ความคิดเห็นที่ 1 อืมมม น่าคิดเหมือนกันนะครับ แต่ถ้าคิดอีกมุมนึง ถ้า จขกท.ไม่ขยันแบบทุกวันนี้ เกรดอาจจะตก จนต้องรีไทร์ ไปแล้วก็ได้นะครับ ผมถือคติ "เก่งไ่ม่กลัว กลัวขยัน" จากคุณ : Momonster - [ 24 ม.ค. 51 21:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมมีวลีอยู่ประโยคนึง แต่ไม่ค่อยอยากพิมพ์อ่ะ จะกลายเป็นว่า anti พวกนั้น อันที่จริงเปล่าหรอกครับ เขาว่ากันมาอย่างงี้ วลีที่ว่า "คนฉลาด มักไม่ขยัน เพราะคนขยัน มักเป็นเบี้ยล่างคนฉลาด" ถ้าไม่เหมาะสม ไฟแดงได้นะครับ หรือลองคิดดีๆว่าสิ่งที่ผมพิมพ์ มันมีอยู่จริง ในสังคมไหม ??? จากคุณ : Nanoดะ - [ 24 ม.ค. 51 21:37:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คือ ขยันนะครับ มันก็ แอคทีฟตัวเอง เพื่อให้เก่ง เพื่อให้ฉลาด แต่คนฉลาด  ๆ แล้ว จะเข้าด้านมืด (Dark Zise) ได้ง่ายครับ จากคุณ : {M}-มดนะจ๊ะ - [ 24 ม.ค. 51 21:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ..อย่าท้อครับ ขยันในสิ่งที่ควรที่คุณทำ ผมว่าถูกต้องแล้ว ขยันในสิ่งที่ถูกต้องอาจจะเห็นผลบางด้าน ช้าสักหน่อย แต่จะยั่งยืน อย่างน้อยก็เป็นการฝึกความเพียรที่ถูกที่ควรไปในตัว ผิดหวังบ้างก็ดีนะครับ ชีวิตจะได้แกร่งขึ้น ต่อไปในระยะยาวจะทำอะไรก็จะระวังและคิดหาทางถอยไว้ด้วยพร้อมๆกัน ความผิดหวัง,การพ่ายแพ้ บางครั้งก็ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่...ลองมองมุมกลับดูบ้างนะครับ ....ผมน่ะแพ้คู่แข่งประจำ แต่ก็ได้อะไรบางอย่างไว้เตือนตัว(ปลอบใจตัวเองเป็น อิอิ..) จากคุณ : อำแดงสุ่น - [ 24 ม.ค. 51 21:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สิ่งที่คุณทำถูกแล้วครับ ตั้งใจเรียน เก็บคะแนนไป นั้นแลดี แต่ผมอยู่ในกลุ่มคนที่อาจารย์มักจะชอบว่า ชอบเตือน ชอบติ ชอบด่า ผมไม่ค่อยเข้าเรียนเท่าไหร่ มาสาย 40-60นาที ประจำ ผมบอกตรงๆ นะเรียนไม่รู้เรื่อง แต่ผมทำงานที่เขาสั่งทุกครั้ง ก่อนสอบผมอ่านก่อนเข้าห้องสอบ 30 นาที เกรดออกมา ได้เท่าคน ที่ อ่านเตรียมตัวเป็นเดือน บางวิชาผมก็ได้มากกว่า นะ ถ้าเป็นวิชาที่ผมถนัดอะ ไม่ต้องอ่านเลย แต่ วิชาที่ผมยัง โง่อยู่นั้นคือ แคลคูลัส เหตุผลเพระผมไม่อ่านไม่อยากเรียนมัน เพราะเกลียดมัน มีนานี้ จะซื้อเครื่องคิดเลขทำโปรแกรมได้เมมแล้วเข้าไปลอก เอาจบ กะแคลคูลัส เกลียด ส่วนวิชาอื่นชิวๆ ครับ จากคุณ : ฮะเก๋ากุ้ง - [ 24 ม.ค. 51 21:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพื่อนผมหลายคน ฉลาดอย่างเดียวแต่ไม่ขยัน ปัจจุบันยังเรียนไม่จบเลย จากคุณ : axquest - [ 24 ม.ค. 51 21:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพื่อนที่สาขาผม ฉลาด+ขยัน=เก่ง  แต่พวกที่เก่งจริงๆแล้วคนอื่นยอมรับ ตอนสอบมาติวให้คนอื่น ส่วนตัวเองก็ 4.00 ทั้งๆที่ตอนสอบไม่อ่านติวให้เพื่อนอย่างเดียว จากคุณ : OFF_KUB - [ 24 ม.ค. 51 21:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อย่าได้เลิกขยันเด็ดขาด   มีตัวอย่างเลวๆ จะเล่าให้ฟัง เด็กผู้หญิงคนนึง เป็นเด็กที่ขี้เกียจ    ไปโรงเรียนสาย  ไม่ทำการบ้านไม่อ่านหนังสือ    ไม่ท่องสูตร ไม่มีเเม้เเต่เเลคเชอร์จะอ่าน  เเม้ว่าความจำเเย่เข้าขั้นความจำเสื่อม ตอนมอต้น เเบบว่าปิดเทอมไป  เปิดมาสะกดนามสกุลตัวเองไม่ได้   เเต่เนื่องจากเป็นคนโชคดีคิดวิเคราะห์ได้ดี   จึงได้คะเเนนทอปของโรงเรียน ในหลายวิชา  ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปเเข่งขันคณิตศาสตร์  วิทยาศาสตร์ เคยชนะเด็ก โอลิมปิกด้วย   ไปสอบเทียบตอนมอสี่ก็ผ่านก็ได้คะแนนสูงสุดของจังหวัดที่มีโรงเรียนมัธยมท๊อปไฟของประเทศได้มากกว่าเด็กโอลิมปิกสองคนด้วย ทั้งที่ไม่อ่านหนังสือ  ทำให้ได้ใจ ทำให้เด็กคนนี้ยังคนนิสัยเกียจคร้านต่อไป      และขาดความรับผิดชอบถึงขั้นไม่จดตารางสอบเลย    พ่อเเม่ก็ไม่เคยว่าคิดว่า คิดว่าเรียนดีเเล้วเลยไม่เคยจ้ำจี้จ้ำไชอะไร  ได้ประกาศนียบัตรมา ก็เอามาทดเลขแล้วทิ้ง เพราะถ้าเอาไปใส่กรอบติดฝาบ้านเเล้วจะเหลิง เพราะรู้ตัวว่าได้มาเพราะฟลุค    ไปโรงเรียนสายไม่ส่งการบ้านครูก้อไม่ตี