ความคิดเห็นที่ 1 เอ็มเทคจึงได้พัฒนาหม้อก๋วยเตี๋ยวอนามัยปลอดสารตะกั่ว โดยนำวิธีการผลิตที่เหมาะสมโดยใช้ก๊าซเฉื่อยเข้ามาเชื่อมโลหะ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในแวดวงอุตสาหกรรมว่า การเชื่อมทิก มาประยุกต์ใช้แทน ------------------------------------------- อาพุทโธ...พุทธัง ......ประเทศไทยเราหนอ.......ไอ้เชื่อมทิก(TIG) นี่มันมีมาในโลกนี้ตั้ง 60กว่าปีมาแล้ว  ไอ้โรงงานที่ทำงานเกี่ยวกับเสตนเลสน่ะมันรู้จักไอ้เชื่อมTIGดีทั้งนั้นแหละ และมันก็มีไอ้เครื่องเชื่อมนี้กันทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องไปสอนหรือพัฒนาให้มันทำหรอก  แค่ออกกฎห้ามผลิตหรือห้ามขายภาชนะใส่อาหารเสตนเลสที่ผ่านการบักกรีด้วยตะกั่ว  รวมทั้งห้ามผู้ขายอาหารใช้ภาชนะดังกล่าว แค่นี้ทำไมไม่ทำ  มวไปงมโข่งอะไรกันอยู่เนี่ยะ จากคุณ : ekkie - [ 16 ต.ค. 50 20:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยืนยัน !!1 หม้อก๋วยเตี๋ยว "ทุกร้าน" ที่ผมเจอ ใช้ตะกั่วบัดกรี ผมยังไม่เคยเห็นร้านไหน ใช้หม้อปลอดตะกั่ว ผมอายุ 60 แล้ว สงสัยว่าตลอดเวลาเกือบร้อยปี หน่วยราชการพวกนี้ มัวทำอะไรอยู่ ถึงเพิ่งออกโรงมาเตือนชาวบ้าน จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 16 ต.ค. 50 20:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองดูจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ว่าเขาจะสมองเสื่อมเพราะพิษสารตะกั่วรึปล่าว? เพราะหม้อก๋วยเตี๋ยวเป็นของคนจีน รึว่าชาวจีนไม่ได้เอาตะกั่วมาบัดกรี?... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 16 ต.ค. 50 20:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 16 ต.ค. 50 20:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประเทศไทย มีอะไรปลอดภัยกินบ้าง จากคุณ : รบมิพัก รักมิยั้ง - [ 16 ต.ค. 50 20:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยืนยัน  หม้อก๋วยเตี๋ยว เกือบทุกร้าน  มีการเชื่อมด้วยตะกั่ว จริง ขาดหน่วยงานรัฐ ดูแล   ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นพิษ   ผมเคยพูดเรื่องนี้เมื่หลายปีมาแล้ว จากคุณ : น้าช่าง - [ 16 ต.ค. 50 20:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขึ้นชื่อว่า "ประเทศไทย" น่าจะเห็นภาพแล้ว จากคุณ : axquest - [ 16 ต.ค. 50 21:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอ แต่ตะกั่วมันจะละลายในน้ำบริสุทธิ์ ไม่ใช่หรือครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 16 ต.ค. 50 21:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อร่อย จากคุณ : KCrazy16 - [ 16 ต.ค. 50 21:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เวรกำจิงๆ -*- จากคุณ : ราชันย์พันทัพ - [ 16 ต.ค. 50 21:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลิปสติก ก็มีตะกั่ว จากคุณ : Dr.slump - [ 16 ต.ค. 50 21:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อร่อยด้วยอีกคน อันตรายมากไหม ถ้าอันตรายมากแต่ปล่อยให้ใช้หม้อที่เชื่อมด้วยตะกั่ว ก็.... จากคุณ : งามหน้า - [ 16 ต.ค. 50 21:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คนไทย ไม่ค่อยเข้าใจคำว่า Risk ทุกอย่างในโลกนี้ มี Risk หรือ Probability ด้วยกันทั้งนั้น แต่จะมากหรือน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง - ความเสี่ยงต่อการหายใจเอาอากาศเสีย - ความเสี่ยงต่อการกินน้ำปนเปื้อนสารเคมี - ความเสี่ยงต่อการตายจากอุบัติเหตุรถยนต์ - ความเสี่ยงต่อการตายจากเครื่องบินตก ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นไปได้ เพียงแต่ว่าความน่าจะเป็นมันมากหรือน้อย บางอย่าง ความน่าจะเป็นน้อยมาก แต่ก็ตื่นตูมกันน่าดู ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพิษตะกั่วจากการกินก๋วยเตี๋ยว อาจน้อยกว่าความเสี่ยงที่จะโดนรถชนตายหรือไม้จิ้มฟันแทงเหงือกตายก็ได้ จากคุณ : vandyman - [ 16 ต.ค. 50 21:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คนพัฒนาหม้อก๋วยเตี๋ยวปลอดตะกั่ว และประหยัดพลังงาน โดยใช้ heat pipe และรนณรงค์ ให้ใช้หม้อก๋วยเตี๋ยวปลอดตะกั่ว อยู่ใน pantip นี่แหล่ะครับ แต่ว่า โดนรถชนตายไปหลายปีแล้ว  น่าเสียดายจริงๆ สมาชิกรุ่นใหม่ๆ คงไม่รู้จัก จากคุณ : Professor - [ 16 ต.ค. 50 22:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กินก๋วยเตี๋ยวมีความเสี่ยงอันตราย จาก สารตะกั่ว จากหม้อต้มก๋วยเตี๋ยว กินแห้งดีกว่า เชื้อรา จากถั่วลิสงป่น พริกป่น แบคทีเรีย จากผักสด พริกดอง เลือด (ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตก) ไม้จิ้มฟันแทงเหงือก โดนน้ำก๋วยเตี๋ยวสาดหน้า ที่นึกออกมีเท่านี้ จากคุณ : นายเดชา - [ 16 ต.ค. 50 22:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วหม้อกับกระทะที่บ้าน ซื้อของถูกมาใช้มันจะมีไหม  ยิ่งร้านขายลาบน้ำตกละ เห็นใช้แต่หม้อ อันที่ขายตามตลาดนัดทั้งนั้น  เกี่ยวหรือเปล่า แสงสัยกับเคยได้ยินว่าพวกหม้อจากจีนมีสารตะกั่วสูง ใครรู้วิธีวัดปริมาณสอนหน่อยจะได้ทำกับข้าวสบายใจสักที่ งะ จากคุณ : บรุษผู้สับสน (บรุษผู้สับสน) - [ 16 ต.ค. 50 23:09:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขนาดเมืองนอกยังไม่มีให้กินเลย  เหอะๆ จากคุณ : Capillary - [ 17 ต.ค. 50 01:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ลาบน้ำตก ปากซอยใช้หม้อบุบๆบี้ๆ แต่ทำไมมันอร่อยไม่รู้ ไปกินตามภัตราคาร รสชาติไม่ได้เรื่อง สงสัยเป็นเคล็ดลับ จากคุณ : MleKo - [ 17 ต.ค. 50 07:50:24 A:61.7.168.27 X: TicketID:153016 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพิษตะกั่วจากการกินก๋วยเตี๋ยว อาจน้อยกว่าความเสี่ยงที่จะโดนรถชนตายหรือไม้จิ้มฟันแทงเหงือกตายก็ได้ จากคุณ : vandyman  - [ 16 ต.ค. 50 21:51:03 ] ชัดเจนครับ แนวเดียวกะกินถั่วป่นแล้วจะเป็นมะเร็งอ่ะ จากคุณ : vn, man - [ 17 ต.ค. 50 08:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตะกั่ว ในข่าวต่างๆ ตามสื่อนั้นให้ข้อมูลไม่ถูกต้องด้วย "นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า การที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีคำสั่งชั่วคราวห้ามใช้เครื่องทำน้ำเย็นน้ำอุ่นในโรงเรียน เครื่องต้มน้ำ หม้อก๋วยเตี๋ยว เครื่องชงกาแฟที่ใช้สารตะกั่วบัดกรี ว่า ในธรรมชาติมีสารตะกั่วปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม ดังนั้น อย.จึงกำหนดมาตรฐานที่ยินยอมให้ปนเปื้อนในอาหารได้ไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม น้ำดื่มไม่เกิน 0.1 มิลลิกรัมต่อลิตรเพื่อความปลอดภัย" ซึ่งจริงๆ แล้ว ในมาตรฐานน้ำดื่มของไทย (มอก.257-2549) กำหนดให้มีตะกั่วปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.01 มก./ล. ในมาตรฐานน้ำดื่มของอเมริกา กำหนดให้มีตัะกั่วปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.015 มก./ล. (ไทยเรามาตรฐานดีกว่าอเมริกาแฮะ เรื่องนี้) ซึ่งในมาตรฐานนั้น กำหนดปริมาณการบริโภคตะกั่วจากการคำนวนโดยใช้ฐาน - โดยเฉลี่ยคนเราดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร - น้ำหนักคนโดยเฉลี่ย 70 กก. - ระยะเวลาการบริโภคเฉลี่ย 30 ปี ค่ามาตรฐาน 0.01 หรือ 0.015 มก./ล. นั้นคำนวนมาโดยหารด้วยค่าความปลอดภัย (Safety Factor) 1,000 เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าค่าความเข้มข้นของตะกั่วในน้ำที่จะทำให้เราเจ็บป่วยได้จริงๆ 100% (เจ็บป่วยแบบ Chronic ด้วย) คือ 10 มก./ล. หรือ 10 ส่วนใน 1,000,000 ส่วน ถ้าเราบริโภคน้ำดื่มที่มีปริมาณตะกั่วปนเปื้อน 0.01 มก./ล. ทุกวันๆ แล้วล่ะก็ เรามีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคตะกั่วเป็นพิษเท่ากับ 1/1,000 หรือ 0.1% ซึ่งค่าความน่าจะเป็นนี้ถึงแม้จะต่ำ แต่ในวงการสาธารณสุขแล้วถือว่าค่อนข้างสูง (100 cases/100,000 คน) ในสารเคมีหรือสารพิษบางอย่างที่ผลทางคลินิคไม่ชัดเจน อาจต้องหารค่าความปลอดภัย 1,000,000 สำหรับการบริโภคสารนั้น นั่นหมายถึงมีความเสี่ยงหรือความน่าจะเป็นคือ 1/1,000,000 แต่สำหรับตะกั่วแล้ว มีผลการศึกษาทางคลินิคค่อนข้างมาก ความเชื่อมั่นสูง และตะกั่วไม่ใช่สารก่อมะเร็ง จึงใช้ค่าความปลอดภัยเพียง 1,000 เพราะฉะนั้น อัตราความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการบริโภคน้ำดื่มที่ปนเปื้อนตะกั่วเป็นก็คือ - เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 0.1% ถ้าน้ำดื่มนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อน 0.01 มก./ล. - เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 100% ถ้าน้ำดื่มนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อน 10 มก./ล. และอัตราความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการบริโภคน้ำดื่มที่ปนเปื้อนตะกั่วเป็นดังนี้ 1. เราต้องกินก๋วยเตี๋ยววันละ 4 ชาม ซึ่งมีน้ำก๋วยเตี๋ยวประมาณ 2 ลิตรเท่ากับน้ำดื่มที่เราบริโภคในแต่ละวัน (ก๋วยเตี๋ยว 1 ชามมีน้ำก๋วยเตี๋ยวประมาณ 500 ซีซี) จะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 0.1% ถ้าน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อน 0.01 มก./ล. 2. ถ้าเรากินก๋วยเตี๋ยววันละ 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวนั้นจะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 0.1% ก็ต่อเมื่อน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อนอยู่ 4 x 0.01 มก./ล. = 0.04 มก./ล. 