Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ยินดี กับ "ดร.กฤษณา" เภสัชกรหญิงไทย ที่ได้เป็น บุคคลแห่งปี ของเอเชีย ครับ

    พอดีไปเห็นกระทู้ ของคุณ หมาป่าดำ ที่ห้องสวนลุมเลยเอามากระจายบอกต่อกันครับ
    -------------------------------------------------------
    [เนื้อหาข่าว]

    ยกย่องด็อกเตอร์เภสัชกรหญิงไทย บุคคลแห่งปี ของเอเชีย

    ด้วยความทุ่มเทอย่างไม่รู้จักเหน็ด เหนื่อย เพื่อผลักดันให้ผู้ป่วยยากไร้ได้มีโอกาสใช้ยารักษาโรคเอดส์ และมาลาเรีย รีดเดอร์ส ไดเจสท์ จึงประกาศยกย่องให้ “ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์” เภสัชกรหญิงชาวไทย วัย 55 เป็นบุคคลแห่งปีของเอเชีย ประจำปี 2551

    บทบาทสำคัญของ “ดร.กฤษณา” เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2545 จากการผลักดันให้ประเทศไทยสนับสนุนการผลิตยาต้านโรคเอดส์ในราคาถูก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ยากจน และรองรับปัญหายาต้านเอดส์ราคาแพง ผลปรากฏว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคเอดส์ในเมืองไทยลดลงจากเดิมมาก จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ประเทศไทยได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนา ที่มีโครงการรักษาโรคเอดส์ระดับชุมชนที่ดีที่สุดในโลก ผู้ป่วยยากจนส่วนใหญ่สามารถรับยาฟรี

    วิสัยทัศน์และความทุ่มเทของ “ดร.กฤษณา” ไม่ได้อำนวยประโยชน์เฉพาะชาวไทย แต่ยาต้านโรคเอดส์ราคาถูก ได้ถูกนำไปใช้รักษาผู้ป่วยยากไร้ในประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม และความพยายามของบุคคลแห่งปีของเอเชีย ยังขยายผลไปถึงทวีปแอฟริกาด้วย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา “ดร.กฤษณา” ได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจ ช่วยเหลือชาวแอฟริกันกวาดล้างโรคเอดส์และโรคมาลาเรีย จนได้รับการขนานนามว่า “ซิมบาจิเค” เป็นภาษาสวาฮิลี แปลว่า นางสิงห์

    เดิมทีเดียว “ดร.กฤษณา” ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเภสัชกร แต่เธอรักศิลปะและใฝ่ฝันอยากเป็นวาทยกร ในวัยเด็ก เธอได้รับอิทธิพลสำคัญจากคุณยาย ซึ่งเป็นแม่ชี “ยายชอบนั่งหน้าบ้าน และเหมาซื้อผักที่แม่ค้าหาบมาขาย เพื่อที่ว่าแม่ค้าจะได้ไม่ต้องเดินไกลไปถึงตลาด สิ่งที่จำได้ขึ้นใจคือ ยายมักบอกเสมอว่า จงทำดีทุกครั้งที่มีโอกาส”

    หลังจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบาธ ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2524 “ดร.กฤษณา” ได้เข้ารับตำแหน่งอาจารย์หัวหน้าภาควิชาเภสัชเคมี ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นเวลาสองปี จากนั้น ลาออกไปทำงานที่องค์การเภสัชกรรม ในปี 2532 เธอได้รับเลือกให้เป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา ด้วยอายุเพียง 37 ปี

    “ดร.กฤษณา” เป็นหัวหน้าที่ขยัน และเอาจริงเอาจัง เธอเร่งพัฒนายาราคาถูกสำหรับรักษาโรคต่างๆ ตั้งแต่ความดันโลหิตสูง ไปจนถึงโรคเบาหวาน ยาสามัญที่เธอผลิต มีราคาถูก เพราะเป็นยาผลิตเลียนแบบยาต้นตำรับจากต่างประเทศ ซึ่งสิทธิบัตรหมดอายุการคุ้มครองไปแล้ว ความยากของขั้นตอนการผลิตอยู่ที่การวิจัย และทดสอบเพื่อค้นหาส่วนประกอบยาที่ถูกต้อง

    ในปี 2535 โรคเอดส์แพร่กระจายในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว “ดร.กฤษณา” จึงตัดสินใจผลิตยาสามัญสำหรับต้านโรคเอดส์ โดยยาที่ได้รับความสนใจในวงกว้างคือ “ซิโดวูดีน” เนื่องจากมีสรรพคุณลดการถ่ายทอดเชื้อไวรัสจากสตรีสู่ทารกในครรภ์ ในระยะแรกมีอุปสรรคอยู่มาก เพราะเป็นยาใหม่ที่เพิ่งคิดค้นขึ้น จึงมีความเป็นพิษสูง แต่ด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มที่ หักโหมทำงานอย่างหนักตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ค้นคว้าทุกวันไม่มีวันหยุด ในที่สุดภายในเวลา 6 เดือน แม่พระของผู้ป่วยเอดส์ ก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาตัวใหม่ได้สำเร็จ โดยปี 2538 ได้ผลิตตัวยาดังกล่าวเป็นยาสามัญชนิดแคปซูลสำเร็จเป็นครั้งแรก ด้วยต้นทุนเพียง 1 ใน 5 ของยาต้นตำรับ นับเป็นประเทศแรกในโลกกำลังพัฒนา ที่ผลิตยาสามัญต้านโรคเอดส์ได้สำเร็จ สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยเอดส์ที่ยากไร้ได้จำนวนมาก... น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับความสำเร็จของสตรีไทยผู้นี้.

    http://www.thairath.co.th/news.php?section=society&content=75211

     
     

    จากคุณ : Panda-baker - [ 15 ม.ค. 51 17:36:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom