ความคิดเห็นที่ 1 รู้แค่ว่า ผลไม้หรือผักที่เด็ดออกมาจากต้นนานๆ วิตามินซีก็จะหายไป จากคุณ : คุณซัมซุง - [ 4 เม.ย. 51 09:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไปซื้อวิตามินซีที่เป็นเม็ดมากินก็ได้หนิครับ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 51 10:11:22 จากคุณ : linky - [ 4 เม.ย. 51 10:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ได้ยินมาว่าวิตามินซีไม่จำเป็นต้องเปรี้ยวนะครับ อยากได้วิตามินซีเยอะกินฝรั่งสิครับ ไม่งั้นก็มะขามเทศ จากคุณ : GPPd - [ 4 เม.ย. 51 10:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถูกต้องแล้ว วิตามินซีไม่จำเป็นต้องเปรี้ยว อย่างเช่นในหัวไชเท้าก็มีวิตามินซีไม่น้อยนะ แล้วเราๆ ก็รู้ว่ามันก็ไม่เปรี้ยวซะด้วย แต่สำหรับส้มหวานนั้นอีกเรื่องนึง อย่างที่คห.ข้างบนว่ามาน่ะ ส้มถ้าเก็บไว้นานๆ หรือที่เราเรียกว่า "ปล่อยให้ลืมต้น" น่ะ วิตามินซีจะหายไปแทบไม่เหลือ (ส้มหวานๆ วิตามินซีจะน้อยกว่าส้มเปรี้ยว อันนี้น่าจะจริง) ถ้าคุณจขกท.จะกินส้มเพื่อหวังได้วิตามินซีสู้หวัดละก็ ต้องกินส้มเป็นเข่งๆ น่ะถึงจะพอ เลยแนะนำว่าให้กินวิตามินซี Bio C ของ Blackmores (เม็ดละ 1000 mg) รับรองหวัดหายหมด หายเร็ว และถ้ากินประจำจะป้องกันหวัดได้ด้วย จากคุณ : rien - [ 4 เม.ย. 51 10:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 วิตามิน ซี (ascorbic acid) เปรี้ยวครับ ไอ้ที่หวานๆ เค้าคงเคลือบน้ำตาลไว้อ่ะครับ ไม่น่าจะมีปัญหาอาะไร วิตามินซีทานเยอะ ๆ ไม่เป็นไร สุขภาพดี ผิวสวย ที่มันไม่อันตรายเพราะมันละลายน้ำ ไม่สะสมตามชั้นเนื้อเยื่อต่างๆ เหมือน A E อันตราย หมาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ได้วิจัยออกมาเเล้วนะครับงว่าคนกิน Vit A , E มากๆ ตายเร็วกว่าคนปกติ หลายเท่าครับ เก็บตัวอย่างมานานกว่า 20 ปี จากคุณ : Atomic Secret - [ 4 เม.ย. 51 10:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เทียบปริมาณแล้ว กินฝรั่ง ได้วิตามิน C มากกว่ากินส้ม ไม่เปรี้ยวด้วย จากคุณ : มาม่าไข่มะตูม - [ 4 เม.ย. 51 10:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กินพริกได้วิตามินซีครับ จากคุณ : joe (aircraftdesigner) - [ 4 เม.ย. 51 11:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กินฝรั่งได้วิตามินซีมากที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งปวง ถึงแม้ว่ามันจะไม่เปรี้ยวก็ตาม ถ้าชอบกินหวานๆ ลองหาพริกเกลือมาจิ้มดูซิครับ จากคุณ : กอริล่าแห่งกรุงโรม - [ 4 เม.ย. 51 11:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Vit C Blackmore ราคาเท่าไหร่ไม่รู้นะ แต่ Vit C ขององค์การฯ 500mg 100Tab ราคา 90 บาท เป็นแบบเพียว ไม่มีน้ำตาล ปล. งานวิจัยเกี่ยวกับ การกินวิตามิน ซี แก้หวัดยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนในขณะนี้ เพราะบางแห่งทำแล้วดีขึ้น บางแห่งทำแล้วไม่แตกต่าง บางแห่งก็ไม่มีอะไรดี เพราะงั้นจึงยังไม่มีสถาบันฯใดๆออกมารับรองการใช้ Megavitamin Therapy เลย ปล.2 วิตามินซี ฟอร์มไหน สกัด หรือสังเคราะห๋ ถ้าเป็น L-Ascorbic acid เหมือนกัน ยังไงก็ตัวเดียวกัน ถามเภสัชกร ดูได้ ปล3 ฝรั่งไม่ได้ให้วิตามินซี สูง ที่สุดในบรรดาผลไม้เมื่อเทียบน้ำหนัก แต่มันก็มีราคาที่ถูกมาก กินฝรั่งซักครึ่งลูก หรือส้มซักหนึ่งลูก ก็ได้วิตามินซีไปแล้วเกือบๆจะเท่ากับที่ร่างกายต้องการ คือ 60mg จากคุณ : V--Bank--V - [ 4 เม.