ความคิดเห็นที่ 1 หาวิธีให้เกษตรกรที่ปลูกข้าว สามารถทำนาได้ปีละสามครั้ง หาวิธีให้เกษตรกรที่ทำพืชไร่ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละสองครั้งเป็นอย่างน้อย หาวิธีประกันราคาพืชผลทางการเกษตรเหล่านี้ด้วยการบุกเบิกและขยายตลาด ต่างประเทศออกไปให้กว้างขวางครอบคลุมเท่าที่จะเป็นไปได้ หาวิธีให้ลูกหลานของเกษตรกรเหล่านี้ทุกคน จบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย จะได้พึ่งตัวเองทางปัญญาได้ ... . พืชผักผลไม้ที่ประชากรยุโรป 600 กว่าล้านคนใช้บริโภคทุกวันนี้ มากกว่า 75% นำเข้าจากอิสราเอลประเทศเดียว เคยแอบไปได้ยินเหมือนกันครับ พวก อบต.ที่ได้ไปดูงานที่นั่นเค้าคุยกัน ประมาณว่า เฮ้ย. .. เดี๋ยวฝรั่งมันเอาอะไรมาให้เขียนสรุป :-)ก็รีบๆเขียนมั่วๆ ไป มันอ่านไม่ออกดอก รีบๆเสร็จ จะได้ไปเที่ยวซะที เบื่อว่ะ :-)ให้เดินดูโน่น ดูนี่มาสองวันแระ เหลืออีกสี่วันจะได้ไปเที่ยวในเมือง โห.. .เสียดายเงินภาษีชิบ... ห เลย แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 50 02:11:56 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 50 00:47:31 จากคุณ : อิ่มบุญครับ - [ 28 ธ.ค. 50 00:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พัฒนาระบบส่งน้ำ พัฒนาระบบส่งสินค้า (ตลาดกลาง,ถนน) พัฒนาระบบควบคุมคุณภาพ และสำคัญที่สุด จัดหาคนใจรักให้คำแนะนำแบบถึงเนื่อถึงตัว สาระเท่านั้น เอนมา เอนมา เอนมา เอนมา จากคุณ : แขม่วพุง - [ 28 ธ.ค. 50 01:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อืม ทยอยมากันแล้ว ^^คามความเห็นของ คคหที่1 หาวิธีให้เกษตรกรที่ปลูกข้าว สามารถทำนาได้ปีละสามครั้ง หาวิธีให้เกษตรกรที่ทำพืชไร่ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละสองครั้งเป็นอย่างน้อย สำหรับท่านหลัง โดยโจทย์ดั่งกล่าว ทุกวันนี้เทคโนโลยีแบบที่ว่าทำได้หรือยังครับอย่างน้อบต้องมีองประกอบใดบ้าง หาวิธีประกันราคาพืชผลทางการเกษตรเหล่านี้ด้วยการบุกเบิกและขยายตลาด ทุกวันนี้กระทรวงพาณิชย์บ้านเราไปถึงไหนกันแล้วนะ มีปัญหาอย่างไงกันบ้างใครทราบวานตอบทีครับ หาวิธีให้ลูกหลานของเกษตรกรเหล่านี้ทุกคน จบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย น่าจะมีกฏหมายให้สิทธิ์กับลูกหลานเกษตรกรมากกว่านี้ ไม่รู้จะเป็นไปได้ไหมนะ ^^ ส่วนของคคห.ที่2 นึกอะไรออกได้อย่างเลย ว่าบ้านเราอ่อนทางด้านประชาสัมพันธ์ด้านผลงาน แบบนี้ช่องทีวีเสรีน่าจะมีการส่งเสริมหรือบริหารให้มีรายการประชาสัมพันธถึงประชาชนมากๆนะ์ จากคุณ : himajin006 - [ 28 ธ.ค. 50 01:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หาทางทำให้การผลิตและการตลาดสอดคล้องกันครับ วัฐจักรสินค้าเกษตรถ้ามีมากเกินราคาก็ตก ถ้ามีน้อยเกินราคาก็แพง ไม่ใช่ว่าผลิตมากแล้วจะได้กำไรมากเสมอไป อาจขาดทุนก็ได้ นิสัยคนไทยเห็นใครทำอะไรแล้วมีรายได้ดีก็จะทำตามกันเป็นพรวน สุดท้ายราคาก็ดิ่งเหวขาดทุนกันเป็นแถว คนแรกที่เริ่มจะมีกำไร คนทำตามหลังๆจะขาดทุนเพราะสินค้าเริ่มล้นตลาด หมุนเวียนอยู่แบบนี้สำหรับสินค้าเกษตรไทย หนทางที่จะช่วยได้น่าจะเป็นเรื่องของการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตและการเปิดตลาดผลิตภัณท์ใหม่สู่ตลาดมากกว่าสำหรับสินค้าเกษตร จากคุณ : ชอบเงิน - [ 28 ธ.