่ยง(วินิจฉัยดรคผิด/โดนฟ้อง/จีกี่รายครับที่เจอฟ้อง)..งบให้รพ.น้อย..จึงลาออก รพ.รัฐ.สร้างมาเพื่อรองรับ ปชช.สร้างหมอมารักษาปชช.โดยใช้เงินรัฐและร่างกายปชช.(ที่ตายแล้วและยังไม่ตายให้หมอเรียนรู้) ตรงนี้ต้นทุน(ถ้าคิดเป้นเงิน)เท่าไรครับ ก่อนที่คุณจะสมัครสอบคระแพทย์..คุณไม่รู้หรือว่า..คุณจะมาเจอปัญหานี้...ปัญหามันเพิ่งมีหรือครับ จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 17:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่า หมอเป็นบุคคลที่เก่ง เป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับประเทศนะ สิ่งที่หมอบ่น หมอทน หมอต้องลาออก ทำไมองค์กรอื่นๆเขาสามัคคีหรือรวมตัวกันได้อ่ะครับ แต่หมอทำไมตัวใครตัวมันล่ะครับ หรือว่ามีทางไปก็เลยไม่รู้จะรวมกลุ่มไปทำไม จริงๆแล้วการรวมตัวต่อรองในเรื่องดีๆให้กับสังคม ทำได้นะครับ แต่จิตใจต้องเด็ดขาดซะหน่อย ลองวิเคราะห์ดีกว่าว่าทำไมองค์กรอื่นทำแล้วได้ผล แต่หมอทำแล้วไม่มีผล จากคุณ : สำหรับข้อเรียกร้อง - [ 3 ต.ค. 50 17:49:41 A:125.25.202.244 X: TicketID:038237 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชีวิต ต้องกิน เอาไรมากิน? ก็ต้องเป็นอาหาร ของอุปโภค บริโภค แล้วจะได้ มายังไงล่ะ? ก็ซื้อ.... เอาไรซื้อ? เงินไง ........ อยู่รัฐมันก็อยู่ได้ แต่ถ้าเพื่อ ลูก เพื่อครอบครัว ก็ต้องมองหาสิ่งที่ได้ผลตอบแทนมากกว่า ความเสียสละ .... มันก็ดี แต่ทำไปแล้ว ลูกจะได้เรียนสูง ๆ จะมีรถ มีบ้าน อยู่กินสุขสบายไหม ฮือๆๆๆๆๆ ก็โลกเรามันอยู่ได้ด้วยเงินนี่เนาะ เพราะงั้น ถึงต้องได้ทำอย่างนี้ไงล่ะ (ออกแนวละคร เล็กน้อย) จากคุณ : Koraja - [ 3 ต.ค. 50 18:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 15 คุณจะสมัครสอบแพทย์..คุณไม่รู้หรือว่า..คุณจะมาเจอปัญหานี้...ปัญหามันเพิ่งมีหรือครับ สังคมคาดหวังมากไปหรือเปล่า นศ.แพทย์สละสิทธิ์เพียบ เหตุชาวบ้านฟ้องหมอมากขึ้น http://www.dek-d.com/content/view.php?id=3217 นักเรียนสอบติดคณะแพทย์สละสิทธิ์ 25 % จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 3 ต.ค. 50 18:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีหมอคนไหนครับจน..เอาที่อยู่รพ.ของรัฐตั้งแต่รจบเลยนะครับ ยกตย.มาให้ดูสักคนสิครับ มีแต่ไม่พอเพียงทั้งนั้น... หมอลองเปิดใจสิครับว่า อยู่รพ.รัฐ หมดได้เงินเดือนเท่าไร หมอได้เงินพิเศาเท่าไร ได้ค่าอยุ่เวรเท่าไร ไมอว่าอาชีพหมอเสี่ยงถูกฟ้อง.. ถามหมอว่า อาชีพของหมอกับอาชีพคนขับแท๊กซี่/คนขับรถ10ล้อ/หรืออื่นๆเช่นกรรมกรฯ ใครเสี่ยงกว่ากันครับ ผมอยากให้แก้กฏข้อนี้จัง( แต่นั่นแหละจะมีหมอคนไหนล่ะจะเอาโซ่ไปค้องคอตัวเอง)  คือ กอนนร.ม6จะเอ็นฯเข้าคณะแพทย์..ในใบสมัคร ระบุไปเลยว่า นร.ทุกคนที่เอ็นนได้และเรียนจบ จะต้องอยู่รับราชการ20ปี ถึงจะมีสิทธิลาออกไปประกอบอาชีส่วนตัวได้..และห้ามรับยงานจ๊อบตามรพ.เอกชนโดยเด็ดขาด ระบุ..ข้อลงโทษ 1.ถ้าลาออกก่อนกำนด(20ปี) ต้องโดนยึดใบอนุญาต 2.ถ้าแอบไปรับจ๊อบ..ตัดเงินเดือน20% เขียนไว้อย่างเปิดเผย ตัวหนังสือสีแดง..(เพื่อเน้นให้นร.อ่านและเห้นเงื่อนไข).. ใครรับเงื่อนไขนี้ไม่ได้..ก็ไปสมัครสอบคณะอื่นๆซะ ผมมั่นใจว่ายัง มีนักเรียนสมัครสอบแน่นอนครับ เพราะอาชีพนี้มั่นคง มีเกีรยติ์ นั่นเอง จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 19:07:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) * ไอ้พวกนี้.ต้องปรับครับ..หรือประนามครับ..(25%)ฐานแย่งโควต้าคนอื่น..ที่มีความตั้งใจจะเป็นหมอ นร.จบม.6 สมัครสอบคณะหมอ ปีล่ะเป็นหมื่นคนทั้งประเทศ..แต่พอสอบผ่านแล้ว  รัฐจัดเตรียมงบประมาณ มาสำหรับพวก"มัน"แล้ว/(ขอใช้คำนี้กับพวก25%ครับ)/ ดันลาออก ทำให้เพื่อนที่อยากเป็นหมอเสียโอกาส ไหน ขอหมอรพ.รัฐเปิดใจหน่อยครับ ว่าพวกคุณรับเงินเดือน+เงินที่รัฐให้.(เป้นประจำทุกเดือน)+ ค่าขึ้นเวร คือ( คุณทำงาน1วันเหมือนกัน)เรื่องสวัสดิการไม่ต้องพูดครับ(รัฐบาลดีที่สุดอยู้แล้ว) คุณถึงพูดว่า "ขาดแรงจูงใจ"  .. ทุกอาชีพครับ มีความเสี่ยง..ทั้งความมั่นคงในอาชีพ เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง..แบบหมอ อย่างคห.ข้างบนพูด หน่วยราชการเปิดรับแค่2ตำแหน่ง แค่ลูกจ้างชั่วคราว เพื่อหวังความมั่นคงในอนาคตว่าจะได้บรรจุเป้นลูกจ้างประจำ ..คนแห่งมาสมัครกันเป้น100คน รพ.ที่หมออยู่นั่นแหละ..ไม่ต้องไปดูไกลครับ พนักงานเปร ยาม คนเข็นยาส่งตามตึก คนโรงครัว..ลูกจ้างทั้งนั้นครับ กินเงินเดียวเพียวๆครับ ไม่มีค่าขึ้นเวร ไม่มีค่าไม่ไปทำงานคลีนิค... แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 19:23:55 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 19:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไหน ขอหมอรพ.รัฐเปิดใจหน่อยครับ ว่าพวกคุณรับเงินเดือน+เงินที่รัฐให้.(เป้นประจำทุกเดือน)+ ค่าขึ้นเวร คือ( คุณทำงาน1วันเหมือนกัน)เรื่องสวัสดิการไม่ต้องพูดครับ(รัฐบาลดีที่สุดอยู้แล้ว) คุณถึงพูดว่า "ขาดแรงจูงใจ"  .. ลูกสาวผม จบป.ตรี สอบรับราชการได้ที่สำนักนายก(แกดีใจแทบตาย) รับเงินเดือน7600นิดหน่อยครับ ไม่มีพิเศษ ไม่มีล่วงเวลา ไม่มีค่าเข้าเวร แกยังอยู่ได้  ถึงขนาดผมเคยพูดกับแกว่า "ลูกจะอยู่ได้อย่างไร เงินเดือนเท่านี้..ถ้าลูกมีครอบครัว..จะพอกินหรือ " ตอนนี้ยังมีโอกาสหางานใหม่ได้(เอกชน) เงินเดือนดีกว่านี้(ประมาณ12000-13000) แกตอบว่า พ่อฮ๊ะ ..งานราชการมั่นคงนะพ่อ..แม้เงินจะน้อย..ถ้าประหยัดก็พออยู่ได้.. เอกชน.เขาให้สูงก็จริง..สูงมากๆเขาก็ไม่เลี้ยงเราแล้ว..แบบนี้จริงๆครับ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 19:29:58 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 19:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แล้วหมอไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเองหรือไง ครับ ถึงต้องถูกจับเซ็นต์สัญญา 20 ปี อย่างที่ จขกท. บอก แต่ละคน เมื่อถึงจุดๆ นึง ก็ต้องมีความฝันของตัวเองทั้งนั้นแหละ แล้ว ทีนี้ คุณจะไป บังคับว่าเขาต้องอยู่ตรงนี้ มัน ไม่มีเหตุผลนะครับ แล้วสังคมมันจะวุ่นวายขนาดไหน ไม่คิดมั่งหรือ จากคุณ : วัยละอ่อน - [ 3 ต.ค. 50 19:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วหมอไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเองหรือไง ครับ ถึงต้องถูกจับเซ็นต์สัญญา 20 ปี อย่างที่ จขกท. บอก//  วัยละอ่อน ก็เขียนบอกตั้งแต่ก่อนสอบเอ็นฯนั่นไงครับ ทางเดินของหมอ..เมื่อนร.เห้นว่ารัฐ/ปชช.เอาเปรียบก็ไปเรียนคณะอื่น.. จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 19:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รบกวนคุณกาแฟร้อนกลับไปอ่านความเห็นข้างบนๆนะครับ เงินไม่ใช่คำตอบของปัญหานี้เลย ผมยังกล่าวในกระทู้ที่แล้วไปแล้วว่า ปัญหาเรื่องนี้ อยู่ที่สิ่งที่สังคมมองและสิ่งที่เกิดขึ้นกับแพทย์ในปัจจุบัน เรื่องเงินถือเป็นเรื่องเล็ก คุณจะเพิ่มเงินเดือนให้แพทย์อีก10เท่าในระบบรัฐบาล(ให้15เท่าเลยก็ได้) แต่ถ้าปัญหาต่างๆยังหมักหมมแบบนี้ หมอก็ยังลาออกไปอยู่เอกชนอยู่ดีแหละครับ และผมขอวิจารณ์เพิ่มอีกนิดนึง(เพื่อให้กระทู้เผ็ดร้อนขึ้น) ความคิดแบบความเห็นที่20-21 คือแรงจูงใจในการฟ้องร้องของคนในปัจจุบัน และเป็นมุมมองของคนที่ไม่เข้าใจและเหมือนว่า ไม่คิดที่จะทำความเข้าใจในปัญหาจริงๆ เอาแต่หาคนผิด คนภายนอกมองแต่ว่าหมอมีแรงจูงใจเยอะ หมอมีเงินเดือนแยะ ทำไมยังทำงานไม่ดี ทำไมยังมีเรื่องราวไม่พอใจ ว่าแล้วก็ฟ้อง ว่าแล้วก็ร้องเรียน จากคุณ : หมอแมว - [ 3 ต.ค. 50 19:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่าผมเข้าใจหมอนะ ว่าการที่รัฐมีงบมาน้อย ทำให้ใช้ของดีๆเพื่อคนป่วยไม่ได้ มันอึดอัดคับ ผมเองสอนหนังสือผมก็เป็นนะ เครื่องมือบางอย่างมันราคาแพง มันไม่มีใช้ แต่คิดโปรเจคบางอย่างไว้ ก็เลยระงับๆไว้ แล้วปล่อยมันผ่านๆไป แต่หมอด้วยใจแล้ว อยากให้คนหายป่วย แต่คนป่วยต้องมีตังหน่อยนะ เพราะบางอย่างมันต้องใช้เงิน คุณมีเงิน คุณรักษาหาย ไม่ต้องตาย จากคุณ : โลหการ4 - [ 3 ต.ค. 50 19:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มีหมอแบบหมอแมวกี่คนครับ ที่ไม่มีเรื่องเงินเป็นปัจจัยหลัก... ทุกอย่างครับถ้าเราทำสุดความสามารถแล้ว..ได้แค่นี้เพราะมันมีขีดความจำกัดแค่นี้(เครื่องมือ/งบปนะมาณ) ใครไปว่าเราไม่ได้แน่นอน และที่สำคัญ..ที่หมอบอกว่า รักษาไม่มดี ไม่ถกฏใจฟ้องหมอนั้น วันหนึ่งๆ มีคนไข้มารักษาในรพ.ของรัฐ ทั่วประเทศ.กี่หมื่นคนครับ...เอามาคิดเป็น% สิครับว่า   มีคนฟ้องหมอกี่คน/วัน(เรื่องรักษาผิด/รักษาไม่ดี) คนที่มาหาหมอรพ.รัฐนั้น ส่วนใหญ่ คือรากหญ้า ปชช.ตาดำๆ ที่ไม่มีโอกาสไปรพ.เอกชน  ที่มีหมอเอาใจแทบจะยกขึ้นเตียง  เพื่อขอตรวจทั้งนั้นครับ ความรู้เรื่องวิธีการรักษา/ยานั้นเลิกพูดได้เลย หมอสั่งอย่างไรก็กิน/ทำตามอย่างนั้น..จนหาย/ตายไปข้าง ไอ้ที่คิดว่าตายเพราะรักษาผิดวิธีนั้น..มีน้อยนิดครับ และโรคนั้นส่วนใหญ่จะเห็นด้วยตัวญาติๆเอง เช่นคนท้องแก่มาคลอดลูก..แล้วเมียเขาตาย...แบบนี้เขาก็น่าสงสัยครับแต่จะมีกี่คน/วันครับ เรื่องที่จะฟ้องหมอได้ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 19:55:57 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 19:53:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ คุณกาแฟร้อนนี่รู้ดีจังครับ รู้ว่าหมอกี่ีคนดีกี่คนไม่ดี........... ผมขอไม่ออกความเห็นน่ะนะ ถึงแม้ในชีวิตจริงจะสบถไปไม่รู้กี่ทีเมื่อมีข่าวคนตายเพราะหมอ นั่นแหละ.. จะ่ว่าไปแล้วอาชีพหมอนี่ซวยสุดๆ  อาชีพอื่นทำคนตายไม่เป็นไร แต่ถ้าอาชีพหมอนี่รู้สึกว่าจะขึ้นหน้าหนึ่งได้ตลอด.... จากคุณ : Munch - [ 3 ต.ค. 50 20:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จากการที่อยู่ในครอบครัวราชการ ผมว่าการรักษาในรพ.รัฐไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนะครับ ผมก้อได้ยาดีๆ ยาเมืองนอกจากรพ.รัฐนะครับ เคยทำ CT scan ก้อทำที่รพ.รัฐ เคยไปขอทำที่รพ.เอกชนแล้วเค้าไม่ให้ครับ ต้องแอดมิด รอดูอาการก่อน - -" แต่พอดีว่ารพ.นั้น มีคนรู้จักเราเยอะด้วยมั้ง เลยอาจจะได้รับการบริการดีเป็นพิเศษกว่าชาวบ้านตาดำๆ เคยไปรพ.ของมหาลัย อาจจะไม่ได้ให้ยาที่สวยหรู ต้องรอนาน แต่การวินิจฉัยเป็นเช่นเดียวกันครับ แต่ยาตปท. บางครั้งมันหายเร็วกว่าจริงๆแห๊ะ ส่วนมาก ถ้ายาต้องรอนาน(ต้องสั่งเอา) ผมจะใช้วิธี ขอใบสั่งยา แล้วไปซื้อที่ร้านขายยาเอาครับ ผมว่าปัญหาใหญ่ของรพ.รัฐนั้น มีอยู่อย่างเดียว คือ รอนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก นั่นแล .......... (ผมเคยไปปันใจไปตรวจรพ.เอกชนมาประมาณ 4 ครั้ง เพราะไม่ไหวจริงๆ ปรากฏว่า วินิจฉัยผิดไป 3 ครั้ง คนละรพ.กันนะครับ ---- แต่ผมมักจะตรวจกับหมอประจำตัวแล้วหายแห๊ะ ไม่ว่าจะโรคอะไรก้อตาม) และจากการที่กิ๊กผมเป็นหมอเพิ่งจบ ผมว่าทำงานหนักมากครับ ไม่มีเวลาคุยกับผมเลย เช้า กลางวัน เย็น ผมเห็นอยู่เวรตลอด จากคุณ : .... (สายลับ 081) - [ 3 ต.ค. 50 20:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ช่วงนี้  สังคมไทยอาจกำลังอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่านในหลายด้านและระดับ ผู้ป่วยฉลาดขึ้น ตระหนักในสิทธิตัวเองมากขึ้น ระบบราชการผุกร่อน   รัฐมีนโยบายลดขนาดของระบบลงทุกด้าน และพยายามให้เอกชนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคม  ไม่ใช่ภาครัฐเช่น ในอดีตอีก    บทบาทระบบราชการจึงเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ.... ในกท.ก่อนหน้านี้ มีเรื่องว่า  ปท.กลายเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ในแถบภูมิภาคนี้   ซึ่งนั่นคงหมายถึง รพ.ภาคเอกชนเป็นหลัก   เพราะทำแบบธุรกิจ ที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆทั่วไป ดังนั้น  ปรากฏการณ์หมอไหลออกจากระบบราชการ  จึงน่ามีสาเหตุทั้งจากภายในระบบราชการเอง   และแรงจูงใจภายนอกจาก การเติบโตมีอนาคตค่อนข้างสดใสของรพ.เอกชน  ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ...จากรัฐบาลชุดก่อน....ที่พยายามเปลี่ยน ประเทศเป็นทุนนิยมแนวหน้า...แต่พอมีอุบัติทางการเมืองอย่างจงใจ  จึงทำให้สถานการณ์ของทิศทางการพัฒนาหยุดหรืออาจมีการปรับแก้กันใหม่ ในบางเรื่อง..... ที่จริงอาชีพหมอ  เป็นงานบริการขั้นพื้นฐานต่อสังคม   ถือเป็นสถาบันที่ปชช.ให้ความนับถือและศรัทธามาโดยตลอด  ยิ่งในบ้าน นอกจะเห็นความรู้สึกนี้ชัด    แต่เมื่อข่าวสารเร็วเท่าแสงเพราะเนต  ทำให้ทุกอย่างเปลี่ย่นไป    ความลับทางรักษาที่อาจผิดพลาดได้เสมอจึงถูกโวยและปชช.ในระดับหนึ่ง สามารถเข้าถึงสิทธิตัวเองได้มากขึ้น   ข้อนี้จึงเป็นอาการขยาดการรักษาของหมอๆ  ที่ต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะกลัวการฟ้องร้องซึ่งถี่สูงขึ้น.....ทำให้ตัวเองแสวงหาการป้องกันตนเองใน วิชาชีพพร้อมกับความมั่นคงด้วย  ......รพ.เอกชนจึงกลายเป็นคำตอบสุดท้ายของทางเดินในวิชาชีพนี้ อย่างไรเสีย   หมอที่ยังคงรักษาไฟแห่งการอุทิศตนเพื่อคนป่วยยากจน เชื่อว่า  ก็ยังคงมีอยู่ไม่น้อย......เพียงแต่ว่า  พวกเขาจะทนแบกรับแอกแห่ง ความผุกร่อนของระบบราชการในวันนี้ได้นานแค่ไหน?... จากคุณ : dicky5 - [ 3 ต.ค. 50 20:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 30 นาย กาแฟร้อน ทำงานอะไรครับเป็นหมอรึป่าว ถ้าเป็นก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ก็อย่าไปพูดในสิ่งที่ตนไม่รู้ ดีกว่าครับ ใจคน นะมันไม่เหมือนกัน               ถ้าผมมีสิทธิ์เลือกผมก็จะเลือกในสิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุด ซึ่งสิ่งนั้นมันอาจไม่ดีที่สุดสำหรับคนอื่นถ้าเค้ามีสิทธิ่เลือกเหมือนผม (สิ่งที่ดีที่สุดอาจหมายถึงเงินทอง  หน้าตาทางสังคม หรือ เพื่อส่วนรวม ซึ่งแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ) จากคุณ : สัญรัก - [ 3 ต.ค. 50 20:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จะว่าคุณหมอแมวก็ไม่ถูก.. คุณ "นาย กาแฟร้อน" เค้าอาจจะมองว่าเงินไม่ใช่คำตอบหลักของสมองไหลจริง ๆ ก็ขนาด "ทุนที่มองไม่เห็น" ในระหว่างการเรียนแพทย์อย่าง ค่าเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อเตรียมการเรียนการสอนซึ่งแพงแสนแพงกว่าคณะอื่น ๆ มากมายน่ะ เค้ายังคิดเลยว่าต้องมาใช้ทุนที่ไม่ได้รับนี้ตั้ง 3 ปีแน่ะ อ้อ... ถึง คุณ สาลิกาโบยบิน อีกท่าน ยอมรับในมุมมองของคุณในบางมุม อย่างน้อยก็เป็นเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลของรัฐ แต่ปัญหาไม่น่าจะใช่ประเด็นของงบประมาณโรงพยาบาลของรัฐที่จำกัดจำเขี่ย หรือค่าใช้จ่ายที่ผู้ป่วยจะมีกำลังทรัพย์สำหรับการตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลเอกชน จริง ๆ การวินิจฉัยโรคของผู้ป่วย สำหรับแพทย์แล้วมันเป็น "ศิลปะ" เลยไม่ใช่หรอกหรือ ไม่งั้นคงไม่เรียกใบประกอบวิชาชีพว่า "ใบประกอบโรคศิลป์" เพราะฉะนั้น การที่คุณเล็งเห็นถึงความจำเป็นหรือความสำคัญในการส่งตรวจ Lab ฯลฯ เพิ่มเติม หรือแม้แต่การส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาสูงกว่ามันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากกว่าส่งตรวจดะเท่าที่ผู้ป่วยจะควักเงินจ่ายได้ ทั้งนี้ก็เพื่อ save ตัวเองด้วย เหวี่ยงแหแบบให้หายสงสัยทุกโรคไปเลย ?? ถ้า overtreatment อย่างนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจป่วยกว่าเดิมหลังเห็นบิลค่ารักษา เรื่องที่ผู้ป่วยฟ้องร้องกันมาก ๆ เรื่องของเรื่องมักมาจากการ "ปล่อยปละละเลยความรู้สึกของคนไข้" มากกว่า ไม่อธิบายให้คนไข้เข้าใจถึงสภาวะของโรค หรือข้อสงสัยที่หมอมีต่อโรคของเขา รวมถึงการแนะนำคนไข้ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม โดยส่วนตัวแล้วมั่นใจว่าแพทย์โรงพยาบาลเอกชนไม่ได้เก่งไปกว่าแพทย์โรงพยาบาลรัฐบาลเลย (ดีไม่ดี แพทย์โรงพยาบาลรัฐบาลอาจเก่งกว่าก็เป็นได้ เพราะเจอ case ที่หลากหลายกว่า และต้องตรวจคนไข้วันละหลายสิบหรืออาจเป็นหลักร้อยคน) แต่สิ่งที่คนไข้พึงพอใจจากโรงพยาบาลเอกชน ก็ด้วยการแนะนำ การเอาใจใส่ของแพทย์ที่มีต่อคนไข้ ทำให้คนไข้รู้สึกว่าการเจ็บป่วยของเขาได้รับการเยียวยา "ทางจิตใจ" ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าการเยียวยาทางร่างกายในหลายครั้งหลายครา สุดท้ายนี้ ยังยืนยันว่าแพทย์โรงพยาบาลของรัฐมีความรู้ความสามารถและความตั้งใจในการรักษาผู้ป่วยทัดเทียมกับแพทย์โรงพยาบาลเอกชน เหมือน ๆ กับพาราองค์การที่มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับพารา Tylenol หรือ Sara หรือ Mymol, Cemol หรือแม้แต่ Paracap ;-) จากคุณ : Pete - [ 3 ต.ค. 50 20:52:37 A:192.168.50.244 X:124.120.94.188 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สัญรัก * ตกงาน100% ครับ อาศัยตอนหนุ่มๆทำเอาไว้กินตอนแพอสมควรครับ(ไม่ใช่หมอแน่นอน) ผมไม่รู้เรื่องไรหรือครับ ในสิ่งที่ผมพูดออกไปมันไม่จริงอรือผิดตรงไหน ช่วยชี้แนะ จะขอบคุณยิ่ง กลัวคนไข้ฟ้อง..ผมก็พูดว่า วันหนึ่งในรพ.รัฐ ทั่วประเทศ มีคนมารักษากี่หมื่นคน..และมีฟ้องหมอกี่%  เมื่อเทียบกับที่หมอบอกว่าเสี่ยงๆนั้น..โอกาสเสี่ยงมันมากน้อยแค่ไหน.... เงิน.........ผมก็พูดว่า ไหนหมอลองเปิดใจมาดูสิว่า ปัจจุบัน..หมอรับเงินจากรัฐ เดือนละเท่าไร..เงินเดือน+เงินที่ไม่ทำงานพิเศษ +เงินเข้าเวร เมื่อเทียบกับราชการหน่วยอื่นๆ(ยกลูกผมเป็นตัวอย่าง) ..มันเท่ากับเขาไหม...หรือมาก/น้อยกว่าเขาเท่าไร..ถึงต้องออก เรื่องเงื่อนไข.ตอนจบม.6 จะเอ็นเข้าแพทย์. ผมบอกว่าให้รัฐเขียนเงื่อนไขว่านศ.ที่เอ้นติกและเรียนจบ ต้องรับราชการ20ปี ถ้าลาออกก่อน(ไม่มีเหตุอันควรคือลาไปทำเปิดคลีนิค.ทำงานรพ.เอกชน) ยึดใบอนุญาต มันเอาเปรียบนศ.ตรงไหนครับ เงื่อนไขนี้บอกก่อนจะเป้นหมอ บอกก่อนจะสมัครอบ...ผมมั่นใจว่า นร.จบม.6ปีหนึ่งต้องการเป้นหมอมีเป้นหมื่นๆคน..ต้องมีคนยอมรับเงื่อนไขนี้แน่นอนครับ ทุกอย่างผมพูดจากข้อจริงไม่มีเท็จ//(ข้อเท็จจริง คือเท็จครึ่งจริงครึ่งครับ) จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 20:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ที่จริงฟังความคิดคุณกาแฟดำ ได้ความเห็นที่มันดีตรงไปตรงมาอย่างนึงนั่นคือ ไม่เอาแต่ด่า .. + .. อ่านสิ่งที่เขียน .... ดังนั้นผมขออธิบาย ถกเถียงกันแบบใช้เหตุผลต่อไป ถกกันในสิ่งที่คุณกาแฟร้อนกล่าวมา มีหมอแบบหมอแมวกี่คนครับ ที่ไม่มีเรื่องเงินเป็นปัจจัยหลัก... - ผมเชื่อว่าเยอะมากครับที่ไม่เห็นเงินเป็นปัจจัยหลัก แต่ไม่มีคนเห็น ส่วนหนึ่งเพราะแพทย์เหล่านั้นเป็นผู้ใช้แรงงานเยี่ยงกระบือ ไม่มีเวลามาเล่นเนท ผมเองนั่งพิมพ์อยู่นี่ เอาเวลากินข้าวมาพิมพ์... ตั้งแต่ 16น.มาจนตอนนี้ ผมยังทำงานอยู่ เดินเทียวไปมาระหว่างห้องฉุกเฉินและตึกผู้ป่วยนอก(โต๊ะคอมฯ) รพ.สามสิบเตียง แต่นอกเวลาสี่ชั่วโมงนี้ ส่งคนไข้อุบัติเหตุ+เจ็บหนักไปรพจังหวัด4คน (อีก1คนส่งไปx-ray) จับคนไข้นอนโรงพยาบาลไปแล้ว6คน ... ผมอยู่เวรแบบนี้เดือนละ10-12วัน ตอนกลางคืนโดนตามได้ตลอดถ้ามีคนไข้ที่หนักพอสมควร เพื่อนผมที่พูดคุยกันอยู่ตั้งแต่เรียนจบลาออกกันเป็นว่าเล่น - จากการได้สัมผัสมา ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ลาออกเพราะเรื่องเงิน เกียรตินิยมอันดับ1 ได้เกรด3.8 อาจารย์อยากให้กลับไปเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนแพทย์:ตอนนี้ลาออกไปเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ เพื่อนๆแพทย์ใช้ทุนทั้งรุ่นที่มาใช้ทุนรพ.จังหวัดเดียวกับผม ตอนนี้ออกหมด ตอนนี้เหลือผมเป็นคนสุดท้าย...เหงาเป็นบ้า เพื่อนๆในรุ่นอีกหลายคนที่เรียนร่วมกันมา ลาออกไปอยู่เอกชน รุ่นพี่แพทย์ใช้ทุนที่อยู่ก่อนผม ย้ายออกทั้งรพ. ด้วยปัญหาที่บ้าบอคอแตกเป็นที่สุด แต่ในบรรดาคนที่ลาออกไปทำงานเอกชนที่กล่าวมา ถ้าเอามายืนเรียงกันแล้วให้แพทย์ หรืออาจารย์แพทย์จัดอันดับ ... ผมคงจะอยู่ในกลุ่มท้ายๆ เพื่อนที่อยู่จังหวัดเดียวกันแล้วลาออก ทุกคนมีจิตใจดี ความรับผิดชอบสูง เอาใจใส่คนไข้ ... แต่ความโชคร้ายก็เกิดกับพวกเขาบ่อยๆ ส่วนผม โชคร้ายน้อยกว่าคนอื่นหน่อย ก็เลยยังอยู่ได้ เรื่องเงิน ... ได้มาผมยังไม่มีโอกาสได้ใช้จริงๆจังๆซะที เพื่อนๆผมหลายคนก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ ... เพราะไม่มีเวลา 2.ถ้าเราทำสุดความสามารถแล้ว..ได้แค่นี้เพราะมันมีขีดความจำกัดแค่นี้(เครื่องมือ/งบปนะมาณ) ใครไปว่าเราไม่ได้แน่นอน ขอเถียงสุดใจครับ จริงๆต้องบอกว่าถ้าเราทำสุดความสามารถแล้วทำถูกต้องตามหลักวิชาการจนสุดความสามารถทั้งเครื่องมือและงบประมาณ ถ้าขึ้นศาล เรามีโอกาสชนะสูง(และมีโอกาสแพ้ด้วย) อย่าคิดครับว่าใครว่าเราไม่ได้ ผมเองเคยโดนร้องเรียนอย่างที่เป็นเรื่องเป็นราวมาสองครั้ง ครั้งนึง ทำอย่างสุดความสามารถ แต่โรคมันรุนแรงจนเอาไม่ไหว มีการรักษาที่เหมาะสม และมีการดูแลด้วยแพทย์เฉพาะทาง ... แต่คนไข้เสียชีวิต ... ญาติที่ไม่เคยมาดูคนไข้เลยแม้แต่ครั้งเดียวกล่าวหาว่ารักษาต่ำกว่ามาตรฐาน อีกครั้งนึง รักษาตามปกติ ถูกต้องตามหลัก ส่งปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและรักษาทันที ... คนไข้ถูกตัดอวัยวะอันเนื่องมาจากตัวโรค(ซึ่งได้ทำการรักษาและระวังป้องกันแล้ว) ... เมื่อพบว่าการรักษาถูกต้องทุกกระบวนการ ญาติคนไข้ก็กล่าวหาว่า วันที่มารพ. ผมไม่ได้ไปตรวจ และกล่าวหาว่าที่เขียนว่าผมไปตรวจน่ะเป็นการแต่งเติมเวชระเบียน เรื่องพวกนี้ถ้าเป็นข่าว ไม่ต้องพูดถึงครับ ผมเรียบร้อยแน่ๆ ... เพราะถึงผมจะชนะในชั้นศาล แต่ชื่อเสียงป่นปี้ ต้องมานั่งพิสูจน์ว่าที่เขียนว่าตรวจน่ะเขียนตั้งแต่ตอนนั้น (ซึ่งให้ตายเถอะครับ เรื่องนี้ไม่มีใครพิสูจน์ได้หรอกครับ) 3. เอามาคิดเป็น% สิครับว่า   มีคนฟ้องหมอกี่คน/วัน(เรื่องรักษาผิด/รักษาไม่ดี) คุณลองคิดง่ายๆครับ คุณทำดีถูกต้องทุกประการ แล้วจู่ๆมีคนมาร้องเรียนในสิ่งที่คุณไม่ได้ทำ เอาง่ายๆนะครับ ไม่ต้องฟ้องร้องถึงศาล แต่แค่ร้องเรียน หมอรพ.รัฐ ตรวจคนไข้อย่างต่ำวันละ60คน หนึ่งปี 60*300 - 18000ครั้ง ปีนึงโดนร้องเรียนอย่างไม่เป็นธรรมสักสองครั้ง 2/18000 --- 0.01% ก็แย่แล้ว ไหนจะเครียด เพราะต้องมมานั่งพิสูจน์สิ่งที่ไม่ได้ทำ ไหนจะต้องทำงานต่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดอันเกิดจากความเครียด อาชีพอื่นในวงราชการ ถ้าเกิดเหตุร้องเรียน ... ก็อาจจะเจอพักราชการ ... สามารถไปเตรียมตัวได้ ถ้าชนะ ก็ได้เงินเดือนครบถ้วน ของหมอ ไม่มีพักราชการหรอกครับสำหรับการร้องเรียน ... 4.หมอสั่งอย่างไรก็กิน/ทำตามอย่างนั้น..จนหาย/ตายไปข้าง มานั่งคู่กับผมตรวจคนไข้เบาหวานความดันนะครับ แล้วคุณอาจจะโมโหแทนผม แต่OKครับ คนไข้ไม่กินยาตามสั่ง รักษาตามความรู้สึกตนเอง กินยามั่งไม่กินยามั่ง อันนี้ผมเข้าใจ และเป็นหน้าที่ที่หมอต้องหาทางแก้ไข ต้องหาสาเหตุว่าทำไมคนไข้ไม่กินยารพ. แต่ไม่ใช่ว่ามารักษารพ. แต่ไม่กินยาตามสั่ง ไม่ปฏิบัติตัวตามที่แนะนำ พอกลับออกไปแล้วแย่ ก็กลับมาด่าหมอว่ารักษาไม่ดี 5.ตายเพราะรักษาผิดวิธีนั้น..มีน้อยนิดครับ และโรคนั้นส่วนใหญ่จะเห็นด้วยตัวญาติๆเอง มีเยอะครับ มาอยู่รพ.รัฐเขตภาคกลาง แล้วคุณจะได้ยินบ่อย บางทีเป็นมะเร็งตาย ยังหาว่าหมอฉีดยาจนตาย... แถมเอาไปเล่าแล้วเชื่อกันอีก 6.คนท้องแก่มาคลอดลูก..แล้วเมียเขาตาย...แบบนี้เขาก็น่าสงสัย อธิบายง่ายๆว่าต้องดูเป็นรายๆไป ว่าแต่ละกรณีตายจากอะไร จะไปยืนยันว่าถูกหมดก็ไม่ได้เพราะผมไม่ได้รู้หมดทุกกรณี แต่เมืองไทยอัตราตายคลอดต่ำกว่าหลายๆประเทศ กลับอัตราร้องเรียนฟ้องร้องเรื่องนี้สูงจนฝรั่งเขางงกัน ขนาดตายแล้ว ผ่าพิสูจน์แล้ว รู้เหตุชัดเจนแล้ว หมอก็ยังเป็นจำเลยสังคม... กรณีพวกนี้ก็มีให้เห็นมากมาย ถ้าทุกอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่คุณกาแฟร้อนพูดถึง หรือแค่สักครึ่งนึง หมอคงล้นโรงพยาบาลรัฐบาลครับ ...555 พิมพ์เสร็จ คนไข้ที่ส่งไปเอกซ์เรย์กลับมาพอดี จากคุณ : หมอแมว - [ 3 ต.