ย. 51 12:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 วิตามิน C สังเคราะห์นั้น คือตัวเดียวกับธรรมชาติก็จริงนะครับ เเต่ impurity มันต่างกันเลยนะครับ ต่อให้มีสารปนเปื้อนที่อยู่ในปริมาณน้อยมากๆ ก็อันตรายครับ ผมจำไม่ได้ว่า Prof ที่ออกทฤษฏี เกี่ยวกับวิตามิน C มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เเละสามารถรักษาหวัดได้ ชื่ออะไร เเต่ที่ทราบมาว่า Prof ท่านนี้ได้กิน Ascorbic acid ที่เป็นเเบบสังเคราะห์ครับ เป็นเกรดที่บริสุทธิ์ 99.99% กินเป็นประจำ เเกพลาดที่คิดว่า L-Ascorbic เหมือนกัน สุดท้ายก็ตายเพราะมะเร็งครับ สังเคราะห์ง่ายกว่า เเต่ impurity บานเบอะ ครับ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 51 12:50:27 จากคุณ : Atomic Secret - [ 4 เม.ย. 51 12:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มายืนยันว่า ซื้อขององค์การ ถูกกว่า มีค่าเท่ากัน จากคุณ : รบมิพัก รักมิยั้ง - [ 4 เม.ย. 51 13:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอทราบชื่อ Prof ด้วย เพราะต้องดูสาเหตุการตายของเค้าด้วยว่าตายยังไง มะเร็งเกิดจากอะไร มะเร็งที่ไหน ถ้าตายด้วยมะเร็งปอดแล้วโทษ ว่ากินวิตามินซี นี่คงไม่ใช่เรื่อง Pure หรือ Impure ถามคนเป็นเภสัชกร ดูได้ครับว่า สังเคราะห์ Ascorbic acid เนี่ย มันใช้สารอันตรายใดๆหรือป่าว สนใจลองหา Reichstein process มาอ่านดูนะครับ แล้วดู by product ของมันด้วยว่ามีอะไรบ้าง แล้ว Protocol ในการสกัด Vit C จากพืชพันธ์ เนี่ยมั่นใจมากเลยนะครับว่า ได้ Pure ไร้สิ่งเจือปน จากคุณ : V--Bank--V - [ 4 เม.ย. 51 14:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อันนี้เอามาแถมให้เจ้าของกระทู้ อันดับผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ในข้อมูลชุดนี้เป็นผลที่ได้จากการ Analysis ล้วนๆ ไม่ใช่การคำนวนนะครับ Ref ผมขอไม่ให้ไว้เพราะเดี๋ยวจะโดนเล่นงานเอาได้ แต่ดูพอผ่านๆ ก็รู้ละว่าอะไรน่าจะกิน ปล. DRI ของวิตามินซี อยู่ที่ 60 mg / day ส่วนถ้าจะดูตาม RDA ก็ราวๆ 60-90 จำตัวเลขแน่นอนไม่ได้ แต่ไม่เกินนี่หรอกครับ จากคุณ : V--Bank--V - [ 4 เม.ย. 51 14:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รูปไม่ขึ้น จากคุณ : V--Bank--V - [ 4 เม.ย. 51 14:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากคห. 5 มีแหล่งที่มารึเปล่าครับสำหรับโทษวิตามินอี   แล้วกินมาก ๆ นี่กี่ IU ครับ เท่าที่ผมอ่านคนที่กินขนาดมากๆ คือเป็น 1000 IU ขึ้นไป มีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้น 10% แต่สำหรับคนที่กินต่ำกว่า 400 IU ไม่มีผลใด ๆ ส่วนวิตามิน C ผลวิจัยบางอันก็บอกว่าช่วยให้หายไวขึ้น บางอันก็บอกว่าไม่ต่าง แต่หลายผลวิจัยบบอกว่าไม่มีผลในการป้องกันหวัดครับ การออกกำลังกายเป็นประจำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ น่าจะช่วยป้องกันหวัดได้มากกว่าวิตามิน C จากคุณ : noraneko - [ 4 เม.