ความคิดเห็นที่ 1 เปลี่ยนถนนปัจจุบัน ที่ไม่ค่อยถูกใช้ให้เป็นรางรถไฟครับ จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 10 ก.พ. 51 15:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าจะเอาความเร็วสูงจริงอ่ะนะ สร้างยกระดับไปเลย ไม่งั้นปัญหาเพียบ เอาให้เป็นโครงการ7ชั่ว...เลย จากคุณ : ปิดบริการ - [ 10 ก.พ. 51 15:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เค้าทำเพิ่มครับ อีกสองรางไกล้ๆกัน (เท่าที่ฟังลุงหมัคเมื่อเช้า) เส้นทางเดิมก็วิ่งแบบความเร็วต่ำ+ขนส่งสินค้า จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 10 ก.พ. 51 15:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอโทษครับ ไม่มีพื้นฐาน รบกวนขอรายละเอียดพื้นฐานนิดหนึ่งครับ น่าสนใจ ปัจจุบัน เปนรางยังไง แล้ว เปลี่ยนเป็นขนาด 1.435  นี่ คือยังไงครับ มิเข้าใจ จากคุณ : GreenEyes - [ 10 ก.พ. 51 16:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่เห็นจะยาก ยาวก็ บั่น สั้นก็ต่อ จากคุณ : ถงทองนอมินี - [ 10 ก.พ. 51 16:13:17 A:202.5.87.157 X: TicketID:142731 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 10 ก.พ. 51 16:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่ดินข้างๆกว้างพอจะทำเพิ่มอีกสี่รางได้สบายๆ เอาให้มันจริงเถอะ....ว่าจะสร้างนะ จากคุณ : Parn-aE - [ 10 ก.พ. 51 16:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลองเข้าไปดู คคห.ที่ 27 ของคุณ  jumponnet ใน http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6311928/X6311928.html ดูครับ น่าจะช่วยได้ แต่ตอนเข้าสถานี นี่ไม่รู้เหมือนกันครับ คงต้องขยายชานชาลามั้งครับ จากคุณ : pata201 - [ 10 ก.พ. 51 16:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าขยันอ่านภาษาอังกฤษ ลองไปดูที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Rail_gauge แล้วจะพบว่าไม่ได้มีแค่ 1 เมตร กับ 1.435 เมตรเท่านั้น O_o แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 51 16:57:53 จากคุณ : pata201 - [ 10 ก.พ. 51 16:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขนาดที่ขยายขึ้นมา เยอะนะครับ 1 เป็น 1.435  ถ้าไม่กระทบเลย คงยาก เพราะจะไปสร้าง รางคู่ บางที่ก้อไม่ได้กว้างมากมายอะไร โดยเฉพาะในตัวเมือง ดูใน กทม บางจุดเอาก้อได้  ถ้าจะปรับรางนึง ก้อต้องหยุดรางนึงแน่ๆ ต้องทำใจ จากคุณ : ARMS STRONG - [ 10 ก.พ. 51 16:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กระทบการเดินรถหรือไม่ผมไม่รู้รายละเอียดครับ เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รถไฟและไม่จำเป็นต้องไปคิดแทนพวกนั้น รู้แต่ว่าพวกเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบนั้นต้องคิดออกมาให้ได้ ให้รถไฟมันมันเร็วขึ้นและไม่กระทบการเดินรถ จากคุณ : nisas - [ 10 ก.พ. 51 17:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สร้างใหม่แบบยกสูง คล้ายๆ BTS หรือ MRT แต่ไม่ต้องสูงขนาดนั้น เอาแค่ยกจากพื้นก็พอ ไม่งั้นมีปัญหาเยอะแน่ๆ อาทิ รถไฟชนรถบรรทุกที่ข้ามทางรถไฟ รถไฟชนสัตว์ที่หลงเข้ามาบริเวณทางรถไฟ ... ปัจจุบันความเร็วร้อยต้นๆ ชนทีรถไฟยังยับขนาดนี้เลยแล้วถ้าเป็น High Speed Train มันจะขนาดไหน แล้วก็ป้องกันการจารกรรมสายไฟหรือชิ้นส่วนต่างๆของทางรถไฟ หากมีการใช้แบบไฟฟ้ากระแสสลับ 25 kV 50 Hz ถ้าจะทำจริงๆคิดให้ไกลไปอีกสัก 4 - 5 ทศวรรตเลยดีกว่า เอาเป็นวาระแห่งชาติไปเลย ไม่ใช่เปลี่ยนคณะบริหารทีก็เปลี่ยนที แบบนี้ไม่มีวันได้ใช่แน่ๆ แล้วก็ทำแบบกระแสสลับก็เวิร์คดี เหมาะกับในอนาคต แต่ก็ยอมรับนะว่ามันต้องใช้งบประมาณสูงมากๆเลย ทั้งนี้และทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย... (น่าคิดเนอะ) จากคุณ : ben_benz - [ 10 ก.พ. 51 18:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ | ผมว่าหว้าก้อ เป็นห้องที่ให้คนมาเผยแพร่หรือสอบถามความรู้นะครับ ถ้ามีคนอยากรู้แล้วมาถาม คนที่มีความรู้ก็ตอบไป หรือจะ ออกทะเลเพื่อให้ คลายเครียดมากก็แล้วแต่กรณี ผมว่าน่าจะมีการวางรางใหม่ขนานไปกับรางเก่านะครับ ส่วนตรงไหนที่มันไม่ มีพื้นที่ ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกัน จากคุณ : nake116 (Nake116) - [ 10 ก.พ. 51 18:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เออขอเพิ่มหน่อยนึง ผมอยากให้ลองศึกษาการเดินรถไฟของญี่ปุ่นดูน่ะครับ ซึ่งญี่ปุ่นก็ใช้รางอยู่ 2 ขนาดคือ 1067 mm กับ 1435 mm ซึ่งหลักๆใช้ขนาด 1067 mm แล้วพวก Shinkansen ถึงใช้ 1435 mm ซึ่งก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เพราะเค้าใช้แยกกัน ตามความเหมาะสม สำหรับการสร้างทางรถไฟแบบยกสูงนั้น ยังดีสำหรับบางพื้นที่ที่มีอุทกภัยบ่อยๆเพราะถึงมันจะมีอุทกภัยก็ไม่ส่งผลกระทบ เมื่อไม่มีผลกระทบ การส่งความช่วยเหลือก็ไม่เกิดอุปสรรคอีกด้วย แล้วถ้าจะสร้างแบบยกสูงก็น่าจะลองศึกษาของไตหวันดูที่ใช้ Shinkansen รุ่น 700T จากคุณ : ben_benz - [ 10 ก.พ. 51 19:08:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเคยนั่งรถไฟ จากเซิ่นเจิ้น ไปกวางเจา เมื่อปี 49 เขาแบ่งเป็น 2 ขนาด รถวิ่งระหว่างมณฑล ใช้รางใหญ่ รถความเร็วมาตรฐาน วิ่ง 145 กม/ชม แต่ดูข้างรถเขียนสปีดสูงสุด 190 กม/ชม ส่วนรถด่วน วิ่งได้ 190 กม/ชม ข้างรถเขียนไว้ 245 กม/ชม ส่วนรางเล็กถามเขา เขาบอกว่า สำหรับเป็นรถขนส่งผู้โดยสารภายในจังหวัด และวิ่งระหว่างจังหวัด เป็นรถขนสินค้าอย่างเดียวครับ วิ่งไมเร็ว ดังนั้น ถ้าจะให้ดี สร้างรางสำหรับวิ่งความเร็วสูงขึ้นมาก่อนให้เสร็จแล้วโยกระบบขนส่ง "คน" มาสู่รางใหญ่ เก็บรางเล็กไว้สำหรับการขนส่งสินค้า / วิ่งภายในภูมิภาคที่ไม่ต้องการความเร็วสูงก็ดีนะครับ จากคุณ : สุกรสยาม - [ 10 ก.พ. 51 19:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าจะสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว แล้ววางระบบรางกับเปลี่ยนหัวรถไฟและตู้โดยสารใหม่ทั้งหมด ค่าโดยสารรถไฟจะเก็บกันราคาเดิมหรือว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่า ถ้าเก็บราคาเดิมอีก 100 ปีก็ยังไม่มีทางที่จะทำได้หรอก ถ้าเก็บเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่า ราคามันก็จะพอๆ กับค่าเครื่องบินโดยสาร หรืออาจจะแพงกว่า ใครมันจะโง่ขึ้นละ ช้ากว่าแต่แพงกว่า เอาเป็นว่าระบบรางที่มีอยู่เดิมทำให้มันดีขึ้น ช่วงไหนที่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนรางวิ่ง ก็เพิ่มไปก่อน ซึ่งไม่น่าจะมีจำนวนมากนักเพราะตอนนี้ก็ได้ทำเสร็จไปบางส่วนแล้ว ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆ ทะยอยทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็รางคู่ทั้งประเทศ ผมขอร้องว่าอย่าเอาแต่ความมัน และเห็นประเทศอื่นเขามีรถไฟฟ้าความเร็วสูงวิ่งกัน เราจะต้องมีอย่างเขาบ้าง การใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูง ระบบพลังงานไฟฟ้าของบ้านเรายังไม่มีความมั่นคงถึงระดับนั้น ถ้าจะทำกันจริงๆ คงต้องสร้างโรงไฟฟ้าระดับ 1,000 MW กันอีกหลายโรง อาจจะเป็นถ่านหิน หรือนิวเคลียร์ คุณพร้อมจะรับกับปัญหานั้นยัง แถมพร้อม ที่จะจ่ายค่าพลังงานไฟฟ้า เพื่อชดเชยให้กับระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงยัง รวมทั้งค่าโดยสารที่จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว คิดดูดีๆ ก่อนที่จะด่าหรือสนับสนุนความคิดเกี่ยวกับระบบรถไฟความเร็วสูง จากคุณ : Nimonic - [ 10 ก.พ. 51 20:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ราง 1.00 อย่าไปรื้อ เพราะหากรื้อ ต้องทุบสะพานเก่าอีก ต้องเสียงบเพิ่ม โดยไม่ได้อะไรเลย แถมเราท้องสูญเสียประวิติศาสตร์การรถไฟไปอีก เช่นพวกสะพานเก่าๆ หรือสถานีเก่าๆ ราง 1.00 ก็ใช้ขนส่ง คนใกล้ๆ หรือใช้สำหรับการท่องเที่ยว หรือขนของที่ไม่ต้องใช้ความเร็ว ฯลฯ หากจะทำ 1.435 ก็สร้างขึ้นมาใหม่ 2รางเลย รวมของเก่า เราก็จะมีรางไว้ใช้ ตั้ง 3 รางแนะ จากคุณ : 545 (ruddy01) - [ 10 ก.พ. 51 22:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่ารางคู่หนึ่งเมตรเหมาะสมแล้วครับ    รถไฟสปรินเตอร์วิ่งได้ร้อยยี่สิบสบายๆ    แค่นี้ยังต้องเพิ่มคนมาเฝ้าทางตัดเลยครับ     เอารางคู่หนึ่งเมตร แล้วปรับปรุงทางตัดให้ยกระดับขึ้น     ให้รถไฟลอยหรือลอดถนนเลย   แค่นี้ก็ใช้งบมหาศาลเเล้วครับ จากคุณ : Rarm41 - [ 10 ก.พ. 51 22:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ชินงันเซ็นที่ ญี่ปุ่น ราคาเท่ากับเครื่องบิน แต่คนก็ขึ้นแน่น เพราะการขึ้นรถไฟ ขึ้นได้จากในเมือง ไม่ต้องมีขบวนการ Check-in และสะดวกสะบาย มีวิวให้ดู ความเสี่ยงต่ำ  บางคนไม่ชอบขึ้นเครื่องบิน อย่างเรา....ไปทีไรก็ชอบขึ้น ทั้งๆที่ ไม่จำเป็นต้องขึ้นรถไฟ จากคุณ : ชัยบาล - [ 10 ก.พ. 51 22:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เปลี่ยนจากดีเซลรางเป็น รถไฟไฟฟ้าเลย จากคุณ : Protector - [ 10 ก.พ. 51 23:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รถไฟฟ้าแบบเดินสาย ต้องเพิ่มเรื่องความมั่นคงทางพลังงาน สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม รวมทั้งการรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ที่ดูแลยากขึ้น จากคุณ : atheist - [ 10 ก.พ. 51 23:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ราคาเพิ่มเท่าตัว แต่เร็วขึ้นเท่าตัว ปลอดภัยกว่า สบายกว่า ถ้าเลือกได้ระหว่าง รถไฟกับเครื่องบิน ผมเลือกเดินทางด้วยรถไฟครับ จากคุณ : GT4Max - [ 11 ก.พ. 51 00:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รางเดิม  สร้างเพิ่มจากรางเก่า  มาเส้นเดียว  เพื่อให้มันกลายเป็น dualguage ใช้กับระบบใหม่ได้ด้วย แล้วรางที่สอง ที่จะต้องสร้างใหม่ทั้งหมด ก็ทำเหมือนกัน แต่ต้องวาง 3 เส้น ที่นี้เราก็ได้ทั้งความเร็ว  สูงความเร็วต่ำ  วิ่งได้ทั้งสองระบบทั้งสองราง ==================================== จากคุณ : กลายใต้ - [ 11 ก.พ. 51 09:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มีใช้กันแยะแยะครับ  [keyword: dual guage] เพราะถ้าทำเป็น dual guage ไป มันก็ใช้ได้ทั้งสองแบบ ความเร็วสูง ส่งผู้โดยสาร ไป ขนาดรางเก่า  รถเดิม ก็มีอยู่แล้ว ก็ใช้ขนส่งไปก็ยังได้ ================== แต่คุณน้านักการเมืองไทย (แน่ะ โยงเข้าการเมืองจนได้) ความคิดไม่ค่อยเหมือนกะชาวบ้านชาวช่องเค้า ไม่รู้เป็นอะไร ชอบทำให้เสียของ  และเสียโอกาส  ชอบลงทุนหลายที ก็ฟันธงได้เลยว่าคุณน้า ต้องเลือกเอาแค่ระบบรางเดียวมาใช้แน่นอน =================================== . จากคุณ : กลายใต้ - [ 11 ก.พ. 51 09:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าวางแบบที่คุณกลายใต้เอามาให้ชม มันจะมีปัญหาว่า ต้องผลัดกันวิ่งไหมครับ ไม่งั้นคันวิ่งเร็ว ก็จะติดคันวิ่งช้า หรือว่าใช้ไปก่อน แล้วอนาคตค่อยเอา รถรางแคบออก เมื่อมีงบประมาณพอ จากคุณ : GreenEyes - [ 11 ก.พ. 51 11:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เป็นแค่ส่วนน้อยนะครับ เมื่อความเร็วในการเดินทางด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นประมาณ 50% แต่ราคาเพิ่มขึ้น 250% ที่พร้อมจะจ่าย แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศละ พร้อมที่จะจ่ายในส่วนที่เพิ่มขึ้นมานั้นยังละ อย่ามองเป็นแค่รายกลุ่มหรือรายบุคคลเล็ก ต้องมองทั้งระบบขนส่งมวลชน สมมติว่า่รถเมล์ ขึ้นราคาจาก 5 บาท -> 10 บาท สำหรับคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาท/เดือน เดือดร้อนไหม ก็บอกมีบ้างแต่เล็กน้อย แต่สำหรับคนที่เป็นลูกจ้างหรือผู้มีรายได้น้อย เมื่อเทียบแล้วมันก็เยอะสำหรับเขา ทุกคนไม่ได้มีรายได้ในระดับนั้นทุกคน ค่าโดยสารมันไม่ได้เก็บเฉพาะ กับคนที่เต็มใจจะจ่ายแต่มันเก็บกับทุกคนที่ใช้บริการนั้น  เมื่อเทียบกับรายได้และค่าครองชีพของผู้ใช้บริการโดยรวมแล้ว การเพิ่มราคาโดยสารมันจะเป็นค่าโดยสารที่แพงมากๆ ซึ่งการปรับเปลี่ยนระบบขนส่งใหม่ทั้งระบบ มันก็ต้องคำนึงถึงในหลายๆ ด้าน สำหรับคนที่ต้องการความเร็วสูง ระบบขนส่งก็มีเครื่องบินพาณิชย์ ให้บริการในราคาที่ สมเหตุสมผล ถ้าต้องการอิสระหรือความสะดวกสบายก็มีรถส่วนตัว หรือรถบัส ซึ่งก็จะถูกลงมาอีกหน่อย ถ้าต้องการจ่ายน้อยๆ ก็มีระบบขนส่งด้วยรถไฟ ที่ค่าบริการถูกสุด เหมือนกับที่คนเมืองใหญ่ๆ เจอกันนั้นแหละ เราอยากจะจ่ายค่าโดยสารเท่ากับการขึ้นรถเมล์ สำหรับแท็กซี่ คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการความสะดวกสบายแค่ไหน ถ้าต้องการเดินทางสัก 5 กม. สามารถจ่ายในราคาแพงๆ และเร็วสุด นั้นก็ต้อง รถยนต์ส่วนตัว ถูกลงมาหน่อย มอเตอร์ไซด์ รับจ้าง ถูกลงมาอีกนิดหนึ่งก็แท็กซี่ แต่ถ้ายินดีที่จะจ่ายในราคาถูกก็ต้องรถเมล์ปรับอากาศหรือธรรมดา ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของผู้โดยสาร จากคุณ : Nimonic - [ 11 ก.พ. 51 11:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แถมอีกนิดหนึ่งครับ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผมเคยนั่งรถไฟข้ามประเทศจาก เนเธอร์แลน  ไปยังเยอรมันระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชม. กับระยะทางประมาณ 200 กม. ค่าโดยสารคิดเป็นเงินไทยตกประมาณ 2,500 บาท/คน สำหรับคนที่นั้นมันก็เป็นค่าโดยสารในอัตราปกติของเขา แต่สำหรับเราแล้วมันแพงมากๆๆ สำหรับมาตราฐานค่าครองชีพและรายได้ของเรา ถ้าคิดอัตราค่าโดยสารแบบเดียวกันในไทยเมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งโดยรางแบบใหม่ ถามว่าจะมีคนไปใช้บริการรึเปล่า จากคุณ : Nimonic - [ 11 ก.พ. 51 11:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คห. 25  ครับ ปกติมันวิ่ง มีตารางเวลา  ๆ ขนส่งสินค้า ก็ไปเน้นกลางคืนสวนใหญ่ ส่วนกลางวันเน้นที่โดยสาร ความเร็วรถไฟโดยสาร ก็ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน ชินงันเซ็นแบบ นาโซมิ  เร็วกว่า ฮิคาริ (เพราะมันไม่ค่อยจอด) ก็ต้องจัดตารางเวลาให้หลบที่สถานีที่ ฮิคาริ จอด เพราะถ้าเป็นสองคู่ ไม่ใช่วิ่งแบบขนานแล้วไล่แซงแบบวิ่งคนละราง แต่วิ่งไปรางกลับราง ======================= จากคุณ : กลายใต้ - [ 11 ก.พ. 51 11:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คห. 27 แพงมากแพงน้อย ขนส่งมวลชน ยังไงก็ต้องมี เพราะคนที่เพิ่มขึ้น รถยนต์ที่เพิ่มขึ้น รถติด สร้างถนนเพิ่มขึ้น ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ผลผลิตเกษตรกรรม อุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ใช้รถบรรทุกเพิ่ม ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ไม่ใช่คำตอบของคุณภาพชึวิตที่ดีขึ้นเลย ===================================== วางพื้นฐานของขนส่งแบบรางให้ดี ...  ใช้ได้ทั้งขนคน สินค้า   ลดต้นทุนการขนส่งภาคเกษตรและอื่น ๆ ได้อีกเหลือคณานับ .. ================================ ข้อมูลทั่วไป ขนส่ง 1 ตัน ต่อ 1 กิโลเมตร เสียค่าใช้จ่าย รถบรรทุก 2.2 บาท , รถไฟ 1.4  ,  เรือ  0.6 บาท อัตราส่วนการขนส่งตอนนี้  .. รถ  86 %  เรือ 12%  รถไฟ 2% ========================== จากคุณ : กลายใต้ - [ 11 ก.พ. 51 11:44:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นด้วยตั้งแต่ต้นแล้วครับ ว่าเราต้องพัฒนาระบบขนส่งแบบรางให้ดีขึ้น แต่ที่ผมไม่เห็นด้วยกับการขยายระบบรางไปเป็น 1.4 m ทั่วประเทศครับ เพราะมันไม่คุ้มค่าในทางเศรษฐศาสตร์ ของประเทศเราครับ ระบบราง 1 m ถ้าวางแผนดีๆ ขยายระบบรางเป็นรางคู่ให้ตลอดทั้งประเทศ ก็สามารถรองรับการขนส่งสินค้า และผู้โดยสารได้ค่อนข้างดีอยู่แล้วครับ แถมราคาก็ค่อนข้างต่ำ และค่าใช้จ่ายก็จะถูกกว่ามาเริ่มระบบรางแบบใหม่มากด้วย แต่คงไม่จำเป็นต้องทุ่มลงไปทำทีเดียวทั้งประเทศก็ได้ เอาจุดรอบนอกที่จะเข้าสู่ กรุงเทพ ก่อนก็ได้ รวมทั้งแก้ไขปัญหาจุดตัดต่างๆ ให้ดีก่อน ผมก็เลยบอกว่าถ้าจะพัฒนาระบบขนส่งความเร็วสูง ก็เน้นไปทางอื่นแทนจะดีกว่าไหม จากคุณ : Nimonic - [ 11 ก.พ. 51 13:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ลองอ่านนี้นะครับ http://www.thaitransport-photo.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=233#74797 ปล. หัวรถจักรราง 1เมตรนั้นหายากมากนะครับ ต้องสั่งทำ จากคุณ : NOP2 - [ 11 ก.พ. 51 13:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าไม่พิจารณาความเป็นไปได้ จากความสเถียรภาพทางการเมือง และ แหล่งเงินทุน คิดว่าการเปลี่ยนขนาดราง สามารถกระทำให้กระทบน้อยที่สุด ทำได้โดยการร้างทางคู่ขนาน (เหมือนการขยายทางหลวง) ขบวนใด้ที่ปรับขนาดแล้วให้วิ้งทางใหม่ ขบวนใด ยังไม่ปรับให้วิ้งทางเก่าไปก่อน แต่ผมว่าสำหรับบ้านเรานี้ ความเร็วรถคงไม่ใช้ปัจจัยหลักที่จะทำให้เร็วขึ้น ระบบการจัดการที่ทำให้รถไฟตรงเวลา(ไม่เสียเวลาจนเป็นเรื่องปรกติ) รถวิ้งสวนทางกันได้ตลอดเส้นทาง และรถด่วนแซงได้โดยไม่ต้องให้ขบวนอื่นต้องจอดรอ เท่านี้ก็คงทำเวลาและสร้างความนิยมได้มากกว่าปัจจุบันแล้ว คิดแล้วทึ่งในพระอัฉริยภาพของ ร.5 สมัยนั้น เครื่องไม้มือยังต้องอาศัยแรงงานคนเป็นหลัก เครื่องมือเครื่องจักรน้อยกว่าสมัยนี้ที่มีตังแต่ GPS ลงมาถึงงานฐานราก ที่มีประสิทธิภาพสูง การขนส่งต่างๆมากมาย วิศวกรไทยเก่งๆ  ก็มีมากกว่าเก่าอยู่โข  แทบไม่ต้องพึ่งวิศวกร Caucasoid เลยยังได้ และสมัยนั้นความเชื่อเรื่อง ผีสางนางไม้เจ้าป่าเจ้าเขาโรคภัยไข้ป่า สิงสาราสัตว์สารพัดมากมาย การสาธารณสุขก็ยังไปไม่ถึง ท่านยังสามารถสร้างได้ และพระองค์ท่านทรงวางรากฐาน กำหนดเขตพื้นที่รถไฟสองข้างทาง ให้คนสมัยนี้ไม่ต้องเวรคืน และยังมีรายได้จากค่าเช่าที่มาจุนเจือได้อีก พอถึงสมัยนี้ ผีสางนางไม้เจ้าป่าเจ้าเขาโรคภัยไข้ป่า ก็พายแม๊กโคไปหมดแล้ว สิงสาราสัตว์ก็ไม่มี สงสัยว่ามันมีการพัฒนาตามยุคสมัย คือ ผีสางนางไม้ ได้พัฒนาเป็นผีสิง นางนกต่อ   เจ้าป่าเจ้าเขา แปรรูปเป็นเจ้าที่เจ้าทาง โรคภัยไข้ป่า กลายพันธุ์ โลภภัย ไข้สมองฝ่อ สิงสาราสัตว์ จากดุร้ายซึ่งหน้ามาเป็น เสือสิงห์กระทิงแรดหน้าตาใจดี แถมพวก walruses ให้อีกตัว จึงทำให้โครงการต่างๆลุล่วงได้ยากขึ้นกว่าสมัยเดิมหรือเปล่า จากคุณ : khanasri - [ 12 ก.พ. 51 09:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 33 การใช้ dual gage ที่คุณ#24 กล่าวถึง ก็เป็นหลัการที่ใช้ได้...แต่ก็มีวิธีการอย่างอื่นๆอีก...โอ้ยเรื่องมันค่อนข้างยาว อธิบายสองสามหน้ากระดาษก็ยังไม่จบ รถไฟ นอกจากมีรางให้รถวิ่งไปในรางคู่หนึ่งของมันได้แล้ว ยังสามารถให้รถมันวิ่งไปที่รางคู่อื่นได้อีกด้วย โดยใช้ ทางเฉพาะ ให้มันเลี้ยวเข้าไป เรียกกันว่า turn out หรือประแจ แล้วเฉพาะตัวประแจนี้ก็มีหลายรูปแบบ.... รฟท.ตามที่นายกฯว่านะถูกแล้ว ร.๕ สร้าง standard gage จาก กรุงเทพฯ ถึง นครราชสีมา ต่อมาถูกต่างชาติบีบ จึงต้องลดขนาดทางลงมา เป็น meter gage และก็ทำกันมาแล้วดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี่แหละ ดังนั้น หากจะเปลี่ยนอีกที จาก meter gage เป็น standard gage ในทางเทคนิคทำได้แน่นอน ไม่ต้องห่วง ห่วงแต่เงินลงทุนเท่านั้นครับ จากคุณ : เมตตา - [ 12 ก.พ. 51 11:30:52 A:202.91.18.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 จริงๆ แอบเชียร์ Dual Gauge อย่างนี้มานานแล้วอะค่ะ ไม่คิดว่าตอนนี้จะมาเป็นที่สนใจของหลายๆ คนเหมือนกัน ส่วนตัวคิดว่ามันประหยัด(อันนี้ไม่แน่ใจ)กว่าสร้างรางใหม่น่ะค่ะ แถมมันยังใช้ร่วมกับของเก่าได้ โดยที่ไม่ต้องโละของเก่าทิ้งอะค่ะ ขอบคุณทุกๆ ท่านที่เห็นตรงกับดิฉันและยกมาวิจารณ์มากๆ นะคะ   แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 51 01:57:24 จากคุณ : jumponnet - [ 24 ก.พ. 51 01:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ^_^ จากคุณ : jumponnet - [ 24 ก.พ. 51 02:14:12 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ดีเลย จากคุณ : 555 (ruddy01) - [ 6 มี.ค. 51 06:18:37 ]