3. ถ้าเรากินก๋วยเตี๋ยววันละ 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวนั้นจะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 100% ก็ต่อเมื่อน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อนอยู่ 1,000 x 0.04 = 40 มก./ล. 4. ถ้าเรากินก๋วยเตี๋ยวสัปดาห์ละ 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวนั้นจะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 0.1% ก็ต่อเมื่อน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อนอยู่ 7 x 4 x 0.01 มก./ล. = 0.28 มก./ล. 5. ถ้าเรากินก๋วยเตี๋ยวสัปดาห์ละ 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวนั้นจะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่วแน่ๆ 100% ก็ต่อเมื่อน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อนอยู่ 1,000 x 0.28 มก./ล. = 280 มก../ล. ดังนั้น ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่า น้ำดื่ม หรือ น้ำก๋วยเตี๋ยว ที่เราบริโภคนั้นมี "ความเข้มข้น" หรือ "ปริมาณปนเปื้อน" เท่าไร และใช้ความเข้มข้นหรือปริมาณปนเปื้อนนี้เป็นข้อมูลในการคำนวนความน่าจะเป็นก่อนที่จะห้ามขาย ห้ามจำหน่าย ห้ามผลิต ห้ามใช้ บางที ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยเนื่องจากบริโภคก๋วยเตี๋ยวที่ใส่ถั่วคั่วที่มีอะฟลาท็อกซิน อาจมากกว่าความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากการบริโภคก๋วยเตี๋ยวที่มีน้ำตะกั่วก็ได้ ดังนั้น ยังตอบคำถามของเจ้าของกระทู้ไม่ได้ จนกว่าจะทราบว่าในน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีตะกั่วปนเปื้อนเท่าไร และไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะตายตอนอายุเท่าใด เพียงแต่จะบอกได้ถึงความน่าจะเป็นที่จะเจ็บป่วย ข่าว ระวังหม้อก๋วยเตี๋ยวอันตราย รวมทั้งเครื่องทำนํ้าอุ่น-นํ้าเย็นพบสารตะกั่วปะปนอยู่เพียบ คคบ.ห้ามใช้-อันตรายสมอง มหันตภัยใกล้ตัว คคบ. มีมติสั่งห้ามใช้หม้อต้มก๋วยเตี๋ยว, หม้อต้มน้ำชา รวมทั้งเครื่องทำน้ำอุ่น น้ำเย็นที่ใช้สารตะกั่วในการบัดกรีตัวถังหรือท่อส่งน้ำในถังในเครื่องทำน้ำเย็น น้ำอุ่น เนื่องจากมีการตรวจพิสูจน์แล้วพบมีสารตะกั่วละลายออกจากตะกั่วที่ใช้บัดกรี นอกจากจะทำอันตรายต่อระบบสมองและระบบประสาทแล้วยังมีผลต่อสุขภาพในด้านอื่นของผู้ที่ได้รับสารตะกั่วเกินมาตรฐาน พบว่าในโรงเรียนและโรงงานหลายแห่งมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำเย็นที่ใช้ตะกั่วบัดกรีถังเก็บน้ำและท่อส่งน้ำดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม คคบ. มีมติออกคำสั่งห้ามใช้ ห้ามจำหน่าย และห้ามซ่อมเครื่องทำน้ำเย็น และน้ำอุ่น ที่ใช้สารตะกั่วในการบัดกรีตัวถัง หรือท่อส่งน้ำในถังในเครื่องทำน้ำเย็นน้ำอุ่น เนื่องจากได้รับการตรวจพิสูจน์แล้วพบมีสารตะกั่ว นอกจากจะทำอันตรายต่อระบบสมอง และระบบประสาทแล้ว ยังมีผลต่อสุขภาพในด้านอื่นของผู้ที่ได้รับสารตะกั่วเกินมาตรฐาน จากการตรวจพบว่า ในโรงเรียนและโรงงานหลายแห่ง มีการติดตั้งเครื่องทำน้ำเย็น ที่ใช้ตะกั่วบัดกรีถังเก็บน้ำและท่อส่งน้ำ ดังนั้น คคบ. จึงมีมติออกคำสั่งห้ามชั่วคราว นายจรัญ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ และศึกษาอุปกรณ์การบริโภคที่ใช้วิธีเอาสารตะกั่วมาบัดกรี แทนการใช้เชื่อมแบบอากอนที่ปลอดภัยกว่า เช่น หม้อต้มก๋วยเตี๋ยว, หม้อต้มน้ำ, หม้อต้มกาแฟ ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุม คคบ. พิจารณาอีกครั้ง เบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเ รื่องนี้เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว  และคาดว่าจะออกคำสั่งห้ามขายได้ ด้านนางจิรชัย มูลทองโร่ย ผู้อำนวยการกองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สคบ กล่าวว่า สคบ. ต้องเร่งตรวจสอบ และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมหม้อต้มก๋วยเตี๋ยว, หม้อต้มน้ำ, หม้อต้มกาแฟ และสินค้าที่ใช้สารตะกั่วมาบัดกรีอื่น ซึ่งหากมีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนแล้ว จะเสนอให้ที่ประชุม คคบ. ประกาศบังคับห้ามจำหน่ายแบบถาวรทันที เนื่องจากเห็นว่าร้านค้าเหล่านี้หลายร้าน ยังใช้อุปกรณ์ที่มีสารตะกั่วมาบัดกรีจำนวนมาก ซึ่งเมื่อถูกความร้อนอาจทำให้สารปนเปื้อนกับอาหารได้. คำถาม - เมื่อได้รับการตรวจพิสูจน์แล้วพบว่ามีสารตะกั่ว อยากทราบว่า สารตะกั่วนั้นเข้มข้นเท่าไร - ถ้าบริโภคบรรดาน้ำดื่มหรือก๋วยเตี๋ยวที่ปนเปื้อนตะกั่วในปริมาณข้างต้น มีโอกาสเจ็บป่วยมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับการบริโภคน้ำจากน้ำประปาแล้วเป็นเช่นไร - ถ้าพบว่าความเข้มข้นนั้นน้อยมากและมีความเสี่ยงต่ำมาก แต่ภาครัฐได้ออกมาตรการห้ามขายอุปกรณ์ที่มีการประกอบด้วยการบัดกรี และได้เสนอแนะวิธีการหลากหลายในการประกอบอุปกรณ์ทั้งหลาย ซึ่งล้วนแต่เพิ่มต้นทุนการผลิต กระทบทั้งประเทศ เช่น ราคาก๋วยเตี๋ยวต่อชามที่แพงขึ้น เนื่องจากพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวอ้างเหตุผลว่าหม้อก๋วยเตี๋ยวแพงขึ้น และในประเทศไทย พอจะถือได้ว่าราคาก๋วยเตี๋ยวเป็นดัชนีวัดค่าครองชีพประการหนึ่ง อาหารหรือสินค้าหลายอย่าง ตั้งราคาขายอิงตามราคาก๋วยเตี๋ยว ดังนั้น อาหารและราคาสินค้าต่างขึ้นราคาตามค่าก๋วยเตี๋ยว - ใครรับผิดชอบ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 50 09:32:21 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 50 09:27:16 จากคุณ : vandyman - [ 17 ต.ค. 50 09:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ที่เป็นสังกะสีบางๆ มักใช้ตะกัวบัดกรี แต่ที่เป็นเสตนเลส เค้าใช้ตะกัวบัดกรีกันด้วยหรือ ? ถ้าหม้อเหล่านี้คงมีอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ  เมื่อเทียบกับอันตรายจากสิ่งอื่นในขบวนการทั้งหมด ทั้งจากสารพิษ สิ่งปลอมปน โลหะหนักอื่นๆที่มาทำผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากตะกัว ค่อยน่าคิดหน่อย แล้วผู้ที่ออกมาให้ข่าว ช่วยบอกข้อมูลเป็นตัวเลขปริมาณสารพิษตามที่ประกาศ เปรียบเทียบกับสารอื่นๆ และที่เกิดจากขบวนการทั้งหมด ตามความเป็นจริงได้หรือไม่ ไม่เอาที่นั่งเทียน หรือกล่าวแบบเลื่อนลอยนะ ทำได้หรือไม่ จะได้พิจารณาตามความเป็นจริง แล้วเครื่องกระป๋องที่ใช้กระป๋องไม่ได้คุณภาพมาผลิต จริงอยู่ว่าผนึกฝาใช้พับรีดไม่ได้ใช้ตะกัว แต่ซีลข้างก็ยังมีใช้ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ต้องรอนายทุนที่เหนือกว่าผลิตของเทียบเคียงมาก่อน แต่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เขากล่าวถึงกันบ้างหรือเปล่า เชื่อว่าข่าวนี้เป็นอันตรายต่อผู้ประกอบอาชีพแบบเบี้ยน้อยหอยน้อย ตั้งแต่ผู้ค้าอาหาร จนถึงร้านสังกะสี และโรงงานห้องแถว อย่างยิ่งที่อาจถึงชีวิตได้ จากเชือกหรือผ้าขาวม้า ผู้รับประโยชน์เต็มๆอาจเป็นคนใส่สูท เหลือกินเหลือใช้จนสามารถแบ่งปันผู้เกี่ยวข้องก็เป็นได้ คิดว่าผู้ที่มีหน้าที่อาจเกี่ยวข้อง คงพอมีคนที่มีความรู้พอที่จะแนะนำให้ความรู้สำหรับผู้ผลิต วิธีการพับรีดตะเข็บที่เหมาะสมกับการใช้งานบัดกรีด้านนอก เบลาๆๆๆ ไม่น้อยกว่าคนที่มีความรู้วิธีการจับ ไม่งั้นคงไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งใดเหมาะหรือไม่เหมาะต่อผู้บริโภคอย่างไรจริงไหม ก็อยากให้มีการกำหนดมาตรฐานการผลิต ตามที่เหมาะสมตามเนื้อผ้า ไม่ใช่ราคาผ้า เพื่อให้ผู้ผลิตทั่วไปทำได้ถูกต้อง ไม่ใช้ทำได้เฉพาะผู้มีทุนตั้งโรงงานขนาดใหญ่เท่านั้นจึงจะทำได้ดังที่เป็นอยู่ ในผลิตภัณฑ์บางประเภท น่าจะดีกว่าปล่อยให้ทำกันไปตามยถากรรม แล้วมาจ้องจับผิดหาประโยชน์บนความเดือดร้อนกันผู้จำเป็นต้องหากิน และคิดว่าถ้าเขามีอันจะกินแล้วเขาก็อยากพัฒนาตัวเอง หรือเลือกอาชีพที่ดีกว่าถ้าเขาทำได้อยู่แล้วละ สังเกตร้านก๋วยเตี๋ยวพอใหญ่หน่อย มีทุนเขาก็เปลี่ยนเป็นเสตนเลสที่สวยและทนกว่า โดยไม่ต้องมีใครบังคับอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 50 10:03:04 จากคุณ : khanasri - [ 17 ต.ค. 50 09:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คนไทยมักง่ายต่างหาก ญี่ปุ่นเค้าก็กินอาหารเส้นกัน ก็แยก2หม้อ หม้อลวกเส้น หม้อน้ำซุป ไม่ปนกัน ก็จบ คนไทยชอบอะไรง่ายๆ ประหยัดแก๊ส ก็เลยต้องเอามาอยู่หม้อเดียวกัน เลยต้องมีุุจุดเชื่อม จุดรั่ว รั่วก็เอาไปให้ช่างปะตะกั่ว ต่างประเทศเค้าไม่มีมานั่งคำนวณหรอกว่า ต้องกินกี่ชามถึงมีตะกั่วเท่านั้นเท่านี้ อยู่ระดับปลอดภัยหรือเปล่า   เค้าจะแบ่งของไปตรงๆเลย อันนี้ไม่ใช่ ฟู้ดเกรด ก็อย่ามามั่วนิ่มใช้ ไม่งั้นโดนฟ้อง จากคุณ : Dr.slump - [ 17 ต.ค. 50 13:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็นที่ 3   ลองดูจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ว่าเขาจะสมองเสื่อมเพราะพิษสารตะกั่วรึปล่าว? เพราะหม้อก๋วยเตี๋ยวเป็นของคนจีน รึว่าชาวจีนไม่ได้เอาตะกั่วมาบัดกรี?... ---------------------------------------------------------------------------- อย่าเอาคุณภาพชีวิตของพวกเราไปเทียบกับคนจีนเลย  เราเดินทางเข้าออกประเทศนี้นับสิบครั้งแล้ว  ที่นั่นคุณภาพชีวิตคนต่ำมาก   ขอให้มีกินไม่อดตายก็ดีแล้ว  ที่นั่นคนรวยคือพวกนายทุนและเจ้าของโรงงานที่มีอยู่ไม่มาก  ส่วนที่เหลือคือคนยากคนจนที่ส่วนใหญ่ทำงานเป็นกรรมกรตามโรงงานต่างๆ  เวลาเราจะไปกินอาหารในห้องอาหารที่เมืองจีน  เราจะต้องกินจนอิ่มก่อนแล้วจึง เข้าห้องน้ำ เพราะถ้าขืนเข้าห้องน้ำก่อนแล้วออกมา กินไม่ลงแน่ เพราะห้องน้ำที่นั่น โค  ตร  สกปรกจริง  เรียกว่าสุขล้กษณะของคนที่นั่นต่ำมาก......  บางโรงงานจะทำส้วมชายชนิดไม่มีการกั้นห้อง และไม่มี คอห่าน หากปวดอึให้เอาก้นไปหย่อนลงในรางเหมือนรางฉี่ของห้องน้ำชายแต่เตี้ยกว่า  แล้วอึได้เลยตามสบาย ไม่ต้องอายกัน เรียกว่า อึกันเรี่ยราดไปหมด นานๆมันจึงจะมีการปล่อยน้ำมาล้างกองอึพวกนั้นทีนึง  เราเดินเข้าไปนี่เห็นอึเป็นกองๆอยู่ หลายกอง เห็นแล้วสังเวสจริงๆ ดังนั้นจึงอย่าไปได้เทียบกับเมืองจีนเลยนะ   ส่วนประเทศที่เขาเป็นห่วงประชาชนเขาจริงๆนี่เขาจะมีกฎข้อห้ามชัดเจนเลยเช่นที่อเมริกานี่ผิวภาชนะที่ต้องสัมผัสกับอาหารนี่หากมีการบักรี สารที่ใช้บักรีจะต้องมีตะกั่วผสมอยู่ไม่เกิน 0.2 % จากคุณ : ekkie - [ 17 ต.ค. 50 13:35:42 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เฮ้อ สรุปว่ายังไม่ชัวร์ว่ากินก๋วยเตี๋ยววันละชามแล้วจะตายหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่ามีตะกั่วอยู่ในหม้อก๋วยเตี๋ยวเท่าไหร่ ถามแม่ค้าแกก้อคงไม่ได้มั้ง เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมขอเบิ้ลเป็น 2 ชามชดเชยวันนี้ที่ไม่ได้กินละกัน มื้อกลางวันพรุ่งนี้ก้อต้องมาม่าต้มยำทะเลไม่ใส่ปลาหมึก กะ เกาเหลาต้มยำไมใส่เครื่องใน ข้าวเปล่าไม่ต้อง เพราะกะลังลดความอ้วน ขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : nat1234 - [ 17 ต.ค. 50 18:02:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 confirm คห 23 เราเรียนอยู่จีน ห้องน้ำตามร้านอาหารแบบธรรมดานี่น่ากลัวมาก ถ้าอยากเข้าห้องน้ำ เราจะหาร้านMc หรือkfc เท่านั้นจริงๆ หรือ ถ้าคุณอยากซื้อพวกของย่างของปิ้งตามข้างถนน แล้วบอกเค้าใส่ถุง เค้าจะใส่ถุงพลาสติกหูหิ้วที่เป็นถุงเย็นเลยนะ นี่ถ้าแม่รู้ ว่าลูกกินอยู่แบบไหน คงได้กลับบ้านเลยล่ะ จากคุณ : น้องหมาลายจุด - [ 17 ต.ค. 50 21:39:00 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ข้อแก้ตัวนิดหนึ่งในฐานะคนหนึ่งที่อยู่ในทีมวิจัยนะครับ 1. ปริมาณตะกั่วที่พบเกินกว่ามาตรฐานครับ จริง ๆ แล้วร่างกายเราก็ขับตะกั่วออกได้ แต่ถ้าถามว่าออกได้หมดไหม ขอตอบได้ว่าไม่หมดครับ ยังเหลือตกค้างและสะสมอยู่ 2. เก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์หรือพูดง่าย ๆ ว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของหม้อก๋วยเตี๋ยวใช้การบัดกรีครับโดยใช้โลหะผสม ดีบุก-ตะกั่ว ในการบัดกรี ลองไปหาซื้อหม้อก๋วยเตี๋ยวดูก็ได้ครับ แล้วขอเขาดูด้านใน ตรงนี้คุณอาจจะเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว 3. การที่ตะกั่วละลายได้เนื่องจากการบัดกรีโลหะที่มีความต้านทานการกัดกร่อนแตกต่างกัน (ตะกั่ว- สเตนเลส) จะเร่งให้เกิดการกัดกร่อน โดยตัวที่ถูกกัดกร่อนคือตะกั่ว ซึ่งการกัดกร่อนจะทำให้ตะกั่วละลายออกมา 4. การพับหรือการบัดกรีด้านนอก ตรงบริเวณรอยต่อถ้ายังใช้ ตะกั่วเป็นสารเชื่อมประสานก็ยังมีตะกัวละลายออกมาอยู่ดีครับ ในกรณีของกระป๋องบรรจุอาหาร เขาใช้การพับก็จริง แต่มีซิลิโคนอุดตรงรอยต่อ ดังนั้นจึงกันการรั่วได้ สำหรับหม้อก๋วยเตี๋ยวการอุดด้วยซิลิโคนทำได้ลำบากครับ เนื่องจากบริเวณก้นหม้อสัมผัสกับเปลวไฟโดยตรง แล้วมีน้ำซุปอีกใช้โพลิเมอร์มาทำตรงนี้จึงไม่เหมาะ จากคุณ : gazz away - [ 17 ต.ค. 50 22:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จริง  ๆ แล้ววิธีการแก้มีอยู่ สองทาง อันแรกก็เชื่อม อันที่สองก็บัดกรีเหมือนเดิมแต่เปลี่ยน ลวดบัดกรีให้เป็นเกรดที่ใช้ในอาหารได้ (โลหะผสมเงิน) แต่ว่าราคามันก็แพงและก็อาจต้องซ่อม ดังนั้นการเชื่อมทิกจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ก็อย่างที่ทุกท่านเห็นราคามันก็แพงกว่ามาก แต่ราคาที่เห็นมันลดได้อีกครับ เพราะว่าขนาดหม้อที่เห็นมันใหญ่กว่าหม้อปกติที่ใช้กันโดยทั่วไป สำหรับหม้อที่ยกตัวอย่างมาจะเป็นต้นแบบ ถ้าผลิตจริงสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกครับ และถ้ายิ่งผลิตมาก ๆ ราคาก็จะลดลงมาอีกครับ ซึ่งโดยระยะยาวแล้วหม้อที่ผ่านการเชื่อมจะคุ้มกว่าครับ เนื่องจากไม่ต้องซ่อม และปลอดภัยสำหรับคนไทย  สิ่งที่น่าจะช่วยกันแก้คือสร้างความเข้าใจให้กับคนไทย  ผู้ผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยว ให้ผลิตและใช้หม้อที่ไม่ใช้การบัดกรีที่มีสารตะกั่ว รวมถึงถ้ามีคนช่วยปล่อยสินเชื่อ หรือช่วยเหลือในส่วนของภาระที่เพิ่มขึ้นตรงนี้  น่าจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยเราให้ดีขึ้น ถ้าสงสัยหรืออยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมจะหน้าไมค์หรือหลังไมค์ก็ติดต่อได้ครับ ยินดีให้คำตอบ จากคุณ : gazz away - [ 17 ต.ค. 50 22:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ได้ยินข่าวนี้ทีไร ผมคิดถึงอดีตสมาชิกท่านนึงของหว้ากอที่เคยออกมาเตือนเรื่องตะกั่วในหม้อก๋วยเตียวมานานแล้วทุกที จากคุณ : Some-One - [ 17 ต.ค. 50 23:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จริง ๆ ก็ทราบกันนานแล้วครับ เมื่อสามปีก่อนเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องคุยกันบนโต๊ะอาหารระหว่าง ผม รุ่นพี่ และก็อาจารย์ รุ่นพี่ผมเคยโทรไปแจ้ง อย แต่ไม่มีคนสนใจ ได้แต่รับเรื่องไว้ จากคุณ : gazz away - [ 17 ต.ค. 50 23:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สงสัยต่อไปนี้ คงจะหาก๋วยเตี๋ยวกินยากขึ้นนะ หรือไม่ก็แพงขึ้นแน่ๆ จากคุณ : thepong555 - [ 18 ต.ค. 50 00:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเป็นผู้ผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวที่ยังใช้ตะกั่วบัดกรีอยู่ ผมเคยไปดูงานที่สิงคโป แล้วไปดูโรงงานทำหม้อก๋วยเตี๋ยว หม้อก๋วยเตี๋ยวของเค้าส่วนใหญ่ยังใช้หม้อก๋วยเตี๋ยวที่ใช้ตะกั่วบัดกรีอยู่เลย คนในประเทศเค้าคงมีคุณภาพชีวิตต่ำหน้าดูเลยนะ แล้วการที่ใช้อาร์กอนในการเชื่อมส่วนใหญ่ต้องใช้สแตนเลส 304 tickness ขั้นต่ำ 1mm. ราคาต่อแผ่นประมาณ 3500 บาท ช่างที่เชื่อมอาร์กอนค่าแรงต่อวันประมาณ 400-500 ต่อวัน (ผมทำหม้ออาร์กอนอยู่ด้วย) ช่าง 1 คนใช้เวลาทำหม้อก๋วยเตี๋ยวเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 นิ้ว 1ใบใช้เวลาทำประมาณ 2 วัน ค่าแรงกินเข้าไปแล้ว 800-1000 บาทต่อใบ บวกกับแผ่นสแตนเลสอีก (ราคาก็มีแนวโนมจะขึ้นอีก ขึ้นอยู่กับอารมณ์ THAINOX กับราคานิเกลในตลาดโลก) รวมกันก็ 4000 กว่าเข้าไปแล้ว ไหนจะค่าขนส่ง (ค่าน้ำมันที่มีแนวโน้มจะขึ้นทุกวัน,LPG,NGV ที่ราคากำลังจะลอยตัวอีก) ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก รวมกันต้นทุนก็ราวๆ 5000 กว่าบาท แล้วที่ขายตามท้องตลาด ราคาคงไม่ต่ำกว่า 6000-8000 บาทต่อใบ แล้วคนจนๆที่หาเช้ากินค่ำ ที่ต้องการทำอาชีพที่ลงทุนต่ำ พอมีกำไรมาเลี้ยงครอบครัว เค้าจะทำยังไงกัน ยิ่งตอนนี้ข้าวของต่างๆยังจะมาขอขึ้นราคาอีก ไม่ตายหรอ แล้วที่ว่าจะให้เงินกู้ยืมในการลงทุน พวกท่านคงคิดว่าคนไทยคงเป็นหนี้กันยังไม่พอใช้มั้ย ผมยอมรับนะครับว่าหม้อก๋วยเตี๋ยวที่ใช้ตะกั่วบัดกรี อาจจะมีสารตะกั่วปะปนอยู่จริง แต่ในปริมาณเท่าไรไม่สามารถได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆคือ - คุณภาพของตะกั่วที่นำมาใช้บัดกรี ผมไม่ทราบว่ามีกีเกรด แต่ที่ผมใช้คือ 60/40 กับ 50/50 (ตัวแรกคือดีบุก ตัวหลังคือ ตะกั่ว คิดเป็น%) ตัวละลายดีกว่าแต่ราคาแพงกว่า ส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ 50/50 เพราะราคาถูกกว่า(ราคาประมาณ 200บาทต่อกิโล) - คุณภาพของสแลนเลสที่นำมาใช้ (ปัจจุบันมี 2 เกรดที่นำมาใช้ทำหม้อก๋วยเตี๋ยวคือ เกรด304 และ เกรด202 ซึ่งนิยมนำมาใช้มากว่า 304 เพราะมีราคาถูกว่ามาก) ในปัจจุบันต้องอาศัยการนำเข้าสแตนเลสเข้ามาใช้ในประเทศเพียงอยางเดียว เพราะไม่สามารถหล่อมใช้เองได้ จึงมีการนำเข้าสแตนเลสที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาในราคาถูกแล้วมาขายในประเทศในราคาแพง โดยอ้างว่าราคานิเกลในตลาดโลกขึ้นราคา (ราคาสแตนเลสมักขึ้นลงตามราคานิเกลในตลาดโลกประมาณ 90%) ปรกติสแตนเลสเกรด 304 จะมีนิเกล 8% ในไทยมีนิเกลอยู่ไม่ถึง 6% เลย ส่วนเกรด 202 ต้องมีนิเกล 4% ที่ตรวจมาบางแผ่นมีไม่ถึง 1% เลย ถ้าไม่เชื่อลองไปถามโรงที่รับซื้อสแตนเลสที่เครื่องตรวจได้เลย เค้าจะบอกหมด และถ้าคุณภาพของสแตนเลสไม่ดีอาจมีสารพิษอื่นๆเป็นของแถมได้ เช่น โครเมียม นิเกล แมกกานีส - วิธีการใช้งาน ส่วนใหญ่จะปล่อยให้น้ำในหม้อแห้งทำให้ตะกั่วที่บัดกรีไว้ละลายออกมาได้,การเร่งไฟให้แรงเพื่อที่จะทำให้น้ำในหม้อเดือดเร็วๆทำให้ตะกั้วสามารถละลายออกมาได้เช่นกัน - วิธีการดูแลรักษา เวลาทำความสะอาด ทำความสะอาดไม่ทั่วถึงทำให้มีผลกับตะกั่วได้ ตอนนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าก๋วยเตี๋ยวที่ทำในหม้อที่ใช้ตะกั่วบัดกรี ที่พวกเรากินกันมาตั่งแต่ รุ่นคุณปู่ รุ่นคุณพ่อ คนจน คนรวย ดอกเตอร์ คนไม่มีโอกาสได้เรียน รัฐมนตรี นักการเมือง ประชาชนคนธรรมดา ฯลฯ ทำให้ IQต่ำ ปัญญาอ่อน กันซักคน โดยเฉพาะพวกนักการเมืองนี้แหละชอบกิน.........นักแล ***อ้อลืมไปพวกสถากาแฟ (หม้อกาแฟใช้ตะกั่วบัดกรีดหมือนกัน) ด้วยเห็นแต่ละคนฉลาดดีอ๊อก*** ***อย่าลืมหม้ออลูมิเนียมด้วยนะ พวกนี้อันตรายพอกัน*** ปล.เรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผมมากนักเพราะผมทำธุรกิจอื่นๆอีกหลายอย่าง ถ้าไม่ให้ทำก็ไม่ทำ ทำอย่างอื่นก็ได้หว้า "แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้มีอารายแปลกๆเกี่ยวกับวงการเครื่องครัวสแตนเลสน้า" จากคุณ : thepong555 - [ 18 ต.ค. 50 04:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ***** แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 04:02:55 จากคุณ : thepong555 - [ 18 ต.ค. 50 04:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตะกั่วสามารถละลายออกมาได้ครับ คุณ thepong ลองดูรูปที่ผมเอามาลงได้ครับ จะเห็นได้ว่าตะกั่วที่ละลายออกมามีค่าสูงกว่ามาตรฐาน ซึ่งอันตรายจากตะกั่วจะมากหรือน้อย ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการขับตะกั่วออกจากร่างกาย และอีกอย่างหนึ่งคือ ปริมาณตะกั่วที่อยู่ในร่างกายเมื่อเทียบกันน้ำหนักตัว ในส่วนของทำไมสมัยก่อนเขาก็กินกันเย๊อะแยะไม่เห็นเป็นอะไร ผมคิดว่าตรงนั้นอาจจะยังไม่อันตรายเท่าไหร่ เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่ได้หาก๋วยเตี๋ยวทานได้ง่ายขนาดปัจจุบันครับ ตรงนี้การสำหรับผมว่ายังไม่น่ากลัวมากนัก จากตรงนี้พูดง่าย ๆ ว่าถึงรับประทานตะกั่วเข้าไป บางคนอาจจะสะสมมากจนเกินอันตราย บางคนอาจจะไม่เป็นอะไรเลย แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนไม่ปรับปรุง แล้วมีใครอยากเป็นผู้โชคดีคนนั้นบ้างครับ สำหรับในส่วนของหม้อต้มกาแฟ ผมก็จำลองการทดลองครับ ว่าตะกั่วจะออกมามากหรือน้อย จากผลมันก็มีการละลายครับ แม้จะไม่สูงเกินกว่ามาตราฐาน แต่ก็ยังละลายมากกว่าครับ จากคุณ : gazz away - [ 18 ต.ค. 50 06:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สำหรับเรื่องการทำไมตะกั่วถึงออกมาได้ จริง ๆ แล้วไม่ต้องรอให้น้ำแห้งครับ เนื่องจากการที่ตะกั่วออกมาได้เป็นผลมาจากการเกิดการกัดกร่อนแบบกัลวานิก ซึ่งเกิดขึ้นได้เมื่อมีการนำโลหะสองตัวที่มีคุณสมบัติความต้านทานการกัดกร่อนแตกต่างกัน โดยหากเชื่อมต่อโลหะสองตัวนี้เข้าด้วยกัน โลหะที่มีความต้านทานการกัดกร่อนต่ำจะถูกกัดกร่อนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในที่นี้ตัวที่ถูกกัดกร่อนก็คือตะกั่ว  และก็ทำให้เราต้องเอาตะกั่วไปอุดเพื่อซ่อมหม้อก๋วยเตี๋ยวบ่อย ๆ จากคุณ : gazz away - [ 18 ต.ค. 50 06:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วคุณ thepong ครับ สเตนเลสไม่ว่าทั้ง 304 และ 202 ก็ผสมโครเมียม แมงกานีส นิกเกิล เหมือนกันครับ แต่ว่าใส่แต่ละธาตุในปริมาณแตกต่างกัน   ซึ่งถ้าเราใช้ตัวที่มันเหมาะตรงนี้โลหะมันก็ไม่ได้หลุดง่ายเหมือนกับการบัดกรีด้วยตะกั่วครับ ในส่วนของเรื่องสเตนเลส เรื่องเกรด 202 กับ 304 ตรงนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ ที่ควรสนใจ เพราะว่ามีการหลอกขายสเตนเลสเกรด 202 ว่าเป็น 304 กันมาก ซึ่งจริงๆ แล้วคุณสมบัติการกัดกร่อนมันแตกต่างกันอย่างมาก โดย 202 ราคาถูกกว่า แต่การกัดกร่อนต่ำกว่ามาก และไม่ควรนำมาใช้ในการทำอาหาร ซึ่งตรงนี้สำหรับร้านทั่วไป ก็แยกกันยากครับ เนื่องจากมันดูดแม่เหล็กไม่ติดทั้งคู่ แต่จริง ๆ แล้ว วิธีการเช็คหน้างานมันก็มีครับ โดยใช้น้ำยาตรวจสอบ ก็จะแยกได้ อีกอย่างหนึ่งคือถ้าเราลองเจียรผิวหน้าชิ้นงานออก ลองสังเกตุ ประกายไฟดูก็ได้ครับ จะเห็นได้ว่าประกายไฟที่ออกมาแตกต่างกัน แก้ไขในส่วนที่ตก แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 17:56:50 จากคุณ : gazz away - [ 18 ต.ค. 50 06:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 36 2000 ppb = 2 ppm นั่นก็เยอะโขอยู่ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ คุณ gasss away จะได้เอาไปขยายความต่อ จากคุณ : vandyman - [ 18 ต.ค. 50 08:00:52 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณgass away สแตนเลส เกรด 304 และ 202 แม่เหล็กดูดไม่ติดนะครับ ส่วนการแยกแยะว่าเป็น 304 หรือ 202 นั้นขั้นต้นให้ดูที่สีผิวของชิ้นงานครับ เกรด 304 จะมีความเงามากกว่า เกรด 202 อย่างเห็นได้ชัด ผิวของเกรด 202 จะออกขาวๆฝ่าๆไม่มีความเงา เพราะมีแมงกานิสผสมอยู่มาก มีโครเมียมผสมอยู่น้อยกว่ามาก ส่วนเกรดที่แม่เหล็กสามารถดูดติดและนิยมนำมาใช้คือเกรด 430,4xx ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Ferritic มีคาร์บอนผสมในปริมาณที่ต่ำ และมีโครเมียมเป็นส่วนผสมหลัก(ประมาณ 12%-18%ตามมาตาฐาน) มีนิเกลผสมอยู่น้อยมากจนถึงไม่มีเลย จึงทำให้เกรดนี้ทนต่อการกัดกร่อนได้น้อยกว่าเกรดอื่น สแตนเลสเกรดนี้นิยมนำมาใช้ทำพวกเตาปิ้ง จาน ช้อน กะละมัง ฯลฯ เพราะขึ้นรูปง้าย และราคาถูก จากคุณ : thepong555 - [ 18 ต.ค. 50 09:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมทราบอยู่แล้วครับว่าแม่เหล็กดูดไม่ติด ผมถึงไม่ได้บอกว่าให้ใช้แม่เหล็กในการตรวจสอบ และคนซื้อสเตนเลสก็ถูกหลอกให้ซื้อเหล็กซี่รีย์ 2XXX กันมาก  ผมถึงได้บอกวิธีตรวจสอบอื่น ๆ ที่พอจะทำได้ครับ สำหรับการบอกสีมันค่อนข้างดูลำบาก และต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ถ้าในกรณีที่มีชิ้นงานทดลองเจียรจะแยกได้ชัดกว่า หรือการใช้น้ำยาในการตรวจสอบจะดีกว่า โดยจริง ๆ แล้วทางจุฬา เขาก็มีการพัฒนาน้ำยาในการตรวจสอบเบื้องต้น ที่มีราคาถูกไว้เหมือนกันครับ เพียงแต่ว่ามันยังไม่ออกมาเป็นข่าวหรือการค้า สำหรับเกรด 202 หรือที่เรียกว่าสแตนเลสอินเดีย ที่แม่เหล็กดูดไม่ติดเพราะว่า เขาเติมแมงกานิสซึ่งเป็นธาตุที่ทำให้โครงสร้างของออสเตนไนท์สถียร์ แม่เหล็กจึงดูดไม่ติดเช่นเดียวกับเหล็ก 304 หรือซี่รีย์ 3XXX แต่ความต้านทานการกัดกร่อน ของเหล็กซีรีย์ 2XXX จะต่ำกว่ากว่าซี่รีย์ 3XXX มาก และยังต่ำกว่าเกรด 4XXX ซึ่งเป็นกลุ่มเฟอริติกอีก  ดังนั้น เรื่องนี้เลยน่ากลัวในการนำไปเหล็กเกรด 2XXX ในการผลิตแทนสแตนเลสซี่รีย์ 3XXX ครับ จากคุณ : gazz away - [ 18 ต.ค. 50 09:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณครับ จากคุณ : srich - [ 18 ต.ค. 50 12:33:22 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อยากได้ร้านที่รับทำหม้อก๋วยเตี๋ยวไร้สารตะกั่วสามารถสั่งทำได้ที่ไหนบ้างค่ะ จากคุณ : แจ๋ว - [ 25 ต.ค. 50 16:31:35 A:124.120.151.247 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 เสริม ข้อความของคุณ ผู้นี้นะครับ ในข่าวต่างๆ ตามสื่อนั้นให้ข้อมูลไม่ถูกต้องด้วย "นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า การที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีคำสั่งชั่วคราวห้ามใช้เครื่องทำน้ำเย็นน้ำอุ่นในโรงเรียน เครื่องต้มน้ำ หม้อก๋วยเตี๋ยว เครื่องชงกาแฟที่ใช้สารตะกั่วบัดกรี ว่า ในธรรมชาติมีสารตะกั่วปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม ดังนั้น อย.จึงกำหนดมาตรฐานที่ยินยอมให้ปนเปื้อนในอาหารได้ไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม น้ำดื่มไม่เกิน 0.1 มิลลิกรัมต่อลิตรเพื่อความปลอดภัย" ซึ่งจริงๆ แล้ว ในมาตรฐานน้ำดื่มของไทย (มอก.257-2549) กำหนดให้มีตะกั่วปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.01 มก./ล. ในมาตรฐานน้ำดื่มของอเมริกา กำหนดให้มีตัะกั่วปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.015 มก./ล. (ไทยเรามาตรฐานดีกว่าอเมริกาแฮะ เรื่องนี้) ซึ่งในมาตรฐานนั้น กำหนดปริมาณการบริโภคตะกั่วจากการคำนวนโดยใช้ฐาน - โดยเฉลี่ยคนเราดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร - น้ำหนักคนโดยเฉลี่ย 70 กก. - ระยะเวลาการบริโภคเฉลี่ย 30 ปี ค่ามาตรฐาน 0.01 หรือ 0.015 มก./ล. นั้นคำนวนมาโดยหารด้วยค่าความปลอดภัย (Safety Factor) 1,000 เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าค่าความเข้มข้นของตะกั่วในน้ำที่จะทำให้เราเจ็บป่วยได้จริงๆ 100% (เจ็บป่วยแบบ Chronic ด้วย) คือ 10 มก./ล. หรือ 10 ส่วนใน 1,000,000 ส่วน ถ้าเราบริโภคน้ำดื่มที่มีปริมาณตะกั่วปนเปื้อน 0.01 มก./ล. ทุกวันๆ แล้วล่ะก็ เรามีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคตะกั่วเป็นพิษเท่ากับ 1/1,000 หรือ 0.1% ซึ่งค่าความน่าจะเป็นนี้ถึงแม้จะต่ำ แต่ในวงการสาธารณสุขแล้วถือว่าค่อนข้างสูง (100 cases/100,000 คน) ในสารเคมีหรือสารพิษบางอย่างที่ผลทางคลินิคไม่ชัดเจน อาจต้องหารค่าความปลอดภัย 1,000,000 สำหรับการบริโภคสารนั้น นั่นหมายถึงมีความเสี่ยงหรือความน่าจะเป็นคือ 1/1,000,000 แต่สำหรับตะกั่วแล้ว มีผลการศึกษาทางคลินิคค่อนข้างมาก ความเชื่อมั่นสูง และตะกั่วไม่ใช่สารก่อมะเร็ง จึงใช้ค่าความปลอดภัยเพียง 1,000 เพราะฉะนั้น อัตราความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการบริโภคน้ำดื่มที่ปนเปื้อนตะกั่วเป็นก็คือ - เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 0.1% ถ้าน้ำดื่มนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อน 0.01 มก./ล. - เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 100% ถ้าน้ำดื่มนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อน 10 มก./ล. และอัตราความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการบริโภคน้ำดื่มที่ปนเปื้อนตะกั่วเป็นดังนี้ 1. เราต้องกินก๋วยเตี๋ยววันละ 4 ชาม ซึ่งมีน้ำก๋วยเตี๋ยวประมาณ 2 ลิตรเท่ากับน้ำดื่มที่เราบริโภคในแต่ละวัน (ก๋วยเตี๋ยว 1 ชามมีน้ำก๋วยเตี๋ยวประมาณ 500 ซีซี) จะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 0.1% ถ้าน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อน 0.01 มก./ล. 2. ถ้าเรากินก๋วยเตี๋ยววันละ 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวนั้นจะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 0.1% ก็ต่อเมื่อน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อนอยู่ 4 x 0.01 มก./ล. = 0.04 มก./ล. 3. ถ้าเรากินก๋วยเตี๋ยววันละ 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวนั้นจะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 100% ก็ต่อเมื่อน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อนอยู่ 1,000 x 0.04 = 40 มก./ล. 4. ถ้าเรากินก๋วยเตี๋ยวสัปดาห์ละ 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวนั้นจะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่ว 0.1% ก็ต่อเมื่อน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อนอยู่ 7 x 4 x 0.01 มก./ล. = 0.28 มก./ล. 5. ถ้าเรากินก๋วยเตี๋ยวสัปดาห์ละ 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวนั้นจะทำให้เรามีโอกาสเป็นโรคพิษตะกั่วแน่ๆ 100% ก็ต่อเมื่อน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีปริมาณตะกั่วปนเปื้อนอยู่ 1,000 x 0.28 มก./ล. = 280 มก../ล. ดังนั้น ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่า น้ำดื่ม หรือ น้ำก๋วยเตี๋ยว ที่เราบริโภคนั้นมี "ความเข้มข้น" หรือ "ปริมาณปนเปื้อน" เท่าไร และใช้ความเข้มข้นหรือปริมาณปนเปื้อนนี้เป็นข้อมูลในการคำนวนความน่าจะเป็นก่อนที่จะห้ามขาย ห้ามจำหน่าย ห้ามผลิต ห้ามใช้ บางที ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยเนื่องจากบริโภคก๋วยเตี๋ยวที่ใส่ถั่วคั่วที่มีอะฟลาท็อกซิน อาจมากกว่าความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากการบริโภคก๋วยเตี๋ยวที่มีน้ำตะกั่วก็ได้ ดังนั้น ยังตอบคำถามของเจ้าของกระทู้ไม่ได้ จนกว่าจะทราบว่าในน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นมีตะกั่วปนเปื้อนเท่าไร และไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะตายตอนอายุเท่าใด เพียงแต่จะบอกได้ถึงความน่าจะเป็นที่จะเจ็บป่วย จากข้อความข้างต้น ผมสามารถคำนวนว่า หม้อก๋วยเตี๋ยว 1 ใบ ใช้ตะกั่วผสมดีบุก 50:50 ประมาณ 1 แท่ง น้ำหนัก 250 กรัม นั้นหมายความว่ามีตะกั่วที่ใช้บักรี ประมาณ 125 กรัมต่อหม้อ 1 ใบ (รวมทั้งนอกหม้อและในหม้อ ) เพราะฉะนั้น เวลาเขาต้มน้ำซุปนี่ปกติไฟจะทำให้ตะกั่วละลายก็ต่อเมื่อ ในหม้อไม่มีน้ำ โอกาสจะทำให้สารตะกั่วปนเปื้อน นั้นแทบไม่มีเลย หรือมีก็น้อยมาก อาจจะปะมาณ ซักมากสุด 1 % สรุปดังนั้น ปริมาณตะกั่ว ใหนหม้อ 1 ใบใช้น้ำประมาณ 35 ลิตร มีโอกาสมีตะกั้วปนเปิ้อนประมาณ 1% x 125 กรัม = 1.25 % ถ้าน้ำ 1 ลิตร = 1.25/35=0.036 กรัม ต่อก๋วยเตี๋ยวทั้งหม้อ แล้วถ้าน้ำก๋วยเตี๋ยว 1 หม้อ 35 ลิตร ทำก๋วยเตี๋ยวได้ 35 ชาม (ลิตรละชาม) นั้นหมายความว่า 0.036/35 = 0.001กรัม ต่อก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ดังน้ำนั้นหมายความว่า โอกาส ติดสารปนเปื้อน 0.01 กรัม ต่อก๋วยเตี๋ยว 1 ชามแทบไม่มีเลย เพราะที่คำนวนให้นี่ เป็นอย่างน้อยด้วยนะครับ ที่เรารู้เพราะว่า เราเป็นผู้ผลิต แถมผมบักรี หม้อพวกนี้ มาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ถ้าจะตายต้องตายนานแล้ว ครับ และตายก่อนคนกินด้วย และถ้า ท่านใดสนใจหม้อก๋วยเตี่ยวทีไม่มีสารตะกั่วโดยวิธีการเชื่อมนะ ก็ติดต่อเราได้ www.sdstainless.com มีขายทุกรูปแบบ จากคุณ : somchay2517@yahoo.co.th - [ 15 พ.ย. 50 13:05:02 A:58.8.189.107 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถึงคุณสมชายครับ   ในกรณีของเรื่องสารตะกั่วในหม้อก๋วยเตี่ยวคุณสมชายเข้าใจผิดไปในหลายประเด็นดังนี้ครับ 1) ในส่วนของปริมาณตะกั่วที่ละลายออกมาอยู่ที่ปริมาณ 2000 ppb ซึ่งมีค่าเท่ากับ 2 ppm หรือ 2 มิลลิกรัมต่อลิตร (mg/L) (ดูจากข่าวที่ผมเอามาแปะไว้ก็ได้ครับ) ซึ่งแน่นอนมันเกินค่ามาตรฐาน 2) พิษของตะกั่วมีตั้งแต่ไม่รุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิต (ดูจากภาพประกอบนะครับ) ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีใครตายเพราะพิษตะกั่วหรอกครับ เนื่องจากมันต้องรับในปริมาณมากในทันที  แต่พิษอย่างอื่น ๆ เช่น การลดต่ำลงของ ไอคิว หรือพัฒนาการทางร่างกาย (โดยเฉพาะเด็ก) ตรงนี้มีผลกระทบแน่นอนเนื่องจากแค่มีปริมาณตะกั่วในเลือด (10 ไมโครกรัม/ลิตร) ก็สามารถทำให้เกิดพิษในเด็กได้แล้ว   3) ในทางการแพทย์แล้วแต่ละคนก็สามารถรับปริมาณตะกั่วได้มากน้อยไม่เท่ากัน บางคนมีอาการ แต่บางคนก็ไม่มีอาการ แต่ ในกรณีแบบนี้มันไม่มีป้ายบอกว่าใครทานก๋วยเตี๋ยวแล้วจะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และแน่นอนผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น 4) การละลายของตะกั่วลงในน้ำซุป เกิดจากการกัดกร่อน (นึกภาพของการจุ่มเหล็กลงในน้ำนะครับ เหล็กจะเกิดสนิมและมีอิออนของเหล็กละลายออกมาในน้ำ) ซึ่งเกิดในรูปแบบการกัดกร่อนแบบกัลวานิก   โดยที่การละลายไม่จำเป็นต้องรอให้น้ำแห้งและสัมผัสกับไฟแรง (ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คนขายก๋วยเตี๋ยวก็คงจะดีใจที่ไม่ต้องซ่อมหม้อก๋วยเตี๋ยวบ่อย ๆ) จากคุณ : gazz away - [ 21 พ.ย. 50 07:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 43 หวัดดีครับ ท่าทาง คุณ gazz away ทำงานที่ m.. ใช่ไหมครับ ท่าใช่ผมอยากจะถาม คุณนะครับ (ท่าไม่ใช่ก็ไม่ต้องตอบนะครับ) 1. ทำไมการตรวจสอบตะกั่ว ของ m... ไปให้ หน่วยงาน ของ รัฐเค้ารับรองการตรวจสอบแต่เค้าไม่ร้บรองให้ ทำไมเค้าไม่รับรองครับ (ท่าไม่มีคำตอบผมจะเฉลยให้ที่หลัง) 2. ใช้อะไรมาตรฐานอะไรในการหาสารตะกั่วครับ 3.ประเทศไทยมีมาตรฐานในการใช้สารตะกั่วไหมครับ สิ่งที่ผมตั้งข้อสังเกตุ ผมไม่ได้ขัดคานไม่ให้ใช้สารตะกั่วนะครับ เห็นด้วยทุกอย่างครับ แต่สิ่งที่ ทาง M.... เค้าออกมานั้น อยากจะรู้ครับว่า มีกระทรวง หรือหน่วยงานไหนรับรองไหมครับ สคบ. กระทรวงวิทย์ สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่การ ดิสเคดิสทางเค้านะครับ ผมคิดว่า เค้าอยากให้ประชาชน มีสุขภาพ แข็งแรง สิ่งที่ผมประสบ และเจอกับตัวเอง ผมไม่ได้ว่าใครทั้งสิ้น การทำงานของภาครัฐ เป็นอย่างไรคุณก็ ๆ รู้กันอยู่ การที่ร่วมมือกับชายสี่ผลิตหม้อ ผมถามหน่อยนะครับว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เท่าที่รู้ คงจะหาคนมารับงานผลิตอยู่ครับ วงการนี้ มันแคบนะครับ ใครกระติดตัว ก็รู้กันทั่ววงการครับ อิอิอิ ผมไม่ได้เบียงเบนประเด็นนะครับ แต่อยากจะให้คิดหน้า คิดหลังนะครับว่า อย่างไร เท่าที่รู้มาในที่ประชุม ผู้ประกอบการ มีข้อมูล เยอะ มาก ๆๆๆ สุดท้ายนี้ อยากจะฝาก อะไร ให้คิดอย่างนะครับ - ท่าจะทำอะไรให้สังคม ให้ประชาชน จริง ๆ โดยที่ไม่หวังอะไร ก็ทำด้วยความจริงใจ ทำเพื่อสังคมจริง ๆ อย่าหาประโยชน์กับ คนชั้งล่างเลย คนชั้นล่าง เค้าจะไม่มีกินกันแล้วนะครับ ทำมาหากินครับ - เห็นด้วยกับการไม่ใช้สารตะกั่วนะครับ ปล. ตอนนี้จะไม่มีหม้อก๋วยเตี๋ยวปลอดสารตะกั่ว จะเป็นดีบุก อย่างเดียว ราคาอาจจะแพงกว่านะครับ แต่แพงกว่าไม่มาก อิอิอิ เชื่อม tig มันปวดตาครับ รอคุณ gazz เสมอ จากคุณ : คนหาเช้ากินค่ำ - [ 23 พ.ย. 50 18:40:23 A:58.9.58.33 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคุณหาเช้ากินค่ำครับ ไม่ต้องใช้ตัวย่อก็ได้ครับ  ผมทำงานที่ MTEC หรือศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ 1) สำหรับผลที่ออกมาของเอ็มเทค นั้นเป็นการทำเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีตะกั่วละลายออกมาจริง และเกินกว่าค่ามาตรฐานที่ทาง อ.ย. หรือหน่วยงานอื่น ๆ กำหนด  โดยมาตรฐานสำหรับการตรวจสอบจริง ๆ แล้วยังไม่มีหน่วยงานใด ๆ สร้างเป็นมาตรฐาน ซึ่งหน้าที่สำหรับการสร้างมาตรฐาน ก็คงไม่ใช่หน่วยงานผมเป็นคนสร้าง คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็คือ สมอ. ซึ่งจากการประชุมก็คาดว่าทางเอ็มเทคก็คงจะต้องเข้าเป็นกรรมการด้วย 2) เครื่องมือที่ใช้ในการหาปริมาณตะกั่วคือเครื่อง VA (Voltammetry) ซึ่งสามารถใช้ตรวจสอบโลหะหนักได้ในระดับ ppb หรือ หนึ่งในพันล้านส่วน  แล้วก็มีการคาลิเบรท เครื่องทุกปี 3) ประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานการใช้สารตะกั่วครับ จากคุณ : gazz away - [ วันลอยกระทง 12:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สำหรับในส่วนของการตั้งข้อสังเกตนะครับ  ผมขอตั้งข้อสังเกตบ้างนะครับ 1) ทำไมผู้ผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวรู้ทั้งรู้ว่ามีหม้อใช้ทำอาหาร ทำไมยังใช้ตะกั่วในการทำ เพราะคนทั่วไปก็ทราบดีถึงพิษของตะกั่ว  และก็ไม่มีประเทศไหนที่เขาใช้ตะกั่วสัมผัสกับอาหารโดยตรง 2) สำหรับชายสี่เขาก็สั่งหม้ออยู่นะครับ ก็จะมีโครงการเปลี่ยนทั้งหมด ลองสอบถามเขาดูนะครับ อ้อ แล้วถ้าโทรไปสอบถาม รบกวนสอบถามเขาด้วยนะครับ ว่าทางเอ็มเทคเข้าไปคุยกับเขาเมื่อไหร่ ก่อนหรือหลังที่ข่าวเรื่องนี้จะดังออกมา และเอ็มเทคเป็นหน่วยงานของรัฐเราก็คงจะไม่ได้รับเงินจากการที่ชายสี่ออกมาแถลงข่าวร่วมกันหรอกครับ  ถ้าคุณจะมองในแง่ของบุคคลากรที่ทำงาน คุณสามารถแจ้งทางหน่วยงานเกี่ยวข้องก็ได้นะครับ ให้เขาช่วยตรวจสอบดูว่ามีบุคคลากรท่านใดรวยผิดปกติหรือเปล่า  และอยากถามคุณคนหาเช้ากินค่ำว่า เอ็มเทคทำอย่างนี้ได้ประโยชน์อะไรจากชนชั้นล่างครับ 3) ในส่วนข้อมูลของผู้ประกอบการเราก็ฟังครับ  ถ้าคุณเข้าประชุมก็จะรู้ว่าทางเอ็มเทคเสนอให้เชื่อมทิก แต่ไม่ขัดข้องที่จะใช้สารที่ไม่มีตะกั่ว แต่ก็มีข้อสังเกตุให้ว่าถ้าใช้วิธีการบัดกรีอ่อน เหมือนเดิน บริเวณรอยต่อก็จะมีการละลายของดีบุกออกมาในหม้อก๋วยเตี๋ยวอยู่ดี ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่าค่าดีบุกที่ออกมานั้นจะเป็นอย่างไร และคุ้มไหมที่ต้องซ่อมหม้อบ่อย ๆ  นอกจากนี้ผู้ผลิตลวดบัดกรีที่คุณบอกว่าไม่มีตะกั่ว ก็ยังเป็นผู้ผลิตรายเดิมกับผู้ผลิตลวดบัดกรีแบบที่มีตะกั่ว และจากการตรวจสอบก็ยังพบว่าลวดเติมดังกล่าวยังมีการปนเปื้อนของตะกั่วอยู่  แม้ว่าจะมีค่าต่ำ แต่ก็ยังมีตะกั่วละลายออกมาได้อยู่  แล้วในทางปฏิบัติแล้วเราแยกออกลำบากครับระหว่างหม้อที่มีตะกั่วกับหม้อที่ยังมีตะกั่วอยู่หากยังใช้วิธีบัดกรีเหมือนเดิม 4) สำหรับเรื่องหม้อก๋วยเตี๋ยวซึ่งตอนนี้มีราคาแพง ข่าวดีก็คือ ราคาหม้อจะมีราคาประมาณ 3000-4500 ครับ โดยหม้อจะหนาประมาณ 0.8 ม.