ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนที่จะพูดถึงทฤษฎีต่อไป เราควรต้องรู้จักปรากฏการณ์ Younger Dryas Younger Dryas คือปรากฏการณ์ความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นเมื่อ 13,000 ปีก่อน เมื่อยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุดคือ Wisconsin glacial period สิ้นสุดลง โลกก็อบอุ่นขึ้นตามลำดับ แต่แล้วเหมือนจะในทันทีทันใด โลกก็กลับเย็นลงอย่างรวดเร็ว เย็นมากจนเกือบจะกลับเข้าสู่ยุคน้ำแข็งเต็มตัว จากหลักฐานคือร่องรอยของดอก dryas ซึ่งเป็นพืชในเขต tundra แพร่กระจายทั่วทั้งยุโรปและอเมริกาเหนือเป็นบริเวณกว้าง และภูมิอากาศคงความหนาวเย็นอยู่เช่นนั้นนานหลายร้อยปี ก่อนที่จะกลับอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง จนเข้าสู่ยุคอบอุ่นระหว่างยุคน้ำแข็งในปัจจุบันที่เรียกว่า Holocene interglacial จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Younger-Dryas เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด เป็นปริศนา และยากที่จะอธิบายได้ แต่มีทฤษฎีหนึ่งที่พยายามอธิบายปรากฏการณ์ Younger Dryas ว่า เกิดจากการหมุนเวียนของ Thermohaline circulation ปิดตัวลงชั่วคราว Thermohaline circulation (THC) คือ การหมุนเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทร ที่เป็นเหมือนสายพานลำเลียงความร้อนจากแถบศูนย์สูตรไปสู่ขั้วโลก จุดสำคัญของระบบคือกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมที่ไหลเข้าสู่ทะเลบาเรนต์ในเขตอาร์กติก ที่นำพาความร้อนไปสู่ทวีปยุโรป ช่วยให้ยุโรปอบอุ่นกว่าที่ควรจะเป็นหลายองศา ตามหลักการกระแสน้ำไม่น่าจะไหลเข้าไปในทะเลบาเรนต์ได้ เพราะเป็นทางตัน ไม่มีทางออก แต่ทว่ากระแสน้ำเมื่อไปถึงทะเลบาเรนต์แล้ว กลับสามารถจมลงสู่ระดับลึกด้านล่างได้ เปิดทางให้กระแสน้ำอุ่นสามารถไหลเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สาเหตุที่ทำให้กระแสน้ำอุ่นสามารถจมลงเมื่อเข้าไปถึงทะเลบาเรนต์ คือ กระแสน้ำที่ตั้งต้นไหลมาจากศูนย์สูตร จะสะสมความร้อนจากดวงอาทิตย์และอุ่นขึ้น และสูญเสียน้ำไปกับการระเหย ทำให้มีความเค็มมากขึ้น และเค็มกว่าชั้นน้ำเย็นที่อยู่ลึกกว่า แต่เพราะมีอุณหภูมิสูงกว่า จึงทำให้เบา และสามารถลอยตัวอยู่เหนือชั้นน้ำที่เย็นกว่าได้ เมื่อกระแสน้ำอุ่น ที่เค็มและเบา ไหลเข้ามาถึงทะเลบาเรนต์ในเขตขั้วโลกเหนือ มวลน้ำก็จะเย็นลงและกลายเป็นหนักกว่าน้ำที่อยู่ข้างล่างเพราะมีความเค็มมากกว่า ทำให้จมลง เปิดทางให้กระแสน้ำที่ไหลตามหลังมา สามารถเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนน้ำที่จมลง ก็จะไหลกลับทางทิศใต้เป็นกระแสน้ำในระดับลึกของมหาสมุทร จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ THC ปิดตัวลง มีทฤษฎีว่าในช่วง Younger-dryas เกิดมีน้ำจืดที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจำนวนมหาศาล ไหลทะลักลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ แล้วถูกกระแสน้ำกัลฟ์สตรีมผลักเข้าไปสู่ทะเลบาเรนต์ เนื่องจากน้ำจืดเบากว่าน้ำทะเลค่อนข้างมาก  แม้จะเย็นแค่ไหนก็ไม่สามารถจมตัวลงสู่ระดับลึกได้ จึงขวางอยู่ที่ผิวน้ำ ทำให้กระแสน้ำอุ่นไม่สามารถไหลเข้าไปในทะเลบาเรนต์ และไหลโค้งลงทางใต้แทน มีผลทำให้ THC ปิดการหมุนเวียนลงชั่วระยะหนึ่ง จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 น้ำจืดจากไหนที่ทำให้ THC ปิดตัวลง ทุ่งน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปอเมริกาเหนือ เรียกว่า Laurentide ice sheet ทฤษฎีกล่าวว่าในช่วงที่โลกอุ่นขึ้น ทุ่งน้ำแข็งจะค่อยๆละลายไปตามลำดับ น้ำจากน้ำแข็งละลายจะไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก ผ่านแม่น้ำมิสซิสซิปปี้-มิสซูรี่ จนกระทั่งทุ่งน้ำแข็งละลายถอยร่นเลยแนวสันปันน้ำเข้าไปในเขตประเทศคานาดา ที่ซึ่งแผ่นดินเอียงลาดไปทางเหนือลงสู่อ่าวฮัดสัน (Hudson) ตอนนี้จะเกิดปัญหา เพราะทุ่งน้ำแข็งที่ยังคงอยู่ จะขวางทางไหลลงของน้ำ ทำให้น้ำที่เกิดจากน้ำแข็งละลายเอ่อล้นขึ้นมาจนถึงแนวสันปันน้ำ กลายเป็นทะเลสาบน้ำแข็งละลายขนาดใหญ่ อยู่ในรัฐ Winnipeg ของคานาดา เรียกว่าทะเลสาบ Agassiz ตามชื่อของ Louise Agassiz นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบว่าโลกเคยมียุคน้ำแข็ง จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทะเลสาบ Agassiz มีขนาดใหญ่กว่าทะเลสาบทั้งห้า (great lake) โดยมีพื้นที่ประมาณ 440,00 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดพอๆกับประเทศอิรัก   เนื่องจาก Agassiz เป็นทะเลสาบที่เกิดจากทำนบน้ำแข็งปิดกั้นทางไหลของน้ำ เมื่อโลกยังคงอุ่นขึ้นต่อไป และน้ำแข็งยังคงละลายอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ก็ต้องมีวันหนึ่งที่ทำนบน้ำแข็งต้องพังทลาย และปล่อยให้น้ำที่กักไว้ไหลออก การพังทลายของอ่างเก็บน้ำขนาดมหายักษ์  ย่อมจะมีผลกระทบต่อธรรมชาติใหญ่หลวง ที่น่าจะนึกได้โดยไม่ยากคือทำให้ระดับน้ำทะเลทั้งโลกสูงขึ้นทันทีประมาณหนึ่งเมตร ทำให้พื้นที่ราบชายฝั่งทั่วโลกรวมหลายแสนตารางไมล์ถูกน้ำท่วมในเวลาอันสั้น มีบางทฤษฎีเชื่อว่าตำนานน้ำท่วมโลกที่กล่าวถึงในคัมถีร์ของศาสนาต่างๆ อาจมีที่มาจากเหตุการณ์น้ำท่วม ที่เกิดจากการพังทลายของทะเลสาบ Agassiz ต่อมามีผู้ตั้งทฤษฎีว่า การที่มีน้ำจืดจำนวนมโหฬารไหลลงสู่ทะเลในเวลาสั้นๆ อาจจะส่งผลกระทบถึงภูมิอากาศของโลกได้ ถ้าน้ำจืดเหล่านี้ไหลลงสู่มหาสมุทรอาร์กติก ก็อาจจะไปปิดกั้นการไหลของ Thermohaline circulation ซึ่งเป็นเหมือนสายพาน ลำเลียงความร้อนจากศูนย์สูตรสู่ขั้วโลก และทำให้โลกหนาวเย็นลงอย่างเฉียบพลัน ในช่วงเวลาที่ความอบอุ่นของโลกยังไม่มั่นคงเพียงพอ และถ้าแฟคเตอร์อื่นๆอำนวย โลกอาจจะพลิกกลับไปสู่สภาพของยุคน้ำแข็งน้อยๆ (little ice age) ซึ่งเป็นที่มาของปรากฏการณ์ Younger-dryas http://en.wikipedia.org/wiki/Lake_Agassiz จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Younger dryas อาจจะเกิดจากน้ำจืดหลายพันลูกบาศก์ไมล์ไหลลงทะเล จากสภาวะเขื่อนแตกที่มโหฬารพันลึก จนมนุษย์เราแทบจะจิตนาการถึงสภาพที่เกิดขึ้นไม่ถูก ห่างไกลจากอัตราการละลาย 50 ลูกบาศก์ไมล์ต่อปีของทุ่งน้ำแข็งในปัจจุบันหลายร้อยเท่า ก็น่าจะสรุปได้อย่างหนึ่งว่าเงื่อนไขทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้อธิบายเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง The Day After Tomorrow ไม่ตรงกับตัวทฤษฎีที่ถูกอ้างถึง จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อาจจะสงสัยว่า Younger Dryas ในอดีตเกิดจากการพังทลายของทะเลสาบ Agassiz