ค. 50 21:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อย่าเถียงกันเลยครับ คนเราคิดแตกต่างกัน ผมคิดว่าหมอส่วนใหญ่ตั้งใจดีนะครับ ผมไม่ใช่หมอนะ แต่ผมรู้ว่างานของแพทย์หนักมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนนะครับมีเวลาพักผ่อนน้อยมากครับ บางวันมีเวลาแค่ สามถึงสี่ชั่วโมง เท่านั้น ตรงคนไข้ใช้เวลาแคสองสามนาทีเองครับ ถ้ามีหมอมากขึ้นบวกกับคุณธรรมจริยธรรมก็จะเป็นผลดีกับคนไข้ ผมเชื่อนะว่าระดับเงินเดือนหมอกับค่าตอบแทนโรงพยาบาลชุมชน ประมาณสามหมื่น ถึง สี่หมึ่นบาทต่อเดือนหมอส่วนใหญ่คงพอใจ แต่ว่าคนไข้มันมากไปครับ วันหนึ่งต้องตรวจคนไข้ไม่ต่ำกว่า ห้าสิบคน บางวันอาจถึงเจ็ดสิบแปดสิบคนครับ แล้วบางวันต้องเข้าเวรตั้งแต่สองทุ่มถึงเช้าเลยนะครับ คุณไม่เห็นใจบ้างเหรอ ถามหน่อยว่าคุณสามารถทำงานในออฟฟิตต่อเนื่องกัน สิบแปด สิบเก้าชั่วโมงไหมครับ แล้วทุกนาทีคุณต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นอีก ใหนครอบครัวอีกครับ แต่ผมก็ยอมรับนะว่ามีหมอบางคนต้องการเงิน ดดยฉพาะยุควัตถุนิยมอย่างนี้ ผมก็ยังเป็นเลยครับ แต่ยังไงขอให้กำลังใจหมอที่ดี และประณามหมอที่เห็นแก่เงินอย่างเดียว  ปล  .ยังคิดอยู่เลยว่าจะเรียนดี หรือเรียนโทดี ก็ชั่งใจอยู่ว่าจะทำงานหนักแบบนั้นได้ไหม จากคุณ : Kendutch - [ 3 ต.ค. 50 21:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อุ๊บ..... ขออภัยครับ คุณกาแฟร้อน ไม่ใช่กาแฟดำ -*- จากคุณ : หมอแมว - [ 3 ต.ค. 50 21:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่าหมอเป็นอาชีพที่เสียสละมาก ๆ อยู่แล้วนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอโรงพยาบาลของรัฐ เราจึงสมควรให้เกียรติหมอที่อยู่ในโรงพยาบาลของรัฐกันนะครับ ส่วนหมอของโรงพยาบาลเอกชน เค้าได้รับเกียรติจากสังคมอยู่แล้ว ในเรื่องของฐานะความเป็นอยู่ คุณอาจจะคิดว่าหมอได้เงินเดือน + อื่น ๆ เยอะกว่าอาชีพอื่น แต่อย่าลืมว่า ความรับผิดชอบ + ความเครียดของหมอสูงกว่าอาชีพอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน คงไม่มีใครอยากสัมผัสอยู่กับผู้ป่วยในทุกรูปแบบ ทุกวัน ยิ่งโรงพยาบาลของรัฐ คุณไปดูผู้คนที่รอตรวจ แล้วเทียบกับเงินเดือนที่หมอได้ ผมว่าเค้าเสียสละพอสมควรเลยทีเดียว จริงอยู่หมอก็เป็นคนธรรมดา โอกาสผิดพลาดย่อมมีบ้าง ยิ่งงานล้นมือ ยิ่งมีโอกาสมาก ในส่วนของเรื่องสมองไหลนั้น ผมว่าเรื่องของเรื่องคือ สังคมเราบิดเบี้ยวมากกว่า เรานับถือกันแต่เงิน จนเกินไป สื่อของเราสนใจแต่ผู้ประสพความสำเร็จด้านการเงิน สนใจแต่นักการเมือง (ซึ่งผมมองว่า ให้เอาผู้ที่อยู่ในวงการเมืองไทย ทั้งในอดีต และปัจจุบัน ไปปล่อยรวมกันไว้ ณ เกาะใดเกาะหนี่ง แล้วห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ยังไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ) บุคคลากรที่สำคัญ เช่น หมอและครู ถูกละเลย และดูเหมือนได้รับเกียรติน้อยลงไปเรื่อย ๆ คนเก่ง ๆ คนดี ที่จะมาทำ 2 อาชีพนี้ ก็น่าที่เราจะหนักใจแทนพวกเค้านะครับ นึกถึงว่าถ้าคุณเห็นหมอโรงพยาบาลของรัฐ ที่ใช้ชีวิตสัมถะขับรถเก่า ๆ กับหมอโรงพยาบาลเอกชน ขับรถเก๋งรุ่นใหม่ล่าสุด คุณรู้สึกกับหมอทั้งสองอย่างไร ใครเดินเข้าไปในวงสังคม แล้วผู้คนให้การต้อนรับมากกว่ากัน ให้ทั้งสองจบหมอรุ่นเดียวกัน ไปงานเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนมัธยมที่เรียนมาด้วยกัน จากคุณ : คนไทย - [ 3 ต.ค. 50 21:10:36 A:58.170.178.102 X: TicketID:152336 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อ่ะครับ คุณ นาย กาแฟร้อน พ่อผมได้เงินเดือนประมาณ 45k อะครับ (ศ. แล้วครับ) ขึ้นเวร ได้เงินประมาณวันละ 100 มั้ง แต่พ่อผม อายุ 50 แล้วครับ กว่าจะได้เงินเดือนขนาดนี้อะ หลาย ๆ คนคงบอกว่า เงินเดือนขนาดนี้ ไม่มีภาระผ่อนบ้าน + รถ ก็อยู่กินสบาย ๆ แล้ว มันก็ถูกครับ แต่เงินเก็บล่ะครับ มันน้อยมากเลย 1 เดือน อย่างน้อย ค่าใช้จ่ายก็เดือนละ 30,000 อะครับ ใช้แบบไม่เสียดายเงินมากนัก ก็เหลือเก็บเดือนละ 15,000 ครับ ทำงานอีก 120 เดือน ก็ มีเงินเก็บ  1.8 ล้านอะครับ ถ้า 1.8 ล้าน ใช้เดือนละหมื่น แบบประหยัดมาก ๆ ก็ใช้ได้แค่ 180 เดือน หรือ 15 ปี ยังไม่รวมบำนาญที่จะมีใช้อีก หลายคนคงบอกว่าอยู่แบบนี้ก็สบายแล้ว มันก็จริงครับ แต่คุณจะไม่ให้คนที่ทำงานมาทั้งชีวิต ได้มีความสุขกับ การใช้เงินที่หาได้มาอย่างยากลำบากเลยเหรอครับ ยังมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก เช่น บ้าน, รถ แล้วจะมีเงินเก็บ อีกกี่ปี เทียบกับลาออกราชการ(แต่พ่อผมยังไม่ลาออกนะ) มาทำเอกชน (แถวจังหวัดบ้านนอก) ก็ไ้ด้ขั้นต่ำ 100k เป็น 2 เท่าเลยนะครับ ใช้เดือนนึง 30k เหลือเก็บเดือนละ 70,000 บาท ทำงาน 120 เดือน มีเงินเก็บ 8.4 ล้าน ใช้จ่ายสบาย ๆ เดือนละ 30,000 ก็ใช้ได้ อีก 23 ปีกว่า ๆ ซื้อบ้านซื้อรถได้อีก ถ้าจะพยายามหาเงินให้มากกว่านี้ หรือมาทำงานที่ กทม. ุถูกครับ พ่อผมก็ใช้รถ โทรมมาก แต่ไม่เก่ามากหรอก เทียบกับหมออื่น ๆ ทำเอกชนแล้วขับ Mercedes Benz ทุก ๆ วันนี้พ่อผมมีเวลาให้ผมนะ แต่น้อยเหมือนกัน ผมเลยเล่น net แก้เหงาไง ลองคิดถึงคนจบแพทย์ใหม่ ๆ ได้เงินเดือน 10k ใช้จ่ายเดือนนึงแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ถ้าไปทำเอกชนเลย ได้ การันตี 100k เป็น 10 เท่าเลยนะ เงินเดือนมันล่อใจมาก แต่การทำงานก็เหนื่อยมากเช่นกัน อ่อ อีกอย่าง หมอเอกชน เสียภาษี 40(2) แพงมาก ๆ เลยครับ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 21:23:09 จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 3 ต.ค. 50 21:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรียน นายกาแฟร้อนครับ ที่ผมพูดก็คือพูดถึงปัญหาที่เจอในระบบครับ ตอนนี้ผมก็ยังทำงานเป็นหมออยู่ในรพ.ของรัฐครับ และก็ยังไม่คิดจะลาออกจากรพ.รัฐนะครับ เนื่องจากคนไข้ดีๆที่เข้าใจนี่แหละ เพียงแต่ที่อธิบายมา ก็เพราะตอบคำถามของ จขกท.ครับว่าทำไมหมอถึงลาออกเยอะครับ  และรัฐบาลแก้ปัญหาได้ตรงจุดหรือไม่ ผมไม่ทราบนะครับ ว่าคุณกาแฟดำทำงานอยู่ส่วนไหนของรพ. ไม่ทราบได้เห็นปัญหาที่มันกำลังเกิดขึ้นในระบบหรือเปล่า หรือว่ามองโลกจากหนังสือคุณธรรมจริยธรรมอย่างเดียวครับ คำพูดบางคำมันสวยหรูนะครับ  แต่กับชีวิตจริงก็อีกเรื่องนึง ปัญหาของรพ.รัฐที่ผมเล่าให้ฟัง มันเป็นปัญหาที่สะสมมานานนะครับ เพียงแต่สมัยก่อน คนไข้กับหมอ มีความสัมพันธ์ที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันครับ เข้าใจในข้อจำกัดและศักยภาพของรพ.ว่ามีแค่ไหน แต่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเรียกร้องในสิทธิของตัวเองนี่แหละครับ ที่ทำให้ปัญหาเลยเกิดมากขึ้น คนไข้ทุกคนอยากได้รับการตรวจที่ดีสุด สมบูรณ์สุด ยาดีสุด  แต่รัฐบาลก็สามารถทำได้เท่าที่งบมีจำกัด เช่นนี้หมอผิดไหมครับ  แล้วพลาดขึ้นมา คนไข้ฟ้องหมอ  ควรโทษใครดีครับ อย่างที่ผมบอก คนไข้โดนรถชนมา ทุกคนก็อยาก x-ray แต่ในเมื่องบรพ.ทั้งปีรัฐจัดสรรมาให้แค่นี้  มันก็ต้องเฉลี่ยกันใช้ถูกไหมครับ หมอคนไหนบ้างครับ อยากให้คนไข้ตายหรือหายช้า เพียงแต่การรักษามันก็มีข้อจำกัดนะครับ ว่าเราช่วยได้แค่ไหน  เครื่องมือมีแค่ไหน  คนไข้พอช่วยตัวเองได้แค่ไหนครับ ที่ว่าเรื่องแรงจูงใจ  ส่วนนึงคือเรื่องเงินอันนี้ก็ใช่ ทุกคนก็ยอมรับ แต่อย่างที่บอก มันก็มีอะไรมากกว่านั้นนะครับ หมอรพ.รัฐรักษาคนไข้โดยที่เครื่องมือไม่พร้อม  ก็เหมือนคุณจะซ่อมรถโดยไม่มีไขควงหนะแหละ  แล้วถ้ารถมันยังวิ่งไม่ได้ คุณจะโทษช่าง หรือโทษอู่ที่ช่างทำงานครับ หมอที่อยู่ในรพ.รัฐทุกคน ผมเชื่อว่าทุกคนตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดในทรัพยากรที่มีจำกัดนะครับ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ละที  พอลงข่าวหน้าหนึ่ง  เคยมีคนจากทางรัฐบาลมาช่วยไหมครับ จำคดีหมอรพ.กลางอยู่เวรแล้วไม่สามารถตื่นมาดูคนไข้คลอดลูกได้ แล้วปรากฎว่าเด็กตายจำได้ไหมครับ  แต่สอบไปสอบมาพบว่าหมอพึ่งออกจากห้องผ่าตัดศัลยกรรมที่ผ่าติดกันมา 8 ชม. ร่างกายล้าแล้วหลับไป ปลุกไม่ตื่น  แต่สุดท้ายโดนคนไข้ฟ้องว่าละเลยทำให้ลูกเค้าตาย นี่แหละคือข้อจำกัดที่บอกครับ คนจำกัด  เครื่องมือจำกัด  งบจำกัด ถ้าเป็นสมัยก่อน คนไข้ก็เข้าใจนะครับ แต่สมัยนี้ทุกคนก็เรียกร้องในสิทธิของตัว  จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย แล้วจะให้หมอทำไงครับ ผมอยู่รพ.รัฐตอนนี้  เงินเดือน 1 หมื่น  ค่าไม่เปิดคลีนิค 1 หมื่น  ค่าเวร 2 หมื่น  รวมเป็น 4 หมื่น  ฟังเหมือนเยอะนะครับ แต่ลองคิดนะครับ รพ.ที่ผมอยู่มีหมอ 2 คน แต่ละวันต้องขึ้นเวร 2 คน สรุปเดือนนึงผมอยู่เวร 30 วัน  ทำงานวันละ 24 ชม. ถ้าคนไข้ไม่มาคือนอนได้ แล้วเยอะไหมครับ ลูกสาวคุณกาแฟบอกทำงานได้ 7600 ทำวัน 8 ชม. แต่ผมทำวันละ 24 ชม. เอาง่าย ๆ ก็ 3 เท่า 7600*3 = 22800 ต่อเดือน ลูกสาวพี่กาแฟหยุดเสาร์-อาทิตย์ เดือนละ 8 วัน แต่หมอต้องทำทุกวันนะ คนป่วยและโรคร้ายไม่มีวันหยุดครับ งั้นผมบวกวันทำงานไปอีก 8 วันที่เหลือ ลองดูแล้วมันไม่ต่างกันเลยนะครับ ไม่มีอาชีพไหนสำคัญกว่าอาชีพไหนครับ แต่ว่าทางเลือกของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ เอกชนเค้าสามารถจ้างคุณได้เดือนละแสน  ยาดีให้ใช้ทุกตัว  เครื่องมือส่งตรวจได้เต็มที่  ทำงานวันละ 10 ชม. อาทิตย์นึงหยุดได้ 2 วัน แล้วหมอผิดไหมครับ ที่ขอเลือกสิ่งดี ๆ บ้าง เมืองไทยเราแปลกครับ ชอบเลียนแบบเมืองนอกมาแต่เอามาไม่หมด ปากเราบอกอยากให้ตรวจคนไข้มีมาตรฐานแบบเมืองนอก แต่ที่อเมริกา หมอวันนึงตรวจคนไข้ไม่เกิน 50 คนนะครับ คนนึงสามารถคุยได้เป็น 20 นาที เพื่อจะได้ตรวจละเอียดที่สุด ที่ออสเตรเลียคุณอยากไปหาหมอเฉพาะทางคุณต้องรอคิว 2 ปีนะครับ กว่าจะได้เจอ เพราะเค้าจำกัดคนไข้  คนไหนไม่หนัก ก็ส่งไปให้พวกเวชปฏิบัติดูแล แต่เมืองไทยตรวจได้ไม่อั้น  ต้องตรวจให้หมอแต่ห้ามพลาด รพ.ที่ผมอยู่ ผมตรวจคนไข้วันละ 200 คนครับ หมอ 1 คน เวลาตรวจ 6 ชม. แล้วจะให้ไม่หลุดเลย  มันดูอภินิหารมากไปไหมครับ ผมไม่ทราบว่าคุณกาแฟดำมีข้อมูลเกี่ยวกับการฟ้องร้องหมอแค่ไหน แต่ตัวเลขที่ผมมีมันเพิ่มขึ้นทุกปีนะครับ  อันนี้แหละเป็นสาเหตุหลักที่หมอลาออกกันเยอะขึ้น ที่ว่าคนไข้หมอสั่งอย่างไรทำอย่างนั้น  หรือว่าความรู้เรื่องยาไม่มีนี่  ทำไมพูดเหมือนคนไข้คนละประเทศกับที่ผมทำงานอยู่เลย เคยได้ยินเรื่องกองทุนคุ้มครองความเสียหายไหมครับ  กระทรวงจ่ายก่อน 1 แสน เดี๋ยวนี้ทนายประกบคนไข้แล้วนะครับ ถ้ามีเรื่อง ทนายจัดให้ ป้าเอาไป 7 หมื่น ทนายขอ 3 หมื่น  แล้วพอสอบสวนกันจริง ๆ พบว่าไม่ใช่ความผิดพลาด  คนไข้โกรธหมอ  หาว่าหมอไม่มีจริยธรรม ไม่ยอมตามคนไข้ อ้าว เป็นงั้น คำพูดดูดีสวยหรูกับชีวิตจริงมันคนละเรื่องนะครับ หมอทุกคนทีเข้ามาเรียนต่างมีความฝันที่อยากช่วยเหลือคนครับ พอจบมาก็พกความรู้และความฝันที่อยากเห็นคนไทยแข็งแรงสุขภาพดี แต่พอเจอข้อจำกัดต่าง ๆ ทั้งเรื่องคนไข้  เรื่องงบประมาณ  เรื่องผู้บริหาร และพอพบว่าการทำงานไม่ได้มีแค่ ยิ้ม คุย แจกยา ป้าหาย ขอบคุณ ดีใจ แต่ของจริงที่เจอคือ ป้าไม่กินยาแต่อยากหาย  ป้าอยากฉีดยาแพงแต่ไม่อยากจ่ายเงิน  ป้าอยากเอ๊กซเรย์แต่รพ.ไม่มีงบ  ป้าขอนอนรพ.หลายๆวันเพราะทำประกันไว้  ป้าฝากคนข้างบ้านมาเอายาแทนเพราะขี้เกียจมา แล้วหมอจะขอท้อมั่งไม่ได้หรอครับ บ่นไปงั้น ๆ แหละ สุดท้ายผมก็ยังทำงานในรพ.รัฐต่อ เพราะอยากช่วยคนไข้ดี ๆ ที่เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ในสังคมนี่แหละ แค่อยากให้คนข้างนอกเข้าใจข้อจำกัดบ้าง ว่าการเป็นหมอของจริง  กับหมอในละครช่อง 7 มันคนละเรื่องครับ ส่วนคุณกาแฟดำ ถ้าสะดวกหลังไมค์ยินดีนะครับ เราน่าจะลองแลกเปลี่ยนมุมมองกันมั่งครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน - [ 3 ต.ค. 50 21:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 39 กลัวคนไข้ฟ้อง..ผมก็พูดว่า วันหนึ่งในรพ.รัฐ ทั่วประเทศ มีคนมารักษากี่หมื่นคน..และมีฟ้องหมอกี่%  เมื่อเทียบกับที่หมอบอกว่าเสี่ยงๆนั้น..โอกาสเสี่ยงมันมากน้อยแค่ไหน.... ^ ^ ^ แนวโน้มปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วหกเท่าครับ และแนวโน้มกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขจำได้ไม่ชัดเจนแต่ห้าปีที่ผ่านมาฟ้องรวมหลักหลายพันคดีครับ เงิน.........ผมก็พูดว่า ไหนหมอลองเปิดใจมาดูสิว่า ปัจจุบัน..หมอรับเงินจากรัฐ เดือนละเท่าไร..เงินเดือน+เงินที่ไม่ทำงานพิเศษ +เงินเข้าเวรเมื่อเทียบกับราชการหน่วยอื่นๆ(ยกลูกผมเป็นตัวอย่าง) ..มันเท่ากับเขาไหม...หรือมาก/น้อยกว่าเขาเท่าไร..ถึงต้องออก ^ ^ อาชีพที่ว่าต้องนับรวมเข้าเวรกลางดึกเที่ยงคืนถึงเช้าไม่ได้นอนสัปดาห์ละ 5-6 เวร เข้าเวร ward ทั้งวันทั้งคืนอีกเดือนละ 6-8 เวร และรวมทำงาน OPD นอกเวลาอีกเดือนละ 3-4 เวร แล้วเอาชั่วโมงที่ทำงานรวมๆมาเป็นตัวตั้งแล้วเทียบกับอาชีพแพทย์ด้วยนะครับ เรื่องแพทย์ควรมีช่วงที่ทำสัญญานานหน่อยนี่ผมเห็นด้วย รุ่นเดียวกับผมลาออกไปเพียบ จ่ายแค่สี่แสนซึ่งไปเอกชนทำงานสี่เดือนก็ได้แล้ว แต่ถึง 20 ปีนี่เกินไปครับ สัญญาทาสชัดๆ แต่ในอนาคตกำลังจะปรับให้การจ่ายเงินในกรณีที่ต้องการลาออกก่อนหมดช่วงที่ทำสัญญานี่จะเพิ่มจากหลักแสนเป็นหลักล้านนะครับ จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 3 ต.ค. 50 21:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ...หวัดดีคุณหมอทุกท่าน..ย้ำก่อนว่าดีครับ เรามาคุยกันด้วยเหตุและผล ก่อนอื่นดูก่อนว่ากระทู้ผมตั้งขึ้นมานั้นคืออะไร.. ตอบให้เลยว่าทำไมหมอจึงลาออกจากรพ.รัฐใช่ไหมครับ เพราะอะไรล่ะถึงออก ผมถามต่อและถามต่อมาอีกว่า เงินรึ เครื่องมือรึ งบประมาณรึ พร้อมยกตัวอย่าง มีหมอมาแย้งว่า มาจากเรื่องหมักหมมมานานยากที่จะแก้ไข..จึงลาออกมา เมื่อคุณ(ที่ลาออก) คิดหนีปัญหา..แล้วเมื่อไรล่ะจะหมดปัญหาแบบนี้ในรพ.รัฐ เราต้องเข้ามาช่วยกันครับ.. ส่วนที่หมอบอกว่าวันหนึ่งๆต้องทำงาน24ชม.(มีด้วยรึ) เพราะอะไรล่ะครับ..ไม่เพราะพวกหมอ ที่ออกไปหรอกหรือครับ ถึงทำให้หมอแมวทำงานหนักแบบนี้ ลองแบบนี้// หมอเห็นว่าระบบมันไม่ไหว(เงิน)--เลยลาออก---หมอไม่พอ--คนไข้เยอะ-- มันจะหมุนเวียนแบบนี้ไปตราบชั่วฟ้าดินสลายครับ. .หมอจบมาก็อ้างระบบ(เพราะรุ่นพี่ทำ/อ้างไว้)---ลาออก--หมอน้อยทำงานหนัก(แบบหมอแมว)---คนไข้เยอะ. ผมยอมรับครับว่าหมอที่ยังรับราชการอยู่..เสียสละ(กระทู้ผมบอกว่าทำไมหมอลาออก)..แต่เมื่อมีหมอส่วนหนึ่ง เห้นแก่ตัวหนีปัญญาอ้างอุปสรรค..แบบนี้..ผมถึงตั้งเงื่อนไข(คิดเองนะ/) แบบนั้นไง *********************************************** ผมกล้าพูดได้เลยครับคุณเงินเดือนสามพันขับวอลโว่ หมอนี่แหละ(ยกเว้นพวกโกงกินนะ) ทำงานราชการจนเกษียน..เมื่อเทียบ.กับราชการหน่วยงานอื่นๆแล้ว..หมอรวยกว่าเพื่อนครับ... ส่วนเรื่องภาษีนั้น..อย่ามาอ้างครับ..(ทืวงบุญคุณ) กฏของสังคมครับ..(แล้วไม่คิดบ้างล่ะว่าพ่อคุณตอนเรียนหมอน่ะ ใช้เงินภาษีไปเท่าไร) จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 22:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แนวโน้มปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วหกเท่าครับ และแนวโน้มกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขจำได้ไม่ชัดเจนแต่ห้าปีที่ผ่านมาฟ้องรวมหลักหลายพันคดีครับ//จ่าพิชิต ขจัดพาลชน เมื่อเทียบเป้นแล้ว 000.0001% เลยครับ(5ปีฟ้องรวมหลักหลายพัน) วันหนึ่งๆทั่วประเทศมาหาหมอ เเรอนหมื่น เรือนแสน ปีหนึ่งหลักสิบล้าน แต่มีผู้ฟ้องหมอ1พันคน.../ปี ***  ผมว่าเป้นอาชีพที่ปลอดภัยที่สุดครับ....***** ********************************************** แต่ถึง 20 ปีนี่เกินไปครับ สัญญาทาส/จ่าพิชิต ขจัดพาลชน จ่าครับ มีอาชีพหมอนี่แหละ ที่คิดจะลาออกจากราชการครับ ทุกอาชีพ(หน่วยงานราชการ) มีแต่จะขออยู่จนเกษียนทั้งนั้น บางคนโดนคำสั่งพักราชการวิ่งเสียเงินเสียทอง..เพื่อขอกลับมารับราชการต่อ..บางคนมีคดี..วิ่งล้มคดีเพราะกลัวโดนออกจากราชการ ทำไมเขาอยู่ได้ล่ะครับ..(บางคนเกษียนแล้ว ยังเสียดายขอต่ออายุราชการ/ยืดเวลาออกไปอย่างเช่นศาล/ตุลาการ) อ้างไม่ขึ้นครับ.. จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 22:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ส่วนที่หมอบอกว่าวันหนึ่งๆต้องทำงาน24ชม.(มีด้วยรึ) เพราะอะไรล่ะครับ..ไม่เพราะพวกหมอ ที่ออกไปหรอกหรือครับ ถึงทำให้หมอแมวทำงานหนักแบบนี้ ^ ^ ^ เข้าเวรมันก็ต้อง 24 ชั่วโมงอยู่แล้วครับ ปัญหาคือถ้าคนลาออกไปเยอะมันก็ต้องทำงานแบบ 24 hr บ่อยขึ้นๆ อ้วกแตกขี้ราดตายกันพอดีครับ ไม่ต้องทำอย่างอื่นกันแล้วทำแต่งานอย่างเดียว ผมยอมรับครับว่าหมอที่ยังรับราชการอยู่..เสียสละ(กระทู้ผมบอกว่าทำไมหมอลาออก)..แต่เมื่อมีหมอส่วนหนึ่ง เห้นแก่ตัวหนีปัญญาอ้างอุปสรรค..แบบนี้..ผมถึงตั้งเงื่อนไข(คิดเองนะ/) แบบนั้นไง ^ ^ แบบนั้นผมว่าคนมาเรียนหมอยิ่งหดนะครับ ถ้าเงื่อนไขสยองแต่แรก แต่ว่าขนาดทุกวันนี้เงื่อนไขไม่โหดอะไร แนวโน้มคนเรียนก็เริ่มลดลงนะครับเพราะค่านิยมเปลี่ยนไป เหมือนช่วงที่บูมวิศวะ สถาปัต ตอนนี้คนที่ส่งลูกเรียนแพทย์ได้ก็คงเห็นแล้วว่าจบมาในสถานการณ์แบบนี้ งานหนัก เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง เผลอๆเข้าคุกได้อีก (แพทย์ทำผิดเป็นคดีอาญานะครับในปัจจุบันนี้มีการพิพากษาให้จำคุกแล้วสองท่านรวมพยาบาลหนึ่งท่านกำลังรออุธรณ์) จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 3 ต.ค. 50 22:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ใครว่าผมทำงานหนัก....??? ผมทำงาน อยู่เวรแค่เดือนละ10-12วัน วันธรรมดา จ-ศ เวลาราชการ สัปดาห์หนึ่งอยู่เวรวันธรรมดา2-3วัน สองสัปดาห์อยู่เวรเสาร์อาทิตย์ที เวรก็ไม่มีอะไรมาก วันธรรมดา ตั้งแต่16น. ถึง8น.วันรุ่งขึ้น ตามได้ตลอด ... โดยเฉลี่ย ก้าโชคดีก็ได้กินข้าวตามเวลา แล้วก็นั่งตรวจคนไข้บ้าง โดนตามโน่นนี่บ้าง กลับเข้าบ้านอาบน้ำตอน5ทุุ่มเที่ยงคืน วันเสาร์อาทิตย์ ก็อยู่โยงเฝ้าคนไข้ฉุกเฉิน ถ้าโชคดีไม่โดนตาม ก็อาจจะว่าง ... แต่ส่วนใหญ่ผมก็ต้องไปอยู่ตึกตรวจคนไข้ถึงราวๆ15น. จะได้เว้นพักหายใจ จากนั้น18-22น.ก็มาอยู่ต่อ กลางคืนที่อยู่เวรเฉลี่ยโดนตามคืนละ3ครั้ง ครั้งนึงครึ่งถึง1ชั่วโมง งานเอกสารคุณภาพโรงพยาบาล รายงานการดูแลผู้ป่วย งานของคลินิกเบาหวาน คลินิกโรคติดเชื้อ HIV วัณโรค งานเอกสารตรวจคนต่างด้าว ตรวจตำรวจ ตรวจพระสงฆ์ งานควบคุมโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อที่ต้องรายงาน พวกงานเอกสารพวกนี้ก็เอาเวลาช่วงเย็นๆทำ ... ทำไปไม่ได้OT งานอบรมจัดวิชาการ เดือนละครั้ง ต้องมานั่งทำpowerpoint ก็โอเค นานๆทำที หาข้อมูลกันที เฉลีั่ยแล้ว ผมได้นอนเฉลี่ย5-6ชม.ต่อวัน นับว่าOK คุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ มีเวลาว่างเขียนบทความลงเนทเป็นครั้งคราวจากเวลาในช่วงที่รอตรวจคนไข้ สมัยที่ต้องอยู่รพ.จังหวัด นอนเฉลี่ยวันละ4-5ชม. อยู่เวรเสาร์อาทิตย์เดือนละสามครั้ง อยู่เวรทำงานติดต่อกันไม่ได้นอน36ชม.(อาจจะมีแอบงีบ5-10นาทีในห้องผ่าตัดสักครั้งสองครั้ง) เฉลี่ยเดือนละ1-2ครั้ง อยู่แบบ18ชม. นับไม่ถ้วน (6ชม.อาบน้ำ กินข้าว นอน) อันนี้สิครับ เรียดว่าค่อนข้างหนัก หนักกว่านี้ยังมี.... ดังนั้นกรุณาอย่าบอกว่าผมทำงานหนักเลยครับ ผมอายหมอคนอื่น ถ้าผมยังมีเวลามาพิมพ์โต้ตอบแปลว่ายังเป็นหมอที่สบายครับ(นี่มีคนท้องนอนสังเกตอาการ กับคนไข้ถูกทำร้ายร่างกายต้องไปตรวจเพื่อลงประวัติใบคดีนั่งซักประวัติอีกสองคน) และผมไม่โทษหมอคนอื่นที่ลาออกไปทำงานเอกชนด้วย ... เพราะใครๆก็รักชีวิตของตนเองและครอบครัว คงไม่อยากเอาเวลาที่เรียนมาไปทิ้งกับการโดนฟ้องร้องอย่างไม่เป็นธรรม ... ลาออกไปทำเอกชน ยังมีโอกาสได้รักษาคนไข้ ถ้าผมจะโทษ ผมโทษคนทั่วไปที่ไม่เข้าใจหมอและด่าหมอโดยไม่สนใจความเป็นไปในสังคม ผมโทษระบบ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 22:40:03 จากคุณ : หมอแมว - [ 3 ต.ค. 50 22:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ ^ อ่านของหมอแมวแล้วนึกถึงเอกสาร discharge summary ที่ผมค้างไว้กองใหญ่ๆ โอยฝันร้ายโคดๆ คุณกาแฟร้อนพูดตรงๆนะเหตุผลที่ลาออกกันไปนอกจากกลัวถูกฟ้องร้องนี่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อาจเป็นเพราะผมยังมีประสบการณ์ในวงการไม่พอก็เป็นได้ อย่างผมทำงานที่ รพ ยอมรับว่าเงินเดือนไม่ใช่ชั่ว (สูงใช้ได้เลยล่ะ) ถึงจะรู้สึกว่าบางช่วงงานหนัก แต่พอเอาตารางเวรพยาบาลมานั่งดูมั่ง ตารางเวรเจ้าหน้าที่ EMS มานั่งดูมั่ง ผมว่าเขาทำหนักกว่าผมอีกนา เหอๆ แถมเงินเดือนก็น้อยมากจนไม่น่าพอกินด้วยซ้ำแต่ก็ยังเห็นทำงานกันได้อย่างแฮปปี้ พูดก็พูดเถอะปัญหานี้เห็นจะแก้ๆกันมาตั้งหลายปีแล้วป่านนี้ยังไม่เห็นได้เรื่องอะไรเล้ย ล่าสุดยิ่งสร้างปัจจัยให้แพทย์ลาออกเพิ่มไปอีกข้อ นั่นคือส่งแพทย์ไปหมุนเวียนในสามจังหวัดภาคใต้ ผมโดนส่งไประแงะ กำลังคิดๆอยู่ว่าจะลาออกดีมั้ยฟะ ที่บ้านก็ยุเหลือเกิน แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 22:37:09 จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 3 ต.ค. 50 22:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 45 .....หวัดดีอีกครั้งหมอแมว..5555 แหมประชดเชียว นับถือหมอแมวครับ ที่ยัเงเสียสละไม่ลาออก (ผมว่าหมอที่ลาออกครับ) เรื่อเอกสารนั่นอีกครับ...ไมคนพูดไว้ ระดับหมอนี่แหละพูดไว้ว่า" หมอนี่แหละปกครองยากที่สุด เพราะคิดว่าตัวเองแลดกว่าคนอื่น" ประมาณนี้ครับ.. ทำไมหมอถึงต้องเป้นผอ.รพ. ทั้งที่ไม่จบบริหารอะไรเลย(ทุกรพ.ในประเทศไทย) เพราะคนอื่นที่ไม่ใช่หมอ จะมาสั่ง/คุมหมอไม่ได้นั่นเอง แม้แต่รมต.ซึ่งหน้าที่คือบริหาร...อธิบดี..ทุกกรมกอง..หมอทั้งนั้นครับ จบมาเป็นหมอรักษาคนไข้..แต่มาทำงานบริหาร... แปลกไหมครับหมอแมว...มิน่าปัญหามันถึงหมักหมม จนหมอต้องลาออก(เกี่ยวกันไหมครับ) จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 22:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณกาแฟร้อนครับ ปัญหาที่บอก  หมอทุกคนเข้าใจว่าต้องช่วยกันและพยายามทำกันเต็มที่ครับ เป็นส่วนนึงที่ทำให้ผมก็ยังไม่ลาออกจากราชการ  แต่ส่วนนึง สังคมก็ต้องช่วยหมอด้วยนะครับ  โดย 1.ออกประกาศให้คนไข้แต่ละคนรู้ถึงสิทธ์ที่ตัวเองมี  แต่ที่สำคัญต้องให้รู้ถึงหน้าที่ของตัวเองด้วย ว่าต้องช่วยกันดูแลสุขภาพของตัวเอง  ไม่ใช่ขับมอไซด์ไม่สวมหมวก กินเหล้า สูบบุหรี่ กินของมัน เครียด มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน  แต่ถึงเวลากลับมาเร่งรัดกับหมอว่าต้องให้หายให้เร็ว  แล้วหมอที่ไหนจะตรวจคนไข้ได้หมดครับ  คนไทย 60 กว่าล้าน ตอนนี้เมืองไทยมีหมอ 3 หมื่นคน  ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันดูแลตัวเอง  เท่าไหร่ก็ไม่พอครับ 2.แจกแจงให้คนไข้เห็นถึงข้อจำกัดของรพ.รัฐบ้าง  ว่าหลักประกันสุขภาพ รัฐก็ช่วยรักษาผู้ป่วยได้ในระดับพื้นฐาน งบ 1 แสนล้านฟังเหมือนเยอะแต่ถ้าลองหารว่าใช้กับคน 60 ล้านคน ก็ตกคนละ 2000 กว่าบาทต่อคนต่อปีเองนะครับ  ซึ่ง 2 พันนี่ถ้าทุกคนอยากเอ๊กซ์เรย์สมองด้วยคอมหมด  เท่าไหร่ก็ไม่พอครับ  ในขณะเดียวกัน ยาแก้อักเสบมีตั้งแต่เม็ดละ 25 สตางค์จนถึงเม็ดละเป็น 1000 บาท ยาฉีดเข็มเป็นแสนก็มี  จะให้ประสิทธิภาพเหมือนกันก็คงเป็นไปไม่ได้ครับ  เรายอมรับไหมว่านั่งรถเมล์ก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน  แต่จะให้สบายเหมือนนั่ง s-class ก็คงเป็นไปไม่ได้ 3.ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบสุขภาพด้วยครับ  คนจนที่ไม่มีจริง ๆ รัฐต้องรักษาฟรีหมด  แต่คนไหนที่พอจะมีควรต้องให้ร่วมออกเงินบ้าง  เพื่อที่จะได้ประหยัดเอางบไปใช้รักษาโรคอื่นที่รุนแรงได้ดีขึ้นครับ เอาง่าย ๆ ที่รพ.ผม  คนไข้ใส่ทองเต็มคอ แต่มาขอให้สิทธ์ 30 บาท  อย่างนี้น่าเสียดายไหมครับ 4.เราควรจะเด็ดขาดกับกฎหมายบ้าง ไม่ใช่อะลุ่มอะล่วยกันจนเกินเหตุ  น่าจะมีกฎด้วยซ้ำว่าเมาแล้วขับรถชน คุณต้องจ่ายค่ารักษาเอง หรือประเภทไม่ใส่หมวกกันน๊อครัฐบาลจะไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้  จะได้เอาเงินส่วนนี้ไปนำยาดี ๆ มาใช้กับคนไข้ที่จำเป็นครับ 5.อธิบายให้คนไข้ทราบว่า ไม่อะไร 100 เปอร์เซนต์ในการแพทย์ ยาบางตัวคนนึงแพ้ บางคนไม่แพ้  แต่ปัญหาที่เกิดคือพอแพ้แล้วฟ้องหมอ เรียกค่าเสียหายกันเยอะๆ  หรือประเภทฟ้องกะถูกหวยนี่ อ่านข่าวไหมครับ คลอดลูกตายฟ้องหมอ 52 ล้านที่รพ.เกษมราษฎร์ ไม่ทราบหมอทำงานกี่สิบปีครับถึงได้ขนาดนั้น  และพอสอบสวนจริง ๆ กลายเป็นเด็กคลอดติดไหล่ซึ่งเป็น complication ที่พบได้ทั่วโลก และไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ อันนี้หมอไม่ผิด แต่สังคมก็พิพากษาให้แล้วว่าหมอปกป้องกันเอง  เซ็งครับ 6.