ความคิดเห็นที่ 1 The Neanderthal Neandertal เป็นสมาชิกที่เป็นที่รู้จักกันดีในสกุล Homo (Homo neanderthalensis หรือ Homo sapiens neanderthalensis) มนุษย์กลุ่มนี้พบได้ในแถบยุโรป ไปจนถึงเอเชียตะวันตกและเอเชียกลาง บรรพบุรษของ Neanderthal ปรากฏครั้งแรกเมื่อ 350,000 ปีก่อนในยูโรป Neanderthal ที่สมบูรณ์เกิดขึ้นหลังจากนั้น คือเมื่อ 130,000 ปีก่อน และเมื่อ 50,000 ปีก่อน Neanderthal ก็ได้หายไปจากเอเชีย และในที่สุดก็สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อ 30,000 ปีก่อน อย่างไรก็ตามเชื่อว่า Neanderthal กลุ่มสุดท้ายอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของ Iberia เป็นที่คาดการณ์ว่า Neanderthal เคยอยู่ร่วมกับมนุษย์ยุคใหม่ หรือ Homo sapiens ประมาณ 15,000 ปี หลังจากที่ Sapiens อพยพเข้าสู่ยุโรป เป็นที่เชื่อว่าประชากรของ Neanderthal ไม่เคยมีจำนวนเกินกว่า 10,000 คน จากคุณ : ชาลีฟ - [ 2 ก.พ. 51 11:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Neanderthal น่าจะเป็นพวกที่มีการปรับตัวให้เข้ากับอากาศหนาวได้ดี สมองของ Neanderthal มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม Neanderthal มีร่างกายที่หนาและกำยำกว่ามนุษย์ปัจจุบันมาก Neanderthal เพศชายมีความสูงประมาณ 165 เซนติเมตร ในขณะที่เพศหญิงมีความสูงประมาณ 153-157 เซนติเมตร Neanderthal เป็นมนุษย์ที่สามารถใช้อุปกรณ์ได้ดี เดิมที Neanderthal ถูกจัดเป็น subspecies ของ Sapiens แต่จากหลักฐานทางพันธุกรรมชี้ว่า Neanderthal ควรถูกจัดเป็นคนละ species กับ Sapiens ปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ Neanderthal ถูกมองว่าเป็นมนุษย์ถ้ำซึ่งไร้อารยธรรม ไร้ภาษา แต่การศึกษาเร็วๆนี้พบว่า Neanderthal มีภาษาพูดเช่นเดียวกับเรา และยังมีวัฒนธรรมที่เฉพาะตัว มีสมมุติฐานมากมายเกี่ยวกับการสุณพันธุ์ของ Neanderthal ซึ่งสมมุติฐานที่น่าสนใจได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ทำให้โลกอุ่นขึ้น และการรุกรานจอง Sapeins *ภาพซ้ายแสดงกะโหลกของ Sapeins ด้านขวาเป็นกะโหลกของ Neanderthal จากคุณ : ชาลีฟ - [ 2 ก.พ. 51 11:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ย้อนกลับมาดูจุดเริ่มต้นของวิวฒนาการมนุษย์กันก่อนดีกว่า จุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการ Primate เริ่มเมื่อประมาณ 85 ล้านปีก่อน นับได้ว่า Primate เป็นกลุ่มสัตว์มีถุงน้ำคร่ำที่เก่าแก่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง นักบรรพชีววิทยาเชื่อว่า Primate มีบรรพบุรุษร่วมกับค้างคาว ซึ่งเป็นสายวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนำโบราณที่ยิ่งใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง บรรบุรุษเหล่านี้อาจมีชีวิตอยู่ในช่วงปลายยุค Cretaceous ร่วมกับไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย Primate ที่เก่าแก่ที่สุดถูกพบในอเมริกาเหนือ หลังจากนั้นพบว่ามีการกระจายทั่วไปถึงยุโรปและแอฟริกา ในช่วงอบอุ่นของโลกยุค Paleocene และ Eocene เมื่อโลกมีอุณหภูมิต่ำลง พร้อมกับการเกิดน้ำแข็งก้อนแรกในแอนตาร์กติค เมื่อประมาณ 40 ล้านปีก่อนในยุค Oligocene นั้น Primate ส่วนใหญ่ได้สูญพันธุ์ไปจากโลก ยกเว้นในแอฟริกาและเอเชียตอนใต้ และเมื่อ 20 ปีก่อนได้มีการค้นพบฟอสซิลที่สำคัญของ Notharctus ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของ Primate ยุคใหม่ที่เยอรมัน ซึ่งมีอายุประมาณ 16.5 ล้านปี เก่าแก่กว่าที่ค้นพบในแอฟริกาประมาณ 1.5 ล้านปี ทำให้สามารถคาการณ์ได้ว่าสายวิวัฒนาการของมนุษย์และวานรเริ่มจากยูเรเชียและแอฟริกา การค้นพบดังกล่าวทำให้เชื่อได้ว่าบรรพบุรุษของเราอพยพจากยูเรเชียสู่แอฟริการ ก่อนที่จะมีการแพร่กระจายเผ่าพันธุ์ไปทั่วทวีปอันกว้างใหญ่ และสู่ส่วนต่างๆของโลกในเวลาต่อมา เราสามารถเรียกกลุ่ม Primate ที่ใกล้เคียงมนุษย์ว่า Hominine ซึ่งมีลักษณะการยืน 2 ขา และกระดูกสันหลังตั้งตรง สมาชิกของกลุ่ม Primate ดังกล่าว ได้แก่ Primate ในสกุลต่อไปนี้ Sahelanthropus tchadensis (7–6 mya) Orrorin tugenensis (6 mya) Ardipithecus (5.5–4.4 mya) Australopithecus (4–2 mya) Kenyanthropus (3-2.7 mya) Paranthropus (3–1.2 mya) Homo (2 mya–present) ซึ่งในสกุล Homo ประกอบด้วยสมาชิกอย่างน้อย 12 species และชนิดย่อยอีกมากมาย ทำให้กล่าวได้ว่า Homo เป็นสกุลของสัตว์ชั้นสูง มีการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว นั่นคือ 12 ชนิด ในระยะเวลา 2 ล้านปี จากคุณ : ชาลีฟ - [ 2 ก.พ. 51 12:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลองดู จากคุณ : ชาลีฟ - [ 2 ก.พ. 51 12:31:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รออ่าน จากคุณ : มอสคุงอะครับ - [ 2 ก.พ. 51 12:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Homo floresiensis H. floresiensis เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่เมื่อปี 2003 กะโหลกขนาดเล็กของมนุษย์เพศหญิงอายุ 30 ปี ถูกค้นพบบนเกาะ Flores ซึ่งหางไกลแผ่นดินใหญ่ในหมู่เกาะอินโดนีเซีย ด้วยส่วนสูงประมาณ 1 เมตร ทำให้ H. floresiensis มีชื่อเล่นว่า Hobbit สัณนิษฐานว่าเป็นวิวัฒนาการเพื่อให้อาศัยอยู่บนเกาะซึ่งมีขนาดเล็ก และมีทรัพยากรจำกัด ซึ่ง H. floresiensis มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 10,000 ปีก่อน ดังนั้นการค้นพบครั้งนี้จึงเป็นการค้นพบมนุษย์กลุ่มอื่นกลุ่มสุดท้าย ที่อาศัยอยู่ร่สมโลกกับเรา ในขณะที่ Neandethal คนสุดท้ายต้ายไปเมื่อ 24,000 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า H. floresiensis เป็น H. sapiens ที่ป่วยเป็นโรคอันทำให้เกิดอาการแคระแกร็น โรคดังกล่าวได้แพร่กระจายสู่ประชากรขนาดเล็กบนเกาะ ทำให้กลายเป็นลักษณะปกติของประชากร เนื่องจากพบว่าประชากรส่วนหนึ่งบนเกาะ Flores ในปัจจุบันมีอาการแคระแกร็นเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 51 12:59:03 จากคุณ : ชาลีฟ - [ 2 ก.พ. 51 12:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Homo erectus H. erectus เป็นมนุษย์ที่ท่องอยู่บนโลกยาวนานที่สุดเป็นระยะเวลากว่าล้านปี (1,800,000-700,000 ปีที่แล้ว) และนับเป็นมนุษย์ที่เฟื่องฟูที่สุด นั่นคือมีชนิดย่อยอย่างน้อย 10 ชนิดย่อย ตัวอย่าง H. erectus ตัวอย่างแรกถูกค้นพบโดยนักฟิสิกส์ขาวดัทช์ Eugene Dubois ในปี 1891 บนเกาะชวาของประเทศอินโดนีเชีย ทำให้ H. erectus มีชื่อเล่นว่า มนุษย์ชวา ยุค Pleistocene (1.5–1 ล้านปีก่อน) ในแอฟริกา เอเชีย และยุโรป H. habilis มีการพัฒนาสมองที่ใหญ่ขึ้น และเริ่มมีการพัฒนาการใช้อุปกรณ์หิน ซึ่งเป็นลักษณะเด่นเฉพาะของ H. erectus นอกจากนี้ H. erectus ยังเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่เดินตัวตั้งตรงอย่างแท้จริง อันเป็นผลมาจากการวิวัฒนาการข้อต่อเข่า ซึ่งมีลักษณะข้อต่อที่เป็น Socket และมีกระดูกลูกสะบ้า ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปได้อย่างอิสระมากขึ้น H. erectus ยังเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ใช้ไฟ และมีการปรุงอาหารให้สุก จากคุณ : ชาลีฟ - [ 2 ก.พ. 51 13:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Australopithecus spp. (ป้าลูซี่) เดิมทีเชื่อว่า Australopithecus เป็นบรรพบุรุษของ Homo แต่จากการค้นพบล่าสุดพบฟอสซิลของ Homo ที่มีอายุอยู่ในช่วงเดียวกับ Australopithecus ทำให้บอกได้ว่า Homo และ Australopithecus มีบรรพบุรุษร่วมกัน Australopithecus มีชีวิตอยู่ในช่วง 3.9-3 ล้านปีก่อน มีขนากสมองเป็น 35๔ ของมนุษย์ปัจจุบัน และมีส่วนสูงประมาณ 1.2-1.4 เมตร อย่างไรก็ตาม Australopithecus แสดงลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างเพศ (Sexual Dimorphism) นั่นคือเพศชายจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศหญิงถึง 1.5 เท่า ในขณะที่มนุษย์ปัจจุบัน เพศชายจะมขนาดใหญ่กว่าเพศหญิงเพียง 1.15 เท่าเท่านั้น ลูซี่ (Lucy) เป็น Australopithecus afarensis เพศหญิง ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 3.2 ล้านปีก่อน มีกระดูกสมบูรณ์ 40% ถูกค้นพบเมื่อ 24 พฤศจิกายน 1974 ลูซี่เป็นตัวอย่าง Australopithecus afarensis ที่มีค่ามากที่สุดตัวอย่างหนึ่ง เป็นตัวอย่างที่ทำให้นักวิทยาสาสตร์เข้าใจถึงลักษณะโครงสร้างที่ทำให้บอกได้ว่า Australopithecus afarensis มีการยืนที่ตรง และมี Dimorphism ทั้งยังเป็นบรรพบุรุษที่ใกล้เคียงชิมแปนซีที่สุด จากคุณ : ชาลีฟ - [ 2 ก.พ. 51 13:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อืม จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ก.