ความคิดเห็นที่ 1 ทำไมรูปไม่ขึ้น = = จากคุณ : ย้ายมาอยู่ที่นี่ - [ วันเนา (14) 14:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ควรถามที่ห้องสมุด จึงจะได้คําตอบของเจ้าของกะทู้ ที่นั้นมีคนรู้เยอะ <เห็นมีคนถามบ่อย> จากคุณ : . (ไม่ได้มีสิบมือ) - [ วันเนา (14) 15:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ^ "ไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร" ในกรณีนี้หมายถึงการตกเป็นเมืองขึ้นระยะยาวครับ ไม่นับการแพ้สงครามหรือถูกยึดครองแค่ชั่วคราว โดยที่เจ้าของอาณานิคมยังไม่มาทำการเปลี่ยนแปลงใดๆต่อเมืองที่ยึดได้ ผมว่าทุกคนก็เข้าใจในเรื่องนี้นะครับ จขกท อาจต้องไปศึกษาประวัติศาตร์มาใหม่ให้แตกฉานกว่านี้ แผนที่ๆคุณหามาเค้าแสดงถึงการขยายอิทธิพลของญีุุ่่ปุ่นในช่วง WW2 ซึ่งตอนนั้นรัฐบาลไทยต้องจำยอมให้ญี่ปุ่นผ่านประเทศเพื่อลดการเสียเลือดเนื้อ หลัง WW2 ประเทศไทยต้องเป็นผู้แพ้สงครามด้วยเพราะอยู่ข้างญี่ปุ่น (ในฐานะเมืองขึ้น) แต่มีเสรีไทย เข้ามาแก้ต่างในเรื่องนี้ ทำให้ไทยรอดพ้นจากการจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม ปล. สมัย WW2 เยอรมันบุกยึดฝรั่งเศสได้ อันนี้เค้าก็ไม่นับเรื่องการเป็นเมืองขึ้นครับ เพราะแค่ชั่วคราว จากคุณ : Philosophos - [ วันเนา (14) 15:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าคำพูดที่แท้จริงต้องบอกว่า "ไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก" จากคุณ : TrojanTHM - [ วันเนา (14) 15:09:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ ^ ใช่ครับ ผมก้ว่าอย่างงั้น จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ วันเนา (14) 15:11:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คห.4 แต่ที่รูปมุมซ้ายเค้าเขียนว่า Japan Empire Aug 1942 นะครับ จากคุณ : ย้ายมาอยู่ที่นี่ - [ วันเนา (14) 15:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดูเยอรมันเป็นตัวอย่าง เขาผิดก็ยอมรับว่าผิด เขาเลวก็ยอมรับว่าเลว เขาชั่วก็ยอมรับว่าชั่ว เขาผิดแล้วต้องชดใช้ก็ชดใช้ (ค่าปฏิกรรมสงคราม) เขาผิดแล้วต้องเชยก็ชดเชย (ค่าชดเชยแก่เหยื่อและเชลย) เขาผิดแล้วต้องยอมรับประวัติศาสตร์ก็ยอมรับ (สถานกักกันต่างๆ ถูกเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังได้เข้าชมและรับรู้) (USA จะสร้างหนัง เกม เกี่ยวกับ WW2 ให้เยอรมันชั่วช้าขนาดไหนก็ต้องยอมรับ) แม้แต่ญี่ปุ่นที่หัวแข็ง แต่นายก Koizumi ก็ออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษหลายครั้งแล้ว จากคุณ : Lord of War - [ วันเนา (14) 15:18:52 A:118.172.53.133 X: TicketID:172987 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คือผมว่าต้องมาจำกัดความเรื่อง "เมืองขึ้น" ให้เข้าใจทั่วกันก่อนครับ ใช่ครับ ถ้า WW2 ไทยถือว่าตกเป็นเมืองขึ้นของญีุ่ปุ่น แต่ประโยคที่ว่า "ไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร" ในที่นี้ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นแหละครับ ใครๆก็ทราบว่าเราเสียเอกราชแกพม่า 2 หน โดนญีุ่ปุ่นยึด 1 หน ถ้าคุณจะมองว่าการแพ้สงครามแล้วถือเป็นเมืองขึ้น ประโยคนั้นมันก็ผิดจริงๆ แต่ปัญหาคือมันถูกระบุในตำราไปแล้วหรือยัง ความเข้าใจของคนทั่วไปเป็นแบบที่คุณเข้าใจแล้วหรือยัง นั่นก็อีกประเ็ด็นครับ ปล. หลายๆท่านพอจะเข้าใจหรือยังว่า ภาษาไทยไม่เหมาะแก่การเขียนหนังสือวิชาการอย่างไร ปล.2 เห็นด้วยกับประโยคของ คห 5 ครับ เพราะเขียนสื่อได้ตรงประเด็น ซึ่งผมว่าหนังสือก็คงเขียนประโยคแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 15:31:35 จากคุณ : Philosophos - [ วันเนา (14) 15:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ในอยุธยา เราแค่เสียเมืองหลวง ไม่ได้ตกเป็นเมืองขึ้น แต่ในสมัยพระนเรศ ผมคิดว่าไทยคงยอมสวามิภัก กรุงหงสานะครับ เนื่องจากกษัตริย์ไทยอ่อนแอ จากคุณ : Ice-man - [ วันเนา (14) 15:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สมัยนั้นไม่มีใครฉลาดแบบขงเบ้งเลยหรอครับ ไม่งั้นไทยคงจะชนะพม่าได้แน่ *0* จากคุณ : COMING_SOON - [ วันเนา (14) 15:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 "ไทย" นี่เมื่อไหร่ แค่ไหนครับ จากคุณ : อะธีลาส - [ วันเนา (14) 15:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สมัยอยุธยา ยังไม่มีประเทศไทยครับ มีแต่อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ที่ต่างชาติเรียกว่า เซี้ยนโหลว ในภาษาฮั่น เสียนในภาษาเขมร เซียมล่อก๊กในภาษาแต้จิ๋ว ไซแอมในภาษาอังกฤษ แต่ตัวคนไทยเองเรียกตัวเองว่าชาวอยุธยา สมัยก่อนยังไม่มีประเทศครับ ตอนบนของอยุธยาเป็นอาณาจักรล้านนา มีศูนย์กลางอยู่ที่เชียงใหม่ ทางตะวันออกเลยโคราชไปเป็นอาณาจักรล้านช้างมีศูนย์กลางอยู่ที่เวียงจันทร์ แต่บางครั้งก็มีหลายศูนย์กลางเหมือนกันแล้วแต่ว่าใครจะใหญ่ ตอนล่างไม่แน่ใจว่าอาณาจักรศรีวิชัยเข้ามารวมหรือยังแต่ที่แน่ๆ อาณาจักรปัตตานียังไม่ขึ้นกับอยุธยา การเสียกรุงจึงเป็นเรื่องเฉพาะของเมืองอยุธยาเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเมืองอื่นๆ เลย แค่อยุธยาเสียอำนาจให้กับเมืองหงสาวดีในครั้งแรก และเมืองอังวะ ในครั้งที่ 2 เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องของประเทศไทยทั้งประเทศซักหน่อย จากคุณ : แตกต่าง - [ วันเนา (14) 16:10:17 A:58.9.104.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขึ้นอยู่กับว่าคุณตีความคำว่า "เมืองขึ้น" อย่างไร จริงๆ คำว่า "เมืองขึ้น" หมายถึงการเข้ามายึดครองอย่างเต็มรูปแบบ มีการส่งคนเข้ามาปกครอง เข้ามาจัดการบริหารบ้านเมืองในดินแดนที่ยึดครองโดยตรง เหมือนอย่างที่ฝรั่งเข้ามายึดครองประเทศต่างๆ ในเอเชียและแอฟริกาในยุคนั้นๆ ส่วนกรณีของการเสียกรุงศรีอยุธยาทั้งสองสมัย พม่าไม่ได้เข้ามายึดครองโดยตรง ยังปล่อยให้คนไทยปกครองประเทศกันเองแต่ให้แสดงความอ่อนน้อมเป็นขอบขัณฑ์สีมาด้วยการส่งราชบรรณาการไปให้ จากคุณ : เกียรตินำ - [ วันเนา (14) 16:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไทยแค่เมืองหลวงเสียหาย กับการที่ให้พระราชาของไทย เป็นนอมินี ของพม่า ชั่วคราวให้นี่ครับ ?? (หรือผมเข้าใจผิด --a) นั่นตามประวัติศาสตร์ ... แต่ความเป็นจริง ผลกระทบนี้ มีช่วงเวลาที่ไม่มาก และอีกอย่าง คำที่ถูกต้องคือ ไม่เคยเสียเอกราชให้ชาติตะวันตก นั่นก็ถูกแล้วหละครับ แต่ asia ด้วยกัน .. หมดสิทธิ์ (เพราะจริงๆแล้ว ทั้งเอเชีย มีไม่กี่ประเทศที่ไม่เคยเป็นเมืองขี้นหรอกครับ) จากคุณ : Nanoดะ - [ วันเนา (14) 16:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบถามกันจริง เก็บให้เป็นคำถามที่ชอบถามบ่อย ๆ ดีไหมนี่ จากคุณ : satitp - [ วันเนา (14) 16:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นตาม คห.5 ครับ จากคุณ : ... - [ วันเนา (14) 16:47:59 A:58.9.135.151 X: TicketID:144597 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เราเรียนประวัติศาสตร์แบบ Hero . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ วันเนา (14) 16:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จะว่าไปแล้ว  การนับประเทศ นี่ก็ปวดหัวพอสมควร อย่างประเทศไทยปัจจุบัน มันก็รวมหลายประเทศราชเล็กๆ สมัยก่อนเข้าด้วยกัน อ่ะ อย่างเชียงใหม่ แต่ก่อนก็เป็นประเทศราช ของไทย (บางช่วง ก็ไปเป็นของพม่า) แม้แต่สุโขทัยกับ อยุธยา ก็แยกกัน  รวมทั้งพวกล้านช้าง ที่ไปเป็นลาว และ แถวพวกพระตะบองเสียมราฐ ศรีโสภณ ไปเป็นเขมร ส่วนของอยุธยา หรือ โยเดีย ตามที่พม่าเรียก ไทยเรานับเสียกรุงให้เค้า สองครั้ง แต่พม่า เค้านับสามครั้ง โดยนับ ตอนสงครามช้างเผือกด้วยอีกครั้ง จากคุณ : -=Jfk=- - [ วันเนา (14) 17:03:33 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่นะ ความคิดเห็นที่ 20ของพ้ม!!! (อุตส่าห์นั่งพิมพ์ตั้งนาน โฮๆ) จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ วันเนา (14) 17:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรียนคุณจขกท.ครับ รูปใน #1 เขียนว่า Japan Empire Aug 1942 ก็จริง แต่เป็นการอ้างในเชิงพฤตินัยของฝรั่งครับ ในทางนิตินัยไทยเป็นประเทศเอกราชที่ร่วมมือกับญี่ปุ่นและร่วมกันในวงไพบูลย์ร่วมกันแห่งมหาเอเชียบูรพา ในสนธิสัญญาพันธมิตรก็บอกว่าญี่ปุ่นรับรองเอกราชและอธิปไตยของไทย ส่วนไทยยินดีให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่านซึ่งภายหลังก็เข้าร่วมกับฝ่ายญี่ปุ่นครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ วันเนา (14) 17:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Map of Funan จากคุณ : เทพอินทรี - [ วันเนา (14) 18:03:06 A:124.157.144.159 X: TicketID:173346 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นตามคุณ Skyman (Analayo) ในหลายความเห็นครับ ไทยถือเป็นพันธมิตร ไม่ได้ถูกญี่ปุ่นยึดครอง แม้จะเป็นพันธมิตรที่ไม่มีปากมีเสียง แต่ก็ถือว่าดำรงเอกราชอยู่จริงๆ ต่างจากกรณีจีน (นานกิง) และเกาหลีนะครับ นานกิง คงรู้กันทุกคน ส่วนเกาหลีนี่ ราชวงศ์ถึงกับถูกผนวกเลย ต้องยอมรับจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นเป็นประมุข แต่ของไทยในสมัยนั้น ประมุขยังเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ รัฐบาลก็เป็นรัฐบาลไทยๆ คนไทยก็ไม่ได้ถูกนำลงมาเป็นทาส ถูกเอาไปทดลอง หรือข่มขืน แบบชาวจีน ขาวเกาหลี แต่ผมเชื่อของผมเอง จากการเชื่อมโยงหลายๆอย่าง ว่าการที่ไทยเข้าร่วมกับญี่ปุ่น เป็นความสมัครใจ ที่มิได้ถูกบังคับเสียทีเดียว เพราะรัฐบาลในสมัยนั้น เชื่อว่าญี่ปุ่นจะชนะสงครามจริงๆ ลองอ่านวรรณกรรมในยุคนั้น ก็แสดงทัศนคติ ว่าญี่ปุ่นเป็นลุกพี่ เป็นฮีโร่ (ลองอ่าน พล นิกร กิมหงวน ช่วงสงครามอินโดจีน ถึงสงครามโลกครั้งที่สองดู) หรือญี่ปุ่นมิได้โหดร้ายต่อประเทศไทย เช่นใน "คู่กรรม" หลังสงครามอินโดจีน ญี่ปุ่นเป็นตัวหลัก ที่ช่วยให้ไทยชนะฝรั่งเศส ในการเจรจา ทำให้ไทยได้ดินแดน 4 จังหวัดทางซ้ายแม่น้ำโขงคืนมา และถ้าญี่ปุ่นชนะ ดินแดนของไทยจะเต็มแหลมอินโดจีนไปเลย และสถานการณ์ในขณะนั้น ญี่ปุ่นชนะทุกสมรภูมิในแปซิฟิก ไม่มีใครรู้เรื่องระเบิดปรมณู... พวกเราๆ ใครเป็นนายก ผมก็คงตัดสินใจ ไม่ต่างจากผู้นำในสมัยนั้น แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 18:17:55 จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ วันเนา (14) 18:17:05 ]

ความคิดเห็นที่ 26 #4 ผมว่าตอนสงครามโลก ฝรั่งเศสตกเป็นเมืองขึ้นของเยอรมันนะ ต้องย้ายเมืองหลวงไปอยู่ Vichy มีรัฐบาลหุ่น ที่ต้องเชื่อฟังเยอรมัน เปลี่ยนชื่อประเทศ เป็น "รัฐฝรั่งเศส" (L'Etat francais) ด้วย เปลี่ยนคำขวัญประเทศ จาก "เสรีภาพ เสมอภาค ภารดรภาพ" (Liberte', Egalite', Fraternite')เป็น "การงาน ครอบครัว รักษ์มาตุภูมิ" (Travail, Famille, Patrie) ธงชาติก็โดนเปลี่ยน (ในภาพ - ธงสมัยวิชชี่) คนฝรั่งเศสไม่ค่อยชอบพูดถึงประวัติศาสตร์ช่วงนี้เท่าไร แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 18:27:40 จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ วันเนา (14) 18:20:52 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แต่พอแพ้สงคราม ขบวนการเสรีไทยก็ออกมาบอกว่า ไทยถูกบังคับ ครับ 5555+ เรื่องเอาตัวรอดนี่ที่ 1 จริงๆ จากคุณ : ไทยนี่หนอซิกไปแซกมา (WindWalk) - [ วันเนา (14) 18:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ลืมธง - ธงฝรั่งเศส สมัยวิชชี่ #27 วงการทูตเขาถึงมีคำเหน็บคนกลับกลอกว่า "Siamesse Talk" หรือ "วาจาสยาม" ไงครับ จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ วันเนา (14) 18:29:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ใช่ครับไทยเอาตัวรอดเก่ง กษัตริย์เราก็เก่ง ไม่งั้นก็เสียเลือดเนื้อ หรือไม่ก็เน่าเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน ดีน่ะที่ไม่ได้กษัตริย์ไม่รักชาติปกครอง เพราะคนเหล่านี้มีเยอะเหลือเกินเห็นกันได้แม้ในยุคที่อะไร ๆ ก็เจริญอย่างทุกวันนี้ แต่ว่าเกิดมาหน้าตาและนิสัย  ก็ยังแย่เหมือนเดิม จากคุณ : ไฟไฟ - [ วันเนา (14) 19:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ยอมเสียหน้าเอาผ้ารอด(ไม่ได้พิมพ์ผิด) มีคนพูดไว้เคยได้ยินหรือเปล่าครับ ลองไปคิดดูน่ะ แต่คนทั่วไปชอบรักษาหน้าคำพังเพยนี้เลยเป็นแบบที่เราอ่านกันตอนประถมไง จากคุณ : ไฟไฟ - [ วันเนา (14) 19:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 และด้วย "วาจาสยาม" นี่เองที่เพื่อนบ้านมองคนไทยเป็น "นกสองหัว" ได้ฟังครั้งแรกถึงกับหน้าชา ....... แต่มาคิดๆดู อ้าว....ก็เป็นสิทธิ์ของเรานี่ในการเอาตัวรอดกันด้วยปัญญามิใช่กำลัง ... ตัวเล็ก  กำลังน้อย  เทคโนโลยีสู้เค้าไม่ได้  แต่มีดีที่วาจา .....