ม. ทนกว่าเดิม โดยทางเอ็มเทคเสนอใช้สเตนเลสเกรดใหม่ ซึ่งมีคุณสมบัติ ใกล้เคียง สเตนเลสเกรด 304 แต่ราคาถูกกว่าเกรด 201 202 (เกรดนี้มีผู้ผลิตบางราย นำมาใช้ผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวซึ่งไม่เหมาะ) 5) สำหรับการช่วยเหลือตอนนี้ทางรัฐบาลก็รับหลักการ และจะมีโครงการช่วยเหลือตามมาอีกทีหนึ่ง โดยจากการประชุมก็จะมีการช่วยเหลือให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด (จากที่ได้ยินมาตรารช่วยเหลือจากที่ประชุมดีกว่าที่พวกผมได้คิดไว้) และข้อสรุปที่ผมอยากจะถามนะครับว่า  ผู้ผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวมีความจริงใจ แค่ไหนในการแก้ไข้เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย  หรือ คิดว่าถ้าทำได้ก็ดี แต่ถ้าทำแล้วมันทำยากขึ้น ทำลำบากมากขึ้น ก็ไม่พร้อมที่จะปรับตัว และก็ขอเลือกวิธีที่ง่าย ๆ แต่กำไรมากเหมือนเดิมดีกว่า จากคุณ : gazz away - [ วันลอยกระทง 12:54:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณ คุณ gazz มาก ๆ ครับ ที่ให้คำตอบ ผมอยากจะอธิบาย คุณ gazz ว่า ข่าวจริง ๆ เรื่องตะกั่ว มีมาประมาณ 3 -4 ปีได้ ทุกคนปรับตัวกันหมดแต่ตัวข้อจำกัดต่าง ๆ การหาวัตถุดิบทดแทน เงิน บุคลากร การแข่งขัน และที่สำคัญคือ ความรู้ ของผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่ผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวเค้าใช้กันมานาน ตั้งแต่หม้อยังไม่ได้เอาสแตนเลส มาทำ แล้วเปลี่ยนมาใช้สแตนทำ แล้วบัคกรีด้วยตะกั่ว เมื่อ 30 กว่าปีได้ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปใช้ตัวอื่นนะครับ ผมถามเค้าทุกเจ้า เค้าอยากจะเปลี่ยนทุกคนละครับ แต่ติดที่ ไม่มีหน่วยงานของรัฐ และเอกชนไปให้ความช่วยเหลือกับเค้า ให้ความรู้และช่วยเหลือ นำเข้าวัตถุดิบที่ทดแทน กันได้ ซึ่งสมัยนั้นไม่มี คนพวกนี้ ทำงานจนตั้งแต่เป็น เด็ก อายุ 15 จน แก่ อายุ ก็ 50 กว่า 60 ปีกันทุกคน หนังสืออ่านออกก็ดีแล้ว เด็กบ้านนอก มาตัวเปล่า การศึกษา ก็จบแค่ป.4 ความรู้ ไม่ต้องพูดถึง เอาตัวเค้าแลก มีภาระต้องดูแล มีหนี้สินที่ต้องจ่าย เหมือน เรา ๆ ท่าน ๆ ละครับ จะเอาเวลาไหนละครับไปหาข้อมูล แค่ทำมาหาเงินไปวัน ๆ ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ดีหน่อยก็พ่อแม่ทำอยู่แล้ว ทำมาให้เห็นตั้งแต่เกิด นี้คือข้อจำกัด ที่พวกคนเหล่านี้ ที่ทำงานมานานมาก เลยครึ่งชีวิตของเค้า ท่าจะว่าก็ว่าครับ เพราะนี้คือชีวิตจริง ๆ 2.เรื่องชายสี่ สิ่งที่ได้ยินจากพนักงาน m.... ซึ่งหลุดปากออกมาเอง อันนี้จะเชื่อไม่เชื่อเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมอาจจะโกหกก็ได้ครับ ผมไม่สามารถทำให้ใครเชื่อได้ครับ 3.ท่าอย่างที่คุณ gazz พูดก็แสดงว่า ยังไม่รับรอง ดีบุกใช่ไหมครับ แม้ว่าจะมีค่าต่ำ อืมอันนี้น่าติดตาม ไม่ทราบจะต้องใช้เวลานานเท่าไร แล้วผู้ประกอบการมีการเข้าไป ทั้งคนผลิต หม้อก๋วยเตี๋ยว กี่ราย( เท่าที่ทราบในตลาด มีไม่กี่ราย) และ ผู้ผลิต ลวดเติม ได้เข้ารวมการวิจัยรึเปล่า หัวข้อนี้น่าสนใจ และชมเชย คุณ gazz จากใจจริง (หวังว่าทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือกัน) 4. ท่าสินค้าตัวนั้น ใบละ 3000 -4000 แล้ว สิ่งที่คุณลงหนังสือพิมพ์ละครับเท่าไหร่ ทำไมไม่ใช่ตัวนั้นละครับ มาออกข่าวละครับ ให้ประชนได้รับรู้ราคา จริง ๆ เพราะตอนนี้ ส่วนใหญ่ ราคาร้านค้าหน้าร้านฟันกัน น่าตกใจ (สแตนตัวนี้ เค้าใช้กันอยู่แล้ว ซึ่งรายนั้นผมก็รู้จัก แล้วรู้ด้วยว่ากำลังทำอะไร) ส่วนเกรด 304 กับ 202 นั้น ผู้ผลิตเค้าใช้จริง แต่ สิ่งที่ตามมา ผู้ผลิตเค้าได้บอกกับผู้ซื้อรึเปล่า ให้เค้าเลือกเอง ว่า มันต่างกันอย่างไร ผลเสีย อย่างไหร่ เท่าที่ทราบ และเจอกับตัวเอง มี 1 - 2 รายเท่านั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวและเป็นห่วงมากสุดหม้อพันธ์ผสม 1 ใบ มี 4 เกรด 5.เห็นด้วยครับ ให้ประชาชน มีผลกระทบน้อยที่สุด ไม่อย่างนั้นจะกระทบเป็นลูกโซ่ ผมเชื่อว่าผู้ผลิตมีความรับผิดชอบ ใครละครับ ทำออกมาแล้วอยากมีปัญหากับสังคม ละครับ แต่เนื่องจาก ปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามา ทำให้ผู้ผลิตไม่มีทางเลือก ด้วยข้อจำกัด ทั้งที่กล่าวมาข้างต้น มีทั้งที่ดี และไม่ดี เหมือนทุก ๆ วงการของธุรกิจครับ ทุก ๆ หน่วยงาน ทุก ๆ องค์กร ไม่เว้นแต่ภาครัฐ และเอกชนครับไม่เว้นกระทั้ง คนจน และ คนรวย สิ่งที่ผมพูด เพราะผมรู้จักและคลุกคลีอยู่กับ วงการนี้มานาน ตั้งแต่เกิด ผู้ประกอบแต่ละคนไม่อยากมีปัญหากับสังคม อายุกันเยอะ ๆกันแล้ว เลี้ยงหลานดีกว่า โรงไหนมีลูก ก็ให้เค้าทำ ท่าอยากทำ ก็ทำไป หม้อก๋วยเตี๋ยวเป็นงานฝีมือนะครับ กำไร ไม่เยอะค่าแรงกินหมดครับ เหมือน ทำหม้อดินแต่ยากหน่อย ปล. ผมยังเห็นด้วยกับการไม่ให้ใช้ตะกั่ว และที่หวังอย่างยิ่ง อยากให้หน่วยงานให้ความร่วมมือกัน ไม่ใช่ สคบ. ไปทาง กระทรวงวิทย์ไปทาง m... ไปทาง ผู้ประกอบการไปทาง ประเทศชาติไม่เจริญครับ คำถามคุณ gazz (หวังว่าคงไม่โกรธผมนะครับ) 1.การเชื่อม tig หรืออาร์ก๊อน ผู้เชื่อมมีโอกาสเป็นมะเร็งไหมครับ 2.การเชื่อม tig มีผลเสียอย่างไรต่อผู้เชื่อมอย่างไร 3.หม้อก๋วยเตี๋ยวที่เชื่อม tig นั้น มีโอกาสที่จะร้าวไหมครับ คงจะไม่รั่ว จากคุณ : คนหาเช้ากินค่ำ - [ วันลอยกระทง 19:03:27 A:58.9.59.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 แก้ข้อความครับ เดียวให้ข้อมูลผิด ตั้งแต่หม้อยังไม่ได้เอาสแตนเลส มาทำ แล้วเปลี่ยนมาใช้สแตนทำ ซึ่งตัวเชื่อมก็ยังใช้เป็นตะกั่ว เหมือนเดิม จากคุณ : หาเช้ากินค่ำ - [ วันลอยกระทง 19:09:53 A:58.9.59.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 เรียนคุณหาเช้ากินค่ำ 1) ในส่วนของข้อมูลเรื่องตะกั่ว ถ้าคุณอ่านข้อความทั้งหมดในกระทู้ คุณคงจะเห็นว่า ไม่ใช่ว่าในส่วนของพวกผมซึ่งเรียนและศึกษามาทางด้านโลหะ (สาขา วิศวกรรมโลหการ) จะไม่ตระหนักและไม่สนใจ  พวกเราสนใจและทราบปัญหาและเคยโทรศัพท์ไปแจ้งทาง อ.ย. แต่ก็ไม่มีท่านใดใน อ.ย. สนใจ เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะพวกเราเป็นเพียงนักศึกษา เป็นคนตัวเล็ก ๆ ในสังคม แต่ถามว่าพวกผมทิ้งโอกาสในการแจ้งให้สังคมรับรู้ไหม ผมไม่ได้ละครับ ถ้ามีโอกาสที่จะพูดบอกหรือเตือน ในการบรรยาย หรือการสอน ที่สามารถเชื่อมโยงไปได้ผม จะนำเข้าไปพูดเสมอ หรือกระทั่งนำมาเป็นข้อสอบให้นักศึกษา ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  นอกจากนี้หากมีปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก็สามารถเข้ามาปรึกษาได้ครับ เพราะหน่วยงานวิจัยก็ต้องการโจทย์จากประชาชนหรือผู้ผลิตในการศึกษาอยู่แล้วครับ เพื่อที่งานวิจัยจะได้ไม่ต้องขึ้นไปอยู่บนหิ้ง 2) ในส่วนของชายสี่ผมเอง ผมว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า สำหรับบริษัทหรือองค์กรที่ต้องการทำในสิ่งที่ดีต่อสุขภาพต่อคนไทยแล้วเขาก็ถูกกล่าวหา และในส่วนที่คุณบอกว่าคุณได้ยินจากปากพนักงานของเอ็มเทค รบกวนช่วยบอกให้หน่อยได้ไหมครับ ว่า คุณได้ยินว่า " ชายสี่จ่ายเงินให้เอ็มเทค หรือพนักงานคนไหนในเอ็มเทคหรืออย่างไร" เพราะพวกผมถือว่าเป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรงมากในการที่จะกล่าวหาหรือให้ร้ายใครสักคน และแม้แต่คำสอนในทางพระพุทธศาสนาก็ยังกล่าวไว้ว่า "อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอกต่อ ๆ กันมา"            และในส่วนของพนักงานเอ็มเทคแล้วผมเชื่อว่า ทุกคนที่ทำงานอยู่ที่เข้ามาอยู่ในองค์กรแห่งนี้ล้วนอยากทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ เพราะว่าถ้าหากทำงานในส่วนเอกชนแน่นอนว่าค่าตอบแทนที่ได้ย่อมสูงกว่า 3) ในส่วนของเรื่องราคาหม้อที่หนังสือพิมพ์บางฉบับนำมาลง เป็นราคาตัวต้นแบบ โดยที่มีขนาด ความหนา มากกว่าที่มีขายท้องตลาด และใช้การเชื่อมแม้กระทั่งฝาหม้อ ราคาจึงสูงดังที่ทุกท่านเห็น แต่ไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับใดลงรายละเอียดในส่วนนี้ สำหรับหม้อที่ออกมาที่มีราคาลดลง ถ้าคุณหาเช้ากินค่ำ อ่านกระทู้และข้อความให้ละเอียด คุณจะเห็นได้ว่าหม้อใหม่ราคา 3000-4000 บาท เป็นหม้อที่เกิดจากการเลือกใช้สเตนเลสเกรดใหม่ในการผลิต ที่มีคุณภาพเทียบเท่าเกรด 304 แต่ราคาต่ำกว่าเกรด 202  (ทำให้ตัดปัญหาการใช้สเตนเลสเกรด 202 ในการผลิตหม้อ) โดยตอนนี้เรามีต้นแบบเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ทำการแถลงข่าว ซึ่งถ้าคุณหาเช้ากินค่ำสนใจก็โทรมาสอบถามทาง MTEC หรือถ้าหากอยากจะเข้ามาดูตัวหม้อต้นแบบก็ยินดี นอกจากนี้การเชื่อมทิกเองก็สามารถลดเวลาในการผลิตได้ โดยการใช้เครื่องจักรง่าย ๆ เข้ามาช่วยได้ (เครื่องดังกล่าวสร้างเองได้ และมีราคาไม่แพง) ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมก้นถัง และตะเข็บข้างได้โดยไม่ต้องใช้ช่างฝีมือได้ 4) ในส่วนของลวดเติม มีบางบริษัทที่ผลิตหม้อส่งหม้อก๋วยเตี๋ยวมาร่วมทดสอบจริง (ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเช่นเดียวกัน) ซึ่งผลที่ออกมาคงต้องให้ทางบริษัทที่ผลิตลวดเติมให้ความร่วมมือ  ซึ่งจากการสรุปเบื้องต้นเราห้ามแต่ตะกั่วเท่านั้น การใช้ดีบุกยังไม่มีการห้าม