ความคิดเห็นที่ 1 ...เข้ามาเ็ก็บความรู้ จากคุณ : กอริล่าแห่งกรุงโรม - [ 2 เม.ย. 51 20:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สงสัยรู้สึกเสียผลประโยชน์ในการทำความดี จะทำความดียังรู้สึกเสียผลประโยชน์อีกเนอะ เอหรือว่ารู้สึกว่าถูกแบ่งแยกหว่า เอแล้วจะโวยกันทำไมหว่า ถ้าคิดง่ายๆเราจะให้ฟรีๆเค้าไม่เอา เราก็ไม่ต้องให้ แค่นั้นจบ เอหรือว่ารู้สึกเสียหน้า วุ้ย งง อิอิ จากคุณ : infernaldevilking - [ 2 เม.ย. 51 20:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ครับ เพื่อประโยชน์ของมนุษย์โดยส่วนรวม เพราะปัจจุบันยังมีคนบางส่วนขาดจิตสำนึกเยอะ ใช้การบริจาคเลือดเพื่อตรวจเลือดแทนการไปเจาะตามโรงพยาบาลโดยไม่คิดว่าการบริจาคเลือดนั้นแท้จริงเพื่อเป็นการทำบุญช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ ส่วนประเด็นกระเทย เกย์นั้นถ้ามีสถิติมายืนยันก็รับฟังได้ ว่าแต่เราจะสามารถแยกแยะได้อย่างไรว่าคนนี้เป็นเกย์หรือไม่ บางคนเป็นแอบผมยังไม่รู้เลยอ่ะคับคุณหมอ น่ากลัวเหมือนกัน จากคุณ : nisas - [ 2 เม.ย. 51 20:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับ หมอเจฯครับ เคยรู้จักเกย์ฝรั่งอยู่คน เค้าเล่าให้ฟังว่า เวลามีอะไร เค้ามักเน้นความสะใจ เนื้อแนบเนื้อ แล้วก็ได้ทั้งรับทั้งรุก ผลัดกัน ตามโอกาส ทำให้โอกาสเนื้อเยื่อถลอก เกิดแผลเปื้อนเลือดมากกว่าชาวบ้านเค้า ปล. เค้าฟังเล่าอย่างเดียวนะ ไม่เคยลอง แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 51 21:02:35 จากคุณ : นัยตาสองชั้น - [ 2 เม.ย. 51 21:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ มันน่าสงสัยนะครับ จำทำความดี ไม่เพียงแค่บริจาคเลือดครับ คนเรายังทำความดีได้อีกหลายทาง หากผมต้องได้รับเลือด ผมก็กลัวๆเหมือนกันว่าจะติดอะไรรึเปล่า แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ ถ้าจำเป็นต้องรับ อย่างน้อยให้คนรับเลือดสบายใจก็น่าจะดีไม่ใช่หรือครับ หากคุณต้องรับเลือด คุณมั่นใจว่าไม่เป็นโรคแน่ แต่ถ้าในเลือดมีโรคอยู่คุณคงจะไม่อยากรับใช่มั้ยครับ จากคุณ : Phantom thief - [ 2 เม.ย. 51 21:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมไม่เอาครับ กลัวเพราะตรวจได้ไม่ 100% พวกรักร่วมเพศ โสเภณี พวกสำส่อน ถ้ามีจิตสำนึกดีก็ไม่ควรไปบริจาค จะมาโวยวายอะไร จากคุณ : ... - [ 2 เม.ย. 51 21:11:05 A:58.8.111.58 X: TicketID:065895 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมถามหน่อยเถอะ ................... แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าใครเป็น ใครไม่เป็น กลับไปดูกระทู้ที่แตกมา ก็มีคนถามงี้หลายคนเหมือนกัน น่าสงสัยครับ พูดก็พูดเถอะ ผมเคยเจอคนรู้จักหลายคนไปเสี่ยงมา (จากการเที่ยวหญิงบริการ) แต่ไม่กล้าไปตรวจว่าติดเชื้อ HIV หรือไม่เพราะอายคนรอบข้าง แต่ใช้วิธีทำเป็นไปบริจาคเลือดแทน เพราะรู้ว่าเขาต้อง screen โรคนี้ เวลาคนถามก็บอกว่ามาบริจาคเลือดแทน ภาพพจน์ดูดีกว่ากันตั้งเยอะ ...... แบบนี้น่ากลัวกว่าไหมครับ แต่จะว่าไป ผมเห็นด้วยน่ะ ที่จะ exclude คนที่มีความเสี่ยงในทุกกรณีออกไป โดยไม่รับการบริจาคเลือดจากกลุ่มเหล่านี้ แต่คำถามก็คือ เราจะรู้ได้อย่างไร ถ้าเขาโกหกแบบสอบถามที่ต้องกรอก เราจะรู้ได้ไหม???? แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 51 21:19:07 จากคุณ : กระเทืองแก่ (Mascagni) - [ 2 เม.ย. 51 21:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องกลุ่มเสี่ยง ถ้าเค้าไม่บอกเรา เรารู้ยากครับ อาจจะได้จากการสังเกตุ บ้าง เช่นอย่างผม ถ้าคนเมา มาบริจาคเลือดนี่ ผมคัดแยกไว้ก่อนเลย เพราะว่า พวกนี้ เราไม่รู้ว่าเค้าควบคุมตัวเองตอนเมาได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นการปลูกจิตสำนึกให้ คนบริจาคเลือด ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้ทราบถึงความเสี่ยง ของการบริจาค นั้น อาจจะเป็นการทำบาป ทำร้ายคนอื่น ก็อาจจะช่วยได้บ้างบางส่วน ที่น่าเศร้า ก็ประเภท คนที่มีความเสี่ยง แต่ดันคิดว่า ไปบริจาคเลือดดีกว่า ไม่ต้องไปเสียค่าตรวจ ถ้าเจอเชื้อเด๋วเค้าก็บอกมาเอง แล้ว เค้าก็คงไม่เอาเลือดไปให้ใคร โดยเค้าไม่ทราบเรื่องความเสี่ยง ตรง Windows Period ที่จะไปทำร้ายคนอื่น ตรงนี้ แหละครับ ที่ต้องบอกต่อๆกัน และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี เพื่อให้คนรับเลือดของพวกเราปลอดภัยให้มากที่สุด จากคุณ : -=Jfk=- - [ 2 เม.