Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    มารู้จักกับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา d- -b

    เชื่อว่าใครหลายคนยังคงตราตรึงใจกับภาพยนตร์โฆษณาที่ยานอวกาศค่อยๆ ร่อนลงอย่างช้าๆบนพื้นผิวดาวอังคาร มาจากผลงานวิศวกรคนไทย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้คิดค้นสัญญาณ คลื่นไมโครเวฟให้ยานไวกิ้ง ลงแตะพื้นผิวดาวอังคารได้อย่างนุ่มนวลที่สุด


    เช่นกัน ความน่าทึ่งที่คนไทยทั้งประเทศไม่เคยได้ยินมาก่อน จนถึงวันนี้อาจจะมีคำถาม มากมายหลายอาชีพค้างคาใจอยู่ เหมือนไม่เชื่อฝีมือคนไทยด้วยกันว่าคนไทยทำได้จริงหรือ? แล้วคนไทยไปอยู่ในองค์กรนาซ่าได้อย่างไร?  ด้วยแววอัจฉริยะหรือพรสวรรค์ที่ติดมากับตัวแต่เด็กของ ดร.อาจอง วัยหนุ่มใช้ระยะเวลาเรียนปริญญาเอก 3 ปี สาขาการสื่อสารโทรคมนาคม จาก Imperial College
    of Science and Technology, London Univer sity ทำให้โชคชะตาชีวิตส่วนหนึ่งเข้าไปผูกพันโครงการส่งยานอวกาศไวกิ้งไปสำรวจดาวอังคาร ขององค์การนาซ่า
    จนเป็นผลสำเร็จ ทำให้ประเทศไทยได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างแพร่หลายเป็นเวลานานในองค์การนาซ่าและสถาบันสำรวจอวกาศประเทศอื่นๆถ้าพลิกย้อนไป 35 ปีที่แล้ว ด.ช.เอ๊ะ หรือดร.อาจอง คงไม่คิดว่าฟ้าลิขิตให้เดินเข้าไปในองค์การนาซ่า โดยเจ้าตัวได้เล่าหนหลังให้ฟังว่า ตลอดเวลาเกือบ 17 ปีใช้ชีวิตกินนอน เรียนมัธยม ฝึกพลังจิต วิศวกรรมไฟฟ้าในต่างแดน แล้วกลับมาเมืองไทยในปี 2509 เข้ารับราชการในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนถึงปี 2513 ตัดสินใจลาราชการเพื่อไปบวชเป็นพระระยะหนึ่ง สึกออกมาเป็นฆราวาส และในปีนี้เองได้ตัดสินใจเดิน ทางไปสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง
    เพื่อไปหาวิชาความรู้เพิ่มเติมด้านสื่อสารโทรคมนาคม พร้อมหางานทำไปด้วยโชคเข้าข้าง บริษัท Micromega ในลอสแองเจลิส ได้ตอบรับ ดูแลฝ่ายผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟ และที่นี่เองเป็นเหมือนใบเบิกทางให้ก้าวไปสู่ความท้าทายครั้งใหญ่ อันถือว่าเป็นที่สุดของชีวิต
    ที่น้อยคนนักจะไปถึง นั่นคือการได้ร่วมงานในโครงการอวกาศขององค์การนาซ่า


    จุดเริ่มต้น เมื่อทางองค์การฯ ได้ประกาศรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมทำงานในโครงการส่งยานอวกาศไวกิ้งไปสำรวจดาวอังคาร จึงได้เขียนโครงการเพื่อเสนอตัวเข้าไปในนามของบริษัท แต่ครั้งแรกถูกปฏิเสธ เนื่องจากกฎกติกาคนที่เข้าร่วมต้องเป็นพลเมืองสหรัฐฯ เท่านั้น เพราะเกรงว่าความลับทางเทคโนจะรั่วไหลไปสู่ประเทศคู่แข่งอย่างประเทศรัสเซียในเวลานั้น

    กระนั้นก็ดีได้เข้าร่วมโครงการนี้ในเวลาต่อมา หลังจากได้ศึกษากฎหมายของสหรัฐฯ บอกเอาไว้ว่าสามารถอนุโลมให้คนที่ไม่ได้เป็นอเมริกันเข้ามาทำงานในโครงการลับต่างๆ ของประเทศได้ ก็ต่อเมื่อทางการไม่สา มารถหาคนอเมริกันทำโครงการเหล่านี้ได้ หรือไม่มีบุคลากรที่มี
    ความรู้เพียงพอซึ่งในอดีตสหรัฐฯ เข้าสู่ยุคอวกาศได้ ด้านหนึ่งมาจากนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติที่โอนมาเป็นสัญชาติอเมริกันในภายหลัง


