ความคิดเห็นที่ 1 หลายคนคิดว่าการเร่งผลิตเชื้อเพลิงไบโอเกิดจากการขึ้นราคาน้ำมันดิบอย่างไม่หยุดหย่อน แต่จริงๆแล้วราคาน้ำมันแพงเป็นแค่เร่งปฏิกิริยาทำให้สถานการณ์เกิดเร็วขึ้นเท่านั้น จริงๆแล้วสถานการณ์เริ่มมาตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งเป็นปีที่สัญญาเกียวโตมีผลใช้บังคับ อาหารจำพวกแป้งซึ่งเป็นอาหารหลักของมนุษย์ ถูกเอาไปใช้ผลิตเอธานอล พื้นที่ที่เคยใช้ปลูกอาหารจำพวกแป้งบางส่วน ก็ถูกนำไปปลูกพืชน้ำมันเพื่อทำไบโอดีเซล นับจากปี 2006 เป็นต้นมา  ชาวโลกก็เริ่มใช้อาหารมากกว่าที่ผลิตได้ เพียงแต่เรายังไม่เห็นผลทันที เพราะอาหารสำรองของโลกยังมีมาก แต่สองปีผ่านไป อาหารสำรองโดยเฉพาะหมวดอาหารแป้งราคาถูกก็ร่อยหลอ คนจนนับร้อยล้านทั่วโลกกำลังประสบปัญหาที่ถือว่าร้ายแรงถึงชีวิต เราอาจจะนึกว่าปัญหาไม่รุนแรง เพราะอาหารอย่างข้าวสารเพิ่งจะขึ้นราคาไปไม่มาก แต่อาหารแป้งคุณภาพต่ำที่เคยมีราคาถูก เช่นแป้งข้าวโพดเกรดต่ำ  ซึ่งเคยเป็นอาหารของคนจน ถูกกว้านซื้อไปผลิตเอธานอลจนหมด ทำให้ราคาขึ้นไปสองเท่าครึ่งก่อนที่จะหาซื้อไม่ได้ในที่สุด ผู้คนในอเมริกากลางและอเมริกาใต้จำนวนหลายล้านที่เคยยังชีพด้วยแป้งข้าวโพดคุณภาพต่ำ ต้องซื้อแป้งที่ราคาแพงกว่ามาบริโภคแทน หลายครอบครัวมีเงินไม่พอซื้ออาหารพอกินให้ครบทุกมื้อ ตอนนี้อาหารแป้งคุณภาพต่ำในคลังอาหารของโลกร่อยหลอเกือบหมดแล้ว การอุดหนุนเงินช่วยเหลือคนยากจน ก็ไม่ใช่ทางแก้ เพราะถ้าคนจนมีเงินพอซื้ออาหารแป้งที่แพงขึ้น อาหารแป้งคุณภาพดีก็จะขาดตลาดและขึ้นราคา และจะกระทบชนชั้นกลางไล่ขึ้นไปเป็นทอดๆ และสถานการณ์คงจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะ เอธานอล มีศักยภาพทางการตลาดสูง ในปัจจุบัน เอธานอล ราคาลิตรละ 23 บาทเท่านั้น ทำให้รถยนต์หันมากินอาหารแข่งกับมนุษย์ การผลิตเชื้อเพลิงไบโอในขณะนี้ อาจจะสูงเกินจุดที่ศักยภาพการผลิตอาหารจะรองรับได้เสียแล้ว แม้จะยังไม่ใช่ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็เป็นเรื่องจริงแล้วในระดับอาหารคุณภาพต่ำของคนยากจน แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 18:53:53 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 15:12:24 จากคุณ : กาลามะชน - [ 16 เม.ย. 51 15:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนกรณีของไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบวันนี้ราคาลิตรละประมาณ 35 บาท พอเอาไปทำเป็นไบโอดีเซลก็น่าจะแพงขึ้นไปอีก แต่ดันเอามาขายให้เติมรถยนต์ในราถูก ส่วนมนุษย์กลับต้องปันส่วนซื้อน้ำมันพืชเพื่อบริโภคในราคาแพง ที่จริงมีหลายคนออกความเห็นมานานแล้วว่าไบโอดีเซลสำหรับประเทศไทย เป็นการพัฒนาที่หลงทิศ ประเทศที่ผลิตน้ำมันพืชเองไม่พอใช้ ยังต้องซื้อน้ำมันพืชจากต่างประเทศ ดันอุตริทำไบโอดีเซล ถ้าคิดว่าให้เอาน้ำมันพืชใช้แล้วมาทำก็ยังไม่ถูกเพราะยังมีอุตสาหกรรมบางประเภทซื้อไปใช้ ไม่เททิ้งเปล่า พอเราเอาน้ำมันพืชใช้แล้วไปทำไบโอดีเซล อุตสาหกรรมเหล่านั้นก็ต้องไปซื้อน้ำมันพืชเกรดดีมาใช้แทน สินค้าบางชนิดจะมีต้นทุนแพงขึ้น รวมทั้งน้ำมันพืชคุณภาพดีก็็ขาดไล่กันไปเป็นทอดๆ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 17:15:53 จากคุณ : กาลามะชน - [ 16 เม.ย. 51 15:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อืม แย่จัง จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 16 เม.ย. 51 15:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณกาลามะชน พอจะมีตัวเลข - อาหารจำพวกแป้ง ที่ผลิตได้ ที่ถูกนำไปใช้ผลิตเชื้อเพลิง และความต้องการบริโภคของประชากรโลกไหม ย้อนหลังสัก 5 ปีไหมครับ - พื้นที่ปลูกอาหารสำหรับการบริโภค พื้นที่ปลูกพืชพลังงาน พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ย้อนหลังสัก 5 ปีไหมครับ ทั้งในประเทศไทยและในโลก จากคุณ : ช า ติ - [ 16 เม.ย. 51 15:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประเทศที่รวยๆ ควรจะทำอะไรสักอย่างนะ เพราะประเทศที่ปลูกพืชเพื่ออาหาร เค้าก็ต้องปลูกพืชเพื่อพลังงานเหมือนกัน นี่ จากคุณ : Atomic Secret - [ 16 เม.ย. 51 15:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผู้บริหารเนสเล่ ก็เพิ่งออกมาเตือนเรื่องนี้ครับ สื่อในไทยเราไม่ค่อยมีคนสนเรื่องนี้เท่าไร . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 16 เม.ย. 51 16:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คนรวยใช้พลังงานที่ปกติจะเป็นอาหารของคนจนๆ ถ้าเราไม่ลดใช้พลังงาน หรือหาแหล่งพลังงานทดแทนอื่นๆ อเมริกามันมาบุกยึดไทย พม่า เวียดนามแน่ๆ จากคุณ : PKT - [ 16 เม.ย. 51 17:29:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หยุดใช้พลังงาน จบ เดินไปทำงาน ปั่นจักรยาน ถนนบ้านเรานี่ถ้าไม่มีรถ เอาจักรยานมาปั่นล้วนๆ คงสนุกอยุ่นะ  อากาศก็ดีอีกด้วย จากคุณ : NaCl - [ 16 เม.ย. 51 17:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไปมาๆเทคโนโลยีก็พาโลกไปทางตันอยู่ดี เพราะทุกคนยังมีชีวิตประจำวันเหมือนเดิม เพราะเป็นธรรมดาของทุนนิยม เมื่อสิ่งนั้นถูกตีค่า ทรัพยากรนั้นก็จะโดนฉกฉวยไปใช้ ถึงเวลาต่อไปขี้กบ ขี้นก จิ้งหรีด ก้อนดิน ก็จะถูกตีเป็นตัวเลขเป็นทุนได้หมด ถึงเวลานั้นคนจนก็โดนทุนนิยมแย่งทรัพยากรทุกอย่างไป ถ้าเราทำส้มตำให้ฮิตทั่วโลก ส้มตำก็มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ส้มตำที่ดีก็แพงขึ้นแต่ถูกส่งไปขายคนมีทุน ครกที่ดีก็แพงขึ้น คนในประเทศอย่างมากก็ได้กินส้มตำเกรดสอง เหมือนที่เรากินข้าวหอมมะลิเกรดสองทุกวันนี้ เกรดดีที่สุดเป็นของส่งออก ทุนนิยมเป็นดาบสองคม ต้องบริหารดีจริงๆ ไม่งั้นก็มาทำร้ายตัวเอง ทางออกคือเศรษฐกิจพอเพียง สร้างความอยู่รอด กระจายความเสี่ยง คิดแล้วก็ปวดหัวจะแก้คนเดียว อย่างคุณ NaCl ว่ามาก็ไม่ได้ เราไม่ขับแต่คนอื่นขับรถ เราก็แพ้เค้าในโลกทุนนิยม ทุนนิยมมีแต่วิ่งไปข้างหน้า ไม่มีเบรก จากคุณ : หลับตา - [ 16 เม.ย. 51 18:28:18 A:118.172.243.190 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาม่าพร้อมขึ้นราคาด้วยนะครับ ถ้าน้ำมันปาล์ม50บาทต่อลิตร (มีปัจจัยอื่นๆด้วย) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา - [ 16 เม.ย. 51 18:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้าวผันผวน-หวั่นภาวะขาดแคลน แนวหน้า 9 เม.ย. 2551 เมื่อวันที่วันนี้ (8 เม.ย.) นายโรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลก กล่าวภายหลังการ ประชุมร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐ โดยระบุว่า ธนาคารโลกมองว่าราคาอาหารทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตลอดปีนี้และปีหน้า เนื่องจากความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และความนิยมใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากธัญพืชเป็นพลังงานทางเลือก ทั้งนี้แนวโน้มราคาอาหารที่แพงขึ้นเป็นทั้งภัยคุกคามและโอกาสสำหรับประเทศ กำลังพัฒนา โดยด้านหนึ่งประชาชน ในประเทศเหล่านั้นเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับ ความอดอยากเพราะไม่มีเงินพอซื้ออาหาร . . . จากคุณ : กาลามะชน - [ 16 เม.ย. 51 19:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อืม.....น่าคิดนะครับ ....ราคาข้าวปัจจุบันก็ไปไกลแล้ว... แต่ผมกลับเห็นว่าการปั่นราคาน้ำมันเพื่อทำกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้านั่นแหละ เป็นตัวจุดระเบิด  พอน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลักของอุตสาหกรรมภาคข่นส่ง   ปิโตรเคมี  ปุ๋ย  พอค่าขนส่งแพง ราคาค่าครองชีพก็ขึ้นตามกันมา เป็นโดมิโน ... ตามมาด้วยราคาปุ๋ยซึ่งเป็นราคาต้นทุนของภาคเกษตรกรรมพุ่งสูงขึ้น   เกษตรกรก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขึ้นราคาขาย (แต่เอ.....บ้านเราเกษตรกรไม่ใช่ผู้กำหนดราคาขายนี่หว่า....หรือผมเข้าใจผิด) ซึ่งไม่ว่าใครเป็นคนกำหนดราคาขายมันก็แพงขึ้นทั้งนั้น   น้ำมันแพงขึ้นหลายเท่าตัวในรอบไม่กี่ปี  ทั้งๆที่ความจริงปริมาณน้ำมันที่มีในโลกมันน้อยลงจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้  มีแค่ข้อมูลว่าปริมาณการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ หลายๆฝ่ายก็ให้เหตุผลด้านกาเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและอินเดียเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ปริมาณน้ำมันที่มีขายไม่พออีกต่อไป แต่ทางแก้ละ.......อยู่ตรงไหน   .....         แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 19:22:49 จากคุณ : Dare More - [ 16 เม.ย. 51 19:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ล่าสุด พื้นที่ป่าบนเกาะบอร์เนียวลดจำนวนลงเรื่ิอยๆอย่างต่อเนื่อง และรวด เร็ว  เหตุผลก็คือความต้องการพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน พอๆกันทั้งมาเลย์และอินโด ใครนั่งเครืองผ่่านเกาะบอร์เนียวคงจะเห็นสวนปาล์มน้ำมันผุดขึ้นมาแทนที่ป่าตามธรรมชาติไปสุดลูกหูลูกตาแล้ว จากคุณ : Dare More - [ 16 เม.ย. 51 19:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เก็บตกข่าวจากหลายฉบับ นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นหลายปัจจัยที่จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดความไม่สงบขึ้นได้ ตั้งแต่ความต้องการอาหารที่เพิ่มมากขึ้น ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแต่ 100 ดอลลาร์ ไปจนถึงการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งได้ทำให้อาหารรายการพื้นฐานต่างๆมีราคาสูงขึ้น       นายอับดุลเรซา แอบบัสเซียน (Abdolreza Abbassian) นักวิเคราะห์อาวุโสด้านธัญญาหารขององค์การอาหารและการเกษตร แห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวว่าราคาอาหารที่สูงขึ้นเมื่อปีที่แล้วทำให้เกิดการประท้วงในพม่า ปากีสถาน อินโดนีเซียและมาเลเซีย       นายโจคีม วอน บรอน (Joachim von Braun) แห่งสถาบันวิจัยนโยบายอาหารระหว่างประเทศ ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียก็เป็นสาเหตุให้มีความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจของหลายประเทศขยายตัวสูง แต่ก็ได้ทิ้งคนยากคนจนเอาไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มคนยากจนระดับล่างสุด ที่ต้องใช้ 60-70% ของเงินรายได้เป็นค่าอาหาร สิ่งนี้กำลังบั่นทอนชีวิตความเป็นอยู่ของคนจนกลุ่มใหญ่ลงทุกขณะ ความจำเป็นที่ต้องหาเชื้อเพลิงทดแทน เพื่อลดการปล่อยก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก ได้ทำให้ความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพเพิ่มขึ้น         เกษตรกรในหลายประเทศแถบเอเชียหันไปปลูกพืชที่ให้น้ำมันเช่น สบู่ดำเพื่อป้อนอุตสาหกรรมผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ แทนที่จะปลูกพืชเพื่อเป็นอาหารเช่นเดิม การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจึงมีส่วนกดดันราคาอาหารด้วย ปัจจุบันประเทศไทยกำหนดให้น้ำมันดีเซลจะต้องมีส่วนผสมที่ทำจากน้ำมันปาล์มที่ใช้ในการปรุงอาหาร จึงทำให้ราคาน้ำมันปาล์มพุ่งขึ้นสูงและยังผลิตได้ไม่พอเพียง       ตัวเลของค์การอาหารของสหประชาชาติได้แสดงให้เห็นว่าในสหรัฐฯ มีการใช้ข้าวโพดไปในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัว นับตั้งแต่ปี 2546 หน่วยงานนี้ยังคาดว่าในยุโรปจะใช้ข้าวสาลีผลิตเอธานอลเพิ่มขึ้นเป็น 12 เท่าตัวในปี 2559 จากคุณ : กาลามะชน - [ 16 เม.ย. 51 19:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องนี้เพิ่งคุยกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ เมื่อตะกี้นี้เองครับ น่ากลัวเหมือนกันครับ หาทางแก้กันต่อไป เฮ้อ ! ! ! ! จากคุณ : srich - [ 16 เม.ย. 51 20:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยก็มี เหตุผลที่ราคาแป้งและข้าวแพงขึ้นเป็นเพราะราคา น้ำมันที่แพงขึ้นมากกว่าจะเป็นเพราะขึ้นราคาตามเอทานอล เนื่องจาก ตลอดกระบวนการผลิตมีการใช้น้ำมันเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามที่น่าสังเกตคือตอนนี้โมลาซราคาครึ่งหนึ่งของน้ำตาลทราย แล้ว จากเดิมเป็นสิ่งไม่มีค่า "อะไรก็ตามที่นำไปผูกกับพลังงานล้วนราคาแพงขึ้น" จากคุณ : Practical x 2 - [ 16 เม.