ได้อภิสิทธ์ตลอด  ครูไม่กล้าว่าเพราะเรียนดีเเละครูให้ช่วยสอนเพื่อนที่เรียนอ่อนด้วย  เพื่อนก็ไม่เชื่อว่าเราขี้เกียจคิดว่าเเค่ซุ่ม  เเต่มีบางวิชาที่ถ้าไม่ทำการบ้านครูจะตี  เค้าก็เเค่มาลอกตอนเช้า เด็กคนนี้เพาะนิสัยสุกเอาเผากินตลอดมา  ขาดทั้งความอดทน มานะพยายาม  พอถึงตอนสอบเข้ามหาลัยก็สอบเทียบติดเข้าไป  แล้วกรรมก็เริ่มตามสนอง   เพราะคณะนี้   เค้าต้องท่องจำมากๆๆๆๆๆ แต่เด็กคนนี้เป็นโรคอ่านหนังสือไม่ได้เสียเเล้ว ท่องสูตรก็ไม่ได้    เเละยังคงนิสัยไม่เข้าเรียน ไม่มีเลคเชอร์อยู่ดี   แต่เนื่องจากคณะนี้ความรู้เป็นลักษณะต้องท่องจำ   พรุ่งนี้สอบ  วันนี้ก็ไปหาเลคเชอร์ซีรอกซ์    อ่านทันบ้างไม่ทันบ้างเพราะมีเวลาคืนเดียว   เเล้วไม่ได้เข้าเรียนด้วย  ผลกรรมก็ตามสนอง มีหลายวิชาที่ส่งกระดาษเปล่าไป     ในเวลาใกล้สอบก็จะเป็นทุกข์มากไหนจะเรื่องหาเลคเชอร์  ก่อนวันสอบหนึ่งวันไปซีรอกซ์ซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ยืม ยืมมาได้เเล้วก็อ่านไม่จบเพราะมีเวลาแค่คืนเดียว บางวิชาเช่นเเคลคูลัส  มีความรู้เเค่ข้ามฉากชิดฉากข้ามชิด  ก็เลยไปเซ็นต์ชื่อเเละส่งกระดาษเปล่าเสียเลย   ผลลัพธ์สุดท้ายก็ต้องเปอร์ ปีนึง ด้วยความ ทุกข์ อับอาย และเหงา แต่ก็ยังติดนิสัย  ขี้เกียจมาตลอด ตอนนี้เวลาเครียดๆ  บางทียังฝันจะสอบ ได้เลคเชอร์มาเเล้วไม่อ่านคิดว่านอนก่อนเเล้วจะตื่นมาอ่านตอนเช้าก่อนสอบ  แต่ไม่ตื่นเลยไม่ได้อ่านไปสอบ เครียดมาก ตื่นมาเหงื่อเเตก เเล้วก็นึกได้ว่าฝันไป   เป็นอย่างนี้อยู่หลายปี  ตอนนี้ไม่เป็นเเล้วเพราะเลิกทำงานเเล้วเลยเลิกเครียด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ได้ทำอย่างนี้เลย  เพื่อนที่เคยเรียนอ่อนกว่าแต่ขยันก็ได้ดีกันทุกคน  ในห้องมีเกือบสิบคนที่สอบเทียบติดวิศวะจุฬา และได้ทุนไปเรียนเอกที่เมืองนอก  มีอยู่คนไปเอกเรียนเคมบริดจ์ด้วย  ห้องเรามีคนได้ทุนไปเรียนเอกเมืองนอก ประมาณสิบคน   มีเรานี่เเหละที่ห่วยสุดเเล้ว   ทั้งๆที่ไม่ได้โง่เเต่ดันขี้เกียจ  เเม้เเต่จะไปเรียนโทยังคิดว่าคงไม่จบ เพราะติดนิสัยอ่านหนังสือเรียนไม่ได้  ไม่ชอบทำการบ้านด้วย  ไม่ชอบเลคเชอร์ด้วย    นิสัยขี้เกียจนี้ถ่วงความเจริญที่สุด   แต่ยังโชคดีนิดหน่อย ที่ได้บุญเก่าเลยไม่ลำบาก   เด็กคนนั้นคือเราเองเเหละ   ทุกวันนี้ก็เสียใจ เเต่มันย้อนกลับไปไม่ได้เเล้ว   ก็เพียงเเต่ทำวันนี้ให้ดี จากคุณ : ^*^ROLITIA^*^ - [ 24 ม.ค. 51 22:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ความขยันมันจะปรากฏผลให้เห็นแน่นอน  เมื่อคุณไม่ได้อยู่ในกรอบแคบๆอย่างในห้องเรียน เพราะว่าบางสิ่งแค่ความรู้อย่างเดียวเอามันมาครองไม่ได้ จากคุณ : แมงแกลบ - [ 24 ม.ค. 51 22:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ในสงครามชีวิต ไอคิวไม่ต้องสูงเลย แค่ปานกลางก็พอ  แต่ความขยัน ความมานะพยายาม อดทนไม่ย่อท้อต่างหาก  เป็นอาวุธที่สำคัญ  การมีพรสวรรค์ ทำอะไรก็ได้ดี เรียนรู้ได้เร็วกว่าคนอื่นมันก็มีข้อเสียถ้าไปหลงระเริงขี้เกียจ  สุดท้ายกรรมก็ตามทัน สู้ไอคิวปานกลาง  เเต่ขยันไม่ย่อท้อไม่ได้หรอก แต่ถ้าไอคิวสูง  เเล้วยังทั้งขยันทั้งอดทนมานะพยายามก็ยิ่งดี ในชีวิตเจอคนที่ไม่อ่าน หนังสือเเล้วได้ดีอยู่คนเดียว  เเต่คนนี้มันความจำดีด้วย   ครูสอนอะไรมาฟังครั้งเดียวก็จำได้หมด  ตอนสอบไม่อ่านหนังสือเลย ก็ยังได้เกียรตินิยม  ตอนนี้ได้ทุนไปเรียนเอกอยู่ที่อังกฤษ  โชคดีที่เป็นคนมีคุณธรรมด้วย จากคุณ : ^*^ROLITIA^*^ - [ 24 ม.ค. 51 22:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สิ่งที่คุณทำผมว่าถูกต้องแล้ว เอาเข้าจริง ๆผมว่าคุณอาจจะรู้มาก รู้ลึกกว่าเขาก็ได้ การเรียนเพื่อให้ได้ความรู้ กับเรียนเพื่อให้ได้คะแนน มันแตกต่างกันนะครับ อย่าลืมว่าการอ่านเพื่อสอบ หากเราเก็งข้อสอบ เก็งถูกจุดก็ทำคะแนนได้ไม่ยาก เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่คนเราจะเข้าใจอะไรลึกซึ้งเพียงคืนสองคืน ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ตาม จากคุณ : เซียนแห่งmath - [ 24 ม.