"สังเกตสิว่าวิวัฒนาการน่ะเป็นแค่ทฤษฏีเท่านั้นนะ พวกนักวิทยาศาสตร์เองยังไม่มั่นใจเลย
ตอบ: ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าทฤษฏีวิวัฒนาการของ Charles Darwin นักชีววิทยาชาวอังกฤษคือการอธิบายว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกเกิดจากการพัฒนาการอย่างช้าๆโดยผ่านกลไกคัดเลือกทางธรรมชาติและความเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ทั้งมนุษย์ หมา แมวหรือสัตว์เซลล์เดียวต่างก็วิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนน้อยกว่า
ทฤษฏีในความหมายทางวิทยาศาสตร์คือ ข้อสันนิษฐานที่ใช้เป็นหลักในการอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ซึ่งข้อสันนิษฐานเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากความจริงที่ทดลองและเห็นได้มากมาย (ที่เรียกว่าทฤษฏีเพราะวิทยาศาสตร์เปิดใจกว้างต่อความเป็นไปได้ตราบใดที่ความเป็นไปได้นั้นมีหลักฐานสนับสนุนอย่างพอเพียง) เหมือนกับทฤษฏีสัมพันธภาพของEinsteinนั่นแหละ คงไม่มีใครบอกว่าระเบิดนิวเคลียร์เป็นแค่ทฤษฏีเท่านั้น จริงไหมท่านทั้งหลาย
--------------------
"ทฤษฏีวิวัฒนาการน่ะ ชั่วร้ายมากนะ รู้หรือเปล่าว่าฮิตเลอร์ใช้มันเป็นข้ออ้างฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวด้วย
ตอบ: พรรคนาซีไม่เคยอ้างทฤษฏีของดาร์วินในการสังหารหมู่ชาวยิว ที่สำคัญทฤษฏีของดาร์วินถูกห้ามไม่ให้ตีพิมพ์ในนาซีเยอรมันด้วยซ้ำ
ถ้าถามว่าฮิตเลอร์เอาความคิดเกลียดชังยิวมาจากไหนมากมายก็ต้องตอบว่าเพราะส่วนหนึ่งมาจากประวัติศาสตร์ยุโรปที่ทั้งสถาบันรัฐและศาสนาโทษปัญหาต่างๆให้ชาวยิวมาตั้งแต่ยุคกลาง ฮิตเลอร์ประกาศตนเป็นแคทอลิกและทหารนาซีเกือบหมดเป็นแคทอลิกไม่ก็โปรแตสแตนท์
หากลองอ่านประโยคจากหนังสือการต่อสู้ของข้าพเจ้า เราก็จะเห็นภาพชัดเจนขึ้น
ทุกวันนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่ากำลังปฏิบัติตนตามประสงค์ของพระผู้สร้าง ในการปกป้องตัวเองจากชาวยิวผมกำลังต่อสู้เพื่อพระองค์
หรือสุนทรพจน์ในมิวนิกปี1922ที่บอกว่า
ความรู้สึกของข้าพเจ้าในฐานะชาวคริสต์บอกว่าพระเยซูทรงเป็นนักต่อสู้ ท่านอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยมีผู้ติดตามเพียงหยิบมือเท่านั้น แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังเห็นธาตุแท้อันหลอกลวงของยิวและเรียกผู้คนมาต่อสู้กับพวกมัน
หลายคนคงมองว่าฮิตเลอร์บิดเบือนศาสนา (ซึ่งก็ถูกต้อง) แต่สิ่งที่คำพูดเหล่านี้ยืนยันคือฮิตเลอร์ไม่ได้ใช้ทฤษฏีดาร์วินสนับสนุนการฆ่าล้างชาวยิวแน่ๆ
ปล. หัวเข็มขัดทหารบกนาซีทุกคนสลักว่า "Gott mit uns" = "God with us" ในภาษาอังกฤษ
--------------------
"ดาร์วินน่ะ ตอนกำลังจะตายเขาเปลี่ยนศาสนาและเลิกเชื่อทฤษฏีวิวัฒนาการด้วย
ตอบ: ตำนานนี้ถูกเผยแพร่โดยเอลิซาเบธ โฮป นักเผยแพร่ศาสนาชาวอังกฤษที่อ้างว่าได้พบกับดาร์วินก่อนเสียชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากบุคคลใกล้ชิดดาร์วินแล้วว่าไม่เป็นความจริง ที่สำคัญคือข้อเท็จจริงของทฤษฏีวิทยาศาสตร์ไม่ได้ขึ้นกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ต่อให้ดาร์วินเพ้อแล้วพูดตอนใกล้เสียชีวิตว่า โดราเอมอนพาสุนัขขึ้นไทม์แมชชีนมาสร้างอารยธรรมในอดีต นักวิทยาศาสตร์ก็จะหักล้างมันด้วยหลักฐานอยู่ดี ไม่มีใครเชื่อแบบหัวปักหัวปำแน่ๆ
--------------------
"ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ใหญ่ๆของโลกที่สงสัยทฤษฏีวิวัฒนาการมีเต็มไปหมด
ตอบ: จาการสำรวจของแกลลอปโพลปี1997 นักวิทยาศาสตร์อเมริกันในสาขาที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยามีที่ไม่เชื่อทฤษฏีวิวัฒนาการเพียง 0.14% เท่านั้น ดอกเตอร์หรือศาสตราจารย์ที่กลุ่มสนับสนุนแนวคิดพระเจ้าสร้างโลกเอามาอ้างมักไม่ใช่ผู้รู้ด้านนี้โดยตรงหรือเกิดก่อนยุคดาร์วิน
--------------------
"ที่ตัวเลขนั้นมันน้อยก็เพราะนักวิทยาศาสตร์ที่ต่อต้านดาร์วินถูกปิดปากน่ะสิ ใครๆก็กลัวกัน
ตอบ: นั่นเพราะแนวคิดพระเจ้าสร้างโลก(หรือที่กลุ่มล็อบบี้ในอเมริกาเปลี่ยนชื่อเป็น Intelligent design ให้ฟังเป็นวิทยาศาสตร์) ไม่มีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอที่จะได้รับการยอมรับต่างหาก เอกสารที่ผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ของบุคคลกลุ่มนี้ในช่วงสิบปีมีน้อยจนนับนิ้วได้และเกือบทั้งหมดถูกหักล้างหรือไม่สามารถยกเหตุผลที่ดีกว่าทฤษฏีวิวัฒนาการได้
ข้ออ้างว่า Flagella,ระบบส่งถ่ายโปรตีนในแบคทีเรีย,ระบบภูมิคุ้มกันและดวงตามนุษย์นั้นซับซ้อนจนวิวัฒนาการขึ้นมาเองไม่ได้ได้ถูกหักล้างไปหมดแล้วโดยวงการวิทยาศาสตร์
ข้อมูลหาเพิ่มเติมได้ที http://www.millerandlevine.com/km/evol/design2/article.html, http://www.cbs.dtu.dk/staff/dave/Behe.html, http://www.talkdesign.org/faqs/flagellum.html
กระทั่งหนังสือที่สนับสนุน Intelligent design อย่าง Darwins black box ของศจ. ไมเคิล บีฮี ก็ไม่ได้มีการตรวจสอบสมมติฐานสักชิ้น ซึ่งท่านยอมรับข้อบกพร่องนี้ในการไต่สวนคดีปี 2005 ระหว่างทฤษฏีวิวัฒนาการ กับ Intelligent design ในศาลท่านยังยอมรับอีกด้วยว่าหากแนวคิดท่านสามารถถือเป็นทฤษฏีได้ วิชาโหราศาสตร์ก็ถือเป็นทฤษฏีได้เช่นกัน
--------------------
"แนวคิดพระเจ้าสร้างโลกหรือ Intelligent design ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ตรงไหน
ตอบ: ไม่ใช่ เพราะมันไม่สามารถพิสูจน์หรือให้คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ มันคือการนำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์มาตั้งคำถามลอยๆว่า โห ไอ้สิ่งนี้มันซับซ้อนจัง โดยไม่คิดจะหาคำตอบว่า ทำไมมันถึงซับซ้อนขนาดนี้ มีการพัฒนามายังไง แต่กำปั้นทุบดินเอาง่ายๆว่า ไม่หาคำตอบแล้วละ พระเจ้าทำ
แน่นอนว่าวิทยาศาสตร์คงหาคำตอบหลายอย่างไม่ได้ในช่วงชีวิตของเรา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราควรจะหยุดหาคำตอบ นับตั้งแต่ ชาร์ล ดาร์วินตีพิมพ์ The origin of species เมื่อร้อยปีมาแล้ว วิทยาศาสตร์แขนงใหม่ได้ช่วยยืนยันทฤษฏีวิวัฒนาการของดาร์วิน จนทุกวันนี้ข้อถกเถียงในทฤษฏีวิวัฒนาการมีแค่สิ่งมีชีวิตบางประเภทพัฒนาการจากแบบหนึ่งไปอีกแบบหนึ่งอย่างไรเท่านั้น
--------------------
"แต่ทฤษฏีวิวัฒนาการอธิบายไม่ได้ว่าสิ่งมีชีวิตเกิดมายังไง
ตอบ: แน่นอน เพราะหน้าที่ของทฤษฏีวิวัฒนาการคืออธิบายว่าสิ่งมีชีวิตพัฒนาเป็นอีกรูปแบบหนึ่งได้อย่างไรเท่านั้น คำถามว่าชีวิตมาจากไร้ชีวิตได้ยังไงนั้นเป็นหน้าที่ของทฤษฏี abiogenesis ซึ่งการตั้งสมมติฐานและการทดลองเป็นสิ่งยากลำบาก ถึงกระนั้นการใช้ศาสนาเป็นคำตอบก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักเพราะศาสนาทั่วโลกต่างก็มีตำนานสร้างชีวิตของตัวเองและไม่มีใครมีหลักฐานดีกว่าคนอื่น
วิทยาศาสตร์อาจไม่สามารถให้คำตอบกับทุกอย่างได้ และนักวิทยาศาสตร์ก็เปิดกว้างกับความเป็นไปได้ทุกอย่างตราบใดที่อยู่บนหลักการตรรกะ หลักฐาน การทดลอง
