ความคิดเห็นที่ 1 อยากช่วยอีฟนะ แต่ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย แหะๆ สู้ๆแล้วกันน๊ะ ^^ จากคุณ : ผุ๋งผิ๋ง - [ 26 พ.ย. 50 20:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เพราะไม่ได้เรียน Packaging เอาใจช่วยนะขอรับ จากคุณ : อิฐมอญ - [ 26 พ.ย. 50 20:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอาใจช่วยเด็ก อก. ด้วยกันครับ ^^ จากคุณ : axquest - [ 26 พ.ย. 50 20:37:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก็ลองใช้งานจริงสักตู้หนึ่งก่อนสิครับ Project ที่บริษัทผมแบ่งออกเป็น 1. ขั้นออกแบบ 2. ต้นแบบ 3. PQ1 - อันนี้ลองผลิตมาจำนวนน้อยๆเช่นสัก 200 - 500 ชิ้น แล้วทดสอบกันอย่างหนักหน่วงมาก 4. PQ2 - ลองทำเป็น Mass production แล้วทดสอบเพื่อหาทางปรับปรุง มาถึงขั้นนี้ถอยกลับไม่ได้แล้วครับ มีแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น ลองเอามาปรับปรุงกับการออกแบบ Package ก็ได้ ก็ลองออกแบบมาก่อน แล้วทดลองในสภาพต่างๆ ให้เกินขีดจำกัดของมัน อย่างเช่นปล่ิอยให้อยู่ในที่ที่ RH 95% สัก 30-45 วัน แล้วมาลองทดสอบดูิอีกที ปกติ Package ของบริษัทผมต้องผ่านการทดสอบดังนี้ Environmental Test - ร้อน หนาว ชื้น ต้องผ่านหมด Drop Test - ลองเอามาโยนดูว่ามันบุบ มันเบี้ยวหรือเปล่า โยนมุมไหนกล่องแตก ไม่แตก Transportation Test - ลองขนจริง ลองทดสอบว่าถ้ามันสั่นมากๆ ของข้างในจะเป็นอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองไปค้น Database ดูให้ว่าเขามีมาตรฐาน ANSI หรือ ISO ไหม จากคุณ : Nexus - [ 26 พ.ย. 50 20:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เปลี่ยน 5.5 ลองเชิงก่อนมั๊ย  - -" จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 26 พ.ย. 50 20:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่าการทดลองต้องเปลื่ยนแน่ๆแล้วล่ะ เพราะในระหว่างการขนส่งมันต้องสะเทือนอยู่แล้ว -*- จากคุณ : Ice-man - [ 26 พ.ย. 50 21:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โอ...ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆค่ะ #4 คุณ Nexus   โห ทดสอบกันหนักจริงๆค่ะ พอจะบอกได้รึเปล่าคะว่า บ. ผลิตอะไร = = เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยค่ะ คือ ทางบริษัทเน้นนโยบายประหยัด (รวมถึงทดลองแบบประหยัดๆ) - -" สินค้าของบ.เป็นพวกอาหารแช่แข็ง มีน้ำหนักเบา ลังนึงหนักประมาณ2-3โล เท่านั้นเอง และอุปกรณ์การทดสอบ packaging ก็ไม่พร้อมขนาดว่ามี vibration tester , compression tester น่ะค่ะ การทดสอบใน %RH สูงๆ น่าทดสอบมากๆค่ะ  แต่ติดปัญหาที่ว่าสินค้าเป็น frozen product และ สถานที่เก็บคือห้องเย็นเท่านั้น  การที่จะแวรี่ความชื้นสัมพัทธ์จะทำได้ยาก ปล. อ่านความเห็นคุณ Nexus แล้วอยากเขกกระโหลกตัวเองแรงๆซักที  แหะๆ ลืมคิดไปถึงเรื่องมาตรฐานเลยค่ะ  แหะๆ  = = จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 26 พ.