 |
รถเมล์ใช้ก๊าซอ้างน้ำมันแพง รถเมล์ขอขึ้นราคาอีก? เรื่องจริงที่ควรรู้
ใช้ก๊าซอ้างน้ำมันแพง รถเมล์ขอขึ้นราคา?
น้ำมันแพง ข้าวของขึ้นราคา...เป็นกฎธรรมชาติของกลไกตลาดที่ประชาชนหมดสิทธิปฏิเสธ
ถ้าเป็นการขึ้นราคาแบบสมเหตุสมผล สังคมยอมรับได้
แต่การตั้งท่า จ้องจะขึ้นค่าโดยสารของรถร่วม ขสมก.และรถร่วม บขส.กลับไม่เป็นอย่างนั้น
นับแต่เกิดวิกฤติน้ำมันแพงตั้งแต่ปี 2548 จนถึงวันนี้ ได้มีการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. และ บขส.ไปแล้ว 3 ครั้ง
ค่าโดยสารรถร่วม ขสมก.และรถร่วม บขส. ขึ้นไปแล้ว 4 ครั้ง
ล่าสุดจะขอขึ้นเป็นครั้งที่ 5
กลุ่มตัวแทน รถร่วม ขสมก. จะขอขึ้นค่ารถเมล์ร้อนอีก 1.50 บาท จากปัจจุบันเก็บที่ 8.50 บาท เป็น 10 บาทตลอดสาย รถปรับอากาศจะขอขึ้นอีกระยะละ 2 บาท จากปัจจุบันเก็บที่ 12-24 บาท เป็น 14-26 บาท
ฟากตัวแทนกลุ่มรถร่วม บขส.ไม่ยอมน้อยหน้า ยื่นข้อเสนอขอขึ้นค่าโดยสารอีก กม.ละ 9 สตางค์
ขู่ขึ้นราคาพร้อมสรรพแบบตบหัวแล้วลูบหลัง...กลุ่มผู้ประกอบการเดินรถบอกว่า ช่วงนี้จะขอยอมแบกภาระการขาดทุนช่วยเหลือประชาชนให้ก่อน รอให้ผ่านพ้นเทศกาลเดินทางกลับบ้านเกิดช่วงเดือนเมษายน เดือนพฤษภาคมโน่นแหละ ถึงจะขึ้นค่าโดยสาร
ฟังเหตุผลแล้ว น่าเลื่อมใส น่าเชื่อถือ ที่ผู้ประกอบการรถประจำทางมีน้ำจิตน้ำใจเอื้ออาทรผู้บริโภคซะเหลือเกิน
แต่ก็อย่าคล้อยตามให้มากนัก เพราะนั่นอาจเป็นเพียงแค่ภาพมายาของปิศาจในคราบนักบุญก็เป็นได้...ฉวยโอกาสน้ำมันแพง อ้างขึ้นค่าโดยสาร ขุดทองปล้นคนจน
วันนี้น้ำมันดีเซลแพงจริง ราคาลิตรละเกือบ 31 บาทแล้ว ถามว่า ทุกวันนี้รถร่วมทั้ง ขสมก.และ บขส.เติมน้ำมันดีเซลราคานี้หรือเปล่า
คำตอบคือ...เปล่า!