ค. 51 22:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่าที่คุณอ่านไปตรงประเด็นหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ เพราะบางทีการที่เราอ่านเยอะเกินไปมันจะทำให้สับสนในชีวิตได้ครับ เวลาทำข้อสอบ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 51 22:31:19 จากคุณ : linky - [ 24 ม.ค. 51 22:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณทำถูกแล้วครับ ผมก็โง่ นึกอิจฉา พวกฉลาดๆอยู่เหมือนกันเราอ่านแทบตาย มันอ่านนิดๆ ได้คะแนนเท่าเราซะงั้น แต่กรรมตามมันเองคับ พวกวิชาท่อง มันก็ใช้วิธีเดิมอ่านก่อนสอบ ผลก็ติด F คับ เพราะงั้นขยันไว้หล่ะดีแล้ว จากคุณ : zeroxs - [ 24 ม.ค. 51 22:30:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นความสามารถเฉพาะตัวครับ เพื่อนผมบางคน วันๆเล่นเกมดูหนัง แทบไม่ได้เข้าเรียนเลย อ่านหนังสือ1คืนก่อนสอบ แต่เกรดออกมา 3.5++ คืนก่อนสอบ ถ้าเพื่อนคนอื่นที่เข้าเรียนครบมีโจทย์ยากๆที่ทำไม่ได้ ก็จะเอาโจทย์ตัวอย่าง+เล็กเชอร์ที่อาจารย์สอนไปสอนให้ก่อน หลังจากที่มันเข้าใจแล้วก็จะเอาโจทย์ยากๆเหล่านั้นกลับมาสอนให้ทีหลัง จากคุณ : maxijojo123 - [ 24 ม.ค. 51 22:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความรู้ในแต่ละเรื่องต้องใช้ความเพียรในการศึกษาให้เข้าใจในหลายๆแง่มุม รู้ความจริงเพียงด้านหนึ่งแล้วบังเอิญอาจารย์ออกตรงนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจลึกซึ้งทุกด้านแม้เกรดจะได้คะแนนสูง เคยได้ยินชาวบ้านที่ไปโรงพยายาลคุยกันคนหนึ่งอุ้มลูกอยู่บอกว่าจะพามาฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ส่วนชาวบ้านอีกคนบอกลูกตัวเองไม่ได้ฉีดยังไม่เห็นเป็นไรเลย แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเก่งครับ เขาเรียกไม่ซวยก้ดีแค่ไหนแล้ว จากคุณ : ชอบเงิน - [ 24 ม.ค. 51 22:32:17 A:125.24.178.112 X: TicketID:140423 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าฉลาดมันก็จะเข้าใจไว มันไม่ต้องขยันมากมายหรอก ส่วนตัวนะ ถ้ารู้ว่าหัวไม่ไหวก็ควรจะขยันมากๆ แต่ถ้าไม่ฉลาดแถมยังไม่ขยันอีก นี่ก็จบกัน จากคุณ : น้องเจสซี่ - [ 24 ม.ค. 51 22:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #12 ช่ายๆ ถ้าเราเก็งถูกอ่านนิดเดียว ก็ทำคะแนนได้ละ แบบเนื้อหามี10บท ข้อสอบออก3บท ถ้าเราอ่านมาทั้ง10ความจำมันก็เบลอๆไม่แม่นแต่คนเก็ง3บทเปรี๊ยะๆ ก็แม่นกว่าเรา จำน้อยกว่า แม่นกว่า เหอๆ นอกจากขยันแล้วต้องเก็งให้ใกล้เคียงด้วย จากคุณ : zeroxs - [ 24 ม.ค. 51 22:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่มีคนจนในหมู่คนขยัน เพื่อนผมเรียนห่วยอิ๋บอ๋าย แต่มันขยันและชอบค้าขาย วันนี้มีทรัพย์สินเป็นสิบล้าน ขณะที่ผม บางปีสอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียน วันนี้ยังเป็นหนี้บัตรเครดิท อยู่หกหลัก จากคุณ : น้าพร - [ 24 ม.ค. 51 22:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 บางวิชาเช่นภาษาอังกฤษ เป็นวิชาวัดบุญเก่า ที่คุณได้คะแนนน้อยกว่าเขา อาจเป็นเพราะเค้าทำบุญเก่ามาดี (เช่น เรียนโรงเรียนที่ให้พื้นภาษาดี, เพื่อนมีความสนใจใคร่รู้ในศัพท์ภาษาอังกฤษ ทำให้มีคลังคำมากกว่าชาวบ้านโดยไม่รู้ตัว เช่นนี้เป็นต้น) แต่บางวิชา เป็นบุญใหม่ล้วนๆ ทุกคนเริ่มจากศูนย์พร้อมกัน วิชาแบบนี้แหละ ที่คุณต้องเอาชนะเขาให้ได้ ขยันต่อไปดีแล้ว ตั้งใจเอาชนะให้ได้ เพราะดุๆแล้ว แค่ชนะเฉียดไปนิดคุณยังคิดมาก ถ้าแพ้ขึ้นมา คงเสียศูนย์กว่านี้ จากคุณ : แมวบอส - [ 24 ม.ค. 51 22:59:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ความสำเร็จบางครั้งก็ไม่เกี่ยวกับว่าขี้เกียจหรือขยัน แต่มันสำคัญอยู่ตรงที่รู้จักจับหลักเป็นมากกว่า คือรู้จักตัวเองว่าต้องทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จได้คะแนนออกมาดี ซึ่งทุกเรื่องเรากำลังทดสอบตัวเองทั้งนั้น อย่าไปเอาความสำเร็จของคนอื่นมาเทียบครับ มันคนละเรื่องกันลองคิดดูให้ดีๆนะครับ จากคุณ : ตุ่น - [ 24 ม.