ความคิดเห็นที่ 1 GN: คุณหมายถึงอะไรเมื่อพูดถึง ความสลับซับซ้อนที่ไม่สามารถลดทอน , และเรื่องนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับวิวัฒนาการของดาร์วิน? MB: มันเป็นคำที่ดูหรูหรา. แต่ความคิดนั้นง่ายมาก. มันมีความหมายว่า คุณมีเครื่องจักรหรือระบบหรือ องคาพยพ ที่มีส่วนประกอบหลายๆส่วนที่แตกต่างกันซึ่งทำงานเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน. และทำให้เกิดผลลัพท์เป็นการกระทำบางอย่างที่ส่วนประกอบส่วนเดียวล้วนๆไม่สามารถทำได้. และถ้าคุณเอาส่วนใดแม้เพียงส่วนเดียวออกจากระบบ, ระบบนั้นก็จะล่มสลายไปเพราะคุณต้องใช้ทั้งหมดจึงจะทำงานได้. ตัวอย่างก็คือ, กับดักหนู. มันประกอบด้วยฐานรองทำด้วยไม้,สปริง, ตัวกระแทก, ก้านแขนและ ตัวจับหนู. ถ้าคุณเอาชิ้นส่วนบางอันออกไป. มันก็ไม่ทำงานและคุณก็จะจับหนูไม่ได้. เป็นเรื่องยากมากที่จะหาวิธีที่จะนำเอาสิ่งที่ทำงานอย่างมีระบบคล้ายกับดักหนูเข้าไปในระบบแบบกระบวนการทีละขั้นตอน เพราะแต่ละขั้นตอนจะทำงานของมันเพื่อปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่วิวัฒนาการแบบดาร์วินต้องกระทำ. วิวัฒนาการต้องทำงานโดยอาศัยระบบบางอย่างที่มีการปฏิบัติการได้แล้ว(คล้ายกับดักหนูตามตัวอย่าง). การเลือกสรรทางธรรมชาติกำลังพยายามที่จะปรับปรุงระบบนั้นอย่างช้าๆค่อยเป็นค่อยไปไปสู่ระบบที่ดีขึ้น. จากกับดักหนู, ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยฐานไม้อย่างเดียว มันจะไม่สามารถจับหนูได้ การเลือกสรรทางธรรมชาติก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น. ถึงคุณจะใส่ส่วนประกอบอื่นเพิ่มเข้าไปอีก, มันก็ยังจับหนูไม่ได้อยู่ดี. จุดที่เป็นส่วนสำคัญของความสลับซับซ้อนที่ไม่อาจลดทอนได้นั้นก็คือ มันจะต้องประกอบไปด้วยระบบมากมายในเซลๆหนึ่งที่มีคุณสมบัติอย่างเดียวกันทำงานพร้อมกัน. ถ้าคุณเอาส่วนประกอบบางอันออกไปแล้วมันก็จะล่มสลาย มันจะไม่ทำงานอีกต่อไป. และนั่นเป็นปัญหาใหญ่ของวิวัฒนาการของดาร์วิน เพราะคุณไม่สามารถเอาส่วนประกอบเหล่านั้นค่อยๆใส่เข้าไปในเซลส์ทีละอย่าง. ดูเหมือนว่าคุณจำเป็นต้องมีปรีชาญาณหรือผู้ทรงปัญญาจากภายนอกที่จะนำส่วนประกอบเหล่านี้ทั้งหมดไปอยู่รวมกัน. N: อะไรเป็นความคิดหลักของ "การออกแบบโดยผู้ทรงปัญญา(Intelligence Design) " ? MB: ความคิดพื้นฐานก็มาจากการพิจารณาดูระบบของธรรมชาติ, คุณจะเห็นว่าต้องมีผู้ทรงปัญญาเป็นผู้สร้างและจัดระเบียบระบบของธรรมชาติ. ตัวอย่างที่ดีที่อยู่ในสหรัฐก็คือภูเขารัชมอร์. ภูเขาถูกแกะสลักเป็นใบหน้าของประธานาธิบดีสหรัฐสี่คน. ถ้าคุณเป็นชาวต่างชาติและไม่เคยรู้เรื่องภูเขารัชมอร์มาก่อนเลย และบังเอิญขับรถมาตามถนนเลียบภูเขา, ทันใดที่คุณเห็นใบหน้าบนภูเขานั้น. คุณรู้ทันทีว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจากการกัดเซาะด้วยลมหรือด้วยสิ่งใดๆที่ไม่มีความรู้. คุณรู้ว่ามันต้องถูกทำขึ้นโดยผู้มีสติปัญญา หลักการเดียวกันนี้ไปใช้กับเรื่องราวต่างๆของธรรมชาติได้. สมมุติว่าคุณเป็นนักดาราศาสตร์และกำลังศึกษาเรื่องคลื่นวิทยุในอวกาศ. คุณใช้เสาอากาศดักจับคลื่นวิทยุ,แล้วทันใดคุณก็ได้ยินคลื่นวิทยุที่นำสาส์นบางอย่างมาด้วย - อย่างเช่น "เราชอบกินปิซซาเหมือนกัน" หรือ "สวัสดี, จากอัลฟาเซนจูรี่" - คุณต้องคิดว่านี่เป็นมนุษย์ตางดาวที่มีสติปัญญา, คุณคงไม่คิดว่านั่นเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่เกิดโดยบังเอิญ. ถ้าคุณเป็นนักชีววิทยาและคิดว่าเซลเป็นเพียงโปรโตปลาสซึมที่ยืดหยุ่นเหมือนวุ้น ถ้าคุณยังคงตรวจสอบต่อไปและพบว่าแทนที่มันจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบง่ายๆ, แต่กลับเป็นว่ามันมีจักรกลที่สลับซับซ้อนมากมาย - จักรกลที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะสามารถสร้างเลียนแบบได้ - นั่นคงบอกอะไรบางอย่างแก่เรา. สมมุติฐานเรื่องการออกแบบโดยผู้ทรงปัญญาบอกเราว่า มีสติปัญญาที่ทำงานอยู่ข้างในนั้น - สสารและพลังงานและกระบานการทางธรรมชาติไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงวิธีที่เซลเป็นแบบนั้น. GN: มีข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ใน DNA อย่างนั้นหรือ, เป็นพลังงานหรือเป็นอะไรบางอย่างใช่ไหม ? MB: นั่นเป็นคำถามที่ดีมาก. เราต้องย้อนไปในปี 1960 เมื่อนักเคมีกายภาพลงความเห็นว่า ข้อมูลเป็นคนละอย่างกับสสารและพลังงาน. เขายกตัวอย่างกระดาษที่มีตัวอักษรเขียนไว้. คุณสมบัติทางเคมีของหมึกและกระดาษเป็นที่เข้าใจกันได้ดี. แต่คุณไม่สามารถอธิบายข้อความในกระดาษได้ในรูปแบบของคุณสมบัติทางกายภาพของหมึกหรือกระดาษ. ในทำนองเดียวกัน, เราได้ค้นพบข้อมูลใน DNA. แต่ข้อมูลนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในคุณสมบัติทางเคมีหรือทางกายภาพของ DNA. ชิ้นส่วนของ DNA ที่เรียกว่า นิวคลีโอไทด์, จัดเรียงเป็นแถวยาว,เหมือนแถวของตัวอักษร, เป็นรูปประโยคหรือบรรทัด. และนี่ทำให้เกิดข้อมูลที่บอกกับเซลให้รู้ว่าจะต้องทำอะไร. ดังนั้นจากทฤษฏีว่าด้วยการออกแบบโดยผู้ทรงปัญญา, ตัวข้อมูลจึงมิใช่สสารหรือพลังงาน เราพูดได้ว่า , ใช่แล้ว, มีบางอย่างอยู่ใน DNA, และนั่นเป็นองค์ประกอบที่ชาญฉลาด. GN: คุณคิดว่าสถานการณ์ในปี 2025 เกี่ยวกับการออกแบบโดยผู้ทรงปัญญาและวิวัฒนาการของดาร์วิน จะเป็นอย่างไร? MB: ในปี 2025 ภาพที่เราเห็นเกี่ยวกับความสลับซับซ้อนของจีโนมในเซลในตอนนี้นั้น, จะเป็นเหมือนเรื่องเด็กเล่นเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เราจะค้นพบในอีก 20 ปีข้างหน้า. ยิ่งเราค้นพบความรู้เกี่ยวกับเซลมากเท่าไร, เราจะพบว่ามีความซับซ้อนละเอียดอ่อนมากขึ้นในทุกขั้นตอน, มีความชาญฉลาดและยุ่งยากมากกว่าที่เราเคยคิดไว้และแนวโน้มของเรื่องเหล่านี้จะไม่มีวันลดน้อยลง. ดังนั้นเรื่องที่ผมเขียนไว้เกี่ยวกับการออกแบบโดยผู้ทรงปัญญาจะกลายเป็นเรื่องเด็กเล่นไปเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เราจะค้นพบต่อไป. ผมคิดว่าการยอมรับเรื่องการออกแบบโดยผู้ทรงปัญญาจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ. อย่างไรก็ตาม, ปัญหามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าทางฝ่ายวิทยาศาสตร์. การถกเถียงกันทางวิทยาศาสตร์นั้นสรุปลงได้ง่าย. แต่ก็มีบางคนที่ยังยึดติดกับลัทธิวัตถุนิยม. สำหรับความคิดของการออกแบบโดยผู้ทรงปัญญานั้นมีทิศทางมุ่งไปสู่ความเป็นวิทยาศาสตร์, ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแน่. วิธีหนึ่งที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็คือ ถ้านักเรียนและนักวิทยาศาสตร์รุ่นหนุ่มจะเปิดใจให้กับความคิดการออกแบบโดยผู้ทรงปัญญา โดยถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์และเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้. ถ้าประชาชนจำนวนมากเปิดใจในสิ่งนี้, ผมคิดว่า พวกดาร์วินนิยมก็จะล่มสลายไปเอง. เวลานี้สังคมภายในของนักวิทยาศาสตร์ที่ยังมองโลกในแง่เดิมๆยังมีมากอยู่. แต่ถ้านักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งมีความคิดแตกต่างจากเดิมไป, พวกดาร์วินนิยมก็จะต้องพิสูจน์ตัวเอง - และผมคิดว่าพวกเขาจะไม่ประสพผลสำเร็จ. http://uk.geocities.com/palangjai2004/DNA3.html Michael Behe, Ph.D. Professor of Biochemistry Department of Biological Sciences, Lehigh University ดอกเตอร์ Michael Behe, เป็นผู้แต่งหนังสือขายดีมากที่สุดของปี 1996 ชื่อ: Darwin's Black Box: The Biochemical Challenge to Evolution, ท่านเป็นศาสตราจารย์สาขาวิชา ชีวเคมี อยู่ที่มหาวิทยาลัย เลไฮ (Lehigh University in Bethlehem, Pennsylvania.) จบปริญญาตรีสาขาวิชา เคมี ในปี 1974 จากมหาวิทยาลัย Drexel University , และเรียนต่อสาขาวิชาชีวเคมี ที่มหาวิทยาลัย University of Pennsylvania ได้ Ph.D. ในปี 1978. ตั้งแต่ปี 1982-85 สอนวิชาเคมีอยู่ที่ วิทยาลัยควีนส์ในนิวยอร์ก ตั้งแต่ปี 1985 สอนที่มหาวิทยาลัย เลไฮ ท่านได้เขียนบทความทางวิชาการมากกว่า 40 เรื่อง ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่เบธเลเฮ็ม ในเพนซิลเวเนีย พร้อมกับภรรยาและลูก 9 คน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6506495/Y6506495.html จากคุณ : inquisitor - [ 16 เม.ย. 51 15:45:31 A:118.172.25.31 X: TicketID:172987 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เคมี จงเจริญ จากคุณ : Atomic Secret - [ 16 เม.ย. 51 15:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความคิดเห็นที่ 5   บทความนี้เหมาะกับหว้ากอมากกว่านะคะ จะได้มีผู้รู้มาช่วยกันพิจารณา จากคุณ : นางฟ้าเซเลส ------------------------ ตามไปอ่านที่ห้องนู้น เขาว่ามาอย่างนี้แหละชาวหว้ากอ แต่เรายังอ่านไม่จบ ยาวจัง จากคุณ : Cryptomnesia - [ 16 เม.ย. 51 16:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใครก็ได้สรุปให้ที ขี้เกียจอ่าน จากคุณ : Philosophos - [ 16 เม.ย. 51 16:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 งงอ่า สรุปแล้วมันได้รับการยอมรับหรือยัง ทฤษฎีนี้ ..? หรือยอมรับกันเฉพาะส่วน ..? หรือแค่ข้อสงสัย หรือยังเป็นแค่ทฤษฎี จากคุณ : vierzehn - [ 16 เม.ย. 51 16:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สรุปก็คือเค้าเชื่อว่ามันซับซ้อนมากไปเกินกว่าจะวิวัฒนาการเองได้ ต้องมีคนออกแบบวางแผนไว้แล้วอย่างลงตัว อ่านแล้วแต่ผมยังเชื่อในทฤษฏีวิวัฒนาการมากกว่าอยู่ดี มนุษย์เกิดบนโลกไม่กี่แสนปี ยังสร้างระบบสังคมความรู้ซับซ้อนได้ขนาดนี้เลยด้วยพลังสมอง ผมเชื่อว่าธรรมชาติเล่นบทบาทนี้เก่งกว่า เกินที่จะมีใครออกแบบได้ จากคุณ : หลับตา - [ 16 เม.ย. 51 16:09:44 A:118.172.243.190 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ห้องนู้น เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเคร่งมาก (กลัวเล็กน้อย) จากคุณ : Cryptomnesia - [ 16 เม.ย. 51 16:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านเอง ขี้เกียจแปลข้อโต้แย้งก็มีอยู่ในลิงค์แล้ว http://en.wikipedia.org/wiki/Irreducible_complexity อันนี้คือส่วนสำคัญ Critics consider that most, or all, of the examples were based on misunderstandings of the workings of the biological systems in question, and consider the low quality of these examples excellent evidence for the argument from ignorance. จากคุณ : Nexus - [ 16 เม.ย. 51 16:13:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอาอันนี้ก็แล้วกัน เป็นประกาศจากที่ทำงานของ Prof. Michael Behe - ก็คนที่ให้สัมภาษณ์นั่นแหละ It is our collective position that intelligent design has no basis in science,has not been tested experimentally, and should not be regarded as scientific. http://www.lehigh.edu/~inbios/news/evolution.htm จากคุณ : Nexus - [ 16 เม.ย. 51 16:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ออกแบบโดยผู้ทรงปัญญา? ใครกันหรือนี่ สงสัยเป็น Alien จากคุณ : Philosophos - [ 16 เม.ย. 51 16:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 บทความนี้คือกลุ่มคนที่เชื่อทฤษฎี พระเจ้าสร้างโลก เรียกว่า creationism หรืออะไรซักอย่าง จำไม่ได้ ตรงข้ามกับ darwinism จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 16 เม.ย. 51 16:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่แปลกเลย ถ้าศรัทธาไปทางไหนแล้วก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันความคิดให้ได้เสมอ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 16 เม.ย. 51 16:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตาม #10 และ http://evidence-evolution-theory.pantown.com จากคุณ : Practical x 2 - [ 16 เม.ย. 51 16:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เขาพยายามจะสื่อเราว่าอย่างนี้ ถ้าถามว่า คอมพิวเตอร์ที่เราเล่นอยู่นี่มันซับซ้อนไหม ก็ต้องบอกว่าซับซ้อน ในความรู้สึกของคนทุกคนก็ต้องบอกว่าคอมพิวเตอร์ซับซ้อนกว่าสิ่งมีชีวิต มันซับซ้อนกว่าสิ่งมีชีวิต เพราะมันคำนวณได้เร็วกว่าสมองของมนุษย์หลายล้านเท่า มันซับซ้อนกว่าสิ่งมีชีวิต เพราะมันแม่นยำไม่เคยมีความผิดพลาด มันซับซ้อนกว่าสิ่งมีชีวิต เพราะมันไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติ มันซับซ้อนกว่าสิ่งมีชีวิต เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่หลังจากสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ต้องได้รับการออกแบบอย่างหมดจด จึงจะออกมากลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่สมบูรณ์ หากเราเอาชิ้นส่วนบางอย่างออกจากเมนบอร์ดหรืออุปกรณ์บางอย่างมันก็จะทำงานไม่ได้ หากถามว่าถ้าไม่มีมนุษย์เกิดขึ้นบนโลกนี้ คอมพิวเตอร์จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้หรือไม่ การประทะของดาวหางจะทำให้เกิดคอมพิวเตอร์ได้หรือไม่ ฟ้าผ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะทำให้เกิดคอมพิวเตอร์ได้หรือไม่ คำตอบก็คือไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะคอมพิวเตอร์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่พอได้ศึกษาเซลของสิ่งมีชีวิต ปรากฏว่า มันซับซ้อนยิ่งกว่า คอมพิวเตอร์หลายล้านเท่า มันต้องได้รับการออกแบบมาอย่างสุดยอดหมดจด ยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์ยิ่งกว่าสิ่งประดิษฐ์ใดๆที่มนุษย์จะสร้างได้ มุมมองที่ว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีมนุษย์ คอมพิวเตอร์ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ แต่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตต่างหาก ที่ซับซ้อนและแม่นยำยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์ จนไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 16:55:14 จากคุณ : (-_-") - [ 16 เม.ย. 51 16:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อืม พอเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ ว่าเป็นดั่ง คห15 ว่า แต่แนวคิดนี้ ก็เป็นดั่ง คห 10 ว่าเหมือนกัน จากคุณ : ธัมมนันทิ - [ 16 เม.ย. 51 17:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มุมมองที่ว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีมนุษย์ คอมพิวเตอร์ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ แต่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตต่างหาก ที่ซับซ้อนและแม่นยำยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์ จนไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ งันถามข้อ นะ แล้วใคร เป็นคนสร้างมนุตย์ และคนที่สร้างมนุตย์ใครเป็นใครสร้างงงง สิ่งนั้นมาจากไหน ถ้าคนเจ้ามนุตย์ คือ zyx แล้วใครเป็นคนสร้าง zyx ละ จากคุณ : thanapatpp - [ 16 เม.ย. 51 17:07:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ เซิร์นกำลังหาอนุภาคฮิกส์ครับ เจอหรือไม่ไม่มีใครตอบได้ แต่แน่นอนว่า บางสิ่งเป็นความลับสุดยอด จากคุณ : AVSystem - [ 16 เม.ย. 51 17:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เคมีจงเจริญญญญญ   ชาบู ชาบู ชาบู ชาบู ............................................. ติดไว้ก่อนเด๋วค่อยกลับมาอ่าน .......   แต่จะบอกว่าทู้นี้สะใจอ่ะ ....แบบว่าถูกสอนตั้งแต่เด็กโดยฝ่าย Anti-evolution Theory (ต่อต้านทฤษฎีชาร์ลส์ ดาร์วิน) แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 22:29:55 จากคุณ : Dare More - [ 16 เม.ย. 51 17:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คิดเหมือนคห13 เหมือนเค้าสรุปแล้วแต่พยายามหาเหตุผลมาอ้างอิง เพราะข้อมูลที่อ่านมันมีการโน้มน้าวความคิดชี้นำเพิ่ม มันไม่ได้มาจากข้อเท็จจริงอย่างเดียว อย่างนี้เค้าก็ต้องเชื่อว่าผู้ทรงปัญญาที่ว่านั้นยังสร้างต่อไม่หยุด เพราะทุกวันนี้ก็มีโรคใหม่ๆ มาให้การแพทย์ต้องรักษาเพิ่มตลอด จากคุณ : หลับตา - [ 16 เม.