ความคิดเห็นที่ 1 6. โค้ก เป็นสิ่งอันตรายมาก (ทำให้กระดูกผุ) ตัวอย่าง FWD http://www.maama.com/reading/view.php?id=001590 เนื้อหาของFWD <<  เนื้อหาในนั้นจะกล่าวถึงการคุณสมบัติที่ทำให้โค้กดูเหมือนเป็นน้ำอัดลมที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เป็นกรดที่รุนแรง ... ลำพังตัวฟอร์เวิร์ดนี้จะไม่มีอะไร แต่มันเป็นการไปตอกย้ำความเชื่อที่ว่าการดื่มน้ำอัดลมทำให้กระดูกผุ น้ำอัดลมเป็นสารที่อันตราย ฯลฯ วิเคราะห์FWD >> - ถ้าตามเข้าไปดูในข้อมูลต่างๆในนั้น จะเห็นว่าเป็นข้อมูลที่ดูแล้วทำให้โค้กเป็นวัสดุกัดกร่อนที่มีฤทธิ์รุนแรง สามารถกัดกร่อนสิ่งต่างๆได้ การใช้งานก็ดูน่ากลัวสำหรับของที่จะเอามากิน - (ปัจจัยในเวบบอร์ดต่างๆ และความเชื่อสมัยก่อน บอกว่าการดื่มน้ำอัดลมทุกชนิดทำให้กระดูกผุ เพราะกรดในน้ำอัดลมจะไปละลายกระดูก) - โค้กมีpH ที่ประมาณ2.5 อันนี้ก็จริง ... แต่ - น้ำมะนาวมีpH 2-2.5 ส่วนกรดในกระเพาะอาหาร มีpH 1.5-2 กัดกร่อนยิ่งกว่าโค้กเสียอีก เรื่องคุณสมบัติที่ว่านั้นหากเอาน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูไปแทนที่ก็ทำได้เหมือนกัน (แต่Apple cider vinegarดันบอกว่าดีต่อสุขภาพ ทำไมไม่บอกว่ากัดกระดูกล่ะ) - ในต่างประเทศของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีราคาแพง ในขณะที่โค้กมีราคาถูกมากและมีแพร่หลายทุกพื้นที่ ก็ไม่แปลกนักที่ชาวต่างชาติเขาจะใช้โค้กในการทำความสะอาดหรือใช้งานกันแปลกๆ (ก็มันประหยัด) - เรื่องฤทธิ์กัดกร่อนกระดูกนั้น ที่จริงทางการแพทย์เคยเชื่อกันมานานและแนะนำอย่างนี้กันมานาน แต่ว่าในระยะหลังๆเริ่มมีงานวิจัยออกมาคัดค้าน เพราะว่ามีข้อสังเกตว่า กรดฟอสฟอริกที่เคยเชื่อว่าทำลายกระดูกก็มีในอาหารหลายชนิด แต่ว่าไม่ปรากฎว่าจะทำให้เกิดกระดูกพรุนได้ - งานวิจัยล่าสุดเมื่อปีที่แล้วในชุด  The Framingham Osteoporosis Study ระบุถึงความเกี่ยวข้องของน้ำอัดลมต่อมวลกระดูก ก็บอกว่ามีโค้ก (แต่ไม่รวมถึงน้ำอัดลมแบบอื่นๆ)ที่ทำให้เกิดมวลกระดูกลดลง (แถมเกิดเฉพาะในผู้หญิง) http://www.ajcn.org/cgi/content/abstract/84/4/936 ... เลยทำให้ต้องกลับไปดูกันอีกว่า ตกลงแล้วน้ำอัดลมทำให้กระดูกพรุนได้อย่างที่เคยเชื่อจริงหรือ - ข้อมูลที่บอกว่าดื่มน้ำป้องกันมะเร็งได้ อันนี้ไม่มีหลักฐานการวิจัยที่สนับสนุนชัดเจน ดังนั้นเมื่อดูจากข้อมูลแล้วถ้าดูเผินๆจะไม่มีอะไร แต่มันสร้างภาพลักษณ์ที่เข้าใจผิดว่าการดื่มน้ำอัดลมก่อให้เกิดการกัดกร่อนในกระเพาะ(โรคกระเพาะ ?) และก่อโรคกระดูกพรุน ซึ่งจริงๆไม่เกี่ยวข้องกัน ..... และความไม่มีอะไรและการที่ความเชื่อเรื่องน้ำอัดลม"กัดกระดูก"มันเป็นควาเชื่อมานาน พอมีคนออกมาคัดค้านก็อาจจะโดนมองว่าไม่น่าเชื่อถือ ข้อมูลเพิ่มเติม - แต่การดื่มน้ำอัดลมกลุ่มที่มีน้ำตาล ก่อให้เกิดโรคอ้วนและเบาหวานชัดเจน - การดื่มน้ำอัดลมที่ใส่สารทดแทนความหวาน ก็ก่อความเสี่ยงเรื่องโรคอ้วนและเบาหวานได้เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 00:09:44 จากคุณ : หมอแมว - [ 21 ต.ค. 50 23:01:00 ]

ความคิดเห็นที่ 2 7. Cravit ยาอันตรายที่ต้องระวัง ตัวอย่าง FWD http://www.fwdder.com/topic/11326 เนื้อหาของFWD << เนื้อหากล่าวถึงการที่แพทย์จ่ายยาอย่างไม่จำเป็นเพียงเพื่อหวังยอดขายและเงินส่วนแบ่ง  ในนั้นอ้างว่ายาจะทำให้กล้ามเนื้อถูกทำลาย มีการสร้างความน่าเชื่อถือโดยการอ้างว่ามีเภสัชกรมายืนยันว่าไม่ต้องกินก็ได้ ... และมีการแสดงตัวอย่างที่บอกว่าการกินยาตัวนี้ทำให้คนดีๆต้องมีอาการหนักขึ้น วิเคราะห์FWD >> เรื่องนี้คนที่สร้างFWDน่าจะเป็นคนไทย ซึ่งขอแยกประเด็นเป็นดังนี้ครับ - เรื่องการสั่งยาโดยไม่จำเป็น ... การให้ยาCravit โดยไม่จำเป็น ถามว่ามีไหมก็คงจะมี แต่เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังในการวิจารณ์ เนื่องจากผมเองเป็นหมอเอง เอายาที่หมอหรือเภสัชกรจ่ายให้คนไข้มาดู ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่ายานั้นเหมาะสมหรือไม่ ดังนั้นเรื่องที่ว่าจำเป็นหรือไม่ต้องไปดูกันเป็นรายๆไป (ดังนั้นประเด็นนี้ไม่วิจารณ์ เพราะถ้าวิจารณ์จะเกิดการโต้เถียง) และเรื่องค่าคอมมิชชั่น อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ จะเห็นว่าเรื่องนี้จับเอาคนสองฝ่ายมาชนกันในFWD คือ หมอและเภสัชกร ... ซึ่งถ้าเถียงไปเถียงมา อาจจะเกิดกระทบกระทั่งกันเองได้ (ดังนั้นเรื่องผลประโยชน์ผมว่าคุยกันวันหลังดีกว่านะครับ) -ในFWDบอกว่ามันเป็นยาแก้ปวดแต่ที่จริง Cravit เป็นตัวยาที่มีชื่อว่า Levofloxacin เป็นยาปฏิชีวนะ ที่มักใช้ในการรักษาโรคในระบบทางเดินหายใจและปัสสาวะ ... ในเมืองไทยการจ่ายยาตัวนี้แบบมีข้อบ่งชี้ ก็คือ การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่คาดว่าเชื้อจะดื้อยา ปอดบวม และ กรวยไตอักเสบ (แต่ปกติไม่ได้ใช้เป็นตัวแรกเพราะมันมีผลข้างเคียง) - ข้อดีของยาตัวนี้ที่ทำให้นิยมในรพ.เอกชนคือ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล และ ไม่ต้องฉีดยา - อาการที่ในFWD กล่าวถึงผู้หญิงฝ่ายMarketing พิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากยาหรือเกิดจากโรค เพราะสมมุติว่าคนนั้นเป็นกรวยไตอักเสบ อาการของกรวยไตอักเสบก็สามารถทำให้อาการหนักจนเข้าโรงพยาบาลได้เช่นกัน - ถ้ายามันมีผลเสียจนมากเกินผลดีจริงๆ ในอเมิรกาคงมีการฟ้องกันวุ่นวายแล้ว - และถ้ามีผลเสียต่อสุขภาพถึงขนาดเป็นยาอันตรายที่ไม่ควรกิน ประโยชน์มากกว่าโทษ FDA เขาตัดทิ้งครับ ... เผลอๆบริษัทแม่เอาออกจากตลาดเอง เพราะว่าถ้าบริษัทเหล่านั้นโดนฟ้อง เขาถือว่าไม่คุ้มกัน โดยสรุปแล้ว หากใครได้รับยานี้จากแพทย์ และคุณคิดว่าไม่มีความจำเป็น(แพง)หรือไม่อยากกิน(กลัว) ให้บอกกับแพทย์ตรงนั้นไปเลยครับ เพราะว่าถ้าคุณเกิดจำเป็นต้องกินยานั้นขึ้นมาแล้วคุณไม่กิน อาจจะเกิดอันตรายจากการติดเชื้อได้ ... หรือถ้าหากกินยาแล้วไม่ดีขึ้นแทนที่จะไปโทษว่ายาเป็นสาเหตุน่าจะต้องระวังเรื่องการติดเชื้อที่รุนแรงเกินกว่ายาจะรับมือไหวดีกว่าครับ ปล. ยาตัวนี้ผมก็เคยกิน แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 00:10:06 จากคุณ : หมอแมว - [ 21 ต.