ความคิดเห็นที่ 1 พูดยากนะครับ.. ยิ่งถ้ามีลูกแล้วนี่ ไม่คนใดคนหนึ่ง ควรมีเวลาให้บ้านมากๆ อย่างถ้าผมจะแต่งงาน ก็คงอยากให้แฟนอยู่บ้านมากกว่า ไม่ใช่เผด็จการ แต่เราคิดว่า ต่างคนต่างมีหน้าที่ในครอบครัว.. หากคนๆ หนึ่งเป็นคนหารายได้เข้ามาในครอบครัว (External) อีกคนก็น่าจะเป็นคนดูแลบ้าน (Internal) หากต่างคนต่าง External กันทั้งคู่ Internal ก็จะอ่อนแอ PS. ลองหางานที่สามารถทำที่บ้านดูดีมั้ยครับ อย่างเมื่อก่อนตอนผมทำวิจัยก็นั่งทำที่บ้าน นานๆ ก็เข้ามหาลัยที หรือทำงานเดี๋ยวนี้ ผมก็อยู่บ้านบ่อย ใช้ Video Conference กับเทคโนโลยีต่างๆ ในการประสานงานกับทีมงานเอา อย่าไปเครียดครับ.. ถึงไม่ได้ทำงานก็พัฒนาสมองได้เรื่อยๆ อยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นการคิด อ่านหนังสือ ใช้สมอง ฯลฯ PS2. จบ PhD ด้วย เก่งจัง อยากรีบๆ จบมั่ง จากคุณ : Angos - [ 5 ต.ค. 50 02:18:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลำบาก ใจ ^^ เค้ารักคุณเค้าไม่อยากให้คุณไปลำบาก แต่คุณ ดัน จบ PhD มาเลย ทำให้รู้สึกว่า - -' รอ ผู้มีวุฒิภาวะ มาตอบ จากคุณ : caznov - [ 5 ต.ค. 50 02:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นผู้ชายขอตอบได้ไหมครับ คุณโชคดีมากๆนะครับที่มีสามีดีๆแบบนี้ คือผมไม่ทราบว่าคุณเคยทำงานมานานขนาดไหนครับ ในฐานะที่ทำงานมาเกือบ 15 ปี สิ่งที่ผมใฝ่ฝันมากที่สุดในชีวิตคือได้อยู่กับบ้านเฉยๆดูแลลูก ให้เขาเกิดมาเป็นคนดี ใกล้ชิดกับเขา ให้ครอบครัวมีความอบอุ่นมากที่สุด หากคุณไปทำงานเพื่ออยากพิสูจน์ความสามารถละก็ คงไม่ต้องหรอกครับ การเรียนจบสูงไม่ได้หมายความว่าจะเก่งทุกเรื่องนะครับ ถ้าคุณมาคุยกับผมเรื่องทางโลกคุณอาจกลายเป็นเด็กๆเลยก็ได้ แต่วิชาการผมคงต้องยอมคุณ ผมก็ให้แฟนอยู่บ้านครับ สมองเขาไม่ฝ่อหรอกครับ หรือหากเขาต้องฉลาดไปกว่านี้ก็อาจไม่มีความสุขก็ได้ คนเราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองโดยการทำงานแต่เพียงอย่างเดียวหรอกครับ วันนึงถ้าคุณได้ใกล้ชิดคนใหญ่คนโตในสังคมหลายๆคน คุณจะได้เห็นว่าโง่แล้วยังเลวมีมากมายครับ จากคุณ : amry (amry) - [ 5 ต.ค. 50 02:21:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับคห.1ค่ะ หางานที่สามารถทำได้ที่บ้านไปพลางๆด้วย น่าจะดีทีเดียวค่ะ จากคุณ : Freedom Freestyle - [ 5 ต.ค. 50 02:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ คือ..การที่จะหางานมาทำที่บ้าน เราว่านั่นมันเป็น step ต่อไป มันควรมีการเริ่มต้นก่อน คือต้องเดินเข้าไปหาตัวงานก่อน แล้วเราอายุยังน้อย ประสบการณ์ยังไม่มากนัก บอกตรง ๆ ว่า เรียนอย่างเดียว เรียน ๆๆ ตรี โท เอก ช่วงที่ทำงานมีน้อยมาก ทำเป็นแค่พาร์ททาม และที่สำคัญ ต้องการเรียนจบเร็ว ๆ และกลับมาทำงานให้สังคม แต่ดันมาแต่งงานซะก่อน เพื่อน ๆ ที่เรียนมาด้วยกันยังแซวว่า คือไม่ได้ต้องการพิสูจน์ตัวเองหรืออะไร แค่เคยคิดไว้ว่าอยากทำงานให้สังคม ทำงานราชการ หรือมูลนิธิ หรือโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ --แต่ปัจจุบัน ซักผ้า ถุงข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างห้องน้ำ ล้างรถ ขัดรองเท้าให้สามี ไล่จับจิ้งจก ฯลฯ ไม่ได้รังเกียจงานเหล่านี้เลย เพราะปกติชอบทำงานบ้านอยู่แล้ว เพียงแต่ รู้สึกแปลก ๆ เลยเข้ามาถามในห้องนี้ คิดว่าจะมีผู้หญิงที่มีความรู้อยู่เยอะ อยากรู้ว่า มีผู้หญิงที่เป็นแบบเราเยอะไหม สังคมไทยยังอยากให้ผู้หญิงเป็นแม่บ้านอยู่อีกหรอเนี่ย เราไม่มีลูก และวางแผนกับสามีไว้แล้วว่าจะไม่มี สามีไม่อยากมี และเราก็ไม่อยากมีเช่นกัน ทุกวันนี้อยู่กันสองคน ปลงชีวิต! จากคุณ : Sis.* - [ 5 ต.ค. 50 02:43:45 A:125.25.138.112 X: TicketID:125032 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^^ I'm a fulltime housewife now, but I don't like to do the housework at all. So now I'm trying to find the way to become a graudate student again. For you case, if you have a chance, you could find either parttime job or project which you could work only a couple hours a day or work online. I think it's the great thing that you could be a fulltime housewife. I don't think that you brain's going to be rotten after all. Manage the marriage life is not easy, it requires highly managing skill and efforts. BTW, if you really want to do something very useful for other people, you could find some volunteer job or host the website which educates people in the online world. จากคุณ : 1 cent opinion (Living Extreme) - [ 5 ต.ค. 50 03:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ควรทำงานครับ ต่อไปในอนาคต คุณไม่รู้หรอกว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร คุณแม่ผม ยังบ่นทุกวันนี้เลยว่า เมื่อตอนสาวๆ น่าจะไปทำงาน จบมาตั้งสูง ดันมาช่วยงานบ้าน แล้วแต่งงานเลย ตอนนี้เลยเป็นแม่บ้านธรรมดา  แม่เสียใจครับ เรื่องที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพ่อตลอดเวลา มันเป็นเรื่องของความภูมิใจ การช่วยตัวเองได้ การมีรายได้ของตัวเอง ไม่ใช่ว่าต้องพึ่งสามีตลอดเวลา พอแก่ตัวไป จะรู้สึกเสียดายนะครับ ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองตอนนั้น ทำงานเถอะครับ ไม่อยากให้มีใครรู้สึกอย่างแม่ผมอีก จากคุณ : perspeceviT - [ 5 ต.ค. 50 03:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าน่าจะลองทำงานดูก่อนนะครับ ส่วนเรื่อง เขาบอกว่า งานเขายุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว ถ้าเราไปทำงานยุ่ง ๆ อีกคน คงแย่ เวลาว่างไม่ตรงกัน เขาอยากให้เราอยู่เฉย ๆ เวลาเขาว่างปุ๊บจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกันได้ทันที อันนี้ก็ต้องมาดูอีกทีว่าเวลาว่างมันเข้ากันได้2ฝ่ายไหม เพราะเราคงจะไม่ได้เที่ยวอะไรบ่อยใช่ไหมครับ แล้วพอมีลูกก็อาจจะต้องออกจากงานมาดูแล (ทีนี้ก็คงจะไม่มีเวลาไปเที่ยว) สุดท้ายครับ : ทำงาน เก็บเงิน เลี้ยงลูก เพื่ออนาคตของลูกครับ จากคุณ : Hellraiser96 - [ 5 ต.