ย. 51 17:14:25 A:118.172.243.190 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พระเจ้าทั้ง  คริสต์ ฮินดู มุสลิม ต่างก็บอกวิธีการสร้างโลก และมนุษย์ต่างกันสิ้นเชิง แป่ววว ตอนนั้นก็ไปเถียงกับกาลิเลโอ ว่าโลกแบน จนจำคุกเขา พูดมากเดวเจอลุม หุหุ ยิ่งความรู้งูๆปลาๆแบบผม ไม่อยากเถียง แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 17:50:50 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 17:27:48 จากคุณ : vierzehn - [ 16 เม.ย. 51 17:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อยากได้บทแปลของ #10 ใครก็ได้ช่วยทีๆๆๆๆๆ จากคุณ : (-_-") - [ 16 เม.ย. 51 17:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ค่อยน่าอ่านกว่าบทความของพวกคลั่งศาสนาหน่อย จากคุณ : NaCl - [ 16 เม.ย. 51 17:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Intelligence Design ?????   แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่พระเจ้า....... ทฤษฏีวิวัฒนาเป็นจริงหลังจากมีเซลๆแรกบนโลก.. จากคุณ : recombination - [ 16 เม.ย. 51 17:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เหอะ ๆ "การออกแบบโดยผู้ทรงปัญญา" แล้วผู้ทรงปัญญาล่ะ ใครออกแบบให้มีขึ้นมาหรือ? ตามความคิดของผม ถ้ามันมีเลขหนึ่ง เลขสองมันก็ต้องตามมา และมีเลขสองก็จะมีเลขสาม คณิตศาสตร์ก็เริ่มจากตรงนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย แล้วต่อมาทำไมจึงอะไรต่าง ๆ นานา ผูกพันยุ่งกันไปหมด สิ่งมีชีวิตก็น่าจะเริ่มเหมือนคณิตเหมือนกัน (ว่าไหม?) งั้นคำสองคำนี้ มันจะคล้องจอง(สระ) กันหรือ ว่าไหม คณิต - ชีวิต เห็นด้วยกับ 17 นะครับ จากคุณ : นักกวีกะวาด - [ 16 เม.ย. 51 17:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พวกเอาผลไปสร้า่งเหตุ จากคุณ : นายเบียร์ - [ 16 เม.ย. 51 18:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ ทำไมสิ่งซับซ้อนจะเกิดขึ้นไม่ได้ ในเมื่อธรรมชาติใช้การลองผิดลองถูกเป็นล้านล้านครั้ง เพื่อสร้างสิ่งที่อยู่รอดได้ ยกตัวอย่างเช่น แมงมุม มีเส้นใยที่เหนียวกว่าเหล็กกล้าถึง 5 เท่า โดยมีเส้นใยถึง 5 ชนิดผสมผสานกัน ตุ๊กแก มีขนเส้นเล็ก ๆ ที่ตีนมันถึง 6 ล้านเส้นต่อนิ้ว เพื่อสร้างแรงยึดวาลเดอวาลกับโมเลกุลของสิ่งที่มันต้องการเกาะ กิ้งก่าชนิดหนึ่งในทะเลทราย มีท่อดูดน้ำจากเท้าเข้ามาที่ปาก เพื่อดูดซึมความชื้นจากทะเลทรายให้กลายมาเป็นน้ำ ปลาฉลาม มีเกล็ดที่ทำให้ว่ายน้ำได้เร็ว จนสปีโดเลียนแบบมาทำชุดว่ายน้ำ ผีเสื้อ ที่ไม่ได้สร้างสีจากเม็ดสี แต่สร้างจากหลุมเล็ก ๆ ที่ดูดกลืนแสงในบางความถี่ มีสัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้มากมายที่มีสิ่งประหลาด ขอถามว่าสิ่งต่าง ๆ มากมายเหล่านี้จะเกิดจากการออกแบบได้จริง ๆ หรือ ผมไม่เชื่อ ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อย ๆ ตามธรรมชาติเท่านั้นที่ทำให้สิ่งแปลกพิลึกพิลั่นเกิดขึ้นได้ จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ 16 เม.ย. 51 18:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เข้าไปอ่านในกระทู้ต้นเรื่อง โอย แทบจะบ้า แต่ละคนไปขุดอะไรมาใส่กระทู้กันใหญ่ เชื่อแล้วว่าคนห้องนั้น เขาเป็นคน "พิเศษ" กันจริง ๆ จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ 16 เม.ย. 51 18:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมไม่ได้ปักใจเชื่อทางใดทางนึงนะ บอกตามตรงว่าผมลังเล แต่อยากถามเป็นข้อคิดว่า #17 จักรวาลเกิดจากบิ๊กแบง แล้ว บิ๊กแบง เกิดจากอะไร #27 แล้วทำไม เครื่องคิดเลข ไม่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 19:37:12 จากคุณ : (-_-") - [ 16 เม.ย. 51 19:34:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเชื่อ ดาวิน และสนับสนุนทฤษฏีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการคัดารรค์และปรับตัวตามสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เซลเดียว หรือสิ่งมีชีวิตขั่นสูง จากคุณ : ปากกาสีดำ - [ 16 เม.ย. 51 19:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มันเป็นคำอธิบายที่ต่างกันนะ อย่างแรกเลย วิวัฒนาการไม่ได้ตอบโจทย์ว่า สิ่งมีชีวิตตัวแรกเกิดขึ้นได้ไง มันบอกว่า สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนจากตัวนึงเป็นอีกตัวนึงได้ไง และอีกอย่าง อาจารย์คนนี้ถ้าเป็น Biochemist จริงและถ้าผมเป็นนักศึกษาของเค้าผมจะถามเค้าว่าเค้ารู้จักคำว่า SNPs ไหม ทำไมถึงแสดงความคิดเห็นแบบนี้ออกมาได้ เหอะๆ จากคุณ : V--Bank--V - [ 16 เม.ย. 51 19:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เดี๋ยวเขาก็ย้อนกลับว่า คุณรู้จักGPAไม๊.... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 16 เม.ย. 51 19:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 การหักล้างทฤษฏีของดาร์วินชี ไม่มีเรื่องใดโด่งดังเท่าเรื่อง "war on science" เมื่อมีพวกนักการศาสนาประเภทคลั่งทฤษฏี"การออกแบบอัจฉริยะของพระเจ้า-intelligent design" ออกมาโต้แย้งทฤษฏีของดาร์วินชี และมีโรงเรียนระดับมัธยมในอเมริกา ถูกคณะกรรมการของโรงเรียน ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ เชื่อ ทฤษฏี"การออกแบบอัจฉริยะของพระเจ้า-intelligent design" เพิกถอนการเรียนการวิวัฒนาการ ของดาร์วินชี และให้มาเรียนหลักสูตรวิชา"การออกแบบอัจฉริยะของพระเจ้า-intelligent design" จนมีการฟ้องร้องกันระหว่างกลุ่มทฤษฏีของดาร์วินชีและกลุ่มการออกแบบอัจฉริยะของพระเจ้า หลังจากต่อสู้ในศาลอยู่หลายเพลา ในที่สุดทฤษฏีของดาร์วินชีก็ได้รับชัยชนะ..ครับ ศาสตราจารย์ Michael Behe ที่ จขกท.อ้างถึงในกระทู้นี้ก็อยู่ในกลุ่ม การออกแบบอัจฉริยะของพระเจ้า ด้วย.. ตอนนี้แพ้คดีเรียบร้อยโรงเรียน วัด ไปแล้ว.. เพิ่มเติม..http://www.bbc.co.uk/sn/tvradio/programmes/horizon/war.shtml 5555555555555555555555555 จากคุณ : vierzehn - [ 16 เม.ย. 51 20:00:47 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ยังเชื่อ Evolution ค่ะ ไม่เปลื่่ยนใจ จากคุณ : Gisele - [ 16 เม.ย. 51 20:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่ได้อ่านครับ เพราะเบื่อคำว่าตะลึง เอะอะอะไรตะลึงยัน จากคุณ : L96A1 - [ 16 เม.ย. 51 20:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ประสาทอาจารย์คนนี้มีตัวตนจริงรึเปล่า ทฤษฏีของ ดาร์วิน อาจจะไมได้อธิบายรายละเอียดถึงในระดับเซลล์ แต่ทฤษฏีของดาร์วิน อธิบายว่า สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติทำใมถึงได้มีรูปร่าง ที่แตกต่างกัน ทั้งๆที่สืบเชือสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ดาร์วินศึกษาโครงสร้างของกระดูกขาของวาฬ กระดุกเชิงกรานในงูซึ่งไม่น่าจะมี ศึกษากระดูกของนกแต่ละสายพันธุ์ ถิ่นที่อยู่ เพรียง หรือแม้กระทั้งทำนายถึงรูปร่างของสิ่งมีชีวิต ชนิดนึง กับ สิงมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งซึ่งน่าจะเกียวโย่งกัน ตามกฏการวีวัฒนาการร่วม ได้อย่างถูกต้อง ทั้งๆที่ยังไม่มีการค้นพ้บสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น และอีกเยอะแยะมากมาย อย่าลืมว่า ตอนที่ดาร์วินประกาศทฤษฏีนี้ ยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลยว่าจะโดนต่อต้านจากพวกคลั่งศาสนา ความรู้พื้นฐานในเรื่องเซลล์ จะไปรู้เท่ากับสมัยนี้ได้อย่างไร กว่าจะค้นพ้บ DNA *ก็ปี 1952 วิทยาการในสมัยนั้นยังไม่ได้ไปไกลถึงขนาดนี้ แต่ดาร์วิน ตรวจกระดูกนก ในปี 1868 หรืออาจจะน้อยกว่านั้น มนุษย์เราอยู่ในโลกแค่ไม่กี่หมึ่นปี จากที่ต้องคอยดูดกินไขกระดูกของสัตว์อื่นจนถึงตอนนี้ เราพัฒนาไปขนาดไหน ทฤษฏีของ ดาร์วิน คือ Good science ขนาดแท้ และจะยั่งยืนตลอดไป มีแต่จะยิ่งละเอียดมากขึ้นได้ แต่ไม่มีอะไรจะมาลบล้าง แทบจะได้ฟันธงได้เลย ถ้าข้อมูลผิดก็ขออภัยด้วยเน้อ เหอะๆอาจจะลืมเลือนไปบ้าง DNC---DNA* แก้ไข แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 20:34:15 จากคุณ : ปากกาสีดำ - [ 16 เม.ย. 51 20:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จากกระทู้เรื่อง intelligent design ทั้งหมดที่เคยมีมา ผมมั่นใจว่าเรามี intelligent divide ครับ คนบางกลุ่มพูดให้ตายก็ไม่เข้าใจ -*- จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 16 เม.ย. 51 20:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องคอมพิวเตอร์กับแบคทีเรียนั้นเอามาโยงกันมิได้ แน่นอนครับ คอมพิวเตอร์เกิดเองไม่ได้ มันสร้างตัวเองเพิ่มไม่ได้ มันสืบพันธุ์ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตหน่ะครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 16 เม.ย. 51 20:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คห.นี้สุดยอดเลยแฮะ คนมันจะไม่เชื่ออ่ะนะ ความคิดเห็นที่ 8 แถวแอฟริกาคนมีผิวดำ เด็กเกิดใหม่ก็ยังมีผิวดำ แถวยุโรปคนมีผิวขาว เด็กเกิดใหม่ก็ยังมีผิวขาว ทฤษฏีนี้อธิบายอย่างไร ผู้สร้างๆคนมีสีผิวต่างๆกันแต่แรก ? กับทฤษฏีของดาร์วิน อย่างไหนมีเหตุผลกว่ากัน จากคุณ : Bluedonut - [ 16 เม.ย. 51 20:38:14 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ความสลับซับซ้อนเชิงกลของสิ่งมีชีวิตเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย ถ้าเทียบกับความสามารถในการสังเคราะห์แสงของพืช แม้แต่แค่พืชเซลเดียว เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากๆ เป็นนวัตกรรมที่ทำให้สิ่งมีชีวิตแพร่หลายออกไป  อยู่ได้ทุกที่ที่มีน้ำอากาศและแสง จะมีใครมาออกแบบหรือไม่ ผมว่าไม่น่าจะมีหรอก ถ้ามีใครออกแบบแล้วใครออกแบบคนที่มาออกแบบสิ่งนี้ ถ้าไม่มีใครออกแบบคนที่ออกแบบ สิ่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีคนออกแบบได้เช่นเดียวกัน แต่บางทีพืชเซลเดียวอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกบนโลกก็เป็นได้ บางที่อาจจะเกิดขึ้นไกลแสนไกลนานแสนนานเกินกว่าที่จินตนาการของมนุษย์จะไปถึง ##เครื่องคิดเลขตามธรรมชาติก็สมองคนเรานี่ไง จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 16 เม.ย. 51 20:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 #31 เอาเรื่อง SNPs เลยรึ เรื่องนี้ทฤษฏีของดาร์วินก็ไม่มี แต่ทฤษฎีวิวัฒนาการมี ถ้าเป็นผม ผมถามเรื่องโรคทางพันธุกรรมดีกว่า จะว่าไปหลายคนสับสนเรื่องทฤษฎีของดาร์วินกับทฤษฎีวิวัฒนาการอยู่เยอะเหมือนกัน ทฤษฎีของดาร์วินเป็นแค่ส่วนหนึ่งของทฤษฎีวิวัฒนาการ แต่คนกลับเข้าใจว่าเป็นทฤษฎีวิวัฒนาการวิวัฒนาการทั้งหมด จากคุณ : silverspider - [ 16 เม.ย. 51 20:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อืม แล้วถ้าผู้สร้างไม่ใช่พระเจ้าแต่เป็นสัตว์ประหลาดหนวดยึกยือจะยอมรับมันเป็นพระเจ้าไหมล่ะ จากคุณ : devil amature2 (devil amature2) - [ 16 เม.ย. 51 21:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 29 เครื่องคิดเลขทำไมไม่เกิดเองตามธรรมชาติ เครื่องคิดเลขปัจจุบันมันไม่ได้โผล่มาสำเร็จรูปทันทีเหมือนเสกมานะครับ กว่าผ่านการค้นคว้า อยากรู้จักวิวัฒนาการของเครื่องคิดเลข ต้องอ่าน http://en.wikipedia.org/wiki/Calculator กว่ามันจะเป็นแบบที่เห็นนี้ มันเคยใหญ่เท่าเปียโนมาก่อน แล้วก็เล็กลงเท่าพิมพ์ดีด (ผมว่าลึกๆแล้วมันอาจมีเหตุผลซ้อนอยู่ว่าทำไมไดโนเสาร์ตัวต้องใหญ่ พอเจอโครงสร้างโมเลกุลแบบใหม่ในการให้พลังงานสมช.ยุคต่อไปก็ต้องเล็กลง) จากคุณ : หลับตา - [ 16 เม.ย. 51 21:25:42 A:118.172.243.190 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 44 โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อทฤษฎีมีผู้สร้างนะ เพราะอะไรโลกเรามันจะบังเอิญหมดจดขนาดนี้...  ไม่ใช่แค่เรื่องความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิต  แต่โลกเราเรียกว่าเหมือนถูกออกแบบมาให้สิ่งมีชีวิตอยู่เลยล่ะ ( ธาตุ อุณหภูิมิ อื่นๆๆ) จากคุณ : Munch - [ 16 เม.ย. 51 21:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คือพยายามจะบอกว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ว่างั้นเถอะ อ่านแล้วก็สนุกดี แต่สำหรับผมถ้าบอกว่าทฤษฎีของดาร์วินใช้ไม่ได้ ทฤษฎีนี้ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ มีข้อให้โต้แย้งเต็มไปหมด จากคุณ : คนไม่ดีที่ไม่มีหัวใจ - [ 16 เม.ย. 51 21:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 46 งั้นผมเอาควอนตัมเข้ามาเล่นมั่ง "ไม่มีอะไรอยู่จริงจนกว่าจะมีคนเข้าไปสังเกตุมัน" โครงสร้างภายในเซลแต่แรกมันไม่มีหรอก แต่มันมีพร้อมๆกับ กล้องจุลทรรศน์นั่นแหละ หึหึ เอาให้มันส์กันไปเลย จากคุณ : รุตน้อย - [ 16 เม.ย. 51 21:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 44 โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อทฤษฎีมีผู้สร้างนะ เพราะอะไรโลกเรามันจะบังเอิญหมดจดขนาดนี้...  ไม่ใช่แค่เรื่องความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิต  แต่โลกเราเรียกว่าเหมือนถูกออกแบบมาให้สิ่งมีชีวิตอยู่เลยล่ะ ( ธาตุ อุณหภูิมิ อื่นๆๆ) จากคุณ : Munch - [ 16 เม.ย. 51 21:37:32 ] เพราะว่าโลกที่มนุษย์(หรือสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา)อยู่ไม่ได้ ก็จะไม่มีใคร(หรืออะไร) มาตั้งคำถามหรือมาคิดอย่างนี้ครับ ถูกหวยยากไหม? แล้วมีคนถูกหวยไหม? โลกเราก็แค่คนถูกหวยเท่านั้นแหละครับ ดาวเคราะห์ที่ถูกหวยกินมีออกถมไปไม่ค่อยจะมองกัน กลับมามองแค่ข้อยกเว้น จากคุณ : Nexus - [ 16 เม.ย. 51 21:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คห 44 ถ้าโลกถูกออกแบบมาให้สิ่งมีชีวิตอยู่ พวก ยูเรนัส พลูโต จะสร้างขึ้นมาทำใมในเมื่อไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องสร้างขึ้นมา รวมทั้งดวงดาวทั้งหลายในระบบสุริยะอื่น กาแลคซี่อื่น โลกถึงเป็นเหตุบังเอิญสุดพิเศษอย่างน้อยก็ในระบบสุริยะจักรวาลของเราที่บังเอิญมีสภาพแวดล้อมพอเหมาะที่จะให้กำเนิดชีวิต นักวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ เค้าถึงพยายามจะหาดวงดาวที่มีน้ำ หรือแม้กระทั้งน้ำแข็งที่อยู่ใต้พื้นผิวของดวงดาว เพราะเค้าเชื่อว่าชีวิตอาจจะถือกำเนิดขึ้นได้ โดยอาศัยน้ำที่ละลายจากความร้อนในแก่นของดาวดวงนั้น พัฒนาขึ้นมาจนเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่มีโครงสร้างง่ายๆ   ปล ขนาดที่ใหญ่ของศัตว์ในยุไดโนเสาร์ น่าจะเป็นเพราะปริมาณอ๊อกซิเจนในสมัย ก่อนมีมากกว่ายุคนี้อย่างมาก เพราะพืชสีเขียวจำพวกมอส พืชเซลเดียวในโลกยุคเรื่มแรก ได้ผลิตออกซิเจนออกมาเป็นจำนวนมากก่อนจะมีสิงมีชีวิตที่ อาศัยออกซิเจนในการดำรงชีพค่อยๆเกิดตามขึ้นมา จากคุณ : ปากกาสีดำ - [ 16 เม.ย. 51 21:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เชื่อเรื่องวิญญาณไหมครับ ถ้ามนุษย์ไม่มีวิญญาณ ตายแล้วตายเลย มนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 16 เม.ย. 51 22:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ก็ตายแล้วตายเลยนั้นแหละครับ เพราะมนุษย์ก็มาจากสัตว์เดรัจฉาน ตอนนี้ก็ยังเป็นเดรัจฉาน เพราะพวกสัตว์เองก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีความรู้สึก และสื่อสารกันได้ ด้วยรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นสี สารเคมี หรือ แม้แต่คลื่นไฟฟ้า เพราะเดียวนี้แม้แต่นกแก้ว ก็สามารถเข้าใจ จำนวนศูนย์  ได้ ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ถ้ามนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดนึงมีวิญญาณ สื่งมีชีวิตชนิดอื่นก็คงไม่ต่างกัน และไม่น่าจะมีการแบ่งแยก จากคุณ : ปากกาสีดำ - [ 16 เม.