ย. 51 21:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ย้ำอีกที ว่าเราไม่ มีทางรู้แน่นอน100% ว่าใครเป็นเกย์ ใครเป็นรักร่วมเพศ ใคร อยู่ในกลุ่มเสี่ยง   แต่การที่เฝ้าสังเกตุ ระวัง   และที่สำคัญการปลุกจิตสำนึก ให้ทุกคนช่วยกัน รับรู้ และ เลี่ยง ถ้าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นสิ่งสำคัญที่สุด นอกเหนือไปจากการเลี่ยงการใช้ เลือดจากคนอื่นเท่าที่จำเป็นจริงๆ  จะช่วยลดอุบัติการณ์ ติดเชื้อจากการให้เลือดครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 2 เม.ย. 51 21:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หมอเจพูดเรื่องนี้พอดีกับผมแก้ไขข้อความเลย พูดตรงๆ ผมห่วงพวกไปเสี่ยงมาแล้วคิดจะตรวจโรค แต่ไม่ยอมตรวจตรงๆ แต่ไปตรวจโดยการบริจาคเลือดนี่แหละ น่าห่วงมากกกก และด้วยเหตุผลที่คุยกันมา ทางออกไม่ใช่การออกกฏ"ห้าม"แน่ๆครับ แต่ต้องทำความเข้าใจ และทำให้คนกลุ่มนี้รู้ และมีสำนึกพอที่จะไม่เอาเลือดของตัวเอง(with or without ของแถม)ไปให้ผู้อื่นมากกว่า แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 51 21:25:29 จากคุณ : กระเทืองแก่ (Mascagni) - [ 2 เม.ย. 51 21:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ได้กีดกันครับ แต่เป็นการลดความเสี่ยงครับ อย่าใจน้อยไปเลยครับ คิดในแง่สถิติ ซึ่งคนไทย มักมองข้าม ไม่คิดถึง คิดแต่เรื่องเฉพาะหน้า เราถึงแพ้เค้าเยอะไงครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 2 เม.ย. 51 21:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 การหวัง "พึ่งจิตสำนึก" ของคนในสังคม ที่มีคนอยู่ร่วมกันเยอะแยะมากมายเนี่ย เป็นการหวังที่มีความเสี่ยงสูงอย่างสุดๆเลยครับ - - กับเรื่องการบริจาคเลือดไปให้ใช้ใน รพ. เนี่ย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องการความเสี่ยงอย่างต่ำที่สุด มันไปกันไม่ได้เห็นๆอยู่แล้ว ดังนั้นจะหวังจิตสำนึกเฉยๆไม่ได้ครับ ยังไง สำหรับสังคมที่มีคนดีคนเลวอาศัยปะปนกัน แล้วเราไปอ่านใจเขาไม่ได้เนี่ย เราไม่รู้ว่าใครมีจิตสำนึก ใครไม่มีจิตสำนึก ระบบกฏเกณฑ์ กฏระเบียบ กฏหมาย ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆครับ จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 2 เม.ย. 51 21:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบในกระทู้เิดิมไปแล้วนะครับ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 51 21:53:05 จากคุณ : V--Bank--V - [ 2 เม.ย. 51 21:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ตามข้างบน ก็มีส่วนครับ มันถึงต้องใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน ไงครับ จริงๆ ก็สามอย่าง อย่างแรก แน่นอนทำอยู่แล้ว คือ ตรวจทุกอย่างเท่าที่จะป้องกันได้ แต่ก่อน ตรวจ Antibody แต่เด๋วนี้ ตรวจ Antigen ด้วย จนเดี๋ยวนี้ต้นทุนค่าเตรียมเลือดคนไข้ ที่จะให้ จากไม่กี่สิบบาท เพิ่มค่าแล็บจนกลายเป็นเกือบพันต่อถุงไปแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องทำ ส่วนอันที่สอง คือ การปลุกจิตสำนึก ให้ความรู้ คนที่มีความเสี่ยง ให้เลี่ยงการบริจาค และสุดท้าย ก็คือมาตรการที่จะต้องออกมา เช่นการงดรับบริจาค จากคนกลุ่มเสี่ยง อย่างที่กำลังเป็นข่าว ร่วมมือกันหลายๆฝ่าย ช่วยแก้ปัญหาได้ บ้างครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 2 เม.ย. 51 21:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คนพวกนั้น บางคนก็เข้าใจอะไรยากเหมือนกันครับ ว่ามันเสี่ยงขนาดไหน ถ้าเกิดแจคพอทลง เกิดได้รับเลือดที่มีเชื้อเอดส์ เค้าจะมารับผิดชอบชีวิตที่เหลืออยู่ของผู้ที่ได้รับเลือดของเขาบ้างไหม จากคุณ : palermos - [ 2 เม.ย. 51 22:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 (-        -'')   แล้วทำไมคนที่รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงถึงเกิดจะใจบุญเอาเลือดตัวเองไปให้คนอื่นเค้า ??? งงชีวิต~   น่าจะรู้ว่ามันเอาก็ไปใช้ไม่ได้  เปลืองเวลา เปลืองแรงงาน เปลืองค่าตรวจด้วย ส่วนตัวไม่ได้รังเกียจกรุ๊ปเกย์ กระเทย กระเทียม หรือ อะไรก็แล้วแต่ มันก็อย่างที่ลุงหมอเจบอก ของอย่างงี้มันขึ้นอยู่กับ "จิตสำนึก" มากกว่า ถ้าจะเทียบสัดส่วน เราว่า พวกผู้ชายชอบเที่ยว เนียนไปบริจาคเลือดเพื่อตรวจเลือดฟรีเยอะกว่าเกย์ใจบุญ และเป็นปัญหามากกว่าเยอะ~ แนะนำว่าถ้าไปเที่ยวมาแล้วไม่ชัวร์ ขอให้ผ่านช่วง window period ซัก 3 เดือนไปก่อน ค่อยไปบริจาค ไม่ใช่ภายในอาทิตย์ - สองอาทิตย์แรก ก็วิ่งไปบริจาคเลือด แล้วก็มานั่งดีใจว่า รอดแล้วตู หึหึ  ต่อให้ตรวจหา antigen ด้วย PCR sensitivity สูงๆ ที่ตรวจได้ก็ตรวจไม่เจอหรอก จากคุณ : Little Bean Sprouts* - [ 2 เม.