    ดร.อาจอง เล่าว่า เราเสนอโครงการเข้าไปใหม่ แล้วก็ได้ผลเมื่อนาซ่านำประวัติและผลงานส่งต่อ ให้ FBI และ CIA ทำการสืบค้นอย่างละเอียดนานอยู่หลายเดือน ในที่สุดนาซ่าได้ร่อนจดหมาย ตอบรับให้เข้าร่วมในโครงการ โดยอยู่ในส่วน Secret Clearance ที่ถือว่าใกล้ชิดข้อมูล
    ความลับสุดยอดของนาซ่า

    “ ช่วงนั้นอเมริกาและรัสเซียเองต่างพยายามส่งยานอวกาศไปลงบนดาวอังคาร และดาวเคราะห์อื่น เช่น ดาวพุธ ดาวศุกร์ แต่ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในการนำยานอวกาศร่อนลงสู่พื้นผิว ส่วนที่ร่อนลงดวงจันทร์ได้สำเร็จนั้น คงเป็นเพราะว่านาซ่าสามารถส่งสัญญาณวิทยุจากโลก
    ไปถึงดวงจันทร์ได้ภายในสองวินาที จึงสามารถควบคุมยานอวกาศอพอลโลร่อนลงสู้พื้นผิวได้ แต่ในกรณีของดาวอังคารนั้นอยู่ไกลจากโลก 150 ล้านไมล์ ถ้าเราส่งสัญญาณวิทยุต้องกินเวลา ประมาณ 20 นาทีกว่าจะไปถึง แต่ตอนร่อนลงสู่พื้นผิวจะใช้เวลาเพียงแค่ 12 นาที ดังนั้นจะต้องเป็นระบบที่สามารถร่อนลงเองได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งสหรัฐฯ เองยังหาวิธีไม่เจอ ผมเลยมั่นใจ ว่าคนไทยอย่างเรามีโอกาสทำได้ ”


    คนไทยผู้คิดค้นส่งสัญญาณคลื่นไมโครเวฟ ร่ายถึงการสร้างยานอวกาศไวกิ้งว่า โดยทั่วไปนาซ่าไม่ได้สร้างด้วยตัวเอง เป็นเพียงทำหน้าที่กำหนดนโยบาย วางแผนโครงการ และควบคุมยานอวกาศที่จะส่งออกไปนอกโลกเท่านั้น แต่โครงการสร้างยานอวกาศจะทำสัญญาณว่าจ้างบริษัท Martin Marrietta เป็นผู้บริหาร และในส่วนนี้ต้องมี Subcontract ซึ่งบริษัทที่ผมทำอยู่ได้เข้าไป Sub อีกที

    สมัยนั้นคอมพิวเตอร์เพิ่งมีบทบาท การสร้างต้นแบบ(Proto type) จึงสร้างด้วย เครื่องคอมพิวขนาดใหญ่ และเมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยก็ส่งไปให้บริษัท Martin ทำการ
    ทดสอบด้วยเครื่องทดลองเสมือนจริง หรือเรียก ว่าเครื่อง Simulation เพื่อจำลองการ ร่อนลงของยานจะปลอดภัยหรือไม่ ทดสอบและดัดแปลงแก้ไขใหม่อยู่หลายเที่ยว จนเวลา ล่วงเลยไป 1 ปีก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผล ทุกคนในโครงการฯ เริ่มเครียดหนัก เนื่องจากยังไม่มี ความคืบหน้าใดๆ ในการคิด ค้นหาวิธีลงจอดนุ่มนวลตอนนั้นผมเริ่มมองเห็นว่า ถ้าใช้วิธี แบบอเมริกันคงจะไม่สำเร็จแน่ จึงลองมาใช้ภูมิปัญญาไทยแบบเราร่ำเรียนมาดีกว่า นั่นคือการฝึกสมาธิ เพราะทำให้เกิดปัญญา อยากรู้อะไร เราก็สามารถรู้ได้ จึงตัดสินใจขึ้นไปนั่งสมาธิตามลำพังอยู่บนยอดเขา The Big Bear ในรัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากปล่อยวางไม่สนใจอะไร สงบนิ่ง ทำจิตให้โปร่ง เสมือนเป็นทางสีขาว ที่สุดเช้าวันที่ 5 ของการฝึกสมาธิ อยู่ๆ เกิดการหยั่งรู้วิธีโดยอัตโนมัติ คือคิดได้ว่าเมื่อเรารู้เวลาเดินทางของคลื่นไมโครเวฟ ด้วยความเร็วแสง 3X108 m/s เราก็สามารถหาระยะทางจากพื้นดินได้ ความคิดทั้งหมดจึงนำ ไปสร้างต้นแบบให้เค้าทดสอบในห้องทดลอง ผลปรากฏว่ามันค่อยๆ ร่อนลงไปแตะพื้นผิวได้อย่างปลอดภัย