ย. 51 22:19:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 "ความเชื่อคือความเชื่อ" คนที่ไม่เชื่อเรื่องวิวัฒนาการหรือความบังเอิญมาเรื่อย ๆ สุ่ม ๆ แล้วมาเป็นตัวคุณนั่งโต๊ะคอมกันอยู่เวลานี้ เขาก็มีแนวทาง มีเหตุผลประกอบความเชื่อของเขาว่ามีพระเจ้าหรือใครก็ได้สร้างและออกแบบมาให้เราเป็นได้อย่างทุกวันนี้ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครที่ไปเอาตัวพระเจ้ามาออกทีวีและมาบอกให้คนเราดูได้ว่าพระเจ้าอยู่ไหนและสร้างอย่างไร ถ้าเราไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าสร้างก็ควรรับฟังอีกด้านของเขา เพราะถึงอย่าง กลุ่มที่เชื่อวิวัฒนาการและความบังเอิญมาเองเท่านั้น ก็พิสูจน์และบอกว่ามันเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ได้อย่างไรเหมือนกันอย่างแจ่มแจ้ง เพราะคำถามในสมองเรานั้นคิดเป็นตรรกะเป็นเหตุผล ในขณะเดียวกันเราก็เชื่อว่าตัวเราเกิดมาเพราะความบังเอิญที่วิวัฒนาการมาอย่างสุ่ม ซึ่งคำว่าบังเอิญและสุ่ม ๆ นั้นไม่มีเหตุผลชัดแจ้งในที่มาที่ไป เหตุผลที่มาในเชิงวิวัฒนาการก็ดีแต่ก็ขัดกันในความเป็นเราเหมือนกัน และบอกไม่ได้ทำไมทุกอย่างที่เห็นทุกวันต้องวิวัฒนาการด้วย แล้วก่อนหน้าวิวัฒนาการมันมีอะไร สรุปคือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่งไหน สุดท้ายก็ลงเอยที่ "ความเชื่อ" ทั้งสองฝั่งนั่นแหละจริงไหม เพราะฝั่งไหนก็อธิบายแบบ "ถึงที่สุด" ไม่ได้ด้วยกันทั้งนั้น ล้วนมีเหตุผลที่จะอุปนัยให้ไปในสิ่งที่ตนเองยินดีเชื่อด้วยกันทั้งสองฝั่ง ขอให้อยู่ด้วยกันด้วยดีก็พอ ฟังให้เหมือนดูละครสองเรื่องที่ต่างกันให้สนุก ๆ ก็พออย่าไปเครียดเลย จากคุณ : ง่ะ ก็ว่ากันไป - [ 16 เม.ย. 51 22:35:06 A:58.10.161.138 X: TicketID:061788 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 16 เม.ย. 51 22:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สนุกดีครับ พระเจ้าสร้างโลก แต่กลับไม่เหลือร่องรอยของตัวเองเอาไว้เลย ... จากคุณ : axquest - [ 16 เม.ย. 51 22:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ใครบอกล่ะ ว่าไม่เหลือร่องรอยเอาไว้เลย ถ้าคุณศึกษาจริงจัง คุณจะพบร่องรอยมากมาย เป็นร่องรอยที่เกิดจากความ "จงใจ" ที่จะให้เป็นเช่นนั้น มิใช่ "บังเอิญ" จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 16 เม.ย. 51 23:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เอาง่าย ๆ ดูแค่ตัวเราเองก็ได้ สังคมมนุษย์ก็ได้ ดูง่าย ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเพศชายกับเพศหญิง แล้วจะบังเอิญขนาดนั้นเลยหรอครับ... ที่เพศชายกับเพศหญิงมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน และยังสามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศได้ระหว่างกันได้อีก ซึ่งอวัยวะสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศยังมีความเหมาะสมเพื่อสามารถทำให้มีความสัมพันธ์กันได้อีก แล้วหลังจากนั้นตัวอสุจิจากเพศชายก็ปฏิสนธิกับไข่จากเพศหญิง เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่... หลังจากนั้นทารกก็เติบโตและได้รับการปกป้องอย่างดีในมดลูกและถุงน้ำคร่ำ อีกทั้งยังได้รับอาหารจากมารดาผ่านทางสายรกอีก 9 เดือนผ่านไปมารดาก็ให้กำเนิดลูกน้อย ในร่างกายของของแม่ก็ยังมีการเตรียมสารอาหารสำหรับบุตรอีกด้วย ซึ่งก็คือน้ำนมนั่นเอง... และในน้ำนมก็ยังมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกแรกเกิดซึ่งไม่มีสารอาหารที่ดีมากไปกว่าน้ำนมอีกแล้วสำหรับทารกในตอนนี้... ...และยังมีอีกมากมายถ้าหากเปิดใจให้กว้างและลองคิดพิจารณาสักนิดก็จะเห็นถึงความมหัศจรรย์ในร่างกายของเราอีกมากมายยิ่งนัก... "...ขนาดนี้แล้ว...ยังเป็นแค่ความบังเอิญที่เหมาะเจาะขนาดนี้เชียวหรอ...???!!!" แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 23:54:31 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 23:51:39 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 23:44:02 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 23:42:05 จากคุณ : ลองตรองดูให้ดี (Dare More) - [ 16 เม.ย. 51 23:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สนุกดีครับ พระเจ้าสร้างโลก แต่กลับไม่เหลือร่องรอยของตัวเองเอาไว้เลย ... -------------------------------- ลบทำลา่ยหลักฐานทำง่ายๆครับ ขอเพียงแค่มีเทคโนโลยีสูงซักหน่อย จะล้างโลกทิ้งก็ไม่ยากเลย แล้วก็ใส่พวกสิ่งมีชีวิตลงไปใหม่ โยนทิ้งหลักฐานไว้ให้ซักนิดนึง...เอาไว้ให้ใช้พัฒนาเติบโตของเผ่าพันธุ์ในอนาคตต่อไป อยากให้เปิดใจซักนิด....ไม่ใช่เอาแต่พร่ำ ตรูไม่เชื่อๆๆอย่างเดียว แบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกที่หลงในลัทธิพระเจ้าหัวปักหัวป้ำหรอก ถ้าไม่เผื่อใจหรือไม่มีศรัทธาไว้บ้าง แล้วจะได้พบเจอในสิ่งใหม่ๆได้อย่างไร ถ้าในอดีตพวกนักประดิษฐ์ทั้งหลายในโลกไม่เคยใฝ่ฝันถึงความเป็นไปได้ในอนาคต หันไปทำไร่ไถ่นา จุดคบไฟ ใช้รถลากต่อไป โลกเราจะมาถึงวันนี้ได้หรือ? แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 51 23:53:39 จากคุณ : Tolone - [ 16 เม.ย. 51 23:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้าคิดว่ามีใครสร้างก็ต้องมองเรื่องการสร้างในทุกมุมสิ นอกจากสร้างมนุษย์ เค้ายังสร้างมะเร็ง สร้างโรคต่างๆเพิ่มมาให้ทุกวัน สร้างมนุษย์ที่พิการแต่กำเนิดแบบแปลกๆมากมายโดยที่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรผิด แถมไม่ได้มาติดตามผลงานดูแลอะไรต่อ ปล่อยเค้าเป็นโรคประจำตัวแบบนั้นกันไป อะไรว่าดีก็ว่าเราสร้าง แล้วสิ่งไม่ดีเยอะแยะบนโลกจะสร้างมาทำไมกลับไม่พูดถึง มันสมเหตุผลจริงๆหรือท่าน แต่อยู่มาฉวยเอาเครดิตไปเวลามีอะไรดีๆ ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อถึงความเป็นไปได้นะ ว่าจะไม่มีใครสร้าง แต่เมื่อข้อเท็จจริงมันไม่มี มันมีแต่ให้เชื่อว่าดูสิสวยแบบนี้ต้องมีคนสร้าง หลักฐานโดยการอ้างอิงแค่นี้มันไม่พออะ ขึ้นศาลลิขสิทธิ์ตัดสินก็โดนจำหน่ายคดีทิ้ง เพราะไม่พบผู้สร้างสรรค์ จากคุณ : หลับตา ตรองดูแล้ว - [ 16 เม.ย. 51 23:50:01 A:118.172.243.190 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 58 มันคงไม่ใช่ความบังเอิญอย่างเดียวหรอกครับ จักรวาลนี้ กว้างใหญ่มาก มีกาเเลกซี่ เป็นพันเป็นล้านๆๆๆ 1 ในจำนวน ล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาก็คงไม่แปลกเท่าใหร่ ถ้ามองถึงความซับซ้อน ก่อนที่จะมาเป็นระบบ ต่างๆในร่างกาย มันก็ดู มหัศจรรย์มาก แต่ถ้าลองใต่ตรองไปถึงจำนวนอายุของโลก ตั้งแต่กำเนิดสิ่งมีชีวิตมา ก็มากพอที่จะให้ สิ่งมีชีวิตได้ลองผิดลองถูก เพื่อความอยู่รอดได้นะครับ จากคุณ : lover in the backseat - [ 16 เม.ย. 51 23:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 59 แล้วเพราะอะไรหรอ มนุษย์ถึงได้เจริญมาได้ขนาดนี้... เพราะมันมีความลำบาก มีสิ่งที่ต้องให้ต่อสู้ตลอดเวลา อย่างเช่นที่บอกว่ามีโรค... แล้วถ้าหากว่าไม่มีโรคหล่ะ เราจะมีการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าได้อย่างไร ถ้าหากว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ความสะดวกง่ายดายไม่มีความลำบาก มนุษย์เราก็จะไม่พัฒนาสิครับ ?!! มันเป็นความสมดุล แต่สุดท้ายแล้ว ไม่มีทางเลยที่มนุษย์จะเอาชนะ สิ่งที่ถูกเรียกว่า...ธรรมชาติ...! จากคุณ : Dare More - [ 17 เม.ย. 51 00:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขี้เกียจจะพูดครับ พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามแบบของพระองค์ แล้วทำไมไม่ทำให้มันสมบูรณ์แบบล่ะ ฉวยเอาเครดิตดีๆ ไปอย่างที่เขาว่าจริงๆ จากคุณ : axquest - [ 17 เม.ย. 51 00:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 61 การสืบพันธ์เป็นหนึ่งลักษณะทางพันธุกรรม ที่เกิดจากการเอาตัวรอดจากสภาพ การต่างๆ การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต มีหลายแบบ และมีส่วนที่เกียวข้องกับทฤษฏีวิวัฒนาการ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่"ธรรมชาติ" ได้คัดสรร และสิ่งมีชีวิตค้นพ้บวิธีที่จะสืบทอดเผ่าพันธ์ได้ตามสภาพธรรมชาติที่แตกต่างกัน สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ ก็จะต้องสูญพันธุ์ไปตามกาลเวลา นี้เป็นการคัดสรรตามธรรมชาติ การผิดแผก ผ่าเหล่าแม้เพียงเล็กน้อยอาจจะเป็นจุดเปลียนสำคัญของการวิวัฒนาการ เช่นปลาการ์ตูน ตัวผู้ในบางครั้งก็สามารถที่จะเปลียนเป็นตัวเมียได้ หรือยกตัวอย่างง่ายๆ กรณี ที่มีโรคระบาดเกิดขึ้นมาในมนุษย์ตายกันแทบหมดโลก แต่ถ้ามีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่เชื่อโรคไม่สามารถทำอันตรายพวกเค้าได้ พวกเค้าก็จะสามารถมีชีวิตอยู่โดยมีภูมิคุ้มกันเชื่อโรคร้ายแรงตัวนั้น สืบทอดต่อมาในรุ่นลูกรุ่นหลาน หรือถ้ามนุษย์ไม่สามารถปรับตัวหรือไม่มีใครเลยที่มียีนส์หรือความสามารถที่จะต่อต้านเชื่อโรคตัวนั้นได้เลย มนุษย์ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องสูญพันธุ์ไป กระบวนการสืบพันธุ์ต่างๆก็เช่นกัน ชีวิตในยุคแรกอาจจะใช้การแลกเปลียนโครงสร้างโมเลกุล จนพัฒนาตัวเองขึ้นมากลายเป็นไวรัส โครงสร้างชีวิตง่ายๆ พัฒนาจนกลายเป็นหน่วยเซลล์ ที่สารเคมีทำงานร่วมกันเป็นกระบวนการ ต่อมากลุ่มเซลล์ทั้งหลายเรื่มที่จะกลายพันธุ์ เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสถานกาณ์ที่เปลียนแป ไปไม่ว่าจะอุณหภูมิ ความดัน ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ หรือออกซิเจน แร่ธาตุ หรือ อื่น ๆ การขนขวายหาทางรอดนี้เองที่คัดสรร สิงมีชีวิตที่สามารถปรับตัวได้ให้มีลักษณะที่แตกต่างกัน จาก หนึ่งเซลล์ ค่อยๆรวมกันเป็นกลุ่มเซลล์ โดยทำงานด้วยหน้าที่แตกต่างกัน รวมกันเป็นโคโลนี่ ๆ จนพัฒนาเป็นระบบ ต่างๆใช้ในการดำรงชีพ เช่นหน่วยนี้ใช้คาบอน เปลียนเป็นออกซิเจน อีกหน่วยใช้ออกซิเจนผลิตคาบอน หน่วยนี้ ดูดน้ำเข้ามาในเซลล์ หน่วยนี้ ขับเกลือออกไป จากโคโลนี่ เป็นรูปร่าง ทำงานร่วมกันเป็นพืช เป็นสัตว์ ต่างก็พัฒนาระบบสืบพันธุ์ตามสภาพธรรมชาติ เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ แตกหน่อ แบ่งตัว หรือสร้างตัวอ่อน สร้างไข่ สร้างระบบต่างๆเพื่อป้องกันตัวอ่อน เพราะถ้ามีสิ่งชีวิตชนิดอื่นที่กินตัวอ่อนของตัวเองเพือความอยู่รอด ความเป็นไปได้ ที่ตัวอ่อนที่มีเปลือกห่อหุ่มจะค่อยๆพัฒนาขึ้นมา และค่อยๆแข็งจนกลายเป็นไข่ เมื่อระบบนิเวศเรื่มหลากหลายด้วยสิ่งมีชีวิต พืชและสัตว์ต่างก็ปรับตัวเพื่อความอยู่รอดเรือยมา จากออกไข่ก็ยังไม่ปลอดภัยพวกที่ฝักและดูแลตัวอ่อนในตัวสามารถอยู่รอดได้ดีกว่า ก็อยู่รอดเรื่อยมา ความแตกต่างหลายกหลายยิ่งมาก จากในทะเลขึ้นมาบนทวีปจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม วางไข่ริมน้ำ หนีภัยในทะเลค่อยๆเปลียนเป็นครึ่งบกครึ่งน้ำ สร้างผิวหนังที่กันไอน้ำระเหยออกมาจากตัว จนมาถึงปัจจุบัน แม้แต่ในปัจจุบัน สัตว์ที่พัฒนาจากสัตว์บก กลับไปสู่ท้องทะเลก็ยังมีให้เห็น เช่น วาฬ โลมา ที่ยังเหลือร่องรอยของนิ้ว และกระดูกเชิงกราน ที่ไม่พัฒนาและเรารู้กันว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใช่ไหมครับ กระบวนการทั้งหมดไม่ใช่เกิดขึ้นในเวลาสั่นๆแต่ผ่านการพัฒนามานับล้านๆปี สิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้ล้วน เป็นผลพวงจากการคัดสรรของธรรมชาติทั้งนั้น แม้กระทั้งมนุษย์เอง ทำใมผู้ชายถึงมีหัวนม ทั้งๆทีไมได้ใช้อะไรเลย อาจจะเป็นหลักฐานอย่างหนึ่ง อีกไม่นานพันปีหมืนปี หัวนมของผู้ชายไม่ได้ใช้งาน และไม่อินเทรนผู้ชายไม่นิยมมีหัวนมอีกต่อไป คนหัวนมเล็กก็จะถูกคัดเลือก สืบพันธุ์ ต่อๆๆกัน ลักษณะที่ไม่เป้นที่ต้องการก็จะค่อยๆเสือมสลายหายไป จนในที่สุดผู้ชายก็จะไม่มีหัวนมอีก แต่ตกันข้ามถ้าหัวนมผู้ชายใหญ่ๆเซ็กซี่ดี นี้ก็อาจจะเป็นตัวแปลที่ในอนาคตยังรับประกันได้ว่า มันจะไม่หายไป ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการที่อธิบายได้ พิสูนจ์ได้จากซากฟอสซิล และ DNA ของการเกียวโยงกันทางเคลือญาติของสิ่งมีชีวิตชนิดพันธุ์ต่างๆ ถึงสิ่งมีชีวิตเรื่มแรกสุดจะเป็นสมมุติฐาน เพราะยากที่จะหาหลักฐานมายืนยันได้ แต่ด้วยหลักฐานในรุ่นต่อๆมาทั้งฟอสซิล และธรณีวิทยาทำให้เราสามารถจินตนาการถึงมันได้   ใช่แล้วครับมันเป็นเหตุบังเอิญ แต่มันเป็นเหตุบังเอิญที่ถูกคัดสรรค์ต่อๆกันมาอย่างช้าๆ ด้วยกระบวนการทางธรรมชาติที่สุดแสนจะน่าทื่ง พิมพ์ผิดๆถูกขี้เกียจแก้อย่าว่ากันนะครับ แหะๆ **แต่ก็แก้ไปเยอะ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 00:42:18 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 00:13:08 จากคุณ : ปากกาสีดำ - [ 17 เม.ย. 51 00:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เข้ามาดู จากคุณ : atheist - [ 17 เม.ย. 51 00:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ไม่เชื่อใครสักคน ไม่ว่าจะอันไหนก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้สักอันแล้วจะให้เชื่อไปได้ไง จากคุณ : PowerBerry - [ 17 เม.ย. 51 02:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 65 งั้น ใครสร้างพระเจ้าล่ะ  หรือพระเจ้าเกิดขึ้นมาเองก็มีความสามารถสร้างโลก สร้างมนุษย์ได้เลย จากคุณ : กุลิลิ - [ 17 เม.ย. 51 03:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 66 DNA คือจุดเริ่มต้นต่างหาก ตอนนี้เอายีนส์ไปผมใส่สัตว์ตั้วนั้นตัวนี้กันให้วุ่น ถ้าไม่มี Evolution แล้วกระดูกของคนแต่ละยุคก็คงอธิบายไม่ได้ DNA ก็ใช้เอา มาตรวจหาความสัมพันธ์ได้ ในรอบ 500 ปีของบางแห่งก็ยังเป็นถิ่นของชนเผ่านั้น และมีฐาน DNA ใกล้เคียงกัน การออกแบบเซล์เป็นคนละเรื่องเดียวกันกับวิวัฒนาการ เพราะเซล์นั้นไม่ตายตัว สามารถเปลี่ยนแปลงในระดับ DNA ได้ ดูพวกไวรัส AIDS เป็นตัวอย่างก็ได้ เพราะสามารถวิวัฒนาการจากลิงมาติดคนได้ในเวลาไม่กี่ร้อยปี ซึ่งแต่ก่อนก็ไม่มีเอดส์ในคนอย่างชัดเจน จากคุณ : Ken - [ 17 เม.ย. 51 05:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อย่าลืมเรื่อง  พระเจ้าทำน้ำท่วมโลก ฆ่าคน สัตว์หมด  เพราะสร้างมาอุบาทด้วยตัวเอง ขำๆ จากคุณ : natong - [ 17 เม.ย. 51 07:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 68 พูดถึงเรื่องเอดส์ นี่ใครออกแบบเนี่ย #67 ระบุเลยดีกว่าครับว่าพระเจ้าของใคร เพราะพระเจ้าบางองค์ไม่มีเรื่องน้ำท่วมโลกนะครับ จากคุณ : silverspider - [ 17 เม.ย. 51 07:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ผมงงมากกว่าว่า Intelligence Design มันคิดทฤษฏีนี้มาได้ไง ตลกดี อ่ะ หรือพระเจ้าก็คือธรรมชาติ แต่คงไม่มีพิมพ์เขียวของอมีบายันมนุษย์สินะ ถ้างั้นเราคงได้เห็นกันไปหมดแล้ว จากคุณ : ^oio^ - [ 17 เม.ย. 51 08:10:28 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ^ ^ ที่ตลกกว่าก็คือความเชื่อของคุณนะครับ ไม่มีหลักฐานอะไรว่าสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาได้เองจากสารเคมี แต่คุณก็เชื่อหัวปักหัวปำ จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 09:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 71 แปลกดี ที่คนระดับศาสตราจารย์ได้รับข้อมูลใหม่ ซึ่งขัดแย้งกับหลักความเชื่อเดิม แต่เมื่อมันเป็นเหตุ เป็นผล ก็พร้อมที่จะปฏิเสธ และหาทางพิสูจน์ หนำซ้ำยังโมโหตัวเอง ที่เชื่อโดยไม่เคยใช้หลักเหตุผล กับบางเผ่าพันธ์ แค่มีคนมาให้ความกระจ่างกับความเชื่อของตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้หลักเหตุผลอะไร พร้อมจะโมโห และแว้งกัดคนที่เข้ามาชี้แจง อธิบาย จากคุณ : charoka - [ 17 เม.