ย. 50 21:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับงานของผมเอง -SF กำหนดมาเท่าไรก็คำนวณไปเท่านั้น ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องกังวล ค่า SF ที่มากก็เพราะต้องการลดความเสี่ยงต่อสินค้าเสียหายจากการขนส่ง และความไม่แน่นอนของวัสดุหีบห่อ -การทดลองซ้อนกันจริงๆและขนส่งไปในห้องโดยสารรถยนต์ตามถนนจริงแล้วไม่บุบสลายก็มั่นใจได้แล้วว่าแข็งแรงพอ การขนส่งโดยรถยนต์มีการสะเทือนมากกว่าอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์เสียอีก -ถ้าทดลองแล้วสรุปว่ากล่องใหม่ใช้งานได้จริง  แต่พอเอาไปใส่ของส่งออกมันเกิดความเสียทั้งตู้คอนเทนเนอร์ เจ้านายจะด่า เค้าจะจ้างมั้ย แล้วชีวิตต่อไปจะเป็นอย่างไร อันนี้บอกไม่ได้ อยู่ที่ความใจกว้างของเจ้านาย และต้องแสดงการคำนวณให้เจ้านายยอมรับก่อนการใช้งานจริง ถ้าเจ้านายไม่อนุญาตใครจะกล้านำไปใช้ จากคุณ : freefeel - [ 26 พ.ย. 50 21:34:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เคยบรรทุก แผ่นแหล็ก ม้วนใหญ่ๆ เค้าบอกว่าซ้อนได้ไม่เกินสามชั้น เอ่อ ตู้คอนเทรน์เนอร์ มาตรฐาน เค้าก็บอกว่าได้แค่สาม เราก็ทำตามนั้น พอเจอคลื่นเข้าให้ พังสนิด ยุบเป็นแถบๆ โดนด่าเป็นทิวแถว เหตุมันมีอยู่ว่า คำนวนได้ตามเสปก แต่ดันลืมคิด เรื่องมวลและความเร่งอะนะ เรือเมื่อโดนคลื่น จะยกตัวลอยสูง แล้วก็ทรุดลงต่ำอย่างรวดเร็ว ผลคือเท่ากับมันอยู่เฉยๆ แล้วซ้อนเกินกำหนด เพราะตู้มันก็มีความเร่งตอนที่เรือมันทรุดตัวลงต่ำ เกิดแรงเค้นจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเพราะความเร่ง พอไม่กล้าเสี่ยงที่จะใช้ SF=5 นั้นแหละถูกแล้ว ที่จริงต้องใช้ต่ำกว่า  SF เดิม เพราะต้องคิดว่าหากบรรทุกโดยเรือ มันจะถูกเครื่อนที่ด้วยระยะ ประมาณ 3-4 เมตร ตามหน้ามรสุม แต่ถ้า โดนพายุ นี่มัน 5-6 เมตรเน้อ   แต่ถ้าไม่ได้ไปทางเรือ แต่ไปทางรถ ก็น่านะไม่เกิน .5 -1 เมตร (ตกหล่ม) แต่เนื่องจากรถมีความเร็วมากกว่า 80 กิโลเมตร การกระโดด เพราะล้อเหยียบก้อนหิน ก็น่าจะเอามาคิดนะครับ ว่าการเคลื่อนที่แนวราบ ด้วยความเร็ว ระหว่าง 80-100 กม/ชม แล้วกระโดดขึ้นลงทางดิ่งที่ .5-1 เมตรนี่มันเพิ่มนน. ให้กล่องเท่าไหร่ อาจจะต้องออกแบบภายในตู้คอนฯ ด้วยครับ เพราะเรือนี่สินค้ามันซ้อนได้แค่สามชั้น ถ้าจะบรรทุกให้มากกว่านั้น ก็ต้องทำท้องเรือให้มีระวางสองชั้น โดยชั้นแรกเป็นท้องเรือ พอซ้อนได้สามชั้น ก็ปิดฝาระวาง แล้วก็โหลดต่อบนฝาระวาง ครบสามชั้น ก็ปิดชั้นบนสุด ตู้คอนฯที่บรรทุกด้วยรถ ก็ควรออกแบบ ตามนี้ครับ จะได้ลดการเสียหายของกล่องจากการกดทับกัน เฮ้อเหนื่อย จากคุณ : หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง - [ 26 พ.