ค. 50 23:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 8. ขวดน้ำPETไม่ควรใช้ซ้ำ เพราะว่ามีสารก่อมะเร็ง เนื้อหาของFWD << กล่าวอ้างถึงกรณีเด็กที่กินน้ำจากขวดน้ำใช้ซ้ำเป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งตายลง ... ในเมล์มีข้อมูลว่าในขวดจะมีสาร DEHA ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ในเมล์เวอร์ชั่นหลังๆ จะมีการค้นเอาข้อมูลการก่อมะเร็งของสารดังกล่าวมาโชว์ด้วย วิเคราะห์FWD >> เมล์นี้เป็นเมล์แรกๆที่ผมพยายามค้นหาคำตอบ เพราะปกติจะใช้ขวดน้ำซ้ำๆ - FDA หรืออย.อเมริกาถือว่าขวดPETปลอดภัยในการใส่อาหาร - งานวิจัยที่บอกว่าขวดPET มีสาร DEHA คือ http://www.riskworld.com/Abstract/2001/SRAam01/ab01aa189.htm ซึ่งเป็น Thesis ของนักศึกษาปริญญาโทหรือเอกนี่แหละ ... ซึ่งจากข้อมูลหลายที่ระบุว่าเกิดความเข้าใจผิดในชื่อย่อของสาร และการปนเปื้อนสารในการทดลองมากกว่า - สารDEHAในเมล์ไม่ว่าของไทยหรือฝรั่ง จะลงชื่อว่า diethylhydroxylamine  ... แต่ว่าสารที่ใช้ในการทำขวด PET คือDiethylhexyl adipate - ข้อมูลในIARC http://www.inchem.org/documents/iarc/vol77/77-02.html ของสารDI(2-ETHYLHEXYL) ADIPATE สรุปสั้นๆด้านล่างว่า "not classifiable as to its carcinogenicity to humans " - การระบุว่าขวดต่างๆให้ใช้ครั้งเดียวทิ้ง... เป็นมาตรการเดียวกันกับที่เขียนไว้ที่หนังสือการ์ตูนว่า "เฉพาะสำหรับอ่าน" (ห้ามเอาไปเช็ดก้น) ผู้ผลิตมุ่งเรื่องป้องกันการนำไปใช้ซ้ำแล้วล้างไม่สะอาดทิ้งไว้จนอาจจะเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้ครับ แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 00:10:29 จากคุณ : หมอแมว - [ 21 ต.ค. 50 23:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 9. 9. ดื่มน้ำเย็นหลังอาหาร ทำให้เป็นมะเร็ง ตัวอย่าง FWD http://bbs.srp.ac.th/showthread.php?t=2902 เนื้อหาของFWD << บอกถึงการดื่มน้ำเย็นๆลงไป จากนั้นน้ำเย็นไปทำให้ไขมันจับเป็นก้อนสีขาวๆและไปจับลำไส้กลายเป็นมะเร็ง วิเคราะห์FWD >> เอ่อ......-_-' อ่านดูเหมือนจะดี แต่ไร้สาระครับ - ต่อให้กินอาหารที่เป็นมันๆลงไปแล้วดื่มน้ำเย็นตามจนเกิดไขมันจับเป็นลิ่มๆในท้องจริง แต่ท้องเราอยู่ในลำตัว ดังนั้นสักพักอุณหภูมิจะเปลี่ยนกลับเป็น 37องศาอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวมันก็กลายเป็นน้ำมันอยู่ดี - ในชีวิตจริง เรากินมันหลายชนิดที่เป็นก้อนๆอยู่แล้ว ดังนั้นไขมันบางตัวจะไม่ละลายตั้งแต่ต้น - กระบวนการย่อยไขมันใช้น้ำย่อย ... เป็นปฏิกริยาทางเคมี ต่อให้มันเป็นก้อนก็ย่อยสลายอยู่ดี - สมมุติยังกลัวว่ามันจะไปจับลำไส้จริง ลำไส้คนเรามีการผลัดเซลล์เป็นระยะ ดังนั้นมันจับได้จับไป เดี๋ยวก็หลุดออกมาเอง - ที่สำคัญที่สุด *** การเป็นมะเร็งในลำไส้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำเย็นครับ ... ถ้าจะเกี่ยวก็เกี่ยวกับการกินไขมันเยอะน้ำตาลเยอะกินกากใยน้อย ดังนั้นแก้ปัญหาผิดจุดเอามากๆ *** จริงๆเป็นหนึ่งในฟอร์เวิร์ดที่ไร้สาระจนอาจจะไม่มีค่าควรเอามาไว้ แต่มันมีเหตุผลบางอย่างครับที่ทำให้ผมต้องเอามาใส่ไว้  ...  ถ้าเจ้าตัวบังเอิญผ่านมาเห็นรบกวนอ่านด้วยแล้วกันครับ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 50 23:23:44 จากคุณ : หมอแมว - [ 21 ต.ค. 50 23:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 10 ระวังแมงมุมใต้ห้องน้ำเครื่องบิน / ระวังแมงมุมเทลาโมเนีย ตัวอย่าง FWD  http://www.saranair.com/article.php?sid=9292 ภาษาไทย http://www.health2know.com/killer-spider-on-the-loose-the-twostriped-telamonia ภาษาอังกฤษ พร้อมรูป เนื้อหาของFWD << เล่าถึงแมงมุมพิษร้ายแรงบนเครื่องบินที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาก่อเหตุที่มาเลเซีย วิเคราะห์FWD >> เรื่องนี้สืบค้นยากหน่อยนึง เพราะว่าเป็นภาษาไทยหมดโดยถูกแปลมาอีกที แต่เมื่อค้นจากชื่อแมงมุมกลับเป็นภาษาอังกฤษ เรื่องราวก็กระจ่าง - แมงมุมเทลาโมเนีย เป็นแมงมุมกระโดดครับ (ไอ้ตัวเล็กๆที่โดดไปมาตามพื้นนี่แหละ) กัดคนได้ยังไงยังน่าสงสัยอยู่ - เมล์แบบนี้มีหลายversionมากๆๆๆ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อแมงมุม เปลี่ยนสถานที่เกิดเหตุ ... อันแรกๆอยู่ในอเมริกา จากนั้นก็เปลี่ยนที่ไปมาจนกระทั่ง เปลี่ยนที่เป็นเกิดเหตุในกัวลาลัมเปอร์ ก็ได้มีคนแปลเป็นภาษาไทยเนื่องด้วยเห็นว่าอยู่ใกล้เมืองไทย !!! - พวกนี้มันจะอาศัยในเครื่องบินได้ยังไงครับ (หรือว่าเครื่องบินมีหนอนกะหล่ำให้มันกิน) สรุปแล้ว ความหวังดีของผู้ที่ได้รับเมล์แล้วแปลออกมา ก็ทำให้เกิดความตื่นกลัวแมงมุมขึ้นมา(อีกครั้ง) แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 50 23:48:07 จากคุณ : หมอแมว - [ 21 ต.ค. 50 23:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากได้ค้นข้อมูลมาจากการฟอร์เวิร์ดในที่ต่างๆ ได้เห็นผลกระทบของฟอร์เวิร์ดเมล์พวกนี้ที่มีต่อสังคมครับ ยุคนี้ข่าวสารต้องเร็ว โดยเฉพาะข่าวร้าย คุณลักษณะสำคัญของเรื่องราวในFWDเหล่านี้ในระยะหลังคือ (อย่าเอาไปทำนะครับ) - เนื้อหาเป็นเรื่องลักษณะไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ลองทำดูระมัดระวังดูไม่เสียหาย - ชอบพูดถึงชื่อโรคที่เป็นอันตราย คนรู้จักกันดี แต่น้อยคนจะรู้ความจริงของโรคนั้นๆ (มะเร็ง สารพิษ) - ใส่ความจริงครึ่งเดียว เพื่อเวลาไปหาข้อมูลจะได้มีส่วนที่จริงๆบ้าง - ถ้าเรื่องใดมีคนบางอาชีพบางกลุ่มพิสูจน์ได้ ให้แต่งเรื่องให้มีผลประโยชน์ทับซ้อน (เวลาคนกลุ่มนี้มาอธิบายความจริง จะได้เกิดความขัดแย้ง) ความจริง กระทู้ FWD เคยจัดอยู๋ในลักษณะของไร้สาระ เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่น่ามีพิษภัยอะไร แต่ในระยะหลายปีมานี้ผมก็เริ่มเห็นผลกระทบของมันแล้ว ... - คนไข้บางคนเชื่อสิ่งที่นักข่าวเอามาอ่านในทีวี จากนั้นก็มารพ.