ความคิดเห็นที่ 1 ความรู้ และความเชื่อที่สอนกันใน รร. ไทย กับ นอก เอาแค่หลักภาษาที่ผมเรียนมา ในวิชาภาษาไทย ธรรมะ ถือเป็นสัจพจน์ ในวิชาภาษาอังกฤษ หลักวิทยาศาสตร์ ถือเป็นสัจพจน์ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศสองประเทศนี้'ต่าง'กัน . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 30 เม.ย. 51 23:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ฝรั่งเขากลัวเสียฟอร์ม เลยทำยอม ๆ เชื่อ ๆ กันไป d~_~b จากคุณ : Sakuder - [ 30 เม.ย. 51 23:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คนที่เขานับถือศาสนาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้เป็นคนดี ไม่ใช่นับถือเพื่อเชื่ออย่างงมงายหรือหาเรื่องมาโต้แย้งกับวิทยาศาสตร์ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก จากคุณ : อิอิคุง - [ วันแรงงาน 00:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 In God We Trust จริงๆ มันก็อยุ่บนพื้นฐานความขัดแย้งนะครับ ขนาดประธานาธิบดีสหรัฐเอง ความเชื่อเรื่องศาสนาก็หลากหลายมาก ไม่ใช่แค่จะบอกว่าทุกคนเป็นคริสเตียน จากคุณ : atheist - [ วันแรงงาน 00:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วแต่คน บางคนก็คิดว่าทฤษฏีวิวัฒนาการยังผิดอยู่ หาข้อโต้แย้งมาพูดเรื่อยๆ บางคนก็ศึกษาไปค้นคว้าไปก็มีข้อโต้แย้งให้ตัวเอง ว่าเพื่อที่เราจะเข้าใจพระเจ้ามากขึ้น แล้วแต่เค้าจะคิดยังไง แต่ศาสนาพุทธแท้ๆไม่มีปน เนี่ย มันไม่ขัดหลักวิทยาศาสตร์ยังไง? ถ้าบอกว่าของท่านพุทธทาสนะใช่ แต่มันขัดกับคำสอนในพระไตรปิฏิของพระพุทธเจ้า มันจะเรียกว่าแท้ๆได้ยังไง จากคุณ : chidkido - [ วันแรงงาน 00:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คงแค่ถกแย้งกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์ด้วยกันเองเท่านั้นมั้งเลยก่ำกึ่งอยู่อย่างนั้น คิดว่าประเทศเขาก็ยังคงเล็งเห็นความจำเป็นของศาสนาอยู่โดยหลักใหญ่มากกว่าจุดเล็กๆว่าใครสร้างโลก จากคุณ : ตุ่น - [ วันแรงงาน 00:42:27 A:58.9.139.15 X: TicketID:171096 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขออภัย เรื่องคำศัพท์ คำว่า "พุทธแท้ๆ" นี่คงเข้าใจไปได้หลายอย่าง งั้นเอาว่า พุทธแบบท่านพุทธทาส ก็ละกัน เราเชื่อว่าเป็นพุทธแท้ๆ พระไตรปิฎก นับถืออยู่ แต่ไม่กล้าเชื่อทั้งหมด เพราะผ่านมานาน สังคายนามาหลายรอบ มีหลายก๊อบปี้ คนทำกันหลายหน การตีความก็ต่างกัน จะคลาดเคลื่อนก็ไม่แปลก แต่ก็ไม่กล้าฟันธง เพราะเราเองก็ไม่ได้รู้เรื่องมากมาย เพียงแต่รู้สึกว่า อะไรที่ผ่านมือมนุษย์มานานๆ ไม่น่าจะคงเนื้อหาเดิมได้ 100% แล้วยุคของพระพุทธเจ้า กับยุคนี้ ก็แตกต่างกัน แต่...