แต่ทุ่งน้ำแข็งที่ละลายในปัจจุบันก็อาจจะทำให้เกิดการปิดตัวของ THC ได้เช่นกัน ถ้าอัตราการละลายเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ทฤษฎีนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องพิจารณาจากเรื่องราวที่จะกล่าวต่อไป ต่อพรุ่งนี้) แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 51 22:42:56 จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กรแสน้ำอุ่น ไม่ไปเลี้ยงน้ำแข็ง โฮ๊ะ โอ จากคุณ : แมวไม่กินปลา - [ 4 พ.ค. 51 22:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กระแสน้ำอุ่นไม่ได้ไปเลี้ยงน้ำแข็งครับ แต่ไปทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ถ้าไม่มีกระแสน้ำอุ่น ทั้งทะเลบาเรนต์ ทะเลนอร์วีเจียน และทะเลเหนือตอนบน น่าจะแข็งตัวในฤดูหนาว จากคุณ : กาลามะชน - [ 4 พ.ค. 51 22:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กำลังมันเลย - -" ไม่เป็นไรครับ จะรอ :D จากคุณ : Punky - [ 4 พ.ค. 51 23:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โลกร้อน โรคร้อน ครับ จากคุณ : axquest - [ 4 พ.ค. 51 23:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาปักธง จากคุณ : LR3 - [ 4 พ.ค. 51 23:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 .... จากคุณ : DR บ๊อง - [ 4 พ.ค. 51 23:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มีสาระ มีแก่นสาร จากคุณ : ๛กอล์ฟ - [ 4 พ.ค. 51 23:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รอนะครับ แหม่ โดนใจครับ ผมมี ปสก. ไม่ค่อยดี กับเรื่องโรคร้อน หนะครับ พอดีมี อ. บางท่านที่ผมเรียนด้วย แกคลั่งเรื่องนี้ แกฉีดงานให้เด็กอย่างบ้าคลั่งเลย -*- จากคุณ : Nanoดะ - [ วันฉัตรมงคล 00:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นานๆจะมีสาระมาให้อ่านซักที หุหุ จากคุณ : มือสังหาร_Ok - [ วันฉัตรมงคล 00:04:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาตามอ่านครับ จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) - [ วันฉัตรมงคล 00:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้ดี แห่งเดือน มาแว้ว... จากคุณ : -=[Zold]=- - [ วันฉัตรมงคล 01:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ปักธงรอครับ จากคุณ : geostrom - [ วันฉัตรมงคล 02:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หนังเสนอผิด เว่อร์เกินเหตุ เพราะเค้าสร้างมาจากหนังสือนิยาย เอามาคุยก็ดีแล้วครับ จะได้เข้าใจภาวะ "โลกร้อน" มากขึ้น แต่ถ้าจะเอามาดิสเครดิตว่า โลกร้อนไม่มี โลกร้อนไม่จริง มนุษย์ไม่เกี่ยว นั่นอีกเรื่อง สดๆร้อนๆ ก็เดือนมีนา ที่อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากคุณ : L - [ วันฉัตรมงคล 03:43:51 A:84.92.227.48 X: TicketID:174259 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดีครับที่มาอธิบายปรากฏการณ์ Younger Dryasไม่งั้นหลายๆคนจะงงกับที่มี นักวิชาการหลายๆคนออกมาพูดว่าโลกร้อนแล้วจะทำให้เกิดยุคน้ำแข็งครั้งใหม่ครับ จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ วันฉัตรมงคล 08:28:06 A:58.9.201.43 X: TicketID:070304 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ........... wait and see ............... จากคุณ : a6mzero - [ วันฉัตรมงคล 09:05:57 ]