เรื่องภาษี แล้วใครไม่ต้องจ่ายภาษีมั่งครับ  แถมภาษีของหมอนี่หักตรงจากกระทรวงการคลังด้วย  แล้วที่บอกว่าเรียนหมอใช้แต่ของหลวง ใช้แต่ภาษี  แล้วเรียนวิศวะ เรียนเกษตร ประมง ของมหาลัยรัฐนี่ อาคารเรียนก็ของหลวงไหมครับ  อีกอย่างการเรียนของหมอก็คือการทำงานด้วยนะครับ  ตั้งแต่ปี 4- ปี6 หมอก็ต้องเริ่มอยู่เวรแล้ว เรียนถึง 4 โมง อยู่เวรต่อถึงเช้า ถ้าไปทำเซเว่นยังได้วันละ 100 นะครับ  ฉะนั้นไม่ใช่ใช้ของหลวงฟรี ๆ แน่ครับ  อีกอย่างหมอเองก็ต้องจ่ายค่าเทอมนะ  แต่สุดท้ายกลายเป็นหมอต้องใช้ทุนอยู่อาชีพเดียว  อันนี้พูดเฉย ๆ ครับเซ็งเวลามีคนชอบบอกว่าหมอใช้แต่ภาษี 7.หมอทำงาน 24 ชม. มีครับ ผมถึงบอกให้มาคุยหลังไมค์ไง  เป็นหมอรพ.รัฐไม่ได้สบายเหมือนหมอเอกชนนะครับ  ก็ในเมื่อไม่มีหมออะ แล้วคนไข้มา ตี2 ตี3 ก็ต้องเป็นผมลงมาตรวจ ถ้าเคสหนักก็ทำถึงเช้า เช้าก็ตรวจผู้ป่วย opd ตามปกติ เย็นก็อยู่เวรต่อ  ช่วงไหนไม่มีคนไข้ก็ได้นอน ถ้ามีตามก็ตื่นมาดูอีก โลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะครับ ฉะนั้นอย่าคิดว่าไม่มี  ที่อเมริกามีกฏหมายห้ามหมอทำงานเกินวัน 8 ชม.นะครับ และหมอต้องได้พัก 16 ชม.ด้วย เงื่อนไขที่พี่ตั้งมานี่มันขัดกับสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนไหมครับ ทำงาน 20 ปี อันนี้ยิ่งกว่าสัญญาทาสแล้ว ทำไมไม่สร้างแรงจูงใจดี ๆ ให้หมออยู่ในระบบครับ -ขอแค่คุ้มครองหมอที่อยู่ในระบบ ไม่ใช่โดนฟ้องพร่ำเพรื่อ -จัดหาหมอมาหมุนเวียน ไม่ใช่ทำกันวันละ 24 ชม. -ค่าตอบแทนไม่ได้ให้ต่างกันกับเอกชนเป็น 10 เท่าแบบนี้ -จำกัดคนไข้ที่มาตรวจบ้าง  ไม่ต้องถึงกับห้ามป่วย แต่หมอต้องบอกได้ว่าอันไหนฉุกเฉิน อันไหนไม่ฉุกเฉิน  ที่ผมเจอนะประเภทมาขอใบรับรองแพทย์ลาหยุด  ประเภทไอ 3 อาทิตย์แต่มาหาหมอตี2  ประเภทยาความดันหมดแล้วมาเอายาตี 1  พวกนี้ถ้าคนไข้ทุกคนรับผิดชอบตัวเอง  งานที่จะต้องมาถึงหมอนี่จะลดได้เยอะเลยนะครับ ช่วยกันถนอมหมอกันหน่อยครับ  เครื่องจักรทำงานหนักก็ยังต้องพัก นี่คนนะครับ  แค่ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  อย่าโยนว่าเรื่องสุขภาพเป็นหน้าที่ของหมออย่างเดียว  ช่วยกันรักษาสุขภาพกันหน่อย  และเข้าใจในข้อจำกัดของการรักษาบ้าง  แค่นี้งานหมอก็สบายขึ้นแล้วครับ สังคมเราก็จะน่าอยู่ด้วย จากคุณ : สาลิกาโบยบิน - [ 3 ต.ค. 50 22:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 45   .....หวัดดีอีกครั้งหมอแมว..5555 แหมประชดเชียว นับถือหมอแมวครับ ที่ยัเงเสียสละไม่ลาออก (ผมว่าหมอที่ลาออกครับ) เรื่อเอกสารนั่นอีกครับ...ไมคนพูดไว้ ระดับหมอนี่แหละพูดไว้ว่า" หมอนี่แหละปกครองยากที่สุด เพราะคิดว่าตัวเองแลดกว่าคนอื่น" ประมาณนี้ครับ.. ทำไมหมอถึงต้องเป้นผอ.รพ. ทั้งที่ไม่จบบริหารอะไรเลย(ทุกรพ.ในประเทศไทย) เพราะคนอื่นที่ไม่ใช่หมอ จะมาสั่ง/คุมหมอไม่ได้นั่นเอง แม้แต่รมต.ซึ่งหน้าที่คือบริหาร...อธิบดี..ทุกกรมกอง..หมอทั้งนั้นครับ จบมาเป็นหมอรักษาคนไข้..แต่มาทำงานบริหาร... แปลกไหมครับหมอแมว...มิน่าปัญหามันถึงหมักหมม จนหมอต้องลาออก(เกี่ยวกันไหมครับ) จากคุณ : นาย กาแฟร้อน  - [ 3 ต.ค. 50 22:50:47 ] ^ ^ ^ อ่านแล้วผมก็สงสัยว่าคุณกาแฟต้องการรู้ปัญหาในวงการแพทย์ที่นำไปสู่การลาออกจริงๆ หรือมาหาคนทะเลาะด้วยเล่นๆครับ ใช้คำพูดดีๆครับ ถ้าคุณจะคุยด้วยเหตุผล ให้เกียรติคนที่ร่วมสนทนาด้วย ตอนกระทู้ที่คุณไปหาพระรักษาเรื่องปวดหลังก็ทีแล้วนะครับ ไม่ความคิดเห็นไม่ตรงกับคุณนี่ด่าเช็ดเม็ด เสื่อมครับ บอกตรงๆว่าเสื่อม จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 3 ต.ค. 50 22:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จ่าพิชิต ขจัดพาลชน * ต้องขอขอบคุณ หมออย่างคุณแทนปชช.3จว.ภาคใต้ด้วยครับ "หมอผู้เสียสละ" จริงๆ รักษาตัวด้วยนะครับท่านอธิบดี(ในอนาคตอันใกล้) อย่าลาออกครับ คนที่นั่นยังต้องการหมอแบบคุณอีกมาก ผมไม่ได้ว่าหมออย่างคุณเลยนะ ผมพูดเรื่องหมอลาออกครับ.(และไม่มีหมอที่ลาออกมาตอบซักคน555) เรื่องกฏนั้นผมยังยืนยันครับ...แต่ต้องเปิดเผยให้นร.ที่จะสอบเข้าเรียนรู้ก่อน ....แบบเราไปสั่งอาหารนั่นแหละครับ หูฉาลมน้ำแดง ถ้วยละ3พัน เขาเขียนไว้ในเมนู..เราเห้นราคาแล้วเราสั่งมากิน..เราก้ต้องยอมรับ ในราคานั้นครับ เช่นกันถ้านร.เห้นเงื่อนไขสัญญานี้แล้ว ว่ามันไม่ไหว..ก็ไปสมัครเรียนคณะอื่นๆ ไม่ว่ากัน ปีหนึ่งเด็กๆเก่งๆ(ที่พลาดนั้นแพ้กันไม่มากครับคะแนนแต่ละคนไม่เกิน5%)ความเก่งไม่ต่างกันหรอก มีครับคนที่ยอมรับเงื่อนไข..แบบนี้ จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 23:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 49 1. ผมไม่ได้ประชดครับ และเข้าใจคนที่ลาออกหลายๆคน(ส่วนใหญ่) ว่าลาออกเพราะมันเยินเกินจะทน 2. เรื่องกฎเกณฑ์ ผมไม่เชื่อว่าจะได้ผล เพราะรุ่นผม คนที่มาด้วยอุดมการณ์เต็มเปี่ยมมีมากมาย ... แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่รู้ว่ามาเป็นแล้วมันเยินขนาดนี่้ สมมุติว่าตั้งเงื่อนไขที่ว่า ผมเชื่อครับว่ามีคนยอมมาเรียน แต่พอหลวมตัวทำงานไปสักสองปี คงรู้ว่าคิดผิดจริงๆ ที่สำคัญคือ ปัจจุบัน ยังไม่มีกระบวนการใด ที่จะทำให้เด็กมัธยม หรือแม้แต่คนทั่วไปที่ไม่ใช่หมอรู้ว่าหมอมีหน้าที่รับผิดชอบ ความเครียด และความโชคร้ายแค่ไหน ........ พ่อผมเป็นหมอ ผมอยากเป็นหมอ พ่อผมยังถามตั้งหลายครั้งว่าแน่ใจหรือ เหนื่อยนะ ... ตอนนั้นผมไม่กลัว เพราะงานหนักผมไม่กลัว แต่ถ้ารู้ว่ามันสุ่มเสี่ยงโดนป้ายสีสาดโคลน+งานหนักแบบนี้ตอนมัธยม ผมว่าผมคิดหนักแน่ๆ เงื่อนไขที่ว่า มันเหมือนสั่งหูฉลาม ตั้งราคาไว้200ครับ แต่พอกินเสร็จพนักงานมาเก็บเงินบอกว่าคิดค่าservice charge ให้ล้างจานสามปี แถมคิดค่าอุปกรณ์ล้างจานอีก2800บาท จากคุณ : หมอแมว - [ 3 ต.ค. 50 23:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ปล.อีกข้อ เวลาหมอมาระบาย เล่าเรื่องอย่างละเอียด หรืออยู่ในเหตุการณ์ คนวิจารณ์หรือวงใน ที่รู้ความเป็นไปของหมอคนนั้นจริงๆจะเห็นใจหมอ แต่เวลาเป็นข่าว ข่าวที่ถูกบิดเบือน สิ่งที่ซ่อนอยู่ มันทำให้หมอดูชั่วช้า เคยมีเคสนึงของรพ.ผม ได้รับเกียรติไปผ่านโต๊ะสรยุทธเมื่อหลายปีก่อน เคสนี้ผมเห็นเวชระเบียน ผมทราบเหตุการณ์ อยู่ในวงกลางๆไม่ใกล้ชิด ... รู้ดีพอประมาณว่าใครทำอะไร ใครพูดอะไร ใครมีพฤติกรรมอะไร แต่ในทีวี เป็นเคสที่หมอดูชั่วและเลว พยาบาลโหดปากจัด ฯลฯ ที่ทำอย่างกับเหมือนไม่เห็นคนไข้เป็นมนุษย์ .... ดูตั้งนานก็ไม่รู้ว่าเป็นเคสเดียวกัน(มานึกออกตอนวันรุ่งขึ้น) เคสที่ว่านี้ ถ้าถือกันตามมาตรฐาน ก็ระดับoptimal standard care ... แต่เจอใส่ไข่ออกทีวีจนกลายเป็นโรงฆ่าสัตว์ OKครับ ถ้าจะให้เด็กมาใช้ทุน20ปี คุณต้องเตือนเด็กด้วยว่าจบมามีสิทธิ์โดนฟ้องนะ แถมโดนฟ้องแล้วคนรอบข้างจะมองว่าคุณเลว ทั้งที่คุณทำถูกต้อง เพียงแต่คุณโดนฟ้องจากคนไข้หรือญาติด้วยเหตุบางประการ บ้างก็จากเรื่องเงิน บ้างก็จากการต้องการกลบเกลื่อนความผิดของตน บ้างก็เพราะหนีความจริง ถ้าคุณบอกเด็กที่จะมาเอนท์ทุกคนให้เขารู้ตรงนี้ ผมว่าถึงจะแฟร์บ้าง จากคุณ : หมอแมว - [ 3 ต.ค. 50 23:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 หมอ สาลิกาโบยบิน ครับ 1. นั่นเพราะตำรวจไม่รักษากม.ครับเรื่องหมวกกันน๊อค ส่วนเรื่องรณรงค์นั้น..ผมเห้นด้วยนะ แต่เรื่องหมอลาออกนั้นผมไม่เห้นด้วยมาตั้งแต่ผมเรียนรู้แล้วครับ 2.คนไข้ระดับรากหญ้า (ส่วนใหญ่ของประเทศที่ใช้30บาท) แค่นี้เขาก็ดีใจแล้วครับ ที่เจ็บป่วยได้เข้าถึงรพ.รัฐ. .ส่วนเรื่องยา ส่วนมารู้ครับว่า ยาที่ให้นั้นอยู่ในบ/ชยา ซึ่งคุณภาพ มาตราฐาน เขาไม่เรียกร้องเอายาแพงๆหรอกครับเพราะรู้ว่า...นั่นคือเขาต้องจ่ายเอง แค่เขามีหมอรักษาก็บุญแล้ว 3. นั้น คนมีเงินส่วนใหญ่(มีเงินนะครับ)เขาไม่มารักษารพ.รัฐหรอก(ไม่งั้นหมอจะลาออกไปเข้ารพ.เอกชนทำไมและเขาจะจ้างหมอแพงๆทำไมถ้าไม่มีคนไปรักษา) คอยนาน บริการไม่ดี (เข้าใจครับว่าคนเยอะ จนท.ดุแลไม่ทั่วถึง/เหนื่อย) สู้ไปเอกชนไม่ได้ แทบจะยกคนไข้ขึ้นเตียง.พูดเพราะ เสนาะหู คุณยายครับ คุณลุงขา คุณป้าครับ...และทุกคนที่ไปก้รู้ว่าแพงแต่พร้อมที่จะจ่าย 4.4.เราควรจะเด็ดขาดกับกฎหมายบ้าง ไม่ใช่อะลุ่มอะล่วยกันจนเกินเหตุ  น่าจะมีกฎด้วยซ้ำว่าเมาแล้วขับรถชน คุณต้องจ่ายค่ารักษาเอง หรือประเภทไม่ใส่หมวกกันน๊อครัฐบาลจะไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้  จะได้เอาเงินส่วนนี้ไปนำยาดี ๆ มาใช้กับคนไข้ที่จำเป็นครับ   มีครับ..มีพรบ.รองรับและประกันภัยรองรับครับ คดีแบบนี้เบิกงบ30บาทไม่ได้ครับ 5เรื่องฟ้องนั้น อย่างที่ผมบอก 000.001% ถ้าหมอเจอก้ถือว่าซวย(หมอทำงานมากี่ปีครับ รักษาคนไข้มาเท่าไรแล้วครับ ถูกฟ้องกี่คดีแล้วครับ) แต่ใช่ว่าหมอจะแพ้เสียเงินเลยซะที่ไนครับ..ส่วนมากคนไข้จะแพนั่นเอง 6 หมอ เรื่องภาษี หมออย่างทวงบุญคุรครับ..ทุกคนมีรายได้ก้ต้องเสีย หมอว่าชาวนาเกษตรกรเสียไหมครับ ..เสียทุกคน ข้าราชการทุกคนครับหักณ.ที่จ่าย ได้มากเสียมาก... หมอเอาไปเทียบกัยคระอื่น แล้วถามว่า (ยกตัวอย่างผมแล้วกันนะ) ผมเรียนแพทย์..รัฐจ่ายต่อหัว/ปี เท่าไรครับ..ค่าอุปกรณ์ ค่าแลป..ค่าครูและสำคัญ..ค่าที่ปชช.มอบให้หมอครู..ร่างกายที่เขาให้หมอเรียนครับ. xประเมินค่าได้ไหมครับ เขากวังอะไรครับที่มอบร่างไปให้หมอดองซะเกือบปี ผ่าซะเละแบบนั้น เพื่อให้หมอเอาความรุ้จากร่างกายเขามารักษาปชช.แบบพวกเขาครับ  หาซื้อได้ไหมครับ ร่างกายพวกเขา (ผมเครืองนะไมอพูดเรื่องภาษี แบบทวงบุญคุณแบบนี้) ผมเรียนคณะ รัฐศาสตร์การปกครอง รามคำแหงครับ สมัยปี20 (รหัส20) ค่าหน่วยกิจ18บาท คณะผมเรียน20คน ยังไม่เท่ารัฐออกเงินให้หมอเรียนคนเดียวเลยครับ เรื่อง20ปี ผมยืนยันครับ..สัญญาเปิดเผย ข้าราชการสังกัดอื่นๆเขาทำไมอยู่ได้ล่ะ..หมออยู่ไม่ได้หรือเพราะอะไรครับ แรงจุงใจ..อะไรที่หมอยังขาดครับในรพ.รัฐ.. เงิน4หมื่น/เดือน(ทุกอย่าง) สวัสดิการ/การยอมรับในสังคม.ยิ่งในรพ.ต่างจว.หมอยิ่งเป้นที่เคารพนับถือของปชช.และ ทำงานไม่กี่ปี เป้นใหญ่ถึงผอ.รพ. แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 23:35:08 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 23:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เพราะระบบรัฐมันห่วยครับ แทนที่รัฐจะเอาเงินมาทำไห้หมออยู่ในระบบกลับพยายามพลักดันไห้ออก เพราะหมอที่อยู่นาน ๆ จะรู้ใต๋แล้วจะบังคับยาก เขาเลยต้องการไห้หมอใหม่ ๆ เข้ามาเพราะบังคับง่ายเพื่อเป็นฐานเสียงของตนด้วย ปีหนึ่ง ๆ มีคนจบหมอเป็น 1000 แต่ไม่เคยมีหมอเพียงพอต่อประชาชนมาเป็น100 ปีแล้ว จากคุณ : devil amature2 - [ 3 ต.ค. 50 23:38:27 A:61.7.171.20 X: TicketID:139465 ]

ความคิดเห็นที่ 53 หมอแมว * หมอครับ ทุกอาชีพมันมีปัญหาครับ  แม้แต่คนขับแท๊กซี่..คนดูดส้วม แต่เราต้องสู้กับปัญหาครับ ไม่ใช่ลาออกแบบหมอพวกนั้น อย่าลืมว่า เราเรียนมาด้วยเงินภาษีและร่างกายของพวกเขา... ************************************************* OKครับ ถ้าจะให้เด็กมาใช้ทุน20ปี คุณต้องเตือนเด็กด้วยว่าจบมามีสิทธิ์โดนฟ้องนะ แถมโดนฟ้องแล้วคนรอบข้างจะมองว่าคุณเลว ทั้งที่คุณทำถูกต้อง เพียงแต่คุณโดนฟ้องจากคนไข้หรือญาติด้วยเหตุบางประการ บ้างก็จากเรื่องเงิน บ้างก็จากการต้องการกลบเกลื่อนความผิดของตน บ้างก็เพราะหนีความจริง ถ้าคุณบอกเด็กที่จะมาเอนท์ทุกคนให้เขารู้ตรงนี้ ผมว่าถึงจะแฟร์บ้าง จากคุณ : หมอแมว *************************************************** ทุกอาชีพครับ..ถ้าทำผิด โดนฟ้องเหมือนกันไม่ใช่โดนแต่อาชีพหมอหรอกครับ.. แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 23:50:11 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 3 ต.ค. 50 23:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สาธุครับ ถ้าสังคมไทยจริงๆเป็นจริงตามความเห็นที่51 หมอไทยคงไม่ลาออกแบบนี้หรอกครับ และจากความเห๋็นข้างบนที่ว่าทุกอาชีพ ทำผิดโดนฟ้อง ผมก็เขียนไว้แล้วไงครับ ทำผิดโดนฟ้องผมไม่กลัว ผมกลัวพวกจงใจร้องเรียนและฟ้องเพื่อเอาเงิน ซึ่งเจอมากขึ้นเรื่อยๆ ... พวกนี้ตีหน้าซื่อร้องเรียน เวลาลงข่าว ก็เหมือนหมอผิดตลอดศก ... คุณกาแฟร้อนพูดเรื่อง รัฐให้เงินทุนต่อหัวต่อปีเท่าไหร่ก็ดีครับ ผมไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด เคยเห็นตัวเลขช่วงนึง อยู่ที่สองแสน (ตัวเลขเก่า)ในช่วงสามปีท้าย ฟังดูเยอะครับ แต่ ส่วนใหญ่เงินพวกนี้เอาไปใช้ในการรักษาคนไข้โดยตรง(ไม่ใช่โดยอ้อม) ยาราคาแพง รักษาโรคยากๆที่มีใช้ในโรงเรียนแพทย์ ส่วนหนึ่งก็เอาเงินพวกนี้มาโปะ เงินที่ผ่านเข้ามาที่ตัวนักศึกษาแพทย์โดยตรง(ค่าชีท ต่าไฟ ค่าอุปกรณ์ ค่าแลป) ผมว่าอาจจะเท่ากับคณะอื่นๆเผลอๆน้อยกว่าคณะอื่นๆในสาขาวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ เงินส่วนนี้ก็เอาไปโปะช่วยคณะแพทย์ ในส่วนที่ขาดทุนจากส่วนอื่นๆ ดังนั้นถ้าพูดถึงตัวเงินที่รัฐจ่ายให้และเข้าถึงนักศึกษาในแง่วัตถุสิ่งของ ผมเชื่อว่าในสาขาแพทยศาสตร์ ใช้น้อยกว่าวิศวะครับ แถมรัฐบาลได้เด็กช่วยงานในโรงพยาบาลเพิ่มมาอีกอื้อซ่าระหว่างเรียน จบออกมายังให้ใช้ทุนบังคับทำงานได้3ปี วิศวะ จบออกมาต้องหางานเอง เงินเดือนน้อยกว่าเป็นส่วนใหญ่ ... แต่ไม่ได้สร้างตึกให้รัฐบาลในระหว่างเรียน เรื่องการมาเป็นคนไข้ให้ได้เรียนรู้ ไม่อยากพูดถึงครับ ... เพราะว่าผมจำได้ตั้งแต่แรกที่มาเรียนและสำนึกในเรื่องนี้พอสมควร ผมยังจำอาจารย์ใหญ่ได้ และตั้งใจว่าจะตอบแทนคุณอาจารย์ใหญ่และคนที่ยอมให้ผมได้เรียนรู้ในช่วงที่เป็ฯนักศึกษาแพทย์ ด้วยการทำงานอย่างรับผิดชอบ และจะรักษาตัวไม่ให้โดนฟ้องจากคนเลวๆจากสิ่งที่ไม่ได้ทำผิด เพื่อจะได้รักษาคนต่อไปให้คุ้มค่าที่อาจารย์ใหญ่ได้สละร่างกายท่านให้ ช่วงปีครึ่งที่แล้ว มีนักศึกษาแพทย์จากเยอรมันมาพักกับผม ผมฟังเรื่องราวระบบการเรียนการสอนและการรักษาของบ้านเขาแล้ว รู้สึกว่าOKกว่ากันมาก ... หลายอย่างด้อยกว่าไทย (การเรียนการสอน) แต่ในแง่การทำงาน เขาถามผมว่าผมทนได้อย่างไร ลูกพี่ลูกน้องสองคน อยู่อเมริกา คนนึงเตรียมที่จะเรียนหมอ... น้าเค้าก็ชวนผมไปสอบUSMLEแล้วหาทางไปเทรนไปเรียนที่อเมริกาแล้วทำงานที่นั่น เพราะรู้สถานการณ์ว่าหมอไทยกับหมออเมริกามีความแตกต่างเรื่องการรับรู้ของคนมากพอสมควร (แต่ผมไม่ไปหรอก เพราะพูดอังกฤษไม่คล่อง อยู่เมืองไทยต่อแหละ) แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 00:02:17 จากคุณ : หมอแมว - [ 4 ต.ค. 50 00:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ....ขอบคุณครับที่หมอไม่พุดเรื่องภาษี แบบทวงบุญคุณ.เหมือนคนอื่นๆ ครับไม่ว่าเมกา หรือรพ.เอกชน เขากล้าทุ่มครับ เพราะเขาไม่ได้ลงทุน สร้าง/ผลิตหมอขึ้นมา เรื่องเงินต่อหัว/ปี ที่หมอพูดนั้น..บอกตรงๆว่าผมไม่รุ้ว่าทำแบบนี้ แต่จากที่ได้อ่านดุ เห้นว่ารัฐอุดหนุนให้มากกว่าทุกคณะครับ และพวกผมก็ไม่ได้อิจฉาอะไรพวกหมอ เพราะรู้ว่า มันต้องใช้จริงๆ ผมขอถามหมอครับ..เรื่องเอาหมอมาเป้นผุ้บริหารนั้น..(ส่วนหนึ่งที่ทำให้หมอขาดแคลนครับ) หมอเป็นได้(เป็นมาตั้งแต่ผมจำความได้แล้วมั๊ง) ดีหรือครับ ตอนหมอเรียนแพทย์ในม. มีวิชาบริหารจัดการด้วยหรือครับ... เพราะ ทุกตำแหน่งในรพ.(หน.ส่วน) หมอทั้งนั้น ผอ.ก็หมอ ผู้ตรวจกระทรวจก็หมอ อธิบดีก็หมอ รมต.ก็หมอ ทั้งที่งานเหล่านี้มันคืองานบริหารจัดการ นี่ครับ..หมอมาจับปากกาแทนที่จะจับมีดผ่าตัดซะงั้น แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 00:26:38 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 00:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คุณรู้เปล่าว่า การเรียนวิศวะในม.รัฐ รัฐต้องจ่ายเงินสนับสนุนตลอดสี่ปีต่อคนกี่แสนบาท? แต่จบมาไม่เห็นต้องบังคับใช้ทุนแบบหมอเลย? เรียนม.รัฐ ไม่ว่าจะสาขาวิชาไหนๆ ก็คือการได้ทุนให้เปล่าจากรัฐโดยการคัดเลือก(entrance)ทั้งนั้นแหละครับ เป็นหนี้ประเทศเหมือนๆกันหมดน่ะแหละ จะมาอ้างว่าตอนเรียนได้ทุนพิเศษยิ่งไม่ใช่ใหญ่ หมอก็จ่ายค่าหน่วยกิตพอๆกันหรือมากกว่าการเรียนวิศวะเสียอีก แต่ทำไมรัฐต้องมาเจาะจงบังคับใช้ทุนกับบางสาขา? ก็เพราะว่าบางสาขามันขาดแคลนมากๆน่ะซี ถึงจะรวมหมอที่ลาออกไปแล้ว(ทำเอกชน) แต่อัตราแพทย์ต่อจำนวนประชากรของบ้านเรามันก็ยังต่ำมากๆอยู่ดีเมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว (ถ้าจำไม่ผิด หมอบ้านเรามีราวๆ 3หมื่นคน ต่อประชากร 62ล้าน!)และการกระจายตัวของหมอในชนบทยังต่ำ ก็เลยต้องบังคับว่าไปอยู่อย่างน้อย 3ปีก็ยังดี ทำไมไม่บังคับ วิศวกร ทนาย บริหาร สังคมศาสตร์ ไปใช้ทุนบ้านนอกสามปีบ้างหนอ? ลองคิดดูดีๆ เอาอคติออก แล้วจะรู้ว่า เขาบังคับใช้ทุนเพราะอะไร เพราะเขาได้ทุนมากกว่าคณะอื่นงั้นเหรอ? หรือเพราะสาเหตุอย่างอื่นกันแน่ ส่วนเรื่องความลำบาก เอาเป็นว่าไปนั่งดูรพ.ชุมชนตามอำเภอเล็กๆก็แล้วกัน แล้วลองนับชั่วโมงการทำงานของหมอแต่ละคนดูว่า เอาเงินเดือน+ค่าจุกจิกที่ว่าเหมือนเยอะหารจำนวนชั่วโมงทำงานของหมอรวมอยู่เวร ออกมาแล้วได้คนละเท่าไร หรือนับปริมาณงานจากจำนวนคนไข้ที่ต้องตรวจต่อวันเข้าไปด้วย ผมว่ารายได้หมอน้อยกว่าวิศวกรจบใหม่หลายๆคนเสียอีกนะครับ เรียนก็นานกว่า หน่วยกิตต่อปีก็เยอะกว่า จ่ายค่าเล่าเรียนรวมแล้วยังไงก็มากกว่า แต่จบมาโดนบังคับทำงานหนักกว่าวิศวกรออกไซต์ต่างจังหวัดเสียอีก แถมเงินต่อชั่วโมงน้อยกว่าด้วย คนเรามักอิจฉาในสิ่งที่คิดว่าคนอื่นได้ โดยที่ไม่มองว่าตัวเองก็เอาเปรียบคนอื่นอยู่เหมือนกัน และมักมองข้ามถึงข้อเท็จจริงด้วย เพิ่มเติม ส่วนเรื่องผู้บริหาร ผมว่ามันแล้วแต่องค์กรว่าจะเลือกผู้บริหารมืออาชีพหรือเลือกผู้บริหารจากสาย specialist ขึ้นมา มันขึ้นกับความเหมาะสมของสายงาน ถ้าเป็นสายงานวิชาชีพที่ต้องมีความรู้ในสายงานนั้นๆเพื่อควบคุมดูแล ก็ต้องเอาคนที่มีทักษะทางด้านนั้นมาบริหาร ส่วนสายงานทั่วไปก็เอาผู้บริหารมืออาชีพมาได้ครับ  อย่างบ.เอกชนขนาดไม่เล็กที่ผมทำงานด้วย มันก็มีผู้บริหารทั้งสองแบบ สาย engineering,IT,finance ก็มาจากสายตรงในวิชาชีพทั้งนั้น บางคนก็ไปเรียน MBA เพิ่มเติม แต่บางคนจบป.เอกทางวิศวกรรมก็มี ก็ไม่เ็ห็นจะมีปัญหาอะไร ส่วนผู้บริหารแผนกอื่นๆที่ไม่เฉพาะทางก็มาจากสายบริหารโดยตรงบ้าง แต่ถ้าเอาคนสายบริหารล้วนๆ ไปบริหารแผนกวิชาชีพแบบengineering รับรองเจ๊งครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 00:25:19 จากคุณ : ไม่ใช่หมอ (....4จุด) - [ 4 ต.ค. 50 00:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตอบเรื่องเอาหมอมาเป็นผู้บริหาร ข้อดีคือ มีแต่หมอที่เข้าใจระบบหมอด้วยกัน และถ้าว่ากันตามตรง หมอเข้าใจscopeงานบริหาร+บริการทางการแพทย์ดีกว่าสาขาอื่น(เพราะความซับซ้อนปลีกย่อยดันมาอยู่ทางด้านการแพทย์) ข้อเสียคือ หมอหายไปหนึ่งคน ข้อเท็จจริง หมอส่วนใหญ่ไม่ได้อยากมาเป็นผู้บริหาร ส่วนใหญ่ไม่จำใจก็โดนบังคับ ข้อเท็จจริง2 มีความต้องการผลักดันจากแพทย์เอง ว่าอยากให้มีการจัดให้มีผู้ที่จบสายบริหารมาโดยตรง แล้วมารับการอบรมทางการแพทย์เภสัชทันตะพยาบาล เพื่อการจัดการบริหารในโรงพยาบาล งานบริหารรพ. ถ้าเอาคนที่จบมาพร้อมๆกัน มีความรู้เฉพาะด้านที่เรียนมาเก่งพอๆกัน ผมเชื่อว่าระหว่างพยาบาล หมอ ทันตะ เภสัช สาธารณสุข .... หมอเหมาะสมที่สุด เพราะหน้าที่พันธกิจหลักของรพ. คือการรักษาโรคและการป้องกันโรค ... ส่วนใหญ่เป็นทั้งร่างกาย การพิจารณาสั่งซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เข้ามาในรพ. หมอก็ได้เปรียบ เพราะงานส่วนใหญ่เป็นทางด้านหมอๆ สั่งซื้อเครื่องหยดยา infusion pump บางทีตัวแทนจำหน่ายเอามาโฆษณา พยาบาลว่าดี เภสัชทันตะไม่ทราบ หมอบอกว่าไม่ดี(เพราะรู้เหตุผลเยอะกว่าว่าซื้อมาแล้วรุ่นนี้เทียบเท่ามือพยาบาลปรับน้ำเกลือ) ซื้อรถฉุกเฉิน คนที่รู้ว่าจะจัดเครื่องมือแบบใด รถลักษณะอย่างไรดี ก็คตือหมอ เพราะคนที่จะโดยรถฉุกเฉินขน คือคนเจ็บหนัก ซื้อเครื่องช๊อตไฟฟ้า ต่อให้มีความรู้ดีแค่ไหน คนที่ใช้ก้คือหมอ ... บางเครื่องดีสุดขั้วแพงแต่คุ้มกว่าเครื่องราคาถูก แต่หมอรู้ดีว่าศักยภาพที่เพิ่มขึ้นมา รพ.ชุมชน30เตียงจะไม่ได้ใช้ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเลือกอันที่แพงกว่า ข้อปลีกย่อยมีอีกมาก แต่โดยสรุปถ้าเลือกได้ หาใครก็ได้มาเป็นแทนหมอดีกว่าครับ ขอแค่มีความรู้และมีกึ๋นพอ เข้าใจหมอในลักษณะศาสตร์และศิลป์จริงๆ ... จะเป็นใครก็ได้ ช่วงปีกว่าๆที่ผ่านมา รพ.ผมไม่มีผอ.ประจำ ... ข้อต่อรองนึงของผมที่จะไม่ลาออกย้ายไปที่อื่นคือ "ขอไม่ทำงานบริหาร" จากคุณ : หมอแมว - [ 4 ต.ค. 50 00:33:43 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ทำไมไม่บังคับ วิศวกร ทนาย บริหาร สังคมศาสตร์ ไปใช้ทุนบ้านนอกสามปีบ้างหนอ//ไม่ใช่หมอ (....4จุด) บังครับไปเลยสิครับ..เขาชอบจะตาย จบมาแล้วมีงานทำราชการซะด้วย ผมจบมาต้องสมัครสอบแข่งกับคนเป้นหลายพัน(สมัยนั้น)เอา400 ครับ มีที่จบมาแล้วรับราชการเลย ก้ตำรวจ ทหาร หมอ พยาบาล นี่แหลครับ.. ส่วนผมเห้นว่า เอาหมอมานั่งบริหาร..ใช้บุคคลากรผิดครับ หมอคือผุ้รักษา.ต้องการอะไรบอกผอ.ได้...ไม่ใช่ตัดสิทธิไม่รับฟังเลย(แบบนั้นเจ๊งทุกองค์กรครับ) ****************************************** ส่วนเรื่องความลำบาก เอาเป็นว่าไปนั่งดูรพ.ชุมชนตามอำเภอเล็กๆก็แล้วกัน แล้วลองนับชั่วโมงการทำงานของหมอแต่ละคนดูว่า เอาเงินเดือน+ค่าจุกจิกที่ว่าเหมือนเยอะหารจำนวนชั่วโมงทำงานของหมอรวมอยู่เวร ออกมาแล้วได้คนละเท่าไร หรือนับปริมาณงานจากจำนวนคนไข้ที่ต้องตรวจต่อวันเข้าไปด้วย ผมว่ารายได้หมอน้อยกว่าวิศวกรจบใหม่หลายๆคนเสียอีกนะครับ //4จุด คุณคงไม่อ่านกระทู้ผมตั้งแต่ต้นนะ4จุด..ผมพูดเรื่องหมอ"ลาออกครับ" ไม่ใช่หมอทำงานผยังไม่ลาออก) แต่ไหนๆคุณก้เข้ามาแล้ว จะตอบให้นะ งานหนักเงินเยอะครับ..40000/เดือน.. จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 00:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ***  ผมว่าเป้นอาชีพที่ปลอดภัยที่สุดครับ....***** คุณ กาแฟร้อน บอกว่า % ถูกฟ้องร้องต่ำไม่น่าเอามาคิด ผมลองเสนออาชีพ ซัก 2 อาชีพนะครับ ที่ผมประสบอยู่ 1. ผู้พัฒนาโปรแกรม 2. ผู้ดูแลระบบเครือข่าย 2 อาชีพนี้ โอกาสถูกฟ้องร้องใกล้ศูนย์ครับ เพราะ อาชีพที่ 1. ก็มีการระบุในสัญญาหรือเป็นที่รู้กันดีว่า ถ้าโปรแกรมมีข้อผิดพลาดขึ้นมา ในระยะเวลาที่กำหนด เราแก้ให้ไม่คิดมูลค่า แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดแล้วกระทบต่อการดำเนินการ เราไม่รับผิดชอบในความเสียหายนั้น (อันนี้มีใน license agreement ของ software ทุกตัวครับ) ฉะนั้น ถ้าไม่ทำสัญญาผิดแล้ว+ทำงานผิด ไม่มีวันถูกฟ้องครับ อาชีพที่ 2. เพื่อนผมเอง ทำงานดูแล server ให้กับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ถ้า server มีปัญหาต้องมาแก้ไข ตี 2 ตี 3 ก็ต้องมา   แต่ปัญหาพวกนี้เกิดสัปดาห์ล่ะไม่มาก สัปดาห์ล่ะ 2-3 ครั้งครับ เห็นมันมา บ่น ๆ เป็นพัก ๆ  ทำผิด ก็ไม่โดนบริษัทฟ้องครับ เรื่องนี้ทางบริษัทเค้าก็รู้ถึงข้อจำกัดเหมือนกัน (คุณลองนึกดูว่า ตี 3 ช่วงที่หลับสบาย ๆ ของคนเกือบทุกคน แต่ถูกปลุกขึ้นมา เพื่อต้องไปแก้ไขปัญหา มันจะเป็นยังไง แค่นี้เพื่อนผมก็ยังบอกว่าเบื่อเลยครับ เทียบกับหมอ/พยาบาลที่เข้าเวรไม่ได้เลย) ทั้ง 2 อาชีพในแต่ล่ะเดือน เงินเดือนพอ ๆ กับหมอเลยครับ แต่ความรับผิดชอบต่อชีวิต เป็น 0 (มีชีวิตคนมาแขวนไว้กับคุณ ไม่เครียดเหรอครับ) ความเสี่ยงต่อการฟ้องร้อง เป็น 0 (การมีเรื่องราวฟ้องร้องกัน ถึงไม่ผิด แต่ไม่มีเลยจะดีกว่า ถ้าคุณเคยฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลมาแล้วน่าจะเข้าใจดี) เวลาทำงานน้อยกว่าพวกหมอเยอะครับ จะต้องทำงาน 24 ชั่วโมงน้อยมาก ๆ ครับ เรื่องการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ต้องมาจากหลาย ๆ ภาคส่วนครับ สำหรับผม ส่วนที่สำคัญที่สุดคือประชาชนครับ ประชาชน ต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของหมอ ต้องเข้าใจว่าหมอไม่ใช่เทวดา ที่จะรักษาหายหมด ต้องมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ให้มากกว่านี้ ที่จะวิเคราะห์ได้ว่า หมอรักษาผิด หรือสุดวิสัย ต้องเข้าใจว่า ทุกอย่างมันมีค่าใช้จ่าย ไม่ใช่หวังเอาฟรีหมด นักการเมืองไม่ควรเอาเรื่องสุขภาพมาหาเสียงแบบไม่คิดถึงความเป็นจริง เรื่องสัญญาทาส 20 ปี ผมว่ามันจะทำให้แย่ยิ่งกว่าเก่านะครับ เพราะมันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก ๆ เกือบครึ่งชีวิตเลยนะครับ คนที่มีอุดมการณ์ก็อาจจะเริ่มไม่มั่นใจในอนาคตว่าจะเป็นเช่นไร คนที่ไม่มีอุดมการณ์ก็ไม่เข้ามาแน่ ซึ่งถ้าเค้าเข้ามาได้ก็ยังมีโอกาสที่ระบบจะหล่อหลอมเค้าได้นะครับ ถ้าคนที่มีความสามารถ ไม่ว่าอาชีพอะไร ถ้าต้องเป็นทาสแบบครึ่งชีวิตแบบนี้ ผมคนหนึ่งแหละที่ไม่เอาด้วย เพราะไม่รู้ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สรุปว่าคงแก้กันอีกนาน ยิ่งนักการเมืองบ้านเราไม่ได้จริงใจกับประชาชนนัก จากคุณ : MAX - [ 4 ต.