ความคิดเห็นที่ 1 ก็ปรับได้นี่ครับ อย่างตอนจอด ก็ข้างนึงหุบ ข้างนึงบาน จากคุณ : นายเดชา - [ วันเนา (14) 06:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนนี้ท้ายบาน จากคุณ : นายเดชา - [ วันเนา (14) 06:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนี้ท้ายหุบ ทำปากจู๋เชียว จากคุณ : นายเดชา - [ วันเนา (14) 06:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ตอนจอด ไม่จำเป็นต้องหุบข้างนึง บานข้างนึงเสมอไป จากคุณ : นายเดชา - [ วันเนา (14) 06:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขึ้นอยู่กับว่า จะเป็นเครื่องยนต์ของ บ. ไหนมากกว่าครับ ของ บ.นึงจะเป็นแบบในรูป อีก บ. นึงจะเป็นเหมือนกลีบดอกไม้ อ้อ F-15 นี่ ช่องทางเข้าของอากาศก็ยังปรับได้ด้วยนะครับ 66666 จากคุณ : monsungja - [ วันเนา (14) 08:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ที่บาน-หุบไม่เท่ากันเพราะเขาดับที่ละเครื่องครับ เครื่องที่หุบคือดับก่อน เหมือน F-14 จากคุณ : PUMPKINbig - [ วันเนา (14) 08:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 บริเวณท่อท้ายของเครื่องบิน เรียกว่า nozzle ครับ ซึ่ง nozzle จะทำหน้าที่หลักอยู่สองอย่างคือ 1)กระจายความดันอากาศที่ออกมาจากเครื่องยนต์ที่มีความดันสูงมากๆให้ลดลง จนเท่ากับความดันอากาศภายนอก 2)แปลงพลังงานศักย์(ความดันอากาศ)ให้เป็นพลังงานจลน์(ความเร็วอากาศ) เพราะพลังงานจลน์ยิ่งมาก จะยิ่งได้แรงขับมาก ส่วนที่ปรับได้เรียกว่า variable nozzle ครับ คือปรับเพื่อให้ลักษณะ, ขนาด, ความกว้างของท่อท้าย(area ratio) ให้เข้ากับความเร็วและความดันของอากาศที่พ่นที่ออกมาจากเครื่องยนต์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด (ไม่ว่าจะเร่งเครื่องหรือเบาเครื่อง หรือบินสูงแค่ไหน ก็จะปรับ nozzle ให้กระจายอากาศให้อยู่ที่จุด optimum expansion คือ nozzle ขยายแบบไม่ over-expanded ...ความดันอากาศที่ออกจากท่อท้ายน้อยกว่าความดันอากาศภายนอกเครื่องบิน หรือ under-expanded...ความดันอากาศที่ออกจากท่อท้ายมากกว่าความดันภายนอก)  และก็เพื่อไม่ให้เกิด choke เมื่ออากาศไหลออก จากคุณ : Vagabundo - [ วันเนา (14) 09:32:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ให้แฟนของ Eagle ครับมีรายละเอียดค่อนข้างมาก http://www.f-15estrikeeagle.com/ จากคุณ : peko6681 - [ วันเนา (14) 09:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ซึ่งตัว nozzle ก็มีอยู่สองแบบ ถ้าแบ่งตามลักษณะภายนอก 1) Convergent nozzle หรือแบบหุบเข้า ก็ได้แก่พวกที่ใช้กับเครื่องบินโดยสาร หรือเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ (เครื่องไอพ่น) ทั่วๆไปที่บินด้วยความเร็วไม่เกินความเร็วเสียง เวลาดีไซน์นอสเซิลชนิดนี้ จะดีไซน์ให้เหมาะสมสำหรับจุดที่ใช้มากที่สุด เช่นถ้าเป็นเครื่องโดยสารก็จะออกแบบให้เข้ากับความเร็ว และความสูงของเครื่องขณะบินเดินทาง (cruise) เพราะเป็นช่วงที่ใช้เวลานานที่สุด (เวลานึกถึง nozzle แบบนี้ให้ลองนึกง่ายๆถึงหัวสายยางรดน้ำต้นไม้ ที่ปลายแคบๆ) 2) Convergent-Divergent nozzle หรือแบบหุบเข้าแล้วบานออกใช้สำหรับเครื่องบินที่ความเร็วมากกว่าความเร็วเสียง ต้องการเครื่องยนต์แรงๆ พอแรงมาก อากาศที่พุ่งออกมาจากห้องเผาไหม้และเทอร์ไบน์ ก็จะมีความดันมากและความเร็วมากจนเกินความเร็วเสียง