ความคิดเห็นที่ 24 วันนี้แล้ว จากคุณ : vandalism - [ วันฉัตรมงคล 09:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ทุ่งน้ำแข็งที่ละลายในปัจจุบัน  มีอัตราประมาณ 50 ลูกบาศก์ไมล์ต่อปี จะสามารถสร้างสภาวะความหนาวเย็นแบบ Younger-dryas ได้หรือไม่ ความบกพร่องอย่างแรก ก็คือการปิดตัว THC เพราะน้ำจืดยังเป็นแค่ทฤษฎี เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าน้ำจืดจะสามารถแยกตัวอยู่ในทะเลอาร์กติกได้นานพอ กรณีทำนบแตกของทะเลสบ Agassiz อาจเป็นข้อยกเว้น เพราะมีมวลน้ำจืดมหาศาล แต่การไหลลงเอื่อยๆ จากทุ่งน้ำแข็งที่ละลายในปัจจุบัน ดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ลมพายุและคลื่นที่รุนแรงของแถบอาร์กติกจะกวนน้ำจืดให้ผสมเข้ากับน้ำทะเลที่ลึกลงไป ทำให้ไม่เป็นปัญหาขัดขวางการจมตัวของ THC อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยว่าทะเลสาบ Agassiz อยู่ไกลถึงคานาดา เมื่อถึงเวลาที่ทำนบแตก จะมีน้ำจืดสักกี่เปอร์เซ็นต์ที่สามารถไหลไปถึงขั้วโลกได้ เพราะระยะทางห่างไกลค่อนข้างมาก น้ำจืดส่วนหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นส่วนใหญ่ อาจจะกระจายหายไปทางอื่นเสียก่อนที่จะไปถึงทะเลบาเรนต์ (ขอให้ดูรูปใน คหท 2 จะเห็นปัญหาเรื่องระยะทาง) จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 10:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แม้แต่เวลาที่ทะเลสาบ Agassiz พังทลาย ก็ยังมีปัญหา เพราะหลังจากมีการตั้งทฤษฎีนี้ขึ้นมา ก็มีการสำรวจร่องรอยของทะเลสาบยักษ์แห่งนี้มากขึ้น และเมื่อมีข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้นพบว่าการพังทลายและช่วงเวลาที่เกิดไม่สอดคล้องกับ YD จากหลักฐานมี่ค้นพบในภายหลัง พบว่า Agassiz เกิดทำนบแตกแยกเป็น 2 ขั้นตอน ทำนบแตกครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 11,000 ปีก่อน (เกิดหลัง YD ที่เกิดขึ้นเมื่อ 13,000 ปี) โดยเป็นการแตกออกของทำนบทิศตะวันออก ปล่อยน้ำบางส่วนไหลลงสู่ทะเลสาบทั้งห้า หลังจากน้ำถูกระบายออกจนระดับน้ำลดลงมาเท่ากับทะเลสาบทั้งห้า Agassiz ก็ลดขนาดลง แต่ยังคงอยู่ต่อมา เพราะยังมีทำนบน้ำแข็งด้านเหนือปิดกันทางไหลลงทะเลที่อ่าวฮัดสัน ทำนบน้ำแข็งทางด้านเหนืออยู่ต่อมาได้อีกสามพันปี มาแตกออกประมาณ 9,000 ปีก่อน ทำให้น้ำส่วนใหญ่ถูกระบายออก จนเหลือแค่ทะแลสาบ Winnipeg ในปัจจุบัน ข้อมูลของ Agassiz ในปัจจุบัน ทำให้ทฤษฎีการปิดตัวของ THC อ่อนลงไปมาก เพราะในเมื่อเวลาที่ Agassiz พังทลายไม่ตรงกับช่วงเวลาที่เกิด Younger-Dryas แต่ในช่วงประวัติศาสตร์ เรามีเหตุการณ์ YD ครั้งนั้นเพียงครั้งเดียว น่าจะสรุปได้ว่ามวลน้ำจืดขนาด Agassiz ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เกิด YD ได้ อย่างไรก็ตาม มีนักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งเชื่อว่าแม้ Agassiz จะไม่ใช่สาเหตุของ YD การไหลลงของน้ำจืดจำนวนมากๆก็น่าจะมีผลกระทบต่อ THC ได้ จากที่พบว่ามีช่วงเวลาหนาวเย็นอย่างผิดปกติขนาดพอสังเกตุได้ เกิดขึ้นในช่วง 8200 ปีก่อน ที่น่าจะใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่เกิดทำนบแตกครั้งสุดท้าย (ขอให้ย้อนไปดูรูปใน คหท 1) จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 10:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มหาทะเลสาบ Mansiyskoe lake แม้ว่าทะเลสาบ Agassiz จะกลายเป็นความล้มเหลวของความพยายามไขปริศนา YD แต่เมื่อไม่นาน หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย และรัสเซียเริ่มเปิดประเทศ นักวิทยาศาสตร์จากโลกตะวันตกก็เริ่มได้รู้เรื่องของมหาทะเลสาบ Mansiyskoe ทุ่งน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปยุโรปและเอเยเรียกว่า Weichselian ice sheet สภาพทางภูมิศาสตร์ของไซบีเรียนั้นคล้ายกันกับทางคานาดา คือแผ่นดินเอียงลาดไปทางเหนือ ดังนั้นทุ่งน้ำแข็ง Weichselian ก็น่าจะกลายเป็นทำนบขวางการไหลลงของน้ำเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์รัสเซียพบหลักฐานของทะเลสาบน้ำจืดที่อาจมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของทะเลแคสเปี้ยน คือบริเวณแอ่งไซบีเรียตะวันตกอันกว้างใหญ่ไพศาล ในยุคน้ำแข็งเคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดยักษ์ จากการคำนวณจากความสูงต่ำของพื้นที่ เชื่อว่าในบางแห่งระดับน้ำอาจจะลึกถึง 150 เมตร ทะเลสาบนี้มีชื่อว่า Mansiyskoe  แม้จะยังไม่มีการศึกษามากนัก แต่หลักฐานในปัจจุบัน เชื่อว่าทำนบน้ำแข็งที่ปิดกั้นทะเลสาบแห่งนี้ได้พังทลายลงเมื่อ 13000 ปีก่อน ปล่อยน้ำจืดจำนวนที่มากจนน่าแตกตื่นลงสู่มหาสมุทรอาร์กติกโดยตรง Mansiyskoe lake http://www.esd.ornl.gov/projects/qen/lake.html จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 10:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอให้สังเกตุว่าตำแหน่งทุ่งน้ำแข็งปิดกั้นทางไหลลงทะเลของลุ่มน้ำในไซบีเรียตะวันตก เมื่อน้ำไหลลงทะเลไม่ได้ ก็ย่อมจะเอ่อล้นเกิดเป็นทะเลสาบขึ้นอย่างแน่นอน แม้จะยังมีการศึกษาไม่มาก แต่พบว่าแอ่งไซบีเรียตะวันตกถูกปกคลุมด้วยตะกอนก้นทะเลสาบ มีอายุเริ่มจาก 90,000 ปีก่อนจนถึง 13,000 ปีจึงหายไป ช่วงเวลาค่อนข้างจะพอดีกับ Younger-Dryas รวมทั้งเมื่อทำนบพังทลาย ก็จะปลดปล่อยน้ำจืดลงสู่มหาสมุทรอาร์กติกที่เป็นจุดอ่อนของ THC โดยตรง แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 51 16:31:17 จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 10:51:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รออ่านค่ะ จากคุณ : Komi (komi_to) - [ วันฉัตรมงคล 11:11:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาเปิดสมอง  รับรู้ครับ จากคุณ : G_AOD - [ วันฉัตรมงคล 11:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ปูเสื่อรอครับ จากคุณ : Bongza - [ วันฉัตรมงคล 11:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 32 น่าสนใจมากครับ จากคุณ : ksk - [ วันฉัตรมงคล 11:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ปักธงมั่ง จากคุณ : peko6681 - [ วันฉัตรมงคล 11:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มารอครับ จากคุณ : Zepia (bozzie) - [ วันฉัตรมงคล 12:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 refresh   refresh refresh refresh จากคุณ : ไม่งงครับ ไม่งง - [ วันฉัตรมงคล 12:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ทำความเข้าใจค่อนข้างยากแต่ได้ความรู้งับ จากคุณ : xSharez - [ วันฉัตรมงคล 