ความคิดเห็นที่ 14
เอาแค่ทางการแพทย์ล้วนๆ
ที่ประมาณ 18,000 ฟุต (5,500m) ... ความสูงของ base camp ออกซิเจน (O2) ในอากาศจะเหลือประมาณ 50% ของระดับน้ำทะเล ขนาดหายใจปกติ ... คนทั่วไปจะขาดสติ เพราะขาด O2 ในเวลาไม่กี่นาที
ที่ยอดเขา มี O2 แค่ 30% เท่านั้น
นอกจากขาด O2 แล้ว ความกดอากาศยังต่ำมาก น้ำแทบจะ"เดือด" (ไม่ใช่ระเหย) ที่อุณหภูมิร่างกาย
เมื่อขาด O2 ... หลอดเลือดทั่วร่างกายจะขยายตัว เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่่างๆมากขึ้น ยกเว้นหลอดเลือดที่ไปปอด ซึ่งจะหดตัวตีบแคบ ทำให้เลือดไหลไปน้อยลง (paradoxical hypoxic pulmonary vasoconstriction)
เมื่อเราหายใจเข้าไป O2 ในอากาศที่สูงกว่า จะแพร่เข้าเลือด ที่ระดับน้ำทะเล ปริมาณ O2 ที่สูงมาก ทำให้ช่วงเวลาในการแพร่เข้าไปจนเต็มกระแสเลือดที่ผ่านมา แค่ 1/3 ของเวลาที่อากาศอยู่ในปอด
ที่ base camp ... O2 ไม่มากพอ ช่วงเวลาแลกเปลี่ยน เกือบเท่าช่วงเวลาที่อากาศอยู่ในปอด หมายความว่า ถ้าหายใจเร็วขึ้นอีกนิดเดียว ... อากาศอยู่ในปอด จะไม่นานพอที่ O2 สามารถแพร่กระจายเข้ากระแสเลือดได้
ที่ 1/2 ระยะทางจาก base camp สู่ยอดเขา (สูงขึ้นไปอีก 2 กม) ... ไม่ว่า อากาศในปอดจะอยู่เป็นระยะเวลานานเท่าใด จะไม่สามารถแพร่เข้าไปได้อีก (แรงดันในกระแสเลือดสูงกว่าเสมอ)
---------------------- เมื่อขาดอากาศนิดหน่อยนานๆ (ที่ base camp) ร่างกายจะสร้่างเลือดให้มากขึ้น เพื่อพา O2 ไปได้พอ
เลือดที่มากขึ้น จะเหนียว ข้น และแข็งตัวง่าย อุดตันหัวใจ จนหัวใจวายได้ดื้อๆ
นัีกปีนเขาเอเวอเรสต์หลายกลุ่ม สู้ปัญหานี้ โดยเจาะเลือดทิ้งเป็นระยะๆ แม้ว่าจะลดความเสี่ยงหัวใจวายลงได้นิดหน่อย แต่ก็ลดประสิทธิภาพการไต่เขาลงมาก ---------------------- เมื่อขาดอากาศ (O2) นานๆ สมองจะเสียหาย AMREE (American Medical Research Expedition to Everest) พบว่า นัีกปีนที่ขึ้นถึงยอดเขา และกลับลงมาได้ ... ปีนึงให้หลัง สมองยังเสียหายเป็นบางส่วน .. ทั้งด้านความจำ ความสามารถในการตัดสินใจ และการตอบสนองอย่างรวดเร็ว
จากคุณ :
แมวเหมียวพุงป่อง
- [
5 ต.ค. 50 15:53:11
]
|
|
|