ค. 50 01:59:12 A:125.24.57.210 X: TicketID:140423 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สิ่งที่คนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญทั้งที่มันสำคัญมากก็คือการหาวิธีเพิ่มมูลค่าครับ ทางฝั่งยุโรป อเมริกา รู้ซึ้งถึงสัจธรรมข้อนี้ดีถึงได้ทำเครื่องบินทำดาวเทียมมาขายแพงๆ พูดง่ายๆคือเอาของถูกๆมาทำให้มันแพงแล้วหลอกขายคนโง่ครับ จากคุณ : ชอบเงิน - [ 28 ธ.ค. 50 02:18:26 A:125.24.57.210 X: TicketID:140423 ]

ความคิดเห็นที่ 6 "เคยแอบไปได้ยินเหมือนกันครับ พวก อบต.ที่ได้ไปดูงานที่นั่นเค้าคุยกัน ประมาณว่า เฮ้ย. .. เดี๋ยวฝรั่งมันเอาอะไรมาให้เขียนสรุป :-)ก็รีบๆเขียนมั่วๆ ไป มันอ่านไม่ออกดอก รีบๆเสร็จ จะได้ไปเที่ยวซะที เบื่อว่ะ :-)ให้เดินดูโน่น ดูนี่มาสองวันแระ เหลืออีกสี่วันจะได้ไปเที่ยวในเมือง โห.. .เสียดายเงินภาษีชิบ... ห เลย " เป็นผมกระโดดถีบมันตรงนั้นเลย เอาให้โดนตำรวจจับมันที่ต่างประเทศเลย จะได้ดังๆ จะได้แฉมันได้ อ่านแล้วขึ้น จากคุณ : Keropii,MCE - [ 28 ธ.ค. 50 02:51:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่ว่ามาในความคิดเห็น 1 นั้นแก้ไม่ได้หรอกครับ เป็นเรื่องDemand-Supply สร้างsupply เยอะๆ ไม่มีdemand ก็เห็นๆอยู่ หลายกรณีที่ผ่านมา และไม่ใช่แต่การเกษตรเท่านั้น ก่อนIMF ก็พวกบ้านต่างๆ ถัดมาก็ internet cafe เป็นต้น เท่าที่ผมสัมผัสมา ถ้าจะแก้ต้องแก้ให้ "คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและประโยชน์ในระยะสั้นน้อยลง ให้มองภาพรวมของประโยชน์ส่วนรวมและระยะยาวเยอะขึ้นครับ" เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการเห็นแก่ประโยชน์ระยะสั้นและตัวข้าไว้ก่อนเกือบทั้งนั้นครับ หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นมา เรื่องที่การประกันราคาทำได้ยาก เพราะเวลาแนะนำให้ปลูกแล้วไม่ทำตาม แห่กันไปปลูกอันเดียวกันหมด(ฉันจะปลูกอันที่"ตอนนี้"ราคาดีๆ ให้คนอื่นปลูกอันอื่นแล้วกัน) เคยเห็นคน(พวกเกษตรอำเภอ) พยายามที่จะดูตลาด ประเมินตลาดแล้ว คำนวณกันหาข้อมูลแทบตาย สุดท้ายเมื่อไปบอกเกษตรกร ก็ฟัง แต่เวลาปลูกก็ตามใจตนเองอีก แล้วพอราคาตก ก็มาโวยอีก จริงๆถ้าดูดีๆเรื่องนี้เป็นรากของหลายปัญหาเลยนะ เช่นคนไตไม่ค่อยดี หมอก็ห้ามว่าอย่ากินเค็ม ก็ยังกินเพราะเห็นว่าอร่อย(เห็นแก่ประโยชน์ในระยะสั้นคือความอร่อย แต่ระยะยาว[ที่อาจจะไม่ยาวนัก]คือร่างกายเจ๊ง) จากคุณ : KL - [ 28 ธ.