ความคิดเห็นที่ 1 ไม่รู้จะอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ยังไงดี อยู่คนละกัป กับที่เราอยู่  และ 1 กัป ก็กินเวลานานหลายปีด้วยนะ ตอนนั้น มนุษย์คนแรกเกิดหรือยังก็ไม่รู้  รอคนต่อไปมาตอบดีกว่า จากคุณ : nuuduke - [ 11 ธ.ค. 50 10:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ใช่ห้องศาสนา แต่มามั่วให้ครับ โดยความตามนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีดาวหางชนโลกครับ แต่อาจจะไม่ใหญ่ถึงขั้น ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้สัตว์ตายไปเยอะ ตามความเชื่อของชาวพม่า เจดีย์ชเวดากอง ก็เก็บเครื่องกรองน้ำ(ธรรมกรก)  ของพระพุทธเจ้ากัสสปะ เอาไว้ ถ้าพม่าเขาไม่โกหก สามารถเหมาว่า รอยต่อ ศาสนาคราวที่ผ่านมานี่ ไม่ได้นานเป็นกัป แค่นานนิดนึง ดังนั้น จึงควรไปหาดูว่า ถ้าดาวตกครั้งก่อนนี่ การเผาไหม้ที่เกิดขึ้น น่าจะทำให้เกิดถ่านหินประมาณมหาศาลบนโลก ถ้าคิดเป็นตุเป็นตะ แม่เมาะ มีอายุถ่านประมาณ 10 ล้านปี แปลว่าอายุศาสนาที่แล้ว ก็น่าจะอยู่แถวๆ นั้น ทั้งหมดพิมพ์มา พิมพ์ตอนละเมอครับ จากคุณ : bbiggy - [ 11 ธ.ค. 50 10:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นธรรมชั้นสูง คนอย่างเราๆอ่านแล้วก็เข้าใจอยาก หรือไม่เข้าใจเลย เพราะเป็นภาษาของพระท่านทั้งนั้น พวกเราๆนั้นก็คงจะแบบบัวไต้น้ำ คงต้องหังไปฟังท่าน นอร์ท สตาร์ดามูสส์ ว่าไว้แล้วละ 5555 จากคุณ : blackhawk1 (blackhawk1) - [ 11 ธ.ค. 50 10:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มาสารภาพว่า อ่านได้ถึงบรรทัดที่สองก็เลิกอ่านแล้วค่ะ - -" ไม่ถนัดอ่านงานเขียนแบบนี้อย่างแรง เหอๆ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 11 ธ.ค. 50 11:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พิจารณาว่าเราอาจเคารพศรัทธาต่อเนื้อเรื่องที่กล่าวในคัมภีร์ ความเชื่อ ฯลฯ ใดๆมากกว่าเคารพการใช้หลักปัญญา (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์โดยทั่วไปที่ยังคงอาศัยเนื้อหาหรือความเชื่อทางศาสนาเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจเป็นสำคัญ)  แต่ในบรรดาหลักศาสนธรรมต่างๆก็อาจมีหลักข้อเท็จจริงสำคัญในธรรมชาติ ที่มนุษย์อาจใช้ปัญญาแยกแยะและเข้าถึงความรู้ข้อเท็จจริงได้ตามวิวัฒนาการการเรียนรู้ เช่นเดียวกับการพยายามศึกษาเพื่อรู้ข้อเท็จจริงต่างๆด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ส่วนเนื้อเรื่องในประเด็นกระทู้ หากเป็นเนื้อหาในแง่ส่งเสริมจริยธรรมก็อาจมีการกำหนดบุคคลสถานที่เป็นเรื่องราวสอนศีลธรรมกันได้ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา  แต่หากเป็นระดับของการวิเคราะห์ชี้ชัดข้อเท็จจริง พิจารณาว่าควรใช้หลักพระกาลามสูตรและหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ หากยังไม่สมเหตุสมผลก็ไม่ควรรีบด่วนเชื่อหรือศรัทธาไปทั้งความคิดจิตใจของตน สำหรับเหตุผลของผมในเรื่องนี้ พิจารณาง่ายๆก็คือภาษาที่ใช้อ้างอิงพระนามหรือชื่อเฉพาะใดๆในกาลเวลาดังกล่าวเหตุใดจึงใช้ภาษาเดียวกับภาษามนุษย์ปัจจุบัน ภาษาที่มนุษย์โลกปัจจุบันใช้กันควรเป็นไปตามหลักเหตุผลว่าพึ่งเกิดจากการที่มนุษย์ในอดีตสามารถยึดมั่นจดจำต่อรูปอักขระ,เสียง และมีวิวัฒนาการมาสู่ภาษาที่ใช้ในปัจจุบัน  ดังนั้นโดยเนื้อหาจึงเห็นว่ายังไม่สอดคล้องข้อเท็จจริงมากพอที่จะใช้หลักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ต่อนะครับ จากคุณ : ผู้ศึกษา - [ 11 ธ.