ทำให้เกิดอาการ choke ขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องใส่นอสเซิลที่มีลักษณะบานออกเข้าไป เพื่อค่อยๆกระจายอากาศ ขะลออาการ choke สำหรับจรวดหรือกระสวยอวกาศที่ไอพ่นมีความดันและความเร็วสูงมาก อาจมี nozzle ลักษณะบานออกอย่างเดียวด้วยซ้ำ จากคุณ : Vagabundo - [ วันเนา (14) 10:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รู้จริง เห็นชัด ขอบคุณครับ จากคุณ : peko6681 - [ วันเนา (14) 10:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เข้าเรื่องพูดถึง nozzle ของ F-15 เนื่องจาก F-15 เป็นเครื่องบินรบภารกิจครองอากาศ (air-superiority) จึงมีความจำเป็นที่จะคล่องตัวในทุกย่านความเร็วก็เลย design nozzle ให้สามารถปรับให้หุบเข้าและบานออกได้ตามชอบใจ อย่างที่บอกไว้ข้างบน คือจะหุบเข้าที่ความเร็วต่ำกว่าเสียง และบานออกช่วง supersonic โดยการหุบเข้าและบานออกของ nozzle F-15 จะใช้แบบ passive คือปรับตามความดันภายใน nozzle ช่วงต้นคือภายใน nozzle จะมีแผ่นโลหะอยู่ ถ้ามีความดันมากพอไปดันมันก็จะบานออก ก็คือมันจะปรับตัวเองตามความดันที่เป็นอยู่ nozzle แบบนี้ก็มีประสิทธิภายดีและน้ำหนักเบา แต่ว่ายังไม่เป็นถึงขั้น fully variable nozzle (แบบ F-22) คือยังไม่สามารถบังคับทิศทางไอพ่น(thrust vectoring)ได้ แบบ full variable จะดีกว่าตรงที่สามารถรีด performance สูงสุดมาใช้ได้ทุกช่วง และทำ vectoring ได้ เพราะว่าอาศัย actuator ในการบังคับลักษณะ nozzle โดยตรง รูปด้านล่างเป็น nozzle ของ F-16 ซึ่งมีระบบ variable geometry เหมือน F-15 จากคุณ : Vagabundo - [ วันเนา (14) 10:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนรูปนี้เป็น fully variable nozzle ของ F-22 ที่เห็นเป็นเส้นๆนั่นไม่ใช่ไอพ่นออกมาสองเส้น ไอพ่นเส้นเดียวแต่มันมีการแยกชั้นที่เกิดจาก expansion wave จากคุณ : Vagabundo - [ วันเนา (14) 10:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ อากาศที่พ่นออกมานี่ ท่าทางจะร้อนมาก  เป็นสีฟ้าเลย ถ้าเอาความร้อนของมันมาใช้ได้  น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพได้อีกเยอะ จากคุณ : sb*star - [ วันเนา (14) 11:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 . . . เป็นตามนั้น . . . จากคุณ : MIG-ON-THE-WAY - [ วันเนา (14) 11:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 . . . เป็นตามนี้ . . . จากคุณ : MAY-ON-THE-WIG (nisas) - [ วันเนา (14) 15:53:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 14 กะ 15 สู้กันใครจะชนะเนี่ย จากคุณ : แอลเก้าสิบหกเอหนึ่ง (L96A1) - [ วันเถลิงศก (15) 05:34:24 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความรู้เพียบ!!! จากคุณ : MAY-ON-THE-FLOOR (A49 GTR34) - [ วันเถลิงศก (15) 21:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เวลาเขาจะขึ้นรูปโลหะที่เอามาทำกรวยท้ายของเครื่องนี่เขาต้องหลอมด้วย อุณหภูมิเท่าไรกันนะครับ จากคุณ : satitp - [ 17 เม.ย. 51 13:53:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แน่นปึ้กครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : AMIYAMA - [ 18 เม.ย. 51 01:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แน่นปึ้ก!! สุดยอดครับ ( '-')b จากคุณ : Zepia (bozzie) - [ 19 เม.ย. 51 00:39:34 ]