ย. 50 22:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าทดลองโดย..ใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ออกแบบขึ้นมา ส่งไปพร้อมๆกับของที่เราส่งอยู่แล้ว.. เพียงแต่ไม่ต้องมีผู้รับล่ะ.. พอไปถึงให้เค้าส่งกลับคืนมาด้วย จะเป็นการทดสอบในสภาพจริงได้นะ อาจจะลองซ้ำๆกับหลายๆเที่ยว จากคุณ : pisity - [ 26 พ.ย. 50 23:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องกล่อง อิอิ ลองเช็คดูก่อนนะครับ เพราะ บ้านเรานี่กระดาษหลายเสป็คมากๆ sf ก็ ต่างกันในแต่ละล๊อตด้วย จะบอกให้ จิงๆ ถ้าอยากได้ sf สูงๆ ใช้สำหรับ เกรด อาหาร ลอง 5ชั้นสอดลอน e  เกรดกระดาษ ซัก150 กรอซซี่ น่าจะอยู่แล้วครับ เพราะถ้า จะเอาเกรดกระดาษถูกๆ พวก CI หรือ CA มันจะทนความชื้นไม่ค่อยได้ครับ การทดลองจริงๆ ต้องทำแบบพี่ Nexus  บอกแหละครับ เพราะ รง. ส่วนใหญ่ รับออเดอร์ น้อยๆ ต้องมี 300-500 ขึ้นไปครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 27 พ.ย. 50 00:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปล. การเปลี่ยน แพคเกจจิ้ง กระทันหัน มีผลกระทบ ต่อ ผลมาเก็ตติ้งอย่างรุนแรง อย่า ทดลองโดยเอาไปให้ลูกค้า โดยเด็ดขาด จากคุณ : Natt_ac121 - [ 27 พ.ย. 50 00:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลองดูมาตรฐาน ASTM D4169 นะครับ น่าจะพอเห็นภาพได้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง จากคุณ : Nexus - [ 27 พ.ย. 50 09:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาเป็นกำลังใจแล้วกันนะค่ะ จากคุณ : primjang - [ 27 พ.ย. 50 10:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ทราบเลยค่ะ ยังไงก็สู้ๆเน้อ จากคุณ : Albumin - [ 27 พ.ย. 50 10:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ม่ายรู้เรื่องเหมือนกันค่ะ แต่ขอใช้พื้นที่กระทู้มาให้กำลังใจคุณอีฟค่ะ สู้ๆ นะคะ ไฟท์ทิ่งๆๆ จากคุณ : เตียวเสี้ยน (ชอนวอน) - [ 27 พ.ย. 50 13:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาให้กำลังใจเฉย ๆ จ้ะ ไม่มีความรู้ด้านนี้น่ะ ^_^ จากคุณ : i'm not superman - [ 27 พ.ย. 50 13:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทุกความเห็นค่า  ^^ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 27 พ.ย. 50 14:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สู้ๆ นะจ๊ะ จากคุณ : Halimeda Lover - [ 27 พ.ย. 50 21:18:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 28 พ.