ค. 50 03:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าจิตสำนึกของคนในชาติทั้งหมด คิดแบบ คห.7 ก็เท่ากับประเทศเรา ชนชาติเรา ยอมแพ้ ยอมจำนน หมดทางสู้ เหมือนกับจะบอกว่าชาตินี้ไปจนถึงชาติหน้าเราก็สู้เค้าไม่ไม่ได้แล้ว เราเป็นชนชาติที่อับจนปัญญาแล้ว โง่เง่า และไม่มีทางเอาชนะเค้าได้ อีกแล้วชั่วชีวิต อืม. . . งั้นก็ไม่รู้ว่าเราจะมาคุยกันเรื่องพัฒนาทำไม งั้นก็ตัวใครตัวมันดีกว่า ใครมีช่องทางค้าขายกับต่างประเทศจนร่ำรวย ก็ร่ำรวยไป ใครโง่ดักดาน ก็ปล่อยให้มันโง่ดักดานไป มันจะได้ผลิต ประชากรรุ่นใหม่ที่โง่ดักดานเหมือนมันมาเป็นข้ารับใช้ลูกหลานเรา อืม.. . ก็ดีเหมือนกันนะครับ อย่าไปพัฒนามันเลย ปล่อยให้มันเป็นไปแบบ นี้ก้ดีครับ ผมเห็นด้วยกับ คห.7 ครับ เพราะผมไม่เดือดร้อน... จากคุณ : อิ่มบุญครับ - [ 28 ธ.ค. 50 07:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาแค่นี้ก่อน ... รื้อหลักสูตรการศึกษาทิ้งทั้งหมด แล้วไปดูว่า "อินเดีย" เรียนอย่างไร (ผมรู้ว่าดีอย่างไร เพราะผมเรียนที่นั่นมาก่อน) ที่เหลือไม่อยากพูด เดี๋ยวซวย จากคุณ : เศียรนาคา - [ 28 ธ.ค. 50 08:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ความเห็นที่ 7 กล่าวถูกต้องแล้ว ปัญหาของประเทศส่วนหนึ่งมาจากการศึกษาที่หล่อหลอมคน ในสังคมให้กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นแต่เรื่องเฉพาะหน้า ถ้าคุณอยากพัฒนาประเทศ อย่างน้อยๆ คุณต้องศึกษาอย่างจริงจังว่า ประเทศมีอะไรดี อะไรไม่ดี ผู้คนเป็นอย่างไร เศรษฐกิจพื้นฐานเป็นอย่างไร เราต้องการอะไรเป็นจุดหมายของประเทศ ไม่ใช่เอะอะก็บอกว่าเราจะเป็นนู้นเราจะทำนี้  ทำนู้นซิทำนี้ซิ มันก็คือการพัฒนาที่ล้มเหลวมา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั่นแหละครับ นั่นแหละความคิดแบบคุณอิ่มบุญมีเจตนาดีต่อประเทศแต่เรื่องวิธีการผมว่าคุณอิ่มบุญต้องหัดมองอะไร ให้รอบด้านกว่านี้ และศึกษาลงรายละเอียดลึกกว่านี้ ไม่ใชทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ อย่างเรื่องประกันราคาสินค้าเกษตร ทุกประเทศยืนยันแล้วว่า มันไม่มีประโยชน์ในระยะยาว อาจทำได้บ้างในระยะสั้น แต่ก็ไม่ควรทำทั้งปีทั้งชาติแบบประเทศไทย ที่คุณบอกว่าให้หาตลาดแต่จะหาตลาดยังไงถ้าเกิด ของที่เราผลิตสู้คู่แข่งไม่ได้ ทางเลือกเราก็มีสองทางคือหาทางพัฒนาผลิตภัณฑ์จนเหนือกว่าคู่แข่งหรือเลิกผลิต มันต้องเป็นเรื่องที่ ผู้ผลิตต้องคาดการณ์กันเอง ตั้งแต่ก่อนปลูกว่าถ้าปลูกไปแล้วแนว โน้มราคาจะเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ช่วยได้ด้วยระบบการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า อย่างน้อยจะทำให้เกษตรกรรู้ว่า อนาคตแนวโน้มราคาจะเป็นอย่างไร ซึ่งเขาก็พยายามทำ กันอยู่ เมื่อผู้ปลูกรู้ว่าแนวโน้มราคในอนาคตมีเท่านี้ ถ้าเขาอยาปลูกพืชผลชนิดนั้นๆ เขา ก็ต้องหาวิธีทำใ้หต้นทุนการผลิตต่อไร่ต่ำ่ลงจนราคมาอยู่ในระดับที่ผู้ผลิตคุ้มทุนมีกำไร สำหรับผมคิดว่าถ้าอยากพัฒนาประเทศจริงๆ เราต้องพัฒนาระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ เด็กที่จบออกมาจากระบบการศึกษาคิดเป็น ศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง มีจริยธรรมระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่รู้จักคิดได้เองว่า ควรจะทำอะไร เขาจะพัฒนาบ้านเกิดเขาไปทางไหนไม่ใช่รอคนอื่น ไปคิดให้ เมื่อเขาคิดเองได้ และลงมือทำเองได้โดยไม่รอ รัฐบาลควรมีหน้าที่สนับสนุนและ ให้การปกป้องเขา ด้วยทรัพยากรที่น้อยที่สุด ผมขอเสนอให้สนับสนุนระบบโรงเรียนทางไกล และมหาลัยเปิดครับ ห้องสมุดหมู่บ้านทุกแห่งควรมีแบบเรียน การศึกษาพื้นฐานครบ และเลิกแบบเรียนแบบหนังสือ การ์ตูนใช้ครั้งเดียวทิ้งครับ แต่ควรเป็นแบบเรียนแบบใช้ครังละ7-8ปี สนับสนุนเฉพาะวิชาพื้นฐาน ว่าด้วย คณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ การเงินเบื้องต้น และจริยธรรมพลเมือง และระบบสอบเทียบวุฒิการศึกษาแบบเข้มข้นครับ คือไม่ว่าคุณจะเรียนโรงเรียนปิดหรือโรงเรียนเิปิด คุณต้องสอบวัดระดับด้วยองค์กรณ์เอกชน  นั่นคือถึงคุณจบม.6ในระบบปิดแ่ล้วคุณก็ยังไม่ได้วุฒิม.6 ซึ่งนำไปใช้เข้ามหาลัยจนกว่าคุณจะสอบวัดระดับผ่านซึ่งเปิดช่องให้เด็กในระบบการศึกษาเปิดแข่งขัน ได้สมบูรณ์กับเด็กในการศึกษาปิด แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 50 09:41:54 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 28 ธ.ค. 50 09:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต้องเริ่มจากการแบ่งประเภทคน เพื่อวางปัญหาก่อนนะครับ และให้เค้าใต่ระดับตามด้านสาขาประเภทของเค้า วางแผนแบบมีแบบอย่าง และ สรุปให้เค้ารู้ว่าดีขึ้นได้อย่างไรโดยใช้ปัญญา เช่น ด้านกสิกรรม อย่าไปบอกเค้าว่า เกษตรกรที่รวยปลูกมังคุดนะ เราต้อง ให้ความรู้ว่า จะรวยได้ต้องปลูกพืชที่ตลาดต้องการจริงๆช่วงนั้น และการปลูกอะไรที่เกินตลาดจะนำพาความวายป่วงได้อย่างไร หรือ ทำให้ง่ายอีกขึ้น คือ ให้ปรึกษาและเคร่งครัดในคำแนะนำของเกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด 1.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ยากจน และเป็นลูกจ้าง 2.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ฐานะปานกลาง และเป็นลูกจ้าง 3.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ร่ำรวย และเป็นลูกจ้าง 4. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ยากจน และหรือ มีหนี้ เป็นเจ้าของกิจการ 5. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ฐานะปานกลาง เป็นเจ้าของกิจการ 6. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ร่ำรวย เป็นเจ้าของกิจการ 7.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านการค้า ที่ยากจน และเป็นลูกจ้าง 8.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านการค้า ที่ฐานะปานกลาง และเป็นลูกจ้าง 9.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านการค้า ที่ร่ำรวย และเป็นลูกจ้าง 10.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการค้า ที่ยากจน และหรือ มีหนี้ เป็นเจ้าของกิจการ 11.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการค้า ที่ฐานะปานกลาง เป็นเจ้าของกิจการ 12.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการค้า ที่ร่ำรวย เป็นเจ้าของกิจการ 13.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านการศึกษา ที่ยากจน และเป็นลูกจ้าง 14.