ค. 51 22:59:40 A:58.9.210.182 X: TicketID:115608 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมอยากขยัน แจ่ยังทำไม่ได้ ToT จากคุณ : มิ่งกลิ้ง - [ 24 ม.ค. 51 23:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขยัน ฉลาด มีความสุข   เฃือกมีความสุขน่ะ จากคุณ : ทองดีกว่า67 - [ 24 ม.ค. 51 23:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขยัน ฉลาด มีความสุข   เลือกมีความสุขน่ะ จากคุณ : ทองดีกว่า67 - [ 24 ม.ค. 51 23:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คนที่ฉลาดๆ ก็ขยันน้อยหน่อยได้ แต่คนที่ไม่ฉลาดถ้าไม่ขยันเลย ก็คงถูกรีไทร์หล่ะครับ ส่วนตัวผม เข้าเรียนครบ ส่งงานครบ แต่เรื่องอ่านหนังสือ ติวไรงี้ไม่เคยทำ อ่านก่อนสอบเอาทั้งนั้น แต่เกรดก็อยู่ีระดับ >3.5X ได้สบายๆ จากคุณ : หวาก - [ 25 ม.ค. 51 00:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเป็นแบบ จขกท. ผมก็งง สงสัย ว่าพวกนั้นมันทำได้อย่างไร ? 1. ผมเริ่มวิเคราะห์จากตัวเองว่า ไป่ที่เราบอกว่าเราอ่านจริง ๆ เนี่ย ใช้เวลาไป 3 ชม. ผมอ่านได้เท่าไหร่กันแน่ ? เดินไปเดินมา แล้วกลับมาอ่าน แล้วก็บอกว่าอ่านตลอด 3 ชม. หรือเปล่า - > ซึ่งผมเป็น ไร้สมาธิ 2. อ่านไป เครียดไป กังวลไปว่า อุตส่าห์อ่าน อุตส่าห์เสียเวลา แล้วมันจะออกมาดีมั้ย -> ซึ่งผมเคยเป็น และสุดท้ายก็ได้คำคอมจาก คุณครูสมศรี (คงรู้จักนะครับ) "ความเพียร กับคะแนน กับเหมือนกับเรื่องเดียวกัน แต่... จริง ๆ แล้ว ความเพียรมันอยู่คนละส่วนกับคะแนนเลย ความเพียรเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำ คะแนนเป็นสิ่งที่สวรรค์บัญชา ถ้ามีความเพียรซะอย่าง คะแนนสอบเท่าไหร่ก็ตาม แต่คะแนนความเป็นคน เต็ม 100%" 3. อ่านแล้วไม่มีความสุขเลย อ่านไปกังวลไป ผิดก็ด่าตัวเอง -> ผมเคยบ้างี้มาซักพัก ด่ามันอยู่นั่น จนสุดท้าย ไปอ้วกในห้องน้ำ เวียนหัว ปวดตุ๊บ ๆ และมีเสียงตะโกนในหัวตัวเองว่าโง่ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมเลยกลับมาอ่านข้อความนี้ใหม่ "ความเพียร กับคะแนน กับเหมือนกับเรื่องเดียวกัน แต่... จริง ๆ แล้ว ความเพียรมันอยู่คนละส่วนกับคะแนนเลย ความเพียรเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำ คะแนนเป็นสิ่งที่สวรรค์บัญชา ถ้ามีความเพียรซะอย่าง คะแนนสอบเท่าไหร่ก็ตาม แต่คะแนนความเป็นคน เต็ม 100%" มันช่วยทำให้ผมมีความสุขกับการอ่านมากขึ้นเยอะ เพราะเราใส่ใจแค่ว่า อ่านเพื่อพัฒนาศักยภาพความเป็นคน 4. เห็นหนังสือแล้วท้อ ... เมื่อไหร่จะจบ -> คุณรู้ไหมว่า ถ้าหากว่าคุณเป็นคน "คุณจะยอมเป็นไอ้ขี้แพ้มั้ย" ควายที่คุ๊บอกว่าโง่ ๆ นะ มันลากเกวียนไปลากเกวียนมา ไถไปไถมา คนก็เอาแต่ด่ามันว่าโง่ ๆ แต่ความก็ไม่เห็นจะใส่ใจ ... ลากไปลากมา ตามหน้าที่ที่มันควรทำ จนสุดท้าย ผลงานที่ออกมาคือ เป็นข้าวให้คนที่ด่ามันว่าโง่กิน !!! จะยอมเป็นไอ้ขี้แพ้หรือไง 5. เรียนไม่เป็น -> อ่านไปเรื่อย ทำโจทย์ไปเรื่อย ไม่ใส่ใจอะไร แล้วจะไปได้อะไร ผมเริ่มแก้ปัญหาโดยการ survey ว่าเพื่อนอ่านยังไง ... และผมกับอึ้ง เมื่อมันบอกว่ามัน ... ก็อ่าน เน้น เขียน ขีด โน้ตย่อข้าง ๆ เท่านั้น แล้วเวลาอ่านนะ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็ทำเครื่องหมายไว้ อย่าไปบอกว่า เนี่ย หนังสือห่วย เขียนไม่รู้เรื่องอีกและ ... ให้ผ่านไปก่อน ... แล้วค่อยย้อนกลับมาอ่านอีกที และก็ต่อด้วยข้อ 6 ที่เขาทำ 6. เมื่อไหร่guจะทำโจทย์ได้ซักข้อ 5 ข้อแล้วนะ ! โจทย์ข้อไหนที่ทำได้ก็ผ่านไป แต่ก็เขียนวิธีทำแบบพอให้รู้ว่า มันทำยังไง และข้อไหนที่เราเราภูมิใจที่ทำข้อนั้นได้ ให้ใส่ดาวเอาไว้ และจดวิธีคิดเราไว้ย่อ ๆ พอเป็นแนว และข้อไหนทำไม่ได้ ก็เขียนไว้อีกนั้นหล่ะ ขอบอกว่า เรามันเป็น iq กลาง ๆ ก่อนทำได้ ก็ต้องเก็บ data ไว้ก่อน ว่าเขาทำกันยังไง ผิดก็ผิดเด่ะ ดีกว่าไม่รู้ว่าเราทำไม่ได้ ... แล้วพอ data เพียงพอที่จะนำไปประยุกต์ได้ คราวนี้และ ทำโจทย์มันส์แน่ 7. ลืมอีกแล้วหว่ะ -> จากข้อ 6 เลย ... โน้ตไว้เรียบร้อยข้าง ๆ ทั้งดาวทั้งนู้ทั้งนี้ เวลาทบทวนสบายเลยครับ อ่านเนื้อหาใหม่ผ่าน ๆ แต่เน้นที่เราโน้ต เพราะว่า concept เรื่อง ส่วนที่เราทำไม่ได้ พลาดบ่อย ๆ มันมาเตือนอยู่ข้าง ๆ ที่โน้ต แล้ว อ่านไปเรื่อย เก็บใส่หัวไปเรื่อย ๆ แล้วพยายามเชื่อมโยงว่าไอ่นี่มาได้ไง แล้วมันไปโยงกับเนื้อหาอะไร เราจะได้ทบทวนเนื้อหาไปอีกต่อ แล้วไอ่ข้อไหนที่ทำได้ ก็ดูวิธีทำที่โน้ตไว้ผ่าน ๆ แต่ก็อย่าลืมโยงความรู้ในหัว และทำข้อที่เราทำไม่ได้ใหม่ อีกที ประมาณนั้นครับ 8. เจอข้อสอบแล้วรน -> คิดว่าเราอ่ะเก่งที่สุดในโลกเลยอ วันสอบ คิดว่าเราทำมาหมดแล้ว ไอ่พวกนี้ คิดว่าเรากำลังทำอยู่ที่บ้าน คิดว่าทำแบบฝึกหัดอยู่ อย่าไปคิดว่าข้อสอบ ************************************************************************************************ วิธีที่ผมทำก็เท่านี้หล่ะครับ ผมสามารถยกระดับตัวเองได้ ... จากฟิสิก์ 2.5 เป็น 4 ทอประดับ -> อาจารย์เขาสงสัยผมด้วย มาพูดเปรย ๆ ว่า อยู่ดี ๆ คะแนนก็สูง แทบไม่น่าเชื่อเนอะ เลขที่ปกติก็ 3.5 มาเป็น 4 อยู่ดี ๆ ก็เป็นหนึ่งใน 2 คนที่ได้ 4 เคมีของระดับ จากที่เทอมที่แล้วพึ่งจะซ่อมไป ... ผมไม่ได้สนใจกับคะแนน แต่ทำไมมันอยู่ดี ๆ ก็ได้มาไม่รู้นะครับเนี่ย ************************************************************************************************ ชิว ๆ ของเรา กับของคนอื่นมันต่างกัน ชิวของเขา คือเขาอ่านแล้ว เลยเล่นเกมส์ ไอ่ที่บอกยังไมได้อ่านอ่ะ ไม่ได้อ่านรอบที่เท่าไหร่ ? ************************************************************************************************ ความเพียรเท่านั้น ที่จะช่วยลดความกังวลที่เกิดขึ้นในจิตใจ เครียดที่เยอะ -> ก็เพียรอ่าน พอที่เหลือน้อยลง หายเครียดหรือเปล่า เครียดที่อ่านไม่ตรงข้อสบ -> ก็เพียรอ่านเยอะ ๆ จะได้อ่านตรง ความเพียรเท่านั้น... นี่ด้วยครับ อด และทน อดในสิ่งที่อยาก ทนในสิ่งที่ทำ แล้ว 2 คำนี้ จะกลายเป็นความสำเร็จ ฝืนตัวเองไป จนกลายเป็นสันดาน แล้วจะรู้ว่า ไอ่พวกที่คุณมองว่าไม่ได้อ่านหนังสือ แล้วทำไมถึงได้เกรดดี มันเป็นยังไง ? มันกลายเป้นสันดาน มันเลยไม่มีความเครียด ... ทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่ได้มาจากครูสมศรีนะครับ ... แต่บางอย่างที่ประสบการณ์ของผม ก็บอกไว้แล้ว *********************************************** ปล . ที่ผมมาพูด ผมอาจจะไม่ได้เก่งเท่า จขกท.เลยก็ได้ แต่ว่าผมรู้สึกว่าผมภูมิใจที่ผมเคนคิดว่าสิ่งที่ผมทำไม่ได้ มันกลับมาให้ผมได้ทำอยู่ตอนนี้ ผมว่าผมก็มีความสุขแล้วหล่ะ ถึงแม้คะแนนจะได้เท่าไหร่ ก็มีความสุข ที่ได้เพียร เพียรเป็นมนุษย์ที่ดี !!! ปล.อีกอันนึง ... กว่าผมจะรู้สึกว่าผมพร้อม และได้มาถึงขนาดนี้ เท่าที่ผมพอใจ ก็ใช้แรงฝืนตัวเองอยู่ไม่น้อยนะครับ ฝืนตัวเอง แล้วพอทำบ่อยเข้า กลายเป็นนิสัย คราวนั้นหล่ะ ทุกคนจะอึ้ง (พร้อมของผมเองนะครับ ไม่ได้ไปเทียบอะไรกับใคร) ปล.อีกทีจริง ๆ และ ... อาจจะยาวไปนิดนะครับ จากคุณ : [:Rexagon:] - [ 25 ม.ค. 51 00:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ก็คิดซะแบบนี้...เรียนกับทำงานคนละเรื่อง จากคุณ : qerlic - [ 25 ม.ค. 51 01:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขยันเจริญกว่า ถ้าได้อยู่ถูกที่ถูกทาง คุณจะไปรู้ได้ไงว่าเพื่อนคุณขยันหรือเปล่า สัยเรียน ผมน่ะออกบ่อยไป เวลาเพื่อนอ่านหนังสือแล้วเล่นเกม ที่จริงไม่ใช่ไรหรอก เพราะตอนนั้นมันอ่านไม่เข้าหัว ปกติผมจะนอนหลับให้สนิทแล้วลุกขึ้นมาอ่านตอนตีสาม-ตีห้า ท่อง สุ จิ ปุ ลิ สัก 10 คาบแล้วอ่านหนังสือ ไม่มีใครตื่นมาเห็นผมอ่านด้วยนิ แล้วก็ว่าผมฉลาดแต่ไม่ขยัน...555 จากคุณ : granun - [ 25 ม.ค. 51 04:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พิมพ์มาจะโดนด่ามะเนี่ย ยังไงผมก้อเชื่อว่า "ขัยนให้ตาย สู้คนที่ฉลาดขยันครั้งเดียวไม่ได้" อ่ะครับ แต่ ไอ้คนฉลาด มันชนะแค่ครั้งเดียที่มันขยัน... ที่เหลือ โดนคนขยันเอาไปกินหมด เหอๆๆๆๆ จากคุณ : vn, man - [ 25 ม.