ย. 50 00:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ให้ความเห็นในแง่การจัดการละกันครับ คือควรทดลองก่อน เป็นการสุ่มทดลองโดยแทรกกล่องใหม่ลงในตู้เดิม กล่องที่แทรกอาจไม่ทำสี หรือทำสีให้ต่างจากคนอื่น ขึ้นอยู่กับว่าจะทดสอบเรื่องสีด้วยหรือเปล่า ปนกล่องใหม่ลงไปกับสินค้าเดิม เมื่อถึงปลายทางก็เอากล่อง และสินค้ามาตรวจดู ถ้าผ่านก็ทำอย่างนี้อีกระยะ ถ้ายังผ่านอีก ก็เปลี่ยนกล่องให้กับลูกค้าบางเจ้า หรือบางล็อต แล้วค่อยดูผลตอบรับ อีกประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม คือการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ มีผลต่อความรับรู้ของลูกค้า ถ้าเปลี่ยนกล่องโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อาจส่งผลให้ความรู้สึกเปลี่ยนไป และโดยมากมักเป็นไปในทางแย่ลง ถ้าเปลี่ยนกล่องควรเปลี่ยนอย่างอื่นด้วย เช่น เพิ่ม-ลดปริมาณบรรจุ เปลี่ยนกลิ่น รส สินค้า ฯลฯ ประเด็นนี้คุยกับฝ่ายการตลาดด้วยครับ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 28 พ.ย. 50 03:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ท่าทาง จขกท จะอยู่แถวมหาชัย จากคุณ : DoraeMa - [ วันพ่อแห่งชาติ 13:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอ.....ออกความเห็นมั๊งดีก่า - เห็นด้วยกับ คห.21 ค่ะ คือลองทดลองโดยใส่กล่อง spec ใหม่เข้าไปปนกับสินค้าปกติ แต่ต้องอยู่ในสภาวะที่ random น่ะค่ะ เพื่อที่จะได้เป็นตัวแทนของกลุ่มได้ดีที่สุด นั้นก้คือจะต้องอยู่ใบล่างสุด ใบกลาง และใบบนสุด จากนั้นเมื่อถึงที่หมายก้ให้เอาออกมาและแยกไว้ไม่ส่งหาลูกค้าน่ะค่ะ เท่านี้ก้รู้ผลแล้ว - ส่วนเรื่องที่จะโดนนายว่าไหม หากเกิดการผิดพลาดในการทดลอง ก้ลองดูแบบนี้ดู - ปกติเวลาที่ RD จะทดลองอะไรสักอย่างนึง ก้ต้องบอกนายก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นในการทดลองครั้งนี้ นายก้จะต้องเป็นคนอนุญาต จากนั้นก้เอา cost ทั้งหมดที่เกิดขึ้นลงไปในส่วนของ cost การทดลองงัย เท่านี้ก้เรียบร้อย อย่าเพิ่งทดลองทั้งตู้คอนเทนเนอร์ หากคุณยังไม่ได้ทดลองระดับ pilot scale เพราะนั้นแปลว่านายไม่ได้เห็นข้อมูลความเป็นไปได้แล้วเค้าจะอนุญาตคุณให้ทำ commercial  scale เหรอจ๊ะ ถ้าผลจาก pilot sclae ออกมาเป็นแนวโน้มที่ดี นายก้น่าจะไม่ว่าอะไรหรอกน่ะ - สำรับเรื่องการเปลี่ยนเกรดของกระดาษนี่ คิดว่าในกรณีนี้ไมน่าจะมีปัญหาต่อผู้รับสินค้าน่ะ เนืองจากมันเป็นเพียง Transportation Packaging ที่ไม่มีผลต่อ end user อยู่แล้ว - ส่วนเรื่องที่ไม่มีเครื่องทดสอบใน lab น่ะไม่แปลกหรอก เพราะเราขายสินค้า ไม่ได้ขายบรรจุภัณฑ์ ดังนั้นคนที่สามารถช่วยเราได้ก้คือ supplier ที่ขายของให้เรางัย request ให้เค้าช่วยทดลองซีจ๊ะ ทุก supplier ถ้าอยู่ในประเภทที่เป็นโรงงาน ไม่ใช่ห้องแถวน่ะ เค้าก้สามารถทำได้อยู่แล้ว จากนั้นก้นำค่าที่ได้มาเปรียบเทียบกับค่า spec เก่าดู ว่ายอมรับได้หรือไม่ ลองดูค่าหลักๆ เพื่อตัดสินใจก้จะเป็น Compression Test, Vibration Test และก้ Drop Test น่ะ ว่ามันต่างกันเท่าไหร่ และคำนวณกลับเป็น SF ดูว่าลดลงเท่าไหร่ ลองดูก่อนละกัน ได้ผลยังงัยก้มาบอกกันด้วยเน้อ จากคุณ : รุ่นพี่ (natth_024) - [ 17 ธ.ค. 50 15:24:24 ]