ค. 50 04:02:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ที่บ้านสอนเอาไว้ ย้ำนักย้ำหนาว่า ส่งให้เรียนมาสูงๆ นี่ เพื่อให้ทำงานเลี้ยงตัวเอง ถึงแต่งงานแต่งการไปแล้ว ก็อย่าออกมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียวเป็นเด็ดขาด วันไหน ผัวเกิดไปมีเมียใหม่ ไม่ส่งไม่เสีย จะได้มีปัญญาเลี้ยงลูกเอาตัวรอดมาได้ ทุกวันนี้ คิดถึงคำนี้แล้ว ดีใจที่ทำตามค่ะ......................... จากคุณ : Lawanwadee - [ 5 ต.ค. 50 04:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หางาน แบบที่ไม่ต้องหนักมากก็ได้ครับ อาจจะสอนมหาลัย ซํกวิชานึงไรงี้ ตรวจข้อสอบที่บ้าน จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 5 ต.ค. 50 04:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โอ้วววว ถ้าวางแผนว่าจะไม่มีลูกนะครับ แล้วใหญ่เลย ว่ากันตรงๆ นะ ชี้ให้เห็นอย่าโกรธกัน 1. บ้านคุณมีฐานะมั้ยครับ 2. ถ้าสามีโดน layoff จะทำยังไง 3. ถ้าสมมติ (อย่าโกรธนะ) สามีคุณประสบอุบัติเหตุ คุณจะอยู่ยังไง 4. วันนึงถ้าเลิกกัน คุณจะไปทำอะไร 5. ถ้าสามีคุณมีเมียน้อย คุณจะทนมั้ย ถ้าไม่ทน จะออกไปทำอะไร 6. สามีสั่งไม่ให้ทำงาน แต่ถ้าที่บ้านสามีไม่เข้าใจ คอยค่อนแขวะ จะเป็นยังไง โอยยย อีกเยอะอ่ะ คิดไม่ออก ถ้าคุณมีคำตอบที่น่าพอใจทั้งหมดแล้ว ก็น่าจะได้คำตอบของคุณเองแล้วนี่นะ จากคุณ : I'm available !!! - [ 5 ต.ค. 50 04:26:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่านะครับ ถ้าเป็นผมก็อยากให้แฟนอยู่บ้านเหมือนกัน ถ้ายิ่งงานยุ่งล่ะก็ เดี๋ยวจะหาเวลาว่างให้ครอบครัวไม่ได้ ยิ่งถ้าผมอยากเป็นนักดาราศาสตร์ เดือนๆนึง ขึ้นลงเครื่องบินเป็นขึ้นลงรถเมล์เลยครับ ผมก็อยากให้เธอคอยให้กำลังใจ ไปกับผม อยู่เคียงข้างกัน ความเห็นส่วนตัวครับ ส่วนโง่ลงไหม ไม่หรอกครับ ถึงเรารจะอยู่บ้าน เราก็ยังทำงานได้อ่นหนังสือ หาความรู้เพิ่มเติมได้ จากคุณ : nOnG_WinZ - [ 5 ต.ค. 50 04:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สามีคุณจบปริญญาเอกรึเปล่าครับ คิดว่าคงไม่ เพราะถ้าจบมา คงรู้ว่าคนที่เรียนจบปริญญาเอกมีความคิดเป็นอย่างไร... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 5 ต.ค. 50 04:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรียนเอกอยู่ ยังไม่จบ และยังไม่แต่งงานค่ะ โชคดีที่แฟนจน และมีแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว เค้าเลยเห็นว่า แม่เหงาและ depends on พ่อ มากแค่ไหน แฟนสนับสนุนเต็มที่ให้เราทำงานค่ะ การที่แฟนคุณบังคับให้อยู่บ้านเลี้ยงลูก ในมุมมองเรา...เค้าใจร้ายกับคุณไปหน่อย น่าจะให้คุณลองทำงานดูซักพักแล้วตัดสินใจด้วยตัวเอง สามีนะคะ ไม่ใช่ advisor จะได้มาบงการชีวิตเราได้ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 05:53:03 จากคุณ : แมวบอส - [ 5 ต.ค. 50 05:37:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบแทนสามีคุณเลยแล้วกัน (แฟนกำลังจะจบเอกเหมือนกัน) ก็ผมหวงคุณน่ะ แฟนกรูคุณสมบัติเพียบอย่างนี้ ต้องถนอมจะให้ยอมไปทำงานสึกหรอข้างนอกได้งัยฟะ แล้วยังกลัว มคปด อีก แล้วกะอีแค่ ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวผมเลี้ยงได้อย่าห่วง จากคุณ : ต่อ (วิหคไฟ) - [ 5 ต.ค. 50 06:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นอาจารย์สิครับ แต่ไม่ต้องทำวิจัยหนักมาก จากคุณ : ไฟล์ท B ทีน้ำเงิน - [ 5 ต.ค. 50 06:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เพื่อนผมหลายคนก็เหมือนกันครับ จบปริญญาเอกแล้วไปเป็นแม่บ้าน สิ่งสำคัญคือต้องพึ่งตัวเองได้ น่าจะริเริ่มจากการทำธุรกิจอะไรที่บ้านก่อน จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ต.ค. 50 06:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 #16 ต้องเป็นอาจารย์พิเศษเท่านั้นครับ ถ้าเป็นอาจารย์ปกติจะทำตามเงื่อน ไขของสามี จขกท ไม่ได้ครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ต.ค. 50 06:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ฝึกทบทวนความรู้เอาใว้เสมอๆ ก็ไม่ลืมหรอกครับ เลี้ยงลูกดีกว่าครับ เอาวิชาความรู้ ประสบการณ์ถ่ายทอดให้ลูก อยู่ดูเเลลูก ให้เวลาได้เต็มที่เลยเเหละคราวนี้ จากคุณ : Atomic Secret - [ 5 ต.ค. 50 06:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ทำงานเถอะครับ เสียดายความรู้ที่ตอนนี้ยังมีอยู่ ถ้าคุณไม่ได้ทำงาน มันหายจริง ๆ ครับ ยิ่งคุณเคยทำงานมาน้อยด้วย คุณยังไม่มีลูกไม่ใช่เหรอครับ โลกของการทำงาน มีเรื่องทำให้คุณภูมิใจในตัวเองได้บ่อย ๆ นะครับ และในอีกหลายเรื่องที่จะทำให้คุณแกร่งด้วยครับ คิดถึงอนาคตไกล ๆ นะครับ คุณน่าที่จะเป็นผู้หญิงยุคใหม่นะ จากคุณ : คนไทย - [ 5 ต.ค. 50 06:08:51 A:121.221.227.234 X: TicketID:152336 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แฟนผมก็กำลังไปเรียนต่อ  PhD เหมือนกัน แต่ ไม่ว่ากำลังจะไปเรียนต่อ หรือ กลับมา เธอก็คงจะ ...ชี้นิ้วสั่ง ผมทำงานบ้าน เหมือนเดิม : _( จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า - [ 5 ต.ค. 50 06:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดูฮิลลารี่เป็นตัวอย่างครับ เป็นแม่บ้านด้วย และกะลังจะได้เป็นประธานาธิบดี.. ฮิลลารี่บอกว่า ผู้หญิงควรออกมารับใช้ประเทศชาติมากกว่าที่จะอยู่แต่กับบ้าน เพราะอเมริกายุคนี้ มีปัญหามากมายที่ต้องช่วยกันแก้ ต้องร่วมมือกันทั้งผู้หญิงผู้ชาย แต่ฮิลลารี่สนับสนุนการหยุดงาน เพื่อคลอดลูกเป็นเวลาหลายๆเดือนโดยยังได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน ถ้าคุณจบ ดร จากไอวี สิ่งแรกที่คุณต้องโชว์เขาคือ คุณต้องการจะเปลี่ยนโลก (สังคม) ยังงัย ไม่ใช่คุณจะหาฝามีที่รวยๆยังงัยเหมือนวิทยาลัยในไทยลีกครับ จากคุณ : root :-D - [ 5 ต.