ค. 51 09:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มะต้องคิดมาก พยายามให้มีทั้งสองอย่างแล้วกัน เพราะ เรื่องแบบนี้มีนหายไปง่ายๆ เรื่องที่เราฉลาด ไม่นาน มันอาจเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ บางครั้ง แค่ติดเกมส์ ความขยันเราก็หายไป จากคุณ : IRQ5 - [ 25 ม.ค. 51 10:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คนที่มีทัศนคติ ต่อการต่อสู้ดีกว่าจะ สำเร็จมากกว่าครับ ไม่เกี่ยวกับขยันหรือฉลาด จากคุณ : ultratum - [ 25 ม.ค. 51 10:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ดีแล้วที่ขยัน ถ้าไม่ขย้นอย่าว่าแต่ b+ เลย  beก็อาจหาย มีหลายอย่างที่เปรียบเที่ยบแล้วแข่งกันได้ แต่บุญวาสนาบารมี เปรียบคู่มวยได้ยาก เมื่อเลี่ยงไม่ได้ต้องลงแข่งในสนาม โลกแห่งความเป็นจริงเดียวกัน ก็ต้องทำใจนะน้อง คิดซะว่าความพยามอยู่ที่ไหน ความพยามก็อยู่ที่นั้น เหนื่อยมากน้อยก็ต้องทน อาจถึงเวลาทองที่เป็นของเราบ้าง ดีกว่าอดข้าวจนไม่มีแรงเหนื่อย หรือไม่เหลือโอกาสของชีวิต ที่จะไปสร้างเวลาแห่งความสำเร็จนั้น จากคุณ : khanasri - [ 25 ม.ค. 51 11:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่นครับ ha จากคุณ : I'll be back (ศาลายา) - [ 25 ม.ค. 51 11:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่นครับ ============================== ผมว่า คนขยันนี่ มันต้องฉลาดด้วยถึงจะไปด้วยกันได้ คือขยันในเรื่องที่ถูกต้อง ไม่เหนื่อยเปล่า เคยได้ยินคนเขาโม้กันมาว่า ฮิตเลอร์แบ่งคนเป็น 4 พวก 1. ฉลาด แต่ ขี้เกียจ 2. ฉลาด และ ขยัน 3. โง่  และ ขี้เกียจ 4. โง่  แต่ ขยัน ประเภทที่ 1 ฮิตเลอร์ บอกว่า ให้เป็น นายพล เพราะมันขี้เกียจ แต่มันฉลาดใช้คนอื่นแทนมันได้ ประเภทที่ 2 ฮิตเลอร์ บอกว่า ให้เป็น เสนาธิการ เพราะขยันมาก ๆ ชอบทำงานเกินตัว งั้น ไปรับใช้พวกแรกเลย อิอิ ประเภทที่ 3 ฮิตเลอร์ บอกว่า ให้เป็น พลทหาร เพราะมันไม่ต้องคิด ทำแต่สิ่งที่เขาสั่ง ก็พอแล้ว พอไม่สั่ง มันก็ไม่ทำอะไรเสียหายเพราะมันขี้เกียจ ประเภทที่ 4 ฮิตเลอร์ บอกว่า ให้เอาไป ทำเป็นปุ๋ย สถานเดียว เพราะวัน ๆ มันขยันทำแ่ต่เรื่อง โง่ ๆๆๆ แล้วก็ โง่ ดังนั้น ฆ่ามันให้ตาย เอาตัวมันทำปุ๋ยยังพอเป็นประโยชน์กับต้นไม้ได้บ้าง เหอๆ ================================== ขอพลังจงอยู่กับท่าน ...เหอๆ จากคุณ : I'll be back (ศาลายา) - [ 25 ม.ค. 51 11:56:04 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตามนั้น hitler.. จากคุณ : tenno - [ 25 ม.ค. 51 12:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เราเป็นแบบตรงข้ามกับคุณ จขกท น่ะ ฉลาด แต่ไม่ ขยัน ส่วนหนึ่งเพราะถือว่า มีความสามารถในการจำ และ เข้าใจอยู่แล้ว แค่ครั้งเดียวที่ฟัง หรือ ได้ยิน ก็เข้าใจได้ง่าย เลยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการทบทวนเท่าไร ก็ฟังเดี๋ยวนั้น เข้าใจเดี๋ยวนั้น และ สอบเดี๋ยวนั้น มันง่ายกว่า มาจำยักๆยอนๆ เพียงแค่การทบทวนทำให้แม่นขึ้นเท่านั้นเอง และไม่ลืมง่ายๆ เพราะใช้จนชิน เพื่อนเรายังเคยบอก น่าอิจฉา มีความสามารถแบบนี้ ชวนไปเรียนพิเศษ เรากลับบอกว่า ไม่อะ ดูบรรยายก็เข้าใจหมดแล้ว ไม่ต้องเรียนซ้ำหรอก แค่ทำแบบฝึกหัดดูนิดหน่อยก็พอ เวลาตอนอื่นก็เล่น และ เล่น เพื่อนเราขยันมาก เรียนรู้ได้ปานกลาง แต่ต้องย้ำมากหน่อย ถึงจะเข้าใจ ก็ไม่ได้ไม่มีผลอะไรนะ เพราะเขาก็อัพเกรดตัวเองได้ดี เรายังคุยกับที่บ้านเรา ถ้าเอาเรากับเพื่อนมาหาร 2 คงได้ คนที่เก่งมาก จำได้ดีแบบเรา + ขยันทบทวน เรียนรู้แบบเพื่อน แต่เราว่า แบบเพื่อนเราดีกว่านะ ใช้เวลาคนละอย่าง แต่คนที่มีความมุ่งมั่นมากกว่าจะเป็นคนขยัน ส่วนเรายังไงก็ได้สบายๆ อยากรู้ค่อยรู้ในสิ่งที่อยากรู้ ส่วนได้ดีกว่าไหม คงต้องดูนะว่า อยู่ที่งานอะไรล่ะ แล้วด้านไหน ถ้ามาวัดความเข้าใจ การวิเคราะห์ ก้ต้องดูว่า ใครตีโจทย์แตก ซึ่งโดยมาก คนฉลาดมักจะได้เปรียบทางด้านความจำ และ การวิเคราะห์  ส่วนคนขยันจะได้เปรียบจากการทำทบทวนจนชำนาญ แต่ในทางกลับกัน หากเป็นงานที่ต้องใช้เทคนิคประสบการณ์ คนฉลาดก็จะเสียเปรียบ เพราะผ่านงานมาน้อย ในขณะที่คนขยันลงมือบ่อยๆ จนเกิดความช่ำชอง  ก็ขึ้นอยู่ว่า  จะให้เอาดีด้านไหน โดยมาก ถ้ารู้ว่าตัวเองอยู่ทางด้านไหน ก็มักจะเอาทางด้านนั้นน่ะ  เราบอกได้เลยว่า ถ้าในด้านการจำ และ วิเคราะห์เราเองก็ไม่แพ้ใคร แต่เราเกลียดการคำนวณ ฟังดูขัดๆกันเนอะ  เคยชอบ แต่ไม่ชอบแล้วมากกว่า เพราะนิสัยง่ายๆมั้ง เลยไม่ชอบอะไรยุ่งยาก ซับซ้อน ในความรู้สึกมันดูน่าเบื่อ ไม่ค่อยแปลกใหม่ ก็เลยหันไปหาทางด้านอื่นที่เป็นการวิเคราะห์แทนการคำนวณน่ะ  มันค่อนข้างอิสระในการตีโจทย์ ไม่อยู่ในกฏเกณฑ์ ทุกคนชอบบอก คิดจะทำ ก็ทำได้ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ แต่ทำไมไม่ทำ ><'' นิสัยไม่ดีเลยเนอะ  ตอนสอบเข้าเรียน ม.ต้น ตอนนั้นใช้ข้อสอบเดียวกันทั่วประเทศ ก็สอบได้ลำดับที่ 1 ของโรงเรียนที่เข้า แต่หลังจากนั้น พอขึ้น ม.ปลาย เราก็เกลียดทุกอย่างที่เคยเป็น เลยพาลให้เกลียดการคำนวณไปด้วย แต่ก็ขอบคุณที่มีความสามารถในการเข้าใจและจำ เลยทำให้การเรียนง่ายขึ้นเยอะ  เขาให้เรียน 5 วัน โผล่ไป 2 วัน แค่ไม่ให้เวลาขาด แต่ก็ยังเกรดดี จนเพื่อนบอก แล้วทำไมถึงไม่มาทุกวันล่ะ >0< แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 13:49:26 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 13:47:44 จากคุณ : ทาสรักลูกแยม - [ 25 ม.ค. 51 13:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถึงผมจะไม่ขยัน แต่ผมก็โง่นะ เอาดิ... จากคุณ : phoenixia - [ 25 ม.ค. 51 13:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้นะคะ เราเจอเพื่อนแบบนั้นเยอะมาก ไม่ขยันแต่ฉลาด ฉลาดถึงขนาดติดทุนคิง โดยที่ไม่ฟิตเลย 555 เค้าเคยบอกเราว่าเค้ามีความสามารถในการเข้าใจและจดจำมากกว่าคนอื่น แต่ต่อให้ฉลาดขนาดไหน ถ้าไม่อ่านเลยจริงๆ ก็คงไม่ได้อยู่ดี เราก็อิจฉานะคะ การที่เป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ จำอะไรง่ายๆ แต่ทำไงได้ ในเมื่อเราไม่ฉลาดเท่าเค้า เราก็ต้องฟิตกว่าเค้า  ต้องขยันกว่าเค้า   สู้ๆนะคะ อย่าท้อ จากคุณ : ~\MINKU/~ - [ 25 ม.ค. 51 14:55:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ความขยันเป้นสิ่งที่ดีครับ + การวิเคราะห์เชิงเหตุผล หากเราขยันแต่เราลนลาน มันจะทำให้เราผิดหวัง พอผิดหวังบ่อยๆๆ เราก็จะท้อแท้ได้ คนเก่งนั้นเก็บความสำเร็จมาเป็นกำลังใจมากมาย เจอปัญหาเลยไม่ท้อแท้ง่ายครับ และ คนเก่งจริงนี้เขาสู้หลังชนฝาเลยนะ นี้คือคนเก่งระดับหัวหน้าเลยล่ะ ไม่ใช่ว่าเก่งแต่ขี้เกียจ จะเป็นได้ จากคุณ : แมวทะเล (แมวทะเล) - [ 25 ม.ค. 51 17:08:00 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมว่าคนขี้เกียจไม่ฉลาดหรอก... จากคุณ : tunococ - [ 25 ม.ค. 51 17:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อืม  จะพูดไงดี  เอางี้ดีกว่า เอาจากเพื่อนๆที่คณะละกัน เพื่อนที่คณะแบ่งออก เป็นหลายจำพวก 1. ฉลาด+ขยัน = เป็นเทพเจ้า 2. ฉลาด+ขี้เกียจ = เก่ง/กลางๆ/เน่า เพราะอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ตอบถูกบ้างผิดบ้าง 3. ปานกลาง+ขยัน = เก่ง /กลางๆ 4. ปานกลาง+ขี้เกียจ = จบ (คนเราไม่มีใครโง่อ่ะนะ เลยไม่ใส่มา) ไม่ว่าจะปานกลาง หรือ ฉลาด ขยันก็ เก่งได้ บางครั้งต้องยอมรับว่า ความเฉลียวฉลาดกับความขยันทดแทนกันไม่ได้ แพนด้ามองว่า ความเฉลียวฉลาด คือการ ประยุกต์ เป็น มากกว่า อีกอย่าง ในคณะที่แพนด้าเรียนอยู่หน่ะ บางคนรักเข้ามาเรียน  บางคนติดก็เรียน เพราะฉะนั้น มันขึ้นกับความถนัดด้วย ใจเย็นๆ ค่อยๆมอง ว่า ที่เราเรียนอยู่ ใช่/ตรงกับเราเหรือเปล่า และต้องมองปัจจัยอื่นๆด้วยนะ จากคุณ : เราก็เคยรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน (แพนด้าแดง) - [ 26 ม.ค. 51 01:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขยันนั่นถูกต้องแล้วครับ แต่ก่อนผมเคยเป็นคนฉลาด แต่โคตรขี้เกียจแทบไม่ไปเรียน เรียนจบได้ด้วย lecture ของเพื่อนแลกกับการติวเพื่อนๆก่อนสอบ แต่สิ่งที่ผมไม่เคยมีเลยคือความมีวินัยแบบที่คนขยันมี มันมีความสำคัญมากสำหรับการใช้ชีวิตเลยครับ ตอนนี้ผมกำลังขยันขึ้น เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ จากคุณ : ikkz - [ 26 ม.