ด้วยความกังวล ... พอผมอธิบายให้ฟังก็ไม่เชื่อ บ้างก็ไม่พอใจหรือโวยวายใส่ผม - นึกถึงสภาพคนที่ได้แต่FWD เตือนภัยการเป็นมะเร็งจากสาเหตุนั้นสาเหตุนี้ ซึ่งก่อให้เกิดโรคกลัวมะเร็งขึ้นสมองอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ในปัจจุบัน - ก่อให้เกิดการมองโลกในแง่ร้าย ยิ่งทำให้คนๆนั้นจะต้องเปิดอ่านFWDเพิ่มด้วยกลัวว่าอาจจะมีโรคบางอย่างที่มีการเตือนภัยมาแล้วตนจะตกข่าว ดังนั้น เรามาร่วมมือกันขจัดฟอร์เวิร์ดไร้สาระให้หมดไปจากสังคมกันเถอะครับ ดังนั้นเมื่อมีFWDมา ใครเห็นก็มักจะส่งต่อให้คนที่ตนเองห่วงใย แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 00:09:17 จากคุณ : หมอแมว - [ 21 ต.ค. 50 23:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รู้สึกว่าเราได้ครบทุกอันเลยนะเนี่ย 5555 จากคุณ : Queen Of Mousehole - [ 21 ต.ค. 50 23:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 งั่ม รออยู่นานแล้วครับ ลงชื่อคนแรก : D จากคุณ : nOnG_WinZ - [ 21 ต.ค. 50 23:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ้าวเฮ้ย - - โดนตัดหน้า จากคุณ : nOnG_WinZ - [ 21 ต.ค. 50 23:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 read and vote ka จากคุณ : etymo - [ 21 ต.ค. 50 23:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เยี่ยมมากครับ จากคุณ : axquest - [ 21 ต.ค. 50 23:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาลงชื่อร่วมฮากับขบวนการ fwd mail ครับ จากคุณ : Kawpod - [ 21 ต.ค. 50 23:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามมาดูครับ จากคุณ : นายปลาตีน - [ 21 ต.ค. 50 23:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มารอฟัง จากคุณ : apple_meppo - [ 21 ต.ค. 50 23:41:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขออนุญาตเอาพวกนี้ไปทำfw.mailได้มั้ยครับ จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 21 ต.ค. 50 23:46:36 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เอ้า....โหวตตตตตตตตตตตตตตตตต!!! จากคุณ : Wish You Were Here - [ 21 ต.ค. 50 23:55:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จริงๆแล้วยังมีอีกหลายอันที่อยากจะบอกอยากจะเล่าครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยรวบรวมเมล์เกี่ยวกับคนป่วยที่ส่งเมล์ขอความช่วยเหลือ โดยเฉพาะขอเลือดด่วน ... เคยรวบรวมและทำการพิสูจน์ข้อมูล ... แต่หลังจากทำไปได้พักนึงก็ต้องเลิกทำเพราะเศร้า เพราะเกินครึ่งเสียชีวิตไปแล้ว หลายคนผมได้อ่านเรื่องตั้งแต่ผู้ป่วยยังมีชีวิตจนกระทั่งค้นไปค้นมาก็ไปเจอว่าในที่สุดก็เสียชีวิตไป ... มันเศร้าเกินไป จากคุณ : หมอแมว - [ 21 ต.ค. 50 23:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคยได้ฟอร์เวิร์ดเมล์ เรื่องที่มีเข็มจิ้มในโรงหนังแล้วติดเอดส์ อ้างว่า เกิดที่เมเจอร์ เอกมัย หรือรัชโยธิน สักแห่ง ผมเคยได้เป็นเวอร์ชั่นฝรั่งเศส (เพราะใช้เมล์ yahoo.fr) ข้อความตรงกันหมดเลย แบบเกือบๆ word by word แต่เปลี่ยนที่เกิดเหตุ เป็นโรงหนังในกรุงปารีสแทน ก็ฮาๆดี จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ 22 ต.ค. 50 00:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่งได้เมว Cravit  เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ขออนุญาตก๊อบกระทู้ส่งต่อ จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น) - [ 22 ต.ค. 50 00:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 22 ต.ค. 50 01:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาอ่านต่อ ขอบคุณมากครับ :) มีประโยชน์กว่ากระทู้สอบถามว่า "FWD นี้จริงบ่?" แล้วมีแต่คนเข้ามาตอบแบบ "FWD มีแต่มั่ว" "เห็นก็ลบแล้ว" บลาๆๆๆ โดยไม่มีบทวิเคราะห์รองรับ จากคุณ : ชีริว - [ 22 ต.ค. 50 01:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตค่าาาาาา แจ่มสุดๆ คห.15 เข้าท่าเน้ จากคุณ : เตียวเสี้ยน (b39kew) - [ 22 ต.ค. 50 01:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Thanks and fwd .. จากคุณ : ด้วยคนจิ - [ 22 ต.ค. 50 01:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาเป็นพยาน จากคุณ : KCrazy16 - [ 22 ต.ค. 50 01:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ครูเคยเขียนสมการเคมีให้ดูอ่า น้ำอัดลมทำให้กระดูกผุ กระดูกที่นี้หมายถึงฟัน นอกจากจะเกิดเพราะปฎิกิริยาเคมีแล้ว ยังทำให้น้ำตาลเกาะ ถ้าแปรงฟันไม่สะอาดหรือไม่แปรง ก้ผุได้ และอาหารหลายชนิดก้มีสารที่ทำให้ฟันผุนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 22 ต.ค. 50 01:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาโหวตกระทู้ จากคุณ : mancunian - [ 22 ต.ค. 50 01:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่ค่อย fwd mail ครับ เพราะดูไร้สาระมาก ที่ได้หลังๆที่พอรู้ว่ามั่วมาก ก็เรื่อง hotmail จะตัดสมาชิกถ้าไม่ส่งข้อความต่อ เรื่องขวด pet ที่ทำงานก็พูดกัน หันไปซื้อขวดพลาสติกทีเขาว่าไว้ใส่น้ำแทนกัน แต่ผมว่าคนมักเชื่อไปก่อน ไม่พร้อมจะหาข้อพิสูจน์ หรือหาความจริง ยังมีพวกส่งต่อแล้วได้เงินจริงหรือเปล่าครับ ผมได้มาลบทุกทีเลย แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 09:14:40 จากคุณ : 821 (บัตรผ่าน 821) - [ 22 ต.ค. 50 04:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โหวตตตตต จากคุณ : KuMp - [ 22 ต.ค. 50 04:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาโหวตกระทู้อีก จากคุณ : Humble - [ 22 ต.ค. 50 07:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 กว่าจะมา ปลาหมึกผมหมดไปเป็นเข่ง ปลาหวานหมดไปหลายกิโล น้ำอัดลมอีกเป็นลัง เพราะปูเสื่อรอตังกะกระทู้ก่อนนู้น ว่าแต่ ปลาหวานทำจากอะไรอ่ะ? จากคุณ : ดุก - [ 22 ต.