ค. 50 07:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 >> เขาบอกว่า งานเขายุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว >> ถ้าเราไปทำงานยุ่ง ๆ อีกคน คงแย่ เวลาว่างไม่ตรงกัน  ก็รับงานเขามา แล้วช่วยทำ มันจะได้ยุ่งน้อยลง  เรียน ป.เอก ยังเรียนไหว เรียนวิชาที่สามีทำงานอยู่เพิ่มเติม คงไม่ยาก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 5 ต.ค. 50 07:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เรียนจบ ป.เอก ผมว่าคุณน่าจะหาทางแก้ปัญหานี้ได้ ปัญหานี้แก้ไม่ยากครับ ลองเอาเงื่อนไขที่ต้องคิดมาเลียงดู 1. คุณทำงานได้ แค่ตอน 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น 2. เสาว์-อาทิตย์ ต้องอยู่บ้าน 3. เรื่องเงินไม่สน มาดูงานที่จะรับ ป. เอก เข้าทำงาน 1. อาจารย์ ถ้าอยู่มหาลัยรัฐ เหมือนจะเข้าเงื่อนไข แต่จะเข้าเงื่อนไขได้ยาก ยกเว้นคุณเป็น อาจารย์สายศิลป์ ถ้าเป็นสาววิทย์หมดสิทธิ์ แต่ในทางกลับกัน เมื่อเป็น อาจารย์สายศิลป์ คุณจะโดนขอร้องแกมบังคับให้สอนภาคพิเศษ เสาว์-อาิทิตย์ ซืึ่งไม่เข้าข่ายอีก 2. อาจารย์ มหาลัยเอกชน ดีกว่ามหาลัยหน่อย ตรงไม่เหนื่อยมาก แต่ที่นีี้ ถ้าจบสาววิทย์ มีมหาลัยที่รับอาจารย์สายวิทย์ไม่เยอะ สายศิลป์ อย่างที่บอกครับ คุณจะโดนภาคค่ำ ภาคสาย ภาคบ่าย ภาคสมทบ ภาคผู้บริหาร พรากผู้เยาว์ เยอะแยะไปหมด 3. ที่ปรึกษา งานลักษณะนี้ ถ้าเลือกได้ ส่วนใหญ่บริษัทจะเลือก จ้าง อ. จากมหาลัยก่อนเสมอ เพราะบริษัทได้สองต่อ แต่สมมุติ ถ้ารับเข้าทำงาน งานบริษัท จะยุ่งและเหนื่อยกว่างานมหาลัยสองถึงสามเท่า 4. เป็นเจ้าของกิจการ  อันนี้ไม่เลว แต่ต้องทุนหนา 5. นักแปล นักเขียนอิศระ คนจบ ป. เอก ต้องมีความสามารถทางการใช้ภาษาเป็นทุนอยู่แล้ว ดังนั้นแล้ว อาชีพนี้น่าสนใช้ ผมเสนอ 4 กับ 5 ครับ หรือไม่ก็ 1 ในกรณีคุณจบสายศิลป์ มา จากคุณ : kanoomtan - [ 5 ต.ค. 50 07:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หาไรมาทำดีกว่า เป็นเราเรายังเบื่อเลย นี่ขนาดมาทำงาน ยังรู้สึกว่าสบายเกินไป (ใครฟังก็หาว่าเราประสาท - -" ) จากคุณ : มันว่างเจงๆนะ (-->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<--) - [ 5 ต.ค. 50 08:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 1.สอนพิเศษอยู่กับบ้าน 2.สอนให้โรงเรียนใกล้ๆบ้านไม่ต้องเอาเงิน ใครๆก็ชอบ 3.รับเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการแบบ On line จากคุณ : ชัยบาล - [ 5 ต.ค. 50 08:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อุ๊ !! เห็นด้วยกะ #23 อาแมวเหมียวพุงป่องครับ คิดดูจะมีความสุขแค่ไหน ปัญหาทุกอย่างถูกแก้ลงตัว ติดอยู่เพียงแต่ว่า คุณจะชอบงานของสามีหรือเปล่า จากคุณ : nOnG_WinZ - [ 5 ต.ค. 50 08:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อนาคตยังอีกยาวไกล เราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ และวันต่อๆ ไปอะไรจะเกิดขึ้น ยิ่งอยู่กันสองคนยิ่งคิดหนัก ส่วนตัวทำงานดีกว่า เพราะ - ถ้ามีปัญหาอะไรเรามีสังคมรองรับที่รู้จักเรา ได้เจอะเจอผู้คนมากมาย - ได้มีมุมมองกว้างๆ - ถ้าเกิดมีปัญหาไรที่จำเป็นต้องอยู่คนเดียวจะได้พึ่งพาตนเองได้ จากคุณ : iamnid - [ 5 ต.ค. 50 08:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าผมมีแฟนก็คงให้ออกไปทำงานอ่าครับ แต่ก็จะเซ็ตว่าทุกวันหยุดเสาร์ -อาทิตย์ ต้องเป็นเวลาครอบครัวห้ามไปไหนถ้าไม่จำเป็นสุดๆ แต่คิดเหมือนผมน่ะ ถ้ามีครอบครัวผมจะไม่มีลูก จากคุณ : Tears - [ 5 ต.ค. 50 08:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 30 น่าเสียดายนะครับ จบมาสูงขนาดนี้แต่ไม่ได้ใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ อาจารย์ที่เป็นผู้หญิงที่จบ Ph.D. มามีเยอะแยะทำงานทั้งสอน วิจัย บางคนก็มีลูก ครอบครัวเขาก็อบอุ่นดี ไม่น่าจะมีปัญหาถ้าจะทำงาน ลองคุยกันด้วยเหตุผลซิครับ จากคุณ : mirror man - [ 5 ต.ค. 50 09:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุยกับสามีเถอะค่ะ หางานที่เป็น part time เช่น เป็นอาจารย์พิเศษ ไม่รู้ว่าคุณจบสาขาอะไรมา เรียน ตรี ที่เมืองไทยหรือเมืองนอก ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหน ให้ไปที่ ม.ที่คุณเคยเรียน ป ตรี (หรือ ป โท) แหละ ไปคุยกับอาจารย์ และถามๆดูว่า มีความรู้ด้านนี้ อยากมาสอนเด็กๆไทย ถ้าเป็นสาขาที่เีกี่ยวข้องกัน อาจารย์คงยินดีที่จะเชิญเป็นอาจารย์พิเศษ เริ่มต้นตรงนี้ ถ้าทำได้ น่าจะไปได้เรื่อยๆ การสอน ต้่องเตรีัยมการสอน และเป็นงานที่ใช้เวลามากด้วย เมื่อคุึณต้องเตรียมสอน จะทำให้ขีวิตสนุกมากขึ้น ความรู้เดิมก็ไม่หายด้วย จากคุณ : *Cookies* - [ 5 ต.ค. 50 09:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คนที่ไม่ได้ทำงานนาน ๆ เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องไปทำงาน คุณจะหางานได้ยากมาก อย่าคิดว่าปริญญาเอกจะทำให้คุณหางานง่ายนะ     เห็นด้วยกับความเห็นที่แนะนำว่าคุณควรหางานบ้าง อาจารย์พิเศษก็ได้ เพราะอย่างน้อยเราจะมีสังคมเพิ่ม รู้จักโลกไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด ถ้าต้องการหางานประจำเสื่อไหร่ คุณจะไม่ตกยุค คุณจะมีประสพการ์ณไปอ้างอิงบ้าง     ( ขอโทษสำหรับประโยคต่อไปนี้ ) ชีวิตคู่ ไม่ได้ดีเลิศไปทุกคู่นะ อนาคตเรายังไม่รู้ ถ้าคุณไม่ทำงานอยู่บ้าน พึ่งพาเงินสามี สังคมแคบเพราะอยู่แต่บ้าน ถึงแม้จะออกมาบ้างก็เถอะ ถ้าซักวันนึง จำเป็นต้องเลิกกัน คุณจะเดินชีวิตต่อยังไง สาบานว่าไม่ได้แช่ง แต่อยากมองชีวิตอีกแง่ให้คุณดู     เสียดายความรู้ของคุณที่กำลังจะหดหายไปเพราะผู้ชายคนเดียว จากคุณ : จุก (khunnawat) - [ 5 ต.