ย. 51 09:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คุณcharoka ก็มันไม่เป็นเหตุผลไงครับ ขนาดว่าภาคที่เขาอยู่ต้องออกมาประกาศดังในความเห็น 10 เหมือนกับคุณถูกหวยแล้วบอกว่า ไม่เชื่อว่ามีการสุ่ม เพราะโอกาสถูกน้อยมาก แต่คุณถูก (แทนที่จะดูภาพรวม ว่ามันก็ต้องมีคนถูกสักคน) เคยได้ยินGIGO ไหมครับ อาจารย์ผมชอบยกตัวอย่างนี้บ่อยๆ ถ้าทุกๆเดือนผมชั่งน้ำหนักหมา และน้ำหนักลูกผม เป็นเวลา 12 เดือน แล้วมาหาความสัมพันธ์ทางสถิติ จะพบว่ามีความสัมพันธ์กัน จึงสรุปว่าหมาทำให้ลูกผมโต จากคุณ : KL - [ 17 เม.ย. 51 10:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 73 "ขนาดว่าภาคที่เขาอยู่ต้องออกมาประกาศดังในความเห็น 10" Ans. แหม ก็ถ้าภาคเขาไม่ทำตามกระแสความเชื่อของนักนิยมวิวัฒนาการล่ะก็ เดี๋ยวจะถูกเล่นงานเอาน่ะสิครับ  ผมไม่ได้โม้นะครับ เดี๋ยวภาพยนตร์สารคดี เรื่อง EXPELLED ออกฉายเมื่อไหร่ ลองไปติดตามหาชมได้นะครับ แล้วก็จะเข้าใจว่า วงการวิทยาศาสตร์มันก็มีเรื่องที่ไม่ตรงไปตรงมาอยู่เหมือนกันครับ "เหมือนกับคุณถูกหวยแล้วบอกว่า ไม่เชื่อว่ามีการสุ่ม เพราะโอกาสถูกน้อยมาก แต่คุณถูก (แทนที่จะดูภาพรวม ว่ามันก็ต้องมีคนถูกสักคน)" Ans. นี่เป็นรากฐานผิดๆ ของนักนิยมวิวัฒนาการครับ  วิทยาศาสตร์ไม่ใช่หวยนะครับ มันมีกฎเกณฑ์อยู่    การมีกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ หมายความว่า "ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้" นั่นคือ ถ้ามันไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ มันก็เกิดขึ้นไม่ได้ ไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปเป็นล้านๆ ปีก็ตามครับ   แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 11:15:56 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 11:03:23 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 10:57:11 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 10:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 74 อีกตัวอย่างครับ อันนี้เอามาจากในNet งานวิจัยล่าสุด เตือน.. ! ระวังภัย ได้มีการวิจัยและพบข้อมูลที่น่าตื่นตระหนกเกี่ยวกับข้าวที่เรากินอยู่ทุกวันสมควรที่จะให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบโดยทั่วกัน...ดังนี้ 1. อาชญากรชาวไทยร้อยละ 98 นิยมบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก เป็นไปได้หรือไม่ว่าในข้าวจะมีสารสำคัญบางชนิด เช่น complex carbohydrate จะมีฤทธิ์ระตุ้นต่อมจริตคิดร้าย (น่ากลัวมากค่ะ) 2. เยาวชนไทยร้อยละ 50 ซึ่งเติบโตมาในครอบครัวที่กินข้าววันละ 3 มื้อ มีผลการเรียนอยู้ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกึ่งกลางในชั้นเรียน 3. ในช่วงสมัยต้นรัตนโกสินทร์ซึ่งยังไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าการหุงข้าวอย่างเปิดโล่ง ที่ชานเรือน และไอจากหม้อหุงข้าวสามารถแผ่กระจายไปทั่วบ้านเรือน พบว่าอายุฉลี่ย ของคนในยุคนั้นไม่เกิน 45 ปี ผิดกับคนรุ่นใหม่ที่หุงข้าวในภาชนะที่ปิดมิดชิด มีอายุเฉลี่ย ถึง 75 ปี 4.การฉกชิงวิ่งราวและการปล้นสดมภ์มักเกิดภายหลังการรับประทานข้าวไม่เกิน24 ชั่วโมง 5. ผู้วิจัยได้ทดลองกรอกปากหนูทดลองด้วยข้าวสาร 1 กิโลกรัมต่อตัว ปรากฏว่าหนูทดลองตายเรียบ เรื่องนี้น่าวิตกมาก เพราะประชากรไทยบริโภคข้าวสารถึงปีละ 100 กิโลกรัมต่อคน 6.จากการสำรวจอย่างคร่าวๆพบว่าคนไทยที่กินข้าวทุกคนจะ เสียชีวิตภายใน 7 วัน(ระหว่างวันอาทิตย์ถึงวันเสาร์) 7. จากบันทึกของชาวถ้ำโบราณที่ยังไม่รู้จักปลูกข้าว อาศัยหัวเผือกหัวมันเป็นอาหาร พวกเขาไม่เคยป่วยหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางเครื่องบินและโรคเอดส์ลยแม้แต่คนเดียว 8.ผู้วิจัยสามารถพิสูจน์ได้ว่า ข้าวมีฤทธิ์ป็นยาเสพติด โดยอาสาสมัครที่อดกินข้าว 12 ชั่วโมง จะมีอาการคล้ายกับคนลงแดง คือ หงุดหงิด น้ำกรดในกระเพาะหลั่งมาก หากไม่ได้เสพข้าวเป็นเวลานาน อาจอ่อนเพลีย ตาขวาง พูดคำหยาบ และพยายามแหกกรงออกมาหาข้าวรับประทาน บางรายถึงขนาดร้องขอข้าวกินอย่างไม่ละอายต่อบาปกรรม 9. ข้าวเป็นพาหะนำสารอื่นๆที่อันตรายมากเข้าสู่ร่างกาย เช่น ขาหมู เนื้อย่าง แกงส้มไข่เจียว และอื่นๆ(หิววววววว) 10. ประชาชนที่กินข้าวติดต่อกันเป็นเวลานานจะขาดความสามารถในการแยกแยะว่างานวิจัยชิ้นใด...น่าเชื่อถือ งานวิจัยชิ้นใด...ไร้สาระ หลอกหลวงประชาชน จึงเตือนมาด้วยความปรารถนาดี...... จากคุณ : KL - [ 17 เม.ย. 51 10:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ยาวจริงๆ ทู้นี้  - - จากคุณ : vn, man - [ 17 เม.ย. 51 10:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คห 74 ข้อสรุปแต่ละข้อ ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ จากคุณ : เกียรตินำ - [ 17 เม.ย. 51 10:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ไม่จริงครับ ที่ว่าพระเจ้าทำให้น้ำท่วมโลก พระเจ้าใช้ไฟล้างโลกต่างหาก ถ้าไม่บูชาให้ดี ท่านจะโกธร แล้วจะล้างโลกมนุษย์เสียสิ้น แล้ว สร้างโลกใหม่ จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 10:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 78 องค์นี้ท่านก็ยืนยันว่า ไม่เคยทำให้น้ำท่วมโลกนะครับ เอาที่ไหนมาใส่ร้ายท่าน แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 11:03:03 จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 11:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 79 #74 บรรยายลักษณะของนักนิยมวิวัฒนาการไว้ได้ดีมาก   ;) จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 11:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ผมไม่ได้ปักใจเชื่อทางไหนนะ เรื่องยกตัวอย่าง คอมพิวเตอร์ หรือ เครื่องคิดเลข ว่าทำไมมันเกิดเองตามธรรมชาติไม่ได้ ก็บอกว่ามันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่สิ่งที่เค้าอยากจะสื่อก็คือ สิ่งมีชีวิต มันซับซ้อนกว่านั้นมาก ยิ่งค้นคว้าก็ยิ่งต้องทึ่งกับความซับซ้อนของมัน จนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดขึ้นมาได้เอง ภายในเซลมันมีวงจรกลไกลเป็นจักรกลชนิดนึงที่ต้องได้รับการออกแบบมาอย่างสุดยิดชนิดที่คอมพิวเตอร์ยังเทียบไม่ติด ข้อมูลใน DNA ถ้าเปรียบก็เหมือนกับ Windows Vista ถ้า Vista เกิดเองตามธรรมชาติไม่ได้ โปรแกรม DNA ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เขาพยายามจะบอกเราว่ามันการวิวัฒนาการมันมีแต่อยู่ในแค่ระดับนึง มันต้องมีผู้สร้างเริ่มต้น เป็นสิ่งมีชีวิตพื้นฐานที่สามารถวิวัฒนาการได้ อย่าเพิ่งให้คำว่า ถ้าพระเจ้าสร้างโลก ใครเป็นผู้สร้างพระเจ้า มาปิดตา เพราะความจริงมันอาจมีอะไรลึกกว่านั้น จักรวาลนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ที่มันจะมีสสารมากมายขนาดนี้มาตั้งแต่แรก ทุกอย่างมันต้องมีจุดเริ่มต้น แล้วจุดเริ่มต้นของจักรวาลคืออะไร บิ๊กแบงเกิดขึ้นจากความว่างเปล่าได้ยังไง ก็ไม่มีใครตอบได้ I ROBOT ที่ดูล้ำยุคและไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็เทียบได้เพียงเศษเสี้ยวของความซับซ้อนของจักรกลมนุษย์ I ROBOT ที่ต้องใช้ความฉลาดล้ำลึกและความแม่นยำในการออกแบบที่จะผิดพลาดไม่ได้ สิ่งมีวิตยิ่งต้องการการออกแบบที่ผิดพลาดไม่ได้และความฉลาดล้ำลึกยิ่งกว่านั้นในการคิดสร้าง ลองคิดดู ถ้ามนุษย์จะสร้างสิ่งมีชีวิตพื้นฐานเพียงแค่เซลเดียว โดยมันมีความสามารถ - ย่อยสลายสสารในรูปแบบเดียวกันเพื่อนำมาเป็นพลังงานกับนำมาซ่อมแซมตัวมันเอง - คัดลอกตัวเอง หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญจากอีกตัวเพื่อพัฒนารุ่นใหม่ที่จะสร้าง - เป็นผลให้รุ่นต่อๆไปสามารถวิวัฒนาการได้ไปเรื่อยๆด้วยตัวของมันเอง จักรกลแบบนี้จะต้องใช้ความฉลาดล้ำลึกมากแค่ไหนในการสร้าง จะต้องใช้การออกแบบที่ลึกล้ำขนาดไหน การออกแบบที่ต้องแม่นยำที่สุดไม่มีทางผิดพลาดได้ จักรกลแบบนี้น่ะเหรอ ที่ทุกคนเชื่อว่า มันเกิดขึ้นมาเอง ด้วยความบังเอิญทางธรรมชาติ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการสื่อน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 11:07:43 จากคุณ : (-_-") - [ 17 เม.ย. 51 11:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 81 Update ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์กันซักหน่อยละกันครับ พี่ๆ น้องๆ ข้อมูลที่ได้จาก DNA หรือ Genome  สอดคล้องกับหลักฐานอย่างอื่นจริงหรือ ? http://www.evolutionnews.org/2008/03/more_troubles_in_the_tree_of_a.html มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า วิวัฒนาการ มีขีดจำกัด (ในขณะที่ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต อาจมีมากเกินกว่าขีดจำกัดนั้น) http://www.uncommondescent.com/evolution/fishers-fundamental-theorem-of-natural-selection-the-death-sentence-for-darwinism/ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 11:28:46 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 11:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ได้กลิ่นจากห้องศาสนาในนี้ด้วยครับ อิอิ จากคุณ : ออริกามิ03662 - [ 17 เม.ย. 51 11:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 83 Ans. นี่เป็นรากฐานผิดๆ ของนักนิยมวิวัฒนาการครับ  วิทยาศาสตร์ไม่ใช่หวยนะครับ มันมีกฎเกณฑ์อยู่    การมีกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ หมายความว่า "ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้" นั่นคือ ถ้ามันไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ มันก็เกิดขึ้นไม่ได้ ไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปเป็นล้านๆ ปีก็ตามครับ มั่วอ่ะ วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่สร้างกฏขึ้นมา แล้วให้ธรรมชาติเดินตามนะก๊าบ วิทยาศาสตร์ เป็นการหาข้อเท็จจริงของธรรมชาติ ธรรมชาติมันจะเกิด มัน ก็เกิด มันไม่ได้มาเปิดหนังสือดูกฏอะไรหรอก ถ้าธรรมชาติเป็นแบบสุ่ม มันก็สุ่ม ถ้ามันเป็นความไม่แน่นอน มันก็ไม่แน่นอน วิทยาศาสตร์จะสรุป อะไร มันไม่สนใจหรอก ลองไปหาประวัติควอนตัมฟิสิกส์มาอ่านดูบ้าง จะได้เข้าใจอะไรบ้าง โดยเฉพาะก็โต้แย้งเรื่อง "พระเจ้าไม่เล่นลูกเต๋า" อันโด่งดัง อย่าได้ดูถูกพลังของธรรมชาติ ขนาดแค่ H2O มันยังสามารถ สร้างสรรค์อะไรได้สารพัด แทบไม่ซ้ำกันอย่าง Snowflake จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 11:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เยี่ยมครับ คุณ (-_-") คห.80 สื่อความหมายได้ชัดเจนและตรงประเด็น อันที่จริงยังมีอีกเรื่อง คือเรื่องพลังบางอย่างที่ยังไม่สามารถอธิบายได้ หมายถึงพลังในตัวคนนี่แหละ ผมเองก็มีพลังชนิดนี้ ทุกคนก็มี นำออกมาใช้ได้ถ้าฝึกฝน พลังในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ตนเองไงครับ โดยการเข้าสมาธิสู่ภาวะจิตนิ่ง แล้วร่างกายมันจะรักษาตัวมันเองได้อย่างรวดเร็วมาก มันคืออะไรกันแน่? (ย้ำว่าเป็นภาวะจิตนิ่งนะครับ คนละกรณีกับระบบภูมิต้านทานทำงานตามปกติ) จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 17 เม.ย. 51 11:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ใครว่างๆ ก็ไป คนสร้างมานั่งคุยกันหน่อยสิ.... คิดว่า โยนหินลงน้ำ แล้วถ่ายรูปไว้ หยดน้ำที่กระจายออกไป มันจะเหมือนกันทุกครั้งได้หรือเปล่าล่ะ........ มีใครตั้งใจจะทำให้หยดน้ำมันกระจายแบบเดิมทุกครั้งได้บ้าง.....? ไอ้ที่เราเห็น ก็แค่ความบังเอิญ 1 ใน หลายพันล้าน ก็มาทึกทักเอาว่า มีคนตั้งใจทำ...... เอาลูกกอลฟ์มาตีโดยไทเกอร์ วู๊ด 1 ล้านลูก มันจะตกที่เดียวกันทั้ง 1 ล้านลูกได้ไหม.....? ถ้าไม่มีความบังเอิญน่ะ.....ทุกอย่างตั้งใจทำหมด... ก่อนหน้านี้ ไม่เห็นมีพระเจ้าอะไรมาเลย ต้องรอจนกระทั่ง เริ่มเขียนหนังสือกันได้ เริ่มอ่านหนังสือกันเป็นนั่นแหละ พระเจ้าค่อยมาเสด็จ......-*- จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 17 เม.ย. 51 12:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ข้อมูลทฤษฎี ที่อยู่กับความเชื่อและฐานของเศรษฐศาสตร์ !@#$?? let’s say we have a population of fruit flies and apply a pesticide to the population such that only 1 in 1000 fruit flies survives. The diversity of the population is severely reduced, and we can assert the pesticide applies a very strong selection force on the population.    [Price] thus clarified Fisher’s fundamental theorem of natural selection, which had caused some controversy and misunderstanding. He believed that this equation had been a gift from God, a miracle after a religious experience. And given that Fisher’s theorem essentially destroys any hope of Darwinism being true, I would have to agree with George Price, that Fisher’s Theorem and Price’s reformulation was a gift from God. After Price’s renounced Darwinism and became a creationist, he managed to publish his ideas in the prestigious scientific journal Nature in the article, and The Journal of Theoretical Biology. It is noteworthy he published in the prestigious journal Science on Science and the Supernatural. ===== f we have species with 3-chambered hearts, how can species with 4-chambered hearts evolve? Let’s say a creature with a 3-chambered heart gives birth to a creature with a 4-chambered heart. This of course would be a saltational miracle in light of the fact a LOT of associated plumbing and developmental pathways have to be in place to make this possible. If the plumbing is hooked up in the wrong way, death results, no reproduction, no evolution. ===== Seleciton probably has some role, but when we actually quantify the numbers, we have to conclude it was weak, and if it was weak it cannot be the major explanation for the features of life. The point however, is that I was trying to demonstrate the fundamental incoherency of trying to explain diversity through mechanisms of natural selection. The two are fundamentally contradiction. Let’s say selection accounts for 1% of how biology is shaped. What accounts for the other 99%? Lynch and Kimura goes into beautiful math as to where selection is almost indistinguishable from a random walk, and thus casts doubts on the role of natural selection in the majority of cases in the first place. For molecular evolution, there is strong belief that the majority of molecular evolution had to happen in the absence of selection. This is primarily known as neutral theory. However, how does neutral theory account for irreducible complexity. Neutral theory is thus fatally flawed as well… ==== คนคิดทฤษฎี ค่อนข้างมั่วนิ่มและเหมือนมีกะลาครอบอยู่เลยนะ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 12:36:17 จากคุณ : Ken - [ 17 เม.ย. 51 12:03:27 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สุดยอดแห่งตรรกะ - ทุกสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมมีผู้สร้างขึ้นมา * แล้วใครสร้างผู้สร้างนั้นแหล่ะ - ผู้สร้างสามารถเกิดขึ้นเองได้ * แล้วทำไมมนุษย์เกิดขึ้นเองไม่ได้ - เพราะ ทุกสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมมีผู้สร้างขึ้นมา # วนลูปกลับขึ้นไปใหม่ ทำไมถึงช่างสร้างกระปริดกระปอยอย่างนี้ ทำไมไม่สร้างทีเสร็จ แถมสิ่งมีชีวิตซับซ้อน ดันสร้างขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน ส่วนสิ่งมีชีวิต เซลเดียว ไหงใช้เวลาสร้างมากมายมหาศาล อย่างนี้เนียะ จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 12:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ถามเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้ หากเป็นจุดจบของ ท.