ค. 50 00:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ...ไม่ใช่เพราะผมอปกครองยากหรือเพราะหมอฉลาดกว่าคนอื่นหรือครับ ดังคำที่เขากล่าวๆกันมา ครับหมอแมว ที่หมอแมวพูนั้นก็ถูกต้องครับ..แต่ก็ไม่ถึงกับต้งมานั่งบริหารเองนี่นา หมอต้องการเครื่องมือชนิดใด..ก็คุยกับผอ.ผู้บริหารก็ได้นี่ครับ หมอไม่ใช่รู้ทุกเรื่องนี่ครับ อย่างเรื่องห้องน้ำเรืองอัตรากำลังพล..เรื่องอื่นอีกเอยอะแยะ ที่หมอไม่รู้ คือถ้าหมอต้องารอะไรสเปคไหน..หมอก็คุยกับผอ.ได้นั่นเอง (ผู้มีอำนาจเหนือผู้มีคำสั่งชื้อครับ) บานปลายไปแล้วครับ ก้ขอบขอบคุณหมอทุกท่านครับ ที่ยังรับราชการและรับใช้ปชช.อยู่..ถ้าผมลาวงเกินไปก้ขออภัยด้วย แต่จะบอกจากใจจริงครับ ผมตั้งกระทู้นี้มาเพื่อ ถามใจพวกหมอที่ลาออกจากราชการไปทำงานส่วนตัว/เอกชนครับ ว่าออกเพราะอะไร ไปนอนแล้วครับ...บายยยย จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 00:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ฺBye ... ขอบคุณครับ อย่างน้อยก็ discussกันด้วยเหตุและผล OK จากคุณ : หมอแมว - [ 4 ต.ค. 50 00:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คือถ้าหมอต้องารอะไรสเปคไหน..หมอก็คุยกับผอ.ได้นั่นเอง (ผู้มีอำนาจเหนือผู้มีคำสั่งชื้อครับ) ฟังแล้ว พูดง่ายจังเลยครับ ไม่ทราบว่าเคยเสนอผู้บริหารซื้อของเฉพาะทาง หรือเคยอนุมัติให้มีการซื้อของเฉพาะทางหรือเปล่าครับ ของบ้างอย่าง ถ้าผู้บริหารไม่มีความรู้ คุณต้องอธิบายไปยาวเยียด สุดท้ายก็บอกว่า เออ ก็ดีนะ แต่ไม่เอาล่ะกัน, ถ้าไม่เอาเป็นอะไรมากไหม ถ้าไม่ใช่ case ร้ายแรงก็เอาไว้ก่อนนะ หรือคุณลูกน้องคุณมาเสนอให้คุณจัดซื้อะไรซักอย่าง ที่มาจากความเห็นของเค้า แล้วคุณไม่รู้เรื่อง คุณจะไม่สอบถาม จะไม่ร้องขอข้อมูลเพิ่มเติมเลยเหรอครับ ที่ผมเจอมาแค่เรื่อง IT กะแค่งานบัญชีธรรมดา ยังเจอเลยครับ แล้วในโรงพยาบาลอุปกรณ์เฉพาะเยอะแยะไปหมด ถ้าคนมาบริหาร ไม่เข้าใจงานทางด้านนี้แล้ว ก็คงต้องมีช้าบ้างแหละครับ แล้วสมมุติว่า มีการร้องขอการสั่งซื้อ 1 ชิ้น หมอต้องไปอธิบายให้ผู้บริหารฟัง ชิ้นล่ะ 1 ชั่วโมง อย่าลืมว่านั้นหมายถึงเวลาตรวจรักษาคนไข้หายไป 1 ชั่วโมงครับ จากคุณ : MAX - [ 4 ต.ค. 50 01:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผมว่า เพราะมันมีความต่างกันเกิดขึ้นระหว่างแพทย์ในคลินิกกับรพ.รัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เครื่องมือ จำนวนผู้ป่วยที่มาก สภาพการทำงานที่แตกต่างกัน แพทย์ในระบบเอกชนไม่ต้องมาสนใจเรื่องเอกสาร หรือทำงานนอกเหนือจากสมัยเรียน แต่รพ.ชุมชน แพทย์ต้องทำงานหลายอย่าง ถ้าไม่ทำก้ไม่รู้จะให้ใครทำ เพราะระบบผู้บริหารแบบองค์กรเอกชนไม่มี ทำหมด ซึ่งแพทย์บางท่านอาจจะไม่อยากจะทำในตรงจุดนี้ แพทย์ส่วนหนึ่งจึงลาออกไปทำงานเอกชนเพื่อได้รักษาเต็มที่ ยังมีอีกหลายปัญหาซึ่งมีผลต่อการลาออก เช่น การแบ่งฝักฝ่ายในองค์กร การคอรัปชั่น (แพทย์บางท่านอาจทำตัวแบบนั้น แต่บางท่านรับไม่ได ไม่เเอาด้วย) การเอาเปรียบจากผู้ร่วมงาน สภาพแวดล้อมต่างจังหวัดที่ความเจริญไม่ทั่วถึง แพทย์ที่มาทำงานจบใหม่ ผ่านมาหลายปีมีลูกต้องหาสถานที่เรียน อนุบาล ประถม มัธยม แต่คุณภาพมาตรฐานโรงเรียนต่างจังหวัดคุณภาพก็ตามแต่ละที่ สวัสดิการที่ได้รับก้อาจมีส่วนบางที่ ไปอยู่อำเภอเล็ก การกินการอยู่ลำบาก ต้องทำกับข้าวเอง หรือบ้างที่ดีหน่อยก็มีสวัสดิการให้  การเดินทางลำบาก เช่น เวลาจะกลับบ้านสักครั้ง ต้องนั่งรถจากอำเภอ เข้าในเมือง ต่อรถกลับ บางครั้งก็ลำบากนะครับ  อาจมีคนแย้งว่า แล้วทำไมข้าราชการอื่นถึงอยู่ได้ แต่แพทย์อยู่ไม่ได้เหรอ ผมว่ามนุษย์ทุกคนไม่เหมือนกัน อีกเหตุผลหนึ่ง นักเรียนที่สอบแพทย์ได้มักมาจากโรงเรียนในเมืองใหญ่ๆ ดังนั้นเมื่อทำงานใช้ทุนเสร็จก็อยากกลับบ้านดูแลพ่อแม่ บางคนโชคดีมีตำแหน่งย้ายกลับมา ที่เหลือก็ลาออกแทน ง่ายดี เรื่องเงินเดือนก็มีส่วนนะครับ ไม่พูดละกัน คงรู้ดีแล้ว ผมว่ามันมีเหตุผลหลายๆอย่างที่ทำให้แพทย์ลาออกไปอยู่ในเมือง หรือระบบเอกชน เมื่อทำงานแล้วมีแต่ปัญหาเกิดขึ้นทุกวัน ย่อมเริ่มท้อ หมดไฟ มองไปดูเพื่อนแพทย์ที่อยู่เอกชน เกิดการเปรียบเทียบ สบายกว่า เงินดีกว่า สภาพแวดล้อมดีกว่า..........คงมีแพทย์หลายท่าน เคยคิดแบบนี้ เออ คงไม่ผิดหรอกครับ ที่มนุษย์หาความสะดวกสบายและมั่นคงในชีวิต เพื่อหารูปแบบการใช้ชีวิตที่ตัวเองคิดว่าดีกว่านะครับ ผมว่าแพทย์ที่มีความคิดจะใช้ทุนทำงานตอบแทนสังคม ผมว่าโอเคแล้ว บางท่านจบมา จ่ายเงิน ลาออกทำเอกชนเลย น่าเสียดายแทนตาสีตาสาที่ต้องการหมอ หากจะให้ทำสัญญาทาส 20 ปี ผมว่าคงไม่มีคนเก่งเรียนแพทย์ หนีไปเรียนสาขาอื่นหมด (เช่น ตอนนี้ก็เริ่มเรียนนิติศาสตร์มากขึ้น)  ปัญหาก็ส่งผลกระทบอีกแหละคัรบ ที่นี่ เราอาจจะต้องนำเข้าแพทย์ฟิลิปปินื หรือจากตะวันออกกลางมาแทน คงไม่เกิดผลดีแน่ ทางออกผมว่า ค่าตอบแทนให้กับแพทย์ผู้ทำงานหนักตามสมควรเหมาะสม เพื่อจะได้มีกำลังใจ คิดเป็นwork load บางรพ.นะคัรบ  แต่ถ้าให้เลือกคงมีบางท่านอยากได้เวลาพักผ่อน นอนหลับมากกว่าเงินอีก กระจายความเจริญไปสู่ต่างจังหวัด เพื่อมีลุกหลานจะได้มีที่เรียน ไม่ต้องย้าย เพิ่มสํวีสดิการในกรณีไปอยู่อำเภอเล็กๆ ไกลๆ บางคนเวลาจะกลับบ้านลำบาก หารถเข้าเมืองลำบากนะ คิดดูละกัน หมอสาวๆ คงไม่มาอยู่แน่ ลดภาระงานแพทย์ ให้มีเวลารักษาคนไข้เต็มที่ งานบ้างอย่าง ต้องแบ่งให้เจ้าหน้าที่อื่นทำ ผมคิดได้แค่นี้นะครับ ง่วงนอนแล้วคัรบ แต่ผมว่าไม่เฉพาะแพทย์นะ พยาบาลก็ทำงานหนักเหมือนกัน จ่าพิชิต ขจัดพาลชน หากมายินดีต้อนรับ จะส่งแนวร่วมไปต้อนรับนะครับ 55555 กล้ามาป่าวครับ จากคุณ : บางนรา - [ 4 ต.ค. 50 01:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 64 กว่าจะอ่านจบ... ขอพูดอะไรมั่งเหอะ ในฐานะ นศ.พ.(เรื่องลาออก ยังไม่ต้องไปคิด.... คิดแค่ว่าจะจบได้รึเปล่าก่อนละกัน) สัญญาของ นศ.พ. เป็นสัญญาปลายเปิดนะครับ คุณ กาแฟร้อน ผมไม่ทราบว่าคุณรู้รึเปล่า นั่นหมายความว่ารัฐจะฉีกสัญญาตอนใหนก็ได้ แต่นักศึกษาไม่มีสิทธิ์ที่จะยกเลิกสัญญานั้น(อ้อ มีทางนึง คือ จ่าย 444,444 บาท 44 สตางค์) ซึ่งมันก็เขียนไว้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว(เรื่องนี้เล่าให้ฟังเฉยๆ ^ ^) แล้วถ้ารัฐเปลี่ยนสัญญาเป็น 20 ปีล่ะ เกิดอะไรขึ้น... ผมก็มั่นใจเลยว่า ผมและเพื่อนผมทั้งหลายคงไม่มีใครรับสัญญา 20 ปีได้หรอกครับ... คุณลองคิดดูว่า ถ้าคุณต้องโดนกำหนดแนวทางในชีวิตไป 20 ปี... คุณจะยอมรับได้มั้ย... ไม่ต้องมาพูดว่า อาชีพอื่นเค้าทำได้... แต่ละคนเค้าแตกต่างกันครับ... เพื่อนสนิทผมมันบอกว่า จบสัญญา 3 ปี มันจะลาออกแล้วไปเรียนเป็นนักวิจัยเพื่อวิ่งตามความฝันของตัวเอง... มันประกาศชัดเจนว่ามันไม่อยู่ราชการ เพราะเหตุผลของมันคือ "ไม่มีอิสระในการทำงาน" คุณคิดจะเข้าใจความแตกต่างของคนมั้ย... ประเด็นเรื่อง สัญญา 20 ปีผมจึงมองว่าเป็นประเด็นไร้สาระ และไม่สามารถทำจริงได้ครับ... เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ 1.คนสละสิทธิ์มาก(คงไม่มีคนฉลาดที่สติดีคนใหนยอมเซ้นมันหรอก ) 2.หมายความว่ามาตรฐานของ นศ.พ. จะตกลงไปมาก(ยอมรับเหอะ คนที่ไม่เก่งได้เข้าเรียน มันทำให้มาตรฐานตกจริงๆ) 3.หมอที่ได้ มาตรฐานตกลง(ผมไม่ได้พูดว่ามาตรฐานการสอนตกลงไปนะครับ แต่ผมพูดว่า พื้นฐานความรู้ของหมอจะลดลง) คุณต้องการหมอที่ไม่มีคุณภาพเหรอ เข้าเรียนไปก็เรียนไม่จบ... ไม่เปลืองงบประมาณมากกว่าอีกเหรอ... มันไม่ยิ่งวุ่นวายไปใหญ่อีกเหรอเกี่ยวกับคดีฟ้องร้อง ประเด็นต่อมา... เหตุผลที่ลาออก 1.โดนฟ้อง... คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย... % โดนฟ้องต่ำมากๆ คุณลองคิดเองละกันนะครับ อย่างโรงพยาบาลที่ผมไปเรียนอยู่ คนไข้ OPD ตอนเช้าวันหนึ่งๆประมาณ 100 คน/หมอ 1 คน หมายความว่า 1 สัปดาห์ ต้องตรวจคนไข้ 500 คน(เอาเฉพาะวันราชการ) 1 ปี ต้องตรวจคนไข้ 500*52=26,000 คน สมมุติว่าหมอ 1 คน ทำงานได้ 30 ปี หมายความว่า ต้องตรวจคนไข้ 26,000x30 = 780,000 คน(อ้อ ไม่รวมคนไข้ที่เราต้องเข้าเวรต่างๆนาๆอีกนะ) สมมุติว่าโอกาสที่หมอจะโดนฟ้องอยู่ที่ 0.001% ก็หมายความว่าในเวลา 30 ปี มีโอกาสโดนฟ้องทางสถิติถึง 7.8 ครั้ง!!!! คุณเคยโดนฟ้อง ต้องไปขึ้นศาลมั้ยครับ พิจารณาคดีครั้งนึง 2-3 ปี สรุปว่าคุณต้องเป็นทุกข์กับคดีไปประมาณ 20 ปี จากทั้งหมด 30 ปี มีเวลาที่คุณสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจได้เพียงแค่ 10 ปีจาก 30 ปี ในการทำงานของคุณ แค่คิดอย่างงี้ผมก็คิดจะลาออกแล้วครับ เดี๋ยวไปอ่านหนังสือต่อก่อน แล้วเดี๋ยวว่างๆจะมาต่อครับ จากคุณ : Umiki - [ 4 ต.ค. 50 01:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 65 #58 ก็ที่ผมยกมาก็คือสาเหตุที่หมอไม่อยากทำงานรพ.รัฐไงครับ เรียน6ปีเทียบเท่าป.โท(จริงๆเรียนหน่วยกิตเยอะกว่าป.ตรี+โทในหลายๆสาขาเสียอีก) แต่ทำงานหารออกมาได้เงินต่อชั่วโมงน้อยกว่าวิศวกรจบใหม่หลายคนเสียอีก อ้อ เงิน4หมื่นที่คุณว่า วิศวกรจบใหม่หลังจากเรียนมา4ปีทำงานบ.ข้่ามชาติ ทำโอทีประจำก็หาได้ไม่ยากครับ แถมนับชั่วโมงทำงานแล้วน้่อยกว่าหมอเยอะเลย แปลกดีไหม ่ผมคิดว่าเงินเดือนอาจเป็นส่วนหนึ่งแต่สิ่งสำคัญที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจลาออกจากรพ.รัฐมากกว่า ก็คือ load ในการทำงานของรพ.รัฐ ถ้าให้อาชีพอื่นๆมีจำนวนชั่วโมงการทำงานต่อเดือนเท่าหมอ ก็ทำไม่ไหวเหมือนกัน(อาชีำพยาม ยังมีชั่วโมงการทำงานน้อยกว่าเลยนะ) ถ้ามีทางเลือกอื่นๆที่ดีกว่า(รายได้ดีกว่า/เงินเดือนมากขึ้นด้วย)รับรองว่าลาออกกันเยอะแน่ๆครับ หรือต่อให้เงินเยอะขึ้น แต่ืำทำงานหนักแบบหนึ่งปีแล้วเหมือนอายุลดไปหลายปี ก็คงไม่มีใครอยากทำหรอก ถ้าไม่ได้เดือดร้อนหรือไร้ทางเลือกจริงๆ ส่วนเรื่องใช้ทุน ผมพูดประชดคนที่บอกว่าเพราะหมอได้รับการอุดหนุนจากรัฐตอนเรียนไงครับ ก็เลยถามกลับว่าแล้วคณะอื่นๆ รัฐไม่ได้ลงทุนหรือไง? วิศวะน่ะ รัฐอุดหนุนต่อคนน้องๆหมอเลยล่ะ แต่ไม่เห็นต้องบังคับทำงานกับรัฐตรงไหนเลย แล้วจะไปด่าคนที่ลาออกว่าไม่ตอบแทนบุญคุณภาษี มันก็ไม่แฟร์สักเท่าไร เพราะคณะอื่นๆมันก็กินภาษีเขาเหมือนกันน่ะแหละ ทำไมไม่เห็นไปว่าเขาบ้าง แต่ถ้าบังคับวิศวะไปทำงานกับรัฐ 3ปี หรือชดใช้เงิน 2แสนบาท(เทียบอัตราส่วนจากหมอใช้ทุน4แสน) ผมว่าคนเรียนวิศวะน้อยลงซะอีกนะ คุณอาจคิดว่าทำงานกับรัฐก็มั่นคงดี แต่ถ้าคุณมีตัวเลือกที่รายได้แตกต่างกันมากๆ แบบบ.เอกชน มันก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างล่ะ ส่วนอัตราการฟ้องร้องหมอ ก็เพิ่มขึ้นมากในช่วงหลายปีมานี้ แต่เรื่องแปลกก็คือกรณีที่แพทย์ทำผิดจริงๆ ผิดจรรยาชีพ ประมาทเลินเล่อ ก็ยังมีน้อยเหมือนเดิม แต่จำนวนคนฟ้องมากขึ้น เพราะได้รับการยุยงจากทนายบางกลุ่ม และสื่อบางหัว รวมไปถึงความเข้าใจผิดของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ที่คิดว่าการรักษาคนเหมือนการซ่อมสิ่งของ ที่ต้องหาย 100% ถ้าไม่หายแปลว่ารักษาผิดพลาด ซึ่งมันไม่จริง แม้แต่โรคหวัด ต่อให้หมอดูแลดีแค่ไหนก็ยังมีโอกาสตายได้จากภาวะแทรกซ้อนบางอย่างที่เหนือความควบคุมของเทคโนโลยีปัจจุบัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยไม่ยอมหาความรู้หรือไม่มีคนอธิบาย ก็เลยมักเข้าใจผิดไปเอง ส่วนหนึ่งก็ต้องโทษหมอที่อาจสื่อสารไม่ดี แต่เรื่องนี้ก็ต้องมองว่าหมอload งานเยอะจนแทบไม่มีเวลาคุยหรืออธิบายเลยตะหากด้วย ปัญหาก็งูกินหางแบบนี้แหละครับ งานหนัก--> ไม่มีเวลาอธิบายให้คนไข้--> ญาติคนไข้เข้าใจผิด--> ฟ้องมั่ว--> หมอเสียกำลังใจ/ไม่อยากเสี่ยงเลยลาออก-->หมอในรพ.รัฐเลยเหลือน้อย--> งานก็เลยหนัก การเข้าถึงข้อมูลในยุคใหม่ทำได้ง่ายขึ้น แต่ทัศนวิสัยและสายตาของคนกลับแคบลง ก็แปลกดี จากคุณ : ....4จุด - [ 4 ต.ค. 50 08:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คิดง่ายๆแบบมองโลกตามความเป็นจริง ถ้าอาชีพหมอ ร.พ. รัฐ มันจูงใจให้คนทำงานเขาคงไม่ลาออก เรื่องมันก็มีอยู่เท่านั้น จากคุณ : Nexus - [ 4 ต.ค. 50 09:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ทำไมหมอลาออกจากระบบราชการมาก   และมีแนวโน้มสูงขึ้น จากที่อ่านผ่านๆมาข้างบน.......................... ส่วนใหญ่สาเหตุมาจาก กลัวถูกฟ้อง...จากการรักษาที่อาจผิดพลาด อีกอย่างรพ.เอกชน  เงินดีกว่า  อนาคตสดใส...เมืองไทยเป็นศูนย์กลางแพทย์ของภูมิภาคนี้   หากินกับลูกค้าระดับบนดีกว่า...ไม่เปลืองตัว... หมอในรพ.เอกชนหลายแห่ง  ก็เคยทำงานในระบบราชการมาก่อนทั้งนั้น แล้วยังมีพวกเหยียบเรือสองแคมเช่นกันไม่น้อย    เพราะหมอด้านหนึ่งคือ คนธรรมดาที่ใฝ่หาความมั่นคงทางเศรษฐทรัพย์เช่นกัน   พอเบื่อระบบราชการตายซาก   ก็อยากน้ำใหม่ๆที่มาปรุงแต่งชีวิตให้สมบูรณ์ประกอบกับ ค่านิยมทางวัตถุที่มาแรง   ทำให้วิชาชีพหมอกลายเป็นธุรกิจมากขึ้นในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา     แต่หมอในระบบราชการมีเป้าหมายที่แตกต่างจากภาคเอกชน    เพื่อ  ต้องคำนึงถึงการช่วยมนุษย์มากกว่าผลกำไรเช่นรพ.เอกชน ตรงนี้ คือ  ระยะผ่านที่กำลังกลายเป็นทางสองแพร่งของจริยธรรมหมอ  การกลัวถูกฟ้อง  ก็ยิ่งกลายเป็นแรงผลักดันให้หมอในระบบราชการอยากออกไปสู่โลกใหม่ด้วย    เพราะ ระบบการรักษาของภาคเอกชนดีกว่า  คนไข้มีระดับ เพราะเงินเป็นตัวชี้นำทิศทางการรักษา และพร้อมปกป้องความผิดพลาดจากการรักษา เนื่องด้วยสามารถตรวจได้รอบด้านรอบคอบกว่า   ใช้เป็นข้ออ้างอิงในการรักษาและสื่อสารกับคนไข้ได้หลากหลาย....คือ ช่วยให้คนไข้เข้ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากขึ้น  ภาระรับผิดใดๆก็น้อยลงโดยปริยาย... ว่าถึงที่สุดแล้ว............................ งานรักษาพยาบาลมนุษย์มิควรทำเป็นเชิงการค้า เพราะ ถ้าธุรกิจโรงพยาบาลเจริญมากเท่าใด  นั่นแสดงว่า  แนวทางสาธารณสุขของปท.ย่อมสะท้อนทิศทางที่ผิดพลาดแน่   ที่ถูกคือ ปชช.ควรรู้จักการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานด้วนตนเอง  ไม่ใช่ฝากสุขภาพไว้กับคนอื่น...เพราะมิฉาทิฐิเช่นว่า   จึงทำให้ผู้ป่วยล้นทะลักมิเคยลดถดถอย  มีหมอมากขึ้นสักเพียงใด   ก็ไม่อาจเพียงพอต่อการพยาบาลดูแลประชากรที่ไม่ยอมรับผิดชอบดูแลตนเองเป็นปฐม  หรือถือคติผิดๆจนปรกติว่า  เป็นอะไรก็หาหมอร่ำไป........ดังนั้น  ในแง่นี้  หมอในระบบราชการจึงมีภาระหนักมาก  ดุจการเติมน้ำในโอ่งที่มีรูรั่ว แตกร้าว  ...อาจกลายเป็นงานจำเจซ้ำซากที่เห็นความสำเร็จยาก    เพราะถ้าถือว่า  ความฝันของหมอที่มีจริยธรรมคือ สุขภาพดีถ้วนหน้าปชช.ยิ้มย่องผ่องใสแล้วไซร้    ...วิถีสุขภาพคนไทยวันนี้คงเห็นแสงหวังนั้นยาก    เพราะเมื่อกระโดดมาดูวิถีการบริโภคของสังคม  มันเต็มไปด้วยเรื่องที่ทำให้สุขภาพย่ำแยมากกว่าจรรโลงสร้างสรรสุขภาพ  เช่น  อาหารปรุงแต่ง   เหล้าเบียร์   ความไร้ระเบียบของสังคม   ขาดการออกกำลังกาย ยาเสพติด..... ที่จริงเรื่องขยาดของหมอวันนี้ ที่กลัวการถูกฟ้องนั้น   น่าจะยอมรับการคานอำนาจทางสังคมอันเป็นกลไกตรวจสอบปรกติที่พึงมี    เพียงแต่ว่า เมื่อก่อนไม่มีไม่ชัด  แต่ปชช.จะศรัทธาและเชื่อหมอในทุกกรณีเสมอมา    ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังให้ความเคารพหมอไม่ต่างจากเดิมในภาคชนบท    อย่างไรเสีย  ก็มีแพทยสภาเป็นองค์กรพิทักษ์สิทธิปกป้องวิชาชีพหมออยู่    ซึ่งก็ทำหน้าที่ลดแรงกระแทกจากกรณีฟ้องร้องไปได้มากมิใช่หรือ... จากคุณ : dicky5 - [ 4 ต.ค. 50 09:32:37 ]

ความคิดเห็นที่ 68 #13 มันเป็นความจริง ทำเป็นรับไม่ได้เชียวรึ คุณหมอที่ดี มันก็แค่ 1 ในล้านส่วนเท่านั้นแหละ จากคุณ : ปีศาจหมายเลข5 - [ 4 ต.ค. 50 09:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 69 คุณคิดจะเข้าใจความแตกต่างของคนมั้ย... ประเด็นเรื่อง สัญญา 20 ปีผมจึงมองว่าเป็นประเด็นไร้สาระ และไม่สามารถทำจริงได้ครับ... เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ 1.คนสละสิทธิ์มาก(คงไม่มีคนฉลาดที่สติดีคนใหนยอมเซ้นมันหรอก ) 2.หมายความว่ามาตรฐานของ นศ.พ. จะตกลงไปมาก(ยอมรับเหอะ คนที่ไม่เก่งได้เข้าเรียน มันทำให้มาตรฐานตกจริงๆ) 3.หมอที่ได้ มาตรฐานตกลง(ผมไม่ได้พูดว่ามาตรฐานการสอนตกลงไปนะครับ แต่ผมพูดว่า พื้นฐานความรู้ของหมอจะลดลง)// Umiki *********************************************** หลงตัวเองไปแล้ว"หลานเอ๊ย" จากข้อ1ของหนูนะ นร.ม.6ที่สมัครเอ้นแพทย์นั้น 3.5ขึ้นแทบทั้งนั้นครับ.เพราะเขารู้ว่า ต่ำกว่านี้ อย่าหวัง ในเรื่องฟลุ๊คๆ และปีหนึ่งๆ มีนร.กลุ่มนี้กี่พันคนครับที่สมัครคณะนี้.. แพทย์จะไร้ความสามารถก็เพราะพวกหลงตัวเองนั่นแหละ ว่าข้านั้นฉลาดกว่าคนอื่น. จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 09:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 70 หา Dr. K มาทำงานละกันจะได้ไม่มีพลาด จากคุณ : wingzero (l6oyomk) - [ 4 ต.ค. 50 09:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คิดง่ายๆแบบมองโลกตามความเป็นจริง ถ้าอาชีพหมอ ร.พ. รัฐ มันจูงใจให้คนทำงานเขาคงไม่ลาออก เรื่องมันก็มีอยู่เท่านั้น จากคุณ : Nexus ************************************************ สรุปว่ามันขาดแรงจูงใจ แบบใดครับ..เงินรึ40000/เดือน น้อยไป ตำแหน่ง..ตันรึ........ ไม่มีศักดิ์ศรีรึ........ ถ้าคิกแบบคุณนะ...สงสารข้าราชการหน่วยอื่นๆครับ...ทนอยู่แม้มันจะไม่มีแรงจูงใจ หรือพยาบาล/จนท/ลูกจ้างเงินบำรุงในรพ.ครับ... จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 09:53:18 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ....4จุด / คุณสับสนกับคำพูดตัวเองแล้วครับ..กลับไปอ่านซะ.. จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 09:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ผมถามน้าผมมา ว่าทำไมถึงลาออก (หมอเหมือนกัน)     น้าผมบอกว่า การทำงานในหน่วยงาน(ภาควิชา) ต้องทำงานหนัก และบางงานก็ต้องทำคนเดียวเพราะหมอคนอื่น ๆ ออกไปทำเอกชน หรือ ทำคลินิก หรือ เหยียบเรือสองแคมกันหมด และการตัดสินใจทำ อะไรค่อนข้างล่าช้า และงานที่ทำไม่เป็นอิสระ (ตกภายใต้การควบคุม ของหัวหน้าภาค) เหนื่อย และเครียด     เงินเดือนหมอไม่พอกินหรอกครับ ทุกคนไม่ใช่ว่าจะได้ 4 หมื่น เท่า หมอแมวอะ     และที่เอาหมอ มาเป็นผู้บริหาร นั่นก็เพราะว่า เวลาหมอรุ่นใหม่ ๆ ต้องการ จะปรับปรุง หรือซื้อเครื่องมือ หรือ เบิกอะไรใหม่ ๆ มันต้องให้หมอพิจารณาครับ เอานักบริหารมาพิจารณา ก็จะคิดถึงแต่กำไรน่ะสิ หมอจะรู้ว่าเครื่องมือนี้ราคา เท่านี้ มันจะสามารถช่วยคนไข้ได้มากแค่ไหน ประสิทธิภาพดีแค่ไหน และก็ หมอตำแหน่งบริหารบางคน เขาก็ทำผ่าตัด หรืออยู่เวรคนไข้อยู่นะ ได้เงิน ตอบแทนจากตำแหน่งบริหารมาก็จริง แต่ก็ต้องทำงานเหนื่อยกว่าคนอื่นอะ     หมอบริหารจะได้จัดการเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ใช่การรักษาบ้าง ก็เช่น เรื่องการ สร้างส้วม แหละ ส่วนเรื่อง ออกแบบแปลนห้องผ่าตัด และห้องตรวจคนไข้ ใหม่ หมอบริหารก็ต้องเข้ามาดูเรื่องงบประมาณ การซื้อเครื่องมือว่าจะคุ้มไหม     ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน หมอบริหาร จะเหนื่อยยิ่งกว่า เพราะต้องหาคนไข้ มาให้หมอการันตีทำ อีกด้วย ถ้าไม่เอาหมอมาบริหาร และจะเอานักบริหารมางั้น เหรอครับ หมอรัฐบาลบางคนก็ชอบก้าวสู่ตำแหน่งบริหาร เพราะมันได้เงินเพิ่ม ด้วยนั่นแหละ นั่นก็เป็นเพราะหมอมีครอบครัว หมอต้องใช้เงินล่ะครับ     ส่วนเรื่องภาษีที่ผมพูดถึงนั้น ผมไม่ได้ทวงบุญคุณนะ ผมหมายถึงว่า หมอที่รายรับมาก ก็ต้องเสียภาษีมาก เหมือนคนธรรมดาแหละ แต่หมอ ก็ไม่ได้โกงชาติโกงเมืองนะครับ     ทุก ๆ วันนี้ บ้านผมอยู่แถว ๆ หอพัก นศ.แพทย์ ผมเห็น นศ.แพทย์ เขาใช้ชีวิตมีความสุขดีนะ ไม่รู้หมอใหม่ ๆ จบมาจะเป็นอะไร     อ่อ! ผมก็เป็นคนนึงที่หวังจะเข้าศึกษาต่อ ในคณะแพทยฯ นะครับ ผมก็ไม่รู้ชีวิตของตนเองเหมือนกันว่าเป็นหมอจะเป็นยังไง แต่เท่าที่สังเกต พ่อกับแม่กับน้าของผม ทุกท่านเหนื่อยจากการทำงานอย่างมาก มีหมอคนไหนบ้างครับ ที่ไม่แตะเอกชนเลย ไม่เปิดคลินิกครับ  ยกเว้นหมอที่พ่อ แม่รวยอยู่แล้วนั่นแหละครับ หรือหมอที่หาภรรยารวยได้ กับหมอที่มีุอุดมการณ์ ความอยากเป็นแพทย์อย่างแท้จริงครับ หมอที่รับใช้รัฐบาลแบบไม่แตะเอกชน ไม่เปิดคลินิก รับรองว่าเกิดความภูมิใจใน ตัวเอง แต่ชีวิต และครอบครัวของคุณล่ะ ถ้าหากยาจกมาก ๆ มันก็อยู่ไม่ไหว นะครับ ผมเองก็ไม่อยากสมถะ เท่าที่เห็น หมอทำงานดึก ๆ อยู่เวรดึก ๆ ทำงานรัฐบาล ส่วนมากก็ยังไม่มีครอบ ครัวทั้งนั้นอะครับ ถ้ามีครอบครัวแล้ว รับรองว่าต้องคิดอีกแบบครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 10:08:19 จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 4 ต.ค. 50 10:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ *แปลกนะ หลายครอบครัว( หลายพันหลายหมื่นมัง แต่ผมไม่รู้จัก) หฟมองานเยอะ หมอเหนื่อ หมอเสี่ยงโดนฟ้อง..แต่ทำไม๊ไม่ห้ามลูกเรียนหมอ สอนลูกว่า ลูกเอ๊ย เป็นหมอนั้นเหนื่อยนะลูก หรือสั่งห้ามไปเลย ว่าอย่าเป้นหมอนะ เพราะ ไอ้คนอย่างนายกาแฟร้อนมังจ้องจับผิด ถ้าลูกลาออกไปทำงานเอกชน เปล่าเลยครับ พ่อเป้นหมอ แม่เป้นหมอ ลูกๆกำลังจะเป้นหมอ ยกตัวอย่างให้ฟังนะ หมอคลีนิคที่สะพานสองลาดพร้าว..พอ...อะไรนั่นแหละ พ่อหมอเจ้าของคลีนิคเป้นหมอ   ส่งลูกๆ2คนเป้นหมอหมด(ออกมาเปิดคลีนิคจนรวยอู้ฟู้ทั้งคู่) ลูกๆของหมอดำ..คนนี้ก็เป้นหมอ...(ผมไม่พอถึงความฉลาด) อย่างครอบครัวคุณ ....ทั้งอา ทั้งพ่อ ทั้งแม่..นี่คุณกำลังจะก้าวไปหาความหายนะอีกหรือ5555 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 10:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ก็ง่ายๆครับ ถ้ามันมีแรงจูงใจใครจะลาออก? ผลมันก็เห็นๆกันอยู่ แค่นี้ยังนึกไม่ออกอีกเหรอครับ ไม่น่าจะต้องถามผมกลับให้เสียเวลาเลย เหตุผลต่างๆเขาก็ยกกันมาแล้วจากผู้ที่ทำงานจริงมีประสบการณ์ตรง ส่วนข้อเถียงของคุณกาแฟนั้นก็เป็นการมองจากสายตาของบุคคลภายนอกเท่านั้นเอง โดยอาศัยทัศนคติและการให้คุณค่าของคุณเองมาตัดสินคนอื่น ผมย้ำชัดๆนะครับว่า ผลมันเห็นกันชัดๆว่าแพทย์ลาออกเพิ่มขึ้น และมันจะเป็น Negative Feedback ส่งผลให้คนที่เหลือทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆและคนที่ลาออกจะเพิ่มขึ้นอีก ตราบเท่าที่ยังแก้ปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมไม่ได้เรื่องมันก็ไม่ดีขึ้นหรอกครับ ต่อมาส่วนตอบปัญหา "สรุปว่ามันขาดแรงจูงใจ แบบใดครับ..เงินรึ40000/เดือน น้อยไป ตำแหน่ง..ตันรึ........ ไม่มีศักดิ์ศรีรึ........" เงินต่อให้มีเยอะแต่ถ้าไม่ได้ใช้มันก็ไม่มีประโยชน์ครับ ตำแหน่งสูงส่งขนาดไหนแต่ถ้าไม่มีความสุขมันก็เปล่าประโยชน์ ลองอ่านดูให้ดีๆแล้วก็จะพบว่าปัญหาจริงๆมันอยู่ที่ว่า หมอทำงานหนักเกินไป เพราะว่าเราเอาระบบสวัสดิการมารับใช้การเมือง โดยลืมคำนึงถึงสิทธิของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ว่าเขาก็เป็นคนนะ เขาย่อมต้องการชีวิตที่มีคุณภาพเหมือนกัน เขาย่อมต้องการการพักผ่อนเหมือนกัน เขาก็ต้องการวันหยุดเหมือนกัน แพทย์ก็คือแพทย์ ไม่ใช่เทวดาจะได้อิ่มทิพย์ ไม่ใช่พระอรหันต์จะได้ปราศจากกิเลส มองคนให้เป็นคน ไม่ใช่มองคนให้เป็นเทวดาแล้วจะรู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน "ถ้าคิกแบบคุณนะ...สงสารข้าราชการหน่วยอื่นๆครับ...ทนอยู่แม้มันจะไม่มีแรงจูงใจ หรือพยาบาล/จนท/ลูกจ้างเงินบำรุงในรพ.ครับ..." ถ้าจะให้ผมตอบตรงๆก็ต้องบอกว่าผมไม่สงสารครับ ถ้าคุณมีทางเลือกที่(รายได้)ดีกว่า แล้วคุณไม่ไปนั่นก็แสดงว่าคุณให้คุณค่ากับบางอย่างที่เหนือกว่ารายได้ อาจจะเป็นเวลา(ทำงานน้อยกว่าเอกชน) สวัสดิการ หรือศักดิ์ศรี ผมถือว่านั่นเป็นทางที่เขาเลือกเอง เพราะว่าคนเราแต่ละคนนั้นต่างกันและไม่มีทางที่จะทำให้คิดเหมือนกันได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ในส่วนของภาพรวมเราไม่สามารถคาดหวังให้ทุกคนให้คุณค่ากับสิ่งเหล่านี้ได้เหมือนกันทุกคน ดังนั้นแรงจูงใจที่สมเหตุสมผลจึงเป็นเรื่องที่เหนือกว่าแนวคิดแบบ Utopia ที่คุณกาแฟกำลังนำเสนอ(หรือจะเรียกว่ายัดเยียดก็ได้)ให้หมอทุกคนคิดเหมือนกันหมด ถ้าคุณเป็นนักการเมืองนะ ผมไม่เลือกแน่ๆ เพราะเป็นแนวความคิดที่ไม่ Practical สุดๆ ก็เหมือนกับการบอกว่าจะแก้ปัญหาคอรัปชันด้วยการปลูกฝังคุณธรรมนั่นแหละ.... แต่ถ้าผมจะทำก็คงจะเริ่มจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดซะก่อน แล้วหาช่องโหว่ในกฎหมายเพื่อปรับปรุงและพัฒนา เช่นเดียวกับเรื่องสมองไหลจาก ร.