ค. 50 09:46:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ยังไม่จบป.เอก + ยังหาแฟนไม่ได้ ขออ่านอย่างเดียวก่อนละกัน แต่แอบเห็นด้วยกะ คห.19 และ 23 ค่ะ จากคุณ : Rata_RG - [ 5 ต.ค. 50 09:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อืม ศาสตราจารย์แต่งงานกัน เขาก็ทำงานสอนทั้งคู่ แฮบปี้ดี แต่ดอกเตอร์แต่งกับพ่อค้า คงไปกันได้ยากแฮะ จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 5 ต.ค. 50 10:08:50 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ควรที่จะหารายได้เป็นของตัวเองด้วยนะครับ อย่างรับสอนภาษาที่บ้านเราเอง หรือแถวละแวกบ้าน เอาวิชาที่ตนเองถนัดก็ได้ ถ้าว่างจัด ก็น่าไปเรียนพวกทำขนม เค้ก หรือพวกทำอาหาร รวมทั้งงานฝีมือต่างๆ อีกอย่างก็พวกงาน online (แต่ต้องรู้จักเลือกไม่งั้นเสียทั้งเงินทั้งเวลา) จากคุณ : chapicha - [ 5 ต.ค. 50 10:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นอาจารย์พิเศษ ตามศูนย์การศึกษาต่อเนื่องต่างๆ  ตามมหาลัยต่างๆ ถ้าอยู่บ้านเป็นแม่บ้านอย่างเดียว สมมุติไม่มีปัญหาครอบครัว แต่คุณจะเหงา และเริ่มเซ็งโดดเดี่ยว  อยู่ดี เมื่อก่อนแม่เราทำงานเป็นครูสอนเต็มเวลา  โดดเด่นมากๆ  กำลังก้าวหน้า พอแต่งงานเลยสอนแค่ parttime ไปๆมาๆ ชีวิตครอบครัวไม่แน่นอน  ต้องเลิกรากัน เป็นแค่ครูสอน parttimeเกือบจะไม่รอด  ความรู้ที่เคยโดดเด่น certificate ต่างๆสู้รุ่นน้องเกือบไม่ได้ กว่าแม่เราจะรื้อฟื้น ลุยกลับมาใหม่ใช้เวลาเกือบ 5-6 ปี มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ตอนแก่ แต่ตอนนี้ happy มากๆ  เราเองก็ไม่ต้องห่วงว่าแม่จะเหงา เพราะแกก็ค้นคว้าตำหรับตำราของแกไป ทำงานของแกไป  ไม่กลายเป็นคนเหงาๆเบื่อๆเซ็งๆ แม่เราบอกเลยว่าชอบทำงาน เสียดายชีวิตที่ผ่านมา มากๆ จากคุณ : ซามาร่า-ไม่เคยหลับ - [ 5 ต.ค. 50 10:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 #22 แต่ฮิลลารี่ มีชีวิตครอบครัวที่ไม่ดีเท่าไรนะ อาจจะเป็นเพราะทำงานจนไม่ได้ให้เวลากับครอบครัวเท่าที่ควรรึเปล่า จขกท.น่าจะลองหาเวลาดี ๆ คุยกับคุณสามี ว่าใจจริงคุณอยากทำงาน พยายามอย่าใช้ถ้อยคำที่รุนแรง จนทำให้เขาคิดว่าตัวเขาไม่มีปัญญาเลี้ยงคุณ เราว่าถ้ารักกันจริงน่าจะยอมกันได้นะ จากคุณ : ซินเดอเรล่า - [ 5 ต.ค. 50 10:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ระดับ PhD.. ทำงานเถอะครับ  ถึงแม้เรื่องรายได้จะไม่ใช่สาระสำคัญ.(บางเรื่อง ปล่อยผ่านบ้างเถิดหว้ากอ..ไหนๆก็ปัญญาชนกันทั้งนั้น แค่มาขอความเห็นที่แตกต่าง และจขกท.คงรู้ว่า  สารัตถะ ห้องนี้คืออะไร) จากคุณ : คนบ้านสามขา101ฯ. - [ 5 ต.ค. 50 10:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ทางออก คือทำงานที่บ้าน ส่วนรูปแบบไหน นั้น ให้คิดเอาตามความเหมาะสม  ท่านข้างบนได้บอกไว้หมดแล้ว คุณไม่ได้บอกว่าจบมาทางสาขาไหน  ถ้าบอกมาจะช่วยได้มาก นี่อีกไม่นาน อาจารย์ Digital จะทำหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ออกเผยแพร่แล้ว  ยังหาคนเขียนบทความอยู่ครับ ถ้าเป็นงานเขียนหนังสือไม่น่ายาก และไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน สามารถเขียนส่งสำนักพิมพ์ได้ง่าย  ยิ่งถ้าจบเมืองนอกมา เอาแค่เขียน ประสบการณ์ สิ่งที่คุณเจอมาก แล้วเอาไปขายสำนักพิมพ์ อย่างไรก็ได้เงิน แต่ต้องเขียนให้มันๆ  เข้าไว้ ตอกไข่ ใส่สีหน่อย ถ้าโดนคนอ่านแล้ว จะดังเอาได้ง่ายๆ เช่นเริ่ม จาก     กว่าจะเป็น  ..... ดอกเตอร์ ..... ชีวิตในวัยเด็กนั้น "ดิฉันเป็นเด็กหญิงธรรมดา ทัมมะดา ทัมมะด้า คนหนึ่ง เกิดกลางกรุงเทพเมืองฟ้าอมรนี่แหละ แถวย่านคนจีนที่ไม่ไกลจากสามย่านนัก".... ช่วงเด็กๆ ก็วิ่งเล่น กะเด็กผู้ชายมั่ง เด็กผู้หญิงมั่ง ตีหัวกันมั่ง เล่นขายขนมหม้อแกงมั่ง  ส่วนจะให้เย็บปักทักร้อยนั้น ขอบายค่ะ ไม่ถนัดจริงๆ" " เดินๆ เล่นๆ อยู่ในโรงเรียน หญิงล้วน ได้สิบปีเต็มแม้แต่ทอมมันยังไม่หันมามองเลย... อย่าว่าแต่นักเรียนชายในโรงเรียนใกล้ๆเลยค่ะ" " พอจบมอต้นแล้ว จับพลัดจับถูสอบเข้าโรงเรียนใกล้ๆ บ้านได้อีก ที่นี่มีแต่คนเก่ง เก่งกว่า และแก่งอิ๋บอ๋ายทั้งนั้น เพื่อนๆนั้นเนื้อสาวเริ่มแตกดังเปรี๊ยะปร๊ะ แล้ว ส่วนดิฉันยังอยากเล่นหมากเก็บอยู่เลย  ชวนใครเล่นก็ไม่เอาด้วย แปลกจริงๆ" "  เมื่อไม่มีใครมาเล่นหมากเก็บด้วย ดิฉัน ก็หันกลับไปอ่านหนังสือแทน ส่วนการบ้านกะรายงานนั้น มีทั้งยาก ง่ายปนกันไป  แต่ที่แย่คือมากเหลือล้นครบสามปีนี่ ถ้าเอาไปชั่งกิโลขายคงได้เงินหลายพัน   ไม่รู้ครูเขาจะเอารายงานไปขายซาเล้งหรือไงนะ" (แอบนินทาครูเข้าแล้วไง    เรื่องมันจริงค่ะ  เอาเป็นว่าเอาความจริงมาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกันนะคะ  ครูท่านคงไม่ว่าดอก) " ดิฉันไม่ใช่คนหน้าด้านมาแต่กำเนิด   มียางอายตามสมควร ก้อทางบ้านสอนมาดีนี่  จึงไม่อาจทนเบี้ยวไม่ส่งรายงาน หรือการบ้านได้  มากน้อย ยากง่ายอย่างไรก้อต้องทนทำส่งไปค่ะ"   "ผลของการที่มุมานะทำการบ้านด้วยตัวเอง แทนการเล่นหมากเก็บ  ทำให้สอบได้ที่ต้นๆ ของห้อง" " แต่ขอโทษ ค่ะ ขออภัยจริงๆ ได้เกรด 3.95 นี่ นับลำดับแล้วเป็นที่ 510 ของโรงเรียนค่ะ.... " "ไม่รู้ว่า พวกที่ได้คะแนนมากกว่าดิฉันนั้น เขาเรียนหนังสือมาตั้งแต่ในท้องแม่มาหรืออย่างไร อยากรู้จริงๆ" (ข้อนี้อยากรู้เฉยๆ แต่ไม่กล้าถาม เดี๋ยวพวกเขาตอบ ‘ว่าเออใช่’ แล้วดิฉันจะทำหน้าไม่ถูก กลัวพวกเขาเอาไปนินทาค่ะ) " ที่นี่มี เด็กผู้ชาย หน้าตาดี คุณหนู สูงขาว  ดูตี๋ๆ มีเยอะมาก แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก ดิฉันนั้น ดวงคงอาภัพคู่ค่ะ แม้แต่ยุง หรือแมงวันตัวผู้มันยังไม่แลเลย" "ดี