อย่าต่อเรื่องนี้เลยเนอะ ยังไม่อยากออกทะเลง่า... จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ วันแรงงาน 00:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อเมริกาเป็นประเทศที่ทุกวันนี้ถือกันว่าไม่มีศาสนา  แต่บรรพบุรุษของอเมริกาล้วนเป็นคนเคร่งศาสนาทั้งนั้น ๆ   มหาลัยดัง ๆ ของอเมริกาทุกวันนี้ ก็ล้วนเริ่มจากโรงเรียนสอนศาสนา แล้วก็เอาศาสนาออกไป เป็นแต่วิชาการทางโลกแทน   คริสเตียนในอเมริกาก็ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ที่เยอะคือลัทธิมอร์มอน ซึ่งไม่ใช่คริสต์แต่เป็นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าสิทธิชนยุคสุดท้าย ที่ในเมืองไทยก็มีเยอะ มุสลิมในอเมริกาก็เยอะพอควร ดังนั้นอเมริกาไม่ใช่ประเทศคริสเตียนอย่างที่เราเข้าใจกัน จากคุณ : 1p2m - [ วันแรงงาน 00:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ที่จริงผมสงสัยเรื่องการแต่งงานของเค้าอะ จากคุณ : หลับตา - [ วันแรงงาน 01:11:23 A:58.64.107.11 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นักวิทยาศาสตร์หลายๆคนก็เป็นนักบวช เป็นครูสอนศาสนา เคยได้ยินมาว่าเขาเหล่านั้นพยายามหาข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ไปช่วยตอบคำถามทางศาสนานะ เรื่องที่อธิบายไม่ได้ด้วยทั้งทางวิทย์และศาสนามีมากมายเกินไป จากคุณ : goodnightcry - [ วันแรงงาน 01:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 -- แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 51 12:12:21 จากคุณ : root :-D - [ วันแรงงาน 01:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก็ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าจะเชื่อแบบไหนก็ไม่ถือว่าผิด สามารถเลือกที่จะเชื่อได้อย่างอิสระ ตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน จริงๆแทบทุกอย่างก็อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ แต่ส่วนใหญ่มักอยู่ในส่วนของจิตวิทยา ทำให้อธิบายยากหน่อยน่ะครับ จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ วันแรงงาน 03:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นิวตัน ก็คริตส์เตียน  เขาไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลยหนิครับ แล้วที่บอกพุทธไม่ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ พระพุทธเจ้าเกิดมาเดินได้เลยเนี่ย  มันเป็นไปได้หรอครับ จากคุณ : rikusu - [ วันแรงงาน 03:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 น่าจะไปทำความรู้จักกับฝรั่งให้ดีกว่านี้ ฝรั่งเค้าแยกเรื่องนี้ออกไปตั้งนานแล้ว กฎหมายของเค้าในประเทศโลกเสรี เค้าไม่ให้เอากฎหมายเพื่อสนับสนุนการศาสนา หรือเอาศาสนามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง คุณจะเห็นว่าเค้าสามารถวิจารย์ศาสนาได้อย่างเสรี จากคุณ : นายสาระแน - [ วันแรงงาน 06:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรียน คุณ rikusu ลองพิจารณา คำว่า "รู้แจ้งเห็นจริง"ดูครับ พุทธแท้ๆจะมีลักษณะแบบนี้ครับ กว่าเราจะรู้แจ้ง อะไร กว่าจะเห็นจริง ในสิ่งใด ต้องผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ มากมายแค่ไหน ไม่มีตรงไหนที่บอกให้เชื่อ แต่ให้"รู้แจ้ง" ไม่ใช่ แค่"รู้แล้ว" และ "เห็นจริง" ไม่ใช่ "เห็นตาม" ความเชื่อไม่ใช่สิ่งทีผิดอะไรหรอกครับ แต่ความเชื่อที่ไม่มี "ปัญญา" กำกับ มัน "อันตราย" ครับ พระพุทธเจ้า ประสูติแล้ว เดินได้ คุณคงไม่เชื่อ เพราะคุณได้ผ่านกระบวนการคิดแล้ว ไม่ได้เชื่อตามๆกันมา แค่นี้คุณก็เป็นชาวพุทธที่ใช้ได้แล้วครับ แต่ถ้าจะให้รู้แจ้งเห็นจริง คงต้องตั้งโจทย์ว่าจงพิสูจน์ว่า " พระพุทธเจ้า ประสูติ แล้วเดินได้เลย" ผมเองทำได้แค่ใช้แค่ที่สิ่งที่รู้ "ว่าเด็กเกิดมา เดินไม่ได้" มาลบล้างคำกล่าวข้างต้น เท่านั้น แต่กลับไม่คิดจะพิสูจน์หรือ พิจารณาให้ลึกซึ้งลงไปกว่านั้นก็ยัง ไม่นับว่าเป็นชาวพุทธที่ดีสักเท่าไรครับ จากคุณ : สิบเอกกองหนุน - [ วันแรงงาน 06:59:41 A:118.173.237.14 X: TicketID:136335 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พระไตรปิฎก นับถืออยู่ แต่ไม่กล้าเชื่อทั้งหมด เพราะผ่านมานาน สังคายนามาหลายรอบ มีหลายก๊อบปี้ -------------- ขอยกมาสัก 2-3 ฉบับหน่อย ที่ว่ามีหลายก๊อปปี้!!! มั่วเกินไปหน่อยแล้ว ************* พระพุทธเจ้าเกิดมาเดินได้เลยเนี่ย  มันเป็นไปได้หรอครับ -------------- ท่านพุทธทาส ค้นหาในพระไตรปิฎก ไม่พบว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ถ้าคิดให้ถูกต้อง ถ้าประสูติแล้วเดินได้ 7 ก้าว แล้วหลังจากนั้นล่ะ ไม่ได้เดินต่ออีกหรือ ถ้าเป็นอย่างที่เชื่อกัน เจ้าชายสิทธัตถะ ก็กลาย เป็นเทพเจ้าอีกองค์ในศาสนาฮินดูกันไปแล้ว ทารกอายุไม่ถึงวันเดิน ได้ ชาวบ้านชาวช่องแตกตื่นกันไปทั่วอาณาจักรแล้วล่ะ คิดหน่อย ของพรรค์นี้ สรุปเลยว่า เจ้าชายประสูติมา ไม่ได้เดินแน่นอน จากคุณ : .eAT - [ วันแรงงาน 07:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จขกท คิดเอง เออเอง มากไปหน่อยนะครับ จากคุณ : ksk - [ วันแรงงาน 09:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คำว่าสังคายนา ในปัจจุบันเราใช้ความหมายนี้ไปในทำนองว่า โล๊ะทิ้ง ล้างทิ้ง จนแทบไม่เหลือของเก่าเลย แต่การสังคายนาของพุทธศาสนาไม่ได้หมายถึงล้างทิ้งแก้ไขกันอย่างเมามัน อย่างที่ปัจจุบันใช้คำนี้นะครับ ในส่วนของเถรวาทการสังคายนาพระไตรปิฏกไม่ได้มีการแก้ไขกันยกใหญ่ขนาดนั้นเป็นเพียงการเทียบเคียง เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันเช่นเรื่องปลีกย่อยต่าง ๆ อย่าง ชื่อคน สถานที่ คำต่าง ๆ ที่อาจคลาดเคลื่อนเพราะสำเนียงภาษาแตกต่างกัน ก็มาร้อยเรียงให้เข้าใจได้ตรงกัน และการสังคายนาแต่ละครั้งแทบไม่มีการเข้าไปแตะในเนื้อหาหลักการสำคัญ ๆ เลย เชื่อได้ว่าพระไตรปิฏกฉบับในประเทศไทยที่รู้จักกันอยู่นี้ มีความครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดมีเนื้อหาใจความสำคัญที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย มาตลอด 2500 กว่าปี โดยการสังคายนาครั้งที่ 1 เรียบเรียงขึ้นมาจาก กลุ่มพระอรหันตสาวกที่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้านำโดยพระมหากัสสปะ และถูกท่องหรือเก็บรักษาในรูปอักษรต่อ ๆ มาโดยพระผู้ทรงศีลทรงธรรมหรืออาจทรงอภิญญาในแต่ละยุค แน่นอนว่าแต่ละยุคอาจมีนักบวชปลอมปนที่ทำตัวไม่ดี แต่ในแต่ละยุคย่อมมีพระแท้ผู้จะไม่ให้พระไตรปิฏกแปดเปื้อนอยู่ด้วยอย่างแน่นอน ดั้งนั้นของฝ่ายเถรวาทเรื่องความขาดตกบกพร่องถึงขั้นเพี้ยนไปมากจากตำราชั้นเดิมจึงอุ่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าไม่ถึงขนาดนั้น เวลา2500ปีเราอาจคิดว่านาน แต่ถ้าคิดว่าการจะรักษาคำสอนพระไตรปิฏกไว้ในพระแต่ละรุ่นใช้เวลา 100 ปีในการรักษาไม่ให้เพี้ยน เราย้อนพระไปแค่ 25 รุ่นก็ถึงสมัยพุทธกาลแล้ว ไม่รีบเชื่อก็ดีแล้วครับ แต่ก็ไม่ควรรีบปฏิเสธเช่นกัน ยึดถือปฏิบัติส่วนที่เป็นแก่น ๆ ไว้แล้วก็เชื่อในส่วนที่ถนัดไปก่อนพิสูจน์ได้ไปก่อน ส่วนที่ยังไม่เชื่อยังไม่เห็นก็แขวนไว้ก่อนอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ศาสนาพุทธสอนให้เป็นกลาง ๆ ไว้ครับ จากคุณ : lL - [ วันแรงงาน 11:57:32 A:203.156.39.76 X: TicketID:121602 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าหลักธรรมคำสอนของทุึกศาสนาไม่ได้ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์นะครับ แต่เรื่องที่ไม่ใช่หลักคำสอนนี่ต่างหากขัดมันทุกศาสนา  ศาสนาพุทธก็จะมีปาฏิหาร์ยมากมาย  อิสลาม พราหมณ์ ซิกซ์ ฮินดู นี่เยอะมากครับ ปาฏิหาร์ยพลังไรพวกนี้ จากคุณ : GeneGTO - [ วันแรงงาน 13:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมละสงสารพวกบ้านนอกจริงๆที่ทำอาชีพฆ่าสัตว์   เช้าใส่บาตร วันอาทิตย์ไปฟังพระเทศน์  ศีล5ข้อยังทำไม่ได้ ชาวบ้านนอกชาวพุทธ์ จะสับสนมากครับ  ถือว่าไม่มีวาสนา จากคุณ : natong - [ วันแรงงาน 16:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดินได้ 7 ก้าว หมายถึง เมื่อเกิดแล้ว มีชื่อเสียงไป7แคว้นหรือเมืองนี่แหละครับ จำไม่ค่อยได้แล้ว เมื่อก่อนจะมี ชม. เรียนพุทธศาสนา โดยมีพระอาจารย์มาสอนครับ  พุทธศาสนาต้องอาศัยการตีความเยอะครับ ฝรั่งถึงมองพุทธเป็นปรัชญา จากคุณ : ซอมบี้หม่ำการ์ตูน - [ วันแรงงาน 17:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่คุณ GeneGTO พูดนั้นถูกเลย คือหลักคำสอนให้ปฏิบัติในแนวทางที่ดี ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ก็เป็นวิทยาศาสตร์ทุกศาสนาแล้ว  ไม่เห็นต้องมาหาประเด็นขัดแย้งอะไรมากกว่านั้น    เรื่องปาฏิหารย์นั้นเป็นส่วนที่ใช้ความเชื่อที่เกินคำว่าความเข้าใจและเหตุผลที่มนุษย์เราจะหยั่งถึงได้ ก็ไม่ผิดที่จะมีความเชื่อศรัทธาอะไรในส่วนที่เกินมานี้ เพราะวิทยาศาสตร์ก็อธิบายอะไรไม่ได้ทุกเรื่องอย่างชัดแจ้ง จากคุณ : 1p2m - [ วันแรงงาน 20:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบ จขกท ครับ "อย่างบ้านเรา ศาสนา กับวิทยาศาสตร์ บางส่วนขัดกัน แต่ก็ยังไปกันได้เป็นส่วนมาก ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้ว ศาสนาพุทธแท้ๆ ที่ไม่ปน จะไม่ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์เลยด้วยซ้ำ" Ans.  