ค. 50 09:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เข้ามาโหวตกระทู้ จริงๆมีเว็บต่างประเทศหลายแห่งที่ รวบรวมและวิเคราะห์เรื่องเมล์พวกนี้ ถ้าได้รับเมล์มา ลองใช้ Google หาดู hoax KEYWORD ถ้า KEYWORD เป็นภาษาอังกฤษก็จะหาไม่ยาก ยกเว้นพวก แปลเป็นภาษาไทยแล้ว เพราะยังไม่เคยเจอเว็บไทยที่รวบรวมเรื่องพวกนี้ ลอง verify เรื่องแมงมุมดู http://www.google.co.th/search?q=hoax+mail+Telamonia&btnG=Search&hl=en&client=firefox-a&rls=com.google%3Aen-US%3Aofficial&hs=4bm จากคุณ : kiox - [ 22 ต.ค. 50 09:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โหวตให้ขึ้นไปคู่กัน หุหุ    >_<b เคยได้ยินมาว่า พวกมันฝรั่งที่งอกรากออกมาแล้ว ห้ามเอามาทำอาหารอีก แม้ว่าจะตัดส่วนที่เป็นรากนั้นทิ้งไปแล้วก็ตาม เพราะว่ามันจะทำให้เกิดสารจำพวกไซยาไนต์ จริงหรือป่าวคะ ปล. ได้ยินมาจากห้องก้นครัวของพันทิปนี่แหล่ะ เห็นว่าข้อมูลมาจากเวปไซต์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งด้วย แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 11:51:01 จากคุณ : ตุปัดตุเป๋ - [ 22 ต.ค. 50 09:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ลืมรูป จากคุณ : ตุปัดตุเป๋ - [ 22 ต.ค. 50 09:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตามติด ติดตาม จากคุณ : Flower_kiss - [ 22 ต.ค. 50 09:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แวะมาเก็บข้อมูล จากคุณ : เฒ่าเจ้าอุบาย - [ 22 ต.ค. 50 09:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โหวตคร๊าบ หมอแมว ถ้ายังไง ขออนุญาตอีกครับ เอา ไป fw ต่อนะครับ เหอๆๆ เดียวรอบนี้จะเอาเนียนๆ จากคุณ : vn, man - [ 22 ต.ค. 50 09:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 37 โดยเพาะ เมล์ ขอความช่วยเหลือ ที่ไม่ลง เวลา และระยะอาการเจ็บป่วยนี้ชัดเจน จึงไม่รู้สถานะ หรือเดาสถานะผู้ป่วย ณ วันที่ได้รับเมล์ไม่ได้ ผมก็จะ ไม่  FFWD ต่อ จากคุณ : ก้นกบ - [ 22 ต.ค. 50 09:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตามมาโหวตจากกระทู้ที่แล้ว จากคุณ : Zew - [ 22 ต.ค. 50 09:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากครับหมอแมว จากคุณ : ChocolateMousse - [ 22 ต.ค. 50 09:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หมอแมวคับ ขอเอาไปทำ FWD แล้วนะครับ ขอแก้ไขข้อความบางส่วนเพื่อเชื่อมต่อ 2 กระทู้ให้เป็นข้อความเดียวนะคับ ถ้าหมอแมวยังใช้ drcat@thaimail.com อยู่ คงจะได้รับของผม ส่งไปให้ proof นะครับ อ้าว ไม่ได้ใช้ thaimail แล้วเหรอ mail มันตีกลับอ่ะคับ แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 09:58:31 จากคุณ : ดุก - [ 22 ต.ค. 50 09:55:26 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เข้ามาโหวตให้ครับ จากคุณ : misterdoice - [ 22 ต.ค. 50 09:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มีคนมาถามเรื่อง PPA ประกาศเพิกถอนยา ขณะนี้อนุกรรมการควบคุมอันตรายจากการใช้ยา มีมติในรอบแรกว่า ให้เพิกถอนยาที่มีส่วนผสมของ พีพีเอ ซึ่งมีผลทำให้เลือดออกในสมองได้ ต่อไปนี้ 1. ทิฟฟี่ 2. ดีคอลเจน 3. นูต้า 4. นูต้าโคล 5. ทิพทอพ   6. ฟาโคเจน 7. โคลัยซาล 8. ไดมีเท๊ป ^ ^ ^ คำตอบคือจริงครับ ถูกถอนไปเมื่อปี 42 หรือ 43 นี่แหละ แต่...... Dose PPA ที่ทำให้เกิดเลือดออกในสมอง ซึ่งเป็นขนาดที่ใช้ในยาลดน้ำหนักนั้น มากกว่าที่ใช้ในยาพวกทิฟฟี่ไปราวๆ 20 เท่าครับ หรือเท่ากับว่าคุณกิน Tiffy 20 เม็ดทีเดียว และออกกำลังกายหนักๆ ซึ่งทั้งหมด เป็นแค่ความเสี่ยง ไม่ใช่ผลที่เกิดทุกราย ดังนั้นการใช้ PPA ยังคงมีอยู่ในทางยุโรปครับ เพราะโอกาสน้อยมากๆ และบ้านเราไม่เคยมีรายงานการเกิดเลือดออกในสมองจาก PPA ในขนาดที่ใช้ในยาลดน้ำมูก จากคุณ : Epinephrine - [ 22 ต.ค. 50 10:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมไม่ค่อยดื่มโค้ก แต่ตอนนี้มวลกระดูกต่ำกว่ามาตรฐานแล้วน่ะ จากคุณ : AJ_da_NR - [ 22 ต.ค. 50 10:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณมากครับ โวดให้ด้วย........... ............... ............ ............ ............. ........... ............... ............ ............ ............. ........... ............... ............ ............ ............. ........... ............... ............ ............ ............. ...........บอกตามตรง..ผมเองก็รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่นิดนึงที่ได้ยินพวกขายตรงพูดกันอยู่เป็นประจำว่ากินน้ำตาลทรายขาว มีสารฟอกขาว....อยากจะบอกว่าเขาใช้การตกผลึกซ้ำเพื่อให้น้ำตาลขาวไม่ใช่ใส่สารฟอกสี ว้อยยยยยยยย จากคุณ : โกยแนบ - [ 22 ต.ค. 50 10:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ดีครับ จากคุณ : tobhop (tobhop) - [ 22 ต.ค. 50 10:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ... เข้ามาโหวต จากคุณ : ลูกจ้างดีเด่น - [ 22 ต.ค. 50 11:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 47 โวต โดยไม่ลังเลครับ จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 22 ต.ค. 50 11:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ยอดเยี่ยม และ โหวตให้ จากคุณ : Sorn มาคับ - [ 22 ต.ค. 50 13:07:14 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โหวตด้วยคน ไม่เคยเชื่อเมล์พวกนี้เลย เว้นเมล์ขอบริจาคเลือดหรือไขกระดูกที่มีชื่อคนไข้ โรงพยาบาล ชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรชัดเจน อย่างนี้คิดว่าเค้าคงเดือนร้อนจริง จากคุณ : คนช่างคุย - [ 22 ต.ค. 50 13:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 50 โหวตซะ จากคุณ : SausageBunn - [ 22 ต.ค. 50 13:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เรื่องน้ำตาลทรายขาวกับสารฟอกสี ทำให้เพื่อนที่ทำงานเก่าผมต้อชงกาแฟกินกับน้ำตาลทรายแดง ส่วนผมไม่รู้ที่มาที่ไป ก็ไม่สนใจ ใส่ทั้งขาวทั้งแดง จากคุณ : AW Milan - [ 22 ต.ค. 50 14:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อวานน้องไปดูโรงงานน้ำตาลมา มันมาเล่าว่า น้ำตาลทรายขาวเค้าใส่ปูนขาวเข้าเครื่องฟอก ส่วนน้ำตาลทรายแดงใส่คาราเมล -*- เห็นมันบอกว่าน้ำตาลทรายแดงแท้ๆก่อนใส่คาราเมลสีมันออกคล้ำๆดำๆ ไม่รู้หลอกหรือจริง ใครรู้วานบอกเล่าความจริงหน่อยจ้า ปล.ขอบคุณหมอแมวมากๆค่ะ (ตามมาแก้คำผิดเจ้าค่ะ) แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 15:20:03 จากคุณ : Minty the Pooh - [ 22 ต.ค. 50 15:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 โหวตซะ... FWDMมีออกมาเรื่อยๆ คงต้องทำภาค3,4,5ออกมาอีก เหอะๆ ติดตามผลงานอยู่นะครับ จากคุณ : Headless Horseman - [ 22 ต.ค. 50 15:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ผมเคยเจอเมลมาขอบริจาคเลือดนี่แหละครับ.. อ่านไปอ่านมากลายเป็นว่าของเพื่อนสมัยเรียนของผมเอง.. มาขอบริจาคเลือดให้น้องสาว ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นไงมั่งอะ.. สงสารเหมือนกัน จากคุณ : k3v1n - [ 22 ต.ค. 50 16:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เคยเจอประเภท .. เมล็ดสีดำในแก้วมังกรทำให้เกิดมะเร็ง ได้หลายรอบด้วย จากคุณ : la-la-bell - [ 22 ต.ค. 50 16:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แอบมาโหวตครับ อิอิ จากคุณ : pattapon - [ 22 ต.ค. 50 19:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 57 oO(จริงๆเรื่องอาหารที่เป็น Fwd mail อีก ก็เช่นโรติบอย / ชาเขียว) จากคุณ : ดันไบน์ - [ 22 ต.ค. 50 19:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เยียมครับ จากคุณ : รบมิพัก รักมิยั้ง - [ 22 ต.ค. 50 20:50:29 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ดีมากครับ ขอบคุณมาก ขอโหวตให้กำลังใจครับ จากคุณ : threeS - [ 22 ต.ค. 50 21:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณครับ จากคุณ : chapicha - [ 22 ต.ค. 50 22:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โหวตเหมือนเดิม ขอเอาไปทำFW mail ด้วยนะครับ จากคุณ : neopeax - [ วันปิยมหาราช 00:13:44 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ดีค่ะ โหวตค่ะ มีอีกมั้ยคะคุณหมอ จากคุณ : Malalee - [ วันปิยมหาราช 02:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณมากๆครับ โชคดีที่ไม่ค่อยเชื่อfwd mail เท่าไหร่อยู่แล้ว^_^ จากคุณ : Mr. Backpack - [ วันปิยมหาราช 08:09:08 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ลงชื่อ ว่าเคยได้ครบหมดเลย แล้วก็ลบทิ้งหมดเลยด้วย โหวตค่า จากคุณ : Bubble_eis - [ วันปิยมหาราช 13:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ทำ fwd mail เรียบร้อยแล้ว เบื่อพวกนั่งเทียนเขียน และพวกนั่งเทียนกดส่ง เซ็ง ขอบคุณ จทกทด้วยนะคะ จากคุณ : Angel in Big City - [ วันปิยมหาราช 14:11:00 ]

ความคิดเห็นที่ 66 แล้วพวกคนป่วยตามฟอเวิดเมลนี่เรื่องจริงใช่มั้ยคะ? แล้วที่จะได้เงินจากการฟอเวิดเพื่อนำไปใช้จากการรักษาด้วย ปกติไม่ชอบอ่านฟอเวิดเมลอะค่ะ อ่านทีไรจิตตกทุกที เพราะถ้าไม่ฟอเวิดต่อก็ต้องโดนแช่ง  เพราะฉะนั้นไม่เปิดอ่านเลยจะดีกว่า... จากคุณ : OriGaml (OriGaml) - [ วันปิยมหาราช 17:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ^ ^ ^ อืม...เห็นด้วยกับคุณคนข้างบนค่ะ โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าการฟอร์เวิร์ดต่อๆกันไปมันจะทำให้ได้เงินได้ยังไง กว่าจะติดตามรู้ว่าเมล์ฉบับล่าสุดที่ส่งไปส่งต่อมากี่ทอดหรืออยู่ตรงไหนของ โลกแล้วไม่เหนื่อยตายรึ? ไหนจะแปลไปหลายๆภาษา เพิ่มข้อความเข้าไป อีก สุดท้ายเค้าเดิมก็ไม่เหลือแล้ว... ที่สำคัญมาแช่งกันอย่างนี้รับไม่ได้จริงๆ ถ้าคนคิดจะช่วยเขาก็ส่งต่อให้เอง ทำไม ต้องแช่ง? ทำอย่างนี้น่าจะทำให้เมล์นั้นภาพลักษณ์ติดลบมากกว่านะคะ แต่ ก็นั่นแหละ คนที่ฟอเวิร์ดมาเค้าคงไม่ได้อ่านข้อความของเราหรอก... - -" ปล. สุดท้ายเห็นบอกว่าจะแช่งถ้าไม่ส่งต่อ เลยฟอเวิร์ดเข้าเมล์ของตัวเองอีก อันแล้วลบทิ้งไปเลย เหอะๆๆๆ อยากแช่งก็แช่งไปเถอะ เราฟอเวิร์ดให้แล้ว ไง? ใจดีพอมั้ย? จากคุณ : bete noire - [ วันปิยมหาราช 20:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เอ่อ!!พอดีผมอยากถามอ่ะครับว่า...เมนทอส กับ ไอ้เครื่องดื่ม โคล่า ทีผมได้ดูจาก คลิป ทั่วไปเนี่ยครับ..ถ้ารับประทานพร้อมกันมันจะเป็นอะใรมั้ยครับ...ขอบคุณครับ จากคุณ : แมงโม้โต้คลื่น - [ วันปิยมหาราช 21:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ได้ความรู้มากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเด๋วต้องเอาไปบอกบรรดาเพื่อนๆนักช่างเวิร์ดหน่อยแล้ว จากคุณ : ปูปูจัง - [ วันปิยมหาราช 22:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เพี้ยง ใครก็ได้ นำทั้งภาค 1 และ 2 ไปทำเป็น fwd mail ทีเท้อะ สาธุ จากคุณ : olivine - [ วันปิยมหาราช 22:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เยี่ยมมากๆค่ะ อยากให้ทีวี เอา กระทู้นี้ไปอ่านออกอากาศบ้างจัง จากคุณ : ธาราฝัน - [ วันปิยมหาราช 22:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขออนุญาตนำไป FWD ต่อนะคะ ปล. มีภาค 3 4 5 ... ก็ดีค่ะ เพราะว่า FWD mail เยอะเหลือเกิน.. จากคุณ : lic0ricez* - [ 24 ต.ค. 50 02:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขออนุญาต หมอแมว fwd ให้ประชาชีได้รับทราบค่ะ จากคุณ : skyrocket - [ 24 ต.ค. 50 11:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ไม่ค่อยเชื่อฟอร์เวิร์ดเมลล์เลยซักอัน แต่เมื่อเร็วๆนี้ได้รับอันนึง ที่ว่าเป็นเด็กถูกไฟใหม้ แล้วให้ส่งต่อเด็กจะได้ค่ารักษาเมลล์ละเท่านั้นเท่านี้ ก็ยังคิดว่าเค้าจะตรวจเช็คได้ยังไง ว่าใครส่งไปเท่าไรแล้ว แล้วเด็กจะได้เงินได้ยังไง แต่อะไรก็ไม่เท่า ฟอร์เวิร์ดฉบับนั้นมีหัวข้อว่า "ถ้าไม่ส่งต่อ ก็ไม่ใช่คนแล้ว" เออ ฉันมันไม่ใช่คน (ทำอะไรไม่คิด) ก็เลยลบทิ้งไปพร้อมกับความขุ่นมัวในจิตใจ จากคุณ : vilandra - [ 24 ต.ค. 50 16:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เข้ามาอ่านครับ จากคุณ : ไม่หวั่นแม้วันมามาก - [ 24 ต.ค. 50 22:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขออนุญติไปทำ fwd mail นะคะ ไอ้เพื่อนผู้หวังดีชอบ ส่งมาให้เราบ่อย ๆ จะได้ออกมันว่าไม่จริง โหวตแล้วค่ะ จากคุณ : กบข้างกะลา - [ 25 ต.ค. 50 11:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 77 vote จากคุณ : ฟิโลใบมะละกอ - [ 25 ต.ค. 50 15:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขออนุญาตเอาไปส่งต่อให้คนที่ชอบส่งเมลพวกนี้มาให้ได้อ่านนะคะ จากคุณ : Cataholic - [ 25 ต.ค. 50 16:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อยากให้คนไทย หันมาหาข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่หาข้อมูล เสริมแต่งขึ้น ใส่ไข่ผสมน้ำ เอาให้คนกลัวเข้า แล้วมันก็มีปัญหาครับ จากคุณ : YangMaster - [ 25 ต.ค. 50 22:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 80 (^/\^) ขอบคุณคุณหมอมวมากๆเลยค่ะ ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ บอกต่อนะคะ ^^ รอติดตามการวิเคราะห์ภาคต่อๆไปค่ะ ^^ จากคุณ : *+*amemiya*+* - [ 25 ต.ค. 50 22:03:40 ]

ความคิดเห็นที่ 81 vote... เมล์แบบนี้มาไม่เคยส่งต่อ ส่งต่อแต่ภาพเด็ดๆ จากคุณ : chem chem - [ 25 ต.ค. 50 23:19:00 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เคยได้ฟอร์เวิร์ดเมล์มา  เพื่อนโทรไปถาม  สรุปคนป่วยตายไปหลายปีแล้วค่ะ เมล์เรื่องผู้ป่วยโรคไตที่เพิ่งมีเรื่องกันไปหมาด ๆ สรุป...ผู้ป่วยแข็งแรงกว่าเราอีกอะ -_-' ยังไปทำงานได้  ยังไปเที่ยวเมกาได้  ให้ได้งี้สิว้าเราเองจะไปช่วยเค้ายังทำงานประจำไม่ไหวเลยเจ้า จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ วันออกพรรษา 01:19:11 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ทำฟอร์เวิดเมล์กัน เผื่อรายการ "นั้น" จะเอาไปอ่าน ให้หาย โง่ว มั่ง จากคุณ : Alovera - [ วันออกพรรษา 09:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ตามมาโหวตเด้อ จากคุณ : To><ic - [ วันออกพรรษา 09:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อนะครับ จากคุณ : โกฏิดารา - [ วันออกพรรษา 10:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณมากครับ อยากให้ตีแผ่ฟอร์เวิร์ดเมล์ตัวอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจังเลย(โดยเฉพาะเรื่องฮอทเมล์ เพื่อนก็ส่งมากันจัง ผมบอกเท่าไหร่มันก็ไม่เชื่อ - -) จากคุณ : ScaperS - [ วันออกพรรษา 12:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณอีกครั้ง ในการช่วยสังคใทยของคุณหมอแมว ไปอ่าน#1มาแล้ว จากคุณ : มนุษย์เคมี (gomtsn) - [ วันออกพรรษา 20:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เอ...ทำไมเราไม่ค่อยได้FWเมลล์ประหลาดๆเลยอ่ะ หรือว่าเราลบทิ้งหมดเลยก็ไม่รู้ 1 โหวต จากคุณ : bubblebaba - [ 27 ต.ค. 50 04:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอถามเรื่องน้ำอัดลมหน่อยครับ... มันอาจไม่ทำให้กระดูกผุ แต่มีผลกระทบโดยตรงกับฟันหรือเปล่า เพราะว่ามีช่วงหนึ่ง แม่ผมจะติดน้ำอัดลมประเภท แมกซ์ หรือ ซีโร่ มากๆ ชนิดดื่มทุกวัน จนวันหนึ่ง ไม่รู้แม่ผมไปทำอะไร แต่ว่าฟันหน้าสองซี่เปราะจนบิ่นไปเลยครับ ทั้งที่ก่อนช่วงติดน้ำอัดลมประเภทนี้ ก็ไม่เคยเกิดเหตุฟันบิ่นง่ายดายแบบนี้... ผมเลยสงสัยว่า 1. สารให้ความหวานพวกแซคคาริน แอสปาร์แตม ส่งผลกระทบต่อฟันหรือไม่? 2. ในน้ำอัดลมพวกนี้นอกจากสารให้ความหวาน ในเมื่อมันไม่ใส่น้ำตาล มันต้องใส่อะไรเพิ่มมาหรือเปล่า ที่ส่งผลกระทบต่อฟัน จากคุณ : nanoguy - [ 27 ต.ค. 50 08:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณ คุณหมอแมวด้วยนะคะ ดีจังนะคะได้ fw พวกนี้เกือบครบทุกอันเลยคะ แต่ที่เพื่อนส่งมาเพราะมันหวังดี... ใครใจดีส่ง..ตีแผ่ Forward mail ลวงโลกที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ # 1 และ2 มาทางmail ให้บ้างนะคะ.. จะได้ส่งต่อคะ จากคุณ : เมฆน้อยสีฟ้า - [ 27 ต.ค. 50 14:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เรื่องน้ำอัดลมที่ดื่มมากๆหรือดื่มเป็นประจำแล้วทำให้กระดูกผุนั้น เคยอ่านมาโดยมีรายละเอียดมากกว่านี้ ไม่ใช่ความเป็นกรด หรือ ค่า pH ต่ำที่กัดกร่อนกระดูก แต่เพราะ กรดฟอสฟอริก ซึ่งแตกตัวเป็น ไฮโดรเจนอิออน กับ ฟอสเฟสอิออน PO42- ซึ่งตัวหลังนี้ถ้ามีในเลือดมากจะทำให้ เลือดเสียสมดุลย์ ร่างกาย จึงขับ แคลเซียมจากกระดูกออกมา เพื่อปรับสมดุลย์ ในกระดูกเรามีธาตุทั้งสองอย่างทั้ง แคลเซียม และ ฟอสฟอรัส ประกอบอยู่ในมวลกระดูก แล้วก็เชื่ออย่างนี้มาตลอด วันหนึ่งญาติลูกป้านอนเข้าเฝือกขาอยู่บ้าน พอดีเราไปที่บ้านเขา ป้าเล่าว่าน้องเล่นฟุตบอล หกล้มแล้วกระดูกแข้งหัก! เราก็เลยถามว่าชอบดื่มน้ำอัดลมใช่มั้ย ป้าบอกว่าใช่ชอบมากเป๊บซี่เนี่ย แล้วก็หันไปบอกลูกว่าได้ยินที่เฮียพูดมั๊ย ที่นี้จะอธิบายต่ออย่างที่อธิบายมาแล้วก็ไม่มีใครฟังเพราะฟังไม่รู้เรื่องก็เลยจำแค่ว่าดื่มน้ำอัดลมแล้วกระดูกเปราะ ทีนี้มาวิเคราะห์ต่อว่า ทำไม ฟอสเฟสอิออน ถึงต้องทำปฏิกริยากับเฉพาะ อิออนบวก แคลเซียมเท่านั้น อันนี้ไม่ทราบ หรืองว่าจะเป็นเพราะเป็นธาตุที่มีอยู่แล้วในร่างกายและหาได้ง่าย หรือเพราะค่า อิเล็กโตรเนกกาติวิตี ของ แคลเซียมพอเหมาะกับ ฟอสฟอรัส ก็ไม่อาจทราบได้ เพราะไม่สามารถทดลองได้ แต่ ถ้าถามพวกที่เคยกระดูกหักแบบไม่น่าจะหักได้ง่ายๆ น่าจะได้คำตอบว่าชอบมากดื่มทุกวัน วันละขวดขึ้นไป ซึ่งก็พอที่จะให้เชื่อได้บ้าง แต่ ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ที่แท้จริง ที่กล่าวมาข้างต้นจะเน้นว่าดื่มมากๆหรือเป็นประจำ นะครับ ที่เคยอ่านใน รีดเดอร์ไดเจสต์ ได้วิจัยมาว่า ใน น้ำส้ม กรีนสปอต ซึ่งไม่ได้อัดลมก็มี กรดฟอสฟอริก ดังนั้นน้ำผลไม้ปรุงแต่งก็น่าจะมีกรดนี้เช่นเดียวกัน จากคุณ : PSN - [ 27 ต.ค. 50 17:46:36 A:203.170.132.15 X: ]