พ. 51 14:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วมนุษนย์ปักกิ่งละครับอยู่พวกไหน แล้วตัวจมูกบานๆแถวบ้านเรานี่ก็ล้านปีแล้วครับ จากคุณ : anchan42 (anchan42) - [ 2 ก.พ. 51 14:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วโฮโมซาเปี้ยน ซาเปี้ยน ล่ะ จากคุณ : nisas - [ 2 ก.พ. 51 16:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มนุษย์ปักกิ่งเป็น H. erectus ชนิดย่อยหนึ่งครับ จากคุณ : ชาลีฟ (ชาลีฟ) - [ 2 ก.พ. 51 16:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่อง Sapiens ให้ฟังทีหลัง จากคุณ : ชาลีฟ - [ 2 ก.พ. 51 16:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 14 น่าเสียดายเหมือนกันนะครับ ที่มนุษย์ Neandethal หายไป ไม่อย่างนั้น คงได้เห็นสิ่งต่างๆ หลายสิ่งที่พวกเขาคิดค้นและประดิษฐ์ขึ้นแล้วล่ะ เอ..แต่เท่าที่ผมเห็นรูปของมนุษย์ชนิดอื่นๆนี่ มีคนขนไม่ต่างจากลิงทั้งนั้นเลย หรือว่า เมื่อก่อนโลกของเราจะหนาวกว่านี้มากอ่ะครับ หรือว่าจะเป็นเพราะถิ่นที่อยู่ของเขาพวกนั้นมากกว่า แต่ทำไมสัตว์ในเขตุร้อน อย่างหมา แมว ลิง ฯลฯ ถึงมีขนมากกว่ามนุษย์ซะอีก แล้วมนุษย์เพศหญิง ก้อแทบจะหาขนตามตัวไม่ได้เลย มันเป็นเพราะอะไรเหรอครับ สัตว์ชนิดอื่นๆเขามีขนขึ้นตามตัวกัน แต่ทำไมคนถึงมีน้อยมาก และถ้ามันเป็นการปรับตัวจิง ทำไมพวกหมา แมว ลิง ถึงยังมีขนเยอะอยู่ล่ะครับ จากคุณ : Styer - [ 2 ก.พ. 51 16:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 บางทีเรื่องที่เราที่ว่ามันถูกเเล้ว จริงๆอาจจะผิดเกือบทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้จริงๆเเล้วมันเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันไม่สามารถหาคำตอบได้ ...เเต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรหรือยุคไหยจึงได้ตำตอบที่เเท้จริงเหมือนกัน ้ จากคุณ : LR3 - [ 2 ก.พ. 51 21:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าถ้าพอมนุษย์เริ่มใส่เครื่องนุ่งห่ม ขนก็คงเริ่มน้อยลงไปมั้งครับ หรือว่าเรารู้จักใช้ไฟ ทำให้อบอุ่น ขนก็เริ่มหายไป พยายามสันนิษฐานน่ะครับ จากคุณ : sesame man - [ 2 ก.พ. 51 21:17:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ู^ ^ ^ เรื่องขน คิดเหมือนกันเลยครับ ที่ผมอยากรู้คือ วิวัฒนาการในอนาคต มาช่วยกันสันนิษฐานกัน มนุษย์อาจรูจมูกเล็กขนจมูกเยอะ(กรองอากาศ) สมองเล็กลง ไม่ต้องคิด(คอมพิวเตอร์คิดแทน) ถ้าเทคโนโลยีไปไกลจัด เปลี่ยนแปลงช่วงขาและเท้า(เหตุเกิดจากการเดินทางด้วยเท้าน้อยลง) คิดไม่ออกช่วยต่อที~ ในอนาคตถ้ายังไม่สูญพันธุ์ มนุษย์อาจแยกเป็น Species อื่นๆได้อิก ตามสภาพแวดล้อม จากคุณ : มอสคุงอะครับ - [ 3 ก.พ. 51 00:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใช้คำว่าหราคำตอบไม่ได้ก็ไม่ถูก เพียงแต่มันเป็นคำตอบที่ใกล้เคียง นั่นหมายความว่า บางความรู้ในปัจจุบัน ถึงไม่ตรงความเป็นจริง 100% แต่ก็ไม่ต่างไปมากจนทำให้ภาพลักษณ์สิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อน เมลเดล สามารถตั้งกฏการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ โดยที่เค้าไม่รู้จัก DNA ด้วยซ้ำ แต่จากร่องรอยของสิ่งที่แสดงออกให้เห็น เค้าสามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ทางฟิสิกส์ เค้าสามารถทราบได้ถึงอนุภาคชนิดหนึ่ง ซึ่งทะลุทพลวงผ่านทุกอย่าง จับไม่ได้ มองไม่เห็น แต่เค้าทราบได้จากร่องรอยที่อนุภาคชนิดนั้นสร้างขึ้น นั่นเป็นหลักพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ ไม่จำเป็นต้องมองเห็น จับต้องได้ แต่เราก็รู้อย่างแน่ในว่ามันมีจริง เป็นไปได้ว่า หากอารยธรรมมนุษย์ไม่ล่มสลาย จะไม่มีทางที่มนุษย์จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดที่ต่างกัน เนื่องจากการเชื่อมต่อของประชากร ทำให้พันธุกรรมมีการแลกเปลี่ยนกันอยู่เสมอ เรื่องขน ยังไม่รู้ เดี๋ยวไปถามมาให้ พร้อมประวัติ Homo sapiens จากคุณ : ชาลีฟ - [ 3 ก.พ. 51 04:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ ตอนนี้มีทฤษฏีอะไรแปลกใหม่ก็นำเสนอได้นะครับ ปล.พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา นี่ตั้งอยู่ตรงไหนครับ จากคุณ : จาก - [ 3 ก.พ. 51 13:28:06 A:125.27.107.116 X: TicketID:159709 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อะไรที่ใช้เครื่องมืออำนวยความสะดวกทุกอ่างได้เช่นมนษย์ คงไม่วิวัฒนาการเพิ่มเท่าไหร่แล้วหละครับ ส่วนมนุษย์กับลิง ผมเชื่อว่าใกล้เคียงกันสุดๆจริง   หน้าตาผมกับลิงก็ไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ จากคุณ : IRQ5 - [ 3 ก.พ. 51 15:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นไปได้มั้ยครับ ที่พวกนีแอนเดอทรัลจะผสมกับโฮโมซาเปี้ยน ในยุโรป กลายเป็นบรรพบุรุษของพวกคาเคซอยด์ไป จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 3 ก.พ. 51 22:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าให้สันนิษฐานว่าทำไม มนุษย์ยุคใหม่ถึงไม่มีขน ผมคิดว่า น่าจะเกิดจากวิวัฒนการของเราเองมากกว่า ที่ได้วิวัฒนกลายเป็นตัวเราแล้วมีลักษณะเหล่านี้ติดมาด้วย ประมาณว่าเมื่อก่อนอาจจะเป็นพันธุ์ที่มีขนแลุ้วอยู่้ด้วยกันนานๆไปในที่จำกัด ไม่มีการติดต่อกับภายนอก และในกลุ่มมีพวกที่ผิดปกติทางยีนออกมาอาจจะเป็นลักษณะที่ไม่มีขน ยืนหลังตรง เป็นลักษณะที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตมากกว่ารุ่นเก่าๆที่มีขน ยีนนั้นๆก็จะถ่ายทอดกันอยู่ในกลุ่มทำให้ลักษณะของกลุ่มนั้นเปลี่ยนไปเป็นรุ่นใหม่ๆ ต่อมาเมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมีการออกสู่โลกภายนอกแล้ว ปรากฏว่าสามารถดำรงชีวิตและเอาตัวรอดได้ดีกว่าพวกอื่นๆ จึงแพร่กระจายพันธุ์อย่างรวดเร็วไปทั่วโลกในที่สุด จากคุณ : nobody - [ 4 ก.พ. 51 07:56:36 A:125.25.77.111 X: ]