ไปอย่าง ไม่ต้องว่อกแว่ก  เรียนอย่างเดียว และแล้ว 3 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ก่อนจบสามเดือนได้มั้ง อาจารย์ home room เอาใบ สมัครสอบแข่งขัน เข้าชิงทุน รัฐบาลไปเมืองนอก มาแปะหน้าห้อง ส่วนรายละเอียด ให้ดูใน web ของฝ่ายแนะแนว" "เอาวะ ลองดูสักตั้งจะเป็นไรมี..... " "อยากรู้ใช่มั้ย ดิฉันสอบได้ป่าว  รออ่านฉบับหน้าค่ะ  วันนี้ ขอสวัสดีก่อนค่ะ  บ้าย บาย"   -------- เขียนอย่างข้างบนนี่เรียกว่า เขียนแบบมันเข้าว่าคับ------------ ข้อเขียนถ้าเกี่ยวกับสาขาที่คุณจบมา  น่าจะเขียนได้ดี  ยิ่งถ้าเป็นภาษาอังกฤษแล้วละก้อ จะทำให้ได้เงินเยอะมาก โดยเฉพาะ บทความทางวิชาการ  เพียงเขียน proposal ลงใน web ดีๆ ของฝรั่ง แล้วให้เขา load ฉบับเต็ม ครั้งละ $10 USD อย่างนี้ จะได้เงินเข้ามาตลอดเวลาครับ (ควรเขียนโปรแกรม กันการ copy ไว้ด้วย จะช่วยได้มาก) ผมมีข้อเขียนอยู่ในมือ สองฉบับ อันแรกเป็นวิชาการเกี่ยวกับ Demand and supply on natural rubber นี่เขียนเอง ส่วน อย่างที่สอง เป็นงานเขียนเชิงเล่าเรื่อง ของคนในสำนักงาน (ของชาวบ้านเขา เขาส่งมาให้ผม edit และใส่ไข่เข้าไปเล็กน้อย) อ่านแล้วมันหยดติ๋งๆ ถ้าอยากอ่าน ก็ขอไปทางหลังไมค์ ครับ จากคุณ : น้าพร - [ 5 ต.ค. 50 11:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมเอาสมองอันน้อยนิด คิดทบทวนถึงผลดีผลเสีย เปรียบเทียบกันแล้ว สรุปว่า คุณควรทำงานครับ ให้คุยกับคุณสามีด้วยเหตุและผลครับ จากคุณ : Picaoon ลืม log in (Picaroon) - [ 5 ต.ค. 50 11:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 41 น้าๆ.. น้าพร. Demand and supply on natural rubber ขอบ้างครับ... เป็นภาษาไทยได้ยิ่งดี  แหะๆ. จากคุณ : คนบ้านสามขา101ฯ. - [ 5 ต.ค. 50 11:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าไม่มีการใช้งาน สมองก็ไม่พัฒนา แน่นอนครับ จากคุณ : KCrazy16 - [ 5 ต.ค. 50 12:36:34 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เราไม่ได้จบสูงแบบคุณนะค่ะ แต่คิดว่าน่าจะหางานที่มีเงินเดือนสำหรับตัวเราเองไว้ก็จะดีมากๆ การที่สามีให้เงินเราใช้  เขาอาจจะลำพองตัว ว่าเราต้องพึ่งเขาตลอด   แต่ผู้ชายก็ไม่เหมือนกันทุกคนนะ  กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ ทำงานราชการก็มีวันหยุดตลอดนี่ค่ะ จากคุณ : อาเดียร์ - [ 5 ต.ค. 50 13:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ในความเห็นของผมแล้ว สิ่งที่เจ้าของกระทู้ต้องการ น่าจะเป็นเรื่องของ Self Actualisation กับ Self Esteem ผมเองก็เคยรู้สึกอย่างนี้ อย่ายอมให้ตัวเองรู้สึก "ขาด" นานเข้าจะเกิดปัญหาครอบครัว หาทาง Fullfill Need ของคุณให้ได้ สู้ๆ ครับ สถานที่ ไม่สำคัญ สำคัญที่ความคิด และไอเดีย สตีฟ จ๊อป ใช้โรงรถ สร้าง Apple ขึ้นมาได้ บ้านของคุณอาจเป็นบ่อเกิดของนวัตกรรมอะไรซักอย่างก็เป็นไปได้ครับ จากคุณ : Angos - [ 5 ต.ค. 50 13:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เคยเห็นแต่หมอครับ จบแล้วแต่งงานเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ทำงานดีกว่าครับชีวิตไม่แน่นอนการทำงานทำให้ชีวิตมีค่ามีความภูมิใจสูง จากคุณ : Ninjax - [ 5 ต.ค. 50 15:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 5 ต.ค. 50 15:49:20 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คิดว่า.... คู่ชีวิตที่ดีน่าจะส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของอีกฝ่ายนะคะ คือ ส่งเสริมกันและกัน  ไม่บังคับให้อีกฝ่ายทำอย่างที่ใจตัวเองต้องการ แต่ว่านานาจิตตังค่ะ เคยอ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งได้ข้อคิดดี  เนื้อเรื่องก็คล้าย ๆ คุณ ผู้หญิงเรียนสูงแต่ต้องมาทำงานบ้าน   แต่มันก็ไม่ได้แย่เสมอไปดอกค่ะ การทำงานบ้าน  ปลูกผักสวนครัว   การได้ใช้ สอง "มือ" ทำงาน มากกว่าใช้สมองเพียงอย่างเดียว  คุณอาจจะได้รู้คุณค่าของ"มือ" มากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ค่ะ จากคุณ : ปากกาสีครีม - [ 5 ต.ค. 50 15:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ทำงานค่ะ ทำงาน!! ดิฉันจบ MBA แต่งงานแล้ว ลูกเล็กๆ อีก 2 คน งานบ้านก็ต้องทำเอง สามีก็ทำงานค่อนข้างยุ่ง-เงินเดือนค่อนข้างสูง เรายังคิดจะทำงานเสริมเลยค่ะ ชอบทำงานเยอะๆ ค่ะ ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ สมองไม่ค่อยได้ใช้งาน นานๆ เข้าความรู้ไม่พัฒนาค่ะ ลูกๆ เค้าก็อบอุ่นนะคะ คุยกับสามีคุณเลยค่ะ นำความรู้มาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติเรากันดีกว่าค่ะ จากคุณ : คนทำงาน - [ 5 ต.ค. 50 17:19:34 A:202.183.232.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 อยากจะบอกว่าพี่เป็นผู้หญิง(ที่หลาย ๆ คนคิดว่า)โชคดีที่สุดคนนึงค่ะ ที่ปัจจุบันยังมีสามีที่มีความคิดแบบนี้อยู่........ จากคุณ : kaewnam - [ 5 ต.ค. 50 17:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เชียร์ให้คุยกับสามีค่ะ ถ้าคิดว่าตัวเองอยากทำงานจริงๆ เรื่องงานบ้านก็ช่วยกันทำไม่ได้เหรอคะ  แล้วจ้างแม่บ้านบ้าง แม่เราก็เคยบอกให้ลาออกค่ะ เพราะเงินทำงานหนัก เงินเดือนน้อย ถ้าไปทำงานของที่บ้าน งานสบาย รายได้เยอะกว่านี้หลายเท่า แต่ก็นะ เรียนมายากลำบากซะขนาดนี้ จะไปนั่งเก็บตังค์เฉยๆ ก็เสียดายที่เรียนมา   อยู่ตรงนี้เราทำอะไรให้มันเกิดประโยชน์ได้มากกว่า แล้วก็รักงานที่ตัวเองทำด้วยแหละ จขกท คิดว่าตัวเองจะอยู่แบบนี้ไปได้อีกนานปะคะ เรากลัวว่าไม่นานคุณก็จะเบื่อ แล้วทีนี้ก็จะมีปัญหาอื่นตามมาอีกอะสิคะ จากคุณ : เพราะฉะนั้นฯ - [ 5 ต.