ความคิดเห็นที่ 20
ท่านทราบหรือไม่ว่า,,, เหงียนวันเทียว นายพลทหารเวียดนามในสมัยที่ เวียดนามยึดเขมรได้ใหม่ๆ ได้เคยประกาศที่กรุงฮานอยว่าเวียดนามสามารถ เข้ายึดกรุงเทพได้ในเวลา ๒ ชั่วโมงเท่านั้น!!
อยากจะเรียนให้น้าพรทราบว่า ในปี พ.ศ.2529 เวียดนามเข้ายึดเนิน 565,408,500,382 และ396 ในเขตอ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ลึกมาใน เขตแดนไทย 5 7 กิโลเมตร !!! นั่นหมายถึงมันเข้ามายึดแผ่นดินไทย แล้วนะครับ (หมายเลขเนินนั้นมาจากระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ปานกลางของแต่ละเนิน)
ว่าแล้วจะเล่าให้ฟัง (ผมเคยเข้าไปทำสารคดีในแถบสมรภูมิช่องบก น้ำยืน บุณฑริก พอจำได้คร่าวๆ ผิดถูกเรื่องตัวเลขอย่างไรก็ขออภัย ณ ที่นี้ และ ขอสดดุดีทหารหาญ วีรชนคนกล้าที่แลกเลือดเนื้อของท่านอย่างไม่คิด เสียดาย เพื่อขับไล่หน้าไหนก็ตามที่หาญคิดย่ำยีผืนแผ่นดินไทย..)
ช่องบก กับสองนัยยะ
หนึ่ง เป็นชื่อเรียกเส้นทางข้ามแดน ซึ่งสามารถติดต่อเดินข้ามไปมาหากันได้ ระหว่างไทย ลาว เขมร อยู่ในพื้นที่ อ.น้ำยืน จังหวัดอุบลฯ ช่องบกเป็นพื้นที่ ชายแดนของไทย มีเทือกเขาพนมดงรักกั้นเขตแดน ลักษณะภูมิประเทศ แถบนั้นจะเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน มีป่าดิบทึบซึ่งในสมัยนั้นป่ายังสมบูรณ์ มาก ทหารเวียดนามสามารถใช้เป็นแหล่งซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี
สอง ช่องบก คือชื่อสมรภูมิเลือด ที่พี่น้องทหารหาญของเราได้แลกชีวิต เลือดเนื้อ วิญญาณ เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทยเรา มิให้ใครมาเหยียบย่ำ ทำลายลง
เรื่องของเรื่องก็คือว่า หลังจากที่เวียดนามยึดกัมพูชาได้ ชาวเขมรจำนวน หลายแสนคน ต่างก็หนีตายทิ้งบ้านเรือนอพยพข้ามแดนเข้ามาลี้ภัยในไทย จนมีการตั้งค่ายผู้อพยพขึ้นเป็นไซต์ต่าง ๆ โดยจะมีโครงการที่ได้รับการ สนับสนุนอย่างลับๆจากอเมริกา ฝรั่งเศส จีนและไทยเราเอง อำนวยการส่ง เสริม สนับสนุนให้เกิดการรวมตัวของเขมรเป็นกลุ่มๆ และในค่ายต่างๆก็จะมี การลักลอบฝึกอาวุธให้บรรดาผู้อพยพ และก็ส่งเข้าไปรบกับเวียดนามใน เขมร และด้วยเหตุนี้ พอเวียดนามรู้เรื่องเข้าก็เคืองสิครับ จึงพยายามหาช่อง ทางเข้ามารุกล้ำเขตแดนไทย เพื่อต้องการตัดการส่งกำลังบำรุงของเขมรที่ ของ สมรภูมิช่องบก ..