ย. 51 21:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่เมกาไม่ยอมลงนามในพิธีสารเกียวโต จากคุณ : Bluedonut - [ 16 เม.ย. 51 21:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ใช่หรอกค่ะ  คุณ bluedonut  เมกามันเห็นแก่ได้  มันกลัวว่า  การลดการปล่อยก๊าช CO2  จะกระทบกระเทือนต่ออุตสาหกรรมของมัน   เราว่าน่าจะหาพืชที่ไม่ใช่อาหารคน  และได้น้ำมันในปริมาณสูง   พร้อมทั้งเร่งวิจัยการผลิตพลังงานจากแสดงแดด รถยนต์ที่วิ่งโดนใช้พลังงานจากแสงแดด  รถยนต์ที่ใช้พลังงานแม่เหล็กโลก จากคุณ : nuch_tiew - [ 16 เม.ย. 51 21:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประเทศเกษตรกรรมพร้อมใจกันเลิกขายอาหารให้กับประเทศกลุ่ม OPEC ต่อรองกับราคาน้ำมัน พื้นที่แถบนั้นน่าจะเพาะปลูกยาก ถ้าราคาน้ำมันลง กระแสพลังงงานทดแทนก็คงจะอ่อนลง (ถ้าไม่มองในแง่ปริมาณที่มีจำกัดของน้ำมันนะ) น่าจะพอเห็นผลอะไรได้บ้าง ดีไหมครับ ประเทศพวกนี้เอาเปรียบประเทศอื่นๆมาเยอะแล้ว ถือว่ามีอำนาจในการตั้งราคา ก็เอาใหญ่เลยกะจะทำ price discrimination ทุกสลึงกันเลยหรือไง ถ้ามันไม่ยอมก็ให้มันกินน้ำมันแทนข้าวไปละกัน สงสัยนิดหนึ่งด้วยว่า เชื้อเพลิงชีวภาพนี้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วๆไปหรือ จากคุณ : อาฉีโหดกระโดดเตะ - [ 16 เม.ย. 51 21:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เท่าที่รู้  แอลกฮอล์จะสันดาปได้สมบูรณ์กว่าเบนซินหรือดีเซล  ทำให้เกิดก๊าช CO น้อยกว่า แต่ CO2  คงไม่ลดลง  แต่คงลดปริมาณ NOx  และ SOX ได้  ถึงได้มีการพูดกันในประเด็นนี้ไงคะ จากคุณ : nuch_tiew - [ 16 เม.ย. 51 22:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ูู^ ^ CO2 ไม่ลดลง แล้วเหตุหลักที่ทำให้โลกร้อน คือตัวนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้ที่บอกว่าใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ แล้วช่วยลดโลกร้อนได้ มันจะคุ้มค่า่กันเหรอเนี่ย จากคุณ : -=[Zold]=- - [ 17 เม.ย. 51 01:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เชื้อเพลิงชีวภาพ ถือว่าเป็นการ recycle คาร์บอนไดออกไซด์ จึงไม่ถูกนำมาคิดรวมลงในการปลดปล่อยกาซเรือนกระจก ราคาน้ำมันในบ้านเรานั้นเอาเป็นหลักในการพิจารณาไม่ได้ เพราะถูกแทรกแซงราคา รวมทั้งระบบภาษี ขอให้ลองดูราคาน้ำมันในสหรัฐ ตอนนี้เบนซิน 27-28 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซล 33-34 บาทต่อลิตร เอธานอล ที่ผลิตจากแป้งเกรดอาหารสัตว์ (รวมทั้งของคนยากจนระดับล่างๆ) มีต้นทุนราคาลิตรละ 23 บาท เป็นตัวแปรที่ช่วยถ่วงให้ราคาเบนซินต่ำกว่าดีเซลอย่างชัดเจน แต่ต้องแลกด้วยความทุกข์สาหัสของคนหลายล้าน โดยเฉพาะกลุ่มคนจนระดับล่างสุดที่ต้องใช้รายได้เกินครึ่งไปกับการซื้ออาหารรับประทานประจำวัน ส่วนไบโอดีเซลกลับช่วยไม่ได้มากนัก เพราะน้ำมันปาล์มดิบซื้อขายล่วงหน้าราคา 35-37 บาท น้ำมันพืชแพงกว่าน้ำมันปิโตรเลียม ในเชิงเศรษฐศาสตร์ดูไม่มีเหตุผลที่จะเอาไปทำไบโอดีเซลเลย แต่หลายประเทศก็ยังสนับสนุนไบโอดีเซล ก็เพราะติดพันธะสัญญาเกียวโตที่ต้องจำกัดการปล่อย CO2 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 08:14:09 จากคุณ : กาลามะชน - [ 17 เม.ย. 51 08:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โลกไม่ได้มีอาหารเหลือพอสำหรับผลิตเชื้อเพลิงมาตั้งแต่แรก อาหารที่เหลือจากคนกิน ไม่ได้ถูกเอาไปเททิ้ง แต่จะถูกนำไปแปรรุปเป็นอาหารสัตว์ และย้อนกลับมาเป็นอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ให้คนบริโภคอีกที ผมจำได้ว่าในตอนแรกตั้งโรงงานเอธานอลในเมืองไทย เบนซินราคา 12-13 บาท เอธานอลราคา 12.75 บาท ราคานี้คำนวณจากกากน้ำตาลเกรดต่ำสุด ต่ำกว่าเกรดอาหารสัตว์ ซึ่งปกติจะนำไปใช้หมักทำปุ๋ย ต่อมาราคาเบนซิน 16-17 บาททำให้ความต้องการใช้เอธานอลมากขึ้น กากน้ำตาลเกรดต่ำมีไม่พอ ก็ขยับเข้าไปใช้กากน้ำตาลเกรดอาหารสัตว์ ราคาเอธานอลก็ขยับขึ้นไปเป็น 14.50 บาท ราคาเบนซินยิ่งแพง เอธานอล ก็เป็นที่ต้องการมากขึ้น กากน้ำตาลหมด ก็ขยับไปใช้กากมันสำปะหลัง ยิ่งเอธานอลขายดี วัตถุดิบราคาถูกมีไม่พอ โรงงานก็ต้องขยับไปใช้มันเกรดที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆเช่นกัน ราคาก็ขยับขึ้นไป 16 บาท 19 บาท จนกระทั่งต้นปีนี้เป็น 23 บาท เราภูมิใจในเชื้อเพลิงชีวภาพ เราตรึงราคาเบนซินได้สำเร็จ แต่เราคิดบ้างไหมว่าเราทำให้เนื้อสัตว์แพงขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากคุณ : กาลามะชน - [ 17 เม.ย. 51 08:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ข่าวไทยรัฐ วันนี้ นายโรเบิร์ต โซลิค ประธานธนาคารโลก ธนาคารโลกประเมินว่าขณะนี้ราคาอาหารได้ขึ้นไปสูง เกินความสามารถของประชากรโลกประมาณ 100 ล้านคนที่จะซื้อหามาเลี้ยงชีพได้อย่างเพียงพอ จากประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน การเกิดมีกลุ่มประชากรที่อดอยากจำนวนมาก จะนำไปสู่การล่มสลายทางสังคม ก่อให้เกิดอาชญากรรม การประท้วง จนถึงจราจล และสงครามกลางเมือง ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตันสหรัฐฯ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีคลังของไทย ถูกขอร้องให้ปลูกพืชที่เป็นอาหารให้มากกว่าพืชพลังงานทดแทนน้ำมันเพื่อป้องกันภัยพิบัติที่เกิดจากปัญหาอาหาร โลกต้องหารือกันเพื่อหาทางออกไว้แต่เนิ่นๆ รัฐมนตรีคลังของเราบอกเขาอย่างไว้เชิงไปว่า ข้อเสนอจากเวทีธนาคารโลก บางเรื่องก็ตรงกับยุุทธศาสตร์ของไทย เช่นการเร่งผลักดันโครงการสาธารณูปโภค ที่เกี่ยวข้องกับระบบชลประทาน การบริหารจัดการน้ำ การป้องกันน้ำท่วม ประเด็น...ที่เป็นคำถาม...ไทยจะเริ่มใช้พื้นที่ปลูกพืชทดแทนน้ำมันในสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน ในภาวะที่เราก็ต้องเอาตัวรอดจากการกดขี่จากราคาน้ำมันอยู่เหมือนกัน ปล. ช่วยโหวตหน่อยครับ ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าจะให้ทราบกันทั่วๆ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 17:33:24 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 08:53:20 จากคุณ : กาลามะชน - [ 17 เม.ย. 51 08:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โหวตครับ กระทู้ดีๆ สาระดีๆ แบบนี้ ว่าแต่ ทุกวันนี้ เราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากเกินไปรึเปล่าครับ เรื่องพลังงานทดแทน ทำไม่ไม่ลดการใช้พลังงาน(น้ำมัน) ให้เหลือน้อยๆ แต่กลับไปหาพลังงานอื่น(ไบโอดีเซล) มาใช้แทน แปลกใจที่เรื่องนี้ไม่ค่อยเป็นที่สนใจเท่าไหร่ในเมืองไทยแหะ จากคุณ : vn, man - [ 17 เม.ย. 51 10:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องอาหารมันไม่พอมานานแล้ว นี่ถ้าน้ำมันไบโอดีเซลถึง 36 บ./ลิตร สงสัยอาหารขาดแคลนเพิ่มขึ้นแบบกระโดดแน่ แก้ต้นเหตุต้องไปแก้ที่โอเปคเท่านั้น ต้องให้พวกมันเพิ่มการผลิตอย่างเดียว จากคุณ : xSharez - [ 17 เม.ย. 51 11:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โหวดครับ เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาพักนึง แต่ไม่ค่อยเคลียร์ และไม่ค่อยเชื่อ เพราะสมัยก่อนวัตถุดิบพวกนี้ล้นตลาดเหลือเกิน อย่างกากน้ำตาล เหลือจนไม่มีที่ทิ้ง ต้องปล่อยลงแม่น้ำ ทำให้น้ำเสีย ตอนนี้ไม่มีใครกล้าทิ้งเลย ตอนนี้ชักจะเข้าใจแล้วครับ แต่ผมยังเชื่อว่า การนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาผลิตเป็นพลังงาน ยังเป็นไปได้ในทางปฏิบัติอยู่ครับ แต่เราต้องปรับโครงสร้างการผลิตครั้งใหญ่ จากการจัดสรรพื้นที่ผลิต ใช้ที่ดินให้มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องบุกรุกป่า การจัดการระบบชลประทานให้ทั่วถึงและเพียงพอ ผมยังมองไปถึงการใช้พื้นที่ในทะเล เพื่อปลูกพืชอาหาร หรือ พืชพลังงานพวกสาหร่ายโตเร็ว มาทดแทนอาหารที่ผลิตจากพื้นที่บนบก อีกทางนึงครับ ยังพอไปไหว แต่ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ และปรับตัวค่อนข้างมากครับ จากคุณ : เตยทะเล - [ 17 เม.ย. 51 13:09:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอมาเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคนน่ะครับ...โหวตให้แล้วครับ จากคุณ : tus_sks - [ 17 เม.ย. 51 15:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 17 เม.ย. 51 16:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 "อาหารราคาถูกจะไม่มีอีกแล้วครับ" ประโยคนี้ได้ยินตอนไปประชุมกับบริษัทผู้ผลิตปุ๋ยครับ สถานการณ์ปัจุบันน่ากลัวมากๆครับ กินข้าวก็อย่ากินทิ้งกินขว้างกันนะครับ เสียดายทรัพยากรครับ จากคุณ : seto16 - [ 17 เม.ย. 51 17:18:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ดีครับ คนไม่อ้วนก็ไม่ขี้โรค จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 17 เม.ย. 51 17:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขออีกครับ จากคุณ : กระต๊อบน้อย - [ 17 เม.ย. 51 17:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเพิ่งคุยกะแฟนเมื่อคืนเองครับ เรื่องอาหารจะไม่มีกิน เพราะคนมันทำงานเพื่อได้ัขับรถ ไม่ใช่เพื่อปากท้องแล้ว จากคุณ : phoenixia - [ 17 เม.ย. 51 17:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ความเดือดร้อนของประเทศชาติที่เราช่วยได้ ก็น่าจะทบทวนนโยบาย ไบโอดีเซล เพราะตอนนี้น้ำมันปาล์มดิบที่ผลิตได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ถูกเอาไปใช้ทำไบโอดีเซล น้ำมันพืชในประทศไทยไม่พอกิน มีราคาแพง แถมตามห้างยังให้ปันส่วนซื้อไม่เกิน 3 ขวด รัฐบาลต้องยอมให้นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากมาเลย์ 30,000 ตันมาแก้ปัญหาน้ำมันพืชขาดตลาด ราคาน้ำมันปาล์มดิบตอนนี้ก็แพงพอๆกับดีเซลแล้ว พอทำเป็นไบโอดีเซลก็น่าจะยิ่งแพงขึ้นไปอีก ทำไมไม่สงวนน้ำมันปาล์มที่ผลิตได้ไว้เพื่อการบริโภค? จากคุณ : กาลามะชน - [ 17 เม.ย. 51 18:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับบ้านเราโดยตรง แต่ 100 ล้านคนที่ว่า หมายถึงคนอัฟริกาที่รอพึ่ง World Food Program ที่จะเอาอาหารเกรดต่ำมาแจกมากกว่า จากคุณ : vandalism - [ 17 เม.ย. 51 18:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถึงเลิกเอาน้ำมันปาล์มดิบมาทำไบโอดีเซล มันก็ไม่ได้แปลว่าจะแก้ปัญหาระยะยาวได้อยู่ดีไม่ใช่หรือ บริโภคนิยมไม่มีถอยหลัง มีแต่เดินหน้า ปัญหาคือผู้บริโภคมันมากขึ้น ลูกค้าใหม่ ก็คือ คนจีนพันล้าน กับรถคนจีนที่เพิ่มแบบก้าวกระโดด คนจีนเคยอยู่ง่ายๆมาก่อน เมื่อคนจีนอยากกินข้าวดีๆบ้าง ข้าวก็ไม่พอ เมื่อก่อนคนจีนกินแต่ผักง่ายๆ ตอนนี้ต้องเป็นหมู ไก่ เนื้อ ปลา มีพันล้านท้องรอกินทุกวัน ยิ่งเศรษฐกิจดีขึ้น การกินดีอยู่ดีก็ต้องเพิ่มตาม จะย้อนให้เค้าไปกินผักง่ายๆจะเป็นไปได้ยังไง แถมเรื่องรถยนต์ส่วนตัวอีกเป็นค่านิยมที่แรงมากด้วย ไม่กล้านึกต่อเลยน้ำมันจะพอได้ยังไง เค้าไม่ได้ผิดอะไรเลยที่เค้าอยากเป็นแบบเราบ้าง แต่ทรัพยากรมันต้องมาแชร์ใหม่นะสิจนกว่าระบบจะสมดุล ถึงยังไงเราก็อยู่ในโลกทุนนิยมอยู่ดี ทำไมการปลูกของถูกๆให้คนทั่วโลกกินเป็นหน้าที่ของไทย แต่ปลูกของแพงๆให้เครื่องจักรกินเป็นหน้าที่มาเลย์เซีย ยุโรปหล่ะ คิดแล้วก็เวียนหัว คำว่าเงินทองเป็นมายา ข้าวปลาคือของจริง มันเริ่มชัดขึ้นทุกวันแล้วละ ถึงเวลาของคนทั้งโลกต่างหากที่ต้องตัดสินใจ ว่าจะเอายังไง ผมว่าเมืองไทยยังไงก็มีกินอุดมสมบูรณ์ ประเทศอื่นที่ปลูกอาหารไม่ได้เองนี่แหละจะแย่กว่าเรา เพราะมันมีแต่ความไม่แน่นอน กลัวว่าสุดท้ายตกลงไม่ได้จะมีสงครามมากกว่า โมโหหิวนี่น่ากลัวนะ จะคุยกันแบบระยะยาวๆยืดเยื้อเหมือนปัญหาเกาหลีเหนือ เหมือนยิว ก็ไม่ได้หรอก จากคุณ : หลับตา - [ 17 เม.ย. 51 19:50:57 A:118.172.241.44 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมว่ากรณีน้ำมันพืชขาดตลาดตาม คหท 34 น่าจะเกี่ยวกับเราโดยตรงนะ คนอัฟริกาที่รอพึ่ง World Food Program คงไม่เดือดร้อน และอาจจะไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะรอรับแจกอย่างเดียว ตามข่าว ปัญหาอาหารขาดแคลนดูเหมือนจะเริ่มจากข้าวโพดเกรดต่ำ ซึ่งเป็นอาหารของคนยากจนในลาตินอเมริกา ขาดตลาด คนลาตินอเมริกาก็ต้องหันไปซื้ออย่างอื่นที่แพงกว่ามากินแทน ทำให้อาหารอย่างอื่นโดนกระทบต่อๆกันไปเป็นทอดๆ จากคุณ : กาลามะชน - [ 17 เม.