ย. 51 15:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่เเน่ใจ ลองไปหางานวิจัยของ John hopkins university ที่ตีพิมพ์ลง nature ดูสิครับ ผมไม่เเจว่าปีไหน แต่ประมาณ 2003 อะไรเเบบนี้ เเต่เค้าทำการเฝ้าติดตามกลุ่มตัวอย่างหลายๆ คน เป็นเวลา ยี่สิบกว่าปี ปรากฏว่าผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ที่ตายเอง มักจะเป็นผู้ที่บริโภควิตามิน เอ เเละอีมากๆ  พอตรวจดูพบว่ามีปริมาณวิตามินที่ไม่ละลายน้ำไปสะสมอยู่ตามเนนื้อเยื่อ ตามไขมันเยอะเลยครับ เยอะเกินความจำเป็น   ถ้าทานปกติไม่น่าจะมีปัญหา เเต่บางคนกินอัดเข้าไปทีนึงนี่น่ากลัวมากๆ เพราะเชื่อคำโฆษณา ----------------------------------------------- ตอบคุณ V-Bank-V จำไม่ได้จริงๆ สาเหตุการตายเป็นมะเร็งอะไร เเต่เรื่อง impurity นี่สำคัญนะครับ ผมทำวิจัยเกี่ยวกับยามาทำไมจะไม่รู้ process ต่างๆเวลาทำเเลปนี่ สารเเทบจะต้องใช้วิธีหาสารเจือปนที่เรียกว่า trace analysis เลยนะครับ ไม่งั้นก็เอา alcohol ที่ซื้อจากบริษัทสารเคมีมาผสมกินไปเเล้ว  สารหลายๆตัว อย่างเช่นสารกันบูดยังเเยก food grade, lab grade เลยครับ เพียวสุดๆ เอาไปให้คนกิน   ส่วน 99% เอาใว้ stabilize สารในห้องเเลป ยอมรับว่าสารออกฤทธิ หรือยาต่างๆ นั้นก็มาจากการสังเคราะห์เเต่ว่าถ้ามันไม่สะอาด ไม่บริสุทธิ์จริงๆ ที่อันตรายมากๆเลยนะครับ ถึงเเม้ว่าจะบริสุทธิ์มากๆ ยังไงเสียเลี่ยงได้เลี่ยงเถอะครับ เพราะมันสะสม ยิ่งเรากินเป็นอาหารเสริมกินๆๆๆๆ ทุกวันมันยิ่งสะสม เลี่ยไปทานจากผักผลไม้ดีกว่าครับเสียงยาฆ่าเเมลงหน่อยเเต่ก็โอเค แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 51 23:16:21 จากคุณ : Atomic Secret - [ 4 เม.ย. 51 23:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วิตามินซีที่ทำเป็นยาจะใช้ที่เป็น pharmaceutical grade อยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วงเรื่อง trace element เพราะถูกควบคุมให้อยู่ในมาตรฐานอยู่แล้วครับ จากคุณ : pizza_p - [ 4 เม.ย. 51 23:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นเค้าว่ากินแบบCธรรมชาติ(แพงๆ)มันคงอยู่ในร่างกายได้นานกว่า ผมว่าซื้อขององค์การมากินบ่อยๆประจำๆเข้าท่ากว่าซื้อของแพงนานกินที ส่วนที่ว่าใครกินแล้วเป็นมะเร็งคนละเรืองเลยมั้ง มะเร็งมันสาเหตุเป็นร้อย Cเห็นเค้าว่าที่เมกาแนะนำให้กิน1000mg ส่วนวิตามินA E มันละลายในน้ำมันมันก้สะสมอยู่แล้วอันตรายกินอย่าเกินขนาด Eเคยอ่านเจอเค้าว่า ถ้ากินระดับ 400iu ติดต่อกันนานๆไม่ดี ต้องกินเว้นเป็นช่วงๆไป เหมือนเค้าว่าให้กินแค่วันละ200iu กินๆหยุดๆ คงประมาณว่ากินไปขวดแล้วหยุดรุ้สึกว่าขาดเริ่มกินใหม่ จากคุณ : หูฝาด - [ 5 เม.ย. 51 21:45:36 A:58.64.120.164 X: TicketID:137190 ]