พ. รัฐ ผมคิดว่าทางแก้ปัญหาควรจะทำอย่างเดียวกับอาชีพนักบิน(ซึ่งเป็นอาชีพที่รับผิดชอบชีวิตคนเหมือนกัน) คือมีการกำหนดระยะเวลาการทำงานต่อหนึ่งสัปดาห์ให้แน่นอน และกำหนดให้แพทย์ **ต้อง** พักผ่อนอย่างพอเพียง ระยะเวลาการเซ็นสัญญาอาจจะเพิ่มเป็น 5 ปีและกำหนดค่าเลิกสัญญาเพิ่มขึ้น จากคุณ : Nexus - [ 4 ต.ค. 50 11:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คุณ นาย กาแฟร้อนครับ     เป็นหมอมันไม่ใช่ความหายนะนะครับ ถ้าหากคุณรักในสาขาอาชีพนี้จริง ๆ คุณต้อง อดทนได้ อีกอย่างคือ ไม่ตกงาน     ถ้าไม่ประมาทเลินเล่อ ก็คงไม่โดนฟ้อง ง่าย ๆ หรอกครับ ญาติผมส่วนมากเป็นหมออะครับ เท่าที่ดู ๆ แล้ว ชีวิตมันก็ไม่ได้แย่เท่าไรนะ หากบริหารเวลาและ งานได้เหมาะสมอะครับ พ่อแม่ผม และญาติทุกคน ไม่ได้สนับสนุนหรอก 555+ แถมยังบอกว่าให้ไปเป็นวิศวะ เพราะผม บ้ารถพอสมควรครับ แต่ความอยากเป็นหมอมันอยู่ในสายเลือดแล้วครับ จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 4 ต.ค. 50 11:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถูกของคุณ Nexus ที่หมอไม่ได้พักผ่อนเลยจริง ๆ ทั้งหมอเอกชนและรัฐบาลนั่นแหละครับ เงินเก็บ เก็บไว้ใช้ตอนแก่ ไม่ต้องไปเที่ยว ไม่ต้องไปไหนกันล่ะครับ คนเรียนเก่ง อยากเป็นหมอจริงหรือไม่ ผมก็ไม่รู้ครับ แต่ผมว่า ถ้าลูกติดหมอนี่ พ่อแม่ภูมิใจแน่ ๆ ครับ มันเป็นกำลังใจ ชีวิตของผู้ใหญ่ด้วย พ่อแม่ผม ไม่ได้สนับสนุนให้ผมเป็นหมอ แต่ปู่ ย่า ตา ยาย ค่อนข้างสนับสนุน ผมก็อยากขอบคุณความเป็นหมอของพ่อ ที่ทำให้ปู่ผมเลิกบุหรี่ได้ ความคิดของคนมันลึกซึ้งนะครับ จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 4 ต.ค. 50 11:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 78 บอกไปแล้ว ว่า... หลักใหญ่ที่เขาลาออก เพราะ  มันมีความแตกต่างกันมากเกินไป ระหว่างการเป็นหมอรํฐบาล กับเอกชน หรืออาชีพอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน (ไม่ใช่ในเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียวนะ รวมทั้ง ภาระงาน การคาดหวังจากสังคมในขณะนี่ทรัพยากรจำกัด  ฯลฯ) ดังนั้น ถ้าลดระดับความต่างเหล่านั้นลงได้ หมอก็ควรจะลาออกน้อยลง เมื่อเขามีทางเลือกที่ดีกว่า ไปอยู่เอกชน เงินเดือนมากกว่า 10 เท่า ทำงานน้อยกว่า คุณภาพชีวิตดีกว่า บางคนออกไปค้าขาย ไม่ต้องอดหลับอดนอนอาทิตย์ละหลาย ๆ วัน กลับบ้านได้เล่นกับลูก ได้ออกไปเที่ยวบ้างตามสมควร แล้วก็ไม่ได้ทำผิดกฏหมายอะไร มีสัมมาชีพเหมือนเดิม ทำไมจะไม่เอา ผมว่าเค้ามีสิทธิที่จะเลือกทางเดินนะครับ จะมาคาดหวังให้ทุกคนเข้าเรียนแพทย์ปั๊บต้องทิ้งความสุข ทิ้งชีวิตส่วนตัวไปเลย เป็นโลกในอุดมคติ ซึ่งบางคนยังคิดว่ามีจริงอยู่ครับ หมอบางคนใหม่ ๆ ก็คิดว่ามีจริง พออยู่ไปได้ซักพัก มีภรรยา มีลูก ตอนนั้นโลกแห่งความจริง ก็ปรากฏ ว่า หมอ ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่นั่นเอง ไม่ได้บรรลุอะไรที่ไหน หวังว่าคงเข้าใจ เรื่องกฏที่บังคับเพิ่มนั้น ผมคิดว่าคงไม่ได้ผล เพราะนี่ก็เพิ่มกันมาแล้ว จาก 4 แสน เป็น 1 ล้าน ผลปรากฏว่าหมอลาออกเพิ่มจากเดิมอีก เรื่องจะแก้ยังไงนั้น มันเป็นปัญหาที่ถกกันมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้จะทำยังไงเลย เพราะปัญหามันพันกันไปหมด ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ผู้เกี่ยวข้องก็พยายามแก้ในส่วนที่พอทำได้ไปบ้าง ซึ่งก็บรรเทาไปเท่านั้น อ่านทัศนคติของคุณนายกาแฟร้อนแล้ว ก็ชักอยากลาออกขึ้นมาทันที ความคาดหวังของบางคนขนาดนี้ จะรับไหวหรือ _ _" ไปขายเต้าฮวยดีกว่า แต่บังเอิญทำไม่เป็นซะด้วย เฮ้อ.. แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 11:55:20 จากคุณ : เหวเห้ว - [ 4 ต.ค. 50 11:53:18 ]

ความคิดเห็นที่ 79 สรุปว่ามันขาดแรงจูงใจ แบบใดครับ..เงินรึ40000/เดือน น้อยไป ถ้าคุณได้อ่านความเห็นผม จะรู้ครับ ว่า 40K ต่อเดือนมันไม่ได้เยอะหรอก งานสบายกว่าด้วย ซึ่งระดับสติปัญญาของหมอ ถ้าทำอาชีพอื่น ก็อยู่สบาย ๆ ครับ ไม่มีเข้าเวร หรือไม่แต่ไม่ต้องเข้า office เพื่อทำงาน คับที่อยู่ได้  คับใจอยู่ได้ ระบบมันไม่เอื้อให้ทำงานแล้วมีความสุข ก็คงไม่มีใครอยู่ แล้วที่คุณบอกว่า พ่อแม่ซึ่งเป็นหมอให้ลูกเรียนหมอ เพราะอะไรนะเหรอครับ เพราะมันก็เป็นอาชีพที่ทำเงินได้มีความเจริญได้ แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลรัฐนิครับ เค้าจ่ายเงินใช้ทุนก็จบ คุณอยากให้เป็นแบบนี้เหรอ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 12:06:54 จากคุณ : MAX - [ 4 ต.ค. 50 12:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 80 *แปลกนะ หลายครอบครัว( หลายพันหลายหมื่นมัง แต่ผมไม่รู้จัก) หฟมองานเยอะ หมอเหนื่อ หมอเสี่ยงโดนฟ้อง..แต่ทำไม๊ไม่ห้ามลูกเรียนหมอ สอนลูกว่า ลูกเอ๊ย เป็นหมอนั้นเหนื่อยนะลูก หรือสั่งห้ามไปเลย ว่าอย่าเป้นหมอนะ ------------------- อันนี้ขอให้ความเห็นนิดนึงครับ เพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับความฝันของลูกครับ ผมว่ามีอาชีพอีกมากมายที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่อยากให้ลูกเรียน เพราะพ่อแม่รู้ดีว่าจบออกไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่หากลูกชอบคุณจะฝืนเหรอครับ? ผมเลยสงสัย ว่าคุณกาแฟร้อน ให้ลูกเรียนในสิ่งที่ชอบ หรือให้ลูกเรียนในสิ่งที่คุณเห็นว่าดี? จากคุณ : zeros - [ 4 ต.ค. 50 12:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 81 #74 ผมว่ามันไม่แปลกนะ ที่พ่อแม่ทำงานอะไร ลูกก้อจะทำงานในสิ่งที่ใกล้เคียงกัน มันคงจะซึมซับมาตั้งแต่เด็กๆล่ะมั้ง พ่อแม่ที่เป็นหมอ คงจะไม่ห้ามให้ลูกเป็นหมอ อยากเรียนอะไรก้อเรียนไป ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นมากกว่า แต่สิ่งที่เด็กเห็น เด็กซึมซับมาตั้งแต่เด็ก คือ อาชีพ หมอ โอเค งานมันอาจจะหนักจริงๆ งานมันอาจจะเหนื่อยจริงๆ แต่เค้าเห็นคนที่นับถือพ่อแม่เค้าแล้ว ผมว่ามันน่าปลื้มใจครับ เป็นใคร ใครก้อปลื้มที่พ่อแม่เรามีแต่คนนับถือ มีคนชม ส่วนเรื่องสัญญาทาส ขนาดแค่ทุน ที่ให้เงินไปเรียน (ไม่ใช่แค่ลดค่าเทอม ค่าหอนะครับ มีข้อผูกมัดมากๆ เด็กยังไม่เอาเลยครับ แล้วยิ่งเป็นเด็กที่มีความฉลาด เค้ามีโอกาสที่จะเลือกมากกว่าครับ อย่าลืมนะครับว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก จากคุณ : ... (สายลับ 081) - [ 4 ต.ค. 50 12:29:00 ]

ความคิดเห็นที่ 82 แวะมาอ่านก่อนไปกินข้าว 1. เงินเดือนผมรวมกันทั้งหมดทั้งสิ้น 3หมื่นครับ 4หมื่นนั่นอยู่เวรวันเว้นวันเอาไว้ให้พวกมนุษญ์เหล็กเค้าอยู่กัน 2. สรุปว่าผมอ่านทัศนคติของบางคนในนี้ ก็เข้าใจว่า บางคนมองอะไรในมุมของตนเองและไม่เข้าใจ รวมทั้งไม่มีวันเข้าใจคนอื่น คุณกาแฟร้อนเอง ตั้งแต่กระทู้ปลายหวายแล้ว ผมได้แนะนำไปแล้วว่า ถ้าแม้นว่าคุณยังไม่รู้จักโรคของคุณดีพอ คุณอย่าไปพิสูจน์เลย เพราะผลที่ออกมา มันวัดไม่ได้ แต่ก็ยังไปพิสูจน์ คุณกาแฟร้อนก็ยังเถียงผมว่ารู้จักดีแล้ว นี่นะไปเข้าอุโมงค์มาแล้ว ไปกินยามาแล้ว หมอบอกอย่างนั้นอย่างนี้ ความเข้าใจของคุณกาแฟร้อนก็คือ คุณคิดว่าคุณเข้าใจโรคของคุณดี ซึ่งลองถามดูแล้ว ชื่อโรคก็ไม่รู้ กลไกหรืออาการเบื้องต้นก็ไม่รู้ แถมบอกว่าโรคตับเกิดจากcelebrex หยุดกินยาแก้ปวดแล้วปวดมากขึ้น คุณกาแฟร้อนเข้าใจว่าเป็นเพราะ"กินมานานแล้วหยุดกิน" สมมุติกรอบความคิด ยืนนั่งผิดท่า ปฏิบัติตัวผิด พันธุกรรม --> กระดูกเอ็นสันหลังอักเสบ --> ปวดหลัง(+ปวดกล้ามเนื้ออื่นๆ) --> กินยา --> หายปวดทั้งหลังและกล้ามเนื้ออื่นๆ --> หยุดกิน --> ปวดกล้ามเนื้อ ในกระทู้ก่อน ความเข้าใจแรกของคุณคือ การใช้ยานานทำให้เกิดปวดกล้ามเนื้อ โทษยา ไม่ได้โทษต้นเหตุแรก ในทำนองเดียวกัน หมอโดนฟ้องมาก ทำงานหนัก ประชาชนไม่เข้าใจ เครียด ถูกฟ้องทั้งที่ไม่ผิด --> หมอลาออก --> ไม่มีคนตรวจ --> หมอที่เหลือทำงานหนัก คุณกาแฟร้อนก็เอาแต่เข้าใจว่า ที่หมอขาดเป็นเพราะหมอลาออก หมออยากได้เงินเพิ่ม ทั้งที่อธิบายไปหลายครั้ง... คุณกาแฟร้อนก็ยังถามและสรุปความเช่นนี้ ผมบอกไปหลายครั้งแล้วว่า โดนฟ้องน่ะไม่กลัว แต่ที่กลัวคือไม่ได้ทำผิดแต่โดนร้องเรียนซึ่งเจอเยอะมากในปัจจุบัน คุณกาแฟร้อนก็ยังพูดเหมือนเด็กๆที่ไม่เคยเห็นโลกว่าให้ไปนับว่ามีกี่% งี่เง่าน่าครับ ไอ้ทำผิดจริงแล้วโดนฟ้องเนี่ยธรรมดาโลกทำผิดพลาดเลินเล่อจริง ต้องชดใช้ค่าเสียหายตามสมควรน่ะก็ว่ากันไป อาชีพไหนมันก็เสี่ยงทั้งนั้น แต่ถ้าคุณไม่ได้ทำผิด ทำถูก แต่โดนใส่ร้าย ทำถูกต้อง แต่คนไข้หรือญาติคิดว่าคุณทำผิด ... หรือรู้ว่าคุณทำถูก แต่หาช่องโหว่เพื่อมาร้องเรียนเอาเงินจากคุณ คุณรับได้หรือครับ แค่มันเกิดขึ้นสักครั้งนึงในชีวิต คุณก็แย่แล้ว ผมเองโดนไปหนึ่งครั้ง ยังแทบร้องไห้ คนรอบๆตัวผมโดนกันไปคนละครั้งสองครั้ง ถ้าคุณกาแฟร้อนคิดอย่างนั้นจริงๆ สังคมที่คุณกาแฟร้อนอยู่ คงเป็นสังคมที่ไม่ต้องมีผู้พิพากษา ไม่ต้องมีตำรวจกระมัง จากคุณ : หมอแมว - [ 4 ต.ค. 50 12:47:39 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ผมอาจจะอายุน้อยกว่าคุณกาแฟร้อน เห็นโลกมาไม่เท่า แต่สิ่งที่ผมรู้จากประสบการณ์ที่ไม่มากของผมคือ อย่าได้เอามุมมองของfiledที่ตนเองไม่ถนัด ไปโต้แย้งอย่างหัวชนฝา ถ้าจะเสนอหรือวิจารณ์เรื่องใด ก็น่าจะต้องรู้เรื่องนั้นบ้าง ลองไปดูกระทู้ล่างๆ ที่มีคนวิจารณ์ทหารภาคใต้ ... บอกว่าทำไมโง่ไม่ติดที่กวาดหิมะไว้ที่หน้ารถเพื่อโกยเรือใบ ... ไปด่าเขาทั้งที่ชีวิตจริงไม่รู้เคยย่างเข้าภาคใต้หรือไม่ ผมไม่เคยไปเถียงหรือเสนอแนะการทำงานให้ฝ่ายปกครอง อำเภอ ผู้ใหญ่ กำนัน เพราะไม่ใช่ด้านที่ถนัด และผมไม่ชอบเหมือนกัน เวลามีคนที่ทำตัวเหมือนรู้เรื่องชีวิตของหมอ เข้ามาแนะนำแนวทางที่เหมาะสม เคยมีพระที่มีความรู้ จบปริญญาโท ... มาแนะนำผมว่าผมควรจะบริหารจัดการการดูแลผู้ป่วยอย่างไร ต้องดูแลผู้ป่วยอย่างองค์รวม ต้องฯลฯ blah blah blah ... ผมได้แต่ฟังแล้วยิ้ม เพราะฟังแล้วทฤษฎีมันถูกต้อง ใครๆก็รู้ หมอจะต้องสอนเรื่องกลไกการย่อยอาหาร หมอต้องสอนเรื่องแคลอรี่ ต้องสอนโภชนาการ ต้องไปเจาะเลือดทุกคน ใครผลผิดปกติ ต้องเรียกมาแนะนำอย่างใกล้ชิด ต้องประเมินผลทุกเดือน ต้องทำสมุดสุขภาพทุกคนในอำเภอ พอครบเดือนเอาสมุดมาให้หมอตรวจว่าใครดีไม่ดี ดีครับ แต่มีแต่ทฤษฎี ผมลองถามแนวทางปฏิบัติ ก็ไม่เห็นอะไรที่ทำได้จริง มีแต่แนวคิด ... แนวคิด คิดได้ครับ แต่ต้องตั้งบนพื้นฐานของประสบการณ์และการสัมผัสของจริง ต้องคิดแล้วเอาไปใช้ได้จริง ไม่ใช่สวยหรูในกระดาษ ไม่งั้นก็ไร้ค่า จากคุณ : หมอแมว - [ 4 ต.ค. 50 13:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 84 #72 ตอบคำถามผมก่อนสิครับ ผมเองตะหากที่งงตรรกะของคุณ อ้อเรื่องการฟ้องร้องเนี่ย ยกตัวเลขเดิมๆมาก็แล้วกัน เมื่อหลายปีที่แล้วบังเิอิญได้ไปค้นข้อมูลแพทยสภา จำได้ปีันั้นมีการฟ้องร้องผ่านแพทยสภา 108 คดี แต่ผิดจริงประมาณ 7คดีนี่แหละ(จำตัวเลขได้ไม่เป๊ะแต่ไม่ถึง10) แต่อีก 101คดี เป็นความเข้าใจผิดของญาติผู้ป่วย คนผิดจริงก็ต้องลงโทษเป็นเรื่องปกติ ทุกสาขาอาชีพมีการทำพลาดได้ทั้งนั้น แต่ไอ้ที่ไม่ผิดแล้วโดนฟ้องเพราะเข้าใจผิดไปเองเนี่ย แล้วคุณไม่คิดบ้างเหรอครับว่าเขาจะโดนอะไรบ้า่ง หลายๆคนโดนลงข่าวหน้า1 หรือโดนโจษจันไปทั้งจังหวัด ว่ารักษาพลาด แม้ภายหลังพิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่า ไม่ได้ทำผิด แต่เป็นเหตุสุดวิสัย แต่ก็ไม่มีนสพ.ไหนลงข่าวตาม ชาวบ้านที่ไม่ได้ติดตามข่าวก็ยังเชื่อว่าหมอคนนี้รักษาพลาดอยู่นั้นแหละ หลายคนต้องย้ายบ้าน ย้ายที่ทำงานเปลี่ยนจังหวัดไปเลยก็มีนะครับ เพื่อนผมคนนึงเคยเจอ ระหว่างการใช้ทุน เจอคนไข้ป่วยคล้ายหวัด ก็ให้ยาไปตามปกติ แล้วบอกว่าถ้ายังไม่หายให้มาหาใหม่ แต่ตอนหลังคนไข้ป่วยหนักขึ้นก็ไม่ยอมกลับมาหาอีกเลยไปหาหมอที่รพ.เอกชนแทน ก็พบว่าเป็นอีกโรคนึงซึ่งร้ายแรงกว่า แต่เคสนี้เพื่อนผมไม่ได้วินิจฉัยผิด เพราะตอนแรกอาการบ่งชี้ของโรคนั้นยังไม่ออกมา(อาการทั่วไปคล้ายหวัดธรรมดามาก) ต่อให้หมอเทวดาหรือไปเอกชนแต่แรกก็วินิจฉัยไม่ต่างกัน ทว่าแม่ของคนไข้คนนั่นฟ้องรพ.ที่เพื่อนผมใช้ทุนว่าทำการักษาผิดพลาดครับ แม้เขาจะไม่ได้ฟ้องเพื่อนผมโดยตรง แต่เพื่อนผมก็โดนคนนอกวงการ(ชาวบ้านแถวนั้น)มองอย่างเข้าใจผิดไปมากๆ จนต้องขอย้ายไปรพ.ชุมชนที่อื่นแทน เรื่องแบบนี้ยังมีอีกหลายเคสที่ไม่ได้เป็นข่าว และหมอใช้ทุนโดนกันมากขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะ ก็คงไม่แปลกที่จะทำให้กำลังใจลดลงเพราะความเสี่ยงที่มากขึ้น แม้ตัวเองไม่ผิดแต่ก็โดนฟ้องมั่วได้ง่ายๆ และเมื่อมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าก็คงไม่แปลกที่จะมีหมอหลายคนลาออกกันครับ จากคุณ : ....4จุด - [ 4 ต.ค. 50 13:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แปลกจัง ผมเงินเดือนหมื่นกลางๆ แต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง 8 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม กลับบ้านไปทำงานนอกอีก นอนตีสอง วันอาทิตย์ ต้องออกไปดูไซท์งาน รวมๆ ได้ทั้งปี ไม่เท่ากับหมอ 1 เดือน......... ก็เข้าใจนะว่า เงิน ความสบาย มันเป็นปัจจัยหลักของ คนทำงาน งานสบาย เงินเยอะ......ใครๆ ก็อยากได้อาชีพแบบนั้น พี่ผมเป็นหมอ มันทำงาน 1 ปี มีเงินเก็บเป็นล้าน ผมทำงานมา 10 ปี เงินแสนแทบไม่เคยแตะ....... อยากรู้จัก คนเป็นหมอ น่ะ เป็นเพราะอะไร - เงิน - อุดมการณ์ - เกียรติยศ ฐานะทางสังคม เอาเถอะ จะให้มีหมอแบบ Dr.K  คงไม่มีหรอกครับ.... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 4 ต.ค. 50 13:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขอโทษคุณกาแฟร้อนด้วยครับที่ทำให้เข้าใจผิด   แต่สิ่งที่ผมบอกว่าอย่าไปพูดในสิ่งที่คุณกาแฟร้อนไม่รู้ก็คือ "ใจคน"           และก็อยากจะตอบคำถามว่าทำไมหมอถึงลาออก ก็ขออนุญาตนำคำตอบเดิมมาตอบอีกครั้งครับว่า                  เพราะเมื่อคุณมีสิทธ์ที่จะเลือกย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองซึ่งสิ่งที่ดีสุดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน (ชื่อเสียง เงินทอง ความสบายใจ เพื่อส่วนรวม ฯ )   ทำไมลูกสาวของคุณกาแฟร้อน เลือกที่จะทำงานที่ทำอยู่ถึงแม้เงินจะน้อย ก็เพราะทางเลือกนี้คือทางที่เค้าคิดว่าดีที่สุดกับตัวเค้าเองแล้ว  ทำไมคนขับเทกซี่ถึงเลือกอาชีพนี้ล่ะ ก็เหตุผลเดียวกับ   ทำไมข้าราชการบ้างคนถึงกับวิ่งเต้นเพื่อกับมาทำงานล่ะ ก็เหตุผลเดียวกันทางเลือกนี้ดีที่สุด สำหรับเค้า  หมอก็เช่นกัน  และก็อีกเช่นกันว่าทางเลือกของแต่ล่ะคนมันมีทางเลือกมากน้อยไม่เท่ากัน ถ้าคุณต้องการถามว่าทำไมหมอถึงลาออก ถามหมอร้อยคนคุณก็จะได้ ร้อยคำตอบ  ขอบคุณครับ จากคุณ : สัญรัก - [ 4 ต.ค. 50 13:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 87 มีแต่คุณหมอมาตอบกัน เวลางานทั้งน้านนน จากคุณ : City - [ 4 ต.ค. 50 13:28:40 A:61.91.158.229 X: ]

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบ้างอย่าเพิ่งไปกันนะครับ ไม่ได้โพส reply ใน pantip มานาน ขอซักหน่อย อ้อ วันนี้คนไข้หมดแล้วครับ ฝนตก คนเลยไม่ค่อยมา ไม่ได้แอบเอาเวลาราชการมาอู้นะครับ คุณกาแฟ เป็นตัวแทนความคิดของคนปกติทั่วไปที่ ไม่ได้รับรู้ไม่เข้าใจ ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่จะออกความเห็นแนวนี้ แต่ผมจะขอตอบในฐานะ ด่านหน้า ที่กำลังรบกับปัญหาทั้งปวงอยู่ตอนนี้ ถถ้าความสงสัยของ จทกท เกิดเพราะสงสัย ไม่รูอยากรูจริง ๆผมยินดีตอบ แต่ถ้าสงสัยแบบไม่คิดจะฟัง มีธงในใจแล้ว ผมคงเหนื่อยฟรี และให้คิดเสียว่าเป็นเสียงนกเสียงกาละกันครับ จากคุณ : Dalzeno (Dalzeno) - [ 4 ต.ค. 50 14:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 89 หมอลาออก ปัญหา สาเหตุมีมากมาย ผมคงร่ายไม่หมดเพราะไม่ได้ทำวิจัย แต่ส่วนหนึ่ย้ำว่าส่วนหนึ่ง เพราะ ความสุขในการทำงาน ปัจจัยที่กระบต่อความสุขในการทำงานมีมากครับ 1.ลักษณะงาน      เป็นหมอก็ต้องรักษาคนไข้จะมามีไรมากมาย อาจเป็นคนทั่วไปที่คิดอย่างนี้ แต่บทบาทหน้าที่ของหมอ มีตั้งแต่ ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน สร้างการป้องกันเชิงรุกด้านสุขภาพ ฟื้นฟูเยียวยาคนไข้เรื้อรัง  ตรวจคนไข้นอก ผ่าตัด ดูแลผู้ป่วยใน ทำงานคุณภาพ งานบริหารในโรงพยาบาล ทำงานวิจัย ทำการสอน      ทั้งหมดนี้ทำคนเดียวไม่ได้ ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบเหมือนกันหมด  เช่น เพื่อนผมอยากเป็นหมอดูแลคนไข้ ไม่ชอบงานบริหาร ไม่ชอบงานเชิงรุก แต่ถูกยัดงาน เหล่านี้ให้ ตอนไปอยู่รพ ชุมชน เขาคงไม่มความสุข หรือเพื่อนผม อยากผ่าตัด แต่ได้ตรวจแต่คนไข้นอก ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลถึงความคิดอยากเรียนต่อ อยากลาออกไปสู่งานที่ชอบ   2.ภาระงาน   อันนี้สำคัญ มาก งานของหมอเกี่ยวพัน กับ ชีวิตคน ถ้าพลาดย่อมกระทบต่อชีวิต จะน้อยหรือมากเห็นหรือไม่เห็นนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เหมือนงานอื่นที่ถ้า เหนื่อยก็ฝืนได้ เพราะถ้าผิดก็ลบได้ หรือแค่โดนด่า    การตรวจคนไข้คนนึง ต้อง ทำการ ซักประวัติ  ตรวจร่างกาย แล้วก็ สั่งตรวจlab หรือ X-ray บางราย แล้วก็มานั้งวิเคาระห์ว่าเป็นอะไร แล้วสั่งการรักษา จบด้วยการอธิบายข้อมูลให้คนไข้ฟัง    การบ้านสำหรับ จขกท คิดว่าทั้งหมดที่พูดมาควรใช้เวลาเท่าไร จึงจะเหมาะสม    เป็นอะไรมา คำถามที่ดูง่ายๆ เช่นเดียวกับ เป็นมากี่วันแล้ว แต่ถ้าคุณอยู่ต่างจังหวัด อืม เอาบ้านนอก ดีกว่า แบบผม จะรูว่าต้องใช้เวลาและถามย้ำอยู่หลายครั้ง เพราะบ่อยครั้งที่คนไข้มักจะบอกในสิ่งที่เรายังไม่อยากรู แต่ ไม่ค่อยเล่าในสิ่งที่เราถาม ซึ่งก็ปกติเพราะเขาไม่รู แต่หมอ วิเคราะห์ตามข้อมูลที่ได้ ได้ ก.ไก่ ก็ผลออกมาแบบนึง ข.ไข่ ผลก็ออกมาแบบนึง เพราะงั้น เวลาสำหรับคนไข้จึงสำคัญ    ตอนเรียน ผมว่าเวลาที่เหมาะ น่าจะ 10 นาที อย่างน้อย ถ้า 15-20 นาทีได้ จะดีมาก เพราะจะได้ตรวจละเอียด และ ให้คำแนะนำได้ดี (ให้เขาป้องกันเป็น ย่อมดีกว่ารอมานั่งรักษา)     แต่ถ้ามาทำเยี่ยงนั้นที่ รพ ชุมชน แบบที่ผม อยู่ คง โดนร้องเรียน ตั้งแต่วันแรก คนไข้ผมตรวจ 140 คน / วันมา 2-3 วันแล้ว แน่นอ มีหลายที่ที่มากกว่านี้ บางที่อาจจะน้อยกว่านี้ ถ้า ทำงาน 8.30 เลิก 16.00 พัก อีก 1 ชม ตอนเที่ยง ก็คำนวนดูละกันนว่า คนนึงได้เจอผมกี่นาที    นอกจากนั้น ยังไม่นับงานเอกสารอีกมากมายที่ต้องทำ ถ้าใครอยู่ รพช ยิ่งมีพวกงานพัฒนาคุณภาพ อีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยาก เหนื่อย ทำไปก็ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเพิ่ม วุ่นวาย ต้องไปเกี่ยวข้อง กับคนอีกมากมาย ที่บางครั้ง skill การทำงานไม่ได้ช่วย แต่กลับฉุดให้งานแย่ลงด้วยซ้ำ    ผมชอบทำงานคุณภาพ ชอบประชุม นะครับ มันสนุกดี แต่ แค่ตรวจคนไข้ผมก็หมดแรงแล้ว   การบ้านข้อสอง รพ เอกชน ทำให้หมอบางคนได้ตรวจคนไข้ในแบบที่พวกเขาเรียนมา มีความเสี่ยง ที่จะพลาด น้อยกว่า เหตุผลนี้พอฟังขึ้นไหมครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 15:38:21 จากคุณ : คนเดิม (Dalzeno) - [ 4 ต.ค. 50 14:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 90 คนไม่เข้าใจยังไงก็ไม่เข้าใจ ฟังดู นายกาแฟ นี่ปักธงความคิดไปแล้วล่ะ พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ชีวิตเรา เราเป็นคนกำหนด ทำอะไรไม่ให้ผู้อื่นและตัวเองเดือดร้อนเป็นใช้ได้ ลาออกหรือไม่ ไม่สำคัญ ถ้ายังรักษามาตรฐานการรักษาที่ดีได้ คุณค่าของหมอไม่ได้อยู่ที่เป็นข้าราชการหรือไม่ อยู่ที่รักษาอย่างไรมากกว่า จากคุณ : Raphin - [ 4 ต.ค. 50 15:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 91 3.ค่านิยม     การบ้าน    ง่ายๆนะครับ ถ้าคุณปวดเข่า คุณจะไปหาหมอกระดูก หรือ หมอทั่วไป ถ้าคุณจ่ายได้ และมีทางเลือก        หลายคนก็ไปหาแพทย์เฉพาะทางแหละครับเป็นปกติ เพราสังคมถูกปลูกฝังที่จะหาหมอแบบแยกส่วน  หมอเฉพาะทาง จึงได้รับความนิยม ความเชื่อถือ ความเชื่อมั่นจากผู้ป่วย  และเค้าเหล่านั้นก็มีเวลาที่จะตรวจคนไข้มากกว่าพวกผม เพราะเค้าจะตรวจเคสที่เค้าเชี่ยวชาญ   หมอตา หรือหมอหู ก่อนไปเรียน ก็ตรวจโรคกระเพาะ ท้องเสีย หวัด ได้ แต่พเรียนจบมาเค้าก็ไม่อยบากตรวจครับ      เรื่องนี้สำคัญ แพทยสภาออกกำหนดมามาก เรื่องสาขาใดขาดแคลนที่จะไปเรียนต่อได้โดยไม่ต้องใช้ทุน แต่เขาลืมไปว่าสาขาที่ขาดที่สุดคือ GPต่างหาก ทำให้ กระตุ้นให้คนออกไปเรรียนมาก ความสัมพันธ์ระหว่าง พี่ๆ specialist บางคน กับน้องๆ GP ก็เป็นไปใน แนว ทำไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้            ผมอยากเป็นหมอตั้งกะ ม ปลาย ตอนเรียนอยู่ กะไม่เคยคิดเรื่องลาออก แม้แต่ปีก่อนก็ไม่คิด แต่พอมาอยู่ รพช จริงๆ คำลาออก เริ่มเข้ามาในหัวผม 2-3 วันนี้ล่ะครับ ผมเป็นหมอแต่พอจบมาทำงานกลับรูสึกด้อยคุณค่าลงเรื่อยๆ     สสจ กับ กระทรวงน่ะเหรอครับ ไร้น้ำยา ไม่พูดถึง จขกท บอกว่า หมอ ปกครองยาก คงจะไม่จริง เพราะผมไม่คิด ว่า สสจ กะ รวมจะมาปกครองไรผมได้ ก้าวก่าย การรักษาของผมก็ไม่ได้ พวกนั้นวันๆ ไม่รูทำไรบ้าง รูแต่ปัญหาของเค้า ไม่เคยดีขึ้น   พวกแพทย์เฉพาะทาง ใน รพ เอกชน นั่งตรวจคนไข้ ได้ 20 นาที สั่งยาและlab ได้ โดยข้อจำกัดน้อยกว่า (ไม่ได้แปลว่ายาแพงนะครับ) นอกจากจะ ปลอดภัยกะตัวหมอ ที่ทำหน้าที่โดยตั้งใจแล้ว คนไข้ก็พอใจ ชื่นชม เชื่อมั่นอีก แม้แต่หมอใน รร แพทย์เองก็เหมืนกัน    แต่พวกผมต้องทำสิ่งที่ตรงข้าม ตวจคนไข้ ไม่เกิน 3 นาที(อันนี้มากแล้ว) สั่งยาส่งlabได้จำกัด ไม่ใช่เพราะ ผม ไม่อยากคุย ไม่ใช่เพราะ ไม่มีความรู แต่ทำไม่ได้ ทำไม่ได้ไง ฟังดูเหมือนพระเอกนะ ยอมเพื่อให้พี่ๆเฉพาะทางได้ตรวจเคสละเอียดๆมากขึ้น แต่ท่ามกลางการร้องเรียนๆฟ้องร้อง รวมัท้ง นโยบาย บิดเบี้ยวของกระทรวง ทำให้ความเป็นพระเอกนั้น มันเสี่ยงและด้อยค่าลงไป จากคุณ : คนเดิม (Dalzeno) - [ 4 ต.ค. 50 15:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 92 4.สุดท้ายเรื่อง ค่าตอบแทน   อันนี้พูดกันตรงๆ ก็ได้มากอยู่ แต่ถ้าจะเหมือนที่ข้างบนพูดว่าทำงานทั้งปีได้ไม่ไท่หมอทั้งเดือน นี่ คุณลาออกไปเหอะ งานบ้าๆแบบนั้น ผมเงินเดือน รวม ราว 50 000 ถ้า หาร 12 ก็ไม่เกิน ห้าพัน งานไรของคุณ อย่าพูดเอามัน       อย่างที่บอก แนวโน้ม เอกชนมันแรง คนไข้ยอมจ่ายอย่างเมามันโดยไม่ฟังข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ แพทย์ส่วนหนึ่งมีความยับยั้งชั่งใจต่อเงินน้อยลง มันก็เป็นปัญหา    แต่ใช่ว่าหมอเอกชนเลว เพราะเมื่อเค้าลาออกไป ได้ทำงานอย่างมีความสุข ตรวจตามที่เรียนมา มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น จะอยู่ทำไม      ถ้าถาม รัฐบาลเขาก็ต้องมาบอกว่า แล้วทำไงจึงจะอยู่ เขาก็พยายามดึงหมอไว้ ทั้งทางบวกและทางลบก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง   แต่ความต่างทั้งภาระงานและ เงินขนาดี้ คงลำบาก   เงินผม 50 000 นี่ก็เยอะนะครับ แต่ถ้าเที่ยวกับ อาชีพอื่น ที่เค้าได้น้อยกว่านี้ หมื่น สองหมื่น แต่ภาระงาน คามรับผิดชอบ ความเสี่ยงมันต่างกันเยอะ  ก็แล้วแต่จะมองละกันครับ ถ้าภาระงาน กับค่านิยม สังคมหลงทาง เอาแต่ด่าๆๆๆ หมอแบบนี้สักวัน คุณก็เก็บเงินไปรพ เอกชน หมดเหอะ หมอ รพ รัฐ คงไม่เหลือใจจะทำงานแล้ว จากคุณ : หน่าย (Dalzeno) - [ 4 ต.ค. 50 15:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ขอแจมมั่งครับ ขณะนี้ผมเป็นหมออยู่รพ.เอกชน จบปี 32 ทำงานใช้ทุน 3 ปี อยู่ต่ออีก 2ปี ลาออกครับ เหตุผลคือ 1.เรียนต่อยอด 2.อยากกลับมาอยู่ใกล้พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ที่ๆผมไปอยู่ไกลมากๆนั่งรถ 10   กว่าชั่วโมง 3.แต่งงานมีลูก อยากให้ลูกอยู่ในที่ๆเจริญ เข้าโรงเรียนดีๆ 4.