รถร่วม ขสมก.มากกว่าครึ่งเติมก๊าซเอ็นจีวี ไม่ใช่ดีเซลราคาลิตรละ 31 บาท รถร่วม บขส.ก็มีไม่น้อยที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี แทนน้ำมันดีเซล
นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะกล่าว
พร้อมโชว์หลักฐานสถิติการนำรถเมล์มาติดตั้งระบบใช้ก๊าซเอ็นจีวีของ ปตท.เป็นข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค. 2551 มีรถเมล์ร่วม บขส.ติดตั้งระบบก๊าซเอ็นจีวี ไปแล้ว 444 คัน
รถเมล์ร่วม ขสมก.ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีไปแล้วทั้งหมด 1,939 คัน
รถร่วม ขสมก.ที่วิ่งกันจริงในปัจจุบันนี้มีประมาณ 3,000 คัน ติดตั้งไปแล้วเกือบ 2,000 คัน เกินครึ่งไปแล้ว
ลองไปยืนที่ป้ายรถเมล์จะเห็นรถเมล์ติดตรา NGV เกลื่อน แล้วจะมาอ้างว่าน้ำมันแพงได้อย่างไร ในเมื่อเติมเชื้อเพลิงราคา กก.ละ 8.50 บาท
และถ้ามองเรื่องต้นทุนการวิ่งรถเมล์ร่วม ขสมก.ในปัจจุบันนี้ เฉลี่ยแล้วรถคันหนึ่งจะใช้น้ำมันประมาณวันละ 100 ลิตร ถ้าเติมดีเซลจะเสียค่าใช้จ่ายวันละ 3,100 บาท จ่ายค่าจ้างคนขับกับกระเป๋ารถอีกวันละ 1,000 บาท
เมื่อรวมค่าใช้จ่ายจิปาถะ ค่าซ่อมบำรุง ส่วนค่าใช้จ่ายเรื่องราคารถนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะรถร่วม ขสมก.นั้นเป็นรถเก่าใช้งานมานาน หักค่าเสื่อมราคาคืนทุนไปตั้งนานแล้ว...รวมแล้วรถเมล์คันหนึ่งจะมีต้นทุนไม่เกินวันละ 4,500 บาท
ในขณะที่รายได้ต่ำสุด รถเมล์คันหนึ่งจะขายตั๋วใบละ 8.50 บาท ได้วันละประมาณ 700 ใบ รวมแล้วมีรายได้ประมาณ 6,000 บาท
เดินรถด้วยดีเซลราคาลิตรละ 31 บาท ราคาตั๋วเท่าเดิม...ยังมี กำไรเหลือวันละ 1,500 บาท เดือนละ 45,000 บาท
แต่พอเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวี ราคา กก.ละ 8.50 บาท จ่ายค่าก๊าซวันหนึ่งไม่ถึง 1,000 บาท...มีกำไรเหลือวันละ 3,500 บาท เดือนละ 105,000 บาท
กำไรขนาดนี้ เป็นกำไรจากราคาค่าตั๋วใบละ 8.50 บาทตลอดสาย... แล้วยังจะมีหน้ามาขอขึ้นราคาเพิ่มเป็น 10 บาทตลอดสายได้อย่างไร
จะไม่เป็นการปล้นคนจน ตุนกำไรเผื่ออนาคตมากเกินไปหรือ?
และถ้าจะอ้างว่า ขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ตามราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ตามที่ผู้ประกอบการมักจะอ้างนั้น ตอนนี้เติมก๊าซราคา กก.ละ 8.50 บาท ในเมื่อต้นทุนเชื้อเพลิงราคาถูกลงแล้ว...ทำไมไม่ลดราคาค่าตั๋วโดยสารให้เท่ากับยุคที่ดีเซลอยู่ที่ราคาที่ลิตรละ 8.50 บาทด้วยเล่า
ปี 2542 ราคาค่าโดยสารรถเมล์อยู่ที่เท่าไร...
ก็ควรลดลงไปเท่านั้น ไม่ใช่หรือ
ส่วนที่ผู้ประกอบการจะมาอ้างว่าลดไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังเปลี่ยนมาใช้ก๊าซได้ไม่หมดทุกคัน เปลี่ยนไปแค่บางส่วน รถร่วม บขส.ยังเปลี่ยนไปไม่มาก ส่วนใหญ่ยังใช้ดีเซล
ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ บอกว่า ฟังไม่ขึ้น เพราะตัวเลขรถเมล์ร่วม ขสมก.เปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวี 1,939 คัน รถร่วม บขส. 444 คันนั้น เป็นตัวเลขเบื้องต้น หรือประมาณ 1 ใน 4 เท่านั้นเอง
ยังมีรถเมล์อีกประมาณ 3 ใน 4 ที่กำลังรอเวลาทยอยเปลี่ยนจากใช้ดีเซลเป็นเอ็นจีวี
กระทรวงพลังงานได้อนุมัติเงิน 2,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ 0.5% ต่อปี มาปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการเดินรถนำไปเปลี่ยนเครื่องยนต์จากดีเซลเป็นเอ็นจีวี เริ่มทำมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ปล่อยกู้ให้เปลี่ยนเครื่องไปเรียบร้อยแล้วแค่ 500 ล้านบาท
ที่เหลืออีก 1,500 ล้านบาท มีผู้ประกอบการเข้าชื่อจองขอกู้หมดแล้ว เพียงแต่รอเวลาอนุมัติและรอคิวเปลี่ยนเครื่องเท่านั้น อีกไม่นานปล่อยกู้ครบ 2,000 ล้าน รถเมล์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีก็จะเต็มเกลื่อนเมืองมากกว่านี้อีก 3 เท่าตัว
แต่ นายบุญชัย ให้ข้อสังเกตมาว่า รถที่มาขอกู้เงินเปลี่ยนไปใช้ก๊าซเอ็นจีวีนั้น ล้วนแต่เป็นรถเมล์ร่วมทั้งนั้น...รถเมล์ของรัฐอย่าง ขสมก. บขส. กลับไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องมาใช้เอ็นจีวี อ้างสารพัดเหตุผล
จริงๆแล้วเงิน 2,000 ล้านบาท เดิมทีนั้น รัฐบาลต้องการให้ ขสมก. กู้ไปเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเอ็นจีวี แต่ ขสมก.อ้างว่า ดอกเบี้ย 0.5% ต่อปี แพงเกินไป ขสมก.มีทางหาแหล่งเงินกู้จากที่อื่นได้ถูกกว่านี้ แต่ ทำไปทำมาจนถึงวันนี้ ขสมก.ไม่คิดจะทำอะไรเลย
เหตุผลเบื้องลึกเบื้องหลัง ขสมก.ไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลมาใช้เอ็นจีวี ผู้รู้ที่อยู่ในวงการบอกว่า...ระบบคอรัปชันที่สร้างสมมานานจะเปลี่ยนไป คนใน ขสมก.ปรับตัวไม่ทัน รับไม่ได้ เลยไม่เอา
เพราะถ้าเปลี่ยนเครื่องยนต์จากดีเซลเป็นก๊าซเอ็นจีวี...การซ่อมบำรุงต้องเปลี่ยนไป จากที่เคยได้รับเงิน ได้รับประโยชน์จากบริษัทซ่อมเครื่องยนต์ ดีเซล เลยต้องอด
ต้องมาเสียเวลานั่งลุ้นต่อรองกับบริษัทรับซ่อมบำรุงระบบก๊าซ ที่ไม่ คุ้นเคย...คอรัปชันได้ไม่ไหลลื่น ไม่มันเท่าวัวเคยขาม้าเคยขี่ ที่เคยอุ้มสมแบ่งผลประโยชน์มานาน
อีกอย่างคอรัปชันลักดูดน้ำมัน
ในรายงานต้นทุนการเดินรถเมล์ ขสมก.รถเมล์อะไรไม่รู้ซดน้ำมันแหลก ลาญ 1 ลิตร วิ่งได้แค่ 2 กม. ทั้งที่รถเก่าๆ โทรมๆ ของเอกชนซดกันแค่ 1 ลิตร วิ่งได้ 4-5 กม.
จะไม่ให้ซดน้ำมันเพลินได้ยังไง ในเมื่อมีคนลักดูดเอาไปเกินครึ่ง
ขืนเปลี่ยนเครื่องรถจากดีเซลไปเป็นเอ็นจีวี ขบวนการคอรัปชันลักดูดน้ำมันดีเซลเป็นอันอด หมดสิทธิทำกิน...ก็ลักดูดก๊าซจากถังทำไม่ได้ง่ายๆ เหมือนลักน้ำมัน
นี่แหละตัวปัญหาค่าโดยสารแพง ที่รอวัดใจรัฐบาลที่มีผู้นำอวดตัวว่า รู้ลึกรู้จริงเชี่ยวชาญเรื่องคมนาคม จะรู้ลึก รู้จริง ทำได้จริงเหมือนคุยไว้หรือเปล่า
อย่าอ้างว่า คิดได้แค่นี้...ที่ผ่านมาแค่ดัดจริตพูดไปวันๆเท่านั้นเอง.
ที่มาhttp://www.thairath.com/news.php?section=hotnews02&content=83965
จากคุณ :
คนจนผู้ยิ่งใหญ่
- [
28 มี.ค. 51 21:35:42
]
|
|
|
|
|