15:17:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ที่ไม่ได้ลงรวดเดียว เพราะต้องใช้เวลาพิมพ์ แล้วก็ถูกแย่งคอมพ์ เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ผมลงรูปผิดลำดับไปหน่อย ที่จริงควรลงรูปนี้ก่อน ice sheet แผ่ขยายมากที่สุด เมื่อ 140,000 ปีก่อน จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 15:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 38 นี่เป็นรูปตอน 20,000 ปีก่อน ช่วงใกล้เขื่อนแตก   ขนาดของทะเลสาบ ในช่วงเวลานั้นน่าจะกว้างใหญ่มากที่สุด แม้จะยังไม่มีการคำนวณขนาดและมวลน้ำที่แน่นอน แต่ค่อนข้างจะเชื่อได้ว่าทะเลสาบ Mansiyskoe มีขนาดใหญ่กว่า Agassiz   โดยสรุปคือ มีความเป็นไปได้ที่การพังทลายของ ทะเลสาบ Mansiyskoe จะเป็นสาเหตุของ Younger-Dryas แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 51 15:38:03 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 51 15:28:34 จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 15:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มารออ่านค่ะ จากคุณ : zonier - [ วันฉัตรมงคล 15:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ในส่วนของทฤษฎี ผมคงจะไม่ขยายเพิ่มเติมในรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่านี้ เพราะเท่านี้น่าจะพอทำให้เข้าใจ สำหรับกระทู้นี้ ผมอยากขอให้ช่วยโหวตเก็บเข้าคลังไว้เป็น reference ในกรณีที่เจอใครอ้างเรื่องโลกร้อน จะทำให้พลิกกลายเป็นหนาวตามทฤษฎีในภาพยนต์ The Day After omorrow ต่อจากนี้ถ้าใครมีอะไรจะเสริม ก็เชิญครับ จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 16:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เพิ่มรูปทะเลสาบตอนที่เริ่มก่อตัวเมื่อ 90,000 ปีก่อน ตรงกับรูป ice sheet ใน คหท 27 จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 16:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เพิ่มข่าวเล็กๆ นักวิทยาศาสตร์ฝ่ายโลกร้อนโล่งอกไปตามๆกัน เมื่อภูเขาไฟ Chaiten ในประเทศชิลี เกิดระเบิดครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 4 พค. และมีความเป็นไปได้ที่จะมีผลกระทบต่อภูมิอากาศทำให้เย็นลง ทำให้ได้ข้ออ้างที่ดีสำหรับอธิบายสภาวะ global cooling ที่กำลังจะเกิดในปีนี้ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 51 20:47:39 จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 17:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ส่วนที่คุณ L บอกว่ามีการอุ่นขึ้นในเดือนมีนาคม กำลังเป็นข้อถกเถียง เพราะข้อมูลของสี่สำนักใหญ่ไม่ตรงกัน http://www.junkscience.com/MSU_Temps/Warming_Look.html สองสำนักที่ใช้ดาวเทียมเป็นหลักคือ UAH และ RSS บอกว่าอุ่นขึ้นจากกุมภาพันธ์เพียงเล็กน้อย แต่สองสำนักที่ใช้สถานีภาคพื้นเป็นหลักคือ GISS และ HadCRUT บอกว่าโลกอุ่นขึ้นมากจนเกือบกลับมาเท่าเดิม ตอนนี้กำลังตรวจสอบกันอยู่ว่าทำไมข้อมูลจึงแตกแยก (ที่จริงพอจะทราบแล้ว แต่ขอไม่เล่าในกระทู้นี้) ส่วนอุณหภูมิของเดือนเมษายน ในส่วนของสหรัฐสรุปแล้วว่าหนาวผิดปกติ บางรัฐยังมีหิมะตก ปีนี้เป็นปีที่สหรัฐเจอฤดูหนาวนานเจ็ดเดือน เหมือนในหนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ของลอร่า อิงกัล แต่อุณหภูมิเฉลี่ยของทั้งโลกยังต้องรออีกราวสองสัปดาห์จึงจะทราบ ปล. ข้อมูลของเดือนเมษายนออกแล้วครับ อุณหภูมิลดกลับลงไปอีก ถอยหลังไปสิบกว่าปี แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 51 11:09:49 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 51 18:57:44 จากคุณ : กาลามะชน - [ วันฉัตรมงคล 17:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อืม...   