อยากมีรายได้มากกว่าเดิม ต่างๆเหล่านี้ เป็นปัจจัยที่ทุกๆคนก็คิดได้ ทำไมต้องบังคับให้หมอห้ามคิด ช่วงที่ผมทำงานอยู่โรงพยาบาลชุมชน ผมทำเต็มที่ ผม happyกับงาน ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ต่างก็รักใคร่ แต่ผมก็รู้สึกว่า เวลา 5 ปีที่ผมอยู่ในราชการ มันเพียงพอแล้ว ผมบอกน้องๆที่จบมาว่า คุณควรจะทำงานใช้ทุน อย่างน้อย 3 ปีนี้มันเป็นประสบการณ์ล้ำค่า ได้ใช้สิ่งที่ร่ำเรียนมาทำประโยชน์ให้คนอื่น แต่ถึงจุดหนึ่ง ควรจะมองไปข้างหน้า ค้นหาอนาคตของตนเอง ถึงคุณไม่รับราชการต่อ ก็มีคนมาอยู่ต่ออยู่ดี ไม่ต้อง Guilty ถ้าไปอยู่ รพ.เอกชนแล้วใครด่าว่าเห็นแก่เงิน หมอโรงพยาบาลเอกชน ก็มีจรรยาบรรณแพทย์เท่าๆกับหมอรพ.รัฐ ขอให้ยึดหลักการและคนไข้เป็นหลัก ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ ส่วนผู้ที่อยู่รับราชการไปเรื่อยๆ ผมก็ขอชื่นชมครับ แต่อย่าเอามาเปรียบเทียบกันโดยอคติ ทุกคนมีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ตนเองคิดว่าดีที่สุด หมอก็เช่นกันครับ จากคุณ : pbns - [ 4 ต.ค. 50 16:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขออภัย..เข้ากทม.มาครับ ทิ้งกระทู้ไปซะครึ่งวัน รวมๆนะ 1.เงินคือปัจจัยหนึ่งที่หมอ ต้องการ หลายคนอ้างว่า..เพราะทุกคนอยากได้อยากมี ใครล่ะที่ไม่อยากได้อยากมี (อ้างว่าแค่ส่วนหนึ่ง) 2. ความสบาย อ้างว่าอยู่รพ.งานสารพัด เข้าเวน24ชมไม่มีเวลาพัก...แต่ผมพูดเรื่องผอ.ก้อ้างว่า ใครจะรู้ใจเท่าหมอเรื่องเครื่องมือ มันเป้นวัฎจักรแล้วครับ   เริ่มจาก  หมองานหนัก  ขาดแรงจูงใจ - ลาออก-หมอมีน้อย- คนไข้เยอะ-เวลาวินิจฉัยโรคน้อย- กลัวถูกฟ้อง-และมาเริ่มที่หมองานหนัก-ลาออก ทำไมหมอถึงไม่แหกกฏนี้ออกมาล่ะครับ(เฉพาะผู้ที่ลาออกนะ/อยู่ในราชการผมบอกหลายครั้งแล้วว่าไม่เกี่ยว/) เริ่มง่ายๆ ถ้าคุณไม่ลาออก..หมอมากขึ้น...อัตราเฉลี่ยคนไข้/คน/หมอก็น้อยลง..หมอมีเวลาตรวจคนไข้ละเอียดนานขึ้น วินิจฉัยโรคได้ตรงถูกต้องเพราะมีเวลา..การถูกฟ้อง ก็น้อยลง/ไม่มีเลย...หมอก้ไม่ต้องลาออก ........................................................................................... ผมคนนอกครับ..แต่ในฐานะที่ผมก็คนไทยผู้อยู่ในสังคม..คนหนึ่ง ที่รัฐเอาเงินภาษีไปใส่ในสถาบันแพทย์..ที่สร้างหมอปีล่ะเป้นพันๆคน แต่ทำไมมันไม่พอ เมื่อรู้ว่า ที่ไม่พอเพราะหมอลาออกไปเข้ารพ.เอกชนและทำคลีนิคส่วนตัว..ผมย่อมมีสิทธิ์ถามหมอที่ออกไปว่า..คุณออกไปทำไม... จริงอยู่ในสัญญา.คุณใช้ครบ/หรือยอมโดนปรับ..คุณทำได้..ถ้าหมอคิดแบบพวกคุณ(ย้ำนะครับที่ลาออก)..มันก็เป้นแบบนี้ทั้งปีทั้งชาติครับ 3ปี..ที่คุณใช้ทุน.3ปี ที่คุณ.จบมาแล้วรักษาปชช. แล้วคุณลาออก.ในฐานะ.คนหนึ่งในสังคม..ที่ขาดหมอ.ผมเสียดายครับ สิ่งต่างฟที่ปชช.หวัง ************************************************ รัก โลภ โกรธ หลง  มีในตัวพวกเราทุกคนครับผมรู้..แต่ขอให้.พอดีๆครับ ไม่ใช่นั่งนับวันเดือนปีว่าครบ3ปีกูไปแน่... พอพวกผมพูดก้อ้างระบบ เอกชนดีกว่า งานไม่หนัก.. แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 19:52:29 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 18:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เป็นธรรมดาของมนุษย์โลก มันต้องแก้ไขที่ระบบ แต่ที่สำคัญทุกอย่าง คือเงิน จากคุณ : มากำเดียว - [ 4 ต.ค. 50 18:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ถ้าหมอสร้างได้ง่ายๆ..เอกชนมันสร้างเองแล้วครับ เพราะ มันต้องมีอะไรอีกหลายหลายที่"เงิน" ไม่สามารถหามาได้..คือร่างกายมนุษย์ที่ตายไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่..ที่ให้หมอฝึกหัดได้เรียน แต่เอกชนมันไม่มี ทุกวันนี้.ทุกครั้งที่เข้าไปรพ.ราชวิถี..ผมไม่รู้ว่า ต้นสายปลายเหตุมันมาจากไหน...แต่รู้ว่า มันเกิดในสมัย นายอาทิตย์  อุไรรัตน์เป็นรมต.หมอ นศ.แพทย์รังสิต..2ปีสุดท้าย เดินกันเกลื่อน..มาฝึกงาน รักษาคนไข้ตัวตนแบบตัวเป็นๆ ทั้งหมอฟัน หมออื่น..มากมาย เพื่อเอาประสบการณ์ ที่หาไม่ได้จากตำรา จากชีวิตคนจนไนรพ.รัฐ ทำไมเขาไม่เอาเด็กๆพวกนี้ไปฝึกที่รพ.พญาไทย ของเขาล่ะ...ทำไมเอามาฝึกกับคนจนๆในรพ.ได้ล่ะ...ล้วนแต่เป้นคำถามที่คาใจผมมาตลอด ทั้งที่รู้ว่า.."เงิน" นั่นเอง แต่ปชช.อย่างผมแค่มองดู..เพื่อหวังให้หมอๆรู้ว่า สิ่งที่หมอทำอะไรไป..มีคนเห้น.. แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 19:04:27 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 18:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 97 คนเดิม (Dalzeno)   ดีครับ มาคุยกันแบบเปิดใจ..มีอะไรคุยกัน ไม่เข้าใจอะไรถามกัน แบบนี้ ************************************************** อันนี้สำคัญ มาก งานของหมอเกี่ยวพัน กับ ชีวิตคน ถ้าพลาดย่อมกระทบต่อชีวิต จะน้อยหรือมากเห็นหรือไม่เห็นนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เหมือนงานอื่นที่ถ้า เหนื่อยก็ฝืนได้ เพราะถ้าผิดก็ลบได้ หรือแค่โดนด่า   การตรวจคนไข้คนนึง ต้อง ทำการ ซักประวัติ  ตรวจร่างกาย แล้วก็ สั่งตรวจlab หรือ X-ray บางราย แล้วก็มานั้งวิเคาระห์ว่าเป็นอะไร แล้วสั่งการรักษา จบด้วยการอธิบายข้อมูลให้คนไข้ฟัง   การบ้านสำหรับ จขกท คิดว่าทั้งหมดที่พูดมาควรใช้เวลาเท่าไร จึงจะเหมาะสม //คนเดิม (Dalzeno) ผมย้ำมาหลายครั้งแล้วครับว่า ผมพูดถึงหมอที่ลาออก ส่วนหมอที่ยังไม่ออก ผมนับถือและ รู้ว่างานหนักจริงๆ แต่เอาล่ะเมื่อคุณถาม ผมจะตอบ.. สาเหตุเพราะหมอมีน้อย..จากอะไรล่ะถึงน้อย..ผลิตไม่ทันรึ  ไม่ใช่ งั้นหมอตายไปหมดรึ...ไม่ใช่ คำตอบคือมีน้อยเพราะหมอลาออกไปทำงานในรพ.เอกชนหมดครับ ถ้าหมอพวกนี้ไม่ลาออก..รับราชการเหมือนหน่วยงานอื่นๆที่เขารักและอยากอยู่จนเกษียน ผมอไม่งานหนักแบบนี้หรอกครับ..อาจบางที่หมอจะต้องถึงกับไย่งไคนไข้กันเลยก็ได้ ปล. ราชการส่วนอื่นๆ(แม้แต่ในรพ.รัฐแต่ไม่ใช่แพทย์) เขาถึงกับมีการจ้างออก(เออรี่)กันเลยครับ.. *********************************************** 3.ค่านิยม* คนไข้ ไม่สบายไปหาหมอ.รพ.รัฐเขาไม่เลือกหรอกครับ ว่าเป้นหมออะไร..ขอให้รักษาเขาได้(เป้นหมอ)ก็พอ แต่ทางรพ.ถามเขาเองว่า ลุง/ป้า/น้า เป้นอะไรแล้วส่งไปหาหมอเฉพาะทางเองครับ พูดถึงรพเอกชน"เงิน" คือตัวกำหนดครับและคนไข้ที่เข้าไปรักษาก้รู้ว่า มันต้องใช้"เงิน"อย่างมาก ถ้าเขาเข้าไปนั่นแสดงว่าเขา"มีพร้อมที่จะจ่าย" และนั่นหมายถึงรพ.พร้อมที่จะบริการ(ฟัน)เต็มที่  เป้นอะไรๆที่รู้กันอยู่ครับ แน้น เมื่อเขารู้แบบนี้..ทุกอย่างที่เขาเอาออกมาบริการ นั่นหมายถึงเงินในกระเป๋าของผู้ป๋วย(ญาติ) ไม่ว่าแลป  สั่งเอกซเรย์(แบบไร้เหตุผล10ๆท่า) นอนค้างรพ.2-3คืน แค่บอกว่า ผมขอเอาคนไข้ไว้ดูอาการ(ท้องเสีย/อ่อนเพลีย) คิดแม้กระทั่งค่า"พบแพทย์" แต่ละครั้ง.. คนจนๆเข้าไม่ได้หรอกครับ และประเทศคนจนๆกลุ่มนี้มีมากครับ..แต่เมื่อหมอที่ออกนะครับ คิดว่าเหนื่อย   เสี่ยง  แล้วไปเขารพ.เอกชน..ทิ้งเพื่อนให้เหนือยๆแบบนี้..เห็นแก่ตัวครับ จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 19:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 98 4.สุดท้ายเรื่อง ค่าตอบแทน 50000หาร12 เท่ากับ5000 ผมไม่ได้พูดครับ.. ครับ ถ้าคนเรา เติมไม่เต็ม..เดือนละ10ล้านก้ไม่พอครับ รัฐเพิ่มให้หมอ คนอื่นได้ยินแล้วถึงกับสะดุ้ง..จริงๆครับ ส่วนผมเข้าใจครับว่า ถ้าเทียบกับเอกชนมัน้อยกว่ามาก แต่ หมอต้อง(หมอที่ลาออกไป) คิดบ้างว่า..ต้นทุนในการสร้างหมอ เอกชนไม่มี...ตรงนี้สำคัญครับ..และกลุ่มลูกค้า..ของรัฐ คือ คนจนๆ ที่เป็นหน้าที่ของรัฐต้องดูแลพวกเขาในเวลาป๋วย เมื่อรัฐมีหน้าที่ดูแล รัฐจึงผลิตหมอออกมาดูแลพวกเขา..แบบนี้ครับ ไม่ใช่รัฐผลิตหมอมาให้เอกชน...จ้างหมอแพงๆ(ดดยรัฐและปชช.ไม่ได้อะไรเลย) ดีใจครับที่ได้คุยกับหมอตัวเป้นๆ..แบบหมอจริงๆ ที่ไม่ออกยอมเสียสละเพื่อปชช.ส่วนใหญ่ของประเทศ ส่วนมากจะคุยกัยน้องหมอติดเบอร์ครับ..5555(แต่คนละเรื่องกับเรื่องนี้นะ) แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 19:48:07 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 19:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 99 สาวที่รู้จัก เป็นหมอฟันคนนึง บอกว่า อกหักเลยลาออกกลับบ้านกรุงเทพ อีกคน ก็แม่อยู่กทม. เลยลาออกมาอยู่กะแม่ เหตุผลไม่มากมายครับ จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า - [ 4 ต.ค. 50 19:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ร้อยแล้ว จากคุณ : หมอแมว - [ 4 ต.ค. 50 20:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เงินครับ หลักๆ อีกอย่างหมออยู่ รพ. รัฐ โดนคนไข้ด่าบ่อย ไม่อยากจะบ่นแล้ว คนไข้ ญาติคนไข้ หลายคน ใจร้ายมาก จากคุณ : Mdiic~* - [ 4 ต.ค. 50 20:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขี้เกียจทะเลาะด้วย เอาเป็นว่ามาให้กำลังใจคุณหมอทุกคนละกันครับ จากคุณ : maxijojo123 - [ 4 ต.ค. 50 20:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 103 บอกก่อนว่า ผม เป็น นศพ นะครับ เท่าที่อ่านมา ยาวมากๆ บอกตรงๆว่าถ้าคุณ กาแฟร้อนคิดแบบนี้ ก็ไม่รู้จะไปอธิบายอย่างไรครับ ไม่ใช่คุณกาแฟร้อนคิดไม่ถูกนะครับ แต่อาจจะยังไม่เห็นสิ่งที่เจออยู่จริงๆ เลยยังคิดตามที่คุณหมอแมว บอกไม่ได้ ใครที่คิดว่า เรียนหมอเงินดี มาเรียนกันเหอะ ผมบอกเลย คุณคิดผิดแล้ว ถ้ามีคนบอกว่า ให้เงิน 40000 แล้วมาทำงานแล้วโดนด่า เอาไหม ถ้าคุณ เห็นแก่เงิน ผมเชื่อเลยว่า ทำกันทุกคนเพราะคิดว่าช่างเหอะโดนด่าไปก็ได้เงิน ดีกว่าไปทำงานอื่นตั้งเยอะ อันนี้แค่โดนด่าเอง แต่ถ้าคุณ ได้เงินเดือน 1 แสน ทำงานที่คุณชอบแต่สิ่งที่คุณทำอย่างตั้งใจนั้น ถูกคนด่าว่า เห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัว ไม่ตั้งใจ ผมว่าจะมีซักกี่คนที่จะทำ มันท้อนะครับที่ทำดีไม่ได้ดี ไม่พอใจโดนด่า อีกอย่าเงเรื่องโดนฟ้อง แค่ตุณโดนคนไข้เอาไปนินทา หมอก็รุ้สึกไม่ดีแล้วครับ อันนี้ โดนตัดสินไปแล้วว่า เลว แต่มีใครมั่งละที่ขอโทดเค้าตอนที่รู้ความจรืง เรื่องผู้บริหาร ถ้าคุณไปจ้างพวกเก่งอย่กที่บอกมา ผมว่าไม่มีใครมาทำหรอกครับ เงินงบประมาณ+ ค่าใช้จ่ายมันติดลบชัดๆ จะให้รพ หาตังจากที่ไหนละ ให้เก็บคนไข้เพิ่มหรือครับ .... และอีกอย่างเลย ยังไงผมก็คิดว่า รพ บริหารเงานด้วย แพทย์ดีที่สุดครับ สาเหตุนี้ผมไม่มีความสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ ขอโทษด้วยนะครับ เรื่อง สัญญาอะไรนั้น ถ้ามีจริง ส่วนตัวแล้วคิดว่า คนเรียนแพทย์คงจะไม่น้อยลงหรอกครับ แต่เมืองไทยคงเป็นประเทศส่งออกแพทย์อันดับ หนึ่งของโลกแน่นอน หมอเอกชนเมืองไทยก็คงจะไม่มี เเพราะคุณกาแฟร้อนสั่งยึดใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเลยทีเดียว !! คราวนี้ละครับ ขาดของจริง.. จากคุณ : HJ BM13 - [ 4 ต.ค. 50 20:33:14 A:58.9.222.154 X: ]

ความคิดเห็นที่ 104 ใช้ทุน 20 ปี มากไปครับ 6-12 ปี กำลังดี  ค่าปรับจากเดิม 400,000  ให้ได้ซัก 2 - 3,000,000  ครับ กำลังดี จากคุณ : Mdiic~* - [ 4 ต.ค. 50 20:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 105 HJ BM13 -* พูดกันจังครับว่าโดนด่าๆ ๆ จะมีดดนทุกคนทุกวันหรือครับ ..คนเรามันไม่ใช่ไร้ซึ่งความคิกแบบนั้นนะครับ ที่จะด่าๆๆๆๆ โดยไม่มีเหตุผล ทุกอาชีพครับ..ถ้าทำพลาด ทำผิด เราก้ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เราทำ เขาไม่เจาะจงกับอาชีพหมออย่างเดียวหรอกครับ คนขับรถเมล์ ข้อคิดคนขับรถเขาว่าไงรู้ไหมครับ คนขับรถเขาบอกว่า ออกมาทำงาน(ขับรถเมล์) เท่ากับเอาขาเข้าคุกไปแล้ว1ข้าง คุณว่าจริงไหม ที่เขาคิดแบบนั้น ผมว่าจริงครับ... ถามว่าเสี่ยงกว่าหมอไหม..ตอบได้เลยว่าเสี่ยงครับ...(ทั้งชนเขา /เขาชนเรา) แล้วเรื่องโดนด่า..อาชีพหมอกับคนขับรถเมล์.ผมว่าเขาจะถูกด่าซะมากกว่า..ถ้าเขาทำผิดฏกมายหรือไม่จอดรับส่งคนโดยสาร(ซึ่งแต่ละวัน รับส่งคนหลายร้อยคนกลายร้อยป้ายนะครับ) ถามว่า ถ้าเขาจอดขับขับรถดี คนด่าเขาไหม...ใครจะไปด่า ถามว่าหมอดีๆ คนด่าหมอไหม..ถ้าตอบว่าด่า..คนบ้าครับไม่ใช่คนดี ปล.ทุกอาชีพ สำคัญหมดครับ เพราะในสังคมอุดมไปด้วยคนหลากหลาย..ไม่ใช่เอาหมอผู้ฉลาดเลิศล้ำ ไปเปรียบกับคนขับรถเมล์ ไร้การศึกษานะครับ *********************************************** เรื่องสัญญา..20ปี..ถ้ามีได้ และมันเพียงพอกับปชช. ในขณะนั้น..เราแก้ไขได้ครับ เพราะเหตุที่มีสัญญานี้ เพราะหมอขาดแคลนครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 21:05:47 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 20:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 106 กระทู้นี่ยาวแฮะ ไปเรียนกลับมา เห็นแล้ว เห่อ ๆ  ๆ ผมเข้าใจคุณ นาย กาแฟร้อน นะครับ   คุณเห็นว่า ถ้า รพ.รัฐ มีหมอมากขึ้นเนี่ย คนไข้ก็จะได้อยู่ กับหมอนานขึ้นนะครับ ใช่ปะ จริง ๆ ผมว่ามันเป็นไปได้ยากครับ ที่มันจะเป็นแบบนี้ได้   คนไข้ต้องการหมอ specialist ก็จริงครับ เพราะบรรดาหมอ ที่เรียนทางด้านเฉพาะทางมา ย่อมรู้เรื่องมากกว่า ปีประสบการณ์ ในการรักษาที่มากกว่า   ผมยอมรับว่าผู้ผลิตหมอเฉพาะทาง ก็คือ รัฐนั่นแหละครับ รัฐให้ทุนสนับสนุนหมอไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนา เพื่อให้ กลับมาเป็นอาจารย์เฉพาะทาง   และก็ถูกอีก ที่หมอเฉพาะทาง ใช้ความรู้ความสามารถของตน ไปทำงานในโรงพยาบาลเอกชน ควบกับงานรัฐบาล เพราะผู้ที่จบ specialist แล้ว เป็นอาจารย์แล้ว อาจต้องอยู่เวรบ้าง แต่ภาระหน้าที่ ทางรัฐมันก็น้อยลงแหละครับ   คนไข้ ไปรพ.เอกชน สามารถติดต่อ หมอ specialist ได้เลย เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นอะไร เพราะจ่ายเงินได้   แต่ถ้าเข้ารพ.รัฐ ต้องไปหาหมอทั่วไปก่อน ก่อนที่จะส่ง สู่ specialist ซึ่งช้ากว่า ทำให้นี่คงเป็นกำไรทางความรู้นะครับ   สรุปคือ ระบบรัฐ ล่าช้าครับ ทางที่ดี สิทธิของคนไข้น่าจะมีสมุดบันทึกโรคของตัวเองด้วยนะ เวลาเปลี่ยนโรงพยาบาล หรือไปรักษาที่อื่นเนี่ย จะได้ต่อยอดได้ง่าย ๆ ไม่เสียเวลาตรวจใหม่มากนัก และคนไข้น่าจะสามารถติืดต่อกับหมอ specialist ได้เลยนะครับ เทียบดู เช่นคนไข้คนหนึ่งปวดตา เขาไป รพ.เอกชน ก็ถูกส่งไปยังหมอตาทันที รักษาไปเลย แต่ถ้าเขาไป รพ.รัฐ เขาจะเดินไปภาควิชาจักษุเป็นไหมครับ เขาก็ต้องให้หมอทั่วไปตรวจก่อน ซึ่งช้ากว่ามาก หรือคนไข้มา admit ที่รพ.รัฐ และห้องว่างไม่มี ต้องไป admit ที่รพ.เอกชนแทน จึงจะมีห้อง มันเกิดความเหลื่อมล้ำ จนหมอหลายคน "ลาออก" จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 4 ต.ค. 50 20:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ตอบเรื่องโดนด่านะครับ สงสัยจะเข้าใจผิดไปซักนิดนะครับ เรื่องโดนด่า หมอคงรู้สึกแย่ แต่ก็คงไม่ทำให้ถึงกับลาออกหรอกครับ แต่โดนคนสติดี หรือว่า ญาติคนไข้ หรือว่า คนที่จ้องจะเอาตัง ฟ้องโดยที่ไม่ผิดนี่ ผมว่าคนไม่โดนไม่รู้สึกหรอกครับ บอกไปก็เท่านั้น ขึ้นศาลนะครับ ไม่ใช่โดนครูตี เรื่องสํญญา ทาสนี่ ขอย้ำนะครับ ถ้ามีจริงๆ ประเทศไทยผลิดแพทย์ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกแน่นอน สงสัยจะเข้าใจประโยคนี้ผิดไปนะครับ ที่หมายถึงคือ ส่งไปให้ประเทศอื่นใช้ครับ หมอเมืองไทยเรียนจบปุ๊บ เค้าไม่ลาออกอย่างเดียวหรอกครับ เค้าไปทำงานเมืองนอกกันหมดแหละครับ อยากที่บอกละครับ ถ้ามีสัญญาทาสแบบนี้ก็คราวนี้หมอ หมดเมืองไทยแน่ๆ จากคุณ : HJ BM13 - [ 4 ต.ค. 50 20:56:33 A:58.9.222.154 X: ]

ความคิดเห็นที่ 108 ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะแพทย์จบใหม่ที่กำลังจะถูกส่งลงไปทำงานในจังหวัดชายแดนใต้ (และยังไม่มีความคิดว่าจะลาออก) หน่อยนะครับ ---------------------------------------------------------------------------- นศ.แพทย์รังสิต..2ปีสุดท้าย เดินกันเกลื่อน..มาฝึกงาน รักษาคนไข้ตัวตนแบบตัวเป็นๆ ทั้งหมอฟัน หมออื่น..มากมาย เพื่อเอาประสบการณ์ ที่หาไม่ได้จากตำรา จากชีวิตคนจนไนรพ.รัฐ ทำไมเขาไม่เอาเด็กๆพวกนี้ไปฝึกที่รพ.พญาไท ของเขาล่ะ...ทำไมเอามาฝึกกับคนจนๆในรพ.ได้ล่ะ...ล้วนแต่เป้นคำถามที่คาใจผมมาตลอด ----------------------------------------------------------------------------- เพราะกฎของแพทยสภาระบุชัดครับ ว่าต้องฝึกงานที่โรงพยาบาลรัฐเท่านั้น เพื่อให้หลักสูตรได้มาตรฐานเท่าเทียมกันกับทุกโรงเรียนแพทย์ เพราะรัฐไม่สามารถควบคุมโรงพยาบาลเอกชนได้อย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับคนไข้จนเลยครับ เรื่องเงินค่าเล่าเรียนแพทย์ คูณทราบไหมครับว่า คณะแพทย์ ม. รังสิต ค่าเทอมแค่เทอมละแสนเท่านั้น ไม่ต่างจากคณะอื่นๆ ของ ม. เท่าไร ซึ่งค่าเทอมจำนวนนี้ก็มากกว่าที่รัฐบาลต้องใช้จ่ายในการให้คุณเรียนปริญญาตรีไม่ถึง 20% หรอกครับ แล้วทราบไหมครับว่าเงินภาษีประชาชน (เงินของคุณ) ที่ต้องจ่ายให้สถาบันอุดมศึกษา 80,000 กว่าล้านบาทต่อปี เอามาผลิตแพทย์ยังไม่ถึง 3% ด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นเพียงไม่กี่คณะ ที่ต้องทำงานใช้เงิน 3% นั้นเอง ในขณะที่คณะอื่นอีก 90% รัฐจ่ายให้ฟรีๆ แถมเป็นยังต้องเซนต์สัญญาปลายเปิดตั้งแต่ปีแรก ใครไม่เซนต์ไม่ได้เรียน (ยกเว้นรังสิต) คณะอื่นที่คุณบอกว่ามีคนสมัครเป็นพันคน อยากเข้าระบบราชการ ก็ต้องรอจบก่อน ใครไม่อยากเข้าก็ไม่ต้องสมัคร --- แล้วจะให้เซนต์สัญญา 20 ปีอีก... โห แล้วบั้นปลายชีวิตแบบ คุณพ่อของน้อง"เงินเดือนสามพันขับวอลโว่" ก็ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ หรอกนะครับ ถ้าเป็นแบบคุณพ่อของน้องเขาได้ ก็ไม่ลาออกกันเยอะขนาดนี้หรอกครับ ทำงานในโรงเรียนแพทย์สบายใจกว่ากันมากครับ ไม่เหมือนทำงานในโรงพยาบาลสาธารณสุขตาม คคห. บนๆ แหละครับ... ตอนนี้โรงเรียนแพทย์เริ่มเปิดรับสมัครก่อนโรงพยาบาลสังกัดกระทรวง ก็มีแพทย์จบใหม่แย่งกันเต็มไปหมดแล้วครับ เรื่องจบมาแล้วเงินเดือนเยอะ... งงครับ เพื่อนๆ ผมตอนเอนทรานซ์คะแนนก็ไม่ได้สูงกว่าผม... สองปีที่แล้วจบวิศวะ ไม่เห็นมีใครเงินเดือนน้อยกว่าผมเลยครับ (ยกเว้นพวกที่เรียนต่อโทเลยไม่ได้ทำงาน) ถ้าเอาเงินเดือนผมไปเทียบกับคนขับสามล้อก็คงมากกว่าแหละครับ จากคุณ : vandalism - [ 4 ต.ค. 50 21:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 109 มาปักธง จากคุณ : LR3 - [ 4 ต.ค. 50 21:07:45 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ *เทียบดู เช่นคนไข้คนหนึ่งปวดตา เขาไป รพ.เอกชน ก็ถูกส่งไปยังหมอตาทันที รักษาไปเลย แต่ถ้าเขาไป รพ.รัฐ เขาจะเดินไปภาควิชาจักษุเป็นไหมครับ เขาก็ต้องให้หมอทั่วไปตรวจก่อน ซึ่งช้ากว่ามาก เป้นความผิดของคนไข้หรือครับ ที่เขาต้องโดนส่งต่อไปแบบนั้น(ผมไม่รู้นะว่ารพ.อำเภอในตวจ.มีหมอเฉพาะทางหรือยัง เพราะในกทม. จนท.เขาจะถามตอนไปทำบัตรว่ามาตรวจอะไรแล้วส่งไปตามอาการขอดรค/เฉพาะทางนั่นเอง). *********************************************** สรุปคือ ระบบรัฐ ล่าช้าครับ ทางที่ดี สิทธิของคนไข้น่าจะมีสมุดบันทึกโรคของตัวเองด้วยนะ เวลาเปลี่ยนโรงพยาบาล หรือไปรักษาที่อื่นเนี่ย จะได้ต่อยอดได้ง่าย ๆ ไม่เสียเวลาตรวจใหม่มากนัก และคนไข้น่าจะสามารถติืดต่อกับหมอ specialist ได้เลยนะครับ คนไข้ฉลาด/มีควงามรู้พอที่จะบันทึกโรค/รู้ว่าตัวเองเป้นโรคอะไรหรือครับ แค่อธิบายว่าเป้นอะไรมา..หมอแมวก็บ่นว่าปวดหัวแล้วครับ คนจนๆ(ถ้ารวยเขาไปเอกชนกันหมดแล้ว) เรื่องนี้ไกลจากเขาครับ คุณ"อนาคตผู้ยอมลำบาก  ที่จะมาเป้นหมอ" จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 21:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 111 HJ BM13 เรื่องสํญญา ทาสนี่ ขอย้ำนะครับ ถ้ามีจริงๆ ประเทศไทยผลิดแพทย์ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกแน่นอน สงสัยจะเข้าใจประโยคนี้ผิดไปนะครับ ที่หมายถึงคือ ส่งไปให้ประเทศอื่นใช้ครับ หมอเมืองไทยเรียนจบปุ๊บ เค้าไม่ลาออกอย่างเดียวหรอกครับ เค้าไปทำงานเมืองนอกกันหมดแหละครับ อยากที่บอกละครับ ถ้ามีสัญญาทาสแบบนี้ก็คราวนี้หมอ หมดเมืองไทยแน่ๆ ********************************************* นั่นแสดงถึงความเห้นแก่ตัวของหมอคนนั้น เพราะก่อนจะเข้าเรียนผสอบเข้าปมันก้รู้ผขอใช้คำนี้กับหมอคนนั้น)ว่า มีสัญญาอย่างนี้ อีกอย่าง..หมอจะรักษาคนได้..ต้องมีใบอนุญาตฯไม่ใช่หรือครับ ถ้าไม่มีคือรักษาคนไม่ได้ ใช่ไหม โอเค..ไอ้หมอคนนี้หนีออกนอกประเทศ..(ผมเข้าใจว่าคุณหมายถึงแบบนี้นะ)ไปทำงานเป้นหมอให้ประเทศอื่นๆ ถามว่าในดลกนี้มีประเทศไหนครับ...รับหมอ โดยไม่มีใบอนุญาต(คนต่างด้าวซะด้วย) เข้ามารักษาคนของประเทศตัวเอง ถ้ามีบอกด้วยนะครับ ปล.ในสัญญาระบุไว้ชัดเจน(ตามกระทู้ข้างบน) จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 21:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เพราะกฎของแพทยสภาระบุชัดครับ ว่าต้องฝึกงานที่โรงพยาบาลรัฐเท่านั้น เพื่อให้หลักสูตรได้มาตรฐานเท่าเทียมกันกับทุกโรงเรียนแพทย์ เพราะรัฐไม่สามารถควบคุมโรงพยาบาลเอกชนได้อย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับคนไข้จนเลยครับ// vandalism ************************************************ ครับ สิ่งที่ผมคาใจมานานเพิ่งมีคำตอบครับ...ขอบคุณ เห็นไหมครับ ว่ากว่าจะเป้นหมอแต่ละคน..เงินไม่สามรถสร้างได้ต้องมีปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย คือร่างกายคนไข้จริงๆ เมื่อคนไข้ยอมเสียสละให้แบบไม่ต้องคิด..แต่กมอ กับคิดเมื่อใช้ทุนเสร็จแล้วจะลาออก ************************************************ ใช้ทุน 20 ปี มากไปครับ 6-12 ปี กำลังดี  ค่าปรับจากเดิม 400,000  ให้ได้ซัก 2 - 3,000,000  ครับ กำลังดี //จากคุณ : Mdiic ทุกอย่างคุยกันได้ครับ ถ้าตั้งอยู่บนพื้นฐานสมเหตุสมผล.. หมอใหม่1ปีแรก เปิดตำรารักษา..โอเคไม่ว่ากัน ปี2 ค่อยเก่งหน่อย..คนไข้ใจดีขึ้น ปี3 เออหมอคนนนี้เก่งแฮะ..อ้าว..ปี4 หมอใหม่มาอีกแล้ว .... มันจะเป้นแบบนี้ไปตลอดชาติหรือครับ ปล.ปี1เปิดตำรารักษา เนี่ย ผมมีประสบการณ์จริงๆจากรพ.เด็กเลยนะตอนพาลูกไปรักษา จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 21:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เมื่อคนเอาอุดมคติเข้าไปวิจารณ์โดยไม่ดูความจริงผลมันก็เป็นอย่างนี้ จะให้ผมลองรวบยอดความคิดคุณกาแฟดูไหมครับ เอาสั้นๆ หมอไม่พอเกิดจากหมอลาออก วิธีแก้ 1. ด่าหมอที่ลาออกว่าไม่มีคุณธรรม ...... 2. จับเซ็นสัญญา 20 ปี เมื่อสรุปได้ดังนี้แล้วผมจะขอหาข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีนะครับ 1. ...... Impractical ไม่สามารถทำได้ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะด่าเท่าไหร่ถ้าสภาำพการทำงานไม่ดีขึ้น แรงจูงใจไม่สูงขึ้นก็ไม่สามารถหยุดเลือดไหลได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องดึงตัวกลับมาเลย 2. ...... อย่างที่ข้างต้นบอกไว้ คราวนี้ได้ส่งออกแพทย์เป็นล่ำเป็นสันแน่ เพราะถ้าไม่อยากทำงานแต่โดนบังคับถอนใบประกอบก็ไปทำงานต่างประเทศเลย ไปสอบใบเอา่ที่นั่น อย่าว่าแต่สัญญาที่ว่าอาจจะโดนหาว่าสัญญา่ไม่เป็นธรรมด้วย ลองดูสัญญาการใช้ทุน ก.พ. ก็แล้วกัน จากคุณ : Nexus - [ 4 ต.ค. 50 21:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เรื่องเงินค่าเล่าเรียนแพทย์ คูณทราบไหมครับว่า คณะแพทย์ ม. รังสิต ค่าเทอมแค่เทอมละแสนเท่านั้น ไม่ต่างจากคณะอื่นๆ ของ ม. เท่าไร ซึ่งค่าเทอมจำนวนนี้ก็มากกว่าที่รัฐบาลต้องใช้จ่ายในการให้คุณเรียนปริญญาตรีไม่ถึง 20% หรอกครับ //vandalism เขาเป้นธุระกิจครับ จะเก็บเท่าไร จะเอาไปทุ่มให้คณะแพทย์มากไท่ไร..ธุระกิจล้วนๆครับ หมอพวกนี้เขาเสียเงินเลีย..เขาก็จบออกไปทำงานรพ.เอกชนของเขา ผมไม่ได้ว่าเขา เพราะเขาลงทุนในวิชาชีพเขาเอง ส่วนคุณ..ยก3%  ถ้ารัฐช่วยออกให้คุณแค่3 % จะมาเข้าม.แพทย์รัฐทำไมครับ มันน้อยนิดเดียวแบบคุณว่า ลาออกก็โดนผมต่อว่าแบบนี้ ************************************************ จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 21:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 115 115 จากคุณ : หมอแมว - [ 4 ต.