เชื่อมั้ยว่าเวียดนามรุกคืบเข้ามาในแดนไทยได้ลึกกว่า 5 กิโลเมตร มันเข้ามา ดำเนินการตั้งฐานรบและเข้ายึดเนินสำคัญ ๆ ของไทยเราไว้หลายแห่ง ซึ่ง ล้วนแต่เป็นชัยภูมิรบที่ได้เปรียบในการศึกอย่างยิ่งยวด โดยกองรบเวียดนาม ได้ดัดแปลงสภาพพื้นที่บนเนินต่างๆ เพื่อให้พร้อมตั้งรับการเข้าโจมตีจาก ไทยเราเป็นอย่างดี ที่เหลือเชื่อคือมันมีเวลาทำบังเกอร์และสนามเพลาะเป็น คอนกรีตเสริมเหล็ก แถมมีเครื่องปั่นไฟ ปตอ. และจรวดแซม นี่ยังไม่นับ บรรดาปืนใหญ่ที่สามารถยิงสนับสนุนการรบ ซึ่งคอยท่าอยู่ในเขตแดนลาว และเขมรให้เกลื่อน และที่เจ๋งไปกว่านั้น เวียดนามยังเอาเขาพระวิหารบน เทือกพนมดงรักมาบูรณะใช้เป็นคลังสรรพาวุธ พับผ่าสิ!!
แต่เวียดนามเองก็คาดการณ์พลาดไปเยอะ เพราะจริงอยู่ที่ชัยภูมิการรบที่ ช่องบก เวียดนามเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะเข้ายึดแต่ละแห่งนั้นเป็นที่สูง เรา เข้าตียึดคืนลำบากมาก แถมพื้นที่รบเป็นป่าทึบ เวียดนามส่งกองโจรเข้าลาด ตระเวนพร้อมวางกับระเบิดไว้มากมายตามพงหญ้าตามป่า(ใช้คำว่าสาดหรือ หว่านกับระเบิดน่าจะเหมาะหว่า เพราะมันไม่ต้องฝังดิน และเจ้ากับระเบิด ของพวกแกวเนี่ย มันเป็นแบบไม่เอาถึงตายนะ เอาแค่ขาขาด พอมันหว่าน เสร็จมันก็ถอนกำลังไปเร็วมากราวกับผีป่า(จากคำบอกเล่าของนายทหารท่าน หนึ่งซึ่งเคยเผชิญหน้ากองโจรแกวชุดวางกับระเบิด) นอกจากนั้นยังไม่สาแก่ ใจ มันยังใส่พิษลงในแหล่งน้ำ ทำให้เราขาดแคลนแหล่งน้ำ แต่ก็กล่าวไว้ แล้วว่ามันพลาด ที่ว่าพลาดก็คือเวียดนามเองลืมคิดถึงเรื่องการส่งกำลัง บำรุง เนื่องจากตัวเองยังปราบกองกำลังเขมรแดงไม่ลงเลย พอเข้าแนวแดน ไทยก็จะโดนเขมรแดงเข้ารบตลบหลังเพื่อตัดการส่งกำลังบำรุง แถมในเขต ประเทศลาวเองตอนนั้น มีกองกำลังลาวเสรี (นำทีมโดย CIA) คอยเคลื่อน ไหวก่อกวนอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการรบของเวียดนามในลาว อีกต่างหาก
โดยในเวลานั้น ทัพไทยโดยกองกำลังสุรนารี ได้ใช้กำลังเข้าผลักดัน( แผน ยุทธการ ดี-๘) เข้าขับไล่ผลักดัน แต่เนื่องจากอย่างที่ว่าไว้ตอนต้น ภูมิประเทศละแวกนั้นเป็นป่าดิบ เขาสูงชันและเต็มไปด้วยกับระเบิดเป็น จำนวนมาก ทำให้ฝ่ายเราเข้ารบได้ลำบากมาก (ขอแทรกเกร็ดเล็กน้อย // อยากจะบอกว่าในวันนี้หากไปแถวอุบล อ่างเก็บน้ำที่อยู่ตามตะเข็บชายแดน ด้านสามเหลี่ยมมรกตหลายต่อหลายแห่งนั้น เป็นพระราชดำริของในหลวงซึ่ง ทรงเห็นว่าการจะกู้ทุ่นระเบิดจำนวนมากมายใช้งบประมาณมาก และ อันตราย การทำฝายกั้นให้พื้นที่ดงระเบิดในหลายจุดเป็นอ่างเก็บน้ำจึงเป็น ทางออกที่ดี เพราะทุ่นโดนน้ำก็จะด้านไป แถมชาวบ้านมีน้ำใช้ตลอดปี เส้น ทางเดินข้ามชายแดนหลายๆจุดก็ไม่สามารถสัญจรได้เพราะน้ำท่วมหมด แก้ ปัญหาความมั่นคงในแนวชายแดนได้ในระดับนึง แต่ก็ยังมีชาวบ้านหลายต่อ หลายคนใน อ.