ค. 50 11:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ครั้งนั้น....พื้นปฐพี           ทั้งหมดนี้ ทั้งใหญ่ทั้งหนา ได้ไหวสะเทือน สาครสมุทรพูดได้           แม่น้ำร้องอย่างน่าสงสาร อมนุษย์ตีกลองดังทั่วทั้งสี่ทิศ อสนีบาต           อันน่ากลัวตกลงไปรอบๆ อุกกาบาตตกจากท้องฟ้า ดาวหางปรากฏ           เกลียวแห่งเปลวไฟมีควันพวยพุ่ง หมู่มฤคร้องครวญครางอย่างน่า           สงสาร          ครั้งนั้น เราทั้งหลายเป็นภิกษุรวม ๗ รูปด้วยกัน ได้เห็น           ความอุบาทว์อันร้ายแรง แสดงเหตุว่าพระศาสนาจะสิ้นสูญ จึง           เกิดความสังเวช คิดกันว่า เว้นพระศาสนาเสีย ไม่ควรที่เราจะมี           ชีวิตอยู่           เราทั้งหลายจึงเข้าไปสู่ป่าใหญ่แล้วจะบำเพ็ญเพียรตาม           คำสอนของพระชินสีห์เจ้า           ครั้งนั้น เราทั้งหลายได้พบภูเขาหินในป่าสูงลิ่ว           เราไต่มันขึ้นทางพะอง แล้วผลักพะองให้ตกลงเสีย           ครั้งนั้น พระเถระได้ตักเตือนเราว่า การอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าหา           ได้ยาก           อีกประการหนึ่ง ความเชื่อที่บุคคลได้ไว้ ก็หาได้ยาก           และพระศาสนายังเหลืออีกเล็กน้อย ผู้ที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเสีย           จะต้องตกลงไปในสาคร คือความทุกข์อันไม่มีที่สิ้นสุด                     เพราะฉะนั้น           พวกเราควรกระทำความเพียร ตลอดเวลาที่พระศาสนายังดำรงอยู่           เถิด ...เอ่อ..เข้ามาอ่าน ก็เลย ตัดแปะใหม่ ในส่วนที่จขกท.พูดถึง อืม..น่าจะเกิดตามที่อ่านได้ แต่ไม่รู้ กาลเวลานั้น คือ เมื่อใด อย่างไรกันหนอ.. คือ ไม่คิดว่า ผู้ให้ถ้อยคำ ผู้บันทึกถ้อยคำนี้ จะเพ้อเจ้อ เขียนขึ้นมาเอง น่าจะเป็นปรากฎการณ์จริง จึงเล่าบอกออกมาได้ แบบนี้หรือใกล้เคียงแบบนี้ ค่ะ จากคุณ : samranjai - [ 11 ธ.ค. 50 12:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 งงว่ามีไต่ขึ้นเขาด้วยพะอง   แล้วผลักพะองออก ทำไม???? งงอย่างแรง จากคุณ : GSP1 - [ 11 ธ.ค. 50 13:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้างั้นเจ้าของกระทู้ขออนุญาตเดาเอาเองนะครับ คือ สงสัยเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นบนดาวดวงอื่นอันไกลโพ้นนะครับ เพราะในพระไตรปิฏกเล่ม 10 บอกว่า พระพุทธเจ้ากัสสปะ ท่านมีอายุขัยถึง 20000 ปี (มนุษย์ยุคเรา อยู่ในสมัยพระพุทธธเจ้าโคดม  มีอายุขัยเพียง 100 ปี)   ซึ่งต่างจากมนุษย์โลกปัจจุบันมาก และสันนิษฐานต่อไปว่ามนุษย์ดาวดวงนี้คงสูญพันธ์เพราะดาวหางชนโลก เพราะท่านบรรยายเหตุการณ์ให้เห็นภาพอย่างนั้น    ดาวหางนี่ถ้าอยู่ในอวกาศจะมีสภาพเป็นก้อนน้ำแข็งสกปรก จะเห็นหางฝุ่นสีขาวสีเย็นตา แต่ในพระไตรปิฏกบรรยายกาศวันพระศาสนธรรม กำลังจะสิ้นศูนย์อันตรธาน ว่า "ดาวหางปรากฏ          เกลียวแห่งเปลวไฟมีควันพวยพุ่ง" ตามคำบรรยายนี่แสดงว่า ดาวหางได้พุ่งเข้าสู่บรรยากาศโลกแล้วล่ะครับ ด้วยความเร็วสูง   ดาวหางจึงลุกเป็นเปลวไฟพวยพุ่งอย่างนั้น และ ก่อนที่ดาวหางจะมาถึง คงมีอุกกาบาตเศษเล็กเศษน้อย พุ่งลงมาก่อน ตามคำบรรยายที่ท่านบอกว่า " ....