    “ เครื่องที่ผมสร้างขึ้นนั้นจะเริ่มทำงานตั้งแต่เริ่มปล่อยเกราะยานไวกิ้ง ปล่อยร่มชูชีพ ไปจนถึงควบคุมยานด้วยจรวด 3 ลำซึ่งอยู่ใต้ตัวยาน ทำหน้าที่ส่งสัญญาณคลื่นไมโครเวฟ ความถี่ 1000 MHz จากยานไวกิ้งลงไปที่พื้นผิวของดาวอังคารและสะท้อนกลับขึ้นมา ในที่สุดยานค่อยๆ ร่อนลงอย่างช้าๆ สามารถอยู่นิ่งและแตะพื้น ผิวได้อย่างแผ่วเบาที่สุดเพราะยานไวกิ้งจะกระแทกพื้นผิวไม่ได้ เนื่องจากมีห้อง Lab อยู่ภายในตัวยานที่จะปฏิบัติการทดลองอีกมากมายบนดาวอังคารที่สุดทำให้วิศวกรนาซ่านับหมื่นคนต่างดีอกดีใจกับความสำเร็จในครั้งนี้ เพราะตามแผนการองค์การนาซ่าได้วางไว้ให้ยานไวกิ้งลงจอดพื้นผิวดาวอังคาร ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2519 อันเป็นวันฉลองความ
    ยิ่งใหญ่ครบ 200 ปีของวันชาติสหรัฐฯ ”


    อัจฉะริยบุคลแห่งภูมิปัญญาไทยท่านนี้ ได้เสริมรายละเอียดของการเดินทางจรวดพายานไวกิ้งอีกเล็ก น้อยว่า แม้นักวิทยาศาสตร์จะเห็นดาวอังคารอยู่ใกล้โลกมาก แต่ความเป็นจริงดาวอังคารจะเคลื่อนตัวหนีออกจากโลกของเราไปเรื่อยๆ เมื่อคิดคำนวณออกมาเสร็จสรรพดีกว่าที่จรวดสามารถเดินทางตามไปได้ทันในตำแหน่งที่ดาวอังคารอยู่ห่างจากโลกถึง 250 ล้านไมล์ เท่ากับใช้เวลาไปทั้งสิ้น 11 เดือน


    น่าเสียดาย อัจฉริยะบุคลบนทางสีขาวท่านนี้ ไม่ได้รออยู่ดูความสำเร็จด้วยตัวเองเพราะทันทีที่ปฏิบัติภารกิจเสร็จได้ตัดสินใจที่จะเดินทางกลับเมืองไทย เพื่อนำความรู้ที่ได้มา
    สอนให้กับนักศึกษาที่จุฬาฯ นับเป็นการทำงานช่วงหนึ่งที่มีคุณค่ามากของชีวิตในองค์การนาซ่า

    ปัจจุบัน ดร.อาจองสนุกกับงานที่สุดของชีวิต นั่นคือโรงเรียนสัตยาใส ลพบุรี ดินแดนสวรรค์ของเด็กๆ
    นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้มาอบรมเกี่ยวกับการศึกษาในการสอนคุณธรรม สอนคุณค่าความเป็น
    มนุษย์ให้กับเด็ก ดังที่ท่านได้สรุปไว้

    “ มนุษย์จะเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด ถ้าเรารู้จักตัวเอง การรู้จักตัวเองนั้นต้องอาศัยการ ที่เราหันกลับมามองดูข้างในตัวเราเอง ไม่ใช่ไปศึกษาจากข้างนอกตัวเรา การฝึกสมาธิเป็นทางหนึ่ง ที่จะช่วยให้เราหันกลับเข้ามองดูตัวเรา ก็จะรู้ว่าตัวเรานั้นมีความสามารถมากมาย ไม่มีอะไรที่เรา
    ทำไม่ได้ ที่สำคัญคือเราจะรู้ว่าทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเรา ก็จะมีความรัก ความเมตตา ให้กับทุกคน ช่วยเหลือทุกคน ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม และในที่สุดความเสียสละจะเกิดขึ้น แล้วเราจะก้าวไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว มีคุณธรรมสูง ในขณะเดียว
    กันเราสามารถประสบความสำเร็จในทางโลกได้อีกด้วย ”

    จาก หนังสือ “ อัจฉริยะบนทางสีขาว : ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ”

     
     

    จากคุณ : Mr.Terran - [ 21 พ.ย. 50 16:34:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom