ความคิดเห็นที่ 22
ถึงความเห็น 3 มันไม่ง่ายอย่างนั้นแน่เมกาคงไม่กล้ามาหรอกครับ
................ในช่วงกลางเดือน ม.ค.๔๘ ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย และ ประธานาธิบดี Nursultan Nazarbayev ของคาซัคสถาน ได้แลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน โดย ประธานาธิบดีปูตินได้เดินทางเยือนคาซัคสถาน เมื่อ ๑๒-๑๓ ม.ค.๔๘ ต่อมา ประธานาธิบดี Nazarbayev ได้เดินทางเยือนรัสเซียตอบแทน ระหว่าง ๑๗-๑๘ ม.ค.๔๘ ซึ่งส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันในมิติด้านต่างๆ อาทิ ด้านพลังงาน การค้า การขจัดปัญหาพรมแดน ทั้งในทะเลสาบแคสเปียนและการปักปันเขตแดน
.. คาซัคสถานเป็นประเทศใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มเครือรัฐเอกราชรองจากรัสเซีย มีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมหาศาล รัสเซียและคาซัคสถานมีพรมแดนระหว่างกันยาวกว่า ๗๕๐๐ กม. ซึ่งอาจจะนับว่ายาวที่สุดในโลกก็ว่าได้ รัสเซียและคาซัคสถานพึ่งพาอาศัยกันและกันในด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม คาซัคสถานยังมองดูว่าสถานะของตนเองยังไม่เท่าเทียมกับรัสเซีย และปัญหาเขตแดนทั้งทางบกและทางทะเลก็เป็นปัญหาคาราคาซังมานับตั้งแต่อดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย ดังนั้นการเยือนของผู้นำทั้งสองประเทศ ได้ส่งผลให้ความสัมพันธ์และการยอมรับสถานะที่เท่าเทียมกันมีมากขึ้นกว่าเดิม
๒. ความสัมพันธ์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ อาจกล่าวได้ว่า ถ้าหากรัสเซียจะพยายามฟื้นฟูตนเองให้กลับมาเป็นชาติอภิมหาอำนาจนั้น รัสเซีย ต้องรวมชาติบอลติกทั้งสาม (ลิธัวเนีย, เอสโทเนีย และลัตเวีย) เบลารุสและยูเครน เพื่อเป็นแนวป้องกันตนเองด้านตะวันตก และป้องกันการคุกคามจากชาติสมาชิกนาโต้ รัสเซียต้องสร้างดินแดนคอเคซัสทางตอนใต้ให้สงบ ยุติปัญหาเชชเนียให้ได้ เพื่อปูทางการค้าการลงทุนด้านพลังงานในเขตทะเลสาบแคสเปียนไปยังทะเลดำ หรือผ่านทางตอนใต้ไปสู่อ่าวเปอร์เซีย และรัสเซียต้องกระชับความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศในเอเชียกลาง โดยเฉพาะคาซัคสถานที่ใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States-CIS) รองจากรัสเซีย
.. ชาติบอลติกทั้งสามไม่มีทางที่จะกลับคืนสู่อิทธิพลของรัสเซีย ปัญหาในคอเคซัสและเชชเนียก็ไม่มีทางยุติโดยง่าย ยูเครนก็กำลังจะเข้าร่วมเป็นชาติสมาชิกนาโต้และสหภาพยุโรปในอนาคต ดังนั้น พันธมิตรที่รัสเซียเหลืออยู่และมีความสำคัญก็คือ เบลารุส และคาซัคสถาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศจึงมองว่า หลังจากที่นาย Viktor Yushchenko ซึ่งฝักใฝ่ชาติตะวันตกชนะการเลือกตั้งในยูเครน รัสเซียจึงให้ความสำคัญกับชาติพันธมิตรของตนเองในกลุ่ม CIS โดยเฉพาะกับเบลารุสและคาซัคสถานมากกว่าเดิม สำหรับคาซัคสถานและรัสเซียนั้นเป็นสมาชิกของทุกองค์กรความร่วมมือในกลุ่ม CIS การกระชับความสัมพันธ์ที่ดีกับคาซัคสถานในฐานะพันธมิตรที่เท่าเทียมกัน ย่อมเปิดโอกาสให้คาซัคสถานยังคงความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียต่อไป และอาศัยกันและกันในเวทีการเมืองระหว่างประเทศที่ทั้งสองเป็นสมาชิกด้วย
๓. ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและพลังงาน
.. คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่กว้างขวางสามารถทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ได้เป็นอย่างดี อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของคาซัคสถานสูงกว่าร้อยละ ๙ ติดต่อกันเป็นปีที่ ๕ โดยเฉพาะปี ๒๕๔๗ ที่สูงกว่าร้อยละ ๑๒ มูลค่าการค้าระหว่างรัสเซียกับคาซัคสถานมีมูลค่าถึง ๗,๐๐๐ ล้านเหรียญ อม. ในปี ๒๕๔๗ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๔๖ ถึงร้อยละ ๒๑ คาซัคสถานส่งออกไปรัสเซียประมาณร้อยละ ๒๕ ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ขณะที่คาซัคสถานนำเข้าจากรัสเซียเกือบร้อยละ ๔๐ ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งหากมองโครงสร้างการส่งออกและนำเข้าแล้ว คาซัคสถานยังอาศัยการส่งออกสินค้าสำคัญด้านพลังงาน อาทิ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีมูลค่าเกือบร้อยละ ๗๐ ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ขณะที่ต้องนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักร ยานยนต์ และอุปกรณ์ช่างจากต่างประเทศ ทั้งนี้คาซัคสถานต้องอาศัยรัสเซียในการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (ผ่านทางท่อ) ไปสู่ยุโรป และสั่งซื้อเครื่องจักรกลจากรัสเซียเกือบทั้งหมด
.. หากมองเฉพาะในมิติด้านพลังงานแล้ว รัสเซียและคาซัคสถานมีความสัมพันธ์ในด้านโครงข่ายการขนส่งด้านพลังงาน และการลงทุนด้านพลังงานอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย รัสเซียพยายามรักษาสถานภาพการเป็นผู้ผลิตและส่งออกพลังงานรายใหญ่ของตนเอง และรักษาสายสัมพันธ์ด้านพลังงานดั้งเดิมที่มีอยู่กับคาซัคสถาน โดยการผลักดันให้บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เป็นของรัฐและเอกชนของรัสเซียเข้าไปลงทุนระยะยาวในโครงการต่างๆ ในคาซัคสถาน โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและระหว่างรัฐบาลเป็นตัวนำ ในขณะเดียวกันก็รักษาโครงข่ายการส่งออกน้ำมันที่เชื่อมโยงในภูมิภาค (CIS) กับยุโรปของตนเอง ซึ่งคาซัคสถานก็ยังต้องพึ่งพาเส้นทางการส่งออกน้ำมัน (ทางท่อ) ที่ต้องผ่านรัสเซียไปสู่ภูมิภาคยุโรปนี้ (จากแหล่งน้ำมันที่ Tengiz และ Karachaganak ในคาซัคสถานไปยังเมือง Novorossiik ที่ทะเลดำของรัสเซีย เพื่อส่งออกไปยังยุโรป)
.. การเดินทางเยือนคาซัคสถานของ ประธานาธิบดีปูตินเมื่อเดือน ม.ค.๔๘ ได้มีข้อตกลงในการขยายการส่งออกน้ำมันของคาซัคสถานผ่านเส้นทางนี้ และรัสเซียกับคาซัคสถานยังมีโครงการร่วมมือกันพัฒนาแหล่งน้ำมันที่ Kurmangazy, Tssentralnoye และ Khvalynskoye อีกด้วย นอกจากนั้นรัสเซียและคาซัคสถานยังต้องการพัฒนาโครงการด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมร่วมกัน
๔. ความสัมพันธ์ด้านการทหารและความมั่นคง
.. รัสเซียและคาซัคสถานเป็นสมาชิกขององค์กรความมั่นคงในเอเชียกลาง (Collective Security Treaty Organization-CSTO), Shanghai Cooperation Organization (SCO) และระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมของ CIS ดังนั้นทั้งรัสเซียและคาซัคสถานจึงมีการฝึกร่วมทางทหารและการประชุมด้านความมั่นคงภายในภูมิภาค CIS ทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคีหลายครั้งในแต่ละปี
.. ในสมัยอดีตสหภาพโซเวียตนั้น มีศูนย์ยิงจรวดหรือส่งยานอวกาศที่สำคัญ ๔ แห่ง คือ Baikonur, Plesetsk, Svobodny และ Kapustin Yar แต่ภายหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย ศูนย์อวกาศหรือปล่อยจรวด Baikonur ดังกล่าวตกเป็นของคาซัคสถาน แม้ในปัจจุบันรัสเซียกำลังพัฒนาศูนย์อวกาศของตนเองที่ Plesetsk ที่บริเวณตอนเหนือของรัสเซีย แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะใช้ส่งจรวดขนาดหนักหรือยานอวกาศได้ รัสเซียจึงต้องเช่าศูนย์อวกาศที่ Baikonur ของคาซัคสถานเพื่อใช้ในกิจการส่งจรวดหรืออากาศยานทางทหารและการพาณิชย์ โดยรัสเซียต้องจ่ายค่าเช่าปีละ ๑๑๕ ล้านเหรียญ อม. ซึ่งยังไม่รวมปัญหาปลีกย่อยของคาซัคสถาน อาทิ จรวดขับเคลื่อนต้องไม่ทำลายสภาพแวดล้อม ต้องจ่ายเงินเพิ่มรักษาสิ่งแวดล้อม หรือต้องจ่ายเงินเพิ่มหากเป็นการดำเนินการเพื่อการพาณิชย์
๕. การขจัดปัญหาเขตแดน
.. นับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย รัสเซียกับคาซัคสถานซึ่งมีพรมแดนทางบกกว่า ๗๕๐๐ กม. และทางทะเล (ทะเลดำ) ต้องเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งกันเรื่อยมา ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาดำเนินการแก้ไขปัญหาพรมแดนตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ ซึ่งก็ดำเนินการเรื่อยมาจนบรรลุผลสรุปเมื่อปลายเดือน ธ.ค.๔๗ และเมื่อเดือน ม.ค.๔๘ ระหว่างการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้นำทั้งสอง ประธานาธิบดีปูติน และ ประธานาธิบดี Nazarbayev ของคาซัคสถานได้ลงนามในสนธิสัญญาการแบ่งเขตแดนระหว่างกัน (Treaty between Russia and Kazakhstan on the State Border) โดยรัสเซียต้องยอมเสียดินแดนทางบกรวมทั้งสิ้น ๓๐๐ เฮกเตอร์ให้แก่คาซัคสถาน และยอมแบ่งแหล่งก๊าธรรมชาติในทะเลสาบแคสเปียนเท่า ๆ กัน และหากพื้นที่ใดมีปัญหาทั้งสองฝ่ายก็จะร่วมกันลงทุนและพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว (ส่วนมากจะเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ) ดังนั้นการลงนามของทั้งสองฝ่าย จึงนับเป็นการยุติปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนและเขตแดนที่มีระหว่างกันเป็นเวลานาน เพื่อแลกกับการเป็นพันธมิตรระหว่างกันเชิงยุทธศาสตร์ และมิติด้านการเมืองระหว่างประเทศ
๖. ผลกระทบในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและคาซัคสถาน
.. ๖.๑ หากมองในแง่ของภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ทั้งสองประเทศมีขนาดประเทศที่ใหญ่โต แต่ประชากรมีจำนวนน้อย ประชากรของทั้งสองประเทศจะนิยมอาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่และเมืองอุตสาหกรรม รัสเซียและ คาซัคสถานผูกพันกันในฐานะที่ต้องอาศัยพึ่งพากัน โดยรัสเซียมีผลประโยชน์ของตนเองในตอนใต้ของประเทศ การเป็นพันธมิตรกับคาซัคสถาน (ซึ่งประธานาธิบดีNazarbayev น่าจะชนะการเลือกตั้งในปี ๒๕๔๙ อีกสมัยหนึ่ง) ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อความมั่นคงทางตอนใต้ และผลประโยชน์ด้านการค้าการลงทุนของบริษัทรัสเซียในคาซัคสถาน สำหรับคาซัคสถานเองยังต้องพึ่งพาอาศัยการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (ผ่านทางรัสเซีย) คาซัคสถานเองทราบดีว่า รัสเซียต้องการคาซัคสถานเป็นพันธมิตรอย่างมากในขณะนี้ ซึ่งการที่รัสเซียยอมเป็นพันธมิตรที่เท่าเทียมกันกับคาซัคสถาน ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคาซัคสถานเช่นเดียวกัน
.. ๖.๒ รัสเซียมองว่า การดำเนินนโยบายต่างประเทศของตนเองในรอบปีที่ผ่านมา มีทั้งผลบวกและผลลบ แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งในจอร์เจียและยูเครน นับเป็นผลกระทบสำคัญต่อความมั่นคงทางการเมืองและการทหารของตนเอง ดังนั้นการกระชับความสัมพันธ์กับเบลารุส คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน หรือชาติสมาชิก CIS อื่นๆ จึงเป็นนโยบายเร่งด่วนและสำคัญที่สุดของรัสเซียในปี ๒๕๔๘
.. การยอมเสียดินแดนทางบก ๓๐๐ เฮกเตอร์ และการยอมแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่งในแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลสาบแคสเปียนให้กับคาซัคสถาน หากนำมาซึ่งความเป็นพันธมิตรในกลุ่ม CIS ที่รัสเซียกำลังต้องการอย่างมาก ก็เป็นสิ่งที่รัสเซียยอมรับได้ นอกจากนั้นยังเป็นการปูทางให้บริษัทพลังงานของรัฐและเอกชนรัสเซียเข้าไปหาผลประโยชน์ได้อย่างราบรื่น รวมไปถึงการกีดกันชาติตะวันตกออกไปจากคาซัคสถานได้ในคราวเดียวกัน
.. ๖.๓ รัสเซียเป็นชาติที่มีดินแดนกว้างใหญ่ ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และมีเขตแดนกับหลายประเทศ ซึ่งสร้างปัญหากระทบกระทั่งเกี่ยวกับเขตแดน โดยรัสเซียจะพยายามขจัดปัญหาพรมแดนกับเพื่อนบ้านของตนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในลักษณะที่รัสเซียยอมเสียดินแดนให้ไปแทบทั้งสิ้น เพื่อแลกกับมิตรภาพที่ยั่งยืน อาทิ
........ ๖.๓.๑ ยอมเสียดินแดน ๘,๒๕๓ ตารางกิโลเมตรของทะเลแบริ่งให้สหรัฐฯ เมื่อ ๑ มิ.ย.๓๓ เพื่อแลกกับความสัมพันธ์ที่ดีกับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ
........ ๖.๓.๒ ยอมเสียดินแดนเกือบ ๖๐๐ เกาะบนแม่น้ำ Amur และ Ussuri ให้จีนในปี ๒๕๓๕ ต่อมาเสียดินแดนในเขต Primorie ให้จีนอีกในปี ๒๕๓๘ และสุดท้ายเมื่อเดือน ต.ค.๔๗ เสียเกาะ Tarabarov และครึ่งหนึ่งของเกาะ Bolshoi Ussuriisky ให้จีน เพื่อยุติปัญหาปักปันเขตแดนระหว่างสองประเทศ
........ ๖.๓.๓ เสียดินแดนในเขต Kaliningrad จำนวน ๔๑๓.๘ เฮกเตอร์ให้กับลิธัวเนีย เพื่อแลกกับการยุติปัญหาพรมแดนและแก้ไขปัญหาการเดินทางจากรัสเซียไปเขตคาลินินกราดของรัสเซียผ่านลิธัวเนีย โดยไม่ต้องลงตราวีซ่า
........ ๖.๓.๔ แบ่งครึ่งทะเล Azov ให้แก่ยูเครนเพื่อแลกกับความร่วมมือในการรวมกลุ่มเศรษฐกิจระหว่างรัสเซีย ยูเครน เบลารุส และคาซัคสถาน
.. ซึ่งหากมองต่อไปข้างหน้าแล้ว รัสเซียยังคงมีปัญหาเขตแดนกับจอร์เจีย, อาเซอร์ไบจัน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ต้องการให้รัสเซียคืนหมู่เกาะคูริล จำนวน ๔ เกาะ เพื่อแลกกับการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ ที่คาดว่าจะกระทำกันในปี ๒๕๔๘ ซึ่งการส่งคืนหมู่เกาะคูริลให้ญี่ปุ่นนับเป็นปัญหาละเอียดอ่อนด้านการเมืองระหว่างประเทศ การเมืองภายในประเทศ และสังคมจิตวิทยาของรัสเซียอย่างมาก ดังนั้นการที่รัสเซียยอมเสียดินแดนให้คาซัคสถานเมื่อเดือน ม.ค.๔๘ จึงเป็นการจุดประกายความหวังแก่ญี่ปุ่นที่ต้องการหมู่เกาะคูริลคืน ทั้ง ๆ ที่เป้าหมายในการเสียดินแดนให้กับคาซัคสถาน รัสเซียมีนัยที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
จากคุณ :
กีดกัน
- [
13 ก.พ. 51 16:01:39
]
|
|
|