ยาวหน่อยนะครับ อ่านเพลิน ๆ ^^
โลกอุตสาหกรรมรถยนตร์ สำหรับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจประจำวันศุกรที่ 5/5/06 โดยวิกรม กรมดิษฐ์
การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนตร์ในบ้านเรานั้นบ่งบอกถึงสัญญาณที่ดีและมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นนัยความเปลี่ยนแปลงที่มีพื้นฐานจากการผลิตทางด้าน
เกษตรกรรมเพื่อการบริโภคและการส่งออกกลายมาเป็นการเป็น
ศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมประเภทที่ต้องใช้พื้นความรู้
ทางด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เพื่อการส่งออกมากยิ่งขึ้น ผลดีที่เราได้รับประการหนึ่งคือ การพัฒนาคุณภาพบุคคลากร ให้มีความรู้ความชำนาญ
และมีศักยภาพดีขึ้น
ย้อนกลับเมื่อ 17 ปีีที่แล้วไทยเราเริ่มมีการส่งออกรถยนตร์เป็นครั้งแรกโดยค่ายมิตซูบิชิ
ส่งออกรถเก๋งไปแคนาดา ถือเป็นการจุดประกายการลงทุนการผลิตรถยนตร์เพื่อส่งออก การเดินทางของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนตร์เติบโตมากขึ้น
จากสถิติ ปีที่แล้วถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยมี
กำลังการผลิตเกินกว่า 1 ล้านคันต่อปีทำให้เรามีสัดส่วนของการผลิตในอาเซียนเกินกว่า 60 % ของทั้งหมด และในปีนี้คาดว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตอีกกว่า 10 % หากเป็นเช่นนี้ไปอีก 5-7 ปี ไทยน่าจะมีกำลังการผลิต
อยู่ที่ 2 ล้านคันต่อปี คงไม่เกินเลยไปหากจะกล่าวว่าไทยกลายเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกไปแล้ว ผมคาดว่าอีกภายในไม่เกิน 3- 5 ปีข้างหน้าทุกค่ายรถที่สำคัญของโลกจะต้องมาสร้างฐานการผลิตในไทย เพราะจากประสบการณ์ของการส่งออกรถจากไทยจากเพียงชั่วระยะเวลา
ไม่ถึงสองทศวรรษนำพามาซึ่งความสำเร็จในด้านต้นทุนและคุณภาพจน
ทำให้ทุกประเทศที่นำเข้ารถจากประเทศไทยเชื่อมั่นในฝีมือในการผลิตรถ
จากประเทศไทยเป็นอย่างมาก
ไม่นานมานี้ผมมีโอกาสได้พบแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากนักธุรกิจ
สิงคโปร์เขาบอกผมว่ารถยนตร์ที่ผลิตจากไทยนั้นมีราคาเท่ากับ
ที่นำเข้าจากญี่ปุ่น แสดงว่า เรามีคุณภาพที่ทำโดยแรงงานไทยนั้นไม่ต่างกับคนญี่ปุ่นเลย ไม่ต้องอื่นไกลโรงงานผลิต BMW ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยองก็เช่นกัน ผู้จัดการโรงงานบอกกับผมว่าคุณภาพการผลิตโดยคนไทยนั้น
ตอนนี้เท่ากับกับที่โรงงานในเยอรมันนีแล้ว ฉะนั้นเขาได้เลือกเมืองไทยเป็นที่ผลิตรถยนตร์รุ่น Series 7 ซึ่งเป็นรุ่นที่แพงที่สุดของ BMW และไม่เคยผลิตที่ไหนมาก่อนนอกจากในเยอรมันี อีกตัวอย่างหนึ่งคือโตโยต้าบริษัทผลิตรถยนตร์ที่ครองสัดส่วนการ
ตลาดใหญ่อันดับสองของโลก ก็ใช้บ้านเราเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่อันดับสามของโลก รองจากในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาและมีแนวโน้มที่จะขยายการผลิต
เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะผลงานและความมั่นใจในคุณภาพและการทำงานของแรงงานไทย
ในช่วงที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสพบผู้นำของบ.โตโยต้าหลายครั้ง เขามองเมืองไทยว่าเป็นฐานการผลิตทั้งในภูมิภาคนี้และปีที่แล้ว
เขาส่งออกรถยนตร์จากไทยไปกว่า 100 ประเทศในโลกและส่งออกอะหลั่ยและชิ้นส่วนต่าง ๆ ไปกว่า 140 ประเทศ จนปัจจุบันโตโยต้าได้สร้างศูนย์กลางอะหลั่ยเพื่อส่งออกทั่วโลกที่อมตะนคร บนพื้นที่เกือบ 100 ไร่ ที่สามารถจัดส่งชิ้นส่วนอาหลั่ยไปสู่ทั่วโลก
วันนี้มีหลายบริษัทที่ได้ย้ายฐานการวิจัยและพัฒนารถยนตร์ใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ในประเทศไทยแล้วนั่นแสดงว่า ไทยไม่ได้เป็นแค่เพียงฐานการผลิตเท่านั้น คนไทยสามารถต่อยอดของการทำสินค้าใหม่ๆ ได้แล้ว ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากว่าโฉมหน้าของอุตสาหกรรมไทย
นั้นกำลังที่จะสามารถยืนได้โดยการใช้วิศวกรไทยเป็นผู้คิดออกแบบ
พัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ได้จึงจะทำให้บริษัทรถยนตร์ต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้มาลงทุนผลิตรถยนตร์ในไทยนั้นเริ่มต้องคิดมากขึ้นกว่าเดิม
ผมเชื่อว่าคนไทยตอนนี้มีความรู้และประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมรถยนตร์
ในระดับโลกแล้ว อนาคตของเราต้องเป็นแหล่งผลิตที่ผลิตรถใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างแน่นอน.
ผมชอบประโยคนี้ครับ
" ผู้จัดการโรงงานบอกกับผมว่าคุณภาพการผลิตโดยคนไทยนั้น
ตอนนี้เท่ากับกับที่โรงงานในเยอรมันนีแล้ว ฉะนั้นเขาได้เลือกเมืองไทยเป็นที่ผลิตรถยนตร์รุ่น Series 7 ซึ่งเป็นรุ่นที่แพงที่สุดของ BMW และไม่เคยผลิตที่ไหนมาก่อนนอกจากในเยอรมันนี "
ลองแสดงความคิดเห็นดูครับ
จากคุณ :
LasagnA
- [
29 เม.ย. 51 09:46:31
]