ย. 51 22:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หากได้รับเลือดจากกลุ่มเสี่ยงแล้ว เกิดติดเชื้อขึ้นมา ตายไปเลยดีกว่า จากคุณ : คนหัวหงอก - [ 2 เม.ย. 51 22:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 "แล้วทำไมคนที่รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงถึงเกิดจะใจบุญเอาเลือดตัวเองไปให้คนอื่นเค้า ???" บางคนรู้ว่าตัวเองไม่เสี่ยง เพราะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใคร ดังนั้นเลือกของคนคนนี้เหมาะที่จะบริจาคมาก แต่ติดนิดเดียวตรงที่ "ห้าม" เกย์บริจาคเลือด จึงสูญเสียเลือกดี ๆ ไป 1 ถุง บางคนรู้ว่าตัวเองเสี่ยง เพราะเพิ่งไปนอนกับโสเภณีแล้วถุงยางแตกมา แต่ด้วยความเป็น "ผู้ชาย" ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้ในการตรวจเลือดของตัวเอง ดังนั้นเราก็จะไม่มีเลือดดี ๆ ของเกย์ แต่จะมีแต่เลือดติดเชื้อของชายแท้เต็มไปหมด ถ้าจะด่าว่าผมพูดเหมารวมผู้ชายทุกคนอย่างนี้ไม่ได้ ก็ควรจะต้องด่าพวกที่เหมารวมเกย์ทุกคนว่าต้องสำส่อนด้วย ถูกต้องหรือไม่ จากคุณ : นายหัวเห็ด - [ 2 เม.ย. 51 23:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ที่กลุ่มรักร่วมเพศมีโอกาสติดเชื้อเอดส์มากกว่าคนทั่วไป เพราะว่าการร่วมเพศทางทวารหนัก มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ซึ่งทางทวารหนักไม่มีน้ำหล่อลื่น ทำให้มีโอกาสเกิดแผล ขึ้นได้ง่ายกว่าทางมดลูกมากครับ จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 2 เม.ย. 51 23:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 "แล้วทำไมคนที่รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงถึงเกิดจะใจบุญเอาเลือดตัวเองไปให้คนอื่นเค้า ???" ส่วนหนึ่ง เพราะเค้าเหล่านั้นไม่มีความรู้(จะว่าไม่ใส่ใจก็ได้ครับ เพราะเคยเรียนผ่านหัวมากันเกือบหมดแล้ว) ไม่รู้ว่า - จะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ถึงจะพอตรวจรู้ - มันไม่ใช่การตรวจหาเชื้อที่ดีเลย ถ้ามันหลุดไปคนรับก็ซวย รู้แต่ว่า ถ้ามีเชื้อ เดี๋ยวเค้าก็แจ้งมาเอง เค้ารู้แค่นั้น แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 51 23:42:39 จากคุณ : MAX - [ 2 เม.ย. 51 23:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 บลูเป็นเลสค่ะ ถืออยุ่ในกลุ่มเสี่ยงของรักร่วมเพศด้วยเปล่า เพราะมีอะไรกับแฟนแค่คนเดียว แฟนก็อยุ่ด้วยกัน ถ้าไม่รับเพราะเหตุผลว่าเสี่ยงต่อโรคเอดส์งั้นบลูกับแฟนก็ยังสามารถทำเนียนไปบริจาคได้ช่ายยป่าวว เพราะบลูกับแฟนไม่ช่ายยพวกมีอะไรกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนรัก หรือยังไงก็ไม่ได้ค่ะ เพราะถือว่าว่ารักร่วมเพศยังไงก็ยังเสี่ยงอยู่ มีใครรังเกียจเลือดสาวเลสป่าวว ปล.ไม่ได้ประชดนะคะ เพียงแต่สงสัยเลยถาม เพราะอ่านผ่านๆมาบางคนบอกถ้ารู้ว่าเป็นเลือดของกลุ่มรักร่วมเพศก็ไม่อยากรับ เราสองคนจาได้เลิกบริจาคอ่ะ อ้อที่ชอบบริจาคเลือด เพราะเป็นการทำบุญที่ไม่ต้องใช้เงินค่ะ และแน่ใจว่ามีประโยชต่อคนอื่นจริงๆ ประมาณว่าประหยัดและรับรู้ถึงประโยชแน่นอนอ่ะค่ะ จากคุณ : บลูดานูป - [ 2 เม.ย. 51 23:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ เต็มใจเต็มกายรับอย่างยิ่งคับป๋ม จากคุณ : nisas - [ 2 เม.ย. 51 23:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ เลสเค้าทำกันยังไงอะ -_-" จากคุณ : Lancaster - [ 2 เม.ย. 51 23:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ อยากรู้ไปทำไมอ่ะครับนั่น จากคุณ : K8 - [ 3 เม.ย. 51 00:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องการห้ามรักร่วมเพศ นี่ มันเหมือนกับการ โปรโมท ให้ทราบว่ากลุ่มนี้ มีความเสี่ยงสูง(ซึ่งก็เป็นข้อเท็จจริง) ไม่ได้ต้องการประนาม  แต่เป็นการบอกให้เพิ่มความระมัดระวังและหลีกเลี่ยง ถ้าตนเองมีพฤติกรรมเสี่ยง แต่ถ้าเราแน่ใจจริงๆ ว่าเราปลอดภัย และ จะไปบริจาค โดยไม่บอกใครไม่ได้แสดงออก ก็คงจะผ่านไปได้ แต่จะให้บอกว่า เปิดกว้างเลย ทั้งที่เรารู้ว่ามีความเสี่ยงคงทำไม่ได้ครับ ถ้าเราทำอย่างนั้น เกิดปัญหาขึ้น ก็กลายเป็นว่า เรารู้อยู่แล้ว ว่ามีความเสี่ยง แต่ทำไม เรายังปล่อยปละล่ะเลย ไม่ทำอะไร เห็นใจ คนทำงานบ้างครับ ขนาดป้องกันกันขนาดนี้ พอมีหลุดลอดคนติดเชื้อ จากเลือด ขึ้นมาที ก็เป็นเรื่องฟ้องร้อง กันอยู่แล้ว ทั้งที่มันหลีกเลี่ยงได้ยาก  อย่างที่บอกมาน่ะคับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 3 เม.ย. 51 00:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตามสถิติ ที่ได้ยินมา ในกลุ่ม เกย์ หรือ ตุ้ด ที่ไปบริจาคเลือด จะติดเชื่อ hiv ถึง หนึ่ง ใน สี่ ซึ่งสูงมากๆเลย สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อในกระเทศไทยมาก อยากให้หมอเจ เอาข้อมูลพวกสถิติมาให้ดูหน่อย ส่วนตัว บริจาคมา 15 ครั้งแล้ว ว่าจะเปลี่ยนเป็นบริจาคเกล็ดเลือดแทน เพราะว่าสามารถบริจาคได้ทุกๆหนึ่งเดือน ช่วยคนได้มากกว่าเดิม 555 จากคุณ : SkillFull - [ 3 เม.ย. 51 00:34:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ดังนั้น หากมีการรณรงค์เชิญชวนให้บริจาคเลือดกัน แล้วใครก็ตามที่ไม่ไปบริจาคเลือด เพราะรู้ตัวเองดีว่ามีพฤติกรรมเสี่ยง ก็ไม่ควรจะตำหนิเขา ว่าแล้งน้ำใจ ถูกไหม เพราะหนทางในการทำความดี มีได้หลายทาง จากคุณ : นายเดชา - [ 3 เม.ย. 51 00:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาเติมให้ว่า การที่สภากาชาดจะออกกติกาแบบนี้ ถือเป็นการออก policy แบบนึง ในวิชาการทางการออก policy นั้น มันจะมีทางเลือก 2 ทาง ที่สวนทางกัน คือ 1. เน้น ประสิทธิภาพ (efficiency) ในที่นี้คือการลดความเสี่ยง หรือ 2. เน้น ความเท่าเทียม (distributive justice) คือให้ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน โดนไม่คำนึงถึงคุณสมบัติส่วนบุคคล policy ที่ดี คือการเลือกทางใดทางหนึ่งให้ชัดเจน ไม่ใช่จะเอาทั้งสองอย่าง เพราะถ้าจะเอาทั้งสองอย่าง มันจะไม่ได้อะไรเลย ในกรณีนี้ สภากาชาด เลือกทางแรกอย่างชัดเจน โดยมีเหตุผลประกอบที่หนักแน่น ซึ่งถ้าใตรเป็นพวกนิยม efficiency (แบบผม) หรือมีใจเป็นกลาง ก็คงเห็นด้วยหรืออย่างน้อยก็รับได้ แต่ถ้าใครเป็นพวกเน้นความเท่าเทียม หรือมี agenda พิเศษออกไป ก็ไม่แปลกที่คุณจะไม่เห้นด้วยและต่อต้าน ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แค่เป็นเรื่องความเชื่อพื้นฐานหรือความต้องการที่ไม่ตรงกันเท่านั้นเอง.. แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 51 02:35:56 จากคุณ : Lawเก้อ - [ 3 เม.ย. 51 02:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รับทราบครับ คุณหมอ จากคุณ : 76 (KuMp) - [ 3 เม.ย. 51 02:41:04 ]

ความคิดเห็นที่ 30 #21ไม่ต้องกังวลหรอกครับ คำว่าผู้รักร่วมเพศ ทั่วไปมักหมายถึงกลุ่ม ช ช ซึ่งคิดว่าเป็นส่วนใหญ่ และโดเด่นมากกว่า ญ รัก ญ กิจกรรมไม่น่าเสี่ยงนะครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 3 เม.ย. 51 05:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอ้า เอางี้ละกัน สมมุติว่าผมเป็นรักร่วมเพศ แต่ตลอด 4 ปีหลัง ครองคู่กันสองต่อสอง ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายหรือหญิงอื่นใดอีก อ้อ ไม่ติดยาเสพติด ไม่เที่ยวกลางคืนด้วย -แบบนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่รึเปล่าครับ?? -แล้วถ้าเวลาไปบริจาคเลือด ถ้าผมให้ข้อมูลไปตามความจริง กาชาดยังจะรับเลือดผมอยู่รึเปล่าครับ?? ปอลอ ลืมไป ไม่เห็นต้องสมมุติก็ได้นี่หว่า จากคุณ : ไม่อยากเป็นแล้ว (ลูกจ้างดีเด่น) - [ 3 เม.ย. 51 07:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าทำให้ทุกคนเข้าใจขอบเขตของกลุ่มเสี่ยงก่อนดีกว่ามั้งครับ บางคนตอนนี้ - รักร่วมเพศแต่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงคือมีคู่นอนคนเดียว - ไม่ใช่รักร่วมเพศ แต่มีคู่นอนหลายคน ต้องทำให้สองกลุ่มนี้เข้าใจก่อนว่าตัวเองใช่กลุ่มเสี่ยงไหม แล้วกลุ่มเสี่ยงนี่ต้องมีขอบเขตแบบไหน สำหรับผมคิดว่าควรระบุให้ชัดไปเลยว่า ใครที่มีคู่นอนมากกว่าหนึ่ง ไม่ควรบริจาคเลือดครับ ผมบริจาคมา 12 ครั้งแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 51 08:11:31 จากคุณ : Jump.Jr - [ 3 เม.