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านการศึกษา ที่ฐานะปานกลาง และเป็นลูกจ้าง 15.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านการศึกษา ที่ร่ำรวย และเป็นลูกจ้าง 16.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการศึกษา ที่ยากจน และหรือ มีหนี้ เป็นเจ้าของกิจการ 17.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการศึกษา ที่ฐานะปานกลาง เป็นเจ้าของกิจการ 18. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการศึกษา ที่ร่ำรวย เป็นเจ้าของกิจการ 19.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านข้าราชการ ที่ยากจน 20.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านข้าราชการ ที่ฐานะปานกลาง   21.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้านข้าราชการ ที่ร่ำรวย   22. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านข้าราชการ ที่ทำงานไปวันๆ โดยลักษณะงานเอง 23. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านข้าราชการ ที่ทำงานไปวันๆ เพราะไม่ได้หวังความก้าวหน้า 24. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านข้าราชการ ที่ทำงานเชิงรุก 25.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้าน IT ที่ยากจน และเป็นลูกจ้าง 26.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้าน IT ที่ฐานะปานกลาง และเป็นลูกจ้าง 27.กลุ่มผู้ใช้แรงงานประกอบอาชีพด้าน IT ที่ร่ำรวย และเป็นลูกจ้าง 28.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้าน IT ที่ยากจน และหรือ มีหนี้ เป็นเจ้าของกิจการ 29.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้าน IT ที่ฐานะปานกลาง เป็นเจ้าของกิจการ 30.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้าน IT ที่ร่ำรวย เป็นเจ้าของกิจการ . . . . ต่อมาจึงตั้งปัญหาของแต่ประเภทคนว่าเกิดจากอะไรบ้าง   ลักษณะปัญหาเป็นเช่นไร  ยกระดับด้วยวิธีไหน จากคุณ : IRQ5 - [ 28 ธ.ค. 50 10:00:52 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับการพัฒนาการศึกษาอย่างมากค่ะ ที่อ่านแล้วคิดว่านะจะทำก่อนอย่างอื่นก็คห.ของพี่ Pongkm นี่แหละ ส่วนตัวแล้วคิดว่า เด็กไทยได้รับการปลูกฝังในสิ่งที่ผิดๆตั้งแต่เด็กๆ และเค้าก็มักจะคิดเองไม่ได้ เพราะมีค่านิยมหรืออย่างอื่นชักจูงให้ทำสิ่งที่ผิดต่อไปอีก หันมามองเด็กไทยที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนเถอะค่ะ จากคุณ : -ทำเป็นเล่นไป- - [ 28 ธ.ค. 50 10:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าคุณอยากพัฒนาประเทศ อย่างน้อยๆ คุณต้องศึกษาอย่างจริงจังว่า ประเทศมีอะไรดี อะไรไม่ดี แจ่มเลยครับ   อย่างน้อยด้วยทุนที่มีจำกัด จะทำเรื่องอะไรๆต่างก็ต้องระมัดระวังให้สูง แต่ในทางกลับกันอันไหนที่เป็นจุดด้อยมีความคิดเห็นว่าก็ต้องค่อยๆสร้างให้เป็นจุดแข็งครับ  ตั้งข้อสังเกตได้อย่างหนึ่งที่เด่นชัดเรื่องการให้การศึกษาและความสำคัญของระเบียบวินัย เพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกััน    การเปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนกันมากขึ้นเพื่อการสร้างสรรค์ คัดกรองข้อมูลที่ดีที่สุด ยิ่งไม่เข้าใจกัน ภาครัฐหรือกลุ่มคนที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญมากๆขึ้น    ว่าแต่ว่าเรื่องการศึกษาและระเบียบวินัยนี่เป็นปัญหายักษ์ของบ้านเราขนาดไหนเนี่ยครับ ไม่แน่ใจว่าต้องแก้ไขปรับปรุงกันอย่างน้อยกี่ปีหรือแทบต้องเป็นระยะยาวกันเลย ^^ จากคุณ : himajin006 - [ 28 ธ.ค. 50 10:25:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราเป็นประเทศเกษตรกรรมครับ คงต้องสนับสนุนเกษตรกรรม สวิตเซอแลนด์ ยังส่งเนสเล่ ตีตลาดได้ทั่วโลก ทั้งๆที่บ้านเขาเป็นเทือกเขา พื้นที่ปลูกพืชน้อยกว่าไทยตั้งเท่าไหร่ แล้วทำไมเราจะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ ตราบใดที่คนมันยังต้องกิน อาหารขายได้อยู่แล้วครับ คีย์หลักของประเทศไทยอยู่ที่ภากเกษตรกรรรมครับ ไม่ใช่อุตสาหกรรม สนับสนุนกันเข้าไป ต่อรถ ต่อฮาร์ดดิส ทำแผงวงจรในไทยนะ เราเป็นได้แค่แรงงานราคาถูกของเขาเท่านั้น ทำไมไม่เอาคนฉลาดๆ ไปทำนา ไปวิจัยพันธุ์ข้าว ไปหาทางขายข้าว? ไทยจะเดินไปได้อีกไกลเลย แค่เลิกเตะตัดขากันเองซะที จากคุณ : แมงสาบ - [ 28 ธ.ค. 50 12:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 นมผงเป็นการต่อยอดสู่อุตสาหกรรมแล้วครับ ผมเคยเข้าไปดูโรงงานนมผงของต่างชาติที่มาตั้งในนิคมอุตสาหกรรมของไทย ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ทันสมัย แบ่งห้องเป็นชั้นๆ จะเข้าไปแต่ละชั้นต้องใช้คีย์การ์ด ใส่ชุดคลุมหมดทั้งตัว ภายในโรงงานผลิตปลอดเชื้อ สะอาดโพดๆครับ ถ้านึกภาพว่าเอามาเทใส่ถุงนั่งทำกันในบ้านแบบโอท๊อปผิดแล้วครับ จากคุณ : ชอบเงิน - [ 28 ธ.ค. 50 12:36:20 A:125.24.63.103 X: TicketID:140423 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตั้งเป้าหมายให้ชัดก่อน วาดภาพไว้ก่อนว่า เป้าที่เราจะไปให้ถึงนั้น มันเป็น แบบไหน วิเคราะห์ดูให้ดีว่า มันโอเคหรือปล่าว เป็นอย่างที่ทุกฝ่ายต้องการหรือป่าว จะลองวาดเป็นภาพฝัน จากส่วนดีในประเทศต่างๆมาก็ได้ จากนั้น ก็ วิเคราะห์ปัุจจุบันว่า ตอนนี้เรา เป็นอย่างไร อย่างชัดเจน แล้วจึงปรับเป้าหมาย ให้เข้ากับเรา และเป็นไปได้จริง แล้วจึงวางแผนดำเนินการ และจัดให้เกิดการกระทำจริงๆต่อไป ถ้าไม่ริเริ่มทำตามนี้ ก็ต้องมาคุยกันอย่างนี้ทุกปีหละ เหมือนภาพเรือในอ่างอะ จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day - [ 28 ธ.ค. 50 12:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #12 มองมาดูความเป็นจริงเด็กไทยวันนี้แล้วยิ่งเศร้า ครับ ทุกวันนี้ เด็กที่ดีๆ  ได้รับการส่งเสริม แบบ มาวูบเดียวอ่ะครับ ไม่มีการต่ออด อะไรเลยดูจากการ แข่งขันหุ่นยนต์ ที่มีจัดประกวดๆ กัน สิครับ หลังจากนั้นไม่มีการส่งเสริม ต่อ ทุกคนกลับไปเรียนๆๆ แล้วก้อ ขบออกมาเป็น บุคลากร  ทั่วๆ ไป กลับ อีกส่วน ... ที่เกเร ก้อเห้นๆ กัน อยุ่ครับ เด็กแว๊นซ สก๊อย์ ทั้งหลาย อนาคตของ ประเทศ มองไปก้อเศร้าใจ ครับ ... จะเริ่มพัฒนาประเทศ ผมว่า มันต้องเริ่มจากระบบการศึกษาเลย ครับ  และผมก้อคิดว่า กว่ามันจะเกิดผล คงไม่ได้เห็นในช่วงชีวิตผมแน่ๆ เพราะ ทุกวันนี้  เปลี่ยน รบ ที เปลี่ยนนโยบายที เฮ้อ ..... จากคุณ : vn, man - [ 28 ธ.