น้ำยืน ที่แขนขาด ขาขาด เพราะออกไปเก็บของป่า เก็บชิ้น ส่วนระเบิดมาขาย พลาดท่าโดนทุ่นไปมากมาย ก็ยังมีให้เห็น เพราะในหลาย พื้นที่ของอ.น้ำยืน ยังคงมีพื้นที่ซึ่งยังไม่มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอยู่ ส่วนใหญ่จะ อยู่ตามเขาแนวชายแดน เมื่อสิบปีที่แล้วทางลงสามเหลี่ยมมรกตนี่ ถ้าจะลง ไปต้องให้ทหารนำพาเข้าไป แถมออกนอกเส้นทางไม่ได้เลย เพราะมีแนว วางทุ่นตลอดเส้นทาง อันตรายสุดๆ)
และจากการเข้าตีด้วยความต่อเนื่อง คือประมาณต้นปี 2530 เราก็สามารถขึ้น ยึดเนิน 396 ได้ และจากนั้นก็รุกเข้าตีเนิน 408 และเนิน 382 รวมทั้งเนิน 408 ได้สำเร็จ แต่ก็กลับถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่ โดยใช้ฐานปืนใหญ่ในลาว และกัมพูชายิงสนับสนุน และอีกสารพัดห่ากระสุน(ทุกวันนี้ต้นไม้หลายต้น บนเนินยังคงมีร่องรอยกระสุนปืนใหญ่ให้เห็น) จนไทยเราไม่สามารถรักษาที่ หมายไว้ได้ ต้องถอนกำลังลงมาตั้งหลักก่อน
จนในเดือน เม.ย.2530 ฝ่ายไทยโดยกองกำลังผสม ก็ทำการเข้าตีที่หมาย เนิน 565,408,500,382 และ396 พร้อมๆ กัน จนฝ่ายไทยสามารถเข้ายึด เนินต่างๆ ได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ายเวียดนามโต้ตอบฝ่ายเราอีก โดย ระดมยิงด้วย ปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด (มุขเดิม) พร้อมทั้งรุกเข้าตีอย่าง ต่อเนื่อง จนฝ่ายไทยเราไม่สามารถต้านทานได้ ต้องถอนกำลังออกมาอีก ครั้ง จนภายหลังได้มีการส่งกองกำลังทหารพรานจากค่ายปักธงชัย และ หน่วยรบพิเศษป่าหวายจากลพบุรี แทรกซึมเข้าไปค้นหาฐานที่ตั้งปืนใหญ่ใน ลาวและกัมพูชา เพื่อทำลายทิ้ง
ดังที่ปรากฏว่า ในช่วงแรกของการรบ ฝ่ายไทยเราเสียเปรียบในการรบมาก และยุทธวิธีการรบโดยการระดมยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ ส่งกำลังทหารมากมาย เข้ารบประชิด และประดังด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด กลับไม่ได้ผลเอาเสียเลย เพราะเวียดนามมันมีการตั้งรับบนฐานที่มั่นอย่างดี และมันบ้าเลือดมากเวลา โดนโจมตีหากตั้งตัวได้แล้วมันจะทำการโต้ตอบกลับอย่างหนักหน่วง แม้ทาง ไทยเราจะสามารถตีฐานของเวียดนามแตก แต่ก็ไม่สามารถจะยึดฐานไว้ได้ เลยสักแห่ง ซึ่งบทเรียนจากการเข้าตีในครั้งนี้ ทำให้ฝ่ายไทยเราต้องปรับยุทธวิธีการใช้ กำลังพลในลักษณะแบ่งชุดกำลังย่อย มุดแทรกซึมเข้าลาดตระเวณซุ่มโจมตี ในหลายทิศทาง และทำการหาข่าวพร้อมทั้งเจาะหาเส้นทางลอบเข้าหาที่มั่น ข้าศึก โดยทำการรบจรยุทธ์ตัดกำลังฝ่ายเวียดนามให้มันค่อยๆอ่อนกำลังลง การรบแบบป้อมค่าย ที่เคยใช้ได้ผลที่สมรภูมิเขาค้อ ได้ถูกนำมาประยุกต์ ใช้ที่ช่องบก โดยมีการใช้ทหารพราน จัดชุดออกลาดตระเวณเพื่อซุ่มโจมตี และทำการแทรกซึมเข้าหาฐานข้าศึก โดยจะค่อยๆ ทำการขุดบังเกอร์ สนาม เพลาะ เข้าหาฐานของเวียดนาม พร้อมทั้งส่งกำลังและอาวุธเข้าตรึงกำลังไว้ ตลอดแนวขุด โดยจะพยายามไม่ยิงปืนโดยไม่จำเป็น และขุดให้เงียบที่สุด เมื่อขุดเข้าใกล้ฐานเวียดนามในระดับที่แบบมองเห็นหน้ากันได้ก็จะหยุดขุด ซะงั้น ฝ่ายเวียดนามก็งงสิฮะ ว่าทหารไทยมันจะเอายังไงกะตรูฟะ อยู่ๆก็โผล่ มาเป็นขอมดำดิน ทีนี้เนื่องจากทหารไทยเราอยู่ในระยะใกล้ฐานเวียดนาม แค่ปลายจมูก จะยิงปืนใหญ่ก็ไม่ได้ ยิงกดดันก็ไม่ถูก เปลืองกระสุนอีกต่าง หาก แต่ทางพี่ไทยเรานั้นรุกเข้าไปตั้งฐานปืนใหญ่สำหรับการยิงถล่มสนับ สนุนการเข้าตีรออยู่แล้ว พอเจอแบบนี้เวียดเค้าก็เตรียดสิฮะ กดดันกันนาน เหมือนกัน จนเวียดนามสติเริ่มแตก พอดูท่าแล้วน่าจะเผด็จศึกได้ ก็ระดม สรรพกำลังทั้งปืนใหญ่และเครื่องบินรบ เข้าทิ้งระเบิดอย่างหนัก และจัดกำลัง ตามเข้าตีฐานเวียดนามแบบกระชั้นชิด ช่วงเวลานั้น สภาพการสู้รบหนักหน่วง มาก เสียงระเบิดเสียงปืนลั่นสนั่นหวั่นไหว พร้อมกันนั้นฐานปืนใหญ่หลาย แห่งของทหารเวียดนามที่ตั้งในเขตลาวซึ่งถูกตรวจพบโดยชุดกำลังทหาร พรานที่ถูกส่งเข้าไปแทรกซึมค้นหา ถูกระบุพิกัด และระดมยิงปืนใหญ่ถล่ม เสียหายอย่างหนัก ฐานปืนใหญ่ของเวียดนามและคลังกระสุนหลายแห่งถูก ถล่มราบเป็นหน้ากลอง ทหารเวียดนามเห็นท่าไม่ดี ที่ยังไม่ตายก็ทัพแตก ถอยร่นกลับเข้าไปในเขตแดนเขมร
จนเข้าเดือน พ.ค.-มิ.ย.2530 ฝ่ายไทยเราก็สามารถเข้ายึดฐานที่มั่น เวียดนามได้บางส่วน และยังใช้สูตรการรบแบบเดิมกดดันฝ่ายเวียดนาม อย่างต่อเนื่อง จนเวียดนามสูญเสียฐานไปหลายแห่ง แถมการส่งกำลังบำรุง จากแนวหลังรวมทั้งฐานในเขมรก็ถูกรบกวนจากพวกเขมรแดงจนไม่เป็นอัน ทำอะไร ประกอบกับทางพี่จีนก็เริ่มเอะอะแล้ว เวียดนามเห็นท่าไม่ดี จึงได้ ถอนกำลังกลับเข้าไปตั้งหลักในเขมร ออกจากแนวเขตแผ่นดินไทยไปในปี พ.ศ.๒๕๓๐ ช่วงปลายๆ ปี โดยหลังจากนั้นทางไทยเราก็ได้เข้าไปยึดแนว เนินต่างๆ เป็นอันสิ้นสุดของสมรภูมิรบที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ไทย
จากคุณ :
Cocobugs
- [
4 มี.ค. 51 05:11:23
]
|
|
|