วิวัฒนาการจริง ทำไม Systematics & Taxonomy ยังคงใช้ ท.วิวัฒนาการ อยู่ ทำไมทาง Intelligence Design ถึงยังไม่เสนอ Systematics & Taxonomy ในรูปแบบของตัวเองสักที่ จากคุณ : silverspider - [ 17 เม.ย. 51 12:15:57 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ตอบคุณ .eAT  #83 "ถ้าธรรมชาติเป็นแบบสุ่ม มันก็สุ่ม ถ้ามันเป็นความไม่แน่นอน มันก็ไม่แน่นอน" Ans. นี่ก็เป็นอีกรากฐานหนึ่งที่ผิดของนักนิยมวิวัฒนาการครับ เป็น"ความเชื่อ"ที่ว่าธรรมชาติเป็นแบบสุ่มที่ไม่มีข้อจำกัด       เมื่อมันมีข้อจำกัด คุณจะมาอ้างตลอดไม่ได้ว่า 'มันสุ่มโดยใช้เวลานาน ก็เลยเกิดขึ้นได้ ...' จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 12:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ตอบคุณ Ken  #86    คุณไม่เห็นมีเหตุผลอะไรเลย นอกจากไปกล่าวหาคนอื่น ตอบคุณ .eAT #87   "- ทุกสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมมีผู้สร้างขึ้นมา * แล้วใครสร้างผู้สร้างนั้นแหล่ะ - ผู้สร้างสามารถเกิดขึ้นเองได้ * แล้วทำไมมนุษย์เกิดขึ้นเองไม่ได้ - เพราะ ทุกสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมมีผู้สร้างขึ้นมา # วนลูปกลับขึ้นไปใหม่" Ans. "ทำไมมนุษย์เกิดขึ้นเองไม่ได้ เพราะ ทุกสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมมีผู้สร้างขึ้นมา"  เหตุผลตรงนี้ก็เป็นเหตุเป็นผลดีแล้ว  ส่วนเรื่องผู้สร้าง ถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไมผู้สร้างจึงเกิดขึ้นเองได้ ก็ไว้ไปถามดูเองละกันนะครับ เมื่อถึงเวลานั้น "ทำไมถึงช่างสร้างกระปริดกระปอยอย่างนี้ ทำไมไม่สร้างทีเสร็จ แถมสิ่งมีชีวิตซับซ้อน ดันสร้างขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน ส่วนสิ่งมีชีวิต เซลเดียว ไหงใช้เวลาสร้างมากมายมหาศาล อย่างนี้เนียะ" Ans. คุณเองไม่ได้รู้เหตุผลและข้อมูล"ที่เป็นจริง"ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แต่กลับทำเป็นเยาะเย้ยถากถาง      ข้อมูลวิทยาศาสตร์มันมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลที่ค้นพบมากขึ้น ถ้าผลออกมาว่าข้อมูลที่คุณคิดว่าถูกนี้ผิดล่ะครับ คุณเองที่จะซวยเพราะการหมิ่นประมาทของตัวคุณเอง แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 12:35:51 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 12:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อยากจะอธิบายเรื่องสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรที่ไม่ใช่พืชและสัตว์ อาทิเช่นแบคทีเรียบางชนิด ที่ไม่ต้องอาศัยออกซิเจน จากการทำงานวิจัยยาฆ่าแบคทีเรีย ถ้าเราส่งเพนนิซิลินเข้าไปแรกๆ มันก็ตาย แต่เชื้อ DNA ของมันก็ยังอยู่และบางส่วนมีโอกาสได้วิวัฒนาการ มาเพื่อต่อต้านสวมเกราะกันเพนนิซิลินได้ เกิน 70% ต่อมาก็มีการสร้างยาที่ร้ายแรงกว่ามาฆ่ามันอีก แรกๆ มันก็ตาย บางส่วนมีโอกาสได้วิวัฒนาการมาต่อต้านกันไปเรื่อยๆ ในขณะนี้เรายังต้องก้าวตามก้นแบคทีเรียกันอยู่เลยถ้ามันมีจุดสิ้นสุดของ วิวัฒนาการแล้วก็ต้องกลายเป็น Perfect world ชีวิตอมตะความรู้อันเป็นสุดยอดกันไปหมดแล้วละนะคงไม่มีวิวัฒนาการกันอีกต่อไป ซึ่งขัดแย้งกับการมีอยู่ของวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่มีมาและมีอยู่ไม่สิ้นสุด ถ้าจะถามว่าใครประกอบสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ไปถามนักชีววิยาเรื่อง DNA ก็คงต้อง ได้คำตอบในต้นนี้ว่า เกิดจากวิตุดิบในธรรมชาติ กรดอะมิโนต่างๆได้สร้างวิวัฒนาการขึ้นมา การคัดสรรนับล้านปีที่ให้มีและเป็นอย่างเช่นในปัจจุบัน ถ้าดูตามความรู้เท่าที่มนุษย์มีก็ต้องสงสัยว่า พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตมาจากดาวหางที่ตกลงมายังโลกโดยมี DNA เก่าแก่นำเข้ามาด้วย แต่ดูๆไปความสอดคล้องที่จะมีการสร้างจากผู้มีความรู้ ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนเพราะ การไปขุดดูดาวหางล่าสุดก็ได้แค่ฟอสสซิลของแบคทีเรียมาดูเท่านั้น ต้องมีการค้นหาหลักฐานมายืนยันเพื่อพิสูจน์กันไปอีกเพราะ Darwin ก็ไม่ได้ปฏิเสธทฤษฏีอื่นที่อาจเป็นไปได้ ถ้ามีหลักฐานกันมากพอที่จะปฏิเสธการวิวัฒนาการ หรือการการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แต่ยังไม่เคยมีใครหักล้างกฎข้อนี้ได้เลย จากคุณ : Ken - [ 17 เม.ย. 51 12:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 92 #89 เข้าใจผิดอย่างแรง มันไม่ใช่ความเชื่อ มันมีหลักฐาน ตัวอย่างฟอสซิล มันเรียงลำดับความซับซ้อนอย่าง ชันเจน ส่วนเรื่องการสุ่ม ก็เป็นคำอธิบายเรื่อง โอกาสที่น้อยๆ แล้วมันเกิดขี้นได้อย่างไรกันต่างหาก เขาก็ตอบว่า ดาวมีเป็น ล้านล้านล้านดวง กับเวลาที่ไม่มีขีดจำกัด ก็ทำให้ความน่าจะเป็นน้อยๆ ก็สามารถเกิดขึ้นมาได้ อย่างที่อธิบายเรื่องล็อตตาลี่ โอกาสถูกหนึ่งในล้าน แสงดว่าไม่มีโอกาสถูกหรือ? ที่จริงก็มีคนถูก แต่เป็น 1 ในล้าน เหมือนกับโลก จากดาวหลายๆ ล้านล้านล้าน ดวง ก็สามารถมีดาวที่มีสภาพเหมาะสมให้เกิดสิ่งมีชีวิตได้ โลกเรานี่นะ เป็นเพราะธุลี 1 เม็ด ในชายหาดที่กว้างใหญ่ ของเอกภพ เหตุที่อ้าง มันเป็นเรื่องตลกเอามากๆ สิ่งซับซ้อนเกิดขึ้น เองไม่ได้ ก็แสดงว่ามันก็ไม่สามารถมีอะไรก็ตามที่เกิด ขึ้นมาเพื่อสร้างเหล่าสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ได้เช่นเดียวกัน จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 12:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 93 แนะนำหนังสือครับเผื่อจะช่วยให้คนที่ยังเข้าใจทฤษฎีดาร์วินคลาดเคลื่อน The Blind Watchmaker โดย Richard Dawkins http://en.wikipedia.org/wiki/The_Blind_Watchmaker จากคุณ : Blind Watchmaker - [ 17 เม.ย. 51 12:35:42 A:203.130.139.34 X: TicketID:173294 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เรื่องนี้ผมไม่ปักใจเชื่อฝ่ายไหนนะครับ แต่ส่วนตัวผมมีความเชื่อเรื่องนึง ลองอ่านดูเล่นๆนะครับ จักรวาลเกิดขึ้นจากอะไร เป็นไปไม่ได้ที่สสารจะมีมาแบบนี้ตั้งแต่แรก ถ้าเป็นอย่างที่เชื่อกันคือเกิดจากการระเบิดของบิ๊กแบง แล้วบิ๊กแบงนั้นเกิดขึ้นจากอะไร พลังมหาสารเกิดจากความว่างเปล่าได้อย่างไร ถ้ามันอยู่เหนือความเข้าใจล่ะ มีจักรวาลอื่นที่เป็นมิติคู่ขนานอันไม่มีวันสิ้นสุด พลังงานที่ทำให้เกิดบิ๊กแบงที่มิตินี้ เป็นผลจากอิธิพลของอีกมิตินึง แล้วจักรวาลในมิตินั้นเกิดจากจักรวาลในอีกมิตินึงเป็นแบบนี้ไม่มีวันสิ้นสุด ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ไม่มีคำตอบ มันเป็นวิถีของมัน หากว่าสิ่งมีชีวิตเกิดจากผู้ทรงภูมิปัญญาจริง แล้วใครเป็นคนสร้างผู้ทรงภูมิปัญญา อาจจะเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาก่อนนั้น หรืออาจจะมีจากอีกมิติ หรือผู้ทรงภูมิปัญญานั้นแหละที่เป็นผู้ทำให้เกิดบิ๊กแบง แล้วจุดเริ่มต้นมันคือที่ไหน มันไม่มีจุดเริ่มต้น แล้วทำไมมันถึงต้องเป็นเช่นนั้น ไม่มีคำตอบ มันเป็นวิถีของมัน ทำไมถึงคิดเรื่องเหลวไหลแบบนี้ขึ้นมาได้ล่ะ แล้วจักวาลของเราที่เกิดจากความว่างเปล่าล่ะ มันไม่เหลวไหลเลยหรือไง อันนี้ความเชื่อส่วนตัวแค่คิดเล่นๆนะครับ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 12:54:35 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 12:53:28 จากคุณ : (-_-") - [ 17 เม.ย. 51 12:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ในเมื่อ ทุกสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมมีผู้สร้างขึ้นมา ผู้สร้าง ย่อมจะต้องเป้นอะไรที่ซับซ้อนมากมายมหาศาล จริงไหมครับ ก็ย่อมที่จะเกิดขึ้นมาเองไม่ได้อีกเช่นกัน มันก็จะไม่รู้จบ มีผู้สร้างของผู้สร้าง และผู้สร้างของผู้สร้าของผู้สร้างเรื่อยไปนั้นแหละ ในเมื่อคิดว่าสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมถูกสร้างขี้น ดังนั้นจึงต้องมีผู้สร้าง ก็ควรจะต้องมีเหตุที่สามารถยืนยันได้ทางวิทยาศาสตร์เช่นกันว่า ผู้สวร้างมาจากไหน เกิดมาได้อย่างไร ? ควบคู่ไปด้วย จริงไหมครับ ? จากคุณ : POZZ - [ 17 เม.ย. 51 13:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ตอบคุณ .eAT #92 "ส่วนเรื่องการสุ่ม ก็เป็นคำอธิบายเรื่อง โอกาสที่น้อยๆ แล้วมันเกิดขี้นได้อย่างไรกันต่างหาก เขาก็ตอบว่า ดาวมีเป็น ล้านล้านล้านดวง กับเวลาที่ไม่มีขีดจำกัด ก็ทำให้ความน่าจะเป็นน้อยๆ ก็สามารถเกิดขึ้นมาได้ อย่างที่อธิบายเรื่องล็อตตาลี่ โอกาสถูกหนึ่งในล้าน แสงดว่าไม่มีโอกาสถูกหรือ? ที่จริงก็มีคนถูก แต่เป็น 1 ในล้าน เหมือนกับโลก จากดาวหลายๆ ล้านล้านล้าน ดวง ก็สามารถมีดาวที่มีสภาพเหมาะสมให้เกิดสิ่งมีชีวิตได้ โลกเรานี่นะ เป็นเพราะธุลี 1 เม็ด ในชายหาดที่กว้างใหญ่ ของเอกภพ" Ans. ความคิดอย่างนี้ไม่ถูกต้องนะครับ    สังเกตไหมครับว่า ปัญหาเรื่องนี้ เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับชีววิทยาและเคมี แต่ความคิดข้างบนนี้ สามารถสรุปออกมาได้หน้าตาเฉยว่า สิ่งมีชีวิต (ชีววิทยา) เกิดขึ้นมาเองจากสารเคมี (เคมี) **โดยที่ไม่สนใจข้อมูลทางชีววิทยาและเคมี ที่ขัดแย้งกับกระบวนการตรงนี้เลย**   นั่นก็แปลว่า แม้ว่าจะมีข้อมูลทางชีววิทยาและเคมี ออกมาเป็นอย่างไร จะขัดแย้งกับกระบวนการนี้อย่างชัดเจนมากขนาดไหนก็ตาม   ผู้ที่เชื่ออย่างนี้ ก็ยังจะสามารถอ้างตรรกะผิดๆ นี้ได้ตลอดไป เพราะเหตุผลนี้ใช้แค่เหตุผลทางล็อตเตอรี่ ไม่สนใจข้อมูลขัดแย้งอื่นๆ ครับ จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 13:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ตอบคุณ POZZ  #95 "ในเมื่อคิดว่าสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมถูกสร้างขี้น ดังนั้นจึงต้องมีผู้สร้าง ก็ควรจะต้องมีเหตุที่สามารถยืนยันได้ทางวิทยาศาสตร์เช่นกันว่า ผู้สวร้างมาจากไหน เกิดมาได้อย่างไร ? ควบคู่ไปด้วย จริงไหมครับ ?" Ans. เห็นด้วยว่า ถ้ารู้ว่าพระเจ้ามาจากไหน หรือ เกิดขึ้นเองได้อย่างไร ก็ดีครับ  แต่ถ้ายังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ ว่าพระเจ้ามาจากไหน ก็ไม่ได้แปลว่า พระเจ้าไม่ได้สร้างจักรวาลนี้ (เพียงเพราะเราไม่รู้เรื่องการกำเนิดขึ้นของพระเจ้า ไม่ได้แปลว่าพระเจ้าไม่ใช่ผู้สร้างจักรวาลนี้ครับ) จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 13:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 98 Origin of Species กับ Origin of Life มันไม่เหมือนกันนะ อย่างหลังเป็นความเห็น เป็นสมมุติฐาน ของใครของมัน แต่อย่างแรก มีหลักฐานชัดเจน มนุษย์ไม่ได้เกิด เป็นมนุษย์เลย แต่มีวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิต สายพันธุ์อื่น ยังไม่มีหลักฐานอะไรแย้งได้ มีแต่ หลักตรรกะเพี้ยนๆ ว่าแต่ว่า ถ้าถึงเวลาแล้วไปถามใครกัน Zeus หรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 13:39:39 จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 13:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 99 หรือว่าถามเง็กเซียนฮ่องเต้ จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 13:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 100 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 14:06:44 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 14:00:57 จากคุณ : (-_-") - [ 17 เม.ย. 51 13:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ^- ลืมเทพมังกร กับ  Flying Spaghetti Monster ไปได้ไงครับ? จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 13:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 102 หรือ Invisible pink Unicorn ก็เป็นเจ้าแม่ที่มีคนนับถือมากเหมือนกัน จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 13:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 103 #101 102 ไม่รู้จักครับ ขอประวัติความเป็นมาด้วย หรือไปถามองค์นี้ อามาเทราสุ จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 14:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คห 96 **โดยที่ไม่สนใจข้อมูลทางชีววิทยาและเคมี ที่ขัดแย้งกับกระบวนการตรงนี้เลย** ______________________________ กระทู้นี้ ยังไม่มี ข้อมูลที่อ้างว่า ขัดแย้งกับ ทฤษฎี วิวัฒนาการเลยนะ (หรือเราอ่านข้ามไปหว่า?) ศาสตราจารย์ Michael Behe  เขาแค่เชื่อว่า DNA มันซับซ้อนเกินกว่า จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ก็เป็นแค่ความเชื่อ  ไม่ใช่ข้อมูลที่ขัดแย้ง ถ้าเรา เชื่อว่า คอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่ซับซ้อน มันก็เกิดขึ้นได้ ในเอกภพ โดยไม่ต้องมีพระเจ้าสร้าง มนุษย์สร้างคอมพ์ได้ ไวรัส บางตัว ก็อาจ สร้าง DNA ที่เติบโตมาเป็นมนุษย์ได้ ( ไม่ใช่ข้อมูลนะ) จึงไม่จำเป็นที่จะต้องสรุปว่า DNA สร้างได้โดยผู้ทรงภูมิปัญญาเท่านั้น จากคุณ : sb*star - [ 17 เม.ย. 51 14:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 105 Nut สิครับ จากคุณ : Nexus - [ 17 เม.ย. 51 14:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ไม่อย่างนั้นก็ Pangu จากคุณ : Nexus - [ 17 เม.ย. 51 14:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 107 http://en.wikipedia.org/wiki/Flying_Spaghetti_Monster The central belief is that there is an invisible and undetectable Flying Spaghetti Monster, who created the entire universe "after drinking heavily."[13] The Monster's intoxication was supposedly the cause for a flawed earth. All evidence for evolution was planted by the Flying Spaghetti Monster, in an effort to test Pastafarians' faith — a form of the Omphalos hypothesis. When scientific measurements, such as radiocarbon dating, are made, the Flying Spaghetti Monster "is there changing the results with His Noodly Appendage."[3] http://en.wikipedia.org/wiki/Invisible_Pink_Unicorn "Invisible Pink Unicorns are beings of great spiritual power. We know this because they are capable of being invisible and pink at the same time. Like all religions, the Faith of the Invisible Pink Unicorns is based upon both logic and faith. We have faith that they are pink; we logically know that they are invisible because we can't see them." — Steve Eley จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 14:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 108 สปาเกตตี้มอนสเตอร์ เกิดเมื่อ เฮนเดสัน ยื่นเสนอว่า ลัทธิสปาเกตตี้มีความเท่าเทีัยมในทางวิทยาศาสตร์กับ ID ดังนั้นหากจะสอน ID ในโรงเรียนก็ต้องสอน สปาเกตตี้มอนสเตอร์ด้วย Henderson stated that both his theory and intelligent design had equal validity; saying    "I think we can all look forward to the time when these three theories are given equal time in our science classrooms across the country, and eventually the world; One third time for Intelligent Design, one third time for Flying Spaghetti Monsterism, and one third time for logical conjecture based on overwhelming observable evidence."