ย. 51 08:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่าไม่เฉพาะโรคเอดส์นะครับ  โรคบางโรคก็สามารถติดต่อจากการถ่ายเลือดได้  ผมว่าทำถูกแล้วครับที่เป็นการห้าม หรือให้ความรู้กับพวกรักร่วมเพศ  อย่างน้อยก็ลดการติดเชื้อไปได้อีกทาง ลดจำนวนการเพิ่มของคนไข้กลุ่มเสี่ยงไปได้จำนวนหนึ่ง   เช่นอย่างตั๊ก มยุรา ที่เป้นมะเร็ง  นี้ก็อีกตัวอย่างของการถ่ายเลือด หรือรับเลือดบริจาคครับ  เราไม่รู้ว่าเขาเป็น  จะตรวจถึงขั้นDNA ก็แพง กระทรวงสาธารณสุข  น่าจะให้จับคนไทยตรวจทุก2-5 ปี ว่าไม่ครับ แล้วตรวจแบบละเอียดเลย  ลงทุนเพื่อสุขภาพของคนไทย ผมสนับสนุน เหมือนที่ทำตอนตรวจความดัน จากคุณ : จ๋ามม๋าย - [ 3 เม.ย. 51 08:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แล้วการบริจาคอวัยวะละครับ ห้ามด้วยรึเปล่า จากคุณ : yatiko - [ 3 เม.ย. 51 08:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เลสไม่น่าเป็นไรเพราะไม่มีอวัยวะใดยื่นเข้าไปรับเชื้อจากคนอื่น จากคุณ : go2.tw/GLYCERIN - [ 3 เม.ย. 51 09:00:45 A:58.8.99.81 X: TicketID:065895 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ใครโวยวาย ก็ให้เอาเลือดรักร่วมเพศฉีดเข้าไป ฉีดแล้วอธิบายให้ฟังถึง windows period ด้วยว่า อาจจะตรวจหาเชื้อไม่พบนะจ๊ะ รอดูอาการตัวคุณเอาเอง แ่ค่นี้ก็เลิกโวยเรียกร้องความเสมอภาคแล้วหละ คิกๆๆๆๆ จากคุณ : rien - [ 3 เม.ย. 51 10:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อย่าไปทะเลาะกับพวกโรคจิต คนพวกนี้ถ้าคิดดีจริง ไม่ออกมาโวยวายหรอก คนดีเขาไม่สร้างปัญหา ไม่ต้องมาอ้างเรื่องความเท่าเทียม เพราะชีวิตคนอื่น สำคัญกว่าสิทธิ์ของคุณ จากคุณ : i-bahh (i-bahh) - [ 3 เม.ย. 51 10:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เป็นไรมั้ยถ้าผมอ่าน นสพ เรื่องนี้แล้วนั่งหัวเราะ เห็นใจคนรับเลือด และ process เลือดเถอะครับบบบบ จากคุณ : Kawpod - [ 3 เม.ย. 51 10:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ไปตอบมาในห้องสยาม ขอเอามาลงที่นี่ด้วยละกัน "เราต้องยอมรับว่า 1. มีความเสี่ยงที่เลือดที่ได้รับการบริจาคจะมีเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้รับเลือด และอันตรายที่เกิดขึ้นเป็นอันตรายที่มีความรุนแรง 2. การตรวจเช็คเลืิอดในปัจจุบัน ไม่สามารถกระทำให้ถูกต้อง 100% ได้ ไม่ว่าโดยวิธีใดๆ และมีค่าใช้จ่ายที่สภากาชาดต้องแบกรับ 3. หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของสภากาชาด คือการทำให้ประชาชนมั่นใจว่า เลือดพวกนี้จะมีความปลอดภัยสูงที่สุด และลดความเสี่ยงที่มีให้มากที่สุด 4. มีหลักวิชาและสถิติที่ชัดเจนว่า เลือดจากกลุ่มคนลักษณะหนึ่ง มีความเสี่ยงที่จะมีเชื้อโรคสูงกว่าคนทั่วไปโดยมีนัยสำคัญ เหตุผลทุกข้อเหล่านี้เข้ามารองรับวิจารณญาณของสภากาชาดที่จะลดความเสี่ยงให้กับผู้รับเลือด โดยมาตรการใดๆ ก็ตาม ที่สภากาชาดเห็นว่าสามารถกระทำได้ และไม่ทำให้เลือดขาดแคลน ผมกลับเห็นไปด้วยซ้ำว่า สภากาชาดจะบกพร่องต่อหน้าที่ด้วยซ้ำ ถ้ารู้ว่ามีความเสี่ยงที่สามารถบริหารได้ แล้วไม่ดำเนินการ ทั้งๆ ที่สามารถกระทำได้ อยากจะเน้นว่า เหตุผลหลักของสภากาชาด อยู่ที่ว่าเลือดจากคนกลุ่มที่ระบุนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าเลือดจากคนกลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญตามสถิติ ไม่ใช่อยู่ที่ว่าคนกลุ่มนี้เป็นใครหรือเป็นที่น่ารังเกียจแต่อย่างใด และถ้าต่อไปมีผลการวิจัยออกมาว่าความเสี่ยงในคนกลุ่มนี้ลดลง สภากาชาดก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยกเลิกมาตรการที่ออกมา และที่สำคัญ ถ้าได้อ่านเนื้อข่าวให้ดี จะเห็นว่า มาตรการที่ออกมา ไม่ใช่มาตรการเด็ดขาด เป็นเพียงการขอความร่วมมือ ในเชิง merit based เท่านั้น คือ ถ้าผู้บริจาครู้ตัวว่ามีความเสี่ยง ก็ควรช่วยเหลือสภากาชาดโดยงดการบริจาค และหากมาแล้วก็ควรกรอกข้อมูลตามจริง เพื่อประโยชน์ในการทำ pre-screening แค่นั้นเอง สภากาชาดไม่ได้ใช้มาตรการเชิง active มานั่งชี้ว่าใครมีรสนิยมทางเพศยังไง แล้วปฏิเสธ อย่างที่หลายคนโวยวายสักหน่อย.. เพราะสุดท้ายแล้วสภากาชาดก็ต้องตรวจเลือดทุกคนที่มาบริจาคโดยเท่าเทียมกันอยู่ดี.." จากคุณ : Lawเก้อ - [ 3 เม.ย. 51 10:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เออ แฮะ น่าสนใจ แยกเลือดไว้ใช้กับพวกเดียวกัน เอ้า ใครเป็นเกย์ คิดว่าไงครับ วิธีนี้ ??? สมมุติว่าผมเป็นเกย์ รักร่วมเพศ .....  ผมก็หวาดเสียวเหมือนกันนะเฟ้ย จากคุณ : NaCl - [ 3 เม.ย. 51 10:59:26 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นด้วยกับ #32 ครับ แทนที่จะแยกว่ารักร่วมเพศ/รักต่างเพศ แต่แยกเป็นกลุ่ม "ไม่เคยมี พสพ เลย"/"monogamy"/"polygamy" เพราะปัญหามันเกิดจาก"พฤติกรรมการมเปลี่ยนคู่นอน" ไม่ใช่"รสนิยมทางเพศ" (แต่ monogamy ต้องมีคู่นอนที่เป็น monogamy ด้วยนะครับ ไม่งั้นก้อเสี่ยงเหมือนกัน) ถ้ามีกะเทยคนหนึ่ง ไม่เคยมี พสพ กับใครเลย กับผู้ชายทั้งแท่ง แต่เที่ยวอาบอบนวดเป็นว่าเล่น เราจะเลือกรับเลือดจากใครครับ ................ ถ้าเป็นผม กรณีนี้ขอรับเลือดจากกระเทยดีกว่า แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 51 11:27:16 จากคุณ : กระเทืองแก่ (Mascagni) - [ 3 เม.ย. 51 11:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เข้าท่าครับ  ไม่ออกทะเลแระ  เอาแยกพวกเลย ใครมาบริจาครับไว้หมดเลย  แต่ตอนเอาไปใช้ก็ใช้เฉพาะกลุ่ม  แค่นี้ก็ไม่โวยวายละ  แล้วที่นี่ใครโวยวายก็ จัดเลือดที่ได้มาจากกลุ่มเสี่ยงใส่ให้เลือด  เดียวร้องจ๊ากเอง  อิอิ  ความคิดใครว่า ชังไม่มีความปราถนาดีเลย อิอิ ชอบๆๆๆ จากคุณ : จ๋ามม๋าย - [ 3 เม.ย. 51 11:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตามมาจากกระทู้โน้น ไอเดียดีนะคะที่ว่าแยกประเภทว่าไม่มีพสพ มีกับคู่คนเดียว มีหลายคน แต่ก็กลับไปปัญหาเดิมก็คือ จะรู้ได้ยังไงว่าคนที่กรอกข้อมูลมาจะตอบตาม จริง?? จากคุณ : แมวน้อยสีน้ำตาล - [ 3 เม.ย. 51 11:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบสั้นๆว่า อยู่ที่จิตสำนึก ถ้ารู้ว่าตัวเองอยู่กลุ่มเสี่ยงก็ไม่ควรจะไปบริจาค อย่ามาหาสิทธิความเท่าเทียมกันในประเด็นนี้เลย ซึ่งกลุ่มเสี่ยงเนี่ยมันมีหลายกลุ่มเลยไม่ใช่เฉพาะกลุ่มรักร่วมเพศ และมีคนจำนวนมากเลยที่ไปบริจาคเพื่อตรวจหาเอดส์ ดีไม่ใช่เพื่อนตัวเอง ถ้าเป็นเพื่อนคงด่าไฟแลบไปแล้ว ความดีทำได้หลายทาง อย่างที่หลายๆคนบอกจ้า ^ ^ จากคุณ : kannasan - [ 3 เม.ย. 51 11:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เอาแค่ประชาสมัพัน ไห้ พวกเสี่ยงมีสำนึก ไม่มาบริจาคเลือดคงพอครับ   เกย์มะช่ายกลุ่มเสี่ยงสุงสุดนี่นา จากคุณ : i-sho - [ 3 เม.ย. 51 11:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จิต สำ นึก และ วิ จารณ ญาณ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 3 เม.ย. 51 11:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เออ คิดอีกก็ถูกอีก แยกเลือดตามพฤติกรรมเสี่ยง ไม่ใช่แยกตามรสนิยมทางเพศ ติดนิดเดียว จะมีใครยอมรับบ้างว่าตัวเอง ส ำ ส่ อ น ??? จากคุณ : ไม่อยากเป็นแล้ว (ลูกจ้างดีเด่น) - [ 3 เม.ย. 51 12:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 49 การที่เราจะบอกว่า เกย์ ที่เรียบร้อย นั้นโอกาสเสี่ยงน้อยกว่า คนปกติ ที่สำส่อน นี่ใช่เลยครับ และแน่นอน การเลือกรับเลือดจากเกย์ ที่เรียบร้อย ย่อมดีกว่า คนปกติที่สำส่อน แต่ปัญหา ก็คือ การออกมาตรการ มาใช้ มันเป็นมาตรการกว้าง เราเจาะลึกเข้าไป เป็นรายบุคคลยาก ดังนั้น  จึงต้องตีวงกว้างกว่าปกตินิดนึง ยกตัวอย่าง  ตอนมีเหตุ มีการก่อการร้าย ก่อวินาศกรรมขึ้นมา แล้ว เราก็รู้ว่า คนในกลุ่มประเทศ ตะวันออกกลางบางประเทศ มีโอกาส จะเป็นคนก่อเหตุสูง กว่า คนประเทศอื่น แต่ว่า คนที่มาจากประเทศที่โดนเพ่งเล็งนั้น จะบอกว่าอย่ามาตรวจชั้น อย่ามาตัดสิทธิ์ชั้น เพราะว่า คนดีๆ จากประเทศนั้น มัน อันตรายน้อยกว่า คนเลวๆ ของประเทศ อื่นซะอีก อย่างนั้นเป็นต้น แต่คนที่เค้าดูมาจากข้างนอก เค้าไม่รู้ไงครับ ว่าใครดี ใครเลว มาตรการที่ออกมา ถึงออกรวม ตามสถิติ ที่ มีความน่าจะเป็นมากที่สุด   อย่างมีเหตุผล และมีตัวเลขทางวิชาการ รองรับ มันไม่มีอะไร ร้อยเปอร์เซนต์ แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด ถ้าอยากให้ทำอย่างอื่น นอกเหนือจากนี้ ลองเสนอสิครับ ถ้าคุณเป็นคนรับเลือด คุณไม่รู้จักว่าใครดีใครเลว ใครมีนิสัยอย่างไร ในเมื่อคุณทราบว่า มีตัวเลขชัดเจน ว่า กลุ่มรักร่วมเพศ มีอุบัติการ ติดเชื้อพวกนั้นสูงมาก กว่า กลุ่มทั่ไปอย่างมีนัยยะสำคัญ แล้วคุณจะเลือกรับเลือด จากใคร แน่นอน เราอยากได้เลือดที่ดีสุด จากคนที่มีความเสี่ยงน้อยสุด แต่เราไม่มีโอกาสจะรู้ แล้ว จะทำอย่างไร จากคุณ : -=Jfk=- - [ 3 เม.ย. 51 12:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอให้คิดเหมือน กับ ดื่ม แล้ว ไม่ขับ สิครับ ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิคนดื่ม ..  แต่ขอให้คนดื่มคิดว่า อาจจะทำให้คนอื่นเดือนร้อน (มาก) ขอให้งดเว้นการขับขี่เมื่อดื่ม (ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน) เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น  ไงครับ . จากคุณ : ทุ่มเท - [ 3 เม.