ค. 50 18:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน เกิดเป็นคน ต้องทำงาน ไม่ว่าใคร ไม่ควรนั่งเฉย ถ้าครอบครัวคุณไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน การเที่ยวพักผ่อน คงไม่กะเที่ยว 7 วัน ใน 1 สัปดาห์  30 วันใน 1 เดือน หรือเที่ยวตลอดปีตลอดศก ดังนั้น ช่วงที่เค้าทำงาน คุณว่างๆ  และไม่ได้อยากทำงานเพื่อหารายได้ อาจลองพิจารณางานที่ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน คนที่ด้อยโอกาส หรือช่วยเหลือสังคม บ้างก็ดีนะคะ นอกจากเหนื่อยนิดหน่อย แต่ได้ความสบายใจแก่เรา และคนที่เราไปช่วยเหลือได้เยอะเลยค่ะ   ครอบครัวคุณก็จะพลอยได้กุศลผลบุญนี้ด้วย แต่ถ้ายังอยากได้รายได้ตอบแทนจากการทำงานเล็กๆน้อยๆ ก็หางานที่คุณทำได้โดยอิสระ  งานที่คุณเป็นเจ้านาย  สั่งคนอื่นทำต่อแทนได้ ถ้าไม่ทำงานนานๆ  เราจะคิดมากนะคะ  พอคิดมาก ก็พาลจะชวนคนใกล้ชิดทะเลาะกันได้นะคะ ไม่งั้นถ้าไม่กะจำงานจริงๆ ก็คงจะไปทำอาชีพแม่บ้านมืออาชีพเต็มตัวก็ได้ค่ะ คือ ต้องเก่งงานบ้านจริงๆ  ทำอาหารอร่อย  สามีชมเปาะ  ถ้ายังไม่เก่งก็ต้องไปเรียนเพิ่มเติม   และเรียนรู้การปรนนิบัติ สามีและเครือญาติให้มีความสุข  ผ่อนคลายจากการงาน   ฝึกการนวดจับเส้น คลายเครียดให้สามี   ว่างๆจัดบ้านช่องให้งดงาม ทำสปาในบ้านเพื่อเอาอกเอาใจสามีที่เหนื่อยมาจากการงาน  เวลาที่เหลือก็ไปดูแลบิดามารดา ทั้งของคุณและสามี  เจือจุนญาติมิตร   แค่นี้ก็ถือได้ว่าเป็นอาชีพแม่บ้าน(มืออาชีพ) ได้เหมือนกันค่ะ ^^ จากคุณ : paninee - [ 5 ต.ค. 50 18:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เป็นอาจารย์พิเศษก็ได้หนิครับ จากคุณ : oakemon - [ 5 ต.ค. 50 19:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เพื่อนโทเคจบโทสองใบ ปัจจุบันช่วยกิจการบ้านแฟน (ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าไปวันๆ) เขายังเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะสามีและแม่สามีไม่ยอมท่าเดียว เคยทะเลาะกันถึงขั้นจะหย่า แต่สุดท้ายเพราะห่วงลูกเลยจำใจต้องทนอยู่ต่อไป เชียร์ให้จขกท หางานทำค่ะ แต่ไม่ต้องเอาหนักมากก็ได้ เรียนจบเอกมาทั้งที เสียดายวิชาที่เรียนอะ ผู้หญิงเราน่าจะออกมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้มากกว่าเป็นแม่บ้านนะ แล้วจขกท ไม่คิดจะมีลูกด้วย ยังไงในอนาคตก็ไม่มีภาระเพิ่มไปกว่านี้แน่ๆ ออกมาทำงานเถอะค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 19:40:44 จากคุณ : tokei/tookei - [ 5 ต.ค. 50 19:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 54 หากต้องการทำงาน  ต้องการใช้ความรู้ความสามารถของตนเอง  ก็ลองหาทางอื่นดูสิครับ ลองคิดหาหนทางใช้ความรู้ของตนเองดู การเป็นแม่บ้านมันดูสำคัญน้อยกว่าการออกไปทำงานนอกบ้านอย่างนั้นหรือ(คิดคล้ายๆ  คห.3 ครับ ) การทำงานเป็นแม่บ้าน  แม้จะไม่ตรงกับความรู้ที่คุณเรียนมา  แต่การเป็นแม่บ้านมันมีความหมาย มีคุณค่ามหาศาล ลองดูครอบครัวคุณท็อป ดารณีนุช เป็นตัวอย่างก็ได้  อีกครอบครัวที่ผมนึกออกก็คือ ครอบครัวของน้องพลับ ครอบครัวต้องมีเสาหลักเอาไว้จัดการเรื่องภายในครับ และสมัยก่อน  หน้าที่นี้เป็นของผู้หญิง ------------------------------------------------ ครอบครัวของผม  ทั้งแม่และพ่อต่างทำงานด้วยกันทั้งคู่ แต่....... แม่ของผมไม่ยอมย้ายไปกินตำแหน่งให้สูงขึ้น  แม่ผมเลือกที่จะทำงานจมปรักอยู่ในตำแหน่งเดิมๆ ในขณะเดียวกัน  แม่ก็ส่งเสริมพลักดัน  ให้กำลังใจ   ให้พ่อผมสอบเลื่อนซี และย้ายไปกินตำแหน่งสูงขึ้น  ไม่ว่าจะย้ายไปกินตำแหน่งในจังหวัดไกลขนาดไหน ส่วนลูก  แม่บอกกับลูกทุกคนเลยว่า  "จะไปเรียนที่ไหนก็ช่าง  ขอให้สอบติด" ดังนั้น ครอบครัวของผม  ทุกคนจึงกระจัดกระจายไปอยู่ที่ต่างๆ  มีเพียงแม่ผมคนเดียวเท่านั้น... แม่ผมปักหลักอยู่ที่ที่เดียว  ที่ที่เป็นเรือนหอ  บ้านที่พ่อกับแม่สร้างขึ้นมาด้วยกัน และนี่คือสิ่งที่แม่แสดงให้กับทุกๆ คนเห็นว่า "บ้านที่แม่อยู่คือบ้านของครอบครัว" ครอบครัวของผมไม่สมบูรณ์พร้อมทางด้านเศรษฐกิจครับ  แม่ผมจึงต้องทำทั้งหน้าที่แม่บ้านและงานนอกบ้าน คิดดูดีๆ นะครับว่า การที่คุณต้องการทำงานนอกบ้าน  เพราะต้องการใช้ความรู้ความสามารถของตัวคุณ หรือมันเป็นค่านิยมบางอย่างที่ฝังอยู่ในก้นบึ้ง  ที่คอยบอกคุณว่า "งานที่มีคุณค่าคือ งานนอกบ้าน" แม่บ้านเป็น working woman ไม่ได้หรือ อยู่กับบ้านคุณสามารถสร้างงานของคุณได้เต็มที่หรือไม่ สร้างงานได้โดยปลอดจากอิทธิพลต่างๆ จากคุณ : เข้ามาจอบ - [ 5 ต.ค. 50 21:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ทำงานดีกว่าค่ะ เราไม่รู้ว่าอนาคตเป็นยังไง อย่างน้อยก็ทำให้เรามี self-esteem ไม่ต้องแบมือขอเงินสามีตลอดเวลา จากคุณ : Absolutely love - [ 5 ต.ค. 50 22:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 56 จบ ก่อนแต่ง หรือ แต่งแล้วจบ ก่อนแต่ง เคยคุยหรือตกลงอะไรกันไว้ หรือเปล่าครับ คือผมมองว่า คนเรารักกัน เป็นแฟนกัน มันต้องคุยถึงอนาคตอ่ะครับ มองภาพไปข้างหน้า คุยกันก่อนว่าจะดำเนินชีวิตเช่นไร แล้วก็ทำตามแผนที่วางกันไว้ ไม่ใช่ไม่คุยกันเลย อยู่ๆอีกฝ่ายก็จะเอาแบบนี้ แบบนั้น นั่นแหละครับ ปัญหาที่หลายครอบครัวเจอกัน เพราะขาดการวางแผน หรือ ไม่เคารพการวางแผนหรือการตัดสินใจของอีกฝ่าย ถ้าเป็นผม ไม่บังคับนะ อยากทำอะไรก็ให้ทำ ยิ่งถ้าคนเรียนมาระดับนี้ ก็ต้องมีเป้าหมาย ไม่ไปปิดกั้นแน่นอน คือเน้นที่ความสุขของเขาเลยครับ ผู้ชายอยากทำงานหนักก็ทำไป ก็ทำตามเป้าหมายของเราไป ผู้หญิงที่ทนอยู่กับสามี (ในกรณีมีปัญหากันนะ) ปัญหาในสังคมที่คนมักไม่สนใจ แต่สาเหตุหนึ่งคือ ไม่มีที่ไป ไม่รู้จะทำอะไร ยิ่งไม่ได้ทำงานมานานๆ ยิ่งมืดแปดด้าน ดูแล้ว ผมว่า ให้ผู้ชายทำงานน้อยลง คุณก็ทำในด้านที่ชอบ แต่ไม่ต้องหนักมาก แบบนี้ดีกว่านะ จะมีประโยชน์อะไร ที่ผู้ชายทำแต่งาน วันๆก็เหนื่อยๆๆๆๆๆ นานๆที พอถึงเวลาเที่ยวก็เที่ยวๆๆๆๆ คือมันจะเหมือนหุ่นยนต์อ่ะครับ มันไม่ได้บาลานซ์กันเลย จากคุณ : ชีวิตคนมันสั้นกว่าที่คิด - [ 5 ต.