คนพุทธแท้ๆ จำนวนมาก ไม่ได้เชื่อตามท่านพุทธทาสนะครับ ดังนั้น ศาสนาพุทธมีส่วนที่ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์อยู่หลายจุดครับ "แต่บางประเทศ อย่างมะกัน ขัดแย้งอย่างแรง เชื่อศาสนามาก ขนาดบนเหรียญยังมีข้อความ In God We Trust" Ans. ที่บนเหรียญเขียนอย่างนั้น เพราะบรรพบุรุษที่มาตั้งรกรากในอเมริกา เป็นผู้ที่เคร่งในศาสนาครับ "แต่ในชีวิตจริง แค่เรื่องกำเนิดมนุษย์เรื่องเดียว วิทยาศาสตร์ก็ขัดแย้งกับศาสนาสุดกู่แล้ว" Ans. คุณคิดว่า วิทยาศาสตร์(ที่คุณพูดถึงอยู่นี้) = ความจริง หรือไม่ล่ะครับ "สงสัยว่า ประชาชนเค้ารู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ รู้สึกว่าชีวิตมันขัดแย้งกันบ้างรึเปล่า ในเมื่อเรื่องหลักๆ 2 เรื่อง ที่เกี่ยวพันกับชีวิตอย่างลึกซึ้ง มันขัดแย้งกันเอง แล้วความขัดแย้งนี้มันเป็นชนวนของปัญหาอะไรบ้างไม้?" Ans. มีหลายแบบครับ เช่น 1) คิดพิจารณาแล้วว่าวิทยาศาสตร์ในเรื่องนั้นๆ ยังมีข้อบกพร่องอยู่ อาจจะไม่ได้เป็นจริงตามที่นักวิทยาศาสตร์อ้าง  ดังนั้น ไม่รู้สึกขัดแย้งกับศาสนา     2) มองว่าสิ่งที่อธิบายไว้ในพระคัมภีร์เป็นการอธิบายแบบง่ายๆ ให้กับคนในสมัยก่อน จึงไม่จำเป็นต้องแปลตามตัวอักษรเป๊ะๆ  และไม่ได้ขัดกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์  จึงไม่รู้สึกขัดแย้งกับศาสนา   "เวลาเด็กๆ เรียนวิทยาศาสตร์ บอกว่ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ แล้วมาเรียนศาสนา บอกว่ามนุษย์สร้างโดยพระเจ้าปั้นขึ้นมาจากดินในสวนอีเดน ผู้ชายซี่โครงหายไป 1 ซี่ เพราะเอามาทำเป็นผู้หญิง ถ้าเด็กสงสัยในความขัดแย้งนี้ เค้าจะได้รับคำตอบยังไง?" Ans. ศาสนาคริสต์ ไม่เคยสอนว่าผู้ชายซี่โครงหายไป 1 ซี่ นะครับ   ส่วนคำตอบในเรื่องการสร้างมนุษย์นี้มีสองแบบหลักๆ ครับ 1) พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากสัตว์ โดยอาจจะใช้วิธีการแทรกแซงเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมผ่านกระบวนการทางวิวัฒนาการ แล้วก็ประทานจิตวิญญาณให้กับมนุษย์ ทำให้มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ      ซึ่งแบบนี้ ไม่ขัดกับความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์ในสมัยนี้เลย ดังนั้น จึงไม่รู้สึกขัดแย้งกับศาสนา 2) พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมา โดยไม่ได้อาศัยกระบวนการทางวิวัฒนาการ    แบบนี้ ดูเหมือนจะขัดแย้งกับความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากในยุคนี้ แต่ถ้าพิจารณาลงในรายละเอียดให้ดีๆ แล้ว จะพบว่าความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ก็ไม่ได้มีหลักฐานที่ดีอะไรนัก แถมยังมีหลักฐานบางอย่างที่ขัดแย้งอีกด้วย   ดังนั้น แบบที่ 2 นี้ จึงกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นครับ จากคุณ : PureTruth - [ 2 พ.ค. 51 18:44:19 ]