ค. 50 15:15:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พัฒนาประเทศต้องพัฒนาที่คน พัฒนาคนต้องพัฒนาที่การศึกษา พัฒนาการศึกษาต้องพัฒนาที่โรงเรียน พัฒนาโรงเรียนต้องพัฒนาที่ระบบการศึกษา  ที่ครู เครื่องมือ และทรัพยากร รวมทั้งพ่อแม่และสังคม อย่าโทษที่เด็ก  เพราะพ่อแม่ โรงเรียนและสังคมเป็นตัวการให้เด็กเป็นเช่นนี้ เด็กมันไม่ดีเพราะผู้ใหญ่มันเฮงซวย จากคุณ : ekkie - [ 28 ธ.ค. 50 16:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ต้องไม่ลืมเรื่อง สุขภาพ ด้วยนะครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ฝรั่งส่วนใหญ่ สุขภาพรวมๆแล้ว ถือว่าดีกว่าคนไทย ตัวใหญ่กว่า แรงเยอะกว่า ทำให้มีแรงพอจะทำอะไรได้มากกว่า แต่คนบ้านเรา บางคนตัวเล็กไม่พอ สุขภาพยังไม่ค่อยดี เจ็บป่วยเป็นว่าเล่น ถ้าสุขภาพไม่ดี ทำอะไรไม่ได้ซักอย่างเลยครับ คนญี่ปุ่น ถึงจะตัวเล็ก แต่คิดว่า รวมๆแล้ว สุขภาพเขาน่าจะดีนะ ถ้าเราพูดถึงญี่ปุ่น สภาพประเทศเขา ทรัพยากรที่เขามีนี่ สู้เราไม่ได้เลย ภัยธรรมชาติก็เยอะ แต่เขาก็ยังพัฒนาได้ แสดงให้เห็นว่า ประชากรเขามีคุณภาพ จากคุณ : ceobank - [ 28 ธ.ค. 50 16:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณจะพัฒนาประเทศนี้ยังไงถ้าไม่แก้ปัญหาการเมือง ? จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 28 ธ.ค. 50 18:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พัฒนาด้านการศึกษาก่อนเป็นอันดับแรก รื้อระบบการศึกษาใหม่ทั้งหมด หยุดระบบการท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง เลิกทำรายงานแบบงี่เง่า ลอกหนังสือเล่มไหนก็ได้มาทำรายงาน (ไม่เอา) ต้องทำรายงานแบบวิเคราะห์ให้นักเรียน-นักศึกษารู้จักคิดเป็น รัฐบาลไม่สมควรโกงกิน โทรทัศน์ทุกช่องต้องฉาย Discovery,Next step และอื่นๆ ที่เป็นรายการประเทืองปัญญา ไม่ใช่มีแต่ละครน้ำเน่าไร้สาระ เยาวชนจะได้คิดเป็น โอ้ยเยอะๆ เยอะจริงๆ ถ้าจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลก เมืองไทยมีทั้งทรัพยากร,อาหาร,ไม่มีกัยพิบัติที่มันรุนแรงแบบเมืองนอก, สภาพอากาศเหมาะสมแก่การเพาะปลูก เสียอย่างเดียวทรัพยากรมนุษย์ (นักการเมือง) ไม่ได้เรื่อง อย่าลืมนะครับ เลือกเรา พรรคกระยาจก เบอร์ 0.5 เพื่อความก้าวหน้าของประเทศเรา จากคุณ : กล่องติดล้อ - [ 28 ธ.ค. 50 19:09:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หาวิธีทำให้คนส่วนใหญ่มีคุณภาพก่อน เรื่องอื่นจะตามมาเอง ทุกวันนี้เห็นแต่คนต่างชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น ทำไม่เค้าไม่จ้างคนไทย ??? จากคุณ : 2498 (cpbu) - [ 29 ธ.ค. 50 18:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 5 ม.ค. 51 06:55:28 ]