ค. 50 21:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 116 อย่าว่าตอบโต้เลยนะครับ ขอแจงสี่เบี้ยรายประเด็นดีกว่ากับ ความเห็นของ จขกท ที่ดูใสซื่อเหลือเกินกับโลกแห่งความจริง ซึ่งเหมือนจะขาด ทั้งความรูความเข้าใจอยู่มากทีเดียว . คห 94 ข้อ 2   เรื่องผู้บริหาร ผมบอกครับ ประเด็นนี้ใหญ่ลึกซึ้งมาก ข้อมูลคงต้องคุยกันยาว แต่มีแนวคิดที่จะเอาผู้บริหารมืออาชีพมาบริหารรพ ความเห็นส่วนตัว คงยาก ที่คนธรรมดาจะมาเข้าใจเรื่องเทคนิค ถ้ามารพ ผม จริง ผมคงไม่อยู่แน่ครับ อ๊ะ ให้เวลาซักสามเดือนละกัน เหะ เหะ ส่วนเรื่องหมอ ลาออก ถ้าไม่ออกก็ไม่หนัก ก็จริงครับ เป็นตรรกะคล้าย ๆ 1+2 = 2แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้น ถ้า กระทรวง รณรรงค์ให้ทุกคนไม่ลาออก หมอก็เยอะขึ้น แล้ว จะให้ผมทนไปก่อนใช่ไหมครับ ทนไปกี่ปี หมอถึงจะเติมเต็มได้ แล้วใครจะไปทน ถ้ามีทางเลือกที่ดีโดยที่ยังเนหมอที่ดีได้ แค่ย้ายที่ คุณ ติดหล่มทางความคิดดและอคติว่า หมอ เอกชน ไม่ดีไปเสียแล้ว งั้นเวลาคุณป่วยลองมารพ ผม ไหมครับ ถ้าคุณมาตั้งกะ  8 โมงเช้า ได้ตรวจ บ่ายโมงครึ่ง คุณจะบ่นไหม หรือจะชื่อชมรพ ผมว่า น่าสงสารนะ   เรื่องภาษีตอนเรียน ก็อย่ามาอ้างให้มากนัก เพราะไม่ใช่คุณคนเดียวที่เสียภาษีพ่อผมก็เสียภาษีด้วยเช่กัน ผมย่อมมีสิทธิที่จะเรียน และเมื่อจบมาแล้ว เค้าก็ทำตามัญญา ถ้าไม่พอใจ ก็ลาออก ก็ชดใช้ทุนตามสัญญา ----ผิดกฏหมาย ??? อย่ามาอ้างเลยครับ คณะอื่นก็ใช้เงินภาษีไม่ต่างกันนักหรอก ไม่เห็นบังคับแบบนี้เลย อีกอย่าง อยู่ในระบบ 1-2 ปี โดนรัฐรังแก ผมว่ารัฐได้กำไรเสียด้วยซ้ำ คห ถัดไป    ขรก ต่างจังหวัดแย่กว่าพวกผมอีกครับ ส่วนหนึ่งที่เขาทนอยู่ เพราะไม่มีที่ไป ส่วนหนึ่ง ที่ทนอยู่ไม่ใช่รัฐจูงใจ แต่มีผลประโยชน์อื่นต่างหาก  พูดเรื่องearly ยิ่งเห็นชัด ดูยอดคนที่เออร์ลี่สิครับ ย่อมเห็นได้ชัดว่า เขาอยาหกกอยู่หรือไม่ สธ ถึงกับหนักใจว่าหากครูเข้าเออร์ลี่จะขาดแคลนหนัก คห 97  ข้อ 3    เหอ เหอ โทษนะครับเคยมารพ รัฐ นั่งคุยกับคนไข้จริงๆไหมครับ ส่วนหนึ่งคงเป็นแบบที่คุณว่าหมอไรก็ได้ขอให้หาย แต่ไม่น้อย เลือกเจาะจง หมอ เฉพาะทางทั้งที่เป็นโรคที่ เอ่อ ไม่ต้องพบหมอก็หายได้ บางคนกริยาแย่ๆก็มี   เรื่องdoctor fee นั้น แปลกตรงไหน ดีเสียอีก หมอจะได้ไม่ต้องพึ่งพารายได้จากการจ่ายยา เมืองนอกเขาก็มีเป็นปกตินี่ครับ เวลาคุณไปดูหมอ ไม่เห็นเค้าให้ไรคุณเลย คุณยังจ่ายเงินเขา ค่าวิชา ก็ อ่ะนะ คห 98  ผมไม่ชอบคำว่าลูกค้า แต่รัฐ ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลแต่คนจน เราดูแลเทากันทุกคน แต่ที่คนรวยๆๆๆ ไม่มาเพราะ ป่วยแล้ว ไม่ชอบ รอคิวนาน ไม่ชอบ นอนห้องรวม ไม่ชอบยาตามมาตรฐาน ไม่ชอบยาที่ถูกกว่าชาวบ้านธรรมดา คนเหล่านี้มีไม่น้อยครับ    ลงทุนกับหมอแล้วไง ที่รัฐทำอยู่ตอนนี้ไม่ต่างไรกับให้น้ำกินหนึ่งแก้วแล้วบอกว่าคุณต้องเลี้ยงตอบแทนฃั้น ด้วยโออิชิ 3 มื้อนะ แบบนี้แฟร์ไหมละครับ ที่รัฐบังคับ ให้หมอมาทำงาน understandard ที่เรียนมา อ้อ อาจเรียกไพเราะว่า standard ตามแต่สถานการณ์ คห 105  มีจริงครับ คนที่โดนด่าทุกๆวัน   คนไข้บ่นทุกวันครับ เพราะมันไม่ซ้ำกันไงครับ ใครมาก็บ่นครั้งแรกทั้งนั้น วันนี้ก็มี " หมอไปไหนมา ป็รอน๊านๆ เนี่ยป้าต้องรีบกลับ นั่งรอ จนเหนื่อยแล้ว บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ" ในใจผมนึกขอโทษอาจารย์ที่สอนมา แป๊บแล้วสวนมา " หมอก็ไปกินข้าวไงป๊า ตรวจมาตั้งกะเช้ายังไม่ได้พัก ไม่ได้หยุด อะไรเลย ตรวจตลอดอยู่แบบนี้แหละ จะไม่ให้กินข้าวเลยหรือไง หยุดบ่นได้แล้ว ป๊านั่งเฉยๆยังเหนื่อย ผมนั่งทำงานไม่เหนือ่ยกว่าเหรอ" ปล ป้าเป็นพวกนอนไม่หลับ ปวดเมื่อยมีเรื่องกังวลมาหลาย ปี เซ็ง จากคุณ : คนเดิม (Dalzeno) - [ 4 ต.ค. 50 21:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 117 . ...... Impractical ไม่สามารถทำได้ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะด่าเท่าไหร่ถ้าสภาำพการทำงานไม่ดีขึ้น แรงจูงใจไม่สูงขึ้นก็ไม่สามารถหยุดเลือดไหลได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องดึงตัวกลับมาเลย//Nexus ************************************************เมื่อระบบเดิม/ปัจจุบัน ไม่ดี เราต้องหาตัวอื่นมารองรับครับ ถ้าบ่นว่าไม่ดีๆๆๆแล้วปล่อยไว้แบบเดิมๆ เมื่อไหร่มันจะดี ส่วนแรงจูงใจ.. ผมถามว่าหมอขาดอะไรครับ 1.เงินเดือน ตอนนี้เมื่อเทียบกับราชการส่วนอื่นๆ หมอมากกว่าเขามากๆแล้วครับ จะให้เท่ารพ.เอกชน คงไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ลงทุนในการผลิตหมอมา..ต้นทุนตรงนี้ไม่มี  และจุดประสงค์ของการรักษาคนละแบบครับ ของรัฐคือแบบบริการ(แทบให้เปล่า) /รัฐบริการ ส่วนของเอกชน "เงิน" ครับ ธุระกิจเต็มตัว 2.ความก้าวหน้า...ก็ไม่เห้นหมอในรพ.รัฐตกอับ..สักคนนี่ครับ..ถึงจะไม่รวยเทาเพื่อนที่ออกไปทำงานรพ.เอกชน แต่เมื่อเทียบกับราชการส่วนอื่นๆหมอรวยกว่าพวกเขาครับ หรือตำแหน่งการงาน ก็เห็นได้ดีพอสมควรนี่ครับ..บางคนเป็นผอ.ตั้งแต่หนุ่มๆ(รุ่นผม..เพื่อนๆที่จบออกมากว่าจะเป็นผอ.50+ครับ/แต่คนละหน่วยงานกับหมอนะ) 3.ความมันคงในอาชีพการงาน //ราชการครับ..รู้ๆกันอยู่ว่ามั่นคงซะยิ่งกว่าตอม่อทางด่วนอีกครับ (หน่วยงานอื่นๆนะครับ)รับ2สมัคร200 จะเอาอะไรอีกครับ..แรงจูงใจที่หมอต้องการ จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 21:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 118 แจงคุณ เงินเดือนสามพันขับวอลโว่  หน่อยนะครับ ที่เป็นอยู่คือแบบนี้ แต่คนไข้ และคุณๆจะรู้ได้อย่างไรว่าควรรจะไปแผนกไหน ไม่ใช่คนไข้ที่ปวดตาทั้งหมด จำเป็นต้องพบ หมอตาครับ ยย้ำ ไม่ใช่ว่าคไข้ กระดูหัก ทั้งหมดต้องพบหมอกระดูกครับ อันนี้คือความจริง ต่อ จขกท ซักนิด คห 111 แล้วภ้าก่อนมาเรียน เค้าอ่านสัญญาทาสแล้วดูแวว่า เอออ เราทำงาน ซัก 3-4 ปี แล้ลาออก ใช้เงินตามที่เค้ากำหนดไว้นี่ ผิดไหมครับ เพราะเด็ก ม ปลายย่อมคิดว่า โอเค คุณกำหนดเพดานเงินเมื่อลาออกไว้แล้ว แปลว่าถ้าใช้เงินตามนั้นรัฐก็โอเค แบบนี้ไหมครับ  ส่วนเรื่องเมืองนอก ถ้าจะไปจริงๆ ก็ไปสอบ license ครับ ทำได้อยู่แล้ว คห 112 ****เพราะกฎของแพทยสภาระบุชัดครับ ว่าต้องฝึกงานที่โรงพยาบาลรัฐเท่านั้น เพื่อให้หลักสูตรได้มาตรฐานเท่าเทียมกันกับทุกโรงเรียนแพทย์ เพราะรัฐไม่สามารถควบคุมโรงพยาบาลเอกชนได้อย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับคนไข้จนเลยครับ// vandalism ************************************************ ครับ สิ่งที่ผมคาใจมานานเพิ่งมีคำตอบครับ...ขอบคุณ********  ความรูใหม่ที่คุณไม่รูแต่ด่าไปแล้วว่า ใช้คนจนๆเป็นที่เรียนรูไงครับ นี่แหละ ก่อนคิดเอง ก่อน ด่าไ ป ก่อนวิเคราะ ควรมีข้อมูลเสียก่อน ส่งท้าย ส่วนต่างของ ม เอกชน คณะอื่นๆ กับ มรัฐ แปลว่าค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องสนับสนุน แล้วคนที่จบจากคณะอื่น ทำอะไรให้รัฐบ้างครับ ความตั้งใจและ ไอเดียดีนะครับ ถ้ามีข้อมูลมากกว่านี้ และลดอคติลง น่าจะทำให้ณได้ เติบโตทางความคิดมากกว่านี้ (แม้ผมจะอายุน้อยกว่าคุณก็ตามที ) ปัญหาขาดแคลนแพทย์มันไม่ได้มีแค่มิติเดียว มีความซับซอ้อนเกินกว่าจะมานั่งด่าหมออยู่แบบนี้ครับ สวัสดี ปล ความเห็นสุดท้ายนี่ แสดงให้เห็นว่าคุรไม่ได้อ่าน หรือพยายามทำความเข้าใจในความเห็นที่คนอื่นมาตอบเลย  การคิดโดยนั่งนึกเหตุผลเอาหน้าคคอม คุณไม่มีวันเห็นโลกความป็นจริงใน รพ หรอก ครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 22:01:43 จากคุณ : ลาละ (Dalzeno) - [ 4 ต.ค. 50 21:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ------------------------------------------------------------------------- ปล.ปี1เปิดตำรารักษา เนี่ย ผมมีประสบการณ์จริงๆจากรพ.เด็กเลยนะตอนพาลูกไปรักษา ------------------------------------------------------------------------- ถ้า รพ. เด็กที่ว่า หมายถึงสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ มหาราชินี ที่อยู่ตรงข้าม รพ. พระมงกุฎเกล้า ตรงถนนราชวิถีล่ะก็.... ขอบอกว่าไม่มีแพทย์ใช้ทุนปี 1 นะครับ มีแต่แพทย์ประจำบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้ทุน (ทำงานแบบหมอแมว) มาก่อนอย่างน้อย 3 ปี จึงจะเริ่มเป็นแพทย์ประจำบ้านปี 1 ได้นะครับ เพราะระบบก็กำหนดอยู่แล้ว ว่าถ้าอยากเรียนต่อ ก็ต้องทำงานใช้ทุน และหาทุนจากโรงพยาบาลต้นสังกัด (เช่นที่หมอแมวทำงานอยู่) ลามาเรียนต่อเพื่อกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลตนเองต่อครับ (หรือจะชดใช้เงินลาออกก็แล้วแต่) ถ้าไม่มีคนมาเรียนที่นี่ก็ไม่ต้องมีหมอเฉพาะทางไปต่างจังหวัดเลยสิครับ ------------------------------------------------------------------------- เขาเป้นธุระกิจครับ จะเก็บเท่าไร จะเอาไปทุ่มให้คณะแพทย์มากไท่ไร..ธุระกิจล้วนๆ ครับ ------------------------------------------------------------------------- ธุรกิจอะไรครับ... งง ค่าเทอมก็ไม่ต่างจากคณะอื่นเท่าไร แต่เปิดคณะเพื่อขาดทุนหรือครับ... งง ------------------------------------------------------------------------- ส่วนคุณ..ยก3%  ถ้ารัฐช่วยออกให้คุณแค่3 % จะมาเข้าม.แพทย์รัฐทำไมครับ มันน้อยนิดเดียวแบบคุณว่า ลาออกก็โดนผมต่อว่าแบบนี้ ------------------------------------------------------------------------- งงครับ.. แล้วคุณเข้า ม. รามคำแหงทำไมครับ ??? งง...ในเมื่อมีมหาวิทยาลัยเอกชนอีกตั้งเยอะให้เข้า... หรือว่าตอนเรียนไม่ได้คิดว่าใช้เงินภาษีประชาชน... หรือทราบว่าใช้เงินจริงแต่ไม่มีใครว่า ไม่เหมือนคณะแพทย์... หรือคิดว่าเงินภาษีดังกล่าวเป็นสิทธิที่ประชาชนพึงมี อันเป็นสิทธิพื้นฐานทางการศึกษา ไม่เหมือนคณะแพทย์ครับ... งง ผมเข้าใจความคิดคุณนะครับ แต่ก็อยากให้เข้าใจสังคมบ้างครับ ลดการยึดตัวเองลง แล้วจะมองสังคมกว้างขึ้นครับ จากคุณ : vandalism - [ 4 ต.ค. 50 22:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 120 แรงจูงใจที่หมอต้องการ ก็คือ ความสุข(ที่มาจากหลายสาเหตุ) และความพึงพอใจครับ ซึ่งก็แล้วแต่ความคิดของบุคคล หมอที่ทำเอกชนไม่ใช่คนผิด เพราะต่างคนล้วนมีเหตุผลของตน หมอบางคนเสียสละ นั่นอาจแปลว่า เขาละความพยายามก็มี จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 4 ต.ค. 50 22:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 121 คห 94 ข้อ 2  เรื่องผู้บริหาร ผมบอกครับ ประเด็นนี้ใหญ่ลึกซึ้งมาก ข้อมูลคงต้องคุยกันยาว แต่มีแนวคิดที่จะเอาผู้บริหารมืออาชีพมาบริหารรพ ความเห็นส่วนตัว คงยาก ที่คนธรรมดาจะมาเข้าใจเรื่องเทคนิค ถ้ามารพ ผม จริง ผมคงไม่อยู่แน่ครับ อ๊ะ ให้เวลาซักสามเดือนละกัน เหะ เหะ ********************************************* นี่แหละครับ ส่วนหนึ่งที่บอกหมองานมากๆหมอเหนื่อยๆ เพราะไม่ยอมรับคนอื่นมานั่งบริหารเหนือตัวเองครับ นักบริหารมืออาชีพ(แม้จะเป้นข้าราชการแต่เขาผ่านงานด้านนี้มาเฉพาะ) เขารู้ครับว่า อะไรต้องปรึกษาใคร..อะไรทำอย่างไร (งั้นจะเป้นนักบริหารรึ) ไม่มีใครเก่ง/ใครรู้ทุกอย่างหรอกครับหมอ... ที่ปัญหามันมีเรื่องหมอทนไม่ได้ลาออก(ตามที่หมอในนี้อ้าง) ...ก็มาจากหมอๆที่ไม่ใช่นักบริหารมานั่งบริหารนั่นแหละครับ หลายช่วงอายุคนหลายช่วงอายุราชการ..มันจึงแก้ยากสุดแบบนี้ และเพียงแค่ผมพุดถึงนักบริหารมืออาชีพ..หมอยังรับไม่ได้..แล้วที่มันยุ่งๆ(แบบมาราทอน) อย่างนี้..ใครล่ะครับบริหาร *********************************************** คห 98 ผมไม่ชอบคำว่าลูกค้า แต่รัฐ ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลแต่คนจน เราดูแลเทากันทุกคน แต่ที่คนรวยๆๆๆ ไม่มาเพราะ ป่วยแล้ว ไม่ชอบ รอคิวนาน ไม่ชอบ นอนห้องรวม ไม่ชอบยาตามมาตรฐาน ไม่ชอบยาที่ถูกกว่าชาวบ้านธรรมดา คนเหล่านี้มีไม่น้อยครับ   ลงทุนกับหมอแล้วไง ที่รัฐทำอยู่ตอนนี้ไม่ต่างไรกับให้น้ำกินหนึ่งแก้วแล้วบอกว่าคุณต้องเลี้ยงตอบแทนฃั้น ด้วยโออิชิ 3 มื้อนะ แบบนี้แฟร์ไหมละครับ ที่รัฐบังคับ ให้หมอมาทำงาน understandard ที่เรียนมา อ้อ อาจเรียกไพเราะว่า standard ตามแต่สถานการณ์ ครับ..แน่นอนครับ..รัฐปั้นหมอมาเพื่อดูแลปชช.ของรัฐครับ..ไม่งั้นไม่ออกฏกบังคับให้ต้องรับราชการกรอกครับ จริงอยู่ทุกคณะในม.รัฐอุดหนุนทั้งนั้น..แต่คณะแพทย์ มันมีอะไรๆ ที่มากกว่าคณะอื่นครับ...คุณเป้นหมอคุณรู้ดี *********************************************** คห 105 มีจริงครับ คนที่โดนด่าทุกๆวัน  คนไข้บ่นทุกวันครับ เพราะมันไม่ซ้ำกันไงครับ ใครมาก็บ่นครั้งแรกทั้งนั้น วันนี้ก็มี " หมอไปไหนมา ป็รอน๊านๆ เนี่ยป้าต้องรีบกลับ นั่งรอ จนเหนื่อยแล้ว บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ" ในใจผมนึกขอโทษอาจารย์ที่สอนมา แป๊บแล้วสวนมา " หมอก็ไปกินข้าวไงป๊า ตรวจมาตั้งกะเช้ายังไม่ได้พัก ไม่ได้หยุด อะไรเลย ตรวจตลอดอยู่แบบนี้แหละ จะไม่ให้กินข้าวเลยหรือไง หยุดบ่นได้แล้ว ป๊านั่งเฉยๆยังเหนื่อย ผมนั่งทำงานไม่เหนือ่ยกว่าเหรอ" ปล ป้าเป็นพวกนอนไม่หลับ ปวดเมื่อยมีเรื่องกังวลมาหลาย ปี เซ็ง ************************************************ แบบนี้เขาเรียกว่าด่าหรือครับ..(อ๋อ..หมอกระหม่อมบางนั่นเอง) แกนั่งรอ แกสงสัย..แกก็ถามครับ..คนนั่งรอนานๆเขาเขาก้ต้องคิดโน่นคิดนี่(คงคิดว่าหมอแอบไปรับจ๊อบด้วยแน่นอน )หมอมีพยาบาลนั่งอยู่หน้าห้องนี่ครับ สั่งพี่พยาบาลเขาหน่อยสิว่า พี่ๆหมอขอตัวไปกินข้าวนะ แค่เนี๊ยหมอทำไม่ได้ แต่พอเขาถามหมอกับหาว่าเขาด่า..ก้หมอสื่อสารกับเขาไม่ได้เองครับ.. จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 22:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 122 จะเทียบเป็น % ฟ้องร้องไม่ได้หรอกครับ สมมุติ อัตราว่า 1 หมื่นคน ฟ้อง1 คน... แต่ครับ  แต่....    ชีวิตผม ต้องเจอคนไข้ กี่คน.....  โดนฟ้องที... โอ๊ย... จากคุณ : Mdiic~* - [ 4 ต.ค. 50 22:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ไปนอนแล้วครับ ไม่ได้หลับมา 28 ชม. แล้ว พอดีกำลังจะนอน เจอกระทู้จิตตกก่อน... ไปล่ะครับ จากคุณ : vandalism - [ 4 ต.ค. 50 22:19:07 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เลิกเถียงแล้วครับ ขี้เกียจพิมพ์ ใครว่ารพ.เอกชน ไม่มีผู้บริหารที่ไม่ได้เป็นหมอครับ แต่รพ.รัฐเนี่ย ผู้บริหารเป็นหมอหมดนั่นแหละ ไม่ได้มีงบไปจ้าง ผู้บริหารชั้นเซียนหรอกครับ เมื่อคุณบอกว่า "คุณเป็นหมอ คุณรู้ดี" ผมกับคุณก็ไม่ใช่หมอ ก็ไม่ต้องเถียงกับคนที่รู้ดีสิครับ น่าจะเพียงแนะนำก็พอ แล้วที่พิมพ์มาเนี่ย ผมยอมรับว่า ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เพราะยังไม่ได้จัดการ จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 4 ต.ค. 50 22:19:46 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ทำไมแพทย์(ส่วนหนึ่ง)ต้องลาออกจากราชการด้วย เมื่อใช้ทุนเสร็จ ขอตอบคำถามตรงๆ เลยละกันนะครับ " เพราะผมเซ็งครับ เซ็งที่จะต้องรักษาคนไข้ที่มีความคาดหวังที่สูงภายใต้ข้อจำกัดที่มากและไม่อาจเป็นไปได้ทั้งหมด รวมถึงไม่ยอมเปิดใจรับข้อเท็จจริงดังกล่าว แบบ คุณเจ้าของกระทู้ครับ " ชัดเจนไหมครับ ปล.แต่ผมก็ยังไม่ได้ลาออก เพราะยังไม่เคยเจอคนแบบเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : จะรู้ไปทำไม ผมมันไม่ดังหรอก - [ 4 ต.ค. 50 22:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 126 แต่รพ.รัฐเนี่ย ผู้บริหารเป็นหมอหมดนั่นแหละ ไม่ได้มีงบไปจ้าง ผู้บริหารชั้นเซียนหรอกครับ//เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ ไม่น่าเชื่อครับ คนจะเป้นหมอ ไม่เข้าใจเรื่องผู้บริหารในรพ.รัฐ..ไปพูดถึงต้องไปจ้างคนนอกมานั่งแบบนี้.. ********************************************* เมื่อคุณบอกว่า "คุณเป็นหมอ คุณรู้ดี" ผมกับคุณก็ไม่ใช่หมอ ก็ไม่ต้องเถียงกับคนที่รู้ดีสิครับ น่าจะเพียงแนะนำก็พอ//เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ เพราะหมอ ไม่ฟังคนนอกไง พอพูดเข้าก้หาว่ารุ้ดีกว่าหมอ รู้ดีกว่าคนใน โดยไม่มองว่า คนนอกนั้นมองเห็นมองดูพวกหมออยู่...และบอกว่า..หมอ(ที่ออกไป)เห็นแก่ตัวนะ *********************************************** ไปนอนแล้วครับ ไม่ได้หลับมา 28 ชม. แล้ว พอดีกำลังจะนอน เจอกระทู้จิตตกก่อน... ไปล่ะครับ จากคุณ : vandalism ถ้าการอดนอนของหมอเพื่อคนไข้ ในรพ.รัฐขอให้หมอมีแต่ความสุขความเจริญครับ..แต่ถ้าการอดนอน..24ชม.เพื่อการอื่น..ตามนั้นครับ จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 22:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ปล.ปี1เปิดตำรารักษา เนี่ย ผมมีประสบการณ์จริงๆจากรพ.เด็กเลยนะตอนพาลูกไปรักษา ------------------------------------------------------------------------- ถ้า รพ. เด็กที่ว่า หมายถึงสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ มหาราชินี ที่อยู่ตรงข้าม รพ. พระมงกุฎเกล้า ตรงถนนราชวิถีล่ะก็.... ขอบอกว่าไม่มีแพทย์ใช้ทุนปี 1 นะครับ มีแต่แพทย์ประจำบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้ทุน (ทำงานแบบหมอแมว) มาก่อนอย่างน้อย 3 ปี จึงจะเริ่มเป็นแพทย์ประจำบ้านปี 1 ได้นะครับ เพราะระบบก็กำหนดอยู่แล้ว ว่าถ้าอยากเรียนต่อ ก็ต้องทำงานใช้ทุน และหาทุนจากโรงพยาบาลต้นสังกัด (เช่นที่หมอแมวทำงานอยู่) ลามาเรียนต่อเพื่อกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลตนเองต่อครับ (หรือจะชดใช้เงินลาออกก็แล้วแต่) ถ้าไม่มีคนมาเรียนที่นี่ก็ไม่ต้องมีหมอเฉพาะทางไปต่างจังหวัดเลยสิครับ// vandalism ใช่เลยครับ ที่นั่นแหละ ตอนนั้สมัยปี26(จำได้เพราะปีเกิดลูกสาวคนที่ผมอ่างถึงครับ) พาลูกสาวไปฉุกเฉินตอน4ทุ่ม เด็กอายุไม่ถึงขวบ หมอวัดรอบอก วักรอบหัว..เอามือวางบนท้องแล้วเคาะบนหลังมือตัวเอง เปิดตำราดู..ไม่เข้าใจ โทรไปถาม หมอหัวหน้าเวร..สัก10นาที หมอหัวหน้าเวรมา ถึงจะบอกว่าลูกผม..ปวดบวม.. ทั้งหมดคือเรื่องจริง ถ้ามีโกหก..เพียงเพื่อเอามัน ขอให้ผมมีอันเป้นไปครับ ************************************************ ------------------------------------------------------------------------- เขาเป้นธุระกิจครับ จะเก็บเท่าไร จะเอาไปทุ่มให้คณะแพทย์มากไท่ไร..ธุระกิจล้วนๆ ครับ ------------------------------------------------------------------------- ธุรกิจอะไรครับ... งง ค่าเทอมก็ไม่ต่างจากคณะอื่นเท่าไร แต่เปิดคณะเพื่อขาดทุนหรือครับ... งง ------------------------------------------------------------------------- ส่วนคุณ..ยก3%  ถ้ารัฐช่วยออกให้คุณแค่3 % จะมาเข้าม.แพทย์รัฐทำไมครับ มันน้อยนิดเดียวแบบคุณว่า ลาออกก็โดนผมต่อว่าแบบนี้ ------------------------------------------------------------------------- งงครับ.. แล้วคุณเข้า ม. รามคำแหงทำไมครับ ??? งง...ในเมื่อมีมหาวิทยาลัยเอกชนอีกตั้งเยอะให้เข้า... หรือว่าตอนเรียนไม่ได้คิดว่าใช้เงินภาษีประชาชน... หรือทราบว่าใช้เงินจริงแต่ไม่มีใครว่า ไม่เหมือนคณะแพทย์... หรือคิดว่าเงินภาษีดังกล่าวเป็นสิทธิที่ประชาชนพึงมี อันเป็นสิทธิพื้นฐานทางการศึกษา ไม่เหมือนคณะแพทย์ครับ... งง ผมเข้าใจความคิดคุณนะครับ แต่ก็อยากให้เข้าใจสังคมบ้างครับ ลดการยึดตัวเองลง แล้วจะมองสังคมกว้างขึ้นครับ จากคุณ : vandalism  - [ 4 ต.ค. 50 22:05:05 ก่อนงง คุรไปอ่านคห.คุณก่อนครับ..ค่อยงง แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 50 22:50:08 จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 22:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ถ้าผู้ใช้บริการของโรงพยาบาลรัฐ เป็นแบบคุณนาย กาแฟร้อน เยอะ  ๆ ก็ควรลาออกอยู่หรอกครับ  ไม่รับฟังคนอื่นเลย คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก เรื่องเงินเดือน ก็ไม่จบซักที อาชีพอื่นที่ไม่ใช่หมอ สบายกว่าหมอ เงินเดือนยังพอ ๆ กับหมอเลยครับ ไปถามเพื่อนที่เป็นข้าราชการว่า ถ้าให้เงินเดือน 4 หมื่น แต่ทำงานช่วงเวลาแบบหมอ เอาไหม คำตอบมาทันทีไม่ต้องคิดมาก ว่าไม่เอา ถ้าคิดว่า สัญญาทาส จะทำให้หมออยู่ได้นาน ๆ คิดได้แค่นี้ก็เอาเถอะครับ แทนจะซื้อใจคนให้ทำงานด้วยกันนาน ๆ ดันเอาสัญญามาเป็นผูกมัด จากคุณ : MAX - [ 4 ต.ค. 50 22:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ระบบราชการ   ก็รู้อยู่ว่ามีปัญหา คนทำงาน   ไม่บอนไซ   ก็พยายามหาทางรอด อยู่อย่างซังกะตายก็มี อยู่อย่างอดทนก็มาก อยู่อย่างทนอด  เพราะ เทียบข้างนอกเห็นๆว่า  ดีกว่า..  ก็กล่ำกลืน.. เถียงกันในระบบที่มีปัญหาเรื้อรัง... ก็เหมือนพายเรือในอ่าง.....อยู่ดี.. ต้องแก้ที่นโยบาย   และแก้ที่แนวทาง....หรือทิศทาง...มากกว่า.. อย่ามั่วโทษเรื่องปลาซิวปลาสร้อย..... เพราะ เมื่อรู้แล้วอยางถ้วนทั่ว    ก็แค่..NATO ...... แต่อย่างน้อย   ก็เกิดจิตสำนึกร่วมต่อปัญหาสาธารณสุขไทย ธุรกิจโรงพยาบาล...ยิ่งมีมากและเติบโต... เท่ากับหายนะของสังคม...........รออยู่ เท่ากับสะท้อนความเสื่อมของประชากรที่ไม่รู้จักดูแลสุขภาพตนเอง เท่ากับแนวทางที่ผิดพลาดของการสาธารณสุขของสังคม หมอ  คือ บุคลากรสำคัญในกลไกการดูแลสุขภาพสังคม แต่แนวทางที่ควรจะเป็น  น่าจะมุ่งส่งเสริมการป้องกัน-ดูแลสุขภาพมากกว่า เพราะมิฉะนั้น  คลื่นแห่งการป่วยไข้ก็มิอาจเบาบาง  คลี่คลาย ลดน้อยลงได้.. แล้วธุรกิจโรงพยาบาลก็จะยิ่งเจริญก้าวหน้า...... แต่ก็จะแปลกใจที่ลูกค้า.....ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของสังคม... จากคุณ : dicky5 - [ 4 ต.ค. 50 22:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 130 อ่านไป อ่านไป สุดท้าย คุณก็ไม่เข้าใจ จากคุณ : Mdiic~* - [ 4 ต.ค. 50 23:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 131 MAX  - ในนี้เราคุยด้วยเหตุและผลครับ  ทุกคนพูดได้(เพราะตอนพิมพืไม่มีใครแย่งพิมพ์ อิ อิ) ใจเย็นๆครับ หลายคนในนี้พูดเรื่องแจงจูงใจ อะไรครับที่หมอต้องการ(แรงจูงใจ)ของหมอพูดออกมาเลย....เมื่อไม่พูดผมก็ยกมาแบบนี้หรือ ....หมอต่างหากครับ ไม่พูดไม่ฟัง ********************************************** เรื่องเงินเดือน...สุดแล้วแต่ความคิดครับ แต่ถ้าถามผมและข้าราชการอื่นๆ ที่อายุราชการ2-3ปี 4หมื่น ใครไม่เอาก็ดง่แล้วครับ แม้จะหนักกว่านั้นและเสี่ยงกว่าหมอ (อีกแล้วยกคนขับรถเมล์มาอ้างอีกแล้ว) คนขับรถเมล์ รายได้เขาเดือนละ15000(แบบรวมทุกอย่างนะครับ ทั้งหน้าตั๋ว ทั้งเงิเบี้ยเลี้ยงรายวัน ทั้งเงินเดือน/ตกวันละ500) เสี่ยงทุกอย่างกว่าหมอเยอะครับ(อย่าบอกนะงั้นเอาคนขับรถเมล์มาเป้นหมอแทน) ************************************************* ผมขอปิดกระทู้นี้นะครับ เพราะพูดไปปัญหามันไม่สามารถแก้ไขได้ จากใครคนใดคนหนึ่ง มันต้องพร้อมใจกันแก้ พร้อมใจกันเสียสละ รวมทั้งปชช.และผมด้วยต้องดูแลสุขภาพตัวเอง เพื่แบ่งเบาภาระของหมอ(ผมไม่ดื่มเหล้า//ไม่สุบบุหรี่ มาเลยตลอดทั้งชีวิตครับ) สุดท้ายขออวยพร ให้หมออายุยืน มีความสุขความเจริญ ในชีวิตและอาชีพการงานด้วยเทอญ ปล.เฉพาะหมอรพ.รัฐนะครับ จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 4 ต.ค. 50 23:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 132 แน่ใจหรือครับ จขกท. ว่า มีแต่คนต้องการทำงานรัฐบาล ลองออกจาก มุมมองของคุณ ที่คิดแต่ ตรงนั้นมั่งเหอะครับ ถามจริงๆ มีเด็กจบใหม่ จากทุกคณะ มีซักกี่คนที่คิดทำราชการ มั่ง ที่ไปสอบ เพราะอะไร เพราะ ระบบงานปรกติ เขาไม่รับหรือเปล่า ครับ จากคุณ : วัยละอ่อน - [ 4 ต.ค. 50 23:25:02 ]