อุกกาบาตตกจากท้องฟ้า" เมื่อดาวหางกระทบ deep impact แล้ว จึงเกิด shock wave เสียงกึกก้องกัมปนาท ตามคำบรรยายที่ว่า ".....อมนุษย์ตีกลองดังทั่วทั้งสี่ทิศ อสนีบาต           อันน่ากลัวตกลงไปรอบๆ" เกิดแผ่นดินไหว ตามคำบรรยายที่ว่า "ครั้งนั้น พื้นปฐพี           ทั้งหมดนี้ ทั้งใหญ่ทั้งหนา ได้ไหวสะเทือน" เกิดคลื่นสึนามิ น้ำท่วมโลก จนพระภิกษุ 5 รูปต้องปีนหนี ขึ้นไปบนภูเขาสูง เพื่อปฏิบัติธรรมครั้งสุดท้าย ตามคำบรรยายที่ว่า "...สาครสมุทรพูดได้  แม่น้ำร้องอย่างน่าสงสาร " (คงเป็นเสียงคลื่นยักษ์สึนามิ น่ะครับ) "ครั้งนั้น เราทั้งหลายเป็นภิกษุรวม ๗ รูปด้วยกัน ได้เห็น           ความอุบาทว์อันร้ายแรง แสดงเหตุว่าพระศาสนาจะสิ้นสูญ จึง           เกิดความสังเวช คิดกันว่า เว้นพระศาสนาเสีย ไม่ควรที่เราจะมี           ชีวิตอยู่ เราทั้งหลายจึงเข้าไปสู่ป่าใหญ่แล้วจะบำเพ็ญเพียรตาม           คำสอนของพระชินสีห์เจ้า ครั้งนั้น เราทั้งหลายได้พบภูเขาหินใน           ป่าสูงลิ่ว เราไต่มันขึ้นทางพะอง แล้วผลักพะองให้ตกลงเสีย" ( ปีนขึ้นเขาสูงลิ่วด้วยกระไดที่ทำด้วยลำไม้ไผ่ (พะอง) เพื่อหนีน้ำท่วมโลก    ผลักกระไดทิ้ง เพราะไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป คือ ไม่ต้องลงไปไหนอีกแล้ว ยอมตายบนยอดเขา เพื่อปฏิบัติธรรมจนวินาทีสุดท้าย) หนึ่งในพระภิกษุ 7 รูปนั้น  รูปหนึ่งได้บรรลุอรหันต์ อีกรูปหนึ่งได้ไปเกิดบนสวรรค์ ชั้นสุทธาวาส ส่วนอีก 5 รูปได้มาเกิดบนโลกมนุษย์เรา คือในสมัยพระพุทธเจ้าโคดม น่ะครับ สรุปแล้ว อย่าลึมไปชมภาพยนตร์การ์ตูน “The Life Of Buddha” นะครับ (โฆษณาแฝง อิ อิ ) แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 50 14:11:48 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 50 14:09:47 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 50 14:07:19 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 50 14:04:04 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 50 13:56:35 จากคุณ : ร่วมด้วยช่วยกัน - [ 11 ธ.ค. 50 13:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ยิ้ม จากคุณ : apple_meppo - [ 11 ธ.ค. 50 14:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คห. 7 งงว่ามีไต่ขึ้นเขาด้วยพะอง แล้วผลักพะองออก ทำไม???? งงอย่างแรง ^ ^ ^ ไม่รู้เหมือนกันว่าพะองคืออะไร แต่อาจจะคล้ายบันไดหรือเชื่อกหรือเสาให้ปีนขึ้นไปสู่เขา พอขึ้นไปแล้ว ก็ผลักพะองออกเพื่อตั้งใจมั่นว่าจะปักหลักบนเขาลูกนั้นเพื่อตั้งใจบำเพ็ญเพียรในช่วงเวลาที่เหลืออันน้อยนิด สมัยนั้นพระพุทธเจ้า (เจ้าชายสิทธิทัตถะยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็เป็นเพียงพระรูปหนึ่งเท่านั้นเอง) กัปที่พูดถึงในพระไตรปิฎกไม่ใช่อยู่ในโลกใบเดียวกับเราแน่นอน แต่เป็นคนละโลกคนละยุดสมัยกัน เพราะกัปแต่ละกัปจะห่างกันหลายล้านล้านล้านปี จากคุณ : ฯลฯ - [ 11 ธ.