[3] ถ้าได้สอนจริง คงมันส์พิลึก จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 14:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 109 แต่ผมชอบ IPU มากกว่า แปลใน 107 ได้ว่า ยูนิคอร์นล่องหนสีชมพูเป็นสิ่งศักสิทธิ์ที่ทรงอำนาจมาก เรารู้ เพราะเขาสามารถล่องหนและเป็นสีชมพูได้ในเวลาเดียวกัน -*- เช่นเดียวกับศาสนาอื่นๆ ศรัทธาในยูนิคอร์นล่องหนสีชมพูวางอยู่บนหลักศรัทธาและเหตุผล เราศรัทธาว่าท่านมีสีชมพู เราใช้เหตุผลรู้ว่าท่านล่องหน เพราะเรามองไม่เห็นท่าน เจ๋งเป้งมาก!! จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 14:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ตอบคุณ .eAT #98 "แต่อย่างแรก มีหลักฐานชัดเจน มนุษย์ไม่ได้เกิด เป็นมนุษย์เลย" Ans. มีสัตว์มาก่อนมนุษย์ ถูกต้องแล้วครับ  (มนุษย์เกิดขึ้นหลังจากสัตว์  ไม่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการ หรือ จะเป็นการสร้าง ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน) "แต่มีวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น ยังไม่มีหลักฐานอะไรแย้งได้" Ans. มีหลักฐานแย้งครับ   http://www.answersingenesis.org/tj/v13/i2/human_fossils.asp   ลองพิจารณาดูก่อนนะครับ จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 14:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คู๊ณณณณณณ..... house เอาอารายมาให้อ่าน เกือบตกเก้าอี้เลย ---------------------------------------- ว่าไปแล้ว อย่าไปถามท่านโอดีนเชียวล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 14:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ตอบคุณ sb*star #104 "คห 96 **โดยที่ไม่สนใจข้อมูลทางชีววิทยาและเคมี ที่ขัดแย้งกับกระบวนการตรงนี้เลย** ______________________________ กระทู้นี้ ยังไม่มี ข้อมูลที่อ้างว่า ขัดแย้งกับ ทฤษฎี วิวัฒนาการเลยนะ (หรือเราอ่านข้ามไปหว่า?)" Ans. ตรงนี้ คุณ .eAT พูดถึงความเชื่อที่ว่า สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นเองจากสารเคมี  ดังนั้น ข้อมูลขัดแย้ง ในที่นี้จึงหมายถึง ข้อมูลทางเคมีต่างๆ ที่ขัดแย้งกับกระบวนการเกิดขึ้นเองของสิ่งมีชีวิตครับ "ถ้าเรา เชื่อว่า คอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่ซับซ้อน มันก็เกิดขึ้นได้ ในเอกภพ โดยไม่ต้องมีพระเจ้าสร้าง มนุษย์สร้างคอมพ์ได้" Ans. ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะครับ  ประเด็นอยู่ที่ว่า คอมพิวเตอร์มันเกิดขึ้นมาเองได้ หรือว่ามันต้องถูกสร้างขึ้นโดยผู้สร้างที่มีปัญญา จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 14:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 113 คุณ .eAT  กับคุณ house (panote_saechiew) อย่าลืม Allah ด้วยนะครับองค์นี้ก็เรื่องการสร้างแตกต่างจาก Yaweh อาจแถม Tao กับ Chaos ส่วนรูปนี่ไม่ต้องหรอกครับเพราะไม่มี จากคุณ : silverspider - [ 17 เม.ย. 51 15:03:40 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ถกเถียงเรื่องสิ่งมีชีวิต รู้ไหมว่าจักรวาลและเอกภพถูกใครสร้างมา ธรรมชาติ หรือผู้มี ภูมิปัญญาสร้าง จากคุณ : Ken - [ 17 เม.ย. 51 15:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ^ ^ พูดให้ชัดเจนก็คือ  เกิดขึ้นเอง vs. ถูกสร้างขึ้น(โดยผู้มีภูมิปัญญา) แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 15:17:52 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 15:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 116 คืออยากจะเตือนสติสักนิดนะครับ คนที่เชื่อว่า สิ่งมีชีวิตน่าจะเกิดจากการออกแบบโดยผู้สร้าง แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อในพระเจ้านะครับ เขาเพียงแค่ "ไม่อยากจะเชื่อว่า" จักรกลอันซับซ้อนนี้ มันเกิดขึ้นมาของมันเอง ก็เท่านั้นแหละครับ ไม่มีใครงมงาย หรอกครับ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 15:40:42 จากคุณ : (-_-") - [ 17 เม.ย. 51 15:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 117 คุณPureTruth   ข้อมูลทางเคมีต่างๆ ที่ขัดแย้งกับกระบวนการเกิดขึ้นเองของสิ่งมีชีวิตครับ เท่าที่ทราบ ยังไม่มีนะ __________________________ คอมพิวเตอร์มันเกิดขึ้นมาเองได้ หรือว่ามันต้องถูกสร้างขึ้นโดยผู้สร้างที่มีปัญญา ถ้ามองในแบบ วิวัฒนาการ ถือว่า  มันเกิดขึ้นได้โดยธรรมชาติ  ( อย่าลืมว่า มนุษย์ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ) ลองยกอีกตัวอย่าง คนทีเป็น โรคไข้หวัดนกตาย ตัวคนนั้น เป็นไข้หวัดนกเองหรือ  ( ไม่ใช่ แต่เพราะติดเชื้อฯ แล้วจึงเป็นไข้) คนคนนั้น ถูกกระทำ ด้วยสิ่งภายนอกที่ซับซ้อน ใช่หรือไม่  ( ใช่) การถูกระทำ เป็นโดย ธรรมชาติ หรือไม่ ถ้าเรามองโดยยึดตัวเราเป็นศูนย์กลาง เราก็บอกว่า คอมพ์มันเกิดเองไม่ได้  เราสร้างมันขึ้นมา ลองมองให้กว้างขึ้น จะเห็นว่า  เป็นเพราะ วิวัฒนาการ  จึงเกิด คอมพ์ขึ้นบนโลก และในอนาคต ก็ยังสามารถเกิด สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งซับซ้อนขึ้นได้ เส้นทางวิวัฒนาการ ไม่ได้มีเส้นทางเดียว จากคุณ : sb*star - [ 17 เม.ย. 51 15:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 118 คุณ sb*star ครับ ข้อมูลทางเคมีต่างๆ ที่ขัดแย้งกับกระบวนการเกิดขึ้นเองของสิ่งมีชีวิต มีเยอะพอสมควรครับ ขอเอามาให้ดูตัวอย่างนึงก่อน เช่น http://www.evolutionnews.org/2008/02/leslie_orgel_metabolic_origin_1.html แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 15:58:22 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 15:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ความจริงณ.ปัจจุบัน เรียกว่าสรุปไม่ได้จะดีที่สุด ถ้ามีศาลจักรวาลใต่สวนว่าใครเป็นผู้สร้างผลงานชิ้นนี้ ข้อมูลพวกนี้เอามาขึ้นศาลจะพอเหรอ แค่บอกศาลว่าดูสิมันซับซ้อนลงตัวพอดีก็ได้เครดิตไปแล้ว อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ยืนตำแหน่งผู้สร้างแล้วแต่โยนให้กรรมซะงั้น มันดูง่ายไปนิดนึงนะท่าน แต่อย่างว่าที่ท่านตอบมาท่านเป็นแค่ทนายแก้ต่าง ไม่ใช่ผู้สร้างจริงๆมาตอบ จึงไม่สามารถเชื่อมโยงความผิดไปที่ผู้สร้างได้อยู่ดี(ถ้ามีผู้สร้างจริงๆ) แต่ถ้าจะถกเรื่องศาสนาต่อมันก็ต่อกันได้เรื่อยๆ เพราะเป็นเรื่องจินตนาการมาตอบ วิทยาศาสตร์ยุคนี้เพิ่งเริ่มต้นเอง ที่ว่างสำหรับผู้สร้างยังมีอีกตั้งเยอะ ไม่รู้จะกลัวอะไร ยังมีคำถามที่ต้องตอบอีกเพียบ ถ้าสมมติมีผู้สร้างจริงๆ สร้างที่นี่ที่เดียว มีสร้างที่อื่นหรือเปล่า เป็นการสร้างครั้งแรกครั้งเดียวหรือเป็นการทดลองอยากรู้อยากเห็นเฉยๆ ถ้าท่านไม่สร้างสิ่งนี้ ก่อนหน้านี้ท่านทำอะไรมาบ้าง นำความรู้การสร้างนี้มาจากไหน แล้วทุกวันนี้ทำอะไรอยู่ ตอนสร้างสนุกไหม ยากไหม ทำไมถึงสร้างได้ลงตัวเหมือนธรรมชาติ ใครสร้างท่านมา มีกลุ่มอื่นที่สร้างแบบท่านด้วยไหม แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าท่านเป็นผู้สร้างที่แท้จริง ไม่ใช่เพื่อนหรือท่านอื่นสร้าง พอจะมีคลิป หรือภาพถ่ายเก็บไว้บ้างไหม พอจะบอกวิธีการสร้างให้ทราบบ้างจะได้ไหม สร้างซ้ำอีกรอบได้หรือไม่ ท่านอยู่ที่ไหน ชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร ทำไมไม่มาอยู่ด้วยกัน ทำไมไม่กล้าติดต่อมนุษย์โดยตรง เคยแอบลองใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ดูหรือเปล่า การสร้างนี่สร้างเล่นๆ หรือคิดจริงจัง วางแผนในใจครั้งแรกว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่า ทำไมไม่สร้างแต่สวรรค์ สิ่งที่สวยๆดีๆอย่างเดียว แล้วอยู่บนสวรรค์นี่ต้องทำอะไร เห็นมีคนบอกว่าอยู่ไปจนนิรันดร์ เป็นความจริงหรือไม่ มีกิจกรรมอะไรบนนั้นบ้างที่ไม่ให้เบื่อ แล้วออกจากสวรรค์ได้ไหม ที่จริงผมก็คิดแบบ (-_-") ถ้าคิดว่ามีผู้สร้าง ก็น่าจะเป็นมนุษย์เผ่าอื่นพวกมนุษย์ต่างดาว จะให้เป็นพระเจ้านี่ขาดหลักฐานอีกเพียบเลย จากคุณ : หลับตา - [ 17 เม.ย. 51 15:59:58 A:118.172.241.44 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 120 คห 118 บทความที่ลิงค์ไว้  ลองอ่านคร่าวๆแล้ว   ไม่ใช่ข้อมูลขัดแย้งนะคะ เป็นแค่ความเห็น ที่เชื่อแบบเดียวกับ ดร.Michael Behe ในกระทู้นี้เลย จากคุณ : sb*star - [ 17 เม.ย. 51 16:23:37 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ^ ^ (ทะลุไป #119) "ที่ว่างสำหรับผู้สร้างยังมีอีกตั้งเยอะ ไม่รู้จะกลัวอะไร" Ans.  ไม่มีใครกลัวอะไรนี่ครับ  ที่เข้ามาตอบก็เพราะอยากแชร์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ให้เพื่อนๆ ครับ จะได้เข้าใจกันถูกต้องตามที่คุณพูด นั่นคือ ที่ว่างสำหรับผู้สร้างยังมีอีกตั้งเยอะ เห็นบางคนชอบเข้าใจผิดไปว่า วิทยาศาสตร์บอกว่าไม่มีพระเจ้า "ที่จริงผมก็คิดแบบ (-_-") ถ้าคิดว่ามีผู้สร้าง ก็น่าจะเป็นมนุษย์เผ่าอื่นพวกมนุษย์ต่างดาว จะให้เป็นพระเจ้านี่ขาดหลักฐานอีกเพียบเลย" Ans. double standard ครับ   หลักฐานของมนุษย์ต่างดาวกับพระเจ้า ไม่ต่างกัน (ในบางแง่ หลักฐานของพระเจ้าอาจมีมากกว่ามนุษย์ต่างดาวด้วยซ้ำ)  แต่คุณกลับคิดไปว่าหลักฐานของพระเจ้าอ่อนกว่า แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 16:39:13 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 16:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เอาเข้าไป หึหึ.. เล่นพันทิป มาเป็นปี เจอกระทู้ทำนองนี้เป็น สิบๆ กระทู้ ย้อนกลับไปอ่านดูได้ครับ ประเด็น เดียวกัน จากคุณ : lover in the backseat - [ 17 เม.ย. 51 16:47:22 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ตอบคุณ sb*star  #120 ข้อมูลขัดแย้ง -->  "(such metabolic pathways) ... d[o] not seem capable of evolving in any interesting way without becoming more complex" and the proposed explanations fail to "explain how a complex interconnected family of cycles capable of evolution could arise or why it should be stable." The problems faced by evolving multiple metabolic pathways are the same as the problems faced by those trying to evolve a single metabolic pathway:"   Leslie E. Orgel เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และวิจัย field นี้ (ด้านการกำเนิดของสิ่งมีชีวิต) โดยตรงครับ จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 17:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เห็นลิงค์ที่โยนมา ก็สุดยอดมาก ความเชื่อถือเหลือ 5% ขอเอาแบบอยู่ในพวก natianal geographic, sciencetific america, science, popular science ฯลฯ ได้ไหม เอาที่ มันน่าเชื่อถือหน่อย พวกที่ล้มทฤษฏี Origin of Species นี่มันต้องดังพอๆ กับ ล้มทฤษฎีของนิวตันได้เลย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีลงใน วรสารวิทยาศาสตร์ดังๆ จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 17:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 125 #113 ตกลงจะเอาให้หมดเลยหรือ!!! El จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 17:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ตอบ #124 1) Journal ที่นำมาอ้างอิงใน #118 ไม่น่าเชื่อถือตรงไหนครับ 2) National Geographic เนี่ยนะครับ น่าเชื่อถือ ?    ความดัง (popular) ไม่ได้แปลว่า มันน่าเชื่อถือมากนะครับ อย่าเข้าใจผิด    ผมเห็นสิ่งผิดๆ และสิ่งที่ผู้เขียนคิดเอาเองอยู่ใน National Geographic เป็นประจำครับ   3) นักวิทยาศาสตร์ที่ดีต้องตัดสินจากตัวข้อมูลครับ ไม่ใช่จากชื่อของวารสาร ผมไม่เห็นคุณตัดสินจากตัวข้อมูลจริงๆ ที่ให้ไปเลยครับ เลยไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วคุณสามารถวิเคราะห์ได้หรือไม่ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 17:45:40 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 17:42:05 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 17:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 127 chaos คืออะไร? ที่จริงก็ได้ยินอยู่หลายตำนานเลย แต่ว่า ไม่ใช่พระเจ้านี่ ตำนานไหนคือพระเจ้า Cernunnos จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 17:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ลิงค์นั้นเป็น blog ที่ตีความต้นฉบับ ของ　Orgel อีกทีครับ ผมตามไปต้นฉบับแล้ว http://biology.plosjournals.org/perlserv/?request=get-document&doi=10.1371/journal.pbio.0060018&ct=1 รู้สึกจะเป็นชิ้นสุดท้ายในชีวิตของ prof Orgel ด้วยครับ ท่านเสียในอีกไม่กี่เดือนถัดมา ปล ในช่วงสรุป prof Orgel สรุปว่ามีรายงานว่ากรณีที่ไม่เป็นจริงข้างต้นเป็นจริงได้ในสถานะ hydrothermal conditions ซึ่งกำลังมีการเร่งวิจัยครับ . Conversely, a theory in which metal sulfide–catalyzed reactions provided some or all of the organic molecules needed for the formation of a primitive genetic system would have many attractive features. A number of prebiotic syntheses catalyzed by transition metal sulfides under hydrothermal conditions have already been reported จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 17:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 129 Tao มีรูปนะครับ แต่ว่า เต๋า ไม่ใช่พระเจ้านี่ จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 17:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 130 #126 ไม่น่าเชื่อถือเห็นๆ มัน blog ของ Orgel มาอีกรอบ แถมตัดมาไม่ครบด้วยนี่ครับ orgel บอกว่าแนวคิดเมตาบอลิกไซเคิลบนพื้นโลก ไม่น่าจะใช่ แต่บอกไว้ตอนจบว่ามันเกิดได้ในสถานะอื่น แล้วตอนท้ายหายไปทั้งท่อนนี่เรียกว่า ฤาษีแปลงสารหรือเปล่า? แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 17:49:23 จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 17:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ถึงคุณ .eAT เต๋าจัดเป็นอยู่ในกลุ่มพระเจ้าเช่นกันครับ คือเป็น Supreme Being แต่ไม่ใช่พระเจ้าในแบบ Personal God ซึ่งเต๋าจะจัดอยู่ใน Pantheism ไม่ใช่ Theism เรื่องภาพนั้นเป็นแค่สัญลักษณ์ครับ เหมือนกับอิสลามที่มีสัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยว แต่กลับไม่มีรูปแทน Allah เต๋าเต็กเก็งบทที่ 25 "ก่อนดำรงอยู่ของฟ้าและดิน มีบางสิ่งบางอย่างมืดมัวเคลือบคลุม เงียบงันโดดเดี่ยว อยู่เพียงลำพัง ไม่แปรเปลี่ยน เป็นอมตะหมุนเวียนไม่หยุดยั้ง มีค่าควรแก่การเป็นมารดาของสรรพสิ่ง ข้าพเจ้าไม่ทราบชื่อสิ่งนั้น แต่ถ้าถูกบังคับให้เรียก ก็จะเรียกว่า "เต๋า" ...." และสมัยเล่าจื้อยังไม่มีเรื่องไสยศาสตร์เวทย์มนต์เข้ามาเหมือนที่เห็นในหนังกันนะครับ ส่วน Chaos ลองอ่านนี่ดูครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Chaos_%28mythology%29 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 18:43:34 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 18:37:55 จากคุณ : silverspider - [ 17 เม.ย. 51 18:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ตอบคุณ  house (panote_saechiew) #128, #130 1) คุณไม่เข้าใจการเขียนบทความที่เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการเหรอครับ มันต้องมีข้อเสนอต่อท้ายไว้สักหน่อย แก้เก้อ ไม่ว่าข้อเสนอนั้นจะมีจุดอ่อนอยู่เยอะแยะ และไม่น่าเป็นไปได้ก็ตาม ก็ต้องเสนอไว้บ้าง มีไว้เพื่อนำมาอ้างได้ว่า นี่ไง ยังมีวิธีนี้อีกนะ ทั้งๆ ที่เจ้าวิธีที่ถูกเสนอนี้ ก็มีคนอื่นเคยวิเคราะห์ไปแล้วว่าขาดตกบกพร่อง และไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างไร 2) ฤาษีแปลงสารตรงไหนครับ ก็เนื้อความเขาเขียนอย่างนั้น ชื่อบทความของเขาก็เขียนไว้อย่างนั้น     ส่วนตรงข้อสรุปของบทความ ก็คงเป็นการแก้เก้อ อย่างที่อธิบายไว้ในข้อ 1.  เพราะถ้าเขาคิดอย่างนั้นจริงจังล่ะก็ บทความที่เขาเขียนขึ้นมาเองก็ไร้ความหมาย  แถมยังจะกลายเป็นผิดตั้งแต่ชื่อบทความของเขาเองด้วยซ้ำไป  ดังนั้น จึงน่าจะการเขียนแก้เก้อ มากกว่าจะคิดเป็นจริงเป็นจังครับ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 18:31:07 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 18:29:22 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 18:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ของเต๋าก็ Pangu ที่ผมเอามาลงตรง #106 ยังไงครับ จากคุณ : Nexus - [ 17 เม.