ย. 51 19:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นกระทู้นี้แล้วคันปาก อยากแจม ^^" อยากจะลองตอบคำถามบางข้อ ตามความเห็นส่วนตัวดูครับ Q: Commodities มันแพง เพราะพวกนักเก็งกำไรกันน่ะสิ? A:  การเก็งกำไรไม่ใช่เหตุผลสำคัญ สำหรับการแพงขึ้นของราคาสินค้า Commodities นะครับ เผลอๆ อาจจะไม่ใช่แค่เหตุผลสำคัญ แต่อาจจะไม่ใช่เหตุผลเลยก้อได้ เห็นหลายท่านชอบกล่าวโทษว่า การเก็งกำไรเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Commodities แพง แต่จริงๆ แล้ว เราไม่มีหลักฐานทางสถิติมาบ่งชี้อย่างนั้นเลยนะครับ จริงอยู่ว่ามันมี positive correlation แต่เราไม่มีหลักฐาน (ทางสถิติ) ที่มันบอกว่า การเก็งกำไร ทำให้ ราคาน้ำมันแพง บางที "เพราะราคา Commodities แพงต่างหาก ทำให้เกิดการเก็งกำไร"    ก้อเป็นได้ ส่วนตัว ผมยังเชื่อว่า ที่มันแพงมาช่วงนี้ เหตุผลสำคัญยังคงเป็นเรื่อง อุปสงค์ อุปทาน อยู่ครับ ใน Commodities ทุกๆ ตัวครับ Q: ทำไมประเทศต่างๆ จึงส่งเสริมการใช้ Biofuel? A: ข้อดีสองข้อที่เห็นได้ชัดคือ 1. เกิดการถ่ายเทความมั่งคั่ง (Weath transfer) จากผู้ค้าน้ำมัน (ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย มีโอกาสทางสังคมสูง) ไปสู่ เกษตรกร (ซึ่งเป็นคนกลุ่มมาก และมีโอกาสทางสังคมต่ำ) 2. ลดการพึ่งพาน้ำมัน ซึ่ง ณ วันข้างหน้า น้ำมันจะหมดโลกแน่ๆ เพราะฉะนั้นโลกจึงต้อง Diversify ไปหาพลังงานอื่นๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้ระบบต่างๆ shock Q: ทำไมราคาสินค้าเกษตรถึงขึ้นมาตามราคาน้ำมัน? A: เพราะเรา (ประเทศต่างๆ) ไปตั้งราคา Biofuel ผูกกับราคาน้ำมัน น่ะสิครับ (เช่น ไทยตั้งแก๊สโซฮอลล์ตามราคาน้ำมันเบนซิน) ทำให้ราคาเอทานอลขึ้นลงตามราคาน้ำมัน และทำให้วัตถุดิบสำหรับทำเอทานอล ซึ่งปกติคือสินค้าเกษตรต่างๆ ขึ้นลงตามน้ำมันไปด้วย ถามว่า ไม่ผูกราคา Biofuel ตามน้ำมันได้ไหม ได้ครับ แต่ราคา Biofuel ในปัจจุบันยังแพงอยู่มาก เมื่อเทียบกับน้ำมัน  ยิ่งคิด switching cost เช่น ซื้อรถใหม่เพื่อให้ใช้ E20 ได้ จะทำให้ต้นทุนการใช้ Biofuel ยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก และไม่จูงใจให้คนทั่วไปหันมาใช้ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 20:21:50 จากคุณ : m_ple - [ 17 เม.ย. 51 20:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 39 Q: คุณอาฉีโหดกระโดดเตะ คห. 19 เสนอว่า "ประเทศเกษตรกรรมพร้อมใจกันเลิกขายอาหารให้กับประเทศกลุ่ม OPEC ต่อรองกับราคาน้ำมัน พื้นที่แถบนั้นน่าจะเพาะปลูกยาก ถ้าราคาน้ำมันลง กระแสพลังงงานทดแทนก็คงจะอ่อนลง (ถ้าไม่มองในแง่ปริมาณที่มีจำกัดของน้ำมันนะ) น่าจะพอเห็นผลอะไรได้บ้าง ดีไหมครับ" ? เกรงว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกน่ะสิครับ เพราะโลกนี้ไม่มีประเทศเกษตรกรรม คิดเล่นๆ นะครับ ถ้าเราไม่ขายอาหารให้เค้า กับเค้าไม่ขายน้ำมันให้เรา ใครจะตายก่อนกัน คนขายอาหารมีทั่วโลกครับ คนขายน้ำมันมีแค่กลุ่มเดียว ถ้าเราไม่ขาย เค้าก้อไปขึ้นราคารับซื้อจากประเทศอื่นๆ จนถ้ามันสูงมากพอที่ประเทศนั้นๆ จะยอมขาย เพราะฉะนั้นการฮั๊วในแนวคิดนี้ จึงเป็นไปได้ยากครับ และจะทำให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นไปอีก Q: คุณ vn, man คห. 25 สงสัยว่า "ทำไม่ไม่ลดการใช้พลังงาน(น้ำมัน) ให้เหลือน้อยๆ แต่กลับไปหาพลังงานอื่น(ไบโอดีเซล) มาใช้แทน" ? A: เพราะใครๆ ก้ออยากสบายไงครับ ถ้าผมยากจนตอนเด็กๆ ปากกัดตีนถีบ อดมื้อกินมื้อ นอนมุ้งไม่มีพัดลม ไปไหนก้อเดินเอา(เห็นภาพมะ) พอวันหนึ่งผมโตขึ้น ดันได้งานดีดีทำ เงินเดือนสูงๆ ถามว่าผิดไหมที่ผมจะอยากซื้อรถ ติดแอร์ เปิดแอร์นอนตอนกลางคืน ทานอาหารให้ครบสามมื้อ (อาจมีแถมรอบดึก) แพงเท่าไรไม่สน ก้อมีเงินจ่ายอ่ะ ถามว่า ผมผิดไหม? นี่เป็นสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศ emerging countries ต่างๆ ครับ (อาทิ จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง) Q: คุณ xSharez คห.26 "แก้ต้นเหตุต้องไปแก้ที่โอเปคเท่านั้น ต้องให้พวกมันเพิ่มการผลิตอย่างเดียว " A: แม้น้ำมันจะแพงขึ้น แต่รายได้ของกลุ่ม OPEC ใช่ว่าจะรวยขึ้นนะครับ เพราะ 1. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนทำให้รายได้ของ OPEC ในรูปสกุลเงินท้องถิ่นลดลง และ 2. ต้นทุนในการขุดเจาะน้ำมันใหม่ๆ สูงขึ้นครับ และบางคนประเมินว่า ราคาในช่วงปีสองปีข้างหน้า ต้องอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์เป็นอย่างน้อย ถึงจะคุ้มค่าการลงทุนของประเทศผู้ผลิตน้ำมันครับ  (หมายถึงได้กำไรคุ้มเสี่ยงหน่ะครับ) ด้วยเหตุผลนี้ OPEC คงไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันถูกลงกว่าในปัจจุบันหรอกครับ Q: คุณกาลามะชน คห 34 "ทำไมไม่สงวนน้ำมันปาล์มที่ผลิตได้ไว้เพื่อการบริโภค? " A: ยากครับ เพราะเทคโนโลยี enables มัน ให้สามารถใช้แทนน้ำมันได้แล้ว ในเมื่อผู้ผลิตมีทางเลือกที่จะเลือกกลุ่มผู้บริโภค เพราะฉะนั้น ผู้บริโภคกลุ่มใดให้ราคาสูงกว่า เค้าก้อผลิตให้ทางนั้นครับ สมมติว่า มีหมู่บ้านอยู่สองแห่ง A กับ B กั้นกางด้วยแม่น้ำสายหนึ่ง ทั้งสองหมู่บ้านไปมาหาสู่กันไม่ได้ วันหนึ่งเกิดน้ำในแม่น้ำแห้งขึ้นมา ทำให้คนระหว่าง A กับ B  ไปมาหาสู่กันได้ แล้วคนขายอาหารของหมู่บ้าน A ไม่ยอมขายอาหารให้กับคนในหมู่บ้านของตน โดยให้เหํนเหตุผลว่าไปขายให้หมู่บ้าน B ดีกว่า ให้ราคาสูงกว่า ถามว่าคนขายอาหาร A ผิดไหม ก้อไม่ผิด จริงไหมครับ? (ลองมีที่ไหนมาให้เงินเดือนสูงกว่าที่ทำงานเดิม ด้วยงานเท่าเดิม ผมก้อไปเหมือนกันละว้าา ^^" ) น้ำมันแห้งไปแล้ว จะให้กลับมาเหมือนเดิมอีกก้อคงยาก คำถามคือ แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร? ออกกฏหมายเลยดีไหมว่า? ห้ามนำอาหารไปขายให้กับ B นะ ร้านอาหารใน A อาจจะลักลอบไปขาย B ได้อยู่ดี หรือถ้ากฏหมายบีบหนักๆ เข้า ร้านอาหารอาจเลิกขายอาหารไปเลย สุดท้าย A จะอดตายกันทั้งหมู่บ้าน จากคุณ : m_ple - [ 17 เม.ย. 51 20:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 40 Q: แล้วน้ำมันจะแพงไปอีกนานแค่ไหน? A: ไม่ทราบครับ แต่มั่นใจว่า น้ำมันถูกคงไม่กลับมาอีกแล้ว (ฮา) Q: แล้วอาหารล่ะ? A: ถ้าวันหนึ่งโลกพลังงานไม่ต้องการอาหารไปผลิตพลังงานแล้ว (หมายถึงเค้าอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในโลกพลังงาน จนไม่ต้องมาสนใจ Biofuel) ถ้าเป็นเช่นนั้น ราคาอาหารก้อจะไม่เคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันครับ แต่ไม่ได้หมายความว่า ราคาอาหารจะถูกลงนะครับ โดยส่วนตัวผมยังเชื่อว่า การนำอาหารบางชนิดไปทำพลังงาน มันเป็นแค่สาเหตุอันหนึ่ง (อันน้อยๆ ด้วย) ของการแพงขึ้นของอาหารในปัจจุบันครับ จากคุณ : m_ple - [ 17 เม.ย. 51 20:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อาจนำไปถึงสงครามหรือเปล่าครับเนี่ย กลิ่นมันตุ่ยๆอยู่นา จากคุณ : ksk - [ 17 เม.ย. 51 20:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ปรับตัวเองง่ายกว่าเนาะ เราจะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ยังไงกัน ? ปลูกปาล์มน้ำมันกันเถอะ ! จากคุณ : AVSystem - [ 17 เม.ย. 51 21:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แต่สิ่งที่สำคัญคือ มุมมองทุนนิยมมันสร้างกับดัก ถ้าบ้านผมขายข้าวมันไก่ ปีนี้ข้าวมันไก่แพงมากๆเป็นประวัติศาสตร์ ลูกผมอยากกินข้าวมันไก่ ผมกลับไม่มีให้ลูกกิน เพราะลูกผมไม่จ่ายตังค์ผม ผมขายข้าวมันไก่ให้ลูกค้าผมยังได้ตังค์จะดีกว่า แม่บ้านในบ้านตะโกนด่าผมทำไมไม่ขายข้าวมันไก่ให้ลูกละ ตรึงราคาหรือลดราคาให้ลูกมัน50%ไม่ได้เหรอ ผมบอกไม่ได้เว้ย ราคาข้าวมันไก่อ้างอิงสิงค์โปร์เฟ้ยลดไม่ได้จริงๆ ถ้าไปลดราคาให้มันลูกมันถูกๆมันจะได้ใจแล้วลักลอบขนข้าวมันไก่ไปขายคนอื่นแน่ๆ อั้วเจ้งกันพอดี เอาตังค์นี่ไปไปกินข้าวขาหมูซะ ไม่งั้นก็จ่ายค่าข้าวมันไก่มาเติมๆถ้าลูกจะกิน ...... ตูจะบ้า จากคุณ : หลับตา - [ 17 เม.ย. 51 21:43:20 A:118.172.241.44 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เห็นด้วยกับ จขกท ตอนนี้นอกจากราคาทองผูกติดกับราคาน้ำมันแล้ว ราคาอาหารยังผูกติดกับราคาน้ำมันอีกด้วย เงินเฟ้อทั่วโลก เกิดปัญหาเศรษฐกิจลุกลามไปทั่วโลกแน่นอน ทางแก้ผมว่าทีทางเดียว คือหาพลังทดแทนน้ำมันโดยด่วน ไม่ใช่ Biofuel เพราะ Biofuel มันแย่งวัตถุดิบกับปากของคน ต้องหาอย่างอื่นที่มีมาก มีเยอะ มีไม่หมด เช่น H2 หรือ พลังงานไฟฟ้าที่ได้จาก Nuclear Power Plant รถซึ่งบริโภคน้ำมันอันดับหนึ่งของโลก ต้องเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้า โดยอาจจะเสียบปลั๊กที่บ้าน หรือเติม H2 เป็น Fuel Cell เอา จากคุณ : Peet - [ 17 เม.ย. 51 23:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความพยายามที่จะพัฒนาพลังงานสะอาดหายไปไหนหมดแล้วอ่ะครับ หรือมันช้าไปอ่า.... เคยได้ยินข่าวพลังงานลมพลังงานแสง แต่ว่ามันเป็นเทคโนโลยีคนละแบบกับน้ำมันเลยทำให้ใช้กับพาหนะอันเป็นสิ่งที่บริโภคน้ำมันมากที่สุดหรือเปล่าครับ แล้วนานขนาดไหนกว่าจะหาพลังงานทดแทนน้ำมันมาใช้ได้ แบบว่าตอนนี้จากบ้านกลางถึงจน จะกลายเป็นจนมากไปแล้ว จากคุณ : กระต๊อบน้อย - [ 18 เม.ย. 51 00:35:11 ]

ความคิดเห็นที่ 46 #43 เอารางวัลคห.ยอดเยี่ยมประจำวันไปเลย จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 18 เม.ย. 51 01:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 47 นอกเรื่องนิดนึง ไม่เล่นเรื่อง โลกร้อน Game Over แล้ว หรือครับ ได้อัพเดทบ้างรึเปล่าครับ คุณกาลามะชน ล่าสุด อุณหภูมิโลกเฉลี่ยเดือน มีนาคม สูงสุดเป็นอันดับ 2 อุณหภูมิภาคพื้นดินสูงเป็นอันดับ 1 ฝ่าย skeptics พูดไม่ออกเลยซินะครับ คนที่หลงเชื่อกระทู้ก่อน ก็ต้องทำความเข้าใจใหม่รึเปล่า http://www.ncdc.noaa.gov/oa/climate/research/2008/mar/global.html#temp จากคุณ : L - [ 18 เม.ย. 51 01:22:31 A:155.198.168.54 X: TicketID:000582 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มาปักธง จากคุณ : LR3 - [ 18 เม.ย. 51 02:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โหวต จากคุณ : หมื่นเทพยุทธจอมราชันณ์ - [ 18 เม.ย. 51 02:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 50 I just talked to my instructor today. She told me something interesting. First, America reserved her its sources as well as its land. America even paid landlords so that they could leave their land alone(not planting anything). This way, America could reserve its resources for future use. Second, There is also another reason America supports biofuel. America needs to support its agricuturer. By using biofuel, America increases the market caps for crop farmers. I wonder what would happen next? จากคุณ : PassportBlue (PassportBlue) - [ 18 เม.ย. 51 05:47:50 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอนอกเรื่องตอบคุณ L #47 เดือนมีนาคม ดวงอาทิตย์กลับมามี activity เพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนถึงกับมีแสงเหนือปรากฏให้เห็นอีก เมื่อโลกกลับมาอุ่นขึ้นพร้อมกับ activity ของดวงอาทิตย์ ก็ต้องถือว่าสภานะการณ์เข้าทาง skeptic นอกจากนี้ล่าสุดเชื่อว่าขณะนี้ได้พบความผิดพลาด อย่างมหันต์ ในการวัดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก มีแนวโน้มได้ข้อพิสูจน์ว่าเรากำลังเจอปรากฏการณ์ เกาะร้อน ที่ร้ายแรงกว่าที่ IPCC คิดนับร้อยเท่า นี่คือภาพแสดงการร้อนขึ้นอย่างผิดปกติในส่วนต่างๆของโลกของเดือนมีนาคม ที่คุณ L อ้างถึงใน คหท 47 กราฟนี้บอกการร้อนขึ้นอ่างผิดปกติเฉพาะพื้นทวีป มีความหมายแทนคำพูดได้มากมาย ขอให้เพื่อนๆลองดูรูป และพืจารณาว่านี่เรากำลังเจอสภาวะ โลกร้อน หรือ เกาะร้อน อะไรมีความเป็นไปได้มากกว่ากัน นี่เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งของกระทู้ต่อไป โลกร้อน ตอนกลโกงเทอรโมมิเตอร์ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 51 19:25:28 แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 08:01:40 จากคุณ : กาลามะชน - [ 18 เม.ย. 51 07:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จะไม่อยู่สองวันไปสัมนา กลับบ่ายวันอาทิตย์ครับ จากคุณ : กาลามะชน - [ 18 เม.ย. 51 07:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 53 บางประเทศ กินดิน ประทังชีวิตกันแล้วครับ http://www.oknation.net/blog/komchadluek/2008/02/02/entry-2/comment จากคุณ : Funnyy - [ 18 เม.ย. 51 08:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตลาดบ้างก็ดี UN ให้เพิ่มการผลิตอาหาร พ่อเราสงสัยว่าไม่ให้เพิ่มการผลิตน้ำมันบ้างละ ? หลายเรื่อง UN มีหลักการดี  เป็นเรื่องจริง ถ้าไม่อิงเจ้านาย จากคุณ : khanasri - [ 18 เม.ย. 51 08:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เรื่องอากาศ มันร้อนจัดหนาวจัด และแปรปรวนจัดเลยล่ะ ในฐานนะที่อยู่จุดเล็กๆ ในทางใต้ฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย หน้าร้อนปีนี้เดือนมกราอุณหภูมิสูงสุด 41องศา ต่อด้วยเดือนกุมภาที่อุณหภูมิส่วนใหญ่อยู่ราวๆ 20-25 ต่อด้วยเดือนมีนาที่ร้อนที่สุดในรอบห้าสิบปี ด้วยอุณหภมิเฉลี่ยแถว 30องศาและอุณหภมิสูงสุดที่ 40 องศา เป็นเดือนกุมภาที่เย็นที่สุดและเดือนมีนาที่ร้อนที่สุดในรอบหลายปีเลยล่ะ อ้างอิง: http://www.bom.gov.au/climate/dwo/200802/html/IDCJDW3050.200802.shtml จากคุณ : Mahtus - [ 18 เม.ย. 51 08:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มัยจีนกะรัสเซียมันแดงเถือกงั้นอ่ะครับ ...... ผมคิดไปเองรึเปล่าหว่า ..... ว่าพอมังกรจีนตื่น(เศษฐกิจโต)ทำเอาทั่วโลกปั่นป่วนไปหมด เพราะจำนวนประชากรมหาศาล .... จากคุณ : vn, man - [ 18 เม.ย. 51 09:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนนะ ปัญหาโลกร้อน ควรเปลี่ยนชื่อเป็น ปัญหาธรรมชาติโลกแปรปรวนจัด มากกว่า จะตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่สุด จากคุณ : หลับตา - [ 18 เม.ย. 51 09:28:31 A:118.172.244.191 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เอาข่าวมาให้อ่านกันครับ ข้าวไทยขาดตลาด!! http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6525563/K6525563.html จากคุณ : Nexus - [ 18 เม.ย. 51 10:07:14 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ไฟป่าเผาผลาญไม้แก เพื่อปูทางให้กับหญ้าอ่อน ความอดอยาก กำจัดผู้คน เืพืื่่อสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าของคนรุ่นหลัง คนจน ก็ต้องอดตาย เป็นวิถีของมัน จากคุณ : StVaIkyrie - [ 18 เม.ย. 51 11:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอออกความคิดเห็น แบบ แหวก แนวหน่อยนะครับ ผมว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะ เรามี ทรัพยากรที่จำกัดแล้วก็ ผลิดได้ไม่พอ เพราะ มันมีโลกอยู่ใบเดียว   คนเพิ่มเรื่อยๆ แต่ว่า ทรัพยากร มีเท่าเดิม คนใช้มาก ก็ต้องทำมาก พี้นดินก็มีเท่าเดิม ลดลงด้วยซ้ำ คงต้องหาทาง อย่างอื่นแล้วครับ เช่น ปลูกข้าวไร้ดิน   รู้สึกทำงานแล้วโกรธ เมกาทุกครั้ง เพราะ เป็น ประเทศ ที่ ใช้ ทรัพยากร ฟุ่มเฟือยที่สุด เพราะคิดว่า ถูกกว่าแรงงาน  (อืม มันก็จิงของเค้า) แต่ใช้กันแบบไม่เคยคิดเลยว่า แล้วคนอื่นในโลกเค้าจะเหลืออะไรใช้ ถ้า ใช้อยู่คนเดียว โลกก็มีใบเดียว  (แต่ก็ทำเหมือนเค้า เพราะทำงานที่เมกา ไม่ใชั แบบเค้าคงโดน ฟ้องตาย) สรุปว่า ประหยัดครับ ใช้ เท่าที่จำเป็น  ไม่ได้ประหยัดเพื่อตัวเองครับ ประหยัดให้กับคนอื่นๆ ในโลกนี้ ให้เค้าได้ ใช้ อะไรจากโลกใบนี้บ้าง จากคุณ : extra-caramel shot - [ 18 เม.ย. 51 11:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 61 จิงๆ คิดแบบ คห ที่ 59 อ่ะครับ แต่รู้สึกตัวเองโหดไปนิดนึง หุหุ เป็นการลดผู้บริโภค ลง จากคุณ : extra-caramel shot - [ 18 เม.ย. 51 11:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 62 นี่แค่เริ่มต้น จากคุณ : kiox - [ 18 เม.ย. 51 12:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มันรุนนแรงขึ้นแบบรวดเร็ว คนไทยส่วนใหญ่ยังได้แต่ยินว่ามันเป็นเรื่องในทีวี สงสัยว่าสุดท้ายแล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้น........................... จากคุณ : xnone - [ 18 เม.ย. 51 12:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ช่วงนี้ต้องฟังหูไว้หูครับ ตอนนี้ประเทศเรามีเสียงดังได้เพราะเรามีข้าว ถ้าเราไม่มีอะไรเลยคงไม่มีใครฟังเราหรอก บริโภคนิยมมันต้องพาโลกไปสู่จุดทางตันอยู่แล้ว หาเงินได้มากขึ้นแต่สิ่งที่จ่ายก็แพงขึ้น อย่างที่จขกท.ว่ามา ต้นทุนการผลิตการหาน้ำมัน ทุนมันเปลี่ยนไปแล้ว เทคโนโลยีใหม่ต้องการทุนลงไปมากกว่าเดิม ความเสี่ยงเดิมพันมากกว่าเดิม จะให้เค้าย้อนอดีตย้อนเทคโนโลยีมาเจาะแบบง่ายๆ แบบถูกๆแต่ลำบากแรงงาน มันก็ย้อนไปไม่ได้ มาตรฐานบรรทัดฐานมันเกิดขึ้นแล้ว เหมือนตัวเราที่ย้อนไปยุคที่ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีทีวี ไม่มีอินเตอร์เน็ตไม่ได้ ดังนั้นก็ต้องทำใจไว้เลยว่าทางเดินแห่งบริโภคนิยมมันไปสู่ทางตันแน่นอน แต่ไม่รู้วันไหน ขนาดรู้ว่าเดินไปสุดทางเป็นทางตัน ทุกคนก็ยังต้องเดินไปอยู่ดีเพราะมันเป็นกระแสหลัก ถึงเราจะกินน้อยใช้น้อยอาศัยพึ่งพึงบริโภคนิยมในการใช้ชีวิตนิดหน่อย มันก็แทบไม่สร้างความแตกต่างใดๆในระบบรวม (แต่มุมส่วนตัวมีผลแน่นอน) จากคุณ : หลับตา - [ 18 เม.ย. 51 13:11:26 A:118.172.244.191 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 65 - -" อ้าว แล้ว เรื่องจุดดับดวงอาทิตย์ Solar Minimum ที่ร่ายยาวมาเต็มกระทู้ที่แล้วล่ะครับ ไม่พูดถึงแล้วหรือครับ ทั้งๆที่ในกระทู้นั้้น คุณยกแผนภาพอย่างเดียวกันของเดือนมกราคม มาชี้บอกว่าอุณหภูมิภาคพื้นดินต่ำกว่าปกติ เพราะดวงอาทิตย์แท้ๆ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/02/X6373013/X6373013.html ส่วนเรื่อง Urban Heat Effect จะรอฟังนะครับ ดูว่าจะอ้างยังไงต่อ เพราะข้อนี้ยิ่งหนักกว่าเดิมอีกคือ ไม่มีเปเปอร์สนับสนุนเลย :) จากคุณ : L - [ 18 เม.ย. 51 13:42:32 A:84.92.227.48 X: TicketID:000582 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ฟังข้อมูลของคุณกาลามชนแล้วแปลกๆ อ่ะ เหตุผลดูแปลกๆ ผมว่าถึงไม่มีพิธิสารโตเกียว หรือไม่ต้องมีเรื่องโลกร้อนเลยก็ได้ แต่ถ้าราคาน้ำมันดิบมันพุ่งพรวดๆ ไปหลายเท่าแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องปกติที่โรงงานอุตสาหกรรมจะต้องหาทางลดต้นทุนด้วยการหันไปใช้พลังงานทดแทนอย่างอื่นอยู่แล้ว รถยนต์ที่ใช้พลังงานก็เช่นกัน ก็ต้องหันไปหาพลังงานทดแทน แล้วตอนนี้พลังงานทดแทนที่พอจะทดแทนน้ำมันได้ ก็คือพลังงานจากพืช ซึ่งพอพลังงานจากพืชมีความต้องการสูงขึ้น ก็จะไปดันราคาให้สูงขึ้น คนที่เคยใช้พื้นที่ปลูกพืชที่เป็นอาหาร ก็ต้องหันไปปลูกพืชที่ใช้เป็นพลังงานแทน โดยที่กระบวนการทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องโลกร้อน โลกเย็นหรือโลกเปียกเลย แล้วเท่าที่ทราบมา ก็ได้มีการพยากรณ์กันมาก่อนแล้วว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้อากาศแปรปรวน ฤดูกาลต่างๆ แปรปรวน เกิดภัยธรรมชาติถี่ขึ้น จะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำจืด จะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารตามมา เกิดโรคแปลกๆ มากขึ้น อันนี้เป็นผลพวงมาจากโลกร้อนโดยตรง มิใช่หรือ จากคุณ : 123 - [ 18 เม.ย. 51 13:52:32 A:58.9.89.227 X: TicketID:162151 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โดยรวมๆ ผมคิดว่าน่าจะเป็นการวางแผนการของพวกไซออนนิสม์ตามแผนการครองความเป็นจ้าวโลกแต่เพียงผู้เดียวเพื่อลูกหลานยิว (ความเห็นส่วนตัวครับ) มองในอีกด้านหนึ่งผมก็ว่าดีนะครับ ยังงัยซะประเทศเราก็ปลูกข้าวกินเอง ไม่น่าจะเดือดร้อนมาก จากคุณ : เจ้าของกระทู้ยิว (กัปตันสมหมาย) - [ 18 เม.ย. 51 15:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ทุนนิยม ไร้จริยธรรม (เป็นธรรมชาติอยู่แล้วของระบบทุน)  จะทำให้โลกวินาศ  และขณะนี้โลกกำลังเดินไปตามนั้น จากคุณ : tamara - [ 18 เม.ย. 51 15:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อาหารหรือพลังงานความจริงมันก็คืออันเดียวกัน ยังไงมันก็ต้องมีราคาในระดับหนึ่ง ถ้าถูกไปคนก็ซื้อไปทำเอธานอล ไบโอดีเซล ถ้ามันไม่คุ้ม ถึงจะต้องการลดคาร์บอนคนก็จะหันไปหาพลังงานอื่นๆเช่นไฮโดรเจนนิวเคลียร์ ถ้าลูกไม่มีเงินซื้อข้าวมันไก่ก็ต้องทำให้ลูกมีปัญญาสามารถหาเงินมาซื้อได้ครับ อันนั้นคือการพัฒนา ปัญหามันก็เกิดจากการกระจายรายได้ส่วนหนึ่ง ปัญหาประชากรมากเกินไปส่วนหนึ่ง จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 18 เม.ย. 51 16:44:12 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ....ช่วงนี้ เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับไทย และโลกเราเพิ่มมากขึ้นจริงๆ น่ะครับ อากาศแปรปรวนสุดๆ เดี๋ยวหนาวมาก ร้อนมาก มีลูกเห็บตกอีกตะหาก - -" จากคุณ : สายลมอิสาน - [ 18 เม.ย. 51 19:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ดูกันต่อไป... จากคุณ : Zew - [ 18 เม.ย. 51 20:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อืมนึกถึงตอนทำ งานวิเคราะห์ มาม่าส่ง อ. จังเลยแฮะ เคยลองหาข้อมูล มายำๆ กันไว้ จากหนังสือพิมพ์เมืองไทยนี่ละ 55 แต่ไม่รู้ว่าจะถูกตามจริงหรือไม่ นะครับ เป็นงานที่เคยลองทำเฉยๆ แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 23:01:26 จากคุณ : GeBaN - [ 18 เม.ย. 51 22:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านแล้วพูดไม่ออก ตลกดี ให้ประเทศไทยปลูกข้าวไว้มากๆ พอไม่มีข้าวกินเราขายข้าวได้ แพงๆ จะโดนด่าว่าหน้าเลือดอีีกหรือเปล่าเนี๊ย จากคุณ : กระเทยชายแดน - [ 19 เม.ย. 51 01:29:23 ]

ความคิดเห็นที่ 74 กระทู้นี้ถูกใจครับ อิอิ เอาของกิน เอาอาหาร ไปเผากันบนท้องถนน มันถูกแล้วหรอ เพราะ คิดนานแล้วตั้งแต่เริ่มมีการ ผลิตเอทานอล และนำน้ำมันพืชไปเติมรถเป็นไบโอดีเซล ัซักวันมันต้องกระทบอาหารแน่ๆเลย มันกลับเร็วกว่าที่คิด เริ่มส่งผลกันแล้ว เหอๆ สินค้าเกษตรขายได้ราคา มีคนรับซื้อ ข้าวราคาแพง เกษตรกรคงดีใจตอนขาย แต่หารู้ไม่ ว่ามันทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นตามกันไปหมด ตั้งแต่หมูที่ต้นทุนอาหารแพง เดือดร้อนกันไปทั่ว ถ้าสนับสนุนกันมากๆ คนเริ่มหันไปปลูกพืชพลังงานเยอะๆ อีกหน่อยเราคงได้นำเข้าอาหารกัน จากคุณ : Jet_XP - [ 19 เม.ย. 51 03:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผมเห็นด้วยกับการลอยตัวให้ราคาข้าวมันเป็นไปตามกลไกความต้องการ ของตลาด ใครก็ได้บอกผมหน่อยว่ามีประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศใหนบ้างในโลกนี้ ที่มีค่าครองชีพถูกกว่าไทย สักวันหนึ่งถ้าราคาน้ำมันลิตละเจ็ด-แปดร้อยบาทแต่ราคาข้าวขายกันที่ตัน ละสาม-สี่แสน ผมคงดีใจมากเลย ถ้าตะวันออกกลางมันจะอดข้าวตายสักสอง-สามร้อยล้านคนเพราะข้าว แพงก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกันแล้ว ที่ผ่านมาโอเปคมันขูดเลือดขูดเนื้อชาว โลกไปไม่รู้เท่าไรต่อไร ถ้าทุกภาคส่วนของสังคมหันมาเอาใจใส่มีการบริหารจัดการเรื่องข้าวให้     ดีๆ ผมว่าประเทศเราจะกำลังเข้าสู่ยุคของการเป็นมหาอำนาใหม่ได้เลย โดยใช้ข้าวเป็นอาวุธในการถ่วงดุลหรือตต่อรองทางอำนาจและผลประโยชน์ จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) - [ 19 เม.ย. 51 10:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ึ ความคิดเห็นที่ 74 กระทู้นี้ถูกใจครับ อิอิ เอาของกิน เอาอาหาร ไปเผากันบนท้องถนน มันถูกแล้วหรอ เพราะ คิดนานแล้วตั้งแต่เริ่มมีการ ผลิตเอทานอล และนำน้ำมันพืชไปเติมรถเป็นไบโอดีเซล ัซักวันมันต้องกระทบอาหารแน่ๆเลย มันกลับเร็วกว่าที่คิด เริ่มส่งผลกันแล้ว เหอๆ สินค้าเกษตรขายได้ราคา มีคนรับซื้อ ข้าวราคาแพง เกษตรกรคงดีใจตอนขาย แต่หารู้ไม่ ว่ามันทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นตามกันไปหมด ตั้งแต่หมูที่ต้นทุนอาหารแพง เดือดร้อนกันไปทั่ว ถ้าสนับสนุนกันมากๆ คนเริ่มหันไปปลูกพืชพลังงานเยอะๆ อีกหน่อยเราคงได้นำเข้าอาหารกัน จากคุณ : Jet_XP - [ 19 เม.