ความคิดเห็นที่ 133 เรื่องเงินเดือน...สุดแล้วแต่ความคิดครับ แต่ถ้าถามผมและข้าราชการอื่นๆ ที่อายุราชการ2-3ปี 4หมื่น ใครไม่เอาก็ดง่แล้วครับ แม้จะหนักกว่านั้นและเสี่ยงกว่าหมอ แล้วต้องทำเป็นเวลาติดต่อกันหลาย ๆ ปีนะครับไม่ใช่ทำปีสองปีแล้วเลิก คุณไม่คิดจะดูแลพ่อแม่ ไม่คิดจะมีครอบครัวเหรอครับ ลองคิดต่อไปว่า ถ้าต้องทำไปเป็นอาชีพหลัก ตลอดชีวิตเลย จะเอาไหม หรือแค่ ว่าทำไปก่อนเพื่อเอาเงิน ไป ๆ มา ๆ เหมือนคุณต่างหากที่เห็นเงินเป็นสำคัญ (อีกแล้วยกคนขับรถเมล์มาอ้างอีกแล้ว) คนขับรถเมล์ รายได้เขาเดือนละ15000(แบบรวมทุกอย่างนะครับ ทั้งหน้าตั๋ว ทั้งเงิเบี้ยเลี้ยงรายวัน ทั้งเงินเดือน/ตกวันละ500) แน่ใจเหรอครับแค่ 15,000 เท่าที่ผมรู้มากกว่านั้นครับ ไปหาอ่านเอาที่ห้องสีลมครับ มีคนคุยกันอยู่พอดี แล้วเรื่องความเสี่ยง ถ้าเสี่ยงจากการฟ้องร้อง มีน้อยกว่าเยอะครับ เพราะถ้าคุณปฎิบัติตามกฎจราจร ไม่ชิ่งนรก ผู้โดยสารซึ่งจน ๆ และ ยอมรับสภาพว่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเมื่อขึ้นรถเมล์ ไม่คิดฟ้องหรอกครับ แล้วถ้ามีเรื่อง คนขับขับดี ๆ ผู้โดยสารยังจะช่วยด้วยซ้ำครับ แต่ถ้าขับเลว ๆ ก็ตัวใครตัวมัน แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 00:03:29 จากคุณ : MAX - [ 4 ต.ค. 50 23:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 134 กลับเข้ามาอ่านแล้วครับ หลังจากหายไป 1 วัน อึ้งปนทึ่งครับ ที่กระทู้ลากมา 100 กว่า comment คุณกาแฟร้อนก็ยังตอบทุกกระทู้เลย สุดยอดครับ ขอเพิ่มเติมบางส่วนละกันนะครับ  ก่อนจะออกทะเลกันใหญ่ จาก คห.51 ครับ เพราะว่าที่คุณกาแฟร้อนคิด กับชีวิตจริงที่พวกผมเจอมันไม่เหมือนกันไงครับ  คุณถึงหัวชนฝามา 100 กว่ากระทู้ เรื่องที่ว่าคนไข้ไม่เลือกยา  คนไข้ไม่เกี่ยงว่า 30 บาท  คนไข้เมาแล้วขับมีพรบ.ออกให้  อยากให้ลงมาอยู่รพ.ชุมชนกับผมจังครับ ส่วนเรื่องฟ้องถ้าหมอเจอก็ถือว่าซวย  อันนี้พูดดีครับ แต่คนทำงานคือฝันร้ายนะครับ  อย่าลืมนะครับว่าบ้านเรามีสื่อ  และคนไทยเชื่อสื่อมากกว่าเชื่อหมอ  กี่คดีแล้วครับที่ออกข่าวว่าหมอชุ่ยแต่พอสอบสวนพบว่าไม่ผิด  สื่อเคยขอโทษไหมครับ และชาวบ้านเข้าใจไหมครับ  ทุกวันนี้ที่คนมองว่าหมอแย่ก็เพราะเจอเรื่องมอมเมาจากสื่อนี่แหละ  เลยเกิดปัญหาที่ว่าถ้าไม่หายให้ฟันธงไปก่อนว่าหมอผิด ส่วนเรื่องภาษีที่คุณกาแฟร้อนบอกว่าผมทวงบุญคุณ อันนี้ก็เข้าใจผิดนะครับ  ผมอธิบายให้คุณฟังเพราะผมเห็นคุณพูดมาตั้งแต่กระทู้ที่ 1-49 แล้ว ว่าคำนึงหมอก็มาจากภาษี 2คำก็หมอจบมาเพราะภาษี  ผมก็เลยแจกแจงครับ ว่าใครไม่เสียภาษีบ้างครับ  มีแต่คุณกาแฟร้อนนะครับ ที่ทวงบุญคุณเรื่องภาษี ต่อมาคุณก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องเอาหมอมาเป็นผอ.รพ.  เรื่องนี้นะครับปัญหาไม่ได้อยู่ที่หมอ  แต่มันอยู่ที่ไม่มีใครมาเป็นครับ  มีหมอไม่ถึง 10 เปอรเซนต์หรอกครับที่อยากมาทำงานบริหาร  งานบริหารให้ทุกคนพอใจในงบที่มีจำกัดและอยู่กับชีวิตคน คิดว่าทุกคนอยากเป็นหรือครับ  หมอทุกคนก็อยากอยู่กับคนไข้  แต่ในเมื่อทั้งรพ.ไม่มีใครขึ้น แล้วจะให้ใครทำครับ  ก็ต้องเอาหมอนี่แหละ ที่เค้าเชื่อกันว่าใกล้ชิดกับคนไข้และน่าเชื่อถือสุดมาเป็น อย่างรพ.ผม มีหมอ 2 คน พยาบาล 80 ตอนนี้ตำแหน่งผมก็รองผอ.แล้ว ฟังดูใหญ่นะครับ แต่อย่าลืมว่า ผมเป็นรองผอ.  ผมเป็นหมอทำคลอด  ผมเป็นหมอศัลย์ ผมไปให้ความรู้วิชาการในชุมชน  ผมตรวจคนไข้ทั่วไป  ผมอยู่เวร  ทั้งหมดนี่คือคนเดียวครับ  ก็มีหมอ 2 คนหนะ จะให้ใครเป็นครับ ต่อมาคุณก็บอกบังคับวิศวะ ทนาย บริหารไปรับราชการหมด ทกุคนชอบเพราะมีงานทำ  อันนี้ก็คิดคนเดียวนะครับ ในเมื่อถ้าวิศวะเค้ามีทางเลือกที่ดีกว่า เค้าจะต้องการรับราชการไหมครับ สร้างตึกทีได้ค่าแบบเป็นล้าน  กับอยู่ราชการเขียนเท่าไหร่ได้ 8000 ตอบเอามันส์กับของจริงมันคนละเรื่องนะครับ ต่อมาเรื่องงานหนักเงินเยอะ 4 หมื่น เห็นติดใจจังเลยครับ 4 หมื่นนี่ถ้าคุณไปทำเอกชน ไม่ต้องเป็นหมอนะครับ อายุงาน 10 ปีนี่เกินกันทั้งนั้นครับ  เพื่อนผมเป็นผู้พิพากษาเงินเดือน start 8 หมื่นครับ  อีกคนเป็นนักบิน start 120000  คุณอภิรักษ์ตอนอยู่ออเรนจ์นี่เงินเดือน 2 ล้านนะครับ ถ้าคุณเอามาเทียบกับงานราชการสายอื่นแล้วบอกว่าหมอได้เยอะ  ผมก็บอกไงว่าให้เอางานราชการสายนั้น *3 ด้วยนะครับแล้วค่อยเทียบ  เพราะหมอทำงานกลางวัน+กลางคืนครับ แล้วจะพบว่าไม่ต่างกันเลยครับ จากคห.ที่69 ที่ว่าคนสอบหมอ 3.5 ขึ้นทั้งนั้น ไม่ทราบได้ตามข่าวมั่งไหมครับ ว่ามีการรวมตัวประท้วงกันว่าการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ 2.75 ถึงสมัครสอบแพทย์ได้นั้น เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานทางรัฐธรรมนูญนะครับ   และที่ว่า "แพทย์จะไร้ความสามารถก็เพราะพวกหลงตัวเองนั่นแหละ ว่าข้านั้นฉลาดกว่าคนอื่น" ต้องเปลี่ยนเป็น  "แพทย์ที่มีความสามารถคงเหลือน้อยลง  ก็เพราะคำพูดของคนที่คิดว่ามองโลกได้มีคุณธรรมกว่าคนอื่น" มากกว่าไหมครับ คห.ที่71 ที่คุณว่าสงสารข้าราชการหน่วยงานอื่น  ถามว่าถ้าเค้ามีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้วเค้าไปไหมครับ  พยาบาลก็ออกไปอยู่เอกชนกันเยอะ  พวกอธิบดีหรือข้าราชการชั้นสูงก็ออกไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทมากมาย  ตำรวจทหารบางคนเค้าก็หาอาชีพเสริม  ครูที่เก่ง ๆ เค้าก็ออกไปสอนพิเศษ  เพราะคุณมองแค่ปลายเหตุไงครับว่าหมอได้เงินเยอะแล้วไม่พอใจ  แล้วทำไมไม่มองว่าก่อนที่จะเข้ามาเป็นหมอเค้าแลกกับอะไรมาบ้างครับ  ตอนเรียนม.ปลายขณะที่เพื่อนคนอื่นไปเล่น ต้องมานั่งอ่านหนังสือสอบเอนท์ทั้งวันทั้งคืน  ตอนเรียนเพื่อนคณะอื่นปิดเทอมไปเที่ยว พวกหมอขึ้นเวรกันถึงเช้า  ตอนจบมาเพื่อนบางคนไปเรียนต่อเมืองนอก หมอต้องออกมาทำงานตจว. มันไม่ได้มีแต่ด้านดีอย่างที่คุณคิดนะครับ คห.ที่74  รู้ว่าหนักแต่ทำไมยังให้ลูกเรียนหมอ ตอบเพราะเค้ามีความสุขกับงานที่ทำไงครับ  รู้สึกดีเวลาที่คนหายป่วยไข้ และลูก ๆ ก็ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ทำให้พอโตขึ้นก็เป็นแรงบันดาลใจให้อยากเป็นหมอครับ  ผมเองตอนนี้ก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยคนที่เค้ายังต้องการเรา แต่เวลาเจอกระทู้กาแฟลวกปากนี่  บอกตรงๆว่าอ่านแล้วเครียดครับ รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี่ยังมีค่าอยู่หรือ  ทำไมมองหมอแง่ร้ายจัง พอกลับมาคห.ที่ 94 คุณก็ยังกลับมาพูดถึงเรื่องภาษีอีกแล้ว ผมก็บอกแล้วไงครับว่าแล้วใครบ้างครับไม่เสียภาษี  อีกอย่างนะครับเรียนหมอก็ต้องจ่ายค่าเทอมนะครับ  และการเรียนของหมอคือคุณเรียนถึง 4 โมง หลัง 4 โมงคุณก็ต้องขึ้นเวร คุณขึ้นเวร 8 ชม.นี่คือดูแลคนไข้นะครับ  ง่าย ๆ ก็คือทำงานโดยไม่มีค่าแรง (ทำ 7-11 วันนึง 8 ชม.ยังได้ 130 บาทนะครับ) แล้วหมอทำ 3 ปี  อีกอย่างนะครับ หมอทำงาน พอคนไข้หาย รพ.รัฐก็เก็บค่ารักษาคนไข้ เท่ากับนศพ.ก็มีส่วนหารายได้ให้รพ.ไหมครับ อ้อ และถ้าพูดเรื่องรัฐออกทุนให้  แล้วมหาลัยรัฐอันไหนรัฐไม่อุดหนุนครับ  คุณกาแฟบอกคุณเรียนราม  แล้วรามไม่ได้ใช้ภาษีสร้างตึกให้พวกคุณเรียนหรือครับ  แล้วถ้างี้ผมขอทวงบ้างได้ไหมครับ ว่าทำไมใช้ภาษีรัฐเรียนรัฐศาสตร์แล้วประเทศเราไม่พัฒนาไปถึงไหนซะที  ผมก็เสียดายภาษีที่พ่อแม่ผมเสียเหมือนกัน  เวลาพูดใครก็พูดได้ครับ ส่วนเรื่องรพ.ราชวิถีนะครับ  ไม่ทราบว่าคุณรู้ลึกแค่ไหนเกี่ยวกับแพทย์รังสิตนะครับ ผมจบหมอรังสิตครับ และฝึกงานราชวิถีด้วย ค่าเทอมม.รังสิตจะได้เฉพาะปี 1- ปี3 นะครับ ปี 4- ปี6 ค่าเทอมทั้งหมดจะให้ราชวิถีครับ ในนามมูลนิธิสถาบันร่วมผลิตแพทย์กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิตครับ ค่าเทอมพวกผมทั้งหมดตั้งแต่ปี 4 ตกคนละ 3 แสนบาทต่อคนต่อปี คร่าว ๆ ก็ให้ราชวิถีปีละ 90 ล้าน เข้าราชวิถีหมดทุกบาทครับ เป็นค่าอุปกรณ์ ค่าล่วงเวลาให้หมอที่มาสอน  ค่าเสื่อมของ  เงินเดือนแพทย์ประจำบ้านของราชวิถี  ค่าหนังสือเข้าห้องสมุดของราชวิถี  ฉะนั้นไม่ได้มาเอาเปรยบรัฐอย่างที่คุณคิดไว้แน่ ๆ ครับ และจากโมเดลอันนี้แหละครับ  ที่รัฐบาลเอาไปสานต่อให้เกิดเป็นสถาบันบรมราชชนก  ให้เริ่มมีการสอนแพทย์ชนบทขึ้นมา คือให้ปี4-ปี6 ไปฝึกงานตามรพ.แต่ละจังหวัดเหมือนกับที่รังสิตส่งมาฝึกราชวิถี  บังคับให้หมอตามรพ.จังหวัดต้องสอนนศพ. (เมื่อก่อนจะเป็นหน้าที่ของโรงเรียนแพทย์เท่านั้น) อย่างที่บอกครับประชาชนอย่างพี่มองดู อยากให้รู้ว่ามีคนเห็น  แต่เวลาเห็นต้องเห็นให้หมดครับ  ไม่ใช่เห็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งแล้วพูดเป็นตุเป็นตะ คห.ที่105 เรื่องสัญญา 20 ปี อันนี้ก็ต้องย้อนขึ้นไปว่าเป็นธรรมไหมครับ  เพราะถ้าทำก็ต้องทำกับทุกคณะที่รัฐอุดหนุนเหมือนกัน ใช้เงินรัฐเรียนเหมือนกัน  เพราะอย่างที่บอก ไม่ได้มีแต่หมอที่ฐบาลออกเงินให้เรียนนะครับ  ตึกทุกตึก  โต๊ะทุกตัวในมหาลัยรัฐ  อันไหนไม่ใช่ภาษีประชาชนบ้างครับ คห.ที่ 110 คนไข้ไม่รู้อันนี้หมอเข้าใจและพร้อมอธิบายครับ  แต่ประเภทที่ไม่รู้และไม่พร้อมที่จะเรียนรู้ อันนี้ให้หมอทำไงครับ  ประเภทมาถึงสั่งยามาเรียบร้อยจากบ้าน ว่าเอาตัวนี้ ๆแล้วยื่นรายการมาให้หมอ   พอหมอไม่ให้ก็ด่าหมอ ว่าหมอมีสิทธ์อะไรจะให้หรือไม่ให้ ชั้นจ่ายภาษีทำไมชั้นจะเอายาไม่ได้  อันนี้ผมเพิ่งเจอมาอาทิตย์ที่แล้วเลยครับ คห.ที่ 114  อันนี้แหละครับ ที่ทำให้รู้สึกแย่ที่สุดครับ ผมจบรังสิตครับ จ่ายค่าเทอมไป 1.8 ล้าน  จบปุ๊บก็ทำงานราชการปั๊บเพราะอยากช่วยเหลือคนไข้ ตอนนี้อยู่รพ.อำเภอเป็นปีที่ 3 แล้วครับ และไม่เคยคิดที่จะลาออกเลย  เพราะรู้สึกดีมาก ๆ กับคุณลุงคุณป้าส่วนน้อยที่ยังเข้าใจและยังต้องการผมอยู่ ที่บอกว่าส่วนน้อยเพราะส่วนใหญ่คนไข้ที่ผมเจอเป็นปัญหาที่ผมเล่ามาทั้งหมดในกระทู้บน ๆ ครับ ว่าคนไข้เรียกร้องสิทธ์ของตัวเองจนเกินความเป็นจริง  มาถึงสั่งหมอว่าจะเอาอย่างงี้ ๆ ฉีดยาตัวนี้ ต้องฉีดเท่านั้นไม่เอายากิน  ทำไมหมอให้ยาราคาถูกงี้กินไม่หายหรอก  ทำไมหมองกยาจัง  ทำไมหมอมาตรวจช้า (ไม่ดูว่าหมอคนเดียวดูคนไข้ทั้งรพ.) หมอรังสิต ไม่ใช่ว่าคือหมอที่อยากเรียนเพื่อไปกอบโกยนะครับ  เพียงแต่เป็นคนที่อยากเป็นหมอแต่คะแนนสอบอาจจะไม่ถึงระดับที่ติดโรงเรียนแพทย์ และที่บ้านพอมีกำลังส่งให้เรียนได้ เลยให้เรียนรังสิตเพื่อทำฝันให้เป็นจริง จากสถิติเก็บมา 10 ปี  หมอรังสิตจบแล้วไปอยู่เอกชนไม่ถึง 15 เปอร์เซนต์นะครับ  ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในรพ.ของรัฐครับ  เพราะไม่ได้มีความเดือดร้อนเรื่องเงินมากนักครับ  ฉะนั้นที่คุณว่าหมอไปอยู่เอกชนเราะต้องการเงินอันนี้ไม่เสมอไปครับ  ปัยหาเรื่องระบบและความติดขัดมากว่าครับ แพทย์ 3 จังหวัดชายแดน 2-3 ปีหลังนี่ก็มีรังสิตสมัครใจไปอยู่หลายคนครับ อยากให้เข้าใจครับ เหนื่อย ๆ คุณกาแฟร้อนโทรคุยกันไหมครับ ปวดนิ้วอะ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน - [ 4 ต.ค. 50 23:38:36 ]

ความคิดเห็นที่ 135 5555 ไม่จบก้ไม่จบครับ แต่วันนี้ต้องขอตัวก่อนนะ พรุ่งนี้ครับจัมาตอบให้ทุกคห. ดีครับ คุยกันแบบเปิดอกอย่างนี้  รู้ก็บอก  ไม่รู้ก็ถาม แบบเรื่องหมอรังสิต ผมเก็บความสงสัยมา10กว่าปีครับ..หมอรู้ก็บอกมาแบบนี้ หลายคนสงสัยครับว่าเขามาเรียนกับร่างกายคนไข้รพ.รัฐได้อย่างไร(รู้ครับว่าเขาจ่ายค่าเทอมให้รพ.) แต่มันไม่น่าจะใช่น่ะ ยิ่งไปรวมเรื่อง มรต.ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับม.รังสิต ดร. สมัยเป้นรมต.หมอ. และเจ้าของมหาลับหมอนี้ แต่มีรพ.ของตัวเองกลับไม่เอานศ.มาเรียนมาเรียนที่รพ.รัฐ  ผมยิ่ง..มองอย่างอคติครับบอกตรงๆ พอรู้ว่ามีกฏแพทย์สภาเขียนไว้เพื่อควบคุมมาตราฐาน..ก็พอเข้าใจ.(แต่ไม่พอใจ) จากคุณ : นาย กาแฟร้อน - [ 5 ต.ค. 50 00:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ความคิดเห็นที่ 68 #13 มันเป็นความจริง ทำเป็นรับไม่ได้เชียวรึ คุณหมอที่ดี มันก็แค่ 1 ในล้านส่วนเท่านั้นแหละ จากคุณ : ปีศาจหมายเลข5 - [ 4 ต.ค. 50 09:43:14 ] ได้ครับ ผมจะเป็น 1 ในล้านให้ดู.... จากคุณ : Mdiic~* - [ 5 ต.ค. 50 00:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ไปเรียน ที่ รพ.เอกชน แล้วจะได้เจอคนไข้แบบไหนบ้างเนี่ย... ประเด็นคือ เค้าไปเรียนเพราะอะไร เค้าก็บอกคุณแล้ว เค้าอยากรักษาคนจริงๆ เขามาเรียนกับร่างกายคนไข้รพ.รัฐได้อย่างไร<<<< แทนที่จะบอกว่าเค้าไปช่วยดู ช่วยรักษาคนไข้... หมอ ม.เอกชน แย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ ทำไมวิสัยทัศน์ของคุณมองด้านเดียวแบบนั้น ผมพูดตรงๆ คุณอย่าลามถึงสถาบันเลยครับ ยิ่งพูด ยิ่งเหมือนคุณ เองจะทำให้รามเสื่อมเสียไปด้วย จากคุณ : Mdiic~* - [ 5 ต.ค. 50 00:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 138 #69 ครับ ลองไปคุยกับอาจารย์หมอสิครับว่า ตั้งแต่รับนักศึกษาเพิ่มขึ้นจาก 120--->280 คุณภาพนักศึกษาลดลงมั้ย การเรียนแพทย์น่ะครับไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ใช่ใครก็เรียนได้ แต่คนๆนั้นต้องมีความขยันอย่างยิ่งยวดและส่วนน้อยเท่านั้นที่ใช้แค่พรสวรรค์ในการเรียนได้ ขอโทษนะครับ รุ่นผมมีคน 240 คน ตอนนี้เรียนปี 3 ไปได้ครึ่งเทอม สอบตกไปแล้วเป็น 10 รุ่นพี่ผม ผมได้ข่าวว่าต้องซ่อม(คล้ายๆเรียนซ้ำนั่นแหละ) ในวอร์ดmedครึ่งหนึ่งของที่เรียน(ข้อมูลนี้ผมไม่ชัวร์ ไม่กล้าถามรุ่นพี่ ) ผมขอบอกเลยละกันว่าวิชาแพทย์เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ใช่ทุกคนจะเรียนได้ จะบอกว่าผมดูถูกคนอื่นผมก็ไม่ว่า... เพราะผมมองว่า ถ้าคุณไม่เก่งในระดับหนึ่ง... คุณไปไม่รอดจริงๆ... ซึ่งมุมมองนี้ผมไม่ได้มองแค่แพทย์นะครับ... ผมมองทุกคณะ... ไม่เชื่อลองไปดูจำนวนนักศึกษาที่ต้อง retire ไปของแต่ละคณะสิครับ การเรียนแพทย์ไม่ใช่ว่า ยัดเงินเพิ่ม สร้างตึกเพิ่ม แล้วสั่งให้รับเพิ่ม lecture ไป จบ แล้วจะได้แพทย์ที่มีคุณภาพออกมานะครับ... มุมมองตรงนี้ก็ต่างกันแล้ว อย่างเช่นปัญหาที่รุ่นพี่ผมเจอในตอนนี้ก็คือ 1.จำนวน Case ในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยไม่เพียงพอ 2.จากปัญหาในข้อ 1 ทำให้ต้องพยายามให้นักศึกษาไปฝึกตามโรงพยาบาลประจำจังหวัดข้างเคียง 3.จากการที่นักศึกษาได้ไปฝึกในโรงพยาบาลประจำจังหวัดข้างเคียง ข้อดีคือได้เจอ Case จำนวนมาก... ได้รู้วิธีฝึกปฏิบัติ แต่ข้อเสียคือ...ความแม่นในทฤษฎีของ Staff ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดต่างๆจะน้อยกว่าคนที่ทำหน้าที่เป็นอาจารย์โดยเฉพาะในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย และที่สำคัญคือ...ผมว่าห้องสมุดของคณะ...มีreference ที่เหมาะกับนักศึกษามากกว่าโรงพยาบาลจังหวัด เพราะห้องสมุดคณะสร้างมาเพื่อนักศึกษาด้วย ไม่ใช่สร้างมาเฉพาะเพื่อคนที่เรียนจบแล้ว อ้อ แล้วก็อีกเรื่องที่ผมได้เจอมานะครับ รุ่นพี่ Resident ของบางภาควิชาอายุรศาสตร์ที่อาจารย์ให้ผมไปดูที่ OPD... พี่เค้า Round ward ตอน 7 โมงเช้า... 8 โมงกินข้าว... 8โมงครึ่งเข้า OPD(โดนคนไข้ด่าอีกว่า ราชการเริ่มงาน 8 โมงไม่ใช่เหรอ - -") แล้วก็ออกจาก OPD 4 โมงเย็นครับ ข้าวเที่ยงไม่ได้กินนะครับ ^ ^ กินข้าว 4 โมงเย็น... 5 โมง Round ward เย็นต่อ 6 โมงค่อยได้กลับ(บางคนอยู่เวรต่อนะจ๊ะ) แค่นี้ยังเป็นแรงงานทาสไม่พออีกเหรอครับ จากคุณ : Umiki - [ 5 ต.ค. 50 01:32:28 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ว้า ปิดกระทู้ไปซะแล้ว ไหนๆก็อ่านมาถึงนี่แล้ว ขอตอบซะหน่อยละกัน ผมคาดว่าคุณกาแฟร้อน คงเป็นคนมองโลกเป็นเส้นตรงนะครับ เหมือนมองว่าโลกนี้มีแค่ขาวกับดำเท่านั้น ไม่มีคำว่าสีเทาอยู่ในความคิด เลยมองว่ามนุษย์นั้นสามารถบังคับและควบคุมได้ด้วยการใช้กฏข้อบังคับ และเงินในการจูงใจเท่านั้น (ซึ่งผมคิดว่าคุณเองอาจจะคิดว่าถ้าเป็นคุณ คงจะใช้ได้ผล) ซึ่งมันเป็นการบริหารคนแบบที่เรียกว่า Assembly line คือมองแค่ว่าคนๆหนึ่งมีหน้าที่อย่างหนึ่ง แล้วก็ต้องทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด หากไม่เป็นไปตามที่คาดก็สมควรแก้ไขโดยใช้กฏและข้อบังคับ และมองว่าเงินเท่านั้นที่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่ชีวิตจริงมันเป็นแบบนั้นรึเปล่า คุณค่าของการทำงานมีแค่เงินเท่านั้นเหรอ ไม่ใช่เลยนะครับ ถ้าเรียงลำดับแล้ว เงิน(หรือก็คือปัจจัยภายนอก) เป็นเพียงการตอบสนองความต้องการขั้นต้นเท่านั้น (อ้างอ้งจาก Maslow hierachy of needs) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณค่าทางจิตใจต่างหาก เมื่อสิ่งที่เป็นอยู่มันบีบคั้น มันทำให้เครียด ทำให้ไม่มีความสุข แล้วเหตุใดคุณถึงเป็นคนที่ต้องทนหล่ะ นัั่นก็เพราะคนเหล่านั้นคิดว่าสิ่งตอบแทนในแง่คุณค่าทางจิตใจที่เขาได้รับ มันคุ้มค่าไงครับ ไม่ใช่เพราะเิงินหรอก จากคุณ : Deofol (Deofol) - [ 5 ต.ค. 50 01:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ผมว่าเขาไม่ได้อ่านนะ หรือไม่อย่างนั้นก็อ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือไม่ก็ไม่พยายามเข้าใจ  ผมเขียนแบบอ่านง่ายๆก็แล้วกัน ไม่มีหมอคนไหนบอกสักคนว่าเงินไม่พอแกก็ลากเข้าไปหาเรื่องเิงิน 40000/เดือน อยู่นั้นแหละ ไม่มีใครบ่นเรื่องตำแหน่งตัน(มีแต่บ่นว่าตำแหน่งมากเกินไป) ก็ยังลากเข้าเรื่องตำแหน่งอีก ที่หมอเขาบ่นกันเกือบทุกความเห็นก็คือเรื่องสภาพการทำงานที่มันหนักมาก(ถึงมากที่สุด) มีข้อจำกัดเยอะ(เพราะให้งบน้อยแต่คนไข้เยอะ) ความเครียดสูงเพราะนอกจากต้องรับผิดชอบชีวิตคนแล้วยังต้องรองรับอารมณ์คนเป็นร้อยคนต่อวัน (แถมยังเรื่องฟ้องร้องอีกต่างหาก) ผมว่าปิดๆไปก็ดี เพราะพูดไปก็ไม่ฟัง ฟังก็ไม่ได้ยิน ได้ยินก็ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแต่ไม่ยอมรับ คุยกันต่อไปสัก 600 ความเห็นมันก็ไม่จบ เหมือนกระทู้หยดน้ำมหัศจรรย์นั่นแหละ จากคุณ : Nexus - [ 5 ต.ค. 50 01:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 141 เพราะฉะนั้นความคิดที่ว่า จะเอาข้อสัญญามาผูกมัด แล้วก็กล่าวหาว่าเพราะเงินตัวเดียวทำให้หมอลาออก ทำให้หมอไปอยู่เอกชน ทั้งๆที่คนวงใน(หมอ)หลายๆคนมาบอกว่ามันไม่ใช่ คุณยังยืนยันในความคิดเดิม ก็อย่างว่าแหละครับ เรื่องแบบนี้ ไม่เคยเจอย่อมไม่รู้ เหมือนอยู่บนหอคอยงาช้างแล้วทึกทักเอาเอง แบบมารีอังตัวเนตต์ ทีผมอยากเสนอคือให้มองว่า หมอคือบุคคลากรที่เป็นประเภทฝีมือ ที่มีลักษณะคือ เป็นที่ต้องการของหลายๆแ่ห่ง มีความคิดและความเชื่อมั่นในตัวเองสูง คาดหวังที่จะได้รับสิ่งต่างๆที่ดีที่สุดในกรอบของสถานการณ์นั้น (อันนี้หมอๆ ก็ต้องยอมรับนะครับว่าคุณหน่ะ EGO สูงกันมากๆ) แล้วลองไปดูสิครับว่าบุคคลากรเหล่านี้ ควรจะบริหารอย่างไร เข้าเหล่านั้นจึงจะอยากทำงานอยู่กับคุณนานๆ ไม่ใช่ใช้วิธีคิดแบบบริหารบุคคลากรกลุ่มแรงงาน แน่นนอนมันย่อมไม่ได้ผล (ไม่ได้ดูถูกผู้ใช้แรงงานนะครับ แต่ความจริงมันเป็นแบบนั้น) คุณลองไปดู Microsoft, Google, Boston Consulting Group สิครับว่าเค้าบริหารบุคคลากรแบบนี้อย่างไร เค้าสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานไหน ใช้แรงจูงใจอะไรถึงทำให้ บุคคลากรที่เป็นที่ต้องการตัวสูงเหล่านี้อยู่ต่อกับเค้าได้นานๆ จากคุณ : Deofol - [ 5 ต.ค. 50 02:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ว่าจะพิมพ์ต่อแต่เห็น ผมว่าปิดๆไปก็ดี เพราะพูดไปก็ไม่ฟัง ฟังก็ไม่ได้ยิน ได้ยินก็ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแต่ไม่ยอมรับ คุยกันต่อไปสัก 600 ความเห็นมันก็ไม่จบ เหมือนกระทู้หยดน้ำมหัศจรรย์นั่นแหละ จากคุณ : Nexus - [ 5 ต.ค. 50 01:50:30 ] ผมก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะ ตอนแรกก็คิดว่า อวิชชา ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ต่อมาก็คิดว่า กาลามสูตร อย่าเชื่อถ้าไม่ไ้ด้พิสูจน์ หลังๆก็ .... จากคุณ : Deofol - [ 5 ต.ค. 50 02:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ปล. ลืมบอกอีกอย่าง ผมมาพูดในฐานะหมอที่ออกจากระบบแล้ว ยังทำงาน part time เป็นหมออยู่ตามที่อยากทำ และตามที่ถูกขอให้ช่วย ทุกวันนี้ได้เงินน้อยกว่าเดิม แต่สุขใจกว่าเยอะ ได้อยู่ใกล้และใช้ความรู้ดูแลพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ ได้กลับมานอนบ้านทุกคืน ได้มีเวลามานั่งตอบกระทู้แบบนี้ดึกๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเหนือยเกินไป จะด่าจะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ครับ แต่ผมไม่เคยคิดว่าการได้กตัญญูบุพการี และการซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตัวเองเป็นสิ่งที่ผิดครับ จากคุณ : Deofol - [ 5 ต.ค. 50 02:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ตั้งธงไว้แล้วรึเปล่าครับ ว่าหมอจากม.รัฐจะต้องทำงานเพื่อรัฐ ผมว่าเข้าใจประเด็ดเรื่องการสนับสนุนการศึกษาผิดไปนะ ถ้าแบบนั้น ม.รัฐทั้งหมด ให้เปิดแต่คณะที่รัฐมีความต้องการแรงงานสิ รัฐ ให้การสนับสนุน เพื่อให้คนส่วนใหญ่มีโอกาสได้รับการศึกษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยรัฐก็ได้ตอบแทนกลับมา คือคนเหล่านั้นก็จะสามารถจ่ายภาษีให้กับรัฐได้มาขึ้น แต่เนื่องจากการขาดแคลนของแพทย์ ทำให้ต้องมีการให้ใช้ทุน ผมว่านั่นคือการเสียสละของคนที่เรียนแพทย์แล้วนะ อย่างว่าครับ เรื่องสมองไหล มันเป็นกะทุกหน่วยงานนะ งานสบาย(ใจ) รายได้ดี ทำไมจะไม่เอาละคุณ หมอที่ยอมใช้ทุน 3 ปีค่อยออกนี่น่านับถือแล้วละครับ อย่างที่ว่ากัน ต้นทุนการผลิตหมอ กะวิศวะ มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก ทำไมวิศวะไม่ต้องใช้ทุนอะไรเลย พวกราชการที่ขออยู่ถึงแม้จะโดนพักงานเนี่ย (ไม่นับพวกโกงกินนะ) ถามหน่อยเหอะ ว่าไปเข้าเอกชนแล้วจะมีคนรับรึเปล่า จากคุณ : I'm available !!! - [ 5 ต.ค. 50 02:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 145 เห้อ ... ผมยึดคติเจอคนแถผมก็แถกลับแล้วกัน  ถ้าจะว่ากันตามจริงหมอที่เค้าไปทำงานเอกชน เค้าก็ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ อยู่นะครับ  อย่างน้อยเค้าก้หาเงินมาเสียภาษีให้รัฐมากมาย  ผมว่าหมอคนเดียวเสียภาษีมากว่าคนทั่วไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไม่รวมภาษีจาก็รงพยาบาลอีก รายได้อื่นจากคนต่างชาติที่มารักษาอีก สร้างงานให้คนอื่นอีกมากมาย  แถมยังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอีก ว่าบ้านนี้เมืองนี้มีหมอเก่ง ใครๆก็อยากมารักษา แค่นี้(แบบพื้นๆจิงๆอาจมีกรณีพิเศษอีกมากมาย)เค้าก้อทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมายแล้ว มากกว่าผมหรือคุณกาแฟร้อนที่เรียนโดยรับทุนที่อุดหนุนจากรัฐบาลในการเรียนมหาวิทยาลัย พอจบแล้วก็ไปเป็นวิศกรบริษัทเอกชน สบายใจเฉิบ (อย่างน้อยเครื่องมือเครื่องใช้ในการเรียนผมแค่ในห้องแลบเดียวก็หลายล้านอยู่นา)   ยกเว้นแต่คุณจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมามากมายกว่าหมอทั้งหลายที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำตอนใช้ทุน  หรือทำงานหามรุ่งหามค่ำบวกเรียนจนหัวจะแตก ตอนเรียนหนังสือ หรือยอมสละแม้ชีวิตวัยรุ่นเพื่ออ่านหนังสือสอบเข้าหมอ ผมก็คงไม่ว่ากัน   แล้วคุณยังต้องการอะไรจากหมออีกมิทราบชายผู้ซึ่งทำงานหนักกว่าหมอครับ จากคุณ : สัญรัก - [ 5 ต.ค. 50 02:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 146 อีกอย่าง..ผมยังงงอยู่ว่าคุณต้องการอะไรจากการตั้งกระทู้นี้ครับ  ผมว่าถ้าเป็นคำตอบจากหัวข้อกระทู้ที่ถามผมว่าคุณน่าจะได้แล้วนะ 1.ที่ลาออก เพราะหลายสาเหตุ อย่างที่เคยบอกว่าใจคนนะมันไม่เหมือนกัน 2.ที่ข้าราชการสาขาอื่นไม่ออกเพราะออกไปจะไปทำมาหารับประทานอะไร ล่ะครับ ที่ออกไปก็ไปทำงานส่วนตัว หรือทำกับเอกชนทั้งนั้น 3.ใช้ทุนยี่สิปปีนี่ไม่มีใครเค้าเห็นด้วยครับ ************************************************อีกนิด คุณว่าถ้าคนขับรถเมล คนขับสามล้อ ถ้าเค้ามี(สร้าง)โอกาสที่จะให้เป็นหมอได้คุณว่า เค้าจะเป็นมั้ย  แล้วเป็นแล้วเค้าจะออกมั้ย ************************************************                            อันนี้คำตอบเดิมกลัวว่าคุณจะไม่ได้อ่าน  สิ่งที่ผมบอกว่าอย่าไปพูดในสิ่งที่คุณกาแฟร้อนไม่รู้ก็คือ "ใจคน"          และก็อยากจะตอบคำถามว่าทำไมหมอถึงลาออก ก็ขออนุญาตนำคำตอบเดิมมาตอบอีกครั้งครับว่า                 เพราะเมื่อคุณมีสิทธ์ที่จะเลือกย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองซึ่งสิ่งที่ดีสุดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน (ชื่อเสียง เงินทอง ความสบายใจ เพื่อส่วนรวม ฯ )  ทำไมลูกสาวของคุณกาแฟร้อน เลือกที่จะทำงานที่ทำอยู่ถึงแม้เงินจะน้อย ก็เพราะทางเลือกนี้คือทางที่เค้าคิดว่าดีที่สุดกับตัวเค้าเองแล้ว ทำไมคนขับเทกซี่ถึงเลือกอาชีพนี้ล่ะ ก็เหตุผลเดียวกับ  ทำไมข้าราชการบ้างคนถึงกับวิ่งเต้นเพื่อกลับมาทำงานล่ะ ก็เหตุผลเดียวกันทางเลือกนี้ดีที่สุด สำหรับเค้า หมอก็เช่นกัน คุณเองก็เช่นกัน และก็อีกเช่นกันว่าทางเลือกของแต่ล่ะคนมันมีทางเลือกมากน้อยไม่เท่ากัน จากคุณ : สัญรัก - [ 5 ต.ค. 50 03:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 147 เงิน จากคุณ : MMTG - [ 5 ต.ค. 50 03:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ธงของจขกท. หมอรพ.รัฐต้องกินอุดมการณ์ ห้ามลาออก หมอรพ.เอกชน เห็นแก่ตัว+เงิน กระทู้คุณถามหาคำตอบว่าทำไม ทุกคนตอบ อธิบาย แต่คุณก็ไม่ฟัง เพราะในใจคุณมีธง มีอคติอยู่ก่อน ปิดกระทู้ไปก็ดีแล้วครับ! จากคุณ : pbns - [ 5 ต.ค. 50 08:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 149 #147 เอาใจเราไปใส่ใจเขาใช่ไหมครับ ถึงตอบว่าเิงิน คนที่กล่าวว่า เงินเท่านั้นที่มีผลต่อการตัดสินใจของคน แสดงถึงว่า เงินเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญที่สุดในการตัดสินใจ หรือไม่ตัวคุณเองใช้เงินเท่านั้นเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ ถึงฟันธงได้ทันทีว่าเพราะเงิน จากคุณ : Deofol - [ 5 ต.ค. 50 09:50:58 ]