ย. 51 18:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เต๋า นี่ผมมี 3 เล่มเลยนะ ต่างคนต่างแปล แต่ว่าอ่านยังไง ก็ไม่รู้สึกว่าเป็น "พระเจ้า" รู้สึกเหมือน "ธรรมชาติ" และ "เต๋า" ก็คือ "วิถีแห่งธรรมชาติ" อ่าน Invisible Pink Unicorn แล้วชอบมากเลย เยี่ยม ส่วนลิงค์ของ #128 ขอยอมแพ้ อ่านไม่รู้เรื่อง เอ๊ะ ว่าเมื่อก่อน เคมี เราก็พอใช้นะ แต่เดี๋ยวนี้ อ่านแล้วทำไมไม่เข้าใจหว่า ------------ Oceania God Ku-ka'ili-moku จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 19:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 135 #132 คุณคิดยังไงก็เรื่องของคุณครับ แต่คุณตามไปอ่านลิงค์ที่ prof Orgel อ้างแล้วหรือครับ ถึงรู้ว่ามีผิดตกบกพร่อง แหม่ ขยันจัง! ผมบอกแค่ว่า 1 เว็ปนั้นอ้างมาเพียงบางส่วนของผลงาน prof Orgel 2 ผมเห็นว่า prof Orgel ไม่ได้นำเสนอเช่นเดียวกับเว็ปนั้นกล่าวอ้าง ทั้งสองบทความทั้งฉบับตัดปะ และตัวต้นฉบับอยู่ในนี้แล้ว ความน่าเชื่อถือผู้รับสารจะเป็นผู้พิจารณาเองครับ จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 19:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ^ ^ 1. เว็ปนั้นอ้างมาเพียงบางส่วนของผลงาน prof Orgel Ans. ที่เว็บนั้นอ้างถึงก็ถูกต้องแล้ว เพราะยกเอาส่วนที่เป็นเนื้อหาหลักของผลงาน prof Orgel  มาพูดถึง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการที่เนื้อหาสอดคล้องกับชื่อของบทความ "The Implausibility of Metabolic Cycles on the Prebiotic Earth"   2. ผมเห็นว่า prof Orgel ไม่ได้นำเสนอเช่นเดียวกับเว็ปนั้นกล่าวอ้าง Ans. เนื้อหาหลักของผลงานนี้   prof Orget นำเสนอเช่นเดียวกับที่เว็บนั้นกล่าวถึงครับ (ก็เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขาเขียนอย่างนั้นจริง ยังจะมัวปฏิเสธความจริงอยู่อีก) จะมีก็แต่ตอนท้าย ที่พูดถึงวิธี hydrothermal ไว้บ้าง เพื่อให้นักนิยมวิวัฒนาการอุ่นใจว่ายังเป็นพวกเดียวกัน      (ถ้าไม่พูดถึงวิธีอะไรอีกบ้างเลย จะถูกมองว่าต่อต้านนักนิยมวิวัฒนาการ และบทความอาจจะไม่ผ่านการตรวจสอบ ทั้งๆ ที่เนื้อหาหลักก็เหมือนกันนั่นแหละครับ) จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 20:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 137 รายละเอียดอยู่ในนั้นหมดแล้วครับ คนอ่านดูเองได้ว่า เว็ปนั้นเอาของ Orgel มาอ้างโดยถูกต้องหรือไม่ อ้อ ผมไม่คิดว่าการบอกว่าอีกวิธีนั้นใช้ได้ พร้อมทั้งลงลิ้งค์ให้ไปอ่านต่อจะเรียกว่าแก้เกี้ยวนะครับ แต่เอาเหอะ วิจารณญาณเป็นของคนอ่านอยู่แล้ว จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 17 เม.ย. 51 20:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ถ้ามีพระเจ้า พระองค์จะคิดยังไงกับชาวคริสต์สมัยก่อนที่เชื่อว่าโลกแบน หรือ ดวงอาทิตย์หมุนรอบโลก แล้วดันไปลงโทษนักวิทยาศาสตร์ ต้องลงโทษพวกนั้นด้วยหรือไม่ หรือว่าการเชียร์ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ไปลงโทษนักวิทยาศาสตร์โดยไม่ฟังเหตุผลเค้าอธิบาย เอาชื่อเสียงพระเจ้ามาอ้างค้างคูๆไม่เป็นบาป จากคุณ : หลับตา - [ 17 เม.ย. 51 20:21:55 A:118.172.241.44 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 139 #134 ถ้านึกรูปแบบเต๋าไม่ออกก็ให้นึกถึง Spinoza's God ที่ไอนสไตน์เชื่อละกันครับ เป็นพระเจ้าประเภท Pantheism เหมือนกัน จะว่าไปถ้าคุณเป็นชาวพุทธลองอ่านเรืองไกวัลยธรรมของพุทธทาสดูครับ จากคุณ : silverspider - [ 17 เม.ย. 51 20:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ตอบคุณ house #137 ใช่ครับ ผู้อ่านคงสามารถตัดสินได้ว่า เนื้อหาหลัก (99%) ของบทความนี้คืออะไร เพราะแม้แต่ชื่อบทความก็บอกชัดเจน    เมื่อเทียบกับข้ออ้างที่คุณ house พูดถึง ที่มีอยู่แค่ไม่กี่บรรทัด และก็ไม่มีข้อมูลรายละเอียดอะไรครับ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 20:25:23 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 20:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 141 The non-transitions in ‘human evolution’—on evolutionists’ terms อ่านแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ ประเด็นอยู่ตรงไหน เห็นบทความเขียนปี 1999 โห เก่าแล้ว ขณะที่ National Geographic ก็ยังออกข้อมูลใหม่ๆ มาอยู่เรื่อยๆ แล้วที่เขียน อ่านแล้วไม่เห็นคล้อยตามไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจอสัตว์ ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับมนุษย์ ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีมนุษย์ เกิด มันก็สอนคล้องกับทฤษฎีแล้วนี่ ที่จริงแล้วบทความมันออกจะสนับสนุน เลยด้วยซ้ำ เพราะยืนยันว่ามีสิ่งที่ไม่ใช่ลิง แล้วก็ไม่ใช่มนุษย์อยู่ อาจจะมีปัญหา เรื่องการเรียงสายพันธุ์อยู่บ้าง แต่อย่างนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แล้วอย่างพึ่งสับสน Origin of Species กับ Origin of Life เพราะอย่างหลัง ยังถกเถียงกันอยู่ ยังไม่ลงตัว ถ้าถามว่าเชื่อแนวความคิดอะไรระหว่าง 1. ชีวิต เกิดจากการสร้างขึ้นมา โดยอะไรก็ไม่รู้ 2. ชีวิตเกิดขึ้นมาเองเมื่อมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม ผมก็ต้องเชื่ออันหลังสิ เพราะอย่างที่บอก ถ้าสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นเองไม่ได้ แล้ว อ้ายสิ่งที่สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา มันจะมาจากไหน คำตอบมันก็วนเวียนไม่มี ที่สิ้นสุด พระเจ้า ของ พระเจ้า ของ พระเจ้า ของ พระเจ้า ของ พระเจ้า ... มันไม่เห็นสาระของคำตอบแบบนี้เลย ----------------------------- Spinoza's God ไม่รู้จัก ส่วนพุทธทาส คงไม่อ่าน อ่านเรื่องการตีความ ศาสนาต่างๆ ของท่านแล้ว ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง พระเจ้าในความเข้าใจ น่าจะเป็นสิ่งอะไรที่เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ และมีจิตสำนึก แห่งตัวตนของ พระเจ้า ถ้าอะไรที่ไม่มีจิตสำนึกของตัวตน ผมว่าไม่ใช่พระเจ้า ดังนั้น "เต๋า" สำหรับผม ไม่ใช่พระเจ้า เพราะไม่มีจิตสำนึก คล้ายกันกับความเชื่อ ฮินดู เรื่อง "พรหมมัน" ไม่ใช่พระเจ้า พระเจ้าคือ พรหม ศิวะ วิษณุ ฯลฯ เพราะพรหมมัน ไม่มีจิตสำนึก อะไรทำนองนี้ จากคุณ : .eAT - [ 17 เม.ย. 51 21:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 142 สรุปว่าในหระเจ้าในความคิดของคุณ .eAT ต้องเป็นพระเจ้าในแบบ Personal God ใช่ไหมครับ แต่หลายคนไม่คิดแบบคุณนะสิครับ ไอนสไตน์ ฮอว์คิง นี่ก็เชื่อในพระเจ้านะครับ จากคุณ : silverspider - [ 17 เม.ย. 51 22:23:02 ]

ความคิดเห็นที่ 143 เขาว่าไว้อย่างนี้ครับ ทายซิว่าใครพูด "I believe in Spinoza's God who reveal himself in the orderly harmony of what exists, not in a God who concerns himself with fates and action of human beings" เราเรียกคนที่เชื่อในพระเจ้าแบบนี้รวมๆว่า Deist หรือ Pantheist ซึ่งมีจุดแตกต่างกันเล็กน้อย อย่างเต๋านี่เข้าข่าย Pantheist จากคุณ : Nexus - [ 17 เม.ย. 51 23:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ตอบคุณ .eAT #141 The non-transitions in ‘human evolution’—on evolutionists’ terms "อ่านแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ ประเด็นอยู่ตรงไหน เห็นบทความเขียนปี 1999 โห เก่าแล้ว ขณะที่ National Geographic ก็ยังออกข้อมูลใหม่ๆ มาอยู่เรื่อยๆ แล้วที่เขียน อ่านแล้วไม่เห็นคล้อยตามไปเลย" Ans. ข้อมูลที่เขียนในปีเก่ากว่า ไม่ได้แปลว่ามีความถูกต้องน้อยกว่าข้อมูลใหม่กว่า นะครับ   ข้อมูลที่เขียนในปีใหม่กว่าเป็นข้อมูลที่ผิดก็มีถมไป   (คุณชอบอ้างอะไรที่มันไม่เป็นหลักการ เห็นหลายครั้งแล้ว) "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจอสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับมนุษย์ ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีมนุษย์เกิด มันก็สอดคล้องกับทฤษฎีแล้วนี่ ที่จริงแล้วบทความมันออกจะสนับสนุนเลยด้วยซ้ำ เพราะยืนยันว่ามีสิ่งที่ไม่ใช่ลิง แล้วก็ไม่ใช่มนุษย์อยู่" Ans.  ก็บอกไปแล้วนะครับว่า ลิงมีมาก่อนมนุษย์เนี่ย มันสอดคล้องกับทั้งสองทฤษฎี ทั้งวิวัฒนาการและการสร้าง  ดังนั้น ไม่ได้แปลว่าวิวัฒนาการถูก การสร้างผิด    พอจะเข้าใจไหมครับ "ถ้าถามว่าเชื่อแนวความคิดอะไรระหว่าง 1. ชีวิต เกิดจากการสร้างขึ้นมา โดยอะไรก็ไม่รู้ 2. ชีวิตเกิดขึ้นมาเองเมื่อมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม ผมก็ต้องเชื่ออันหลังสิ เพราะอย่างที่บอก ถ้าสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นเองไม่ได้ แล้ว อ้ายสิ่งที่สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา มันจะมาจากไหน คำตอบมันก็วนเวียนไม่มี ที่สิ้นสุด พระเจ้า ของ พระเจ้า ของ พระเจ้า ของ พระเจ้า ของ พระเจ้า ... มันไม่เห็นสาระของคำตอบแบบนี้เลย" Ans. คิดอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องซักเท่าไหร่นะครับ ลองพิจารณาดูตัวอย่างนี้ครับ ถ้าเผอิญว่าเจอหลักฐานว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้างสิ่งมีชีวิตบนโลก แล้วคุณจะเชื่อไหมครับว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้าง คุณก็คงตอบว่าคุณเชื่อ ทีนี้ คุณรู้ไหมครับว่ามนุษย์ต่างดาวมาจากไหน คุณก็ไม่รู้  นี่แสดงว่า แม้ว่าคุณจะไม่รู้ว่าผู้สร้างมาจากไหน คุณก็สามารถเชื่อได้ว่ามีผู้สร้างเป็นผู้ที่สร้างสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ (ในที่นี้ ผู้สร้าง = มนุษย์ต่างดาว)     พูดให้ชัดเจนก็คือว่า ***ความไม่รู้ ว่าผู้สร้างนั้นมาจากไหน   ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า ผู้สร้างได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนโลกนี้ ***         นั่นก็คือ  'ความไม่รู้ ว่าผู้สร้างนั้นมาจากไหน'  เป็นเพียงคำถามลำดับถัดไป หลังจากที่เรา"ได้คำตอบ"ของคำถามแรกแล้ว ก็เท่านั้นเองครับ   แต่ 'ความไม่รู้' ตรงนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงของ คำตอบในขั้นแรก เปลี่ยนไปแต่อย่างใด   อย่าเข้าใจผิดนะครับ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 23:48:27 จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 51 23:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 145 PureTruth ----------- ก่อนจะว่าคนอื่น กรุณาตักน้ำใส่กระโหลก แล้วชะโงกดูเงาตัวเองก่อน หลักการกวางๆ นะสิ "ทุกสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมมีผู้สร้างขึ้นมา แต่ผู้สร้างเกิดขึ้มาได้เอง" งมงายไม่แพ้พวก หนอนอวกาศ กับน้ำส้วมศักดิ์สิทธิ์ เลยสักนิด Creationism โดนตีตกกันเป็นชาติแล้ว เอาไบเบิล ตำนาน มากล่าว อ้างว่าเป็นความจริง แค่เจอกระดูกไดโนเสาร์ ก็ล่องจุ้นไปแล้ว ไม่ต้อง มาอ้างแล้ว ไบเบิลนะ ไม่ต่างอะไรกันกับตำนานของ กรีก-โรมัน ไวกิ้ง อียิปต์ เป็นแค่จินตนการ ไร้เหตุไร้ผล ไม่ต้องไปถามหาหลักฐานอะไรทั้งสิ้น ไม่ต่างอะไรกับลัทธิ Invisible Pink Unicorn เล้ย ที่จริงก็ต่างกัน เพราะว่า IPU รู้ว่าอะไรจริงอะไรมั่ว จากคุณ : .eAT - [ 18 เม.ย. 51 09:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 146 "เครื่องคิดเลข เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ" กับ Creationism มันต่างกันตรงไหนเหรอครับ? เพราะ อาจจะ มี และ ไม่มี เหมือนกัน อะไรมีความเป็นไปได้มากกว่าหรือน้อยกว่ากัน ก็บอกไม่ได้ จากคุณ : dmtx - [ 18 เม.ย. 51 09:26:40 A:58.10.146.4 X: TicketID:173977 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ตอบคุณ .eAT #145 "หลักการกวางๆ นะสิ  'ทุกสรรพสิ่งที่ซับซ้อน ย่อมมีผู้สร้างขึ้นมา แต่ผู้สร้างเกิดขึ้นมาได้เอง' " Ans. ผมอธิบายไปแล้วนะครับ ถ้าคุณใจเย็นๆ ใช้สติอีกซักนิด พิจารณาในคำอธิบายนั้น ก็จะเข้าใจครับ   สิ่งที่ได้อธิบายไปเป็นดังนี้ครับ "คิดอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องซักเท่าไหร่นะครับ ลองพิจารณาดูตัวอย่างนี้ครับ ถ้าเผอิญว่าเจอหลักฐานว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้างสิ่งมีชีวิตบนโลก แล้วคุณจะเชื่อไหมครับว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้าง คุณก็คงตอบว่าคุณเชื่อ ทีนี้ คุณรู้ไหมครับว่ามนุษย์ต่างดาวมาจากไหน คุณก็ไม่รู้  นี่แสดงว่า แม้ว่าคุณจะไม่รู้ว่าผู้สร้างมาจากไหน คุณก็สามารถเชื่อได้ว่ามีผู้สร้างเป็นผู้ที่สร้างสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ (ในที่นี้ ผู้สร้าง = มนุษย์ต่างดาว)     พูดให้ชัดเจนก็คือว่า ***ความไม่รู้ ว่าผู้สร้างนั้นมาจากไหน   ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า ผู้สร้างได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนโลกนี้ ***         นั่นก็คือ  'ความไม่รู้ ว่าผู้สร้างนั้นมาจากไหน'  เป็นเพียงคำถามลำดับถัดไป หลังจากที่เรา"ได้คำตอบ"ของคำถามแรกแล้ว ก็เท่านั้นเองครับ   แต่ 'ความไม่รู้' ตรงนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงของ คำตอบในขั้นแรก เปลี่ยนไปแต่อย่างใด   อย่าเข้าใจผิดนะครับ" "งมงายไม่แพ้พวก หนอนอวกาศ กับน้ำส้วมศักดิ์สิทธิ์ เลยสักนิด" Ans. นั่นเป็นเพียงความคิดของคุณ ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงครับ "Creationism โดนตีตกกันเป็นชาติแล้ว" Ans.  ที่ผ่านมาคุณก็วิเคราะห์ไม่ค่อยจะถูกต้อง จึงไม่แปลกที่คุณจะเข้าใจผิดในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วสรุปออกมาผิดๆ ว่า Creationism โดนตีตกไปแล้ว   ถ้าคุณอยากจะรู้ว่า นักนิยมวิวัฒนาการมี อคติ อย่างไร และส่งผลให้คนในวงการอื่นมี อคติ ตามไปด้วยอย่างไร ให้ลองเข้าไปดูใน Link นี้นะครับ เป็นหนังสารคดีครับ  http://www.expelledthemovie.com/   "เอาไบเบิล ตำนาน มากล่าว อ้างว่าเป็นความจริง แค่เจอกระดูกไดโนเสาร์ ก็ล่องจุ้นไปแล้ว ไม่ต้อง มาอ้างแล้ว" Ans. การวิเคราะห์ของคุณยังไม่มีหลักการที่ถูกต้องนะครับ เจอกระดูกไดโนเสาร์ แล้วไงเหรอครับ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนะครับ "ไบเบิลนะ ไม่ต่างอะไรกันกับตำนานของ กรีก-โรมัน ไวกิ้ง อียิปต์ เป็นแค่จินตนาการ ไร้เหตุไร้ผล ไม่ต้องไปถามหาหลักฐานอะไรทั้งสิ้น ไม่ต่างอะไรกับลัทธิ Invisible Pink Unicorn เล้ย ที่จริงก็ต่างกัน เพราะว่า IPU รู้ว่าอะไรจริงอะไรมั่ว" Ans. ใช้การวิเคราะห์แบบไม่ครบถ้วนของคุณ ผลลัพธ์ก็ออกมาได้เท่านี้แหละครับ จากคุณ : PureTruth - [ 18 เม.ย. 51 09:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 148 อย่างที่ผมบอกแหละครับ อย่าเพิ่งไปปักใจเชื่ออะไร จักรวาลที่เราอยู่ทุกวันนี้เกิดจากอะไร เขาก็สันนิฐานว่า บิ๊กแบง แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า บิ๊กแบง เกิดจากความว่างเปล่าได้ยังไง หรือคุณจะบอกว่า งมงาย แล้วบอกว่า จักรวาลไม่ได้เกิดจากความว่างเปล่า มันเป็นอยู่แบบนี้ตั้งแต่แรก โดยไม่มีจุดเริ่มต้น อย่างนั้นใช่มั้ยครับ อย่าเพิ่งให้คำว่า ถ้ามนุษย์ต่างดาวสร้างมนุษย์โลก แล้วใครจะสร้างมนุษย์ต่างดาว มาปิดหูปิดตาเป็นอคติเลย สิ่งที่หาคำตอบไม่ได้มันเยอะเหลือเกิน แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 10:30:03 จากคุณ : (-_-") - [ 18 เม.ย. 51 10:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 149 โห ขนาดไบเบิลมันยังไม่อ่านเลย ยังมีหน้ามาเถียงอีก จากคุณ : .eAT - [ 18 เม.