ย. 51 03:08:36 ] ======================================================= ประเทศไทยเองก็เป็นประเทศผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ลำดับต้นๆของโลกแล้ว ถ้าขนาดต้องนำเข้าอาหารเนี่ย จะมีให้นำเข้าไหมน้อ... จากคุณ : เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม - [ 19 เม.ย. 51 10:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ความพอดีของมนุษย์ไม่สมดุลกันแฮะ เอาอาหารมาผลิตน้ำมัน เพื่อลดโลกร้อนและทดแทนน้ำมันในการเอามาใช้ เมื่อสิ่งนี้ได้ทดแทน แต่อีกสิ่งก็ขาดแคลนออกไป คืออาหารที่จะเอามา เลี้ยงปากเลี้ยงท้องมนุษย์  ตราบใดที่คนเราเห็นแก่ตัว ความสมดุล มันก็ไม่เกิดหรอก   เช่น ถ้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน อย่างน้อยทำให้ราคาน้ำมันลดลง ลดการเก็งกำไรของราคาน้ำมัน นี่ก็เช่นกัน จะเก็งกำไรกันไปถึงไหน คนรวยเค้าไม่เดือนร้อนหรอก เพราะเค้ามีเงินที่จะซื้ออาหารได้สบายๆอยู่แล้ว แต่คนจนล่ะ เหมือนเป็นเบี้ยล่างเลยแฮะ ต่อสู้ก็ไม่ได้ เรียกร้องก็ไม่ได้ แถมยังโดนแย่งเอาอาหารไปผลิตเอทานอลอีก   ถ้าคนเราลดความฟุ้งเฟ้อ เข้าหาความพอเพียงได้ ( ถ้ารู้จักความหมายของมัน ) คิดว่าปัญหานี้ก็จะไม่เกิด อย่างน้อย ไม่เร็วเหมือนตอนนี้   อเมริกาทำไมไม่ทำสัญญาเกียวโต เพราะจะทำให้เสียผลประโยชน์ ในด้านอุตสาหกรรม และแน่นอน ได้เงินลดลง กำไรน้อยลง แล้วไปโทษ ให้คนอื่นลดแทน เออ มนุษย์เรา ประเทศไทยตื่นขึ้นมาพร้อมรับสถานการณ์นี้หรือยัง หรือว่ายังนำเสนอ ข่าวการเมือง ดาราเลิกกัน ฯลฯ กันอยู่ จากคุณ : คาถาป้องกันแห้ว - [ 19 เม.ย. 51 13:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ไม่เห็นด้วยเลยครับ บทความดูเหมือนจะต่อต้านการใช้เชื้อเพลิงทดแทนอย่างเดียว แต่ไม่เห็นจะสามารถเสนอแนะวิธีแก้ปัญหาอื่นๆได้เลย ไม่มีการยกตัวเลขที่แท้จริงมาเปรียบเทียบว่ากำลังการผลิตเท่าไหร่ ความต้องการเท่าไหร่ มีแต่ยกข่าวต่างๆมาคิดกันไปเอง ในเมื่ออาหารนำมาผลิตพลังงานได้ ก็อยู่ที่การบริหารจัดการที่ดีมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะให้ทำอย่างไรครับ เลิกใช้แกสโซฮอล + เลิกใช้ไบโอ หรอ ช่วยกันประหยัดหรอ - คิดว่าทำด้หรอครับ แล้วคิดว่าราคาข้าวจะลดลงไหม ประเทศอื่นๆเขาก็ผลิตพลังงานทดแทนได้ เมื่อโลกต้องการมันเยอะสุดท้ายราคาก็สูงอยู่ดี คำตอบผมว่าอยู่ที่การบริหารจัดการที่ดี เป็นไปตามกลไกตลาดมากกว่า จากคุณ : Tamจัง - [ 19 เม.ย. 51 15:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ปัญหาคือถ้าคุณเชื่อในทุนนิยม คุณต้องไม่แทรกแซง ปล่อยให้โลกได้ตัดสินใจคิดเอง อุปสงค์จริงๆจะตามมา ว่าอะไรสำคัญกว่า ปากท้อง หรือ พลังงานเติมรถ กลไกจะลงตัวของมันเอง ถ้าโลกตัดสินใจแล้วว่าปากท้องสำคัญกว่ามีคุณค่ากว่า ไม่ควรเอาน้ำมันแป้งวัตถุดิบสำหรับทำอาหารไปเปลี่ยนเป็นน้ำมันเติมรถ ราคาอาหารต้องปรับตัวสูงขึ้นเกินราคาน้ำมัน ถ้าราคาอาหารแซงหน้าราคาน้ำมัน ก็คงไม่มีใครเอาวัตถุดิบอาหารมาใช้เป็นพลังงานทดแทนเอง แต่กว่าจะถึงวันนั้นก็วุ่นวายกันหน่อยก็แค่นั้น จากคุณ : หลับตา - [ 19 เม.ย. 51 18:37:16 A:58.64.123.207 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 80 www.unfccc.int united national framework convention of climate change จากคุณ : โจรกระจอก - [ 20 เม.ย. 51 00:27:48 A:125.25.144.130 X: TicketID:164272 ]

ความคิดเห็นที่ 81 New 'Green' Body Count Begins By Steven Milloy April 17, 2008 Food riots caused by rising food prices have erupted around the world. Five people died in riots in Haiti -- perhaps the first of many casualties yet to come from the current fad of being "green." Food riots also broke out in Egypt, Cameroon, Ivory Coast, Senegal, and Ethiopia. The military is being deployed in Pakistan and Vietnam to protect fields and warehouses. Higher energy costs and policies promoting the use of biofuels like ethanol are being blamed. "When millions of people are going hungry, it's a crime against humanity that food should be diverted to biofuels" an Indian government official told the Wall Street Journal. Turkey's finance minister labeled the use of biofuels as "appalling" according to paper. Biofuels have turned out to be a lose-lose-lose proposition. Once touted by the Greens and the biofuel industry as being able to reduce the demand for oil and to reduce greenhouse gas emissions, biofuels have accomplished neither goal and have no prospect of accomplishing either in the foreseeable future. The latest research shows, in fact, that biofuels actually increase greenhouse gas emissions on a total lifecycle basis. Add in that taxpayer-subsidized diversion of food crops and food crop acreage to fuel production has contributed to higher food prices and reduced food supply, and biofuels turn out to be nothing less than a public policy disaster. The situation is not likely to get any better any time soon as cutting the farm subsidies and tariffs on sugar cane-based ethanol imports that have fueled the ethanol craze seems to be yet another third-rail of U.S politics. Biofuel proponents hope the reliance on food crops to produce biofuels is temporary and they point to a future where non-food biomass (like corn stalks and grasses) is used to produce so-called cellulosic ethanol. But in addition to the fact that the technology for producing cellulosic ethanol on a cost-effective basis is nowhere near ready for prime time, the greenhouse gas footprint of cellulosic ethanol is likely to be far worse than corn-based ethanol. It's one thing to transport relatively compact corn kernels to be processed into ethanol; it's quite another thing to transport bulky biomass. The biomass bulk problem would require that a multitude of cellulosic ethanol plants be built around the country -- a project that could be quite costly and difficult to locate given the phenomenon of NIMBY-ism and the problem of plant emissions making it more difficult for states to comply with federal air quality standards. States that don't meet those standards don't get their much-needed federal highway funds. Food riots are only the tip of the Green iceberg. We might also expect energy riots to erupt one day. จากคุณ : กาลามะชน - [ 20 เม.ย. 51 15:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ถ้าถามว่าเราควรจะแก้อย่างไร ในความคิดของผม ผมคิดว่าน่าจะ้สังเคราะห์น้ำมันจากถ่านหิน (Coal-To-Liquid (CTL)) น่าจะมีต้นทุนประมาณ 30 เหรียญต่อบาเรล แต่ไม่แพร่หลายเพราะกลายเป็นเทคโนโลยีต้องห้ามตามสัญญาเกียวโต ตอนนี้ประเทศไทยสำรวจพบถ่านหินลิกไนท์มากกว่าสองพันหนึ่งร้อยล้านตัน แต่เราใช้ถ่านลิกไนท์ปีละไม่ถึงสามสิบล้านตัน ที่ใช้น้อยเพราะลิกไนท์มีกำมะถันมาก ให้ค่าความร้อนต่ำ ทำให้อุตสาหกรรมไม่นิยมใช้ มีที่ใช้แค่ไว้ปั่นไฟฟ้า แต่ลิกไนท์กลับเป็นเกรดถ่านหินที่เหมาะที่สุดที่จะใช้ทำ CTL ลิกไนท์มีกำมะถันมากก็ไม่เป็นปัญหา เพราะกำมะถันไม่เข้าร่วมปฏิกิริยาเคมีในกระบวนการ ไม่ติดปนออกมาในน้ำมันสังเคราะห์ ในสงครามโลกครั้งที่สองเยอรมันก็ใช้ลิกไนท์เป็นวัตถุดิบทำน้ำมันสังเคราะห์ ถ่านหินดีๆเก็บเอาไว้ใช้ในอุตสาหกรรมอย่างอื่น ปัจจุบันอัฟริกาใต้ก็ใช้ลิกไนท์ผลิตน้ำมันสังเคราะห์ ส่วนถ่านหินดีๆมีไว้ส่งออกขายไปต่างประเทศ ถ้าไม่ชอบลิกไนท์ ก็ยังมีหินน้ำมัน Oilshale ข่าวว่ามีต้นทุนประมาณ 40 เหรียญต่อบาเรล เรามีหินน้ำมันที่แม่สอดค่อนข้างมากเทียบได้กับน้ำมัน 2.4 พันล้านบาเรล แต่การทำเหมืองหินน้ำมันมีมลภาวะมาก ทางแก้คืออย่ารีบร้อนทำทันที แต่ก็อย่าโง่ตั้งคณะวิจัย ให้ใ้ช้วิธีทดลองทำทีละน้อย อย่างมาดากัสการ์ ใช้วิธีตั้งโรงงานขนาดเล็ก 150 บาเรลต่อวัน แล้วรอดูผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาจจะให้ทำเป็นอุตสาหกรรมท้องถิ่นก็ได้ แล้วค่อยๆขยายทีละน้อย เท่าที่สิ่งแวดล้อมในชุมชนจะรับไหว แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 51 16:57:22 แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 51 16:11:11 จากคุณ : กาลามะชน - [ 20 เม.ย. 51 16:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ดูเหมือนฤดูหมาวอันทารุณที่เพิ่งจะผ่านไป จะกระทบความรู้สึกของคนสหรัฐค่อนข้างมาก วันนี้คนอเมริกาเขาสนใจเื่รื่องปัญหาปากท้องมากที่สุด 41% และกังวลเรื่องโลกร้อน 0% Amazingly, 'Global Warming' scores a ZERO in the latest ABC News poll. ABC and the Washington Post polled Americans about the most important issue to them in the upcoming elections. The economy ranked #1 with 41%, War in Iraq #2 with 18%, Health Care #3 with 7%, Terrorism/National Security #4 with 5%, Immigration and Ethics followed with 4%, Education and Morals with 2%, and Environment and Global Warming continue to receive a 0%. แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 51 17:44:36 จากคุณ : กาลามะชน - [ 20 เม.ย. 51 17:09:05 ]

ความคิดเห็นที่ 84 น้ำแข็งขั้วโลกที่ละลายไปอย่างน่าวิตกในปีที่แล้ว ตอนนี้กำลังกลับมาแข็งตัวเพิ่มขึ้น ดีวันดีคืน ขั้วโลกเหนือ แม้ปีที่แล้วจะละลายมากที่สุด แต่ตอนนี้อันดับดีขึ้นกว่าหกปี ส่วนขั้วโลกใต้ ปีนี้มีน้ำแข็งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำลายสถิติ จากคุณ : กาลามะชน - [ 20 เม.ย. 51 17:21:09 ]

ความคิดเห็นที่ 85 โหวตก่อนเลยค่ะ..เดี๋ยวจะตามขึ้นไปอ่านให้ครบทุก ๆ ความคิดเห็น ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาฝากกัน อิชั้นอ่านให้คนที่บ้านฟังด้วย เล่นเอาคนในบ้านเริ่มเห็นภาพและหวั่นใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเช่นกันอ่ะนะคะ จากคุณ : i'm not superman - [ 20 เม.ย. 51 19:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 86 การขึ้นราคาของอาหารจะขึ้นมากที่สุด ที่อาหารเกรดต่ำ ข่าวต่างประเทศบอกว่าข้าวโพดเกรดต่ำที่เป็นอาหารคนจนขึ้นราคา 2.5 เท่า ก่อนที่จะขาดตลาด ตัวอย่างในประเทศไทยไทยก็ได้แก่การขึ้นราคาของ "ปลายข้าว" ที่ขึ้นราคาไป 2.5 เท่าเช่นกัน จากข่าวไทยรัฐ คอลัมน์ชักธงรบเมื่อวันศุกร์ที่ 18 เม.ย. ตอน "ข้าวหมา" ...เมื่อสามเดือนที่แล้ว ปลายข้าวหนึ่งท่อน(ห่อถุงพลาสติก 50 กก.)ราคา 470 บาท (ถังละ 140 บาท) ไปซื้อใหม่ คราวนี้ราคาท่อนละ 570 บาท แล้วก็ขึ้นเป็น 700 บาท ซื้อครั้งสุดท้าย 900 บาท ผ่านไปถามราคาล่าสุด คราวนี้ข้าวท่อน 50 กก. ไม่มี มีแต่เป็นถุง ถุงละ 1 ถัง 15 กก. 360 บาท ถ้าซื้อเป็นท่อน คิดเป็น กก.เหมือนเก่า ก็ 1,100 บาท เทียบกับข้าวเหลืองปะทิวที่คนซื้อกินเอง ถังละ 440 บาท เดือนที่แล้ว เดือนนี้ขึ้นไป 480 บาท แสดงว่า ราคาข้าวหมา แพงดุเดือดกว่าข้าวคน จากคุณ : กาลามะชน - [ 20 เม.ย. 51 19:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ^ ^ ที่เคยคิดว่า ถ้าข้าวขาดแคลน จะหันไปกินก๋วยเตี๋ยวแทน ก็ หมดหวังน่ะสิ ปลายข้าวขึ้นราคา มหาโหดแบบนี้ แล้วก๋วยเตี๋ยว มิกลายเป็นชามละ 60 เหรอ? จากคุณ : sb*star - [ 20 เม.ย. 51 23:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ^ ^ ไม่น่าคิดแบบนั้นได้ เปิดประเด็นด้านอื่นๆ บ้างก็ดีครับ จะได้รู้ถึงความเชื่อมโยงบ้าง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ พวกนักอนุรักษ์เอาวิทยาศาสตร์ (อันน่าเลื่อมใสศรัทธา) มาบิดเบือนนะ จากคุณ : g9h - [ 21 เม.ย. 51 00:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 89 คห.84 ไม่ได้ตอบอะไรใหม่เลย เทรนด์น้ำแข็งมันก็เป็นแบบนี้มาเป็นสิบๆปีแล้ว ไม่ใช่หรือ แล้วเรื่อง Solar Minimum กับ จุดดับดวงอาทิตย์ ที่คุณอ้างว่า มีผลทำให้อุณหภูมิเดือนมกราคมที่ผ่านมาต่ำผิดปกติ สรุปว่ายังไงดีครับ ยอมรับกันได้รึเปล่าว่า.......... มันผิด คคห. 66 ก็มีข้อสงสัยที่ดีครับ อากาศแปรปรวน ภัยธรรมชาติ ขาดแคลนอาหาร มันเป็น "ผล" ของภาวะโลกร้อน ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ชี้ความผิดไปที่พลังงานทางเลือกล่ะครับ (แม้จะมีส่วนบ้างก็เถอะ) แถมยังเสนอให้ขุดถ่านหินซึ่งเป็นพลังงานฟอสซิลที่ไม่ยั่งยืนมาใช้อีก มันแปลกๆ อ่ะครับ ปล. สงสัยมาก ว่าคุณกาลามะชนทำงานหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำมันรึเปล่าครับ ถึงได้จ้องดิสเครดิตโลกร้อนจัง ขอโทษที่กัดไม่ปล่อยนะครับ จากคุณ : L - [ 21 เม.ย. 51 01:52:33 A:84.92.227.48 X: TicketID:174259 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ตอนนี้ผมอยู่ในองค์กรที่ใช้น้ำมันรายใหญ่ ก็เลยสนใจความเป็นไปของน้ำมัน เพราะมีผลกระทบต่อองค์กร ถ้าคนทั้งประเทศประหยัดน้ำมัน ช่วยให้น้ำมันราคาถูกลง องค์กรของผมก็ได้ประโยชน์จากการใช้น้ำมันราคาถูก หน่วยงานของผมก็คิดคล้ายหลายคน คือร่วมในการประชาสัมพันธ์อนุรักษ์พลังงาน ..และค่อนข้างจะเห็นว่าการโกหกเพื่อสิ่งที่ดี เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ผมไม่.. ผมเห็นว่ามนุษย์ ควรต้องมีสิทธิได้รับรู้ความจริง และตัดสินใจด้วยตนเอง จากคุณ : กาลามะชน - [ 21 เม.ย. 51 09:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 91 คุณ L ไม่ยอมตอบเรื่องความหนาวที่ผิดปกติ แต่กลับมาถามผมตอนที่มันกลับมาร้อน เรื่อง solar minimum เป็นเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดในสิบปีข้างหน้า ตอนนี้อัตราการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ยังร้อนอยู่ ดูกราฟ TSI ได้เลย ดวงอาทิตย์ยังร้อน โลกก็ควรจะร้อน ก็ถูกแล้ว ผมไม่เห็นต้องตอบอะไร แต่ที่ผมยกเรื่องความหนาวมาถามนั้น เพราะเป็นเรื่องที่ชาวโลกร้อนควรต้องตอบว่าทำไมจึงหนาวขนาดนั้นได้ ทั้งๆที่ปริมาณ CO2 สูง และ TSI ยังสูงอยู่ เอาไว้อีกหลายปี ถ้ากราฟ TSI ลดแล้วโลกยังคงร้อน ตอนนั้นจึงจะเป็นภาระของฝ่ายค้านที่ต้องตอบ แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 51 10:08:51 จากคุณ : กาลามะชน - [ 21 เม.ย. 51 09:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ในส่วนความเชื่อของฝ่ายค้าน ความหนาวครั้งนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจหลายเรื่อง ที่สำคัญคือจุดดับที่ลดต่ำในช่วงผลัดเปลี่ยนคาบ ช่วงลดต่ำสุดค่อนข้างจะตรงกับคลื่นความหนาว แต่จุดดับก็กลับมาเพิ่มมากอีกครั้งในเดือนมีนาคม ซึ่งผมได้เล่าไปแล้วในความเห็นสุดท้ายของกระทู้ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/02/X6373013/X6373013.html Solar activity กลับมามีพลังมากจนเกิดแสง aurora ปรากฏให้เห็นอีกครั้งหลังจากหายไปหลายเดือน ซึ่งเป็นข่าวที่ฮือฮาในต่างประเทศพอควร ในแง่ของอุตุนิยมฯวิทยาการที่โลกกลับมาร้อนในเดือนมีนาคมพร้อมกับที่ดวงอาทิตย์กลับมามี acyivity ดูจะกลายเป็นหลักฐานที่หนักแน่นมากขึ้นว่า solar activity มีผลต่อบรรยากาศอย่างชัดเจน แต่ยังยืนยันไม่ได้แน่นอนว่าเป็น parameter หรือ activity ตัวใด และมีกลไกการทำงานอย่างไร ที่น่าสนใจคือจุดดับที่ปรากฏหลายชุดในเดือนมีนาคมจนถึงเมษายนนี้ เป็นการกลับมาของ cycle 23 ในด้าน slolar science การกลับมามีพลังอีกครั้งของ cycle ที่ 23 ที่ควรจะจบไปแล้ว ทำให้เกรงว่า cycle ที่ 24 จะเดี้ยง และ solar minimum ในสิบกว่าปีข้างหน้าจะมีความรุนแรง แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 51 09:26:59 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 51 11:06:07 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 51 10:35:50 จากคุณ : กาลามะชน - [ 21 เม.ย. 51 09:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ทฤษฎีที่มาแรงตอนนี้ คือ ไม่ใช่ TSI ที่มีผลกระทบมาก แต่กลายเป็นอนุภาคจากดวงอาทิตย์มีผลรบกวนการเกิดเมฆ ที่เป็นเหมือนร่มกันแดด ช่วงที่ดวงอาทิตย์เงียบสงบจริงๆ มกราคม-กุมภาพันธ์ โลกก็หนาวผิดปกติในหลายพื้นที่ แต่พอดวงอาทิตย์กลับมาดึ๋งดั๋งในเดือนมีนาคมโลกก็กลับร้อนอีก.. ก็เข้าทางทฤษฎีนี้เลย แล้วจะไม่สนใจบ้างหรือ? ในส่วนตัวของผม ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นเพราะ TSI หรือเป็นเพราะอนุภาค  หรืออาจเป็นทั้งสองอย่างก็ได้ แต่การกลับมาร้อนในเดือนมีนาคม ก็ดูเหมือนความสัมพันธ์ของอนุภาคกับภูมิอากาศจะมีน้ำหนักมากขึ้น แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 51 10:56:34 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 51 10:55:04 จากคุณ : กาลามะชน - [ 21 เม.ย. 51 10:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ความแปรปรวนของสภาพอากาศนั้น ก็อาจจะเกี่ยวกับ Solar cycle เป็นเรื่องปกติช่วงเปลี่ยนคาบ ช่วงที่ดวงอาทิตย์เงียบสงบ บรรยากาศจะมีเมฆมากกว่าค่าเฉลี่ย การหมุนเวียนของกระแสอากาศจากขั้วโลกและศูนย์สูตรจะแรงมากกว่าปกติ และมีการหดตัวของชั้นบรรยากาศสตาร์โตสเฟียร์เกิดขึ้นด้วย เรื่องเหล่านี้เกี่ยวพันกันอย่างไร อะไรเป็นสาเหตุ และอะไรเป็นผลลัพท์ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เป็นเรื่องปกติที่สามเรื่องนี้จะเกิดร่วมกัน ในช่วงที่ดวงอาทิตย์เปลี่ยน cycle ในความเห็นของ IPCC จริงๆแล้วเขาเชื่อว่าความหนาวที่แปรปรวนเกิดจากการหมุนเวียนของอากาศที่แรงผิดปกติ ในช่วงหน้าร้อนของปี 2007 กระแสอากาศกำลังแรงได้ผลักดันน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมให้รุกเข้าไปในขั้วโลกมากกว่าปกติ และนั่นคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายไปอย่างมากเป็นประวัติการณ์ในกลางปีที่ผ่านมา และการหมุนเวียนที่ผิดปกติเกิดขึ้นทั้งโลก ที่ซีกโลกใต้กระแสอากาศกำลังแรงก็พาหิมะในรอบหลายสิบปี มาตกที่บัวโนสแอเรส และอัฟริกาใต้ รวมทั้งออสเตรเลียก็มีฝนตกมากผิดปกติด้วย แต่พอถึงหน้าหนาว ทุกสิ่งก็กลับกัน คือกระแสอากาศจากขั้วโลกเหนือเป็นฝ่ายรุกกลับอย่างแรง ทำให้ความหนาวกระจายไปทั่วทั้งเอเชียและอเมริกา.. ยกเว้นยุโรป ที่กระแสอากาศกำลังแรง พัดพาความร้อนจากน้ำอุ่นในแอตแลนติกกินแดนลึกเข้าไปได้มากกว่าเคย ทำให้ยุโรปอุ่นกว่าปกติอยู่แห่งเดียว เมฆมาก กระแสลมแรง บรรยากาศหดตัว เกิดทุกครั้งช่วงเปลี่ยนคาบ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงจนผิดสังเกต แต่ครั้งนี้มันแรงผิดปกติ โดยยังไม่ทราบว่าสาเหตุคืออะไร เรื่องของบรรยากาศ มนุษย์เรายังรู้อยมาก จากคุณ : กาลามะชน - [ 21 เม.ย. 51 12:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ผมได้ตอบไปแล้วครับ โดยยกคำอธิบายของผู้อำนวยการศูนย์ตรวจวัดอากาศมาอ้างอิง ว่าโดยทุกคนชี้ไปที่อากาศหนาวเย็นที่ผ่านมา เป็น Seasonal Variation ธรรมดา และมีผลของลานีน่าเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งทุกปีที่มีลานีน่า อุณหภูมิก็ลดต่ำลงแบบนั้น มีความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน แม้แต่เดือนมีนาคม ที่ร้อนกว่าปกติ ผมก็คิดว่าเป็น seasonal variation ธรรมดา แต่เทรนด์โลกร้อนรวมมันยังเหมือนเดิม และมีอยู่จริง เรื่อง TSI หรือ อนุภาค คาบดวงอาทิตย์ทุก 11 ปี ความเฉื่อย ฯลฯ ที่ฝ่ายค้านหยิบมาอ้าง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ (โดยที่บางอย่างยังอธิบายกลไกไม่ได้) โลกร้อนเป็นเรื่องโกหกบ้าง CO2 ไม่มีผลบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เทรนด์โลกร้อนก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยมาตลอดระยะเวลาอย่างต่ำ 50 ปี ผมจึงไม่รู้จะให้เชื่อทฤษฎีของฝ่าย skeptics ได้ยังไง จากคุณ : L - [ 21 เม.ย. 51 13:58:36 A:84.92.227.48 X: TicketID:174259 ]

ความคิดเห็นที่ 96 แต่ท้ายที่สุดแล้ว เทรนด์โลกร้อนก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยมาตลอดระยะเวลาอย่างต่ำ 50 ปี ผมจึงไม่รู้จะให้เชื่อทฤษฎีของฝ่าย skeptics ได้ยังไง +++++++++++ ฝ่ายค้านก็บอกว่าโลกร้อน เพียงแต่บอกว่าการร้อนขึ้นส่วนใหญ่เพราะอิทธิพลธรรมชาติ ที่อ้างว่า trend โลกร้อนไม่เคยเปลี่ยนตลอด 50 ปี ไม่ได้เป็นข้อสรุปว่าทฤษฎีของฝ่ายค้านผิด ส่วนสารพัดข้อมูลและทฤษฎีที่ผมนำมาบอกเล่า ก็เป็นประโยชน์ เป็นความรู้ ช่วยให้มีมุมมองหลายด้าน ผมตั้งใจจะบอกเล่าให้รู้ถึงแนวคิดที่หลากหลาย หลังจากทราบแล้ว ผู้อ่านจะคิดอย่างไร ก็เป็นสิทธิของเขา แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมชอบอ้าง peer review ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นหลักประกันความถูกต้อง เพราะถ้าตัว reviewer เป็นพวกที่หลงผิด ผลงานที่ review ออกมาก็เป็นมิจฉาทิฐิไปด้วย แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 51 16:11:47 จากคุณ : กาลามะชน - [ 21 เม.ย. 51 14:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ถ้าโลกไม่ร้อนก็ไม่เห็นมีอะไรน่าวิตกไม่ใช่หรือ จากคุณ : หลับตา - [ 21 เม.ย. 51 19:33:18 A:58.64.123.211 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 98 อยากให้ได้อ่าน หนังสือเรื่อง  " Plan B " กันจัง เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ ผมเคยอ่านมาตั้งนานมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่า เกิดขึ้นจริงและเร็วขนาดนี้ และถ้ายังเป็นไปตามที่หนังสือเล่มนั้นคาดการณ์ อีกหน่อยจะวิกฤติ ถึงขั้นอาจเกิดเป็นสงครามกันได้เชียว ตอนนี้ วนให้ญาติๆ อ่านกันอยู่อะครับ ถ้าไงได้มาแล้วมีเวลาจะโพสท์เป็นกระทู้ให้ ว่า เขาทำนายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปัญหา ผลผลิตทางการเกษตรขาดแคลนไม่ได้เกิดจากการที่เอาไปปลูกน้ำมันเท่านั้นครับ ยังมีสาเหตุอย่างอื่นอีกมากเลย จากคุณ : GreenEyes - [ 21 เม.ย. 51 23:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 99 มองในมุมกลับ ... ตอนเกษตรกรไทย เอาผลผลิตมาทิ้งข้างถนน เพราะขายขาดทุน กลับไม่มีคนเดือดร้อน เรื่องราคาให้มันเป็นไปตามวัฏจักรจะดีกว่า ประเดี๋ยวก็เกิดโปรดักส์หรือวิธีการใหม่ๆ อย่าง Biofuel เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วก็ผลจากปิโตรเลียมราคาสูงไม่ใช่หรือ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 51 14:58:02 จากคุณ : ps_addict - [ 22 เม.ย. 51 04:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อืมมมม...ได้ความรู้และความคิดเห็นที่หลากหลายดีครับ จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ 22 เม.ย. 51 16:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 101 #23 ในเมื่อเนื้อสัตว์แพงขึ้น โรคจากสัตว์แปลกๆ มีให้เห็นอยู่ตลอด ก็อย่าไปกินมันเลยครับ   ลดการเลี้ยงสัตว์ - -  จะได้ไม่ต้องแย่งอาหารจากคน มุ่งเป้าไปที่การผลิตแหล่งโปรตีนทดแทนจากพืชมาบริโภค ตั้งนโยบายวิจัยเทคโนโลยี - - เปลี่ยนทิศไปใช้พลังงานทดแทน ออกกฎหมายควบคุม - -  แยกพืชอาหารกับพลังงานออกจากกัน จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ - [ 22 เม.ย. 51 18:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ก๊อปปี้ความคิด IMF มาให้ดู ----------------------------------- IMF เตือนรัฐบาลชาติต่างๆไม่ควรจำกัดการส่งออกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ 11:23 น. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แถลงว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่ควรที่จะใช้ระบบโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคมในการช่วยเหลือผู้บริโภคที่ต้องรับมือกับการพุ่งขึ้นของราคาอาหาร แทนที่จะใช้วิธีการบิดเบือนตลาดผ่านทางการจำกัดปริมาณการส่งออกข้าวเจ้าและข้าวสาลี นายชาร์ลส์ คอลลินส์ รองผู้อำนวยการแผนกวิจัยของ IMF กล่าวว่าการใช้โครงข่ายความคุ้มครองทางสังคม และการทำให้สาธารณชนมีเงินทุนมากเพียงพอ ถือเป็นวิธีการที่ดีกว่ามาตรการจำกัดการส่งออก ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้เกิดความบิดเบือนในตลาด นายคอลลินส์กล่าวว่า "สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือจำนวนของประเทศที่ได้ประกาศใช้มาตรการจำกัดการส่งออก" โดยนายคอลลินส์อยู่ที่สิงคโปร์ในช่วงนี้เพื่อหารือเรื่องรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ IMF เปิดเผยออกมาในช่วงต้นเดือนนี้ นายคอลลินส์กล่าวว่า รัฐบาลควรที่จะแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อด้านราคาอาหารโดยใช้วิธีการแก้ไขที่มีหลายระดับชั้น นายคอลลินส์กล่าวว่า รัฐบาลควรรับประกันว่า คนจนจะมีเงินทุนมากเพียงพอสำหรับใช้ในการซื้ออาหาร, ใช้วิธีการแบบพหุภาคีในการจัดการกับการพุ่งขึ้นของราคาอาหาร โดยผ่านทางการเปิดเสรีทางการค้ามากยิ่งขึ้น และควรดำเนินนโยบายภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการทำการเกษตร นายคอลลินส์กล่าวว่า รัฐบาลควรอนุญาตให้ราคาในตลาดระหว่างประเทศส่งผลไปถึงเกษตรกรภายในประเทศ -------------------------------------- วิธีมองปัญหาของกลุ่มทุนคือ เอ็งทำผิด แต่ไม่เคยเห็นความผิดพลาดของตัวเอง ตอนเค้าปลูกขาดทุนมีใครสนใจเค้ามั้ย ปีน้ำท่วมหนัก คนเมืองคงลืมไปแล้วว่ามีเกษตรกรต้องยอมผันน้ำให้ท่วมแทนชาวกรุง ตอนนี้คนกรุงส่วนนึงเค้ายังจำได้ แล้วเค้าก็ยอมรับกับราคาอาหารที่สูงขึ้นได้ แต่อีกส่วนกลับลืมและไปโทษเกษตรกร เกษตรกรอยู่กลุ่มล่างของทุนนิยม จะมีปากเสียงอะไรได้มาก ยังไม่ทำอะไรก็ผิดอยู่แล้ว เจ้าชื่อโรคร้อนเหมือนกัน ผมไม่รู้หรอกว่าชื่อโรคอะไร แต่ผลมันเกิดแล้ว ไม่ต้องไปวัดค่าน้ำแข็งอะไรหรอก มันกระทบผลผลิตเกษตรทั้งโลกปีที่แล้วไง ทำอากาศแปรปรวน อยากชื่อโรคอะไรก็ได้ตามใจ มันมีผลกระทบอยู่นี่ไง ทุนนิยมแน่ใจจริงว่าสินค้าเกษตรมีค่าสูง ส่งเงินมาอุดหนุนสิ ชาวนาเกษตรกรไทยยอมเป็นผู้ผลิตป้อนโลกให้ได้สบาย จะกำเงินไว้ทำไมให้เน่า ส่งเงินมาอุดหนุนค่าการจัดการ ดิน น้ำ แบเงินออกมาแล้วก็มาทำสัญญากับประเทศไทย ให้เงินอุดหนุนชาวนาไทย เอาเงินที่มีอยู่มาสร้างระบบจัดการระบบประกันราคา ให้ชีวิตเกษตรกรจากนี้ไม่ต้องเสี่ยงน้อยลงกับการลงทุนทำนา ไม่งั้นพอราคาตก IMF ก็หายหัว จะกล้าแก้ปัญหาก็ต้องรับปัญหาทั้งด้านขาดและด้านเกิน นี่มันจะแก้แต่ด้านขาด แต่พอผลิตเกินมันก็ไม่มายุ่งไม่มาช่วยคิด จากคุณ : หลับตา - [ 22 เม.ย. 51 18:43:41 A:58.64.123.211 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 103 สิ่งที่ผ่านมา มันก็ผ่านไปแล้ว เราควรจะมองปัจจุบัน และทำสิ่งที่จะดีที่สุดเพื่ออนาคต เราควรมีความคิดที่ยืดหยุน ไม่ปักหลักติดกรอบ ในอดีตน้ำมันดีเซลเคยแพงกว่าน้ำมันปาล์มดิบ แต่ตอนนี้ นาทีนี้ น้ำมันพืชเพื่อบริโภคแพงกว่าน้ำมันดีเซล แล้วเรายังจะทำไบโอดีเซลไปทำไม ในความเห็นของผม เราควรหยุดทำไบโอดีเซลในทันที และซื้ื้อน้ำมันดีเซลที่ถูกกว่ามาใช้ เราควรเอาน้ำมันปาล์มทำเป็นน้ำมันพืชเพื่อการบริโภค ที่มีราคาแพงกว่าน้ำมันดีเซล สำรองไว้บริโภคในประเทศให้พอ แล้วเอาที่เหลือขายให้ประเทศอื่น แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 51 19:25:54 จากคุณ : กาลามะชน - [ 22 เม.ย. 51 19:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 104 โหวตก่อนเลย  อ่านยังไม่จบปวดตา  แต่กระทู้นี้น่าสนใจมากแนะต่อพี่สาวให้มาอ่านแล้ว  เดี๋ยวมาอ่านต่อ  ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะเป็นประโยชน์มาก  อ่านแล้วซีเรียสเพิ่มเข้าไปอีก จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า - [ 22 เม.ย. 51 20:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 105 โหวต ... จากคุณ : apple_meppo - [ 22 เม.ย. 51 21:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ราคาน้ำมันปิโตรเลียมมีขึ้นมีลงตามสถานการณ์.. น้ำมันปาล์มดิบก็เช่นกัน บางครั้งดีเซลแพงกว่าน้ำมันปาล์ม แต่บางช่วงดีเซลก็ถูกกว่าปาล์ม นโยบายพลังงานทดแทนควรมีความยืดหยุ่น ช่วงไหนปาล์มถูกก็ทำไบโอดีเซล ช่วงไหนปาล์มแพงก็ควรหยุดไว้ก่อน ไม่ใช่สนับสนุนแบบหลับหูหลับตา ตั้งเป้าจะผลักดันให้ใช้ไบโอดีเซลปีละเท่านั้นเท่านี้ จากคุณ : กาลามะชน - [ 23 เม.ย. 51 07:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 107 สนับสนุนได้โดยตรง ถ้าคุณเชื่อในทุนนิยม ก็คือเงินในกระเป๋าคุณไงครับ ต้องกล้าแบออกมาอุดหนุนระบบ เหมือนกับเกษตรกรญี่ปุ่น ตอนแพงคุณจะไปสั่งเค้า ตอนราคาถูกคุณก็ต้องกล้าไปดูแลเค้าเช่นกัน ระบบมันถึงจะอยู่รอดระยะยาว ไม่งั้นความเห็นคุณก็เป็นแค่การเมืองธรรมดา จากคุณ : หลับตา - [ 23 เม.ย. 51 09:06:17 A:58.64.102.98 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 108 แล้วทำไมพวก beep ไม่ไปบอกพวกผลิตน้ำมันให้ลดราคา แต่มาบอกพวก beep ให้ลดกำลังการผลิตพืชเชื้อเพลิง จากคุณ : CT06516 - [ 23 เม.ย. 51 09:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ตามมาโหวต จากคุณ : อีกแล้ว (ยังมีหวัง) - [ 23 เม.ย. 51 15:40:42 ]

ความคิดเห็นที่ 110 โหวตครับ หัวข้อดี ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว ... จากคุณ : ค้นหา - หนทาง - [ 23 เม.ย. 51 18:43:09 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อยากทราบราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเบนซินทั่วโลกจัง ไทยเราราคาอยู่อันดับต้นๆหรือกลางๆหรือท้ายๆ พวกที่ราคาในประเทศถูกๆเค้าอ้างอิงราคาน้ำมันดิบที่ไหนบิดเบือนกลไกตลาดหรือเปล่า?? จากคุณ : หลับตา - [ 23 เม.ย. 51 21:00:23 A:58.64.102.98 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 112 สหรัฐ เบนซิน $3.50 ต่อ แกลลอน.. ดีเซล $4.10  ต่อแกลลอน http://tonto.eia.doe.gov/oog/info/gdu/gasdiesel.asp จากคุณ : กาลามะชน - [ 24 เม.ย. 51 07:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 113 งงครับ อ่านแล้วไม่เห็นจะเกี่ยวกับโลกร้อน น้ำมันมันขึ้น เลยทำให้เขาเปลี่ยนไปทำพืชพลังงานกะ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6539786/X6539786.html จีนบริโภคมากขึ้น ประเทศหลายๆ ประเทศ เกิดภัยธรรมชาติ ทำให้ผลผลิตขาดแคลนนี่ มันเกี่ยวกับ อนุสัญญาเกียวโต ตรงไหน?? จากคุณ : .eAT - [ 24 เม.ย. 51 11:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 114 อย่าแย่งพื้นที่ปลูกข้าว ไปปลูกปาล์มน้ำมัน   แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 51 14:57:21 แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 51 14:56:04 จากคุณ : prasitstar - [ 24 เม.ย. 51 14:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 115 น้ำมันแพง.. แต่ไบโอดีเซลที่ทำจากน้ำมันพืช ยังคงแพงกว่าดีเซล น้ำมันดิบแพง จึงไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ไบโอดีเซลเป็นที่นิยม แต่ฝรั่งทำ้ไบโอดีเซล ทั้งๆที่แพงกว่าดีเซล ก็เพราะแนวคิดเชิงอนุรักษ์ จากคุณ : กาลามะชน - [ 24 เม.ย. 51 18:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 116 #113 ที่ประเทศอังกฤษ พึ่งจะเริ่มใช้ biofuel เดือนนี้เองครับ ซึ่งข่าวที่นี่ก็บอกว่าที่รัฐบาลมีนโยบายให้ใช้ biofuel ก็เพราะต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาเกียวโตครับ ก่อนหน้านี้ก็ใช้กันแต่เบนซินกับดีเซลปกติครับ จากคุณ : From Dundee - [ 24 เม.ย. 51 21:14:47 A:134.36.53.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 117 #112 มีราคาประเทศเดียวเองหรือครับ ตะวันออกกลาง ยุโรป เอเซีย ที่ขายข้าวมันไก่ถูกกว่าบ้านเราไม่มีข้อมูลหรือครับ #115 ไหนๆมันไม่มีผลอะไรเลย งั้นก็ทำให้น้ำมันดิบถูกสิครับ แนวคิดเชิงอนุรักษ์คงไม่เท่าไหร่หรอก ก็แค่เป็นทางเลือกพลังงานทดแทน ทดแทนได้5% ก็ประหยัดของนำเข้าได้5% ต่อไปจะมีมากกว่าตัวนี้อีก พลังงานทดแทนแนวทางอื่นๆทยอยออกมาเรื่อยๆ ความคุ้มค่าทางการลงทุนก็มากขึ้นเรื่อยๆ คนในวงการน่าจะรู้เยอะรู้จริงมากกว่าคนทั่วไปหรือเปล่า จะหยิบปากท้องคนจนออกมาบังหน้าแค่นั้นหรือ เค้ามีค่าแค่นั้นหรือ เงินในกระเป๋าทำไมไม่แบออกมา ช่วยกันวิจัยพลังงานทดแทนให้ประเทศชาติ การวิจัยลงทุนช่วงแรกไปแทรกเค้าอยู่มันก็ต้องไปกระทบเบียดที่อยู่คนอื่นบ้าง ต่อไปมันก็ลงตัวมีที่นั่งของมันเอง ต่อไปเราจะอยู่ได้ด้วยทรัพยากรเราเอง หรือคุณกาลามะชนคิดว่าแก้ปัญหาระยะยาวยังไง ซื้อน้ำมันต่อไปเรื่อยๆ ดีอยู่แล้ว จากคุณ : หลับตา - [ 24 เม.ย. 51 21:16:19 A:58.64.102.98 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ไทยเอาน้ำมันปาล์มที่ผลิตได้ในประเทศราวครึ่งหนึ่งไปทำไบโอดีเซล จนน้ำมันปาล์มไม่พอกิน ต้องนำเข้าทดแทนจากมาเลย์หลายครั้ง ครั้งละหลายหมื่นตัน (ครั้งหลังสุดสามหมื่นตัน) การทำอะไรที่ไม่รู้จักความพอดี พอประมาณ มีแต่จะเสียหาย และตราบเท่าที่น้ำมันดีเซลยังคงถูกกว่าน้ำมันปาล์ม การซื้อดีเซลจริงๆมาใช้ ก็น่าจะดีกว่า ทำไมเราไม่ขายปาล์มทั้งหมดให้พวกฝรั่งโลกร้อน ที่ยอมเสียเงินแพงๆเพื่อลดการปล่อย CO2 เอาเงินเยอะๆมาซื้อดีเซลของจริงๆที่ถูกกว่า 2-3 บาทต่อลิตรมาใช้ ปล. ผมไม่ได้แอนตี้แบบเบ็ดเสร็จ ผมเห็นด้วยกับการทำไบโอดีเซล แต่เฉพาะในช่วงที่ปาล์มราคาถูกกว่า แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 51 12:00:15 จากคุณ : กาลามะชน - [ 24 เม.ย. 51 23:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 119 อ่านทุกความเห็นแล้ว อย่าลืม หารสิบ แต่เห็นด้วยที่ว่า ประเทศที่ได้รับบผลตรงจริงๆ ก่อนน่ะ ก็พวกแอฟริกา และ ประเทศโลกที่สามทั้งหลาย ข้าวไม่ใช่อย่างเดียวที่แพงขึ้น ข้าวสาลี ก็เหมือนกัน ผลผลิตอื่นๆ ด้วย แล้วปัจจัยก็มีหลายอย่าง กรุณาอย่าเหมา จากคุณ : หัวหอมกะซาวครีม - [ 25 เม.ย. 51 06:50:26 ]

ความคิดเห็นที่ 120 อ่านหัวข้อกระทู้จบหาร 2 สิบรอบก็น่าจะโอเคนะ ข้าวสารแพง ไปโทษไบโอดีเซล ประหลาด? ผลผลิตข้าวของไทยมันลดลงเท่าไหร่ ช่วยเอาตัวตัวเลขปลอมๆมาโชว?ทีเถอะ จากคุณ : ไม่พบนามแฝง - [ 25 เม.ย. 51 10:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เราเห็นด้วยกับคุณกาลามะชน นะ  การใช้น้ำมันปาล์มน่าจะยืดหยุ่นได้  จริงๆแล้วถ้ารัฐมีส่วนในการเข้ามาจัดการสนับสนุน  คือในกรณีที่น้ำมันปาล์มราคาถูก  ก็เอามาผลิตเป็นเอทานอล  เมื่อน้ำมันปาล์มมีราคาแพง  ก็มีการดึงเอทานอลมาใช้  น่าจะเป็นการดี   ตอนนี้กระแสสิ่งแวดล้อม  มันตะพึดตะพือ  อะไร อะไร ก็ต้องเพื่อสิ่งแวดล้อม จากคุณ : nuch_tiew - [ 25 เม.ย. 51 11:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เชื้อเพลิงชีวภาพถูกโจมตีว่ามาแย่งอาหารคนยากคนจน ไทยรัฐ [25 เม.ย. 51 - 00:35] ชั่วเพิ่งชื่นชมว่าเชื้อเพลิงชีวภาพจะเป็นคนที่มาช่วยปลดเปลื้องภาวะโลกร้อนให้บรรเทาลงอยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง แต่บัดนี้กลับถูกหาว่าจะมาแย่งอาหารจากปากท้องของชาวโลกที่ยากจนไปเสียแล้ว รัฐบาลของชาติต่างๆได้ทุ่มงบประมาณหลายพันล้านบาทเพื่อจะกลั่นเอาพลังงานจากน้ำตาลและพืชที่เป็นธัญญาหาร มาเป็นน้ำมันดีเซลชีวภาพและอีเทอร์นัลเพื่อใช้แทนเชื้อเพลิงจากวัตถุดิบฟอสซิลที่พ่นคาร์บอนออกมา เป็นต้นตอทำให้โลกร้อนขึ้นอันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ ชาติมหาอำนาจอเมริกาและชาติที่ร่ำรวยอย่างแคนาดา ตามด้วยบราซิลต่างเป็นหัวเรือใหญ่ ในการแปลงข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง อ้อยให้กลายเป็นเชื้อเพลิงสะอาด โดยมีสหภาพยุโรปกำลังจะลงมือในโครงการใหญ่โต การณ์กลับเป็นว่าราคาของพืชพันธุ์ที่เป็นอาหารหลักของโลกกลับถีบทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างความทุกข์ยากให้กับประชากรตามชาติยากจนให้เผชิญกับภัยอันน่าหวั่นหวาดของความอดอยาก ทำให้ภาพของเชื้อเพลิงชีวภาพกลับกลายจากเทพเจ้าผู้อุ้มชู กลายเป็นการทดลองที่อาจนำไปสู่หุบเหวมหาภัยได้ ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศนายโดมินิเก้ สเตราห์สาห์น เพิ่งออกมาขวางลำ โดยกล่าวว่า "การคิดแก้ปัญหาโลกร้อน ควรจะคำนึงถึงชาวโลกจะต้องอดตายไว้ด้วย" โดยมีผู้แทนพิเศษสหประชาชาติ นายจีน ซิกเกล่อร์ มาช่วยสำทับซ้ำด้วยว่า "การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 51 19:30:27 จากคุณ : กาลามะชน - [ 25 เม.ย. 51 18:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ดีแล้วครับคห1118 ที่ไม่แอนตี้แบบเบ็ดเสร็จ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรภายใน มีการตัดสินใจอย่างไร เพราะอะไร ทุกอย่างต้องมีคำตอบ จากคห122 อยากทราบจังว่าพื้นที่บนโลกที่ปลูกพลังงานทดแทนมากที่สุดอยู่ที่ไหน ผมว่าน่าจะเป็นอเมริกาเองนั้นแหละ ส่วนพื้นที่เมืองไทยก็อยากเห็นตัวเลขเปรียบเทียบที่ชัดเจน ข่าวพวกนี้ฟังแล้วก็ต้องมาย่อย เชื่อเลยก็โดนต้ม ชอบอ้างปากท้องคนอื่น แต่เงินไม่แบออกมาช่วยกัน คุณกาละมะตัดข่าวก็ตัดข่าวมาทั้งสองฝั่งนะครับ เรื่องน้ำมันแพงเพราะอะไรกลับไม่มีใครคิดจะไปจัดการ จะได้ช่วยกันย่อยข้อมูล จากคุณ : หลับตา - [ 25 เม.