ย. 51 13:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ก็คิดอย่างนั้นแหละครับ ดื่มแล้วขับอันตราย ดังนั้นก็รณรงค์ ว่าดื่ม แล้ว อย่าขับ แต่ ก็ยังมีคน แอบมาขับ ดังนั้น เมื่อเจอ ก็ต้องจับ เหมือน อย่างที่เราพยายามบอก ว่า ถ้าคิดว่าตัวเองเสี่ยง ก็อย่ามาบริจาค แต่ก็ยังหลุดมาบริจาค กัน ในเมื่อเรามองจากภายนอกไม่ออก ว่าใครในกลุ่มเสี่ยงนั้น นิสัยจริงๆเป็นอย่างไร ดังนั้นการป้องกัน โดยการเลี่ยงไปก่อน ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่ทำได้ ส่วนที่ว่า คนปกติ ที่ มีพฤติกรรมเสี่ยง นั่น แน่นอนครับ มันเสี่ยงมากกว่า คนทั่วไป แต่ตัวเลขรวม มันน้อยกว่า ถ้ากลัวคนพวกนี้ แล้ว จะไม่รับคนปกติทั่วไปทั้งหมดเลยด้วย มันก็ไม่มีเลือดใช้เลย ไงครับ ดังนั้น จึงยังต้องรับเลือดคนปกติ แต่ว่า คอยสังเกตุหาพวกที่มีพฤติกรรมเสี่ยง  คัดกรอง ออกไปให้มากที่สุด ร่วมไปกับ การให้ความรู้ และ ให้คำแนะนำ ว่า ถ้ารู้ตัวว่าเสี่ยง เลี่ยง อย่างมาบริจาคไงครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 3 เม.ย. 51 13:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ที่น่าเศร้า ก็ประเภท คนที่มีความเสี่ยง แต่ดันคิดว่า ไปบริจาคเลือดดีกว่า ไม่ต้องไปเสียค่าตรวจ ถ้าเจอเชื้อเด๋วเค้าก็บอกมาเอง แล้ว เค้าก็คงไม่เอาเลือดไปให้ใคร โดยเค้าไม่ทราบเรื่องความเสี่ยง ตรง Windows Period ที่จะไปทำร้ายคนอื่น ตรงนี้ แหละครับ ที่ต้องบอกต่อๆกัน และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี เพื่อให้คนรับเลือดของพวกเราปลอดภัยให้มากที่สุด จากคุณ : -=Jfk=-   - [ 2 เม.ย. 51 21:14:23 ] ผมว่ามันเป้นเรื่องของคนที่เห็นแก่ตัว มากกว่าครับ กลัวตัวเองเสียหน้าเสียเงิน แต่ถ้าเกิดตรวจไม่เจอ แต่ให้เลือดไปแล้ว เค้าติดโรคจากคนบริจาค แบบนี้ มันไม่สมควรจะทำอย่างยิ่งอ่ะ เรื่องสร้างจิตสำนึก คงต้องทำควบคู่ไป ถึงแม้นจะยากก้อเถอะ --.-- จากคุณ : vn, man - [ 3 เม.ย. 51 13:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เราว่าระหว่างพยายามสร้างจิตสำนึกกับพวกรักร่วมเพศหรือพวกที่มั่วเซ็กซ์ให้มีจิตสำนึกเรื่องรับผิดชอบต่อความเสี่ยงในการแพร่เชื่อร้ายกับผู้อื่น กับการห้ามไม่ให้พวกรักร่วมเพศบริจาคเลือด เราว่าอย่างหลังตามหลักปฏิบัติมันง่ายกว่าเยอะเลยนะคะ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 3 เม.ย. 51 14:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 54 - ง่า..... แล้วพวก "รัก(ที่จะ)ร่วมเพศ" นี่ เข้าไข่ เอ๊ย! เข้าข่าย ไหมครับ.... (- -") จากคุณ : - License To Kill - - [ 3 เม.ย. 51 14:37:17 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ^ ^ พวกนี้แหละตัวเสี่ยงเลย อิๆ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 3 เม.ย. 51 15:07:55 ]

ความคิดเห็นที่ 56 พิมพ์ไปได้เยอะ แต่ได้ข้อสรุปของตัวเองว่า คงต้องสร้างจิตสำนึกกันหล่ะครับ ตอนแรกก่ะจะเสนอว่า ก่อนการรับบริจาคให้ระบุว่า ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อน 3 เดือนนับจากวันที่บริจาค แล้วออกเป็นกฎหมาย หรือ เป็นข้อกำหนด ระเบียบมาว่า 1.มีการเก็บรายละอียดของผู้บริจากไว้กับถุงเลือดนั้นๆ ว่าเป็นของใคร 2. ถ้าตรวจเจอว่าเลือดที่บริจาคมีเชื่อ HIV คิดค่าเสียหายจากผู้บริจาคตามระเบียบที่ตั้งไว้ 3.ถ้าผู้รับบริจาคติดเชื่อใดๆก็ตามจากเลือดของผู้บริจาค ผู้ให้รับไปเต็มๆ แต่... มานั่งนึกอีกที คนรับถ้ามาติดอะเชื้ออะไรเข้าไปคงไม่มีใจที่จะมาเรียกร้องแบบนี้แล้วครับ มันคงมีแต่เสียกับเสียทั้ง 2 ฝ่าย T-T ด้วยความเคารพ จากคุณ : ก้านหรรษา - [ 3 เม.ย. 51 16:07:14 A:124.120.13.249 X: TicketID:167038 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ก็คือ กีดกัน นั่นแหละ ถูกแล้ว จะหาว่าดูถูก ก็ใช่ ถูกอะไร ก็คือ ถูก ตามสถิติ ที่ว่า เป็นกลุ่ม ที่เสี่ยง เสี่ยงอะไร เสี่ยงถึงตายเลยนะนี่ ไม่งั้น ไม่ต้องมากีด ไม่ต้องมากัน กันขนาดนี้ ประเดนนึง คือ บางคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ คิดว่าตัวเอง ไม่เสี่ยง บ้างก็อยากมาแสดงออกว่า มั่นใจว่าปลอดภัย ในกลุ่มใดๆ ก็คงมี ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ ก็ต้องยอมรับสถิติ ว่าเสี่ยง ก็คือ เสี่ยง จริงๆ ก็ไม่ต้องกีดกัน ก็ได้ แค่ติดป้ายแบ่งกลุ่มไว้เฉยๆ ใครเห็นว่าไม่เสี่ยง อยากจะรับก็รับไป ใครจะเห็นว่าเสี่ยง ไม่อยากจะรับก็ไม่ต้องรับ ไปเลือกรับจากอีกกลุ่มแทน ส่วนใครที่จะมักง่าย ไปทำบาปแบบไม่ตั้งใจ ก็ต้องรู้จักจริงจัง ทำบุญอย่างตั้งใจซะบ้าง ไม่งั้น ความมักง่าย อย่างเคยชิน มันก็จะนำผลบาป กลับคืนสู่ตัวท่านเช่นกัน จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day - [ 3 เม.