ย. 51 10:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ^ ^ ผิดมาตั้งไม่รู้จะกี่ครั้งแล้ว ยังมีหน้ามาเถียงอีก จากคุณ : PureTruth - [ 18 เม.ย. 51 10:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ผมพึ่งไปซื้อ Hitchhiker's guide มาครับ ทีแรกว่าจะไปหา uplift trilogy แต่หาไม่ได้(uplift เกี่ยวกับโลกโดนจักรวาลหาว่าเป็น heresy เพราะดันเชื่อว่าไม่มีผู้สร้าง) qoute นี้มันฮาดี 'I refuse to prove that I exist' say God ' for proof denies faith,and without faith I am nothing' 'But the Babel fish is a dead giveaway,isn't it? It could not have evolved by change , It proves you exist, and so therefore , by your own arguments, you don't.QED' จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 18 เม.ย. 51 16:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 152 ^ ^ quote นี้ คงมีจุดประสงค์เพื่อถากถางดูหมิ่น  ซึ่งอาจจะฮา สำหรับผู้ที่ไม่สนใจความจริง  แต่ในความเป็นจริงแล้ว quote นี้ ผิดตั้งแต่ประโยคตั้งต้นแล้วล่ะครับ 1. 'I refuse to prove that I exist' say God.   Ans. ในพระคัมภีร์ไม่เคยเขียนเช่นนั้นครับ 2. for proof denies faith Ans. อันนี้แล้วแต่ครับ อาจจะถูกหรือผิด แล้วแต่ว่าเป็นการพิสูจน์ลักษณะไหน (ขี้เกียจอธิบายครับ เดี๋ยวยาว) 3. and without faith I am nothing' Ans. อันนี้ก็ผิด ในพระคัมภีร์ไม่เคยเขียนเช่นนั้นครับ แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 17:39:28 แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 17:38:40 จากคุณ : PureTruth - [ 18 เม.ย. 51 17:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 153 สงสัยมานจะไม่เคยได้อ่าน Genesis มาเถียงหน้าด้านๆ อีก เฮ้อ พอๆ กับ อ้ายคนที่บอกว่าศาสนาคริสต์ดีที่สุด พอถามว่า พระเยซู บอกว่าสิ่งที่สำคัญ ที่สุด 3 ประการมีอะไร ดันตอบไม่ได้ กะอีแค่ไปเปิดไบเบิลมาตอบก็ได้แล้ว จากคุณ : .eAT - [ 18 เม.ย. 51 22:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 154 กำลังแยกธาตุรู้ของคุณด้วยตัวเลขอยู่  00 > 01 > 02 > 03 > inf ======= คิดอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องซักเท่าไหร่นะครับ ลองพิจารณาดูตัวอย่างนี้ครับ ถ้าเผอิญว่าเจอหลักฐานว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้างสิ่งมีชีวิตบนโลก แล้วคุณจะเชื่อไหมครับว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้าง คุณก็คงตอบว่าคุณเชื่อ ++++ 0 +++++ ทีนี้ คุณรู้ไหมครับว่ามนุษย์ต่างดาวมาจากไหน คุณก็ไม่รู้  นี่แสดงว่า แม้ว่าคุณจะไม่รู้ว่าผู้สร้างมาจากไหน คุณก็สามารถเชื่อได้ว่ามีผู้สร้างเป็นผู้ที่สร้างสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ (ในที่นี้ ผู้สร้าง = มนุษย์ต่างดาว)     พูดให้ชัดเจนก็คือว่า ***ความไม่รู้ ว่าผู้สร้างนั้นมาจากไหน   ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า ผู้สร้างได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนโลกนี้ *** ++++ 1 ?????+         นั่นก็คือ  'ความไม่รู้ ว่าผู้สร้างนั้นมาจากไหน' เป็นเพียงคำถามลำดับถัดไปหลังจากที่เรา"ได้คำตอบ"ของคำถามแรกแล้ว ก็เท่านั้นเองครับ   แต่ 'ความไม่รู้' ++++ inf ?????+ ตรงนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงของ คำตอบในขั้นแรก เปลี่ยนไปแต่อย่างใด   อย่าเข้าใจผิดนะครับ จากคุณ : Ken - [ 19 เม.ย. 51 01:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ความเชื่อนี่เอง  only Believe. ถ้าเอาแบบนิยายวิทยาศาสตร์ ์ก็ต้องทำเป็นตำนานการสร้างเอกภพ ทุกอย่างเริ่มจากที่นั้นศูย์กลางนั้น พร้อมธาตุที่ไม่รู้มากมายอัดกันแน่นเป็นกระจุก ณ กาลอวกาศแห่งหนึ่ง จากนั้นก็มีการระเบิดครั้งใหญ่ จนธาตุเหล่านั้นกระจายออกจากกัน จนหลายหมื่นล้านปีให้หลัง จากการสร้างนั้น มนุษย์เราสามารถสังเกตุได้จากการวัดคลื่นแสงของดวงดาวที่ส่องมายังโลก เมื่อเหตุการ์ณนั้นเชื่อได้ว่ามี และเป็นผลออกมาดังที่เห็น ถึงการมีอยู่ในอวกาศและกาแล็กซี่ต่างๆ ซึ่งมีพฒนาการต่างๆกัน 00 > 01 > 02 > 03 > inf ดังนั้นจงหาจุดเริ่มต้นให้เจอเพื่อค้นพบขุมพลังแห่งปัญญาที่อยู่เหนือพวกเราขึ้นไป ขึ้นไป ขึ้นไป 00 < 01 < 02 < 03 < inf. จบ จากคุณ : Ken - [ 19 เม.ย. 51 01:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 156 http://www.spcm.org/english/Thai/B01C001.htm คัมภีร์ ปฐมกาล อย่ามาทำหน้าโง่ อวดดีไปเลย จากคุณ : .eAT - [ 19 เม.ย. 51 07:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 157 พอถามว่า พระเยซู บอกว่าสิ่งที่สำคัญ ที่สุด 3 ประการมีอะไร ดันตอบไม่ได้ กะอีแค่ไปเปิดไบเบิลมาตอบก็ได้แล้ว ตกลงว่าคุณ .eAT เคยอ่านไบเบิ้ลแล้วใช่ไหมครับ ยังไงช่วยเฉลยด้วยครับ จากคุณ : ksk - [ 19 เม.ย. 51 16:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ขำดีนะ บอกว่า สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นเองไม่ได้ มันต้องมาจากการสร้าง แต่ใครสร้าง อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาว อาจจะเป็นเป็นพระเจ้า อาจจะเป็นบางสิ่งที่เราไม่เคยทราบ แต่ทฎษฎีนี้เกาะพระเจ้าแน่เลย ผมว่าถ้าจะเอาตามนี้ มนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งที่เราไม่เคยทราบ ก็ต้องมีศักดิ์เทียบเท่าพระเจ้าสิอย่าอ้างแค่พระเจ้าอย่างเดียว ถ้าผมจะสร้างสิ่งมีชีวิต ผมคงไม่สร้างอะไรให้มันเหมือนตัวเองหรอก จากคุณ : devil amature2 (devil amature2) - [ 20 เม.ย. 51 12:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ^ ^ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ทฤษฏีนี้ไม่ได้เกาะพระเจ้าแน่น  ทฤษฎีนี้บอกว่าสิ่งมีชีวิตน่าจะถูกสร้างขึ้นโดยผู้ที่ทรงปัญญา   ส่วนผู้สร้างจะเป็นใครนั้น ทฤษฎีนี้ไม่ได้ระบุไว้ครับ เป็นสิ่งที่เอาไว้ให้ไปหาคำตอบกันเองครับ จากคุณ : PureTruth - [ 20 เม.ย. 51 14:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ทำไมหรือ อ่านไบเบิล แล้วมีปัญหาหรือ ผมเรียนโรงเรียนคริสต์จนถึง ป6 แล้วไป ต่อโรงเรียนวัด ที่บ้านก็มีไบเบิล (แจกฟรี) เล่มหนึ่ง แต่อย่าถามเลย อ่านครั้งสุดท้าย 6-7 ปีแล้ว ลืมไปเกือบหมด ส่วน Creation ไล่อ่านตามเน็ต ยืนยันว่า ลอกเอา Genesis มานะครับ เป็นพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว จากคุณ : .eAT - [ 20 เม.ย. 51 21:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 161 Michael Behe, Ph.D.  อยู่ในกลุ่มของ Intelligent Design นะครับ ไม่ใช่ Creationism ที่อิงกับ Genesis เป็นหลัก จากคุณ : PureTruth - [ 21 เม.ย. 51 00:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 162 ผมคิดว่าคุณ .eAT ตั้งคำถามเกี่ยวกับ ไบเบิ้ลไว้ผิดๆน่ะครับ ซึ่งก็หมายถึงว่าคุณ .eAT ไม่มีความเข้าใจในไบเบิ้ลดีเท่าไร แต่กลับหยิบยกมาอ้างซะงั้น อย่างนี้เรียกว่า "มั่ว" ชัดเจนครับ จากคุณ : ksk - [ 21 เม.ย. 51 08:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ส่วนประเด็นคำถามที่ว่า "สิ่งมีชีวิตเกิดเองไม่ได้ แล้วอะไรสร้างพระเจ้า" ผมอยากให้ลองพิจารณาความแตกต่างของ "สิ่งมีชีวิต" กับ "พระเจ้า" ด้วยนะครับ สิ่งมีชีวิตที่เราพบเห็น หรือพูดถึง เป็นสิ่งที่มีองค์ประกอบจากธาตุต่างๆ มีความเป็นวัตถุ แต่พระเจ้า มีลักษณะเป็นพระวิญญาณ ซึ่งไม่ได้มีความเป็นวัตถุ ดังนั้น สองสิ่งนี้จึงมีความแตกต่างกันในเรื่องของ "กำเนิด" ทั้งนี้หากจะพยายามเค้นหาคำตอบว่า "พระเจ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร" ผู้เชื่อในพระเจ้าก็ไม่มีคำตอบให้ครับ เพราะการที่เราจะรู้เรื่องของพระองค์ได้ ไม่ได้เกิดจากการพยายามวิจัยและค้นหาว่าพระองค์เป็นมาอย่างไร แต่เกิดจากการที่พระองค์ทรงเปิดเผยให้เรารับรู้เท่านั้น และเราก็รู้เท่าที่ควรรู้ ตามที่คุณ PureTruth ตอบไว้ใน 144 นั้น ถูกต้องเลยครับ พูดให้ชัดเจนก็คือว่า ***ความไม่รู้ ว่าผู้สร้างนั้นมาจากไหน   ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า ผู้สร้างได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนโลกนี้ ***   นั่นก็คือ  'ความไม่รู้ ว่าผู้สร้างนั้นมาจากไหน'  เป็นเพียงคำถามลำดับถัดไป หลังจากที่เรา"ได้คำตอบ"ของคำถามแรกแล้ว ก็เท่านั้นเองครับ   แต่ 'ความไม่รู้' ตรงนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงของ คำตอบในขั้นแรก เปลี่ยนไปแต่อย่างใด   อย่าเข้าใจผิดนะครับ   จากคุณ : ksk - [ 21 เม.ย. 51 10:15:05 ]

ความคิดเห็นที่ 164 Michael Behe จะอยู่ฝ่ายไหนก็ช่าง ไม่สน สนแต่ว่า ฝ่ายไหนเป็นคนนำข้อความมาอ้างสนับสนุนตนเอง "ส่วนเรื่องผู้สร้าง ถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไมผู้สร้างจึงเกิดขึ้นเองได้ ก็ไว้ไปถามดูเองละกันนะครับ เมื่อถึงเวลานั้น" ยกเป็นนัยๆ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า รู้ว่าใครคือ "ผู้สร้าง" นั่นก็เผยตัวตนออกมาว่า เป็น creationism ฝ่ายไหน --------------- ไบเบิล จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ก็ช่าง เพราะที่สนใจคือ ข้อความ Original ที่ปรากฎในพระคัมภีร์คืออะไร ถ้า หากคิดว่าตนเองเป็น คริสตชน อย่างน้อยๆ ต้องย่อม รู้ว่า "พระเยซู" ทรงตรัสว่าอะไร ส่วนจะเข้าใจหรือไม่ เข้าใจ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมก็ฟันธงว่าคุณ ksk ไม่ทราบแน่ๆ จริงไหม ไม่อย่าง นั้นคงไม่มาถามหรอก จนถึงวันนี้ ยังเปิดหาไม่เจอใช่ ไหม? แต่อย่าถามผมล่ะ เพราะจำไม่ได้แล้วว่าอยู่ใน บทไหน และก็ขอตัวว่า จะไม่ไปหาให้ด้วย จากคุณ : .eAT - [ 21 เม.ย. 51 10:34:00 ]

ความคิดเห็นที่ 165 ผมเชื่อว่าคุณ .eAT จำมาผิดๆ แน่ๆครับ หากจะอ้างถึงข้อความใน 1 โครินธ์ 13 ที่ว่า "ดังนั้นจงตั้งอยู่ 3 สิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด" อันนั้นไม่ได้เป็นคำตรัสของพระเยซูครับ เป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ผ่านมาทางเปาโล อัครสาวกต่างหาก ถ้าไม่ใช่ ข้อที่คุณอ้างถึง กรุณาชี้แจงข้อที่คุณกล่าวอ้างมาด้วยครับมาด้วยครับ จากคุณ : ksk - [ 21 เม.ย. 51 11:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 166 ยังไงก็ไม่กลับไปค้นให้แน่นอน แต่ที่คุณยกมา ฟังแล้วกลุ้มครับ ไม่ใช่ 3 ประการ ผมจำได้แค่ 2 อีกหนึ่ง ลืมไปแล้ว 1. พระเจ้ามีเพียงองค์เดียว 2. จงรักเพื่อนบ้านของท่านเหมือนตัวท่านเอง ซึ่ง 3 ประการ บางสำนักเอามาแปลงใหม่เป็น พระเจ้ามีองค์เดียว แต่ประกอบไปด้วย พระจิต พระบุตร ฯลฯ อะไรทำนองนี้ ตอนที่ไล่อ่านไบเบิลนี่ เป็นเพราะอ่านเจอไมเคิล ไรท์ บอกว่า พระเยซูไม่เคยอ้างตนว่าเป็นพระเจ้า มีเพียงแค่คำอุปมาอุปไมย เพียงแห่งเดียวที่กล่าวว่าเป็น บุตรพระเจ้า (Son of God) นอกนั้น จะใช้บุตรมนุษย์ (Son of Man) ไม่เชื่อ ก็เลยไปไล่อ่าน ส่วนผล ที่ว่า ไมเคิล ไรท์ พูดจริงหรือเท็จ ไปพิสูจน์เอาเองดีกว่า เอาเป็นคุณไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ แต่ฟันธงไปแล้วว่าคุณอ่านไบเบิล ไม่จบแน่ๆ จริงไหม? จากคุณ : .eAT - [ 21 เม.ย. 51 11:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ^ ^ คุณ .eAT ยังจำคำสอนในไบเบิ้ลได้ดีอยู่พอสมควรเลยทีเดียวนะครับ   ^^ 2 ข้อที่คุณกล่าวถึงนั้น ก็ถูกต้องครับ (แม้จะไม่ตรงเป๊ะ)  เป็น 2 ข้อหลักที่พระเยซูตรัสสอนไว้ (แต่ข้อหลักนี้ ไม่มีข้อที่ 3 นะครับ) ผมเองก็จะพยายามอ่านไบเบิ้ลให้จบในปีนี้ครับ  :) จากคุณ : PureTruth - [ 21 เม.ย. 51 12:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 168 ผมยังเห็นว่าคุณจดจำมาผิดๆเช่นเดิม ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ต้องการให้คุณไปค้นมาให้หรอกครับ ถ้าหากเป็นคำตรัสของพระเยซู ใกล้เคียงกับเรื่องที่คุณว่ามา ปรากฏใน มัทธิว บทที่ 12 "บัญญัติข้อใหญ่ คือ จงรักพระเจ้าด้วยสุดใจ และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" ก็มีแค่ 2 ประการ ผมไม่รู้จักคุณ พอๆกับที่คุณไม่รู้จักผมครับ แต่การที่ผมบอกได้ว่าคุณมั่ว เพราะผมรู้จักไบเบิ้ลดี และอ่านจบทั้ง พันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่ อย่างน้อย 3 รอบ ส่วนเล่มย่อยๆในไบเบิ้ลบางเล่มผมอ่านจบมากกว่า 10 รอบ อ่านและศึกษาไบเบิ้ลมามากกว่า 25 ปี สอนไบเบิ้ลมามากกว่า 5 ปี เท่านั้นเองครับ ที่ผมออกตัวแบบนี้ ไม่ได้ต้องการข่มเหงน้ำใจกันครับ แต่ถ้าคุณฟังผิดมา จำผิดมา ก็ออกตัวกันได้ครับ ของอย่างนี้ไม่มีอะไรน่าละอาย คนเราเชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน ไม่ใช่จำผิดแล้วยังกล่าวหาคนที่คุณไม่รู้จักเช่นนี้ ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัยได้ ส่วนข้อเขียนของนายไมเคิลไรท์ ผมก็เคยผ่านมาครับ แต่เป็นความเห็นส่วนตัวของเขาที่เกิดจากความไม่รู้เรื่องในไบเบิ้ลเช่นกัน อย่าคิดว่าฝรั่งรู้จักไบเบิ้ลดีกันทุกคนนะครับ เหมือนๆกับที่คนไทยกว่าครึ่งประเทศไม่เคยอ่านพระไตรปิฎกด้วยตัวเองแหละครับ จากคุณ : ksk - [ 21 เม.ย. 51 12:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 169 ก็แล้วแต่ครับ ยังไงผมก็ไม่กลับไปค้นให้แน่นอน อย่างที่เขียนบอกไป ผมก็ไม่เชื่อ ไมเคิล ไรท์ หรอกนะ ถึงได้กลับไปอ่านเพื่อยืนยัน ไม่ใช่ว่า ใครมาบอก็เชื่อกัน ไปหมด แล้วอีกอย่าง ฉบับภาษาไทย ไมเคิล บอกว่าฉบับเก่ากับ ฉบับใหม่ แปลไม่เหมือนกัน ผมก็เทียบแล้วเช่นกัน ------------- เรื่องความจำ ก็ยังจำได้ว่า มีพวกคลั่งคริสต์ มาตั้งกระทู้ บอกว่า ดูสิ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นคริสต์ทั้งนั้น เลยสวนกลับไปว่า ท่านใดบอกว่า คนที่ร่ำรวยจะเข้าสู่ดิน แดนของพระเจ้า ยากยิ่งกว่าอูฐรอดรูเข็มเสียอีก ต้องเรียกว่า แทบจะทุกศาสนา รวมทั้งพุทธด้วย ที่ศาสนิกชน มักอ้างตัวว่านับถือ แต่ว่าไม่ยอมทำตามที่ศาสดาของตนสั่งสอน เลย กลุ้ม!!! ยิ่งโป๊บออกมาว่า การลงโทษนักวิทยาศาสตร์ สมัยการเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ก็คิดถึงการที่พระเยซูทรงห้ามไม่ ใหผู้คนปาหินใส่หญิงที่ถูกกล่าวหาว่ามีชู้ โป๊บก็คงไม่ได้อ่าน ไบเบิลด้วยเหมือนกัน จากคุณ : .eAT - [ 21 เม.ย. 51 16:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ใครเป็นคนสร้าง "ผู้ทรงปัญญา" ล่ะ   ชาร์ล ดาวิน ยังคงพูดถูกมนุษย์ไม่ได้อยุ่ๆก็เิกิด  แต่เป็นผลมาจากวิวัฒนาการ สิ่งมีชีวิตขนาดที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเกิดจากการวิวัฒนาการมาเป็นลำดับนับล้านปีและนับล้านครั้ง   แต่ถ้าจะสงสัยกันก็ควรจะสงสัยว่าโมเลกุลที่มีชีวิตที่มีขนาดเล็กที่สุดและเป็นตัวแรกในจักรวาลใครเป็นคนสร้าง???    เถียงกันเรื่องนี้ซิถึงจะถูก  แล้วพอได้คำตอบว่าใครเป็นคนสร้างด้วยตรรกกะเดียวกันก็ต้องถามต่อว่า  คนที่สร้างนั้นใครเป็นคนสร้างเขา   แต่ถ้าท่านได้คำตอบที่หลุดจากปากของคนที่ครั้งหนึ่งเคยพูดว่า "สิ่งที่สลับซับซ้อนเช่นนี้มันไม่อาจเกิดขึ้นเองได้  มันต้องมีคนสร้าง" หากคนเดียวกันนี้ตอบท่านว่า "สิ่งวิเศษทรงปัญญาขนาดนั้นไม่มีใครสร้างเขาหรอก" เหมือนที่ครั้งหนึ่งผมเคยได้ยินชนิดที่ไม่เชื่อหูตัวเองว่าผมกำลังคุยกับคนกี่คน  หากท่านเจอเหตุการณ์เหมือนกับผมจงแน่ใจได้เลย  แล้วรีบหาเศษเหรียญเท่าไรก็ได้  ตั้งมันไว้ตรงนั้นแล้วรีบเดินออกมา  อย่าหันกลับไปมองอีก จากคุณ : โดยมนุษย์เพื่อมนุษย์ - [ 22 เม.ย. 51 00:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 171 คุณ PureTruth กำลังหมายถึง  ถ้าเราไม่รู้ว่าอนุภาคต่างๆหรืออะตอม มีขึ้นได้ยังไง มาจากใหน ก็อย่าตัดทิ้งทฤษฎีข้อที่ว่าอาจมีใครปั้นมันขึ้นมาก็ได้  ?  ... ใช่ใหม ?     แล้วถ้าหาก เราตาย ไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ  เราจะบอกว่า อะตอม มีหรือ ไม่มี ได้มั๊ยละครับ ? แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 51 03:56:33 จากคุณ : เอแดง - [ 22 เม.ย. 51 03:51:24 ]