จากคุณ : suttimon - [ วันฉัตรมงคล 19:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ... Kao Ma Doo After Tomorrow จากคุณ : Mr. Fusion - [ วันฉัตรมงคล 21:34:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ลงชื่อครับ จากคุณ : mao_land - [ วันฉัตรมงคล 21:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 47 The day after tomorrow สร้างปี 2004 ครับ จากคุณ : Mr.Terran - [ วันฉัตรมงคล 21:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ... เข้ามาหาสาระ ความรู้ จากคุณ : pae3X - [ วันฉัตรมงคล 22:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามาสูบ(ความรู้) จากคุณ : boebus - [ 6 พ.ค. 51 00:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 50 น่าสนใจค่ะ จากคุณ : อุริ อุริ - [ 6 พ.ค. 51 00:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 51 หนาวตาย กับ ร้อนตาย เลือกไม่ถูกเลย T_T แต่ก็อยากให้หนาวตายนะ เย็นน่าดู กระทู้สาระครับ เดาอนาคตโลกร้อนได้เลย จากคุณ : อาจจะแก่ - [ 6 พ.ค. 51 01:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อู๊ย เกลือบพลาสาระและความรู้แล้ว โหวตให้อ่านกันนานๆ ครับ จากคุณ : vn, man - [ 6 พ.ค. 51 09:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สาระปึ๊กเลยฮ่ะ จากคุณ : friskyz~* - [ 6 พ.ค. 51 11:03:27 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับ จากคุณ : Azure_Mile - [ 6 พ.ค. 51 12:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เยี่ยมครับ จากคุณ : AMIYAMA - [ 6 พ.ค. 51 12:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ChocolateMousse - [ 6 พ.ค. 51 12:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณค่ะ Vote จากคุณ : starlight_da-o - [ 6 พ.ค. 51 14:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 58 หุ หุ ห ขอแจม จากคุณ : PUMPKINbig - [ 6 พ.ค. 51 14:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สะสมความรู้เพิ่มเติม จากคุณ : I Believe inTrue LoVe - [ 6 พ.ค. 51 15:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สรุปสั้น ๆ ตามนี้นะครับ ในหนัง "แจ็ค ฮอลล์ ศาสตราจารย์ด้านอุตุนิยมวิทยาโบราณและทีมงานได้ทำการขุดเจาะน้ำแข็ง ณ ชั้นน้ำแข็งลาร์เซ่น บี ในทวีปแอนตาร์กติกาเพื่อเก็บตัวอย่าง ทันใดนั้นเอง น้ำแข็งก็เกิดรอยแยกเป็นแนวยาว จนเกือบทำให้เขาต้องสังเวยชีวิต ในการประชุมสหประชาชาติ ศาสตราจารย์ฮอลล์ออกบรรยายเรื่องสาเหตุว่าทำไมโลกจึงเคยตกอยู่ในยุคน้ำแข็งนานถึงสองศตวรรษ สาเหตุหลักก็คือสภาวะโลกร้อนเมื่อ 10,000 ปีก่อน..." เอามาจาก http://th.wikipedia.org/wiki/วิกฤติวันสิ้นโลก เรื่องจริง สภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายในอัตรา 50 ลูกบาศก์ไมล์ ต่อปี ซึ่งห่างไกลจากเหตุที่คาดว่าจะทำให