แต่ก็จำเป็นต้องหามาตรการมารองรับในส่วนของการผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวโดยใช้การบัดกรี เนื่องจากรอยบัดกรีของโลหะผสมตะกั่วดีบุก กับรอยบัดกรีดีบุก แยกออกได้สายตาได้ยาก และผู้บริโภคตรวจสอบได้ลำบาก 5) ในส่วนของหน่วยงานรัฐ มีการร่วมมือกันครับ ไม่เช่นนั้นทาง สคบ คงจะไม่ได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงผู้ผลิต และผู้จำหน่าย เข้าร่วมประชุม 6) การเชื่อมทิกเป็นการเชื่อมที่มีอันตรายน้อยกว่าการเชื่อมวิธีอื่น ๆ เนื่องจากไม่มีก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ฟลักซ์ เหมือนกับการเชื่อมแบบใช้ธูปเชื่อม (การเชื่อมทิกใช้แค่ก๊าซเฉื่อยเช่นอาร์กอนในการป้องกันการทำปฏิกิริยาระหว่างโลหะกับออกซิเจน) แต่การเชื่อมทิกมีปัญหาที่ต้องระวังก็คือ การเชื่อมทิกมีรังสี UV ออกมามากกว่าวิธีอื่น ๆ ดังนั้นหากมีอุปกรณ์ป้องกันที่ดีปัญหานี้จะไม่เกิด 7) ในการเชื่อมสเตนเลสปัญหาที่เกิดขึ้นมากคือการเกิดตะกอนของโครเมียมคาร์ไบด์ในบริเวณใกล้กับรอยเชื่อม ทำให้บริเวณดังกล่าวมีความต้านทานการกัดกร่อนต่ำกว่าบริเวณอื่น ๆ แต่ในการใช้งานหม้อก๋วยเตี๋ยวน้ำซุบมีฤทธิ์กัดกร่อนต่ำ ทำให้ปัญหานี้หมดไป (ในกรณีของการบัดกรีการกัดกร่อนจะเกิดขึ้นที่โลหะบัดกรีอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหากเราต่อเชื่อมโลหะสองชนิดที่มีความต้านทานการกัดกร่อนแตกต่างกันเข้าด้วยกัน โลหะที่มีความต้านท้านการกร่อนต่ำซึ่งในที่นี้คือตะกั่วจะถูกเร่งทำให้เกิดการละลายมากขึ้น ซึ่งเรียกการกัดกร่อนแบบนี้ว่าการกัดกร่อนแบบกัลวานิก) นอกจากสเตนเลสเกรดใหม่ที่นำมาผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยว จะลดปัญหาการตกตะกอนของโครเมียมคาร์ไบด์จากการเชื่อมได้ เนื่องจากเป็นสเตนเลสที่มีคาร์บอนต่ำ จากคุณ : gazz away - [ 25 พ.ย. 50 12:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอขอบคุณ คุณ gazz ที่ให้ข้อมูลครับ อย่างที่ผมยืนยันครับว่าผมไม่ได้คัดค้านหรือคิดจะต่อต้านในการใช้สารตะกั่วแต่ผมเสนอมุมมองคนที่อยู่ในวงการนี้ มาเสนอให้คุณ gazz รู้ ให้สังคมรับรู้ เพราะเท่า ที่ทราบมา ไม่มีผู้ประกอบการคนใด จะออกมาให้ข่าว ใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่ทาง สคบ. กับ กับทาง m.... ที่ให้ข้อมูลออกสื่อ 5. และเท่าที่ทราบนักวิชาการไปกันเต็ม แต่ผู้ประกอบการนิดเดียวจริง ๆ ถึง 10 รึเปล่าผมก็ไม่รู้ การประชุมเมื่อ ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนนั้น ก็มีผู้ประกอบการไม่แก่รายที่ไปร่วมประชุม การประชาสัมพันธ์ของทาง สคบ. ไมดีเลย ครับ ทั่วประเทศไทย มีผู้ประกอบกี่รายในประเทศไทยครับ ซึ่งวันนั้นไปน้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่ไปนั่งฟัง มีไม่กี่รายที่พูดหรือเสนอแนวทางในที่ประชุม 2.(ไม่ได้ฟังจากปากใครครับ เจอกับตัวเองในสถานที่ ของ ทางm...) สิ่งที่พูดไม่ใช่ผม จะดิสเคดิสทาง m... นะครับ ในองค์กรมีทั้ง คนดี คนไม่ดี คนที่ทำประโยชน์ให้สังคม คนที่หาประโยชน์กับสังคม คนที่ช่วยสังคม คนที่ฉกฉวยจากสังคม คนเหล่านี้มีอยู่ทุกองค์กร ไม่ว่า รัฐบาล กระทรวง เอกชน รัฐวิสาหกิจ โรงพยาบาล วัด มูลนิธิ อื่น ๆ อีกมากมาย ที่พวกเรา ๆ ท่าน ๆ ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนี้ ไม่ว่าเรายากจน หรือ รวย ทุกคนต้องอยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ หลีกหรือหลบหนีไม่ได้ครับ อย่างที่ผมบอกในกระทู้ข้างบนแล้วว่า ผมไม่สามารถทำให้เชื่อได้ทั้งหมด เป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ ขอย้ำครับ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ให้สังคมเป็นคนตัดสินครับ แต่สิ่งที่ผมพบและประสบกับตัวเอง แล้วมาบอกมาเล่า กับกัน คุณ gazz มาให้ข้อมูลของ คุณ gazz สิ่งที่คุณ gazz ทำงานอยู่ มาเล่ามาบอกให้สังคมรับรู้ ในเมื่อสังคมรับรู้ข้อมูล ทั้ง 2 ด้าน สังคมเค้าจะเป็นผู้ตัดสินเองครับว่าอย่างไร 3.ทาง M... ใช้สื่อในการให้ข้อมูลการใช้สื่อให้ข้อมูลเป็นสิ่งทีดีครับ แต่สิ่งที่ตามมาคือ สื่อบ้างสื่อให้ข้อมูลอย่าง บางสื่อให้ข้อมูลอีกอย่าง ผู้บริโภครับข้อมูลไม่เหมือนกัน บางคนดูทีวีมาก บางคนดูหนังสือพิมพ์ บางคนไม่ดูเลย ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนในข่าวสาร ก็เหมือนวันศุกร์ที่มีมติออกมา ผมถามหน่อยนะว่า ตอนออกมาใหม่ ๆ ทำไมสื่อต่าง ๆ ให้ความสนใจกันมาก ๆ มาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่น่ายกย่องยากยิ่ง ช่วยกันทำให้สังคมดีขึ้น รายการช่องนู้นออก ช่องนี้ออก มีทั้งภาพและเสียง หนังสือพิมพ์ออกทุกฉบับเป็นข่าวดังพอสมควรที่เดียว แต่พอมีมติออกมา มีแค่ตัวหนังสือวิ่ง มีหนังสือลง 3 - 4 บรรทัด ซึ่งเป็นอะไรที่.......เหนื่อย ผมหวังว่า ทาง สคบ. ทาง M... คงออกสื่อเพื่อช่วยผู้ประกอบการบ้าง ในเมื่อท่าน ลงมีดไปแล้ว ท่านจะไม่ช่วยยกมีดขึ้นมาไม่ได้เลยเหรอครับ เดียวจะไม่มีมีดฟันนะครับ (ใจจริงก็อยากจะให้ทำเมื่อตอนที่ท่านออกข่าวใหม่ ๆ สงสารอาแปะ แก่ ๆ ที่ใกล้ตายที่ต้องดูกิจการที่ทำมากับมือต้องเจ๋ง มันเจ็บปวดนะครับ) 4.อันนี้ผมคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับความรวมมือจากฝ่ายที่เกียวข้อง ทุก ฝ่าย 6.การเชื่อม tig ที่ประสบกับตัวมาไปดูเค้าเชื่อมนะครับ ปวดตามาก ต้องใช้ช่างผุ้มีความชำนาญ แล้วต้องใช้เวลาในการฝึก อย่าง ต่ำ ๆ ก็ 1 - 2 ปี สำหรับคนงานที่ทนนะครับ สำหรับคนงานไม่ทน เค้าคงไม่มานั่งให้ปวดตาเล่นสิครับ (ท่าทาง M.. มีเครื่องมือที่ไม่ต้องง้อช่าง ก็ดีครับซึ่งจะช่วยให้ผุ้ประกอบการ ลดต้นทุนด้านนี้เยอะขึ้น) แล้วอายุงานก็สั้นนะครับพวกนี้ ผู้ประกอบการหลายรายบ่นมา 7. ผมเรียนจบมาน้อยครับ ศัพท์ทางวิชาการไม่ค่อยเข้าใจ รู้แต่ว่า หม้อที่เชื่อมอย่างนี้ มันจะร้าว เมื่อใช้ไปนาน ๆ เพระสแตนเลส โดน ๆ ไฟ นาน ๆ เป็นเวลาก็หลายปี แต่ทีหม้อบัคกรีอ่อนนั้น สามารถเปลี่ยนก้นได้ ใช้เวลาเป็นหลายปีเหมือนกัน แต่อาจจะไม่นานเท่า ปล. สิ่งทีผมหวังอย่างยิ่ง ทาง m... สามารถที่จะช่วยผุ้ประการได้ สคบ. กับ สมอ. ออกมาตรฐานให้เป็นแนวทางในทางเดียวกันได้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ รับรองผลการตรวจ ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ เห็นประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่า ส่วนตน สิ่งเหล่านี้ผมคงจะได้เห็น ............. ปล.1 เชื่อผมไหมคุณ gazz ว่ามีมาตรการห้ามใช้ตะกั่วโดยเด็ดขาด จะมีผู้ผลิตรายใหญ่(มีเงินทุนมาก แต่โดนสินค้าจีนตี) จะผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยว ออกมาในทันที (คุ้นนะว่าที่ระยองมีแล้วด้วยรึเปล่า ประมาณ 1 เดือนที่แล้วด้วย ไปลองเช็คว่าดูนะครับ) อากาศหนาว ดูแลตัวเองนะครับ อิอิอิ จากคุณ : คนหาเช้ากินค่ำ - [ 25 พ.ย. 50 16:38:17 A:58.9.67.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 เรียนคุณคนหาเช้ากินค่ำ ผมก็ยังต้องขอย้ำเช่นเดียวกันว่า " การฟังและเชื่อในสิ่งที่บอกต่อกันมา" โดยไม่ใช้สติคิดพิจารณา ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง และการกล่าวหา โดยใช้คำพูดเหล่านี้ ไม่ใช่วิถีของผู้เจริญทำครับ และผู้ร่วมทำวิจัยทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วครับ ว่าเราทำอะไรกันอยู่ ในส่วนของการประชุมที่ สคบ ถ้าตัดผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นบอร์ด จำนวนผู้ประกอบกับทางด้านนักวิชาการไม่แตกต่างกัน และ ในห้องประชุมดังกล่าวก็เต็มจนถึงขั้นใช้เก้าอีกเสริม คุณหาเช้ากินค่ำลองติดต่อสอบถาม สคบ ดูนะครับว่าผู้เข้าประชุมไม่รวมบอร์ดมาจากที่ไหนบ้าง ในส่วนของทางเอ็มเทค (คุณหาเช้ากินค่ำไม่จำเป็นต้องใช้ตัวย่อให้หน่วยงานผมหรอกครับ ผมไม่อายหรอกครับที่จะบอกชื่อหน่วยงาน) เป็นหน่วยงานวิจัยครับ เราไม่สามารถไปบังคับใครได้ เราให้ได้ในส่วนของข้อมูลว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทางสื่อนำข้อมูลไปเผยแพร่และเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ผมไม่อยากจะโทษใคร แต่ส่วนหนึ่งที่อยากบอกคือประเด็นหลักของข่าวคือ มีการใช้ตะกั่วในโลหะบัดกรี ซึ่งมันเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แม้ว่าตัวเลขจะไม่ตรงกัน แต่ตะกั่วก็อยู่ในโลหะจริงหรือไม่ใช่ครับ นอกจากนี้การประชาสัมพันธ์ทาง สคบ เองไม่ออกมาเพียงเท่านี้หรอกครับ มีการขยายความต่อถึงเพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาบ้าง และไม่ต้องกลัวเรื่องความร่วมมือหรอกครับ อย่างที่เรียนไปแล้วว่าในการประชุมเขาก็เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้เชิญแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สำหรับการเชื่อมทิก แค่คุณบอกว่าคุณไปดูเขาเชื่อม ผมก็ไม่รู้ว่าคุณใส่แว่นตาป้องกันหรือเปล่า หรือใส่แค่แว่นกันแดดย้อมสีดำ ซึ่งถ้าคุณดูแบบนั้นไม่ว่าใช้การเชื่อมแบบนั้นรับรองว่าปวดตาแน่นอนครับ ในส่วนของผู้ผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวไม่ใช่ว่าเราจะไม่สนใจหรือละเลยหรอกครับ ไม่งั้น  คงไม่ช่วยกันคิดว่าควรใช้อะไร ราคาถึงจะลดลงมาได้ ใช้วิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้ผลิตได้มากขึ้น และอีกอย่างเราสิ่งที่เราต้องการคือการให้คนไทยไม่ได้รับสารตะกั่วหรืออันตรายจากการละลายของโลหะจากภาชนะ ซึ่งการเชื่อมสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้สมบูรณ์ ในขณะที่การบัดกรียังมีช่องโหว่อีกมาก ทั้งในส่วนของการละลายของดีบุก การปนเปื้อนของตะกั่วจากโลหะเติม และการตรวจสอบก็ทำได้ลำบาก ซึ่งผมก็ได้กล่าวมาแล้วในความเห็นด้านบน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีการห้ามเฉพาะการใช้ตะกั่วในภาชนะหุ่งต้ม เรายังไม่ได้ลงไปห้ามการใช้การบัดกรี แต่หากจะใช้การบัดกรีก็ต้องทำให้แน่ใจว่าปลอดภัย  ซึ่งตรงนี้ก็คงให้ผู้บริโภคเป็นคนตัดสินว่าจะเลือกแบบไหน และแบไหนคุ้มค่ากว่ากัน และผมคิดว่าทางด้านผู้ประกอบการเองก็จำเป็นที่จะต้องปรับตัว ในส่วนตรงนี้ ตามความต้องการของตลาด (ซึ่งถ้ามีปัญหาทางด้านเทคนิค ผมคิดว่าคุณหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเคยบอกไว้ว่าวงการผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวนั้นแคบ คงจะทราบดีว่าผู้ผลิตที่ส่งหม้อมาตรวจสอบนั้น ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่เอ็มเทค ในส่วนของการเลือกใช้วัสดุ และวิธีการผลิต เพื่อที่จะลดราคาหม้อก๋วยเตี๋ยวให้คนเข้าถึงได้ง่าย และคำแนะนำอื่น ๆ หรือไม่) ทางบ้านผมเองก็มีธุรกิจครับ (ลองเสริชชื่อผมจากในพันทิพย์ดูก็คงจะเจอนะครับ) และก็ผ่านการปรับตัวครั้งใหญ่ อยู่สองสามครั้ง แม้จะลำบาก  แต่เราก็จำเป็นต้องทำครับ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคนส่วนรวม ในส่วนของ ป.