ก็รอดได้ จากคุณ : Dare More - [ วันเนา (14) 20:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จอมพล ป. แกชื่นชอบมุสโสลินีจะตาย ขนาดมีรูปไว้ในออฟฟิส ผมว่าแกคิดสะระตะแล้วร่วมมือกับญี่ปุ่นดีกว่า ยิ่งตอนนั้นไทยทะเลาะกับฝรั่งเศสอยู่ด้วย จากคุณ : Nexus - [ วันเนา (14) 20:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เป็นซะบ้างจะได้รู้สึก จากคุณ : pattapon - [ วันเนา (14) 20:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 34 #32 นโยบายหลายๆอย่าง ก็ลอกมาจากนาซีครับ เช่น ยุวชนทหาร ก็ลอกยุวชนนาซีมา รัฐนิยม เพื่อกีดกันคนจีน ไปจนกระทั่งมีการกำหนดเขตหวงห้าม ห้ามคนจีนเข้าหรืออยู่ ในบางช่วงเวลา พยายามสร้างค่านิยมเรื่อง "เชื้อชาติไทย" เหมือนนโยบาย "เชื้อชาติอารยัน" อีก แต่ของเราไม่เข้มข้นเท่า นี่ถ้าแกโหดๆหน่อย คนจีนมีโดนรมแก๊ซกันเสียบ้างแล้ว จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ วันเนา (14) 22:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า การ "อ่อน" ให้ญี่ปุ่น เป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วนะครับ เพราะดูตัวอย่างจาก จีนและเกาหลีแล้ว เชื่อว่า คงไม่มีใครคิดว่าไทยควรไปแข็งข้อ เพื่อรับชะตากรรมที่ไม่ต่างกันนั้น เพียงแต่ที่ผมว่ามันล้ำเส้นไปหน่อย ก็คือ การประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรนั่นแหละครับ ตรงนี้แหละที่เขาค่อนเอาว่า "วาจาสยาม" ถ้าไม่มีการประกาศสงคราม ก็พอจะพูดได้เต็มปากหน่อย ว่ายอมแค่ให้ญี่ปุ่นผ่านทาง โดยความจำเป็น เพื่อรักษาประเทศไว้ การประกาศสงครามมันเท่ากับเราเลือกข้าง - แทงหวยไปแล้ว ภายหลังมาบอกว่า ถูกบังคับ มันก็แหม่งๆ การประกาศสงครามเข้ากับฝ่ายญี่ปุ่น มันเท่ากับเราเล็งผลเลิศ หวังผลชนะ หากฝ่ายญี่ปุ่นชนะในภูมิภาคนี้ไปกับเขาด้วย ซึ่งล้ำเส้นการรักษาประเทศไปแล้ว โชคดีที่มีเสรีไทย ที่ช่วยทำให้น้ำหนักว่า เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลโดยพละการ คนไทยบางส่วนมิได้เห็นด้วย มีน้ำหนักขึ้นมา แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 22:08:30 จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ วันเนา (14) 22:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ก่อนหน้านี้เรียนก ประเทศสยาม ครับ เป็นผืนแผ่นดินที่มีคนอยู่หลายชนชาติ พึ่งจะมาเปลี่ยนเป็น ไทย และ Thailand (สากล) เมื่อปี 2498 ปกติ สมัยนั้น ประเทศที่ลงท้ายด้วย แลนด์ เป็นชื่อเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิ์ประเทศผู้ล่าอาณานิคมทั้งนั้นเลย ภูมิใจหรือไม่ครับ จากคุณ : นายไวรัส - [ วันเนา (14) 22:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าสมัยนั้นไทยดำเนินการเมืองระหว่างประเทศไม่เก่งพอ เกรียนเล่นเนทแถวนี้ก็คงไม่มีบุญได้เกิดมาเล่นเนทแล้วล่ะครับ ดูประเทศรอบข้างได้เลย อย่างเก่งก็คงต้องไปเป็นผู้ใช้แรงงานอพยพในประเทศรอบข้างที่หนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ไม่มีวันได้เล่นเนทแล้วมาตั้งกระทู้ถามแบบนี้่กับเขาหรอก ส่วนเรื่องเมืองขึ้น โดยปกติน่าจะนับเฉพาะการล่าอาณานิคม (Colonize) ซึ่งไทยยังไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของใครโดยเฉพาะชาติตะวันตก แต่เคยแพ้ในการรบกับพม่าในสมัยที่ยังใช้ชื่อว่าสยามประเทศ แต่ก็สามารถชิงคืนได้ภายในเวลาต่อมา โดยที่พม่าไม่ได้จัดระเบียบการปกครองใหม่ นอกจากให้ยอมรับว่าเป็นอาณาจักรภายใต้การปกครอง(ประเทศราช?)ที่้ต้องส่งบรรณาการ ส่วนสมัย WWII เราก็ยอมจำนนและเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ไม่ได้จำนนด้วยการบุกยึดด้วยกำลังเบ็ดเสร็จ(รบกันประปรายแล้วยอมตกลง) แถมเป็นพันธมิตรที่ไม่ได้ต่ำต้อยเลวร้ายมากเหมือนประเทศอื่นที่โดนใช้กำลังทำลายและยึดเฉยๆ เพราะเราได้สิทธิ์ครอบครองแหลมอินโดจีนทั้งหมด หากจบสงคราม(ประเทศอื่นที่โดนญี่ปุ่นยึด เขาได้สิทธิ์แบบนี้ไหม? มีแต่โดนย่ำยีรุนแรงทั้งนั้น) ส่วนตอนจบนั้น จะบอกว่าเราสองหน้ามันก็ใช่ แต่ประเทศอื่นๆในสงครามก็ไม่มีใครเป็นพระเอกมือสะอาดหรอก ทุกประเทศยอมทำทุกวิถีทางให้ประเทศตัวเองรอดทั้งนั้น แม้แต่ประเทศพี่ใหญ่ที่หลายคนบูชาดังเทพเจ้าเองก็ตาม มือที่ซุกพรมก็เน่าไม่แพ้กันหรอก อย่าได้หลงงมงายไปว่า ประเทศฮีโร่เขาไม่ทำอะไรแบบนี้ พวกที่พูดด่าคนไทยเพราะเรื่องนี้คือมันไม่ได้มองตัวเองเลยน่ะแหละ   การจะไปก่นด่าบรรพบุรุษที่ทำทุำกวิถีทางแม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อให้ประเทศชาติเราอยู่รอด จนเราได้มีโอกาสเกิดมาอย่างสุขสบายแบบนี้ ผมว่าคนคนนั้นคงเป็๋นพวกเนรคุณชาติหรือทรยศต่อชาตินะครับ ทำความเข้าใจกับประวัติศาสตร์แล้วอย่าลืมย้อนดูตัวเราเองกับครอบครัวด้วย ว่าที่มีโอกาสได้ขึ้นมาถึงขั้นนี้เป็นเพราะมีใครปูทางประเทศที่ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างค่อนข้างจะเสรี แบบนี้ได้ก็เพราะใคร? จากคุณ : ....4จุด - [ วันเนา (14) 23:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คิดว่าไม่ใช่ห้องสมุดเลยไม่อยากตอบแต่อดไม่ได้ครับ การประกาศสันติภาพ มีการเตรียมการอย่างรอบคอบ"ร่วมกัน" ขอย้ำนะครับว่าร่วมกันระหว่างเสรีไทยและสัมพันธมิตร เสียใจที่เห็น# 27 ครับ ปล.ผมไม่ได้แก้ตัวเรื่อง Siamese Talk นะครับ จากคุณ : จงรักไม่ภักดี - [ วันเถลิงศก (15) 00:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนจบสงครามอังกฤษจะเอาเรื่องไทยให้ได้ แต่ก็มี ประเทศมหามิตร (สหรัฐ) มาช่วยเราไว้ จึงไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว จากคุณ : vandalism - [ วันเถลิงศก (15) 00:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้ายังมี 2 ด้านก็ไม่มีความสามัคคีใช่ไหม ผู้เจริญทั้งหลาย จากคุณ : peko6681 - [ วันเถลิงศก (15) 01:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คือจริงๆผมไม่ได้อยากให้ไทยไปเป็นเมืองขึ้นของใครหรอก แต่ทำไม กรุงแตกบอก ครั้งโน่นยังเป็นอาณาจักรอยุธยาอยู่เลยไม่ใช่ประเทศไทย แต่พอด้านประวัติศาสตร์ ประเทศไทยเรามีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สุโขทัยโน่น คืออยากให้ทัศนคติของคนไทยคำนึงว่า ที่เมืองไทยมีอยู่ทุกวันนี้ได้มิใช่ง่ายดาย ไม่ได้หมายความว่าทุกคนไม่รู้นะว่าเกิดอะไรบ้างในอดีต แต่ทัศนคติของเราคิดในทางบวกเกินไป ยิ่งโลกในปัจจุบันมีความเสี่ยงมากมาย ทั้งน้ำมันแพง ข้าวของแพง ไหนจะเรื่องการเมืองอีก อยากให้ทุกคนรักสามัคคี ร่วมมือกันโดยดูจากบทเรียนทางด้านประวัติศาสตร์อันขมขืน อยากให้ทุกคนคิดว่ากรุงศรีอยุธยาแตกเพราะ "คนไทย" แตกความสามัคคีกัน ไมใช่คิดว่านั้นยังเป็นอาณาจักรอยุธยา ประเทศไทยที่ไหน อยากให้ทุกคนคิดว่า WW2 ไทยไม่มีทางสู้ญี่ปุ่นได้ เพราะอะไรทั้งที่สมัย ร.5 เรายังมีรถไฟก่อนญี่ปุ่น   ซึ่งก็คงไม่ต่างกับสมัยนี้ ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา แย่งชิงอำนาจ จนชาติอื่นเค้าแซงไปไหนๆ อนาคต เวียนนาม หรือประเทศใดๆก็ตามเจริญเป็นมหาอำนาจของเอเชียอาคเนย์ เราต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทางเศรษฐกิจ ทั้งที่เราไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร(ตามทัศนคติที่หลายๆคนคิด) แล้วเราจะทำอย่างไรครับ มัวแต่มานั่งแต่งประวัติศาสตร์ให้ดูดีเหรอ??? จากคุณ : ย้ายมาอยู่ที่นี่ - [ วันเถลิงศก (15) 01:53:50 ]