ความคิดเห็นที่ 92 นี่แหละครับสังคมยุคข้อมูลข่าวสาร อิสระเสรีจนแยกแยะไม่ถูกว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ น่าสงสารก็แต่คนที่มองโลกในแง่ดีแต่ขาดวิจารณญาณในการรับข้อมูล ใครว่าอะไรเชื่อเสียทุกอย่าง หยุดคิดสักนิดก่อนจะเชื่ออะไร เรื่อง FW mail นี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งขอความ:-)ครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้จากใจจริง จากคุณ : เพียงผ่านมา - [ 27 ต.ค. 50 18:56:01 A:117.47.140.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 93 ไม่เคยอ่านเลยค่ะ  เบื่อมาก ๆ เพราะเพื่อนชอบส่งให้  จะเปลี่ยนเมลหนีก็ไม่ได้เพราะใช้เมลอันนี้เยอะสุด  จนต้องส่งเมลบอกเพื่อนไปว่า  I hate forward mail !!!!  -*- โหวตไปอีก 1 เสียง  แล้วมาลงอีกนะคะ จากคุณ : Synthia - [ 27 ต.ค. 50 20:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 94 โหวตค่า ขออนุญาตนำไปบอกเพื่อนต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : [Y]o[U]_k[N]ow13 - [ 28 ต.ค. 50 00:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อ่านแล้วก็โหวตค่ะ.. จากคุณ : primjang - [ 29 ต.ค. 50 14:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อันนี้ด้วยค่ะ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5965389/L5965389.html +++fwd mail กินยาแล้วนอนทันทีอาจตายได้ << จริงหรือ เว่อร์ไปป่าว ***รบกวนเพื่อนๆ อ่านเมล์นี้ แล้วบอกหน่อยว่ามีทางเป็นไปได้ไหม ส่วนตัวคิดว่า over ไปหน่อยป่าว อ่านแล้วตลกอะ ช่วยแจงเหตุผลให้เราด้วย ก็จะดีมาก เพราะเราจะได้ fwd mail กลับไปให้คนที่ส่งมา ให้ตาสว่างสักทีค่ะ Subject: กินยาแล้วนอนทันทีอาจตายได้ หลายๆคนป่วยจากการกินยาเม็ดแคปซูลกับน้ำอุ่นโดยที่ไม่รู้ว่ายาจะถึงกระเพาะก่อนละลายน้ำหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าคุณควรจะกินยาแบบไหนดี คำแนะนำจากแพทย์ - ยาเม็ดสามารถละลายด้วยน้ำเย็น หลังจากกลืนคุณควรดื่มน้ำตามมาก ๆ - ควรทานยาก่อนนอน 30 นาที ไม่ควรทานยาแล้วนอนเลย เพราะยาอาจะไม่ลงในกระเพาะ ตัวอย่าง ผู้ชายคนหนึ่งทานยาแอนตี้ไบโอติคส์และดื่มน้ำน้อยเกินไป ยาจึงลงไปไม่ถึงกระเพาะ ยาค้างอยู่ที่หลอดอาหารและเป็นเหตุให้หลอดอาหารอักเสบ หกวันผ่านไปเค้ากินได้แค่นมเย็นกับอาหารเหลว และนอนโรงพยายาลอีก 5 วัน แพทย์เตือนว่าอาการอาจจะแย่ลงและอาจมีผลข้างเคียง สุดท้ายเกิดอาการไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตหลังเข้าโรงพยาบาลเพียง 2 สัปดาห์ เพราะฉะนั้นต้องระวัง เมื่อกินยาเม็ดหรือแคปซูลอย่าดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน น้ำผลไม้ หรือน้ำหวานทุกชนิดตามยาลงไป ทางที่ดีควรดื่มน้ำเย็นเท่านั้น ถ้าคุณรู้สึกกระหายในลำคอหลังจากทานยา ให้ดื่มน้ำตามมาก ๆ และควรยืนหรือนั่งตัวตรงๆ เมื่อทานยาอย่านอนทันที กรุณาส่งต่อให้คนอื่น ๆ และเพื่อน ๆ ของคุณ ^ ^ ^ ไ่ม่นะ ยังไม่ส่ง ขอเชคข้อมูลจากพันทิปก่อน จากคุณ : Angel in Big City - [ 29 ต.ค. 50 14:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ^ เรื่องในคห. 96 เคยได้เหมือนกันค่ะ ถามพี่ Epinephrine แล้วได้ความว่า อันนี้มันเป็นกรณีของยา Doxycycline ซึ่งมีผลข้างเคียงคือระคายทางเดินอาหาร ไม่ถึงตายหรอก ยกเว้นไม่รู้แล้วติดเชื้อที่แผลซ้ำ ซึ่งโอกาสน้อยมากๆ รอพี่ Epi มาตอบละเอียดๆ อีกที จากคุณ : แมวน้อยสีน้ำตาล - [ 29 ต.ค. 50 18:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เป็นประโยชน์มากครับ.. จากคุณ : granun - [ 30 ต.ค. 50 05:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตามมาโหวตอีกกระทู้ และ ((เพิ่มเติมข้อความ))  .. ขอโหวตให้มี fw-mail สาขาอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องสุขภาพด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 50 13:20:17 จากคุณ : จิตรางคทา - [ 30 ต.ค. 50 11:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เยี่ยมไปเลยครับคุณหมอ จากคุณ : k_patchara - [ 30 ต.ค. 50 19:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ได้รับกระทู้จาก Forward mail นี่แหละค่ะ ขอบคุณนะคะ โหวตให้ จะได้มีคนเห็นมากขึ้นๆอีกค่ะ จากคุณ : kukurichan - [ 30 ต.ค. 50 20:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เรื่องการกินยา เราเป็นคนนึงที่เชี่ยวชาญการกินยาเม็ดมาก ขอตอบจากประสบการณ์"ส่วนตัวเท่านั้น"นะคะ เรากินยาเม็ดต้องกินกับน้ำธรรมดา ถ้ากิน น้ำเย็น=ติดคอ กลืนลงคอแต่ไปไม่ถึงท้อง หรืออาจไม่ลงคอเลยด้วย เสียเวลานานในการพยายามกินมาก น้ำร้อน=ยาละลายตั้งแต่ในปาก-ในคอ ก็เท่ากับกินยาน้ำขมๆ แต่ข้นหน่อย ถ้าเป็นยาฆ่าเชื้อแล้วไปติดตามหลอดอาหารก็จะ...เหม็นมากๆ (กลิ่นแบบ...นรกมีจริงมากๆ) แต่จะกินด้วยอะไรก็ไม่มีปัญหานะคะ กินด้วยน้ำเกลือแร่ ผลไม้ หรือแม้แต่น้ำอัดลม (อันหลังนี่กลืนยากสุด) กินแล้วนอนทันทีก็ทำมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังนั่งพิมพ์แบบเป็นๆอยู่ค่ะ แต่ยามันติดคอจริงๆค่ะ แต่ถ้ากินน้ำตามมากๆๆๆๆก็ไม่เป็นไร กินจนพุงป่องก็ล้มลงนอนได้ทันทีแต่มันไม่น่าจะติดค้างอยู่ที่คอข้ามวันข้ามเดือนหรอกค่ะ เพราะว่าเวลาเรากลืน หลอดอาหารมันจะบีบตัวไล่อาหารลงไปเรื่อยๆ(เหมือนเล่นเวฟน่ะค่ะ) แม้เวลาที่เรานอนก็เถอะ มันก็บีบๆๆๆๆๆต่อไปเรื่อยๆอยู่ดี ซึ่งนี่ก็ขจัดความเชื่อเรื่องห้ามนอนกินไปได้ ห้อยหัวก็กินได้ค่ะ แต่ลำบาก+ต้องระวังสำลักกันหน่อยเท่านั้นเอง(ไม่เชื่อแต่ก็ทดลองมาหมดแล้ว) แล้วเวลาเรากินอย่างอื่นลงไป มันก็จะไปครูดเอาเศษยาที่ละลายแปะติดกับผนังหลอดอาหารลงท้องไปด้วยอยู่แล้ว จริงมั้ยคะ อีกอย่าง ส่วนตัวเท่าที่เอายามาเล่นพบว่า ยาละลายในน้ำร้อนได้เร็วกว่าน้ำเย็นนะคะ(เล่นตอนเด็กๆ) FWD ของคุณ96 น่าจะตายจากสาเหตุอื่นมากกว่าค่ะ(ถ้าจริงน่ะนะ) ไม่เกี่ยวกับกินยาแล้วนอนทันที หรือยาละลายก่อนถึงกระเพาะ ไม่งั้นเด็กๆกินยาน้ำนี่แย่เลยค่ะ อ้อ กินน้ำน้อยก็ไม่ดีนะคะ แต่ไม่ร้ายแรงค่ะ ตอนเด็กๆ(ถึงทุกวันนี้ก็เถอะ) บางทีถึงเวลากินยาทั้งๆที่ไม่มีน้ำ เราก็กินยาเปล่าๆนั่นแหละค่ะ กลืนน้ำลายถี่ๆแทน แต่ถ้าใครจะทำตาม อย่าทำกับยาฆ่าเชื้อนะคะ ถ้าไม่อยากได้กลิ่นนรกไปทั้งวัน หึหึหึ จากคุณ : มาตรฐาน - [ 30 ต.