ค. 50 23:17:53 A:125.25.206.85 X: TicketID:038237 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นอาจารย์พาร์ทไทม์ก็ได้ จบปริญญาเอกคงหาไม่ยากนัก เขียนหนังสือก็ได้ครับ รับแปลงาน ฯลฯ จากคุณ : Dancing Sakura - [ 6 ต.ค. 50 00:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แล้วคิดไว้ก่อนป่าวคะ ว่าจบเอกมาแล้วอยากจะทำอะไร คือ แนะนำได้แค่ตามสติปัญญาของคนไม่มีครอบครัวนะคะ คิดว่า ควรจะ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองให้ได้ด้วยดีกว่าค่ะ ถ้าพึ่งรายได้จากสามีอย่างเดียวถ้าอยากจะซื้ออะไรก็ ต้องขอสามีอย่างเดียวอึดอัดใจแย่เลยค่ะ อนาคตไม่แน่ไม่นอนค่ะ มีรายได้เป็นของตัวเอง อย่างน้อยถ้าเกิดอนาคตต้องเลิกกันขึ้นมา จะได้ไม่ลำบากนะคะ จากคุณ : rs6000&pseries - [ 6 ต.ค. 50 02:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มาปักธง จากคุณ : LR3 - [ 6 ต.ค. 50 02:26:08 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ควรจะหางานทำค่ะ ถ้าไม่ใช่งานในสายที่เรียนมา หรืองานวิชาการ ก็ควรจะเป็นงานที่รักหรือธุรกิจของตัวเอง ทำในสิ่งที่ชอบแตกต่างกับสิ่งที่ทำได้นะคะ คุณอาจจะทำงานบ้านได้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณชอบมันที่สุดสักหน่อย ผู้หญิงควรจะเลี้ยงตัวเองให้ได้ค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ยิ่งคุณเรียนมาถึงระดับนี้ แสดงว่าต้องมีสิ่งที่อยากทำอยู่แล้ว อย่าทิ้งมันไปเลยค่ะ มีคนรู้จักคนหนึ่ง เรียนสูง มีงานทำดี แต่พอแต่งงาน สามีบอกว่าให้ออกมาเป็นแม่บ้าน ก็ลาออกมาเป็นแม่บ้านเต็มเวลา ถ้าถามว่ามีความสุขไหม ก็มีในแบบที่ขึ้นกับสามี ถ้าสามีมีความสุขก็สุขด้วย ทุกอย่างในชีวิตสามีเป็นผู้กำหนด จะอยู่แบบไหน ซื้อของสำคัญอะไร ไปเที่ยวที่ไหน สามีตัดสินใจหมด ใช้ชีวิตกันมานานสิบกว่าปี วันหนึ่งสามีเดินมาบอกว่า ตัดสินใจแล้วว่าจะไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น คนที่ทำงานที่เดียวกัน คุยกันรู้เรื่องมากกว่าภรรยาที่รออยู่ที่บ้าน สิบกว่าปีผ่านไป เหลือเพียงผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่งซึ่งไม่ได้ทำงานมานาน จะเริ่มต้นใหม่ก็ลำบากกว่าเด็ก เหลือทรัพย์สินไม่มาก ลูกที่รักก็ต้องไปอยู่กับสามีซึ่งมีความสามารถในการเลี้ยงดูมากกว่า สามีใช้ความรักที่เค้ามีให้แย่งช่วงเวลาชีวิตที่ดีที่สุดของเค้าไป ช่วงเวลาที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว ทำตามความฝันของตัวเอง สร้างอะไรที่เป็นของตัวเอง สุดท้ายสิ่งเดียวในชีวิตที่เค้าทุ่มเทให้ก็ไม่เหลืออยู่กับเค้าอีก เล่ามาอาจจะดูมองในแง่ร้ายไปหน่อย แต่เราว่าคนเราควรจะมีอะไรเป็นของตัวเองค่ะ ยิ่งเป็นผู้หญิงยิ่งต้องเลี้ยงตัวเองให้ได้ ถ้ามีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น เราจะได้สามารถดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร อะไรๆ ก็ไม่แน่นอนทั้งนั้นแหละค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 50 09:48:13 จากคุณ : Terra Cotta - [ 6 ต.ค. 50 09:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แบบ #60 มีเยอะครับ ผมเห็นมา 4-5 คู่ละ จากคุณ : Just Comment - [ 6 ต.ค. 50 10:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คำว่างาน มีหลายความหมายครับ การที่เป็นแม่บ้าน ก็คือหน้าที่เป็นแม่บ้าน และก็คืองานอย่างหนึ่ง ที่เราต้องทำออกมาให้ดี ให้มีคุณภาพ คือการเลี้ยงลูกและจัดการเรื่องครอบครัวให้ดีและเรียบร้อย นั่นคือน่าจะเป็นหน้าที่หลักของคุณ แต่งานแม่บ้านดูแลเรื่องต่างๆของครอบครัว คุณก็ยังคงมีเวลาเหลืออยู่อีกมาก และรู้สึกเบี่อกับเวลาว่างนั้น อยากให้ข้อคิดว่า เวลาที่เหลืออยู่นั้น คุณใช้ศักยภาพของ Ph.D. ทำงานอยู่กับบ้านก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นงานที่ปรึกษา หรือแม้แต่สร้าง Website ของตัวเองขึ้นมา ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ชอบ และมีความสุข และใช้เวลาทุกๆวันของชีวิตให้มีความสุขในสิ่งที่ตัวคุณเองอยากทำ ชีวิตคนเรานั้น ทุกคนมีข้อจำกัด มีหน้าที่ของแต่ละคน แต่ถ้าเราบริหารจัดการเวลา และตัวเราเองได้ เราก็หาความสุขให้ชีวิตทุกวันได้ครับ ตัวผมเองตอนนี้ ต้องบอกว่ามีความสุขมากๆกับงานประจำที่ทำ และงานส่วนตัวที่ทำนอกเวลางาน ทำให้วันหนึ่งๆ ผมไม่อยากให้มันมีแค่ 24 ชั่วโมง เพราะมันสนุกกับเรื่องที่ต้องทำแบบไม่ค่อยอยากหลับอยากนอน ความสุขอยู่ที่ใจเราเอง และทางที่เราเลือกเดินเองครับ ลองหาไอเดีย ทำอะไรที่คุณรักอยู่กับบ้านสิครับ อะไรก็ได้ที่เป็นความฝันของคุณเอง ซึ่งมันอาจไม่เกี่ยวกับความรู้ด้าน Ph.D. ของคุณก็ได้ แต่ถ้าได้ก็ดี.... คุณก็จะได้ทำงานในฐานะแม่บ้านสมบูรณ์แบบ และในฐานะ Professional ในสิ่งที่ตัวเองรักไปได้พร้อมๆกัน มีอะไรให้เลือกทำได้เยอะแยะเลยครับ เวลาแบบนี้ ใครๆก็หา แต่มีไม่กี่คนที่มีโอกาส คือเวลาว่างที่พอจะจัดได้ แล้วไล่ตามฝันตัวเองให้เจอครับ จากคุณ : XOOMER - [ 6 ต.ค. 50 11:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ป.ล. ไม่ว่าจะทำงานหนักอย่างไร อย่าลืมเล่นกีฬาด้วยนะครับ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ที่เงินเท่าไหร่ก็ซื้อหามาไม่ได้ จากคุณ : XOOMER - [ 6 ต.ค. 50 11:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ทำงาน ทำงาน ทำงาน จงทำงาน เพื่อตัวเอง และผู้อื่น ไม่สำคัญว่าจะเป็นวันนี้หรือวันไหน อย่ายึดใครเป็นที่ตั้ง ขอให้ยึดอยู่ที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน อย่าสนว่าไม่ถูกใจสามี หากสามีไม่สนว่าถูกใจเราหรือไม่ สองคนสามีภรรยา หากจูนคลื่นไม่ตรงกัน ณ วันนี้ อย่าได้หวังว่าจะตรงกัน ณ วันไหน ชีวิตคนเราสำคัญอยู่ที่ ความภาคภูมิใจ ค่าตอบแทนเป็นเรื่องรอง อย่าปล่อยให้บรรทัดฐานของสังคม หรือ ความรัก มาบอกว่าคุณต้องทำอะไร ตัวคุณเองรู้คำตอบนั้นดีที่สุด จากคุณ : Doesn't Matter - [ 6 ต.