ย. 51 17:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ถ้าทุกคนมีจิตสำนึก สามารถคิดเองได้ แล้วเราจะมีกฎหมายไว้ทำไม จากคุณ : ZoRtA - [ 3 เม.ย. 51 17:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เขาสแกนอยู่แล้ว แต่คนดับตอบแบบสอบถามอย่างโกหก ตอบว่า มีพฤติกรรมเสี่ยงไหม ก็บอกว่า ไม่มี ทั้งที่บางคนอาศัยการบริจาคเลือดเป็นการหาเชื้อ ซึ่งช่วงที่ยังตรวจไม่พบนี่ล่ะ น่ากลัวที่สุด คนเรามันไม่มีจิตสำนึกถึงขนาดไปมั่วกัน แล้วจะมีจิตสำนึกที่จะคิดถึงคนอื่นที่เขาจะมารับเลือดตัวเองไปหรอ จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 3 เม.ย. 51 19:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 60 หลายคนขาดจิตสำนึกที่จะรับผิดชอบต่อสังคม บางคนคืนก่อนวันบริจาคเลือดไปเที่ยว แล้วมากรอกข้อมูลว่าไม่เคยมีอะไร บางคนอยากตรวจเลือดฟรี ไม่กล้าไปที่คลีนิกนิรนาม หรือคลีนิกทั่วไป บางคนเพิ่งสำนึกได้แล้วโทรมาบอก ว่าทำอะไรลงไปบ้างเราก็ต้องตามหาเลือดนั่นกันให้วุ่นละครับ จากคุณ : ลานกา - [ 3 เม.ย. 51 21:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 3 เม.ย. 51 21:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 62 การบริจาคเลือด เป็นเรื่องที่ต้องซื่อสัตย์จริงๆครับ เพราะผลเสียจะไปตกกับคนอื่นๆ นี่ผมได้เวลาแล้ว ครบ 3 เดือนแล้ว แต่พอดีปวดฟัน ทานยาทุกวัน เลยเว้นไปก่อน จากคุณ : ปุ้ม ครับ - [ 3 เม.ย. 51 21:57:02 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ถ้าอนาคตมีโรงพยาบาลรักร่วมเพศ ก็ให้พวกรักร่วมเพศบริจาคคงจะดีนะครับ - - แต่ผมว่า แม้เกย์ด้วยกัน ยังไม่กล้าใช้เลือดเกย์ที่เคยถัวด่ำเป็นประจำเลยครับ - ปากบอกว่ากีดกัน แต่ตัวเองกล้าใช้เลือดพวกเกย์ด้วยกันมั้ยล่ะครับ จากคุณ : อาจารย์แมว - [ 4 เม.ย. 51 00:35:36 A:125.24.137.148 X: TicketID:137077 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ให้ผู้บริโภคเป็นคนเลือกดีที่สุด แล้วปัญหาทุกอย่างจะจบ แนวคิดไหนไม่ดีก็ตกไป ถ้าดีก็ยืนยงต่อไป ส่วนผมเลือดเปื้อนขี้ ผมไม่เอาครับ จากคุณ : O-DED (O-DED) - [ 4 เม.ย. 51 10:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ทำแบบนี้ดีกว่า ครับ  คือ ถ้าใครบริจาคเลือด แล้วมีเชื้อเอดส์ ให้ติดประกาศรายชื่อที่สภากาชาติ หรือไม่ก็ ลงประกาศหนังสือพิมพ์ไปเลย โดยไม่ต้องส่งผลไปให้ที่บ้าน  เหอๆๆๆๆ รับรอง คราวนี้ เลือดสะอาดชัวร์ๆ  ๕๕๕๕ จากคุณ : NaCl - [ 4 เม.ย. 51 11:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ในแบบสอบถามก็ไม่ได้ห้ามผู้ที่มีความเสี่ยง ที่เป็นพวกรักร่วมเพศเพียงอย่างเดียว ทั้งติดยา ทั้งสำส่อน เค้าก็ห้าม เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นด้วยที่กลุ่มนี้ออกมาแถนะครับ จะบอกว่าให้มีจิตสำนึกผมว่าเป็นไปไม่ได้หรอกบ้านเราดูตัวอย่างแค่บนถนนก็พอขนาดมีกฎหมายนะนั้น นึกภาพผู้ที่รับเลือดแล้วติดเชื้อ hiv จากการรับเลือดซิครับ สงสารเค้ามั๊ย จากคุณ : David7 - [ 4 เม.ย. 51 12:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่หรอกมั้งง คงลดความเสี่ยงน่ะ เพราะในใบเขาก็ถามเรื่องการมีเซ็กซ์ ก่อนบริจาคเลือด จากคุณ : เผื่อพลาด - [ 4 เม.ย. 51 12:59:39 A:125.26.53.90 X: TicketID:130166 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เหตุที่ต้อง คิดทิ้งพวกผิดเพศ เพราะเลือดเสียเยอะ อย่างมีนัยทางสถิติ เป็นมาตรการธรรมดาๆ ทำกันทั้งโลก แล้วทีนี้ คนที่ไม่รู้เรื่องทางสาสุข ก็นึกว่าพวกตนโดนกีดกันจากสังคม ก็โวยๆ *- ไร้สาระ สิ้นดี -* หากพวกผิดเพศ พูดตรงๆคือ เกย์ ไม่มั่ว จนมีอัตราติดเชื้อทางสถิติสูง ก็จบ ง่ายๆคือทำตัวเอง ทางสาสุข เค้าไม่สนใจหรอกว่า จะเป็นกลุ่มเกย์ ไม่เกย์ ขอเพียงอัตราเลือดเสียสูงเค้าจะคัดกลุ่มนั้นทิ้ง เพื่อชีวิตคน+ต้นทุน ทำความเข้าใจด้วย (เสียงหนัก) จากคุณ : tanakeme - [ 4 เม.ย. 51 22:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 69 #64  เลือดเปื้อนขี้ กร๊ากกกกกกก จากคุณ : หนุ่มบ้านไกล - [ วันเถลิงศก (15) 23:18:51 ]