ค. 51 02:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เถียงกันไม่จบไม่สิ้นกับเรื่องนี้ ส่วนตัวผมเองผมเชื่อว่าคนเราฉลาดไม่เท่ากัน แต่ถ้าคุณฉลาดน้อยกว่า คุณก็ต้องเอาความขยันเข้าสู้ และถ้าคุณมีความมุ่งมั่นและรู้จักใช้ความคิดมากพอ ไม่ใช่ถึกเข้าว่าอย่างเดียว คุณจะเจอจุดที่ลงตัวระหว่างความฉลาดที่คุณมีและความขยันที่คุณจะต้องใช้ จากคุณ : VeryBadman...อมยิ้มชำรุด - [ 26 ม.ค. 51 07:55:14 A:128.242.106.124 X: TicketID:155341 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ได้ดีกว่าหรือไม่ อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าให้เลือกอย่างเดียวระหว่างฉลาดกับขยัน ผมเลือกขยันครับ ผมมีความเชื่อว่า ถ้าขยัน ยังไงชีวิตก็ไม่อับจน จากคุณ : Generals - [ 27 ม.ค. 51 22:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เพราะไม่ฉลาด จึงต้องขยัน ้ถ้าฉลาดจริง ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องขยันหรือเปล่า จากคุณ : กาแฟสามถ้วย - [ 27 ม.ค. 51 22:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เราเอาประเด็นนี้ไปคุยกับพี่ที่รู้จัก เลยค่อนข้างเห็นค้านกับ คห 43 น่ะ พี่เราบอก เห็นพวกหาเสียงบอก ขยันไม่มีอดตาย ขยันรวยทุกคน เขาเลยบอกต่อว่า  ลองให้คนที่พูดไปดูพวกกรรมกร หรือ คนงาน ซิ ขยันกันแทบตาย หรือ ชาวไร่ชาวนา ทำนากันทั้งปี แต่ค่าแรงก็ยังถูกเหมือนเดิม คนที่ได้เงินเยอะก็นายทุน โรงรับข้าว รับพืชเกษตร ไม่ต้องทำไร ขอแค่มีทุน + ฉลาดแกมโกง(คนไม่ดีเลย) คนขยันจะอดตายกันอยู่แล้ว  ทำงานกันทั้งปี แต่หนี้สินยังเหมือนเดิม พี่เขาเองก็มีคนงานยังยอมรับเลย อย่างมีมิจฉาชีพมาให้เปิดบัญชีให้ แลกกับเงินไม่กี่ร้อย เขาก็ทำ เพราะมันเท่ากับค่าแรงเขา 1 วัน เลยทีเดียว เราเลยชักเห็นด้วยกับคำว่า   คนฉลาดไม่ต้องขยัน เพราะคนขยันมักจะทำงานให้คนฉลาด  คนฉลาดแค่ออกความเห็นและบริหารให้ดีก็พอ เพื่อให้มีค่าจ้างจ่ายคนขยันน่ะ ขยันแทบตาย แต่ไม่ได้ดีก็มีเยอะเหมือนกัน  แต่ถ้าขยันด้วย บริหารเป็นด้วยซิ ได้ดีแน่นอน ชีวิตไปได้สูงแน่ๆ แต่ถ้าเทียบกันแล้ว อัตราส่วนก็ยังน้อยกว่าอยู่ดี ฉลาดก็แบ่งไปอีก   แบบแกมโกง พวกนี้จะคอยเอาเปรียบคนขยันมากๆ ดูได้จาก นายทุนรับค้าทั้งหลาย วันๆไม่ต้องทำไร รอรับกำไรอย่างเดียว คนขยันจะเป็นจะตายก็ช่าง ไม่ใช่ปากท้องเรา หาดูได้ง่ายมากในสังคมปัจจุบัน แบบพึ่งพาได้  พวกนี้จะเหมือนเพื่อนๆกัน ร่วมหุ้นกันมากกว่า และจัดสรรงานกันตามความชำนาญ อย่างเพื่อนขยันมาก ก็ให้ทำบัญชี ติดต่อธุรกรรมต่างๆ ส่วนตัวเองก็นั่งดูแผนงาน และ วางระบบให้เพื่อนๆทำงาน คนกลุ่มนี้มักจะบริหารบริษัทไม่ก็เป็นระดับเจ้านาย แบบสบายๆ  มีงานมีการของตัวเองอยู่แล้ว แค่หัดเรียนรู้และบริหารให้เป็น ไม่ต้องพึ่งพาใครมาก รอรับตังค์อย่างเดียว แต่ต้องใช้ความฉลาดส่วนตัวเหมือนกัน หรือ ทักษะทำงานส่วนตัว ไม่งั้นก็ไปไม่รอด ส่วนมากมักเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ กลุ่มนี้ต้องขยันด้วยถึงจะไปรอด ก็คงมีแบ่งไปอีกเยอะ ตามแต่นิสัยแหล่ะ  แต่แบบไหนก็คงต้องพึ่งพากันทั้งนั้น ถ้าดูในสังคมจริงๆนะ คนฉลาด สร้างงานให้ คนขยัน  และ คนขยัน ก็ทำรายได้ ให้คนฉลาด ไปต่อยอด มันก็คงหมุนเวียนไปแบบนี้  ต่อให้คุณขยัน แต่ไม่มีงาน หรือ มีทุนแต่บริหารไม่เป็น มันก็ล่มอยู่ดี อันนี้คือ พูดในแง่ของภาพรวมสังคมน่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 51 14:51:31 จากคุณ : ทาสรักลูกแยม - [ 28 ม.ค. 51 14:43:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขึ้นอยู่กับว่า ต้องรู้ตัวเองว่าจัดอยู่ในประเภทไหนค่ะ     จะไปเลียนแบบคนที่เขาฉลาดมากๆ ฟังปุ๊บเข้าใจปั๊บ ทะลุปรุโปร่งไปจนจบเรื่องไม่ได้ ถ้าเรารับรู้ได้ช้ากว่า ก็ต้องขวนขวายกว่า ขยันมากกว่า เป็นธรรมดา จากคุณ : HoneyLemonSoda - [ 1 ก.พ. 51 00:26:26 ]