ค. 50 14:22:43 A:58.9.84.58 X: TicketID:162151 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พะอง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณนี้ จากคุณ : ไม่เข้าพวก - [ 11 ธ.ค. 50 14:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พระพุทธเจ้ากัสสปะก็อยู่กัปป์เดียวกะเราเนี่ยแหละครับ ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันไม่นาน (ไม่ใช่นานเป็นกัปป์) แล้วพระพุทธเจ้ากัสสปะไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวนะครับ ผมคิดว่าท่านประสูตรบนดาวโลกนี้แน่นอน ตามที่พระสูตรบอกไว้เรื่องมงคลจักรวาล นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ต่างๆอีก ซึ่งน่าจะเป็นดาวเดียวกันนั่นแหละครับ จากคุณ : Mr.Terran - [ 11 ธ.ค. 50 15:23:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าจะคุยเรื่องศาสนา อย่าถามหาความจริง จากคุณ : Sial - [ 11 ธ.ค. 50 16:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ฟังดูแล้วผมคิดว่านั่นน่าจะเป็นดาวหางเดียวกับที่ทำไดโนเสาร์สูญพันธุ์นะ เพราะเรายังไม่มีการค้นพบหลักฐานใดๆที่เีกี่ยวกับอุกาบาตตกร้ายแรงขนาดนั้นในช่วงประวัติศาสตร์มนุษย์เลย พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ จากดาวอื่น หรือร่างทดลอง(จากดาวอื่น) ทรงภูมิปัญญา และหยั่งรู้ธรรมชาติ อาจลงมาสำรวจโลก เก็บข้อมูล หรืออะไรซักอย่าง ในไตรภูมิพระร่วงก็กล่าวไว้ราวกับว่า มีอีกหลากหลายดวงดาวในจักรวาลนี้ ที่มีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอาศัยอยู่ มีจักรวาลคู่ขนาน หากนรกหรือสววรค์มีจริง ...เมื่อคุณยอมรับว่ามีวิญญาณจริงๆในฐานะพลังงานที่แบกรับการกระทำโดยไม่แบกรับความทรงจำ เมื่อตายลงผมก็คิดว่า คงจะเป็นการโอนถ่ายสสารในจักรวาลกลับเข้าสู่...อะไรดีหละ ศูนย์เก็บพลังงานขนาดใหญ่ของจักรวาล(เรียกว่าเกรทสปิริตตามการ์ตูนเลยละกัน) ที่เรียกว่าเกรทสปิริต ที่นั่น จักรวาล จะคัดแยกตามระบบอะไรซักอย่างที่เป็นไปโดยกลไกธรรมชาติ และส่งพลังงานเหล่านั้นไปเป็นข้อมูลที่เรียกว่า จิตใต้สำนึก หรือวิญญาณ ไปยังดาวต่างๆ ก่อกำเนิดชีวิตขึ้นมา เอ๊ะ ชักจะนอกเรื่องกระทู้ ไปนั่งคิดต่อคนเดียวดีกว่า@w@ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 50 16:13:51 จากคุณ : คดีฆาตกรรมถั่วงอก - [ 11 ธ.ค. 50 16:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 #13 คำนั้นใช้กับศาสนาพุทธมิได้ครับ เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่เคยตรัสว่า หากสงสัยในคำสอนของท่านจะไปตกนรกหมกไหม้ที่ไหน กลับกัน ผมคิดว่าในพระไตรปิฎกมีข้อมูลที่เราต้องการหาอยู่เยอะมาก แต่เป็นคำโบราณที่แปลยากอยู่เท่านั้น ศาสนาพุทธนี่แหละครับความจริงของธรรมชาติหละ-__-" จากคุณ : คดีฆาตกรรมถั่วงอก - [ 11 ธ.ค. 50 16:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อืม ผมคงไม่ค่อยถูกกับอะไรแบบนี้ ขนาดมีคนสรุปให้ฟังยังไม่รู้เรื่องเลยนะนี่ -__- จากคุณ : AMIYAMA - [ 11 ธ.ค. 50 16:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาปักธง จากคุณ : LR3 - [ 11 ธ.ค. 50 22:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ว่าแต่สมัยนั้นเค้าบรรยายภาพเหตุการณ์ได้ละเอียดดีจัง จากคุณ : ขอซักชื่อเหอะ - [ 12 ธ.