ค. 50 12:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 65 นั่นแน่ คุณ Xoom ก็เข้ามาอ่านเหมือนกันแฮะ เรื่องความสุขของงานนี่ ผมบอกตามตรง  งานที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ ได้ค่าตอบแทนน้อยมาก เมื่อเทียบกับความพยายามและความตั้งใจที่ผมใส่ลงไป เป็นค่างานที่ทำในบ้านนอก แต่ถ้าเป็น กทม ผมคงได้ค่าตอบแทนมากกว่านี้หลายเท่า ผมไม่ต้องการแลก อากาศดี รถไม่ติด เมืองสงบ กับรายได้ดอกครับ เพราะเป้าประสงค์ ของผมคือ ความสุข ไม่ใช่เงิน งานที่ผมทำในวันนี้  มีผลที่จะได้มาภายหลัง ที่ตีเป็นตัวเงินไม่ได้นั้น  ผมเห็นว่ามันมากมายมหาศาล  มากกว่าเงินที่ผมได้เป็นค่าตอบแทนหลายเท่า ที่สำคัญผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่ขณะนี้มาก นี่คือสิ่งสำคัญที่ผมยังชอบที่จะทำงานนี้ ไม่ว่าหลับหรือตื่น ใจผมก็จดจ่อกับงานนี้เสมอ ก็เพราะเป็นงานที่ผมทำแล้วมีความสุขนั่นเอง จากคุณ : น้าพร - [ 6 ต.ค. 50 14:40:43 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ปัญหาของคนรวย จากคุณ : แมวเกเร - [ 6 ต.ค. 50 14:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 67 จุดประสงค์ของสามีคุณจขกท คือให้คนหนึ่งว่างจะได้มีเวลาไปเที่ยวด้วยกันได้ง่ายขึ้นใช่ไหม ถ้าคุณอยากทำงาน ก็ลองเสนอดูสิครับว่าให้สามีอยู่บ้านแทน ส่วนคุณก็ออกไปทำงานแทน ก็มีคนหนึ่งว่างเหมือนกัน จากคุณ : .............................. - [ 6 ต.ค. 50 18:19:36 A:58.8.49.88 X: TicketID:087386 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ปัญหาอย่างที่ คห. 60 ว่ามาไม่ว่าจะผู้หญิงจะทำงานหรือไม่ทำมันก็เจ็บปวดไม่ต่างกันหรอก เพราะสาเหตุคือผู้ชายเลือกที่จะมีคนใหม่ จากคุณ : Living Extreme - [ 6 ต.ค. 50 21:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ปัญหาของคนเรียนเก่ง แตถ้าเป็นผม จบระดับนี้ เอาความรู้ที่เรียนมานำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่วง่าทางไหนก็จะดีกว่าอยู่เฉยๆครับ เรื่องบางเรื่อง เราก็ต้องเลือกเอง ไม่ใช่คนอื่นมากำหนดครับ เพราะอนาคตไม่แน่ไม่นอนหรอก  เอาใจช่วยครับ จากคุณ : คุณก้อง - [ วันเกิด PANTIP.COM 18:52:42 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ดิฉันจบแค่ตรีเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว รักที่จะทำงาน สามีอยากให้ออกจากงานก็ยื้อ มีลูกคนแรกจ้างแม่บ้าน และพี่เลี้ยงลูก ก็เล่นตัวเพราะเห็นว่าเราทำงานทั้งคู่ งานก็เครียด พอท้องลูกคนที่สอง น้ำหนักลงตลอด คุณหมอถามว่าให้เลือกลูกหรืองาน ก็ตัดสินใจลาออกเพื่อรักษาลูกในท้อง หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับไปทำงานอีกเลย เพราะให้แม่บ้านและพี่เลี้ยงลูกออกหลังจากที่ต้องอดทนมานาน และมีคนข้างบ้านบอกว่าเวลาเราไม่อยู่เค้าไม่ได้เลี้ยงลูกเราดีเลยทั้งๆที่ให้เงินเดือนสูง (ผ่านศูนย์) เลี้ยงลูกและทำงานบ้านเหนื่อยกว่าทำงานนอกบ้านเยอะ แรกๆ ก็รู้สึกตัวเองไม่มีค่า เสียดายความรู้ เสียดายเงินเดือนที่สูง ต้องมาขอเงินสามีใช้ แต่พอลูกเริ่มโตขึ้น ก็หายเหนื่อยค่ะ ลูกน่ารัก เรียนดีทุกคนเพราะเรามีเวลาให้เค้า ความรู้ที่เรียนมาก็สอนลูก วางแผนการเรียนให้ลูก บางเรื่องลูกก็สอนเรา สามีบอกเสมอว่าไม่ต้องการรวย อยากให้ลูกมีคุณภาพ ต้องรับผิดชอบเค้าเพราะเราตั้งใจทำให้ลูกเกิดมา ต้องสอนให้ลูกคิดเป็น เล่าสู่กันฟังนะคะ ทั้งนี้ต้องประเมินจากสถานะว่าคุณมีลูกหรือยัง ถ้ายังก็แนะนำว่าให้ทำงานไปก่อน จากคุณ : แม่ของลูก - [ วันเกิด PANTIP.COM 23:04:52 A:58.64.66.93 X: TicketID:128181 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เรายังไม่จบ แต่ทำไมเขียนๆthesisไป วิจัยไป ดันไม่ชอบขึ้นมา อยากจบแล้วเป็นแม่บ้านมากเลย ชอบทำความสะอาด ดูดฝุ่น เย็นๆก็ทำกับข้าวให้สามี กลางวันก็ไปชอปปิ้งซื้อกับข้าว ชีวิตดูมีความสุขจะตาย ไม่ต้องมาหัวฟูหน้าแก่ อ่านหนังสือกองเป็นภูเขา เตรียมงานสอน ทำผลงาน ว่าแต่ว่า ปัญหาคือมันต้องหาสามีรวยก่อน อันนี้จะยากกว่าเรียนปริญญาเอกละมั๊ง จากคุณ : scarlett - [ 8 ต.ค. 50 12:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ถ้ากลัวว่าคุณไปทำงานแล้วเวลาว่างจะไม่ตรงกัน เขาเลยให้คุณเป็นฝ่ายที่จะต้องปรับความสัมพันธ์ให้เข้ากับเขาเท่านั้นเหรอ แล้วทำไมผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายปรับความสัมพันธ์เพื่อให้เข้ากับผู้ชายเสมอไป ถ้าคุณทั้งคู่จะต่างคนต่างทำงานไปด้วย แล้วปรับความสัมพันธ์เข้าหากัน เจอกันครึ่งทาง ทำงานแต่พอดี น่าจะยังมีเหลือช่องว่างระหว่างเวลาให้คุณได้แชร์ความสุขร่วมกัน จากคุณ : Helmet@Pantip - [ 8 ต.ค. 50 19:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 73 *****ปัญหาคือมันต้องหาสามีรวยก่อน อันนี้จะยากกว่าเรียนปริญญาเอกละมั๊ง ***** น่าจะหาสามี นิสัยดี EQ ดีก่อนนะครับ ส่วนรวยจนนั้น ถ้าไม่ถึงกับเป็นหนี้เป็นสิน นับว่าใช้ได้แล้ว ประเภท รูปหล่อ พ่อรวย นิสัยดี ไม่มีกิ๊ก นี่ มีแต่ในนิยายเล่มละ 3 บาท เท่านั้น เรื่องจริงไม่เคยเห็นสักที จากคุณ : น้าพร - [ 8 ต.ค. 50 21:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ทำงาน หลายๆ มหาวิทยาลัยเอกชน เลือกเวลาสอนได้ เช่น เสาร์ทั้งวัน จันทร์ถึงศุกร์บางวันหรือตอนเย็น สอนสักสามห้องพอแล้ว งานบางอย่างทำอยู่บ้านได้ ผู้ชายสมัยใหม่น่าจะชอบผู้หญิงที่เก่งเสมอกัน ฉลาดเสมอกัน ฐานะเสมอกัน แล้วก็ชาติตระกูลเสมอกันนะ จากคุณ : Fah Lan - [ 10 ต.ค. 50 08:36:37 A:220.101.184.162 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คห. 72  เป็นคำตอบสุดท้ายค่ะ  เป็นคำตอบที่ดีมากๆ จากคุณ : spunky gal - [ 10 ต.ค. 50 19:39:33 ]