ความคิดเห็นที่ 42 double standard สุดๆๆๆๆ รบชนะพม่า โม้กันใหญ่ คนไทยเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ กษัตริย์ไทยเราสุดยอด ความสามารถเป็นเลิศ blablabla พอแพ้บอก ตอนนั้นยังไม่ใช่ไทย Wow.. จากคุณ : Freethinker - [ วันเถลิงศก (15) 02:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แผนที่นี่แสดงอาณาเขตที่ทหารญี่ปุ่นเข้ายึดได้ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนะครับ ไทยยอมให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่าน คือ ไทยอยู่ใต้อาณัติของญี่ปุ่นช่วงนั้น เป็นเวลาสี่ปี ป.ล. รู้บ้างมั้ยช่วงญี่ปุ่นเข้ามา เรายังมีอาณาเขตกว้งไกลถึงเชียงตุง ลาว กัมพูชา แต่ต้องยกคืนให้อังกฤษ ฝรั่งเศส หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงคราม จากคุณ : สิงห์ป่าเหนือ - [ วันเถลิงศก (15) 04:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 บรรพบุรุษเราทำดีที่สุดแล้ว ก็เรื่องนึงครับ ก็ไม่ได้ว่าอะไร... แต่ไม่ได้แปลว่าต้องหลับหูหลับตา ชื่นชม แตะต้องไม่ได้ขนาดนั้นนี่นา... ก็ว่าไปตามเนื้อผ้าสิ สองหน้าก็บอกสองหน้า ไม่เห็นต้องไปอ้างประเทศอื่นเลย... งง???... ไม่งั้นเราเองแหละ จะกลายเป็นคนที่บูชาประเทศเหมือนเทพเจ้านะครับ... จากคุณ : ฮีโร่อีน - [ วันเถลิงศก (15) 05:25:23 A:58.9.159.113 X: TicketID:142645 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ฟูนัน จากคุณ : ณัฏฐพล - [ วันเถลิงศก (15) 08:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอม จากคุณ : ณัฏฐพล - [ วันเถลิงศก (15) 08:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ ย้ายมาอยู่ที่นี่ ลองไปศึกษาประวัติศาสตร์เสียใหม่นะครับ อย่ามัวแต่เชื่อนิยายโกหกที่เขาบังคับให้เรียนอยู่เลย ศึกษาดีๆ แล้วคุณจะรู้สึกอยากโยนสิ่งที่คุณเรียนมาทั้งหมดทิ้งไปเลยด้วยซ้ำ ประเทศสยามเกิดขึ้นในสมัย ร.4 ประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยในปี พ.ศ.2482 ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีประเทศในดินแดนแถบนี้เลย รัฐชาติยังไม่ถือกำเนิดขึ้นครับ และประวัติศาสตร์ชาติไทยก็ไม่ได้มีแค่อยุธยา ยังมีเชียงใหม่ เวียงจันทร์ ปัตตานี นครศรีธรรมราช และพนมเปญด้วยนะครับ และที่บอกว่าคนไทยมาจากตอนใต้ของจริง ก็จริง แต่จริงบางส่วนครับ จริงเฉพาะคนเชื้อสายไต ลาวเท่านั้น แต่คนไทยภาคกลาง และภาคใต้ไม่ได้มีเอี่ยวด้วยเลย คนภาคกลางหน้าตา ผิวพรรณ ขนบธรรมเนียม ประเพณี ดันไปเหมือนเขมรมากกว่า มีแต่ภาษาเท่านั้นที่ไปใกล้เคียงกับภาษาไต ไม่แน่ทั้งไทยภาคกลางและเขมรอาจจะสืบเชื้อสายมาจากขอมโบราณเหมือนกันก็ได้ จากคุณ : แตกต่าง - [ วันเถลิงศก (15) 09:52:10 A:58.9.102.245 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 สมัยสงครามโลกยังไงก็ไม่เรียกว่าเสียเอกราชครับ ไทยตอนนั้นพูดตรงๆเลยว่านกสองหัวจริงๆ ญีปุ่นไม่ได้ใช้กำลังเอาบ้านเอาเมือง แต่ยังยื่นข้อเสนอจะคืนดินแดนที่ฝรั่งเศสกะอังกิดยึดไปให้ ซึ่งถ้าญี่ปุ่นชนะก็แปลว่าไทยจะได้ดินแดนอินโดจีนมาทั้งหมด แต่พอดีมันแพ้ เลยต้องอ้างเสรีไทย ที่ในพล นิกร กิมหงวน เชียร์ยี่ปุ่นเนี่ยเรื่องปกติ คิดดูว่าฝรั่งสมัยนั้นมันให้อะไรกะไทยบ้าง นอกจากใช้กำลังรุกรานหาเรื่องเบ่งไปเรื่อย จากคุณ : จาจาบิงแปงร่างเป็นไอ้มดเขียว - [ วันเถลิงศก (15) 10:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เรื่องในอดีตก็คือบทเรียนประััวัติศาสตร์ที่ต้องศึกษาว่าเราทำพลาดอะไรตรงไหนไปบ้าง จะได้ไม่ทำซ้ำ ส่วนจะดีหรือเลวก็เป็นการทำเพื่อให้ชาติรอดพ้นมา แต่ผมกลับเห็นบางคนพยายามหาเรื่องด่าบรรพบุรุึษตัวเอง นี่มันตลกเสียจริง ชาตินี้คุณได้ทำประโยชน์อะไรให้กับชาติตัวเองบ้างหรือยัง นอกจากกินขี้ปี้นอนไปวันๆ? ศึกษาข้อผิดพลาดกับก่นด่าบรรพบุรุษนี่มันต่างกันหลายเท่านะครับ ที่ผมเห็นในกระทู้นี้ มันคือการด่าบรรพบุรุษตะหาก ไม่ได้อยากรู้ข้อเท็จจริงอะไรกับเขาหรอก ด่าเอามันเท่านั้นเอง จากคุณ : ....4จุด - [ วันเถลิงศก (15) 11:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ : ....4จุด ออกความคิดเห็นได้ใจจริงๆ ทำให้นึกถึงเพลงนี้เลย.. เราสู้... (เพลงพระราชนิพนธ์) บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น จะสู้กันไม่หลบหนีหาย สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู บ้านเมืองเราเราต้องรักษา อยากทำลายเชิญมาเราสู้ เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว จากคุณ : iamnid - [ วันเถลิงศก (15) 11:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ผมถามคุณ ....4จุด นิดหนึ่งว่า บรรพบุรุษที่คุณว่า ทำเพื่อ "ชาติ" ล้วนๆ เช่นนั้นจึงแตะต้องไม่ได้ ? งั้นผมวิจารณ์นโยบายทักษิณได้ไหมครับ ? หากเวลาผ่านไปสัก 40-50 ปี ทักษิณตายไปแล้ว คล้ายๆ จอมพล ป. เพราะเขาก็ (บอกว่า) ทำเพื่อชาติ เพื่อให้ชาติรอด ชาติเจริญเหมือนกัน ในสงครามเศรษฐกิจ ไม่มีท่านทักษิณ ชาติเราอาจจะไม่รอดยุค IMF มาก็ได้ จะดีจะเลวอย่างไร ท่านทักษิณ ก็ทำให้ชาติรอด ไม่งั้นเราอาจจะต้องเป็นลูกจ้างฝรั่งกันทั้งชาติไปแล้ว ไปว่าท่านทักษิณใช้นโยบายขายชาติ นี่เนรคุณมากๆนะครับ ถ้าคุณจะใช้ตรรกะ เรื่องบรรพบุรุษห้ามลบหลู่ กับการปกครองประเทศ (ของเราทุกคน ของบรรพบุรุษพวกเราทุกคน) คุณก็ต้องใช้ให้หมดนะครับ หรือคุณจะเลือกบรรพบุรุษเอาตามแต่อำเภอใจก็แล้วแต่... เราเดาเจตนาทักษิณไม่ได้ในหลายๆเรื่อง ก็เหมือนเราเดาเจตนาจอมพล ป. ไม่ได้นั่นหละครับ ว่าที่แกทำไป เพื่อชาติรอด หรือเพื่ออำนาจ หรือเพื่ออะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น... ถึงต้องมีการวิเคราะห์ แต่ถ้าวิเคราะห์แล้วมีคนมาบอกว่า อย่าด่าบรรพบุรุษ ท่านทำดีที่สุดแล้ว ฯลฯ ก็แสดงความยินดีกับคุณทักษิณไว้ล่วงหน้าครับ !!! จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ วันเถลิงศก (15) 12:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 52 #51 ก็ต้องระบุเป็นเรื่องๆสิครับ เรื่องไหนทำให้ชาติรอดก็ดี เรื่องไหนทำแล้วชาติช่วงนั้นแย่กว่าเดิมก็ว่าแย่ ถ้าคุยกันด้วยเหตุผลวิเคราะห์หลักยุทธศา่สตร์ โดยไม่พูดถึงตัวบุคคลก็คงไม่มีใึครว่าอะไรกันหรอก แต่ที่เห็นบางคนกำลังด่ารวมหมด ทั้งๆที่เขาทำให้ชาติรอด(WWII) ทำให้ลูกหลานได้มีปัญญามาเล่นเนทด่ากันทุกวันนี้ รู้ไหมถ้าตอนนั้นเราไม่ทำแบบนั้น จะเกิดอะไรขึ้น ลองวิเคราะห์กันได้เลยว่าเรามีปัญญาหาข้าว2ล้านตันส่งให้อังกฤษไหม ถ้ายอมส่งแล้วคนในชาติจะอดตายเท่าไร จะโดนเสียสิืทธิสภาพนอกอาณาเขตไปอีกเท่าไร จะโดนแบ่งแยกประเทศเป็นไทยเหนือ ไทยอีสาน ไทยใต้ให้กับใครบ้าง แบบนี้ไม่วิเคราะห์กันล่ะครับ แต่กลับไปด่ากันเรื่องนกสองหัว ซึ่งมันไม่น่าใช่ประเด็นเลย เรื่องคุณทักกี้นั้น หลายๆเรื่องดีจริงยอมรับแต่หลายเรื่องก็มีข้อสงสัย ไม่แพ้กับจอมพลป.น่ะแหละ ที่หลายๆนโยบายมีผลดี แต่บางนโยบายก็น่าสงสัยว่าเพื่ออะไร แต่ผมก็ไม่เหมารวมหรอกว่า จอมพลป.หรือทักกี้นั้นเลวไปทุกอย่างเพียงเพราะไม่ถูกใจในเรื่องส่วนบุคคล ส่วนเรื่องเจตนา ก็คงบอกกันไม่ได้(เพราะไม่รู้) แต่สุดท้ายกรรม(ผลลัพธ์ท้ายสุด)เป็นเครื่องชี้เจตนาของการกระทำขณะนั้นๆครับ จากคุณ : ....4จุด - [ วันเถลิงศก (15) 16:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 53 >>>ลองวิเคราะห์กันได้เลยว่าเรามีปัญญาหาข้าว2ล้านตันส่งให้อังกฤษไหม ถ้ายอมส่งแล้วคนในชาติจะอดตายเท่าไร จะโดนเสียสิืทธิสภาพนอกอาณาเขตไปอีกเท่าไร จะโดนแบ่งแยกประเทศเป็นไทยเหนือ ไทยอีสาน ไทยใต้ -------------------------------------------------- ประเดี๋ยวครับ ? ผลที่จะเกิดแบบนี้เพราะอะไร เพราะไทยแพ้สงคราม ใช่ไหมครับ แล้วทำไมไทยจะแพ้สงครามละครับ ? อย่าลืมว่า ไทย"เกือบ"จะต้องตกเป็นฝ่ายแพ้สงคราม เพราะการประกาศสงครามกับอังกฤษและสัมพันธมิตรนะครับ ซึ่งเป็นการกระทำของรัฐบาลในสมัยนั้นจริงๆ และผมก็วิจารณ์ในจุดนั้นอยู่ ความเห็นของผมคือ ยอมให้ญี่ปุ่นผ่านทัพ พอเข้าใจได้ (ซึ่งในท่อนนี้ผมเห็นด้วย เพราะไม่คุ้มที่จะเป็นอย่างจีน หรือเกาหลี) แต่ไปร่วมประกาศสงครามด้วย เป็นพวกญี่ปุ่น มันคือการเล็งเห็นผลเลิศ ซึ่งมันทำให้ไทยในตอนนั้นไปติดในบ่วงผู้แพ้ แบบดิ้นหลุดยากขึ้น คือ มันล้ำเส้นการถูกบังคับไปประมาณนึง ถ้าไม่มีการดำเนินการต่างๆ ของเสรีไทยมาถ่วงไว้ ก็จะเกิดผลอย่างที่คุณยกมานั่นแหละ ผมว่าคุณกำลังสับสนแล้ว เรื่องชาติรอดในสมัยสงครามโลกเพราะใคร และผมว่าตรรกะของคุณ ว่าวิจารณ์บรรพบุรุษ ที่ทำให้มีเน็ทเล่น ???? เป็นการเนรคุณ (แล้วประเทศแพ้สงคราม ชนิดสิ้นเนื้อประดาตัว แบบญี่ปุ่น เยอรมัน อิตาลี เขามีเน็ทเล่นกันไหมครับ ?) วิธีคิดแบบนี้มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่เป็นแม้แต่วิชาการด้วย และมันจะปิดกั้นกระบวนการคิด และวิเคราะห์ เพียงเพราะไม่ "เนรคุณ" แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 51 16:47:03 แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 51 16:45:40 จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ วันเถลิงศก (15) 16:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คุณบุญชิตครับ ญี่ปุ่นเขาไม่ได้ขอผ่านทางอย่างเดียวครับ เขาบังคับให้เรารบด้วยครับ ศึกษาประวัติศาสตร์ทั้งที่เอาให้ละเอียดหน่อย จอมพล ป.ตัดสินใจถูกแล้วที่ยอมร่วมรบ โดยเลือกที่ที่ไม่ต้องปะทะกับฝ่ายอังกฤษโดยตรง แต่จัดตั้งกองทัพพายัพขึ้นมาเพื่อถนอมกำลังไว้ เพราะแกประมาณว่ายังไง ญี่ปุ่นก็ต้องแพ้ เอาทหารไทยไปเก็บไว้ที่ภาคเหนือดีกว่า มีรบบ้าง แต่ก็มีส่งคนไปเจรจากับทางทหารจีนอยู่เสมอ คุณคิดหรือว่าญี่ปุ่นจะวางใจไทย ในเมื่อตอนยกพลขึ้นฝั่ง เขาก็คิดว่าคงไม่มีการปะทะ แต่ดันยิงกันซะหูดับตับไหม้ ไม่อย่างนั้น ทหารญี่ปุ่นจะสูญเสียมากกว่าไทยถึง 10 เท่าหรือ ยังไงเพื่อเป็นหลักประกันว่าไทยจะไม่ลอบกัด เขาก็ดึงให้ไทยร่วมรบด้วย จากคุณ : แตกต่าง - [ วันเถลิงศก (15) 17:20:47 A:58.9.105.58 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 #54 ถ้าสมัยสงครามโลกไทยฮึดสู้กับญี่ปุ่น ฝรั่งคงตบมือ โอว เวรี่กู๊ด  แต่หลาย ๆ คนอาจมีคุณย่าคุณยาย กลายเป็นนางบำเรอเหมือนที่จีนเกาหลีโดน วัดพระแก้วก็คงพินาศเหมือนวังมัณฑเลย์ที่พม่า.......แรงงานไทยคงกลายเป็นแรงงานทาสเต็มตัว..อาจมีลูกครึ่งญี่ปุ่นเต็มประเทศไปแล้ว......การไม่รบไม่ได้หมายความว่าขี้ขลาด ประเภทรบจนตัวตายแล้วลูกหลาน..หายช่างมันคงไม่ถูก......ถ้ารบก็โดนไม่รบก็โดนอย่างนี้คงต้องสู้ตาย แต่ถ้ารบโดนไม่รบเอาชาติรอดได้ก็น่าทำ จากคุณ : ohh_no - [ วันเถลิงศก (15) 21:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 56 #54 ยอมรับว่าผมไม่เจอข้อมูลเรื่องญี่ปุ่นบังคับให้ประกาศสงครามนะครับ เพราะข้อมูลที่มี คือ ญี่ปุ่นบังคับให้ไทยยอมให้ตั้งฐานทัพและให้ผ่านไปตีพม่า เท่าที่ผมอ่านเจอ การประกาศสงครามเกิดขึ้นภายหลัง (และน่าจะ) เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลเอง อย่างก็ตามจะไปลองค้นคว้าตามที่คุณให้แนวทางมา ซึ่งก็น่าสนใจ แต่ก็ติดใจตรงนี้ คือ "...ในเมื่อตอนยกพลขึ้นฝั่ง เขาก็คิดว่าคงไม่มีการปะทะ..." แปลว่ามีการรู้กันกับญี่ปุ่น ก่อนเกิดเหตุการณ์ 8 ธค. 84 แล้ว ? ส่วนตัวผมคิดว่า จอมพล ป. ไม่ได้คาดคิดเรื่องญี่ปุ่นจะบุกไทย แต่ดำเนินนโยบายเป็น "น้องชาย" ที่ดีหลังสงครามอินโดจีนมาอยู่ และตอนนั้นไทยออกจะไม่ไว้ใจอังกฤษอยู่มาก และไว้ใจญี่ปุ่นมากทีเดียว แต่ญี่ปุ่นบุกหักหาญเข้ามาแบบไม่ถามกันสักนิด ยังไงก็ต้องสู้กันให้รู้ศกดิ์ศรีกันบ้าง นี่กระมังจึงมีหลักฐานบางบันทึกบอกว่า ท่านถึงขนาดร้องไห้ในสภาเลย น่าจะเพราะแค้นใจเรื่องนี้ด้วย เดี๋ยวคนจะว่าผมอคติเชิงชังกับจอมพล ป. แต่อย่างเดียว เรื่องที่ผมชอบท่านก็มีครับ อย่างน้อยความ "รักวัฒนธรรมของชาติ" ของท่านก็ยังมี  ครับ ผมพูดไม่ผิดหรอก เรื่องการเปลี่ยนภาษาให้วิบัติ ที่คนเขาด่ากันมากๆ ผมก็เห็นว่าเป็นการเอาตัวรอด เรื่องที่ญี่ปุ่นจะบังคับให้คนไทยเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ดีทีเดียว (ก็เรายังไม่มีเวลาเรียนภาษาญี่ปุ่นหรอก เรากำลังปฏิรูป "พาสาไทย" อยู่) หรือแนวคิดที่ท่านจะตั้งพุทธมณฑล ให้เป็นเหมือน "แดนพุทธศาสนา" คล้ายวาติกัน ก็น่าสนใจทีเดียว #55 นั่นสิครับ คิดว่าบทเรียนจากเกาหลี และจีน ทำให้ไม่มีใครคิดว่าเราควรเปิดศึกกับญี่ปุ่นแน่ๆ จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ วันเถลิงศก (15) 22:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 57 หนทางพิสูจน์ม้า การเวลาพิสูจน์คน จากคุณ : นักเลงสวรรคโลก - [ 16 เม.ย. 51 00:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ได้ครับคุณบุญชิต ปกติข้อมูลของจอมพล ป.จะถูกเขียนโดยฝ่ายตรงข้ามของแก จริงๆ ทั้งจอมพล ป. และปรีดี ก็รักชาติด้วยกันทั้งคู่ แต่คนละแนวทางปรีดีรักชาติในแง่ของชนชั้น จอมพล ป.รักชาติในแง่ของชาติพันธ์ นโยบายบางอย่างก็เลยไปด้วยกันไม่ได้ จากคนที่เป็นเพื่อนกันก็เลยเป็นศัตรูกัน ประวัติศาสตร์เมืองไทยมักจะเขียนโดยใส่อคติส่วนตัวของผู้เขียน ถ้าเราต้องการรู้ความจริงจำเป็นต้องอ่านจากทั้ง 2 ฝั่งครับ ตามนี้ครับ http://www.aircadet22.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=344463&Ntype=1 ถ้าเปิดไม่ได้ข้อความสำคัญคืออันนี้ครับ "การติดต่อกับกองทัพจีน เมื่อกองทัพพายัพได้ปฏิบัติตามแผนสิ้นสุดลง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผบ.ทหารสูงสุด มีคำสั่งลับผ่าน พล.ท.จิร วิชิตสงคราม แม่ทัพพายัพให้ พล.ต.พิชัย หาญสงคราม ผบ.พล.๓ ดำเนินการติดต่อกับกองทัพจีนซึ่งมีกำลังส่วนหน้าตั้งอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำลำ เพื่อทำความเข้าใจกับจีนว่า ไทยกับจีนไม่มีสาเหตุใดที่จะเป็นศัตรูกัน ควรหยุดทำการสู้รบกันเสียและขอให้จีนเข้าใจด้วยว่า ไทยจำต้องยอมเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นเพราะถูกบังคับ ก.พ. ๒๔๘๖ แม่ทัพพายัพสั่งให้ปล่อยเชลยศึก ๕ คนพร้อมมีหนังสือถึง จอมพล เจียงไคเช็ค ประมุขของรัฐบาลจีนผ่านทาง ผบ.พล.๙๓ กลางเดือน มี.ค.๒๔๘๖ ผบ.พล.๓ ได้รับหนังสือตอบจากจีนว่ายินดีติดต่อกับไทย พร้อมกันนั้น จอมพล เจียงไคเช็ค ได้ประกาศทางวิทยุอย่างเป็นทางการว่ามีความปรารถนาจะให้ไทยคงความเป็นเอกราชหลังสงคราม ในขณะเดียวกันประธานาธิบดี รูสเวลต์ แห่งสหรัฐอเมริกา ก็ประกาศสนับสนุนผู้นำจีน" และก็อันนี้อีกอัน http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2007/08/X5750237/X5750237.html ส่วนที่ว่า "...ในเมื่อตอนยกพลขึ้นฝั่ง เขาก็คิดว่าคงไม่มีการปะทะ..." อันนี้ต้องขอบอกว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะ เพราะสงสัยมากว่าทหารญี่ปุ่นตายเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร น่าจะมาจากความประมาท ซึ่งสาเหตุก็น่าจะเป็นเพราะเบื้องบนแจ้งพวกเขาว่าได้มีการเจรจากับทางประเทศไทย แล้ว ซึ่งจริงๆ ก็มีการเจรจาแล้ว แต่ทางไทยยังไม่ได้ตอบตกลง เพราะในเหตุการณ์ที่วัฒนานคร เครื่องบินญี่ปุ่นที่เข้ามานักบินก็บอกว่าได้รับคำสั่งไม่ยืนยันว่าได้เจรจากับไทยแล้ว แต่หากพบเครื่องบินไทยเข้าขัดขวางให้ยิงได้ทันที การรบที่วัฒนานคร จึงไม่มีการโจมตีสนามบิน แค่บินผ่านเฉยๆ แต่นักบินของเรา 3 คนไม่ยอมขึ้นไปขัดขวางเลยถูกยิงตก จากคุณ : แตกต่าง - [ 16 เม.ย. 51 13:51:46 A:202.57.137.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 เพิ่มเติมเนื้อหาสำคัญครับ "การร่วมวงศ์ไพบูลย์กับญี่ปุ่น ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งพิเศษ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2484 ได้มีการพิจารณาเรื่อง การทำกติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางญี่ปุ่นเห็นว่า กิจการทหารของเขาได้คืบหน้าไปมาก แต่ทางไทยยังไม่มีอะไรผูกพันกับเขาเลย เหมือนมีรากฐานอยู่บนทราย ดังนั้นทางญี่ปุ่นจึงขอให้ไทย เลือกเอาทาง military co - operation คือการร่วมมือทางทหารของญี่ปุ่น ขอทราบผลการตกลงในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยได้ประมวลสถานการณ์ ที่ได้พัฒนาไปตามลำดับ กล่าวคือ คาดว่าอังกฤษจะประกาศสงครามกับไทยไม่เกิน 2 อาทิตย์ เวลานี้เครื่องบินอังกฤษได้มาทิ้งระเบิดที่หาดใหญ่เสียหายมาก และทหารอังกฤษสองพันคน ได้เข้ามาที่แม่สอด กำลังเผชิญหน้ากับตำรวจอยู่ ในที่สุดที่ประชุมได้ตกลงใจ ให้ดำเนินการทหารรวมกันกับญี่ปุ่น จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกจากที่ประชุม เพื่อพบทูตญี่ปุ่นซึ่งมาที่ทำเนียบวังสวนกุหลาบ และได้ลงนามใน กติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยลงนามร่วมกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2484 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ลงนามใน หลักการร่วมยุทธระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยมี นายพลโท อีดา แม่ทัพกองทัพที่ 15 ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกญี่ปุ่นในประเทศไทย และนายพลเรือตรี ชาดอง ทูตทหารเรือญี่ปุ่นประจำกรุงเทพ ฯ ในฐานะผู้แทนจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น ลงนามในฐานะผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น " และ "การร่วมวงศ์ไพบูลย์กับญี่ปุ่น ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งพิเศษ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2484 ได้มีการพิจารณาเรื่อง การทำกติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางญี่ปุ่นเห็นว่า กิจการทหารของเขาได้คืบหน้าไปมาก แต่ทางไทยยังไม่มีอะไรผูกพันกับเขาเลย เหมือนมีรากฐานอยู่บนทราย ดังนั้นทางญี่ปุ่นจึงขอให้ไทย เลือกเอาทาง military co - operation คือการร่วมมือทางทหารของญี่ปุ่น ขอทราบผลการตกลงในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยได้ประมวลสถานการณ์ ที่ได้พัฒนาไปตามลำดับ กล่าวคือ คาดว่าอังกฤษจะประกาศสงครามกับไทยไม่เกิน 2 อาทิตย์ เวลานี้เครื่องบินอังกฤษได้มาทิ้งระเบิดที่หาดใหญ่เสียหายมาก และทหารอังกฤษสองพันคน ได้เข้ามาที่แม่สอด กำลังเผชิญหน้ากับตำรวจอยู่ ในที่สุดที่ประชุมได้ตกลงใจ ให้ดำเนินการทหารรวมกันกับญี่ปุ่น จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกจากที่ประชุม เพื่อพบทูตญี่ปุ่นซึ่งมาที่ทำเนียบวังสวนกุหลาบ และได้ลงนามใน กติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยลงนามร่วมกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2484 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ลงนามใน หลักการร่วมยุทธระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยมี นายพลโท อีดา แม่ทัพกองทัพที่ 15 ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกญี่ปุ่นในประเทศไทย และนายพลเรือตรี ชาดอง ทูตทหารเรือญี่ปุ่นประจำกรุงเทพ ฯ ในฐานะผู้แทนจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น ลงนามในฐานะผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น หลักการร่วมยุทธระหว่างไทยกับญี่ปุ่น มีดังนี้ 1. กองทัพญี่ปุ่น ณ ประเทศไทย และกองทัพไทยจะทำการร่วมยุทธต่อกองทัพข้าศึกในพม่า 2. ก่อนอื่น กองทัพไทยจะยึดชายแดนไทยพม่าให้มั่นคง พร้อมกับทำการรักษาฝั่งทะเล ทิศตะวันตกของประเทศทางภาคใต้ เพื่อป้องกันการชุมพลของกองทัพไทย - ญี่ปุ่น ในระหว่างนี้ กองทัพไทยจะช่วยถนนสายระแหง - แม่สอด - มิยาวดี (เมียวดี) และสายกาญจนบุรี - บ้องตี้ ทั้งนี้กองทัพญี่ปุ่นจะเข้าร่วมด้วย ๓. กองทัพญี่ปุ่น ณ ประเทศไทย มีความหมายสำคัญที่จะทำการยุทธในภูมิภาคทางทิศใต้ ของแนวระแหง - แม่สอด - มิยวดี (รัฐฉานของพม่า) แนวนี้อยู่ในเขตด้านตรงไปย่างกุ้ง กองทัพไทยนั้นมีความมุ่งหมายสำคัญที่จะทำการยุทธในภูมิภาค ทางทิศเหนือของแนวที่กล่าวแล้ว มุ่งตรงไปเชียงตุงและมัณฑเลย์ ๔. กองทัพอากาศไทย และญี่ปุ่น ต่างฝ่ายต่างทำการยุทธในด้านของตน ถ้ามีความจำเป็น กองทัพอากาศญี่ปุ่น จะเข้าร่วมกำลังกับกองทัพอากาศของไทยด้วย ๕. ราชนาวีแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ครองน่านน้ำไทย ประมาณตั้งแต่เหนือแนวสัตหีบ - หัวหิน ขึ้นไป ต่อมาอีก 10 วันคือ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2484 ได้มีการลงนามใน กติกาสัญญาไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น มีอยู่ ๕ ข้อด้วยกัน ดังนี้ 1. ประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทย สถาปนาสัมพันธไมตรีต่อกันและกัน ตามมูลฐานที่ต่างฝ่ายต่างเคารพเอกราชและอธิปไตยแห่งกันและกัน 2. ในกรณีที่ประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศไทย อยู่ในการขัดกันทางอาวุธกับประเทศภายนอก จะเป็นประเทศเดียวหรือหลายประเทศก็ตาม ประเทศไทยหรือประเทศญี่ปุ่น จะเข้าข้างภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ในฐานที่เป็นพันธมิตรทันที และจะให้ความช่วยเหลือแก่ภาคีนั้นด้วยบรรดาปัจจัยของตน การเศรษฐกิจ และทหาร ๓. รายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อ 2 จะได้กำหนดด้วยความตกลงร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแห่งประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย ๔. ในกรณีสงครามซึ่งกระทำร่วมกัน ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยรับรองว่าจะไม่ทำสัญญาสงบศึก หรือสันติภาพ นอกจากจะได้ทำความตกลงร่วมกันโดยบริบูรณ์ ๕. กติกาสัญญานี้จะได้เริ่มใช้ตั้งแต่วันลงนามเป็นต้นไป กติกาสัญญาจะมีกำหนดอายุสิบปี ภาคีทั้งสองฝ่ายจะได้ปรึกษาหารือกัน ในเรื่องการต่ออายุกติกาสัญญานี้ในเวลาอันควร ก่อนสิ้นกำหนดอายุสัญญาดังกล่าวแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ ๓ มกราคม 2485 ได้มีการลงนามร่วมกันใน ข้อตกลงในกิจที่เกี่ยวกับการยุทธร่วมกัน ระหว่างญี่ปุ่นกับไทย ระหว่าง จอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กับ พลโท อีดา แม่ทัพกองทัพที่ 15 ญี่ปุ่น ในฐานะผู้บัญชาการทหารบกญี่ปุ่นในประเทศไทย และพลเรือตรี ชาคอง ทูตทหารเรือญี่ปุ่น ในฐานะผู้แทนจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น การประกาศสงคราม เมื่อได้ลงนามในกติกาสัญญาพันธไมตรีกับญี่ปุ่นแล้ว คณะรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายให้ นายเดือน บุนนาค ร่างคำประกาศสงครามพร้อมด้วยพระราชบัญญัติว่าด้วยชนชาติศัตรู และได้ตั้งคณะกรรมาธิการประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรรณไวทยากร นายวิจิตร วิจิตรวาทการ (หลวงวิจิตรวาทการ) และนายเดือน บุนนาค นำไปตรวจแก้ เตรียมการต่าง ๆ ไว้เรียบร้อย แต่ยังไม่ดำเนินการประกาศสงคราม สรุปเหตุผลที่รัฐบาลไทยต้องประกาศสงครามกับอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา พอประมวลได้ดังนี้ 1. กองทัพญี่ปุ่นเปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่ขอเดินทัพผ่านประเทศไทยเป็นลักษณะเข้ายึดครอง ได้เข้าควบคุมการเคลื่อนไหวทางทหาร และการคมนาคม 2. กองทัพญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงการบริหารของรัฐบาล ถึงกับเสนอขอเข้าฟังการประชุมของคณะรัฐมนตรี ๓. กองทัพญี่ปุ่นเตรียมเกณท์ยวดยานพาหนะ เครื่องอุปกรณ์ในการรบและแรงงาน ๔. กองทัพญี่ปุ่นห้ามการกระจายเสียง การโฆษณา ฉายภาพยนตร์ตลอดจนห้ามสอนภาษาอังกฤษ ๕. กองทัพญี่ปุ่นเริ่มพิมพ์ธนบัตรญี่ปุ่นขึ้นใช้ในประเทศไทย 6. กองทัพญี่ปุ่นเข้าสำรวจเตรียมยึดทรัพย์ของชนชาติอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฮอลันดา ตลอดจนสัมปทานป่าไม้ เหมืองแร่ ซึ่งต่อไปรัฐบาลไทยจะต้องชดใช้เป็นเงินจำนวนมหาศาล 7. กองทัพญี่ปุ่นให้ส่งมอบชนชาติอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฮอลันดา ในสถานที่กักกันของไทย ที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาตร์ และการเมืองจำนวนหลายพันคน ไปเข้าค่ายเชลยญี่ปุ่นที่แม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี การประกาศสงครามต่ออังกฤษและสหรัฐอเมริกา เป็นความจำเป็นที่สุด และเป็นการช่วยตนเอง ให้พ้นจากความพินาศ เพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังไม่ได้ประกาศสงคราม จนกระทั้ง เมื่อกลางคืนของวันที่ 24 มกราคม 2485 พระนครถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ลูกระเบิดถูกมุขด้านเหนือของพระที่นั่งอนันตสมาคมพังลงมา เป็นการทิ้งระเบิดครั้งแรก พอวันรุ่งขึ้น 25 มกราคม 2485 ไทยก็ได้ประกาศสงคราม " จากคุณ : แตกต่าง - [ 16 เม.ย. 51 14:06:15 A:202.57.137.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 60 กระทู้นี้ มี 2 จำพวก 1.ใช้หลักฐาน 2.ใช้อารมณ์ จากคุณ : บุคคลทั่วไป - [ 17 เม.ย. 51 04:03:00 A:202.29.6.19 X: TicketID:117678 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เพิ่มเติมเนื้อหาสำคัญครับ "การร่วมวงศ์ไพบูลย์กับญี่ปุ่น ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งพิเศษ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2484 ได้มีการพิจารณาเรื่อง การทำกติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางญี่ปุ่นเห็นว่า กิจการทหารของเขาได้คืบหน้าไปมาก แต่ทางไทยยังไม่มีอะไรผูกพันกับเขาเลย เหมือนมีรากฐานอยู่บนทราย ดังนั้นทางญี่ปุ่นจึงขอให้ไทย เลือกเอาทาง military co - operation คือการร่วมมือทางทหารของญี่ปุ่น ขอทราบผลการตกลงในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยได้ประมวลสถานการณ์ ที่ได้พัฒนาไปตามลำดับ กล่าวคือ คาดว่าอังกฤษจะประกาศสงครามกับไทยไม่เกิน 2 อาทิตย์ เวลานี้เครื่องบินอังกฤษได้มาทิ้งระเบิดที่หาดใหญ่เสียหายมาก และทหารอังกฤษสองพันคน ได้เข้ามาที่แม่สอด กำลังเผชิญหน้ากับตำรวจอยู่ ในที่สุดที่ประชุมได้ตกลงใจ ให้ดำเนินการทหารรวมกันกับญี่ปุ่น จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกจากที่ประชุม เพื่อพบทูตญี่ปุ่นซึ่งมาที่ทำเนียบวังสวนกุหลาบ และได้ลงนามใน กติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยลงนามร่วมกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2484 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ลงนามใน หลักการร่วมยุทธระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยมี นายพลโท อีดา แม่ทัพกองทัพที่ 15 ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกญี่ปุ่นในประเทศไทย และนายพลเรือตรี ชาดอง ทูตทหารเรือญี่ปุ่นประจำกรุงเทพ ฯ ในฐานะผู้แทนจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น ลงนามในฐานะผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น " และ "การร่วมวงศ์ไพบูลย์กับญี่ปุ่น ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งพิเศษ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2484 ได้มีการพิจารณาเรื่อง การทำกติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางญี่ปุ่นเห็นว่า กิจการทหารของเขาได้คืบหน้าไปมาก แต่ทางไทยยังไม่มีอะไรผูกพันกับเขาเลย เหมือนมีรากฐานอยู่บนทราย ดังนั้นทางญี่ปุ่นจึงขอให้ไทย เลือกเอาทาง military co - operation คือการร่วมมือทางทหารของญี่ปุ่น ขอทราบผลการตกลงในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยได้ประมวลสถานการณ์ ที่ได้พัฒนาไปตามลำดับ กล่าวคือ คาดว่าอังกฤษจะประกาศสงครามกับไทยไม่เกิน 2 อาทิตย์ เวลานี้เครื่องบินอังกฤษได้มาทิ้งระเบิดที่หาดใหญ่เสียหายมาก และทหารอังกฤษสองพันคน ได้เข้ามาที่แม่สอด กำลังเผชิญหน้ากับตำรวจอยู่ ในที่สุดที่ประชุมได้ตกลงใจ ให้ดำเนินการทหารรวมกันกับญี่ปุ่น จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกจากที่ประชุม เพื่อพบทูตญี่ปุ่นซึ่งมาที่ทำเนียบวังสวนกุหลาบ และได้ลงนามใน กติกาสัญญาทางทหารระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยลงนามร่วมกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2484 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ลงนามใน หลักการร่วมยุทธระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยมี นายพลโท อีดา แม่ทัพกองทัพที่ 15 ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกญี่ปุ่นในประเทศไทย และนายพลเรือตรี ชาดอง ทูตทหารเรือญี่ปุ่นประจำกรุงเทพ ฯ ในฐานะผู้แทนจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น ลงนามในฐานะผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น หลักการร่วมยุทธระหว่างไทยกับญี่ปุ่น มีดังนี้ 1. กองทัพญี่ปุ่น ณ ประเทศไทย และกองทัพไทยจะทำการร่วมยุทธต่อกองทัพข้าศึกในพม่า 2. ก่อนอื่น กองทัพไทยจะยึดชายแดนไทยพม่าให้มั่นคง พร้อมกับทำการรักษาฝั่งทะเล ทิศตะวันตกของประเทศทางภาคใต้ เพื่อป้องกันการชุมพลของกองทัพไทย - ญี่ปุ่น ในระหว่างนี้ กองทัพไทยจะช่วยถนนสายระแหง - แม่สอด - มิยาวดี (เมียวดี) และสายกาญจนบุรี - บ้องตี้ ทั้งนี้กองทัพญี่ปุ่นจะเข้าร่วมด้วย ๓. กองทัพญี่ปุ่น ณ ประเทศไทย มีความหมายสำคัญที่จะทำการยุทธในภูมิภาคทางทิศใต้ ของแนวระแหง - แม่สอด - มิยวดี (รัฐฉานของพม่า) แนวนี้อยู่ในเขตด้านตรงไปย่างกุ้ง กองทัพไทยนั้นมีความมุ่งหมายสำคัญที่จะทำการยุทธในภูมิภาค ทางทิศเหนือของแนวที่กล่าวแล้ว มุ่งตรงไปเชียงตุงและมัณฑเลย์ ๔. กองทัพอากาศไทย และญี่ปุ่น ต่างฝ่ายต่างทำการยุทธในด้านของตน ถ้ามีความจำเป็น กองทัพอากาศญี่ปุ่น จะเข้าร่วมกำลังกับกองทัพอากาศของไทยด้วย ๕. ราชนาวีแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ครองน่านน้ำไทย ประมาณตั้งแต่เหนือแนวสัตหีบ - หัวหิน ขึ้นไป ต่อมาอีก 10 วันคือ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2484 ได้มีการลงนามใน กติกาสัญญาไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น มีอยู่ ๕ ข้อด้วยกัน ดังนี้ 1. ประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทย สถาปนาสัมพันธไมตรีต่อกันและกัน ตามมูลฐานที่ต่างฝ่ายต่างเคารพเอกราชและอธิปไตยแห่งกันและกัน 2. ในกรณีที่ประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศไทย อยู่ในการขัดกันทางอาวุธกับประเทศภายนอก จะเป็นประเทศเดียวหรือหลายประเทศก็ตาม ประเทศไทยหรือประเทศญี่ปุ่น จะเข้าข้างภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ในฐานที่เป็นพันธมิตรทันที และจะให้ความช่วยเหลือแก่ภาคีนั้นด้วยบรรดาปัจจัยของตน การเศรษฐกิจ และทหาร ๓. รายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อ 2 จะได้กำหนดด้วยความตกลงร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแห่งประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย ๔. ในกรณีสงครามซึ่งกระทำร่วมกัน ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยรับรองว่าจะไม่ทำสัญญาสงบศึก หรือสันติภาพ นอกจากจะได้ทำความตกลงร่วมกันโดยบริบูรณ์ ๕. กติกาสัญญานี้จะได้เริ่มใช้ตั้งแต่วันลงนามเป็นต้นไป กติกาสัญญาจะมีกำหนดอายุสิบปี ภาคีทั้งสองฝ่ายจะได้ปรึกษาหารือกัน ในเรื่องการต่ออายุกติกาสัญญานี้ในเวลาอันควร ก่อนสิ้นกำหนดอายุสัญญาดังกล่าวแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ ๓ มกราคม 2485 ได้มีการลงนามร่วมกันใน ข้อตกลงในกิจที่เกี่ยวกับการยุทธร่วมกัน ระหว่างญี่ปุ่นกับไทย ระหว่าง จอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กับ พลโท อีดา แม่ทัพกองทัพที่ 15 ญี่ปุ่น ในฐานะผู้บัญชาการทหารบกญี่ปุ่นในประเทศไทย และพลเรือตรี ชาคอง ทูตทหารเรือญี่ปุ่น ในฐานะผู้แทนจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น การประกาศสงคราม เมื่อได้ลงนามในกติกาสัญญาพันธไมตรีกับญี่ปุ่นแล้ว คณะรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายให้ นายเดือน บุนนาค ร่างคำประกาศสงครามพร้อมด้วยพระราชบัญญัติว่าด้วยชนชาติศัตรู และได้ตั้งคณะกรรมาธิการประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรรณไวทยากร นายวิจิตร วิจิตรวาทการ (หลวงวิจิตรวาทการ) และนายเดือน บุนนาค นำไปตรวจแก้ เตรียมการต่าง ๆ ไว้เรียบร้อย แต่ยังไม่ดำเนินการประกาศสงคราม สรุปเหตุผลที่รัฐบาลไทยต้องประกาศสงครามกับอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา พอประมวลได้ดังนี้ 1. กองทัพญี่ปุ่นเปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่ขอเดินทัพผ่านประเทศไทยเป็นลักษณะเข้ายึดครอง ได้เข้าควบคุมการเคลื่อนไหวทางทหาร และการคมนาคม 2. กองทัพญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงการบริหารของรัฐบาล ถึงกับเสนอขอเข้าฟังการประชุมของคณะรัฐมนตรี ๓. กองทัพญี่ปุ่นเตรียมเกณท์ยวดยานพาหนะ เครื่องอุปกรณ์ในการรบและแรงงาน ๔. กองทัพญี่ปุ่นห้ามการกระจายเสียง การโฆษณา ฉายภาพยนตร์ตลอดจนห้ามสอนภาษาอังกฤษ ๕. กองทัพญี่ปุ่นเริ่มพิมพ์ธนบัตรญี่ปุ่นขึ้นใช้ในประเทศไทย 6. กองทัพญี่ปุ่นเข้าสำรวจเตรียมยึดทรัพย์ของชนชาติอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฮอลันดา ตลอดจนสัมปทานป่าไม้ เหมืองแร่ ซึ่งต่อไปรัฐบาลไทยจะต้องชดใช้เป็นเงินจำนวนมหาศาล 7. กองทัพญี่ปุ่นให้ส่งมอบชนชาติอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฮอลันดา ในสถานที่กักกันของไทย ที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาตร์ และการเมืองจำนวนหลายพันคน ไปเข้าค่ายเชลยญี่ปุ่นที่แม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี การประกาศสงครามต่ออังกฤษและสหรัฐอเมริกา เป็นความจำเป็นที่สุด และเป็นการช่วยตนเอง ให้พ้นจากความพินาศ เพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังไม่ได้ประกาศสงคราม จนกระทั้ง เมื่อกลางคืนของวันที่ 24 มกราคม 2485 พระนครถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ลูกระเบิดถูกมุขด้านเหนือของพระที่นั่งอนันตสมาคมพังลงมา เป็นการทิ้งระเบิดครั้งแรก พอวันรุ่งขึ้น 25 มกราคม 2485 ไทยก็ได้ประกาศสงคราม " จากคุณ : แตกต่าง - [ 18 เม.ย. 51 08:23:36 A:202.57.137.157 X: ]