ค. 50 08:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาดู....ด้วยคน จากคุณ : babysheep - [ 12 ธ.ค. 50 09:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แก้ไขเพิ่มเติม พระภิกษุ 7 รูปนะครับ ที่ปีนเขาหนีตายขึ้นไปปฏิบัติธรรมบนยอดเขา แล้วเพิ่มเติมนิด พระพุทธเจ้ากัสสปะนี่ ตามตำราท่านว่า พระพุทธองค์สูงถึง 20 ศอก ( 10 เมตร) อย่างนี้ไม่ใช่มนุษย์บนโลกนี้แล้วล่ะครับ จากคุณ : ร่วมด้วยช่วยกัน - [ 12 ธ.ค. 50 10:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าไม่น่าใช่โลกของเราตอนนี้หรอก เวลานั้นห่างกันนานมากๆ เผลอๆคนละเอกภพซะด้วยซ้ำ เรื่องในพระไตรปิฎกมีหลายตอนน่าเอามาสร้างเป็นส่วนหนึ่งของหนังนะ จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 13 ธ.ค. 50 09:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 13 ธ.ค. 50 12:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าพระกัสสปะพุทธเจ้าต้นภัทรกัปป์เดียวกับพระพุทธเจ้าเราครับ ตอนต้นกัปป์ มนุษย์จะมีอายุ 100,000 ปี แต่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ เพราะมนุษย์ช่วงอายุเฉลี่ย 100,000 อายุยืน และโรคภัยน้อย จึงไม่เข้าใจธรรมะเรื่อง เกิดแก่เจ็บ ตาย หรือสังขารไม่เที่ยง พอช่วงมนุษย์มีอายุเฉลี่ย 80,000 ปี จึงมีพระกัสสปะพุทธเจ้ามาตรัสรู้ จากคุณ : Xomega - [ 13 ธ.ค. 50 21:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โหยเซ็งตาย ถ้าต้องอยู่เป็นแสนปี ต้องใช้ข้าวหล่อเลี้ยงสังขารหนึ่งแสนปีกี่กระสอบหว่า จากคุณ : mylllsoul - [ 13 ธ.ค. 50 23:02:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ู^ ไม่ต้องห่วงคะ ข้าวสมัยนั้นเม็ดใหญ่พอๆ กับลูกวัวเลยคะ ถ้ามามีในยุคเรา เม็ดนึงกินทั้งหมู่บ้าน อิอิ จากคุณ : นางฟ้าเซเลส - [ 14 ธ.ค. 50 00:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าตาม คห.7 ( ปีนขึ้นเขาสูงลิ่วด้วยกระไดที่ทำด้วยลำไม้ไผ่ (พะอง) เพื่อหนีน้ำท่วมโลก   ผลักกระไดทิ้ง เพราะไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป คือ ไม่ต้องลงไปไหนอีกแล้ว ยอมตายบนยอดเขา เพื่อปฏิบัติธรรมจนวินาทีสุดท้าย) ตรงนี้พะองน่าจะเป็นลิฟท์อวกาศ แล้วพอขึ้นไปแล้ว ภับพิบัติข้างล่างอาจจะทำให้สลิงขาด แล้วไม่สามารถลงไปยังพื้นผิวของดาวเคราะห์นั้นได้อีก เนื่องจากระบบนิเวศน์ถูกทำลาย แต่คนโบราณไม่รู้จะพูดยังไง ก็เลยพูดจากความเคยชินของตนเอง ว่าเป็นบันไดไม้ไผ่ หรือพะอง จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 14 ธ.ค. 50 13:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ยังไม่มีใครรู้จริงว่าโลกนี้มันมีอายุเท่าไหร่กันแน่ ดังนั้นยุคก่อนยุคไดโนเสาร์มันเป็นยังไงไม่อาจรู้ได้ อาจมีอารยธรรมเป็นร้อยเป็นพันที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อนแล้วล่มสลายไปก็เป็นได้ หลักฐานก็หาไม่ได้ พวกสิ่งก่อสร้างทั้งหลายอาจอยู่ได้ถึงพันปีหรือหมื่นปี แต่ถ้าขึ้นหลักล้านปี มันไม่เหลือซากให้คนรุ่นหลังมาขุดเจอหรอก จากคุณ : powerball - [ 16 ธ.ค. 50 03:56:46 A:71.202.49.135 X: TicketID:161509 ]