ล. ที่คุณหาเช้ากินค่ำบอกมา ผมก็เชื่อและก็ทราบข่าวนี้อยู่แล้วครับ แต่ผมไม่คิดเหมือนคุณนะ ผมคิดว่าทางบริษัทฉลาดที่เห็นช่องทางตรงนี้ และเขาไม่มามัวนั่งคิดว่าตะกั่วที่เติมลงในลวดบัดกรีถึงครึ่งหนึ่งจะละลายออกมาเกินมาตรฐานหรือเปล่า  แต่ถ้าให้เดา ผมก็คงคาดไว้ว่าทางคุณหาเช้ากินค่ำคงจะคิดว่าเอ็มเทคฮั้วกับบริษัทนั้น เช่นเดี่ยวกับที่คุณมองทางชายสี่บะหมี่เกี้ยว หรือว่าไม่ใช่ครับ จากคุณ : gazz away - [ 25 พ.ย. 50 20:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอขอบคุณ คุณ gazz ครับ ที่ให้ข้อมูล ซึ่งผมจะย้ำอีกนะครับว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่เค้าจะเชื่อไม่เชื่อก็ได้นะครับ แล้ว ผมไม่ได้ฟังใครมาพูดในเรื่องนี้ "ได้ยินจากปากพนักงาน m... หลุดออกมาเองนะครับ" ย้ำอีกทีนะครับ เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ส่วนตัวเจอกับตัวผมคงยากที่จะปฏิบัติเสธ ยกตัวอย่าง ท่าสมมุตว่า คุณ gazz เห็น พรรคการเมืองหนึ่ง กำลังจ่ายเงินซื้อเสียง กับ นายก. จำนวน 100 บาท คุณ gazz ไปแจ้งกกต. มา คุณคิดว่า พรรคการเมืองนั้นจะยอมรับกับกกตไหมครับ พรรคการเมืองนั้นจะบอกว่าผมเปล่านะ ไปถามนายก. ก็บอกว่าเปล่า แต่คุณ gazz ไปบอกเพื่อนบ้าน ว่าเค้าเห็น กับตา แต่เพื่อนบ้านไม่เชื่อ แล้วเพื่อนบ้านเค้าถามว่า คุณ gazz มีหลักฐานอะไรให้เค้าเชื่อ ซึ่งแน่นอน ว่าไม่คงไม่มีใบเสร็จ ตอนจ่ายเงินกันแน่ ซึ่งหวังว่า คนที่เจริญ คงจะคิดได้นะครับว่า ตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงอะไร 10 ปากว่า ไม่เท่า ตาเห็น ซึ่งผมก็บอกแล้วว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ ให้สังคมเป็นคนตัดสินครับ อย่าพึ่งด่วนตัดสิน สังคมเค้าไม่ฟังความข้างเดียวอยู่แล้วนะครับ หวังว่าคงคนที่เจริญแล้ว มีลูกศิษย์ มีพระพุทธศาสนา จะเข้าใจนะครับ ผมคงจะไม่ตอบในประเด็นนี้อีกแล้ว 2.เรื่องที่ประชุม ในวันนั้น มีการประชุมเรื่องอื่นด้วยใช่ไหมครับ คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าใช่ผู้ประกอบการผลิตหม้อก๋วยเตี๋ยวทั้งหมด ผมว่า มีแต่พวกรับเค้ามาขายซะมากกว่านะครับ เพราะที่ไป มีเว้ง ซะเป็นส่วนใหญ่ ผู้ผลิตใหญ่ ๆ ไปรึเปล่าครับ 3.อืมอันนี้ ทางคุณใช่ไหมครับที่เสนอ ดีบุก ในที่ประชุม เหรอครับ 4.ซึ่งในความหมายของคุณ คงต้องมีการตรวจสอบ การใช้ดีบุกมาตรวจสอบอีกที แม้จะมีค่าต่ำ กว่ามาตรฐานที่กำหนดมากก็ตาม ใช่ไหม ถึงแม้จะผลิตได้จำนวนมาก 5. มาตราฐาน ดีบุก ให้ปนเปื้อนในอาหาร เท่าไรครับ ในปริมาณที่รับได้ ซึ่งก็ใช่ ขึ้นอยู่กับผู้บริโภค จะเลือกแบบไหน ว่าคุ้มค่ากว่ากัน 6.ใช่ครับว่าต้องมองตลาดให้ออกว่า ว่าผู้ที่ขายก๋วยเตี๋ยวเค้าต้องการแบบไหน สินค้าแบบไหน และที่สำคัญต้องมองถึง ตัวผู้ขายก๋วยเตี๋ยวเองด้วยว่าเป็นคนประเภทไหนครับ ส่วนในปล. ของผมนั้น ท่าเปรียบเป็นมวย ผู้ประกอบการผลิตคงเป็นรุ่น อ๊อดกาเดอลาโฮย่า จะไปชก กับ ไมไทสัน แถมวันข้างหน้า อาจจะเจอกับ โอลีฟิวก็ได้ คงไม่ได้ครับ มีแต่เจ็บกับเจ็บอย่างเดียว หวังว่าคงเข้าใจ เค้าต้องชกรุ่นเดียวกันครับ จะขยับไปชกซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ทั้งน้ำหนัก ช่วงแขน กำลัง สู้ได้มีแค่ ความเก๋าเท่านั้น แต่คงใช้ไม่ได้นานครับ โดนหมัดเดียวจอดครับ โดนเข้ามุม ก็มีแต่เจ็บกับเจ็บครับ ส่วนที่คุณ gazz ตั้งข้อสังเกตุ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่คุณ gazz สามารถสงสัยได้ครับ ปล. ท่าคุณ gazz ได้มีโอกาส ไปซื้อของตามร้านร้าขายเครื่องครัว ลองถามความเห็นเค้าดูนะครับ คงจะได้ข้อมูล ประกอบการพิจารณา เพิ่มเติมมากขึ้น อากาศหนาว ดูแลสุขภาพด้วยครับ อิอิอิ จากคุณ : หาเช้ากินค่ำ - [ 26 พ.ย. 50 20:58:21 A:58.9.61.56 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 เรียนคุณหาเช้ากินค่ำ สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องผมก็ยังยืนยันเช่นเดิมครับ ว่าการฟังโดยเชื่อที่คนเขาบอกต่อกันมา ก็ไม่ใช่วิถีของผู้เจริญ ถ้าหากคุณได้ลองไปหาข้อมูลในวันที่ทางเอ็มเทคแถลงข่าว ลองขอกับทางเดลินิวส์ก็ได้นะครับ เพราะว่าเป็นหนึ่งในสื่อไม่กี่ฉบับที่ได้ขอสไลด์การแถลงข่าวของเอ็มเทค ซึ่งในสไลด์ก็จะมีวันที่ที่พวกเราเข้าไปคุยกับทางบริษัทชายสี่เป็นวันแรก  และยังมีรายชื่อในส่วนของผู้ทำงานที่เกี่ยวข้องซึ่งระดับทำงานก็จะมีกันอยู่สามคน และหากคุณได้เข้ามาติดต่อกับทางเอ็มเทคเกี่ยวกับเรื่องหม้อก๋วยเตี๋ยวคุณได้เจอกับคนทั้งสามคนนี้แน่ ๆ และเจอพร้อมกันทั้งสามคนด้วย สรุปก็คือ คุณฟังกลุ่มคนนอกคณะวิจัยแล้วก็มาบอกต่อหรือ ว่าจริง ๆ แล้วคุณเจอคนที่ไม่มีตัวตนที่อยู่ในเอ็มเทคครับ สำหรับในกรณีของนักการเมืองที่คุณบอกก็อาจจะใช่นะครับ ตรงที่ไม่มีใครยอมรับหรอก แต่ในกรณีกลับกัน เราก็เห็นอยู่เย๊อะที่มีการเมืองออกข่าว ให้อีกฝ่ายตรงข้ามเสียหาย เช่นในกรณีของคุณบรรหาร สมัยเป็นนายก ผมถึงได้บอกไงครับ ว่าจะเชื่อหรือคิดอะไรให้มีสติก่อนที่จะคิดหรือพูดอะไรออกมา และอีกอย่างนะครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจที่คุณหาเช้ากินค่ำบอกเรื่องสิทธิ์นะครับ เพียงแต่ว่าคุณพาดพิงมาในส่วนนี้ ผมก็เลยจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ในการแก้ข้อกล่าวหาเท่านั้น (หรือว่าไม่มีสิทธิ์ให้ในส่วนนี้ครับ) ในส่วนของที่ประชุมที่ สคบ ประชุมกันเรื่องหม้อก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งจนถึงห้าโมงเย็นกว่านะครับ ผมคงไม่ทราบว่าผู้ผลิตรายใด เป็นผู้ผลิตรายใหญ่หรือไม่ และเขาก็เชิญผู้ขายหม้อก๋วยเตี๋ยวมาด้วย แต่ที่จริงแล้วผมคิดว่าคุณหาเช้ากินค่ำไม่น่าจะต้องกังวลในส่วนนี้นะครับ เพราะผู้เข้าร่วมประชุมในส่วนนี้ก็แย้งเหมือนที่หาเช้ากินค่ำแย้ง ไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่แตกต่างออกไปเลย ซึ่งในส่วนที่คุณหาเช้ากินค่ำถามมา ผมก็ตอบให้แล้วนะครับ และคิดว่าคุณหาเช้ากินค่ำก็คงจะเข้าใจไม่มากก็น้อย เนื่องจากเห็นว่าไม่ค่อยถามปัญหาดังกล่าวต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาทางด้านเทคนิค สำหรับปริมาณดีบุกที่คุณถาม ถ้าเป็นมาตรฐาน WHO จะให้รับได้ที่ไม่เกิน 2 มิลลิกรัม/น้ำหนัก (kg)/ day ครับ ซึ่งร่างกายคนเรารับได้มากกว่าตะกั่ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอันตรายนะครับ เพราะว่าโลหะที่เป็นพิษก็เพราะมันสะสมอยู่ในร่างกายเราได้ครับ แต่เหตุผลที่เราเลือกการเชื่อมทิกมันไม่ใช่ว่าตรงนี้เป็นสาเหตุเดียวหรอกครับ มีอีกหลายสาเหตุ คุณหาเช้ากินค่ำลองอ่านดูในส่วนที่เป็นข้อมูลวิชาการในกระทู้บ้างนะครับ คำตอบจะอยู่ในนั้น อ้อและอีกอย่างเอ็มเทคเสนอแค่การเชื่อมทิกนะครับ แต่ไม่ได้ถึงขั้นไม่ยอมรับการใช้ลวดบัดกรีอื่น ๆ ที่ไม่มีสารตะกั่ว แต่เราจำเป็นต้องชี้แจงในที่ประชุมว่าทำไมเราต้องเลือกเชื่อมทิก และ ไม่เลือกการบัดกรี ด้วยเหตุผลอะไร และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราใช้การบัดกรี และแม้ว่าเราจะไม่ได้เสนอถึงการบัดกรี  แต่ถ้าคุณหาเช้ากินค่ำซึ่งคงจะทราบข้อมูลในการประชุม สคบ ดีอยู่แล้ว (หรือว่าฟังคนอื่นต่อมาอีกทีครับ) ก็คงจะรู้ดีกว่าทางเอ็มเทคขอเบอร์ติดต่อของผู้ประกอบการภายหลังการประชุม และมีการให้ข้อมูลในส่วนของลวดบัดกรีที่เป็นในส่วนของเกรดสำหรับอาหารและไม่มีสารตะกั่วให้ผู้ประกอบการในวันถัดมา ซึ่งในกรณีนี้ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่า ทางเอ็มเทคแอบไปรับเงินผู้ประกอบการรายนั้นมาหรือเปล่าถึงได้เอาข้อมูลในส่วนตรงนี้ให้ไป และในส่วนของข้อมูลของผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ขายก๋วยเตี๋ยว เราก็เข้าไปเก็บข้อมูลมาครับ ทำวิจัยไม่มีโจทย์ตั้งต้นเราทำไม่ได้หรอกครับ และบ้างครั้งเราเข้าไปถามผู้จำหน่ายยังโดนบ่นโดนด่ากลับมาเลยครับ ว่าหม้อของเขาซึ่งใช้ตะกั่ว-ดีบุก บัดกรีไม่มีตะกั่วหลุดออกมา  อ้อ แล้วคุณหาเช้ากินค่ำได้เคยสำรวจผู้บริโภคบ้างหรือเปล่าครับ ว่าเขาต้องการหม้อก๋วยเตี๋ยวแบบไหน ภายหลังจากการที่เขาได้รับข้อมูลแล้วว่าหม้อก๋วยเตี๋ยวก่อนหน้านี้มีสารตะกั่ว ป.ล. ถ้าคุณหาเช้ากินค่ำเป็นออสก้านะครับ ผมว่าก่อนหน้านั้นนะที่คุณชกอยู่ไม่ใช่พวกผมหรอกครับ แต่ว่าเป็นประชาชนทั่ว ๆ ไป ที่กินตะกั่วเข้าไปโดยไม่รู้ตัว มากกว่า แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 06:54:06 จากคุณ : gazz away - [ 27 พ.ย. 50 00:07:34 ]