ค. 50 23:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 103 โหวตครับ ^^ จากคุณ : BlackLotus - [ 31 ต.ค. 50 16:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ตามมาดูอีกกระทู้ โหวตค่ะ จากคุณ : หอยน้อยในโคลนตม - [ 31 ต.ค. 50 20:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 105 สงสัยเรื่องชาเขียวเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ที่ชาเขียวเย็นดื่มมาก ๆ จะเป็นมะเร็งอ่ะค่ะ จากคุณ : oldword - [ 31 ต.ค. 50 23:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เรื่องขี้ผึ้งที่เคลือบถ้วยมาม่าอีก ตกลงเป็นจริงหรือเปล่าคะ จากคุณ : --Polka Dots-- (--Polka Dots--) - [ 1 พ.ย. 50 08:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 107 อยากจะเขียนทำนองนี้เหมือนกัน แต่ติดขัดเวลา จึงขอขอบคุณผู้ตั้งกระทู้ และอยากฝากบอกต่อ๐กันด้วย เรื่องขวด PET มี อ้างอิงอันหนึ่ง มาให้ค่ะ Does Refilling / Reusing PET Water Bottles Cause Harmful Substances to Leach into the Water? Frequently Asked Questions Concerning PET Bottles and Reuse How do I know the plastic in my bottle is safe? The U.S. Food and Drug Administration carefully reviews substances intended for food contact before allowing them to be used for food packaging applications. FDA reviews data on composition, potential transfer of materials (migration) to food, and the toxicology of the materials. Is it true that PET is only approved for single use containers? No. PET is cleared for single and repeated use containers Will a PET plastic bottle leach unsafe amounts of harmful substances into water if I reuse it? No. The simple act of reusing a PET bottle does not make it hazardous. This statement probably comes from a master’s thesis that looked at “organic chemical migration from reused PET bottles”. This study was not published in a peer-reviewed publication and the data around DEHA migration appear to be random. Other compounds found in the study were not reported due to apparent background contamination. DEHA data may be equally unreliable. A study performed by the Swiss Federal Laboratories for Materials Testing and Research tested PET bottles for DEHA and found no difference between new and used bottles, DEHA levels were similar to controls, and DEHA levels were well below the World Health Organization Guideline of 80 ug/L. I saw an e-mail that stated PET bottles “contain a potentially carcinogenic element (something called diethylhydroxylamine of DEHA).” Should I be concerned? No. The e-mail author confused two chemicals, neither one of which is used in PET. The compound referenced in the study is Diethylhexyl adipate, also known as DEHA. Diethylhexyl adipate is not classified as a carcinogen. Diethylhexyl adipate is cleared by FDA for use to make other plastics (not PET) soft and pliable. For more information on DEHA, go to plasticizers.org จาก http://www.petresin.org/qa_002.asp จากคุณ : khun-Nong - [ 2 พ.ย. 50 10:29:26 A:203.151.96.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 108 ผมสงสัยเรื่องนี้เหลือเกินครับ อยากขอคำชี้แนะ โรค DVT แพทย์เชื่อว่าอาการเลือดจับตัวเป็นก้อนลิ่มในเส้นเลือดของผู้ตายรายหนึ่ง สาเหตุมาจากการที่ใช้เวลานั่งทำงานอย่างต่อเนื่องกับคอมพิวเตอร์นานเกินไป โดยที่ไม่ได้มีการขยับร่างกาย หรือลุกออกไปไหนเลย มันเป็นจริงที่ว่า คอมพิวเตอร์สามารถทำให้คุณตายได้ ซึ่งเราไม่ได้กำลังพูดถึงการเล่นเกมที่ตายหน้าเครื่อง หลังจากอดอาหารและน้ำต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน แต่หมายถึงใครก็ตามที่จะได่รับผลกระทยจากการใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู๋กับโต๊ะคอมพิวเตอร์ นักวิจัยที่ประเทศนิวซีแลนด์พบว่าการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาหลายๆชั่วโมง อาจทำให้เลือดแข็งตัวเป็นก้อนลิ่ม และเป็นอันตรายถึงตายได้ ลักษณะจะคล้ายๆกับการเกิดอาการที่เรียกว่า DVT (Deep Vein Thrombosis) ซึ่งเกิดจากการนั่งเครื่องบินในระยะทางไกล โดยเฉพาะชั้นที่นีางราคาประหยัด บางทีจึงเรียกอาการนี้ว่า "Economy-class syndrome" ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ถูกค้นพบโดยนักวิจับที่ได้ข้อมูลว่า ชายวัย 32 ปีผู้หนึ่งที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้า terminal ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมีอาการโคม่า เนื่องจากเกิดอาการเลือดจับตัวเป็็นก้อนโดยก้อนเลือดที่เกิดขึ้นนี้จะอยู่ในบริเวณขาของเขา ก่อนที่จะแตกกระจายและเดินทางไปยังปอดทั้งสองข้างของเขาอีกทีนึง อาการที่เรียกว่า DVT นี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีเลือดข้นอยู่ในเส้นเลือดดำ ซึ่งมันจะค่อยๆเปลี่ยนตัวเองไปเป็นก้อนลิ่ม จากคุณ : มือมาร - [ 3 พ.ย. 50 00:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เรากินโค้กเป็นประจำ  แต่มวลกระดูกขึ้นปีละ 1 เปอร์เซ็นต์   แสดงว่ามันไม่จริง  เรื่องโค้กทำให้กระดูกผุ จากคุณ : nuch_tiew - [ 4 พ.ย. 50 21:06:00 ]