กระทั่ง Francis Collins นักวิทยาศาสตร์ผู้นำโครงการถอดรหัสดีเอ็นเอมนุษย์ที่เป็นชาวคริสต์เคร่งครัดก็ยังสนับสนุนทฤษฏีวิวัฒนาการและเชื่อว่าพระเจ้ามีส่วนในกระบวนการ Abiogenesis และตั้งกฎทฤษฏีวิวัฒนาการเท่านั้น ท่านยังบอกด้วยว่าแนวคิด Intelligent design เป็นอันตรายต่อทั้งศาสนาและวิทยาศาสตร์
ปล. Francis Collins ผู้นี้คือนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อว่า DNA เป็นภาษาของพระเจ้า (และถูกเอามาอ้างผิดๆโดยกลุ่มต่อต้านวิวัฒนาการทั้งๆที่ท่านสนับสนุนความคิดวิวัฒนาการ) ข้ออ้างเรื่อง DNA เป็นภาษานี้ได้รับการคัดค้านจากนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ เพราะมันเป็นการใช้กำปั้นทุบดินอีหรอบเดิมว่า ไอ้สิ่งนี้ดูซับซ้อน ฉะนั้นต้องมีสติปัญญาอยู่เบื้องหลังแน่
--------------------
"แต่การวิวัฒนาการไม่เคยได้รับการพิสูจน์ทางธรรมชาติเลยนะ ลิงมันอยู่ในสวนสัตว์ตั้งนานทำไมไม่กลายเป็นคน แมวไม่ออกลูกเป็นหมาแล้วล่ะ
ตอบ: วิวัฒนาการในสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กได้รับการพิสูจน์ในห้องแล็บและผลของมันก็อยู่ในยาที่เรากินเพื่อฆ่าเชื้อโรคแบบใหม่ๆ สำหรับพัฒนาการในสัตว์ใหญ่ก็มีตั้งแต่ยุงใต้ดินในลอนดอน ต้นไม้ นก ปลา ผีเสื้อ แมลงวัน และกิ้งก่า แน่นอนว่ามันยังเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบเดิม (หมากลายเป็นแมวได้ต่างหากที่ขัดแย้งทฤษฏีวิวัฒนาการที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทีละน้อย) แต่สิ่งมีชีวิตประเภทใหม่ก็แตกต่างจากบรรพบุรุษจนไม่สามารถผสมพันธุ์ด้วยกันได้
ส่วนมนุษย์นั้นการวิเคราะห์ไมโตคอนเดรียทำให้เรารู้ว่ามนุษย์มีบรรพบุรุษร่วมกับลิง(ไม่ได้มาจากลิง)ในแอฟริกา และหลักฐานทางโครโมโซมยังได้ช่วยชี้ชัดว่าโครโมโซมของมนุษย์คู่ที่สองเกิดจากการรวมตัวกันของโครโมโซมในบรรพบุรุษคล้ายลิง
--------------------
คำอธิบายข้างต้นคงช่วยแก้ข้อข้องใจของหลายๆท่านและเอื้อประโยชน์ในการหักล้างข้ออ้างที่อาจพบได้บ่อย ผู้เขียนขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ต่อต้านการเผยแพร่ศาสนาแต่ไม่เห็นด้วยกับการนำข้อมูลกึ่งวิทยาศาสตร์ผิดๆมาโน้มน้าวผู้อื่นเพื่อจุดประสงค์ทางศาสนาของตนเอง
จริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกที่ศาสนากับวิทยาศาสตร์จะอยู่ร่วมกันได้ อดีตพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่สองได้ประกาศแล้วว่าทฤษฏีวิวัฒนาการเป็นความจริงและกลมกลืนกับความเชื่อแคทอลิก นักวิทยาศาสตร์ในสาขาวิวัฒนาการหลายคนอย่าง Francis Collins ก็เป็นโปรแตสแตนท์ที่เคร่งครัดได้เพราะพวกเขาเห็นว่าวิทยาศาสตร์ให้คำตอบเกี่ยวกับความจริงทางโลก ส่วนศาสนาก็ให้คำตอบกับความจริงทางจิตวิญญาณ
หากคนทั่วไปอย่างเราๆมีแนวคิดอย่างนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้คงดี เพราะในการเดินทางสู่สัจธรรมไม่ว่าจะในระดับใดต่างก็ต้องการความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลและเปิดกว้างทั้งสิ้น
ปล. ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 51 23:37:07
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 51 23:32:36
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 51 23:31:24
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 51 23:17:03
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 51 23:16:29