ย. 51 19:38:20 A:58.64.123.211 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 124 "การทำไบโอดีเซล แต่เฉพาะในช่วงที่ปาล์มราคาถูกกว่า" --------------------------------------------------------------- อันนี้เห็นด้วยครับ "การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" --------------------------------------------------------------- อันนี้เป็นอนาคตต่างหาก นายจีน ซิกเกล่อร์ ทำไมไม่สำทับบ้างว่า "กองทุนน้ำมันเป็นภัยต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจโลก" หรือแบบในตรรกกะของนักวิชาการฝ่ายกองทุนน้ำมันทั้งหลายที่ว่า ไม่ได้เกิดจากกองทุนน้ำมันแต่เนื่องจากความไม่มั่นคงของภูมิภาคตะวันออกกลาง คำถาม ใครทำให้เกิดความไม่มั่นคงของภูมิภาคตะวันออกกลาง และต้องรับผิดชอบกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้หรือไม่ จากคุณ : ps_addict - [ 26 เม.ย. 51 00:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ผมนึกถึง "Logan run" ที่เป็นหนังชุดฉายทางทีวี เป็นเรื่องของโลกในอนาคตหลังสงครามนิวเครียร์ มีตอนหนึ่งพวกของ Logan ผ่านไปที่เมืองหนึ่ง ที่ผู้คนส่วนใหญ่อดอยาก เพราะกลุ่มผู้ปกครองของเมืองนั้นเอาอาหารไปผลิต เอธานอล สำหรับเติมรถยนต์ แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 51 12:23:22 จากคุณ : กาลามะชน - [ 26 เม.ย. 51 12:22:02 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ส่วนพวกประเทศผู้ผลิตน้ำมันและกองทุนน้ำมันนั้น เข้าใจว่าทางสหประชาชาติคงจะหาทางจัดการอยู่ จากคุณ : กาลามะชน - [ 26 เม.ย. 51 12:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 127 เรื่องต่างชาติคงไกลตัว ในเมืองไทยละครับ ราคาน้ำมัน ใครจัดการอยู่ ผมว่าคุณน่าจะรู้ข้อมูลเยอะด้วยซ้ำ ว่าทำไมแพง ทำไมต้องคิดค่าบวกต่างๆเป็น% ต้นทุนน้ำมันดิบที่แท้จริงเท่าไหร่ ทำไมไม่มีใครกล้าแตะเรื่องโครงสร้างน้ำมันของประเทศไทย ผมก็อยากรู้ว่าที่ว่ายุติธรรมนี่ แค่ยุติธรรมเฉพาะกลุ่มตัวเองแค่นั้นหรือ ทำไมเวลามีปัญหาอะไร กลับไม่ดูที่ตัวเองบ้างว่าผิดอะไร แต่กลับมองเห็นคนอื่นผิดตลอดเวลา สิ่งนั้นต่างหากจะทำให้เกิดสงครามระหว่างกัน ผมถามเรื่องพื้นที่เพาะปลูกพลังงานทดแทน คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าสหรัฐนั้นแหละที่ใช้พื่นที่มากๆอันดับต้นๆ แล้วคุณจะมาจี้เมืองไทยเพื่ออะไร จำนวนพื้นที่เป็นแค่เศษเสี้ยว จากคุณ : หลับตา - [ 26 เม.ย. 51 18:55:04 A:58.64.101.229 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 128 จุดประสงค์ของผมมีสองประการ จุดประสงค์ประการที่หนึ่ง ให้สังคมได้รู้ถึงปัญหาอาหารขาดแคลนที่เกิดจากการทำเชื้อเพลิงชีวภาพ (อย่าี่อ้างเลยว่าเพราะเกิดภัยธรรมชาติ ภัยต่างๆก็เห็นมีเกิดอยู่ทุกปี แต่ไม่เห็นจะมีปัญหาขนาดนี้) ผมแค่จุดประกายความรู้เท่านั้น คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเราเป็นเพียงอนูเล็กๆที่อยู่ในโลกใบใหญ่ เพียงแต่สะท้อนใจ เพราะเราช่วยสัตว์ป่า ช่วยโลก ช่วยสิ่งแวดล้อม ลงทุนลงเงินลงแรงมากมาย..เราทำได้ ..แต่เหมือนเราลืมเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จุดประสงค์ที่สอง ผมต้องการชี้ให้เห็นว่า "ประเทศไทย" อาจจะกำลังติดกับดักทางความคิดอยู่ เราทำไบโอดีเซลจนน้ำมันพืชเพื่อบริโภคแทบจะเกลี้ยงตลาด นอกจากแพงแล้ว ยังต้องปันส่วนจำกัดจำนวนซื้อ ถ้าน้ำมันพืชถูกกว่าน้ำมันดิบก็เป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน แต่ในเมื่อตอนนี้น้ำมันพืชแพงกว่า แถมยังต้องนำเข้าจากมาเลย์ ...เราคิดอะไรกันอยู่ แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 51 23:05:14 จากคุณ : กาลามะชน - [ 26 เม.ย. 51 22:22:16 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ผมว่าคุณกล้าเอาโครงสร้างน้ำมันในประเทศไทยมาแจกแจงให้ทุกคนเข้าใจ แล้วปรับโครงสร้างใหม่สำเร็จจะเกิดผลบุญมากกว่านะ ถึงคุณอ้างว่าทำอะไรไม่ได้มาก แค่ให้ข้อเท็จจริงแค่นั้นแหละ คนอ่านที่นี่ก็ได้ประโยชน์แล้ว เพราะผมเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก ถึงวันนึงโครงสร้างมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ดี แล้ววันนั้นความเน่าเฟะก็จะถูกเอามาประจานเรียนรู้ ไม่ให้คนรุ่นใหม่ไปทำเรื่องแย่ๆเหมือนในอดีต โอเคตอนนี้พวกนั้นเค้าคอนโทรลระบบได้ระบบเดิมก็ยังคงอยู่ ขนาดคุณยังไม่กล้ายุ่งเลยแต่ไม่นานจากนี้หรอกปัญหาเกิดแน่ๆ ส่วนเรื่องที่คุณเป็นห่วงปากท้องคนอื่นมันก็ดีอยู่แล้ว ผมเห็นด้วย แต่ไม่อยากให้เอามาบังหน้าก็แค่นั้น จากคุณ : หลับตา - [ 27 เม.ย. 51 00:04:56 A:58.64.101.229 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 130 คนกินอาหารดีขึ้น อาหารเกรดต่ำก็ต้องเหลือ ว่าแต่อาหารเกรดต่ำได้แก่อะไรบ้างครับ ไบโอดีเซลปลูฏสบู่ดำไปเลย จากคุณ : Bongza - [ 27 เม.ย. 51 13:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เห็นด้วยกับ 129 จากคุณ : โปติ่น - [ 28 เม.ย. 51 02:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 132 อืมมันก็จริงครับน้ำมันปาล์มราคาลิตรละ 35 แต่ความคิดเห็นของผมนะ ( อาจจะคิดง่ายๆแคบๆ )  ผมว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับอาหารโลกเลย  เป็นผมก็คงจะเลือกที่จะกินก่อนแล้วเอาเศษที่เหลือนั้นไปทำอย่างโน้นอย่างนี้ต่อ ...แต่ทำไม่ไม่ลองหาซื้อน้ำมันที่ผ่านการใช้แล้วหละครับ  ผมคิดว่ามันน่าจะเวิร์ค ทาง มหาลัยของผม  ซึ่งอาจารย์ท่านหนึ่งที่ได้สอนวิชาพลังงานทางเลือกของผมนั้น ได้เล่าว่าท่านมีโรงงานผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ( ภายในมหาลัยนี่แหละ ) ท่านได้ไปหารับซื้อน้ำมันที่ผ่านการใช้แล้วมาราคาลิตรละ 15 บาท กับพวกแม่ค้ากล้วยทอด  หรือแม่ค้าต่างๆ ซึ่งอาจารย์ของผมนั้นได้ผลิตแล้วนำมาขายเองซะเลย ราคาลิตรละ 30 บาท กำลังผลิตก็ไม่มากนัก  พอใช้พอขายได้  กำไลก็ตกราวๆเดือนละแสนกว่าบาท ....ผมคิดว่าทำแบบนี้น่าจะเวิร์คนะครับ   ...ได้กิน ...ที่เหลือก็นำมาใช้.... ***********ยังไงซะผมคิดว่าเศษฐกิจพอเพียงก็น่าจะดีที่สุด  พอมีพอใช้********* แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 07:37:46 แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 07:34:40 จากคุณ : hooyai - [ 28 เม.ย. 51 07:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ผมว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับอาหารโลกเลย   เป็นผมก็คงจะเลือกที่จะกินก่อนแล้วเอาเศษที่เหลือนั้นไปทำอย่างโน้นอย่างนี้ต่อ ...แต่ทำไม่ไม่ลองหาซื้อน้ำมันที่ผ่านการใช้แล้วหละครับ  ผมคิดว่ามันน่าจะเวิร์ค -------------------------------- ปัญหาคือ เศษเหล่านั้นกระจัดกระจายกันมากเกินไปครับ ค่าขนส่งรวบรวม เมื่อคิดแล้วต้นทุนอาจจะไม่คุ้มครับ ในการใช้ระดับครัวเรือนอาจจะพอครับ แต่ก็ต้องรวบรวมมาจากหลายๆ ครัวเรือน ถ้าเป็นรถสวัสดิการหมู่บ้านแล้วใช้พลังงานจากของเหลือใช้ของคนในหมู่บ้านก็อาจจะพอรับ รวบรวมง่าย แล้วก็ประหยัดค่าส่วนกลางได้ด้วย แต่การใช้งานระดับประเทศคงไม่พอครับ แม้จะไม่ได้หวังให้พอ แต่การรวบรวมน้ำมันพืชจากทุกๆ บ้านมาใช้นี่ผมว่าท่าทางจะสิ้นเปลืองงบกว่าเสียอีก การพัฒนาพลังงานจากของเหลือใช้ จึงยังไม่ได้รับความสนใจจากภาครัฐมากนักเพราะเหตุนี้ครับ แต่ถ้าส่งเสริมให้ใช้ในระดับหมู่บ้านหรือองค์กรเล็กๆ ก็จะสามารถช่วยประหยัดงบประมาณได้โขเหมือนกันครับ เป็นความคิดที่ดีครับ ตอบ 130 ก็เกรดต่ำมันหมดครับ คนที่เคยกินเกรดต่ำก็กัดฟันซื้อเกรดดีขึ้นครับผม จากคุณ : กระต๊อบน้อย - [ 28 เม.ย. 51 20:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 134 สรุปกระทู้ให้ สิ่งที่ประเทศใหญ่ๆควรทำคือ เลิกโทษคนอื่น ช่วยตัวเอง ถ้าจะโทษคนอื่นว่าทำไมเอาที่ดิน เอาพลังงานความรู้ เอาแรงคนไปปลูกพืชพลังงาน แทนพืชอาหาร ทำไมไม่ถามตัวเองว่า ทำไมไม่เลิกบ้าสงคราม เลิกเอาทรัพยากร แรงงาน ไปผลิตอาวุธได้แล้ว แทนที่จะใช้ทรัพยากรแรงงานไปผลิตอาหาร จากคุณ : หลับตา - [ 29 เม.ย. 51 19:25:04 A:58.64.101.250 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ผมชอบความคิดของคุณอิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) มากครับเห็นด้วยเลย ประเทศปลูกที่ทำเกษตรก็กินข้าวกินอาหารสิ.....ก็เราผลิตได้ จริงๆแล้วถ้าส่งออกก็น่าจะส่งออกราคาแพงๆ แพงกว่าน้ำมันเลยไม่ซื้อรึ เราก็เอาไปทำเป็นพลังงาน เป็นเชื้อเพลง ดูซิว่าพวกที่ผลิตน้ำมัน มันจะกินน้ำมันได้ไหม...! จากคุณ : jaruge - [ 30 เม.ย. 51 07:26:08 A:202.149.25.225 X: ]

ความคิดเห็นที่ 136 เชื่อกันว่าใต้พื้นโลกมีกาซธรรมชาติมากเป็นสองเท่าของน้ำมัน แต่กาซธรรมชาติมีปัญหาเรื่องการเก็บและการขนส่ง ทำให้ไม่เป็นที่นิยม และถูกนำมาใช้น้อยกว่าน้ำมัน น้ำมันจึงถูกใช้จนร่อยหรอ แม้จะยังมีเหลืออยู่พอควร แต่ตอนนี้มีปัญหาผลิตขึ้นมาไม่ทัน และอำนาจการผลิตอยู่ในมือของไม่กี่ประเทศ ทำให้มีการฮั้วกันกำหนดราคา ผมคิดว่ามีทางแก้ที่ไม่ยาก คือเปลี่ยนไปใช้กาซธรรมชาติในยานพาหนะแทน แต่ที่ผ่านมาเรามัวแต่จะไปคิดแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันและปัญหาโลกร้อนไปพร้อมกัน ทำให้เรามองข้ามการเปลี่ยนไปใช้กาซธรรมชาติ ที่ยังมีอยู่อย่างมากมายมหาศาล และมีกระจายค่อนข้างทั่วถึง ถ้าในตอนที่น้ำมันเริ่มจะขาดแคลน ชาวโลกตกลงใจเปลี่ยนไปใช้กาซธรรมชาติที่มีมากแทนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ หักดิบผลักดันให้้กาซธรรมชาติก้าวเข้ามาแทนที่น้ำมัน จะแก้ปัญหาได้อย่างมั่นคง และพัฒนาไปได้ยาวนานกว่า ไม่ต้องมาพบทางตันจนต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ บทสรุปของกระทู้ในแนวความคิดของผมก็คือ มนุษย์ชาติแก้ปัญหาไม่ถูกทาง แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 51 16:43:05 จากคุณ : กาลามะชน - [ วันแรงงาน 16:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ในวงการอุตสาหกรรมเชื่อกันมานานแล้วว่าเมื่อน้ำมันหมด มนุษย์จะใช้กาซธรรมชาติต่อจากน้ำมัน ถ้าไม่มีความเชื่อเรื่องมนุษย์ทำให้โลกร้อนมาเป็นตัวแทรกสอด เราก็น่าจะค่อยๆหันไปหากาซโดยอัตโนมัติ น้ำมันขึ้นราคา อาจจะทำให้กาซขึ้นราคา แต่กาซธรรมชาติจะมีราคาต่อพลังงานประมาณ 60% ของน้ำมันเสมอ นั่นเป็นเพราะการซื้อขายกาซในหลายกรณีมีการตกลงล่วงหน้าระยะยาว โดยอ้างอิงตามราคาน้ำมันเตา ถ้าใครกังวลว่าการหันมาใช้กาซธรรมชาติมากขึ้นจะทำให้ขาดแคลน ก็เป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดได้ง่ายๆ เพราะทุกวันนี้เราผลิตกาซประมาณครึ่งหนึ่งของการผลิตน้ำมัน การจะเพิ่มการผลิตสามสี่เท่านั้นเป็นไปได้ จากคุณ : กาลามะชน - [ วันแรงงาน 17:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ในฐานะคนไทยที่กำลังยึดติดแนวคิดเรื่องทำเองใช้เอง อาจจะรู้สึกว่านี่ยังไม่ใช่ทางแก้ที่ดี เพราะประเทศไทยยังมีกาซธรรมชาติไม่มากพอ ยังคงต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเช่นกัน ท่านอาจจะคิดว่าสำหรับประเทศไทยน่าจะใช้เชื้อเพลิงชีวภาพมากกว่า ผมขอให้ลองนึกว่าถ้าเราไม่ทำไบโอดีเซลเลย เอาน้ำมันพืชทั้งหมดที่มีขายออกไปให้ต่างประเทศในราคาแพงกว่าน้ำมันลิตรละห้าบาท แล้วเอาเงินที่ได้จากการขายน้ำมันพืช ไปซื้อกาซธรรมชาติที่มีราคาต่อพลังงาน 60% ของน้ำมันเข้ามาใช้ เราได้ประโยชน์มากกว่าใช่หรือไม่ จากคุณ : กาลามะชน - [ วันแรงงาน 17:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ขอเชิญต่อที่ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6566193/X6566193.html จากคุณ : กาลามะชน - [ วันแรงงาน 17:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 140 โลกร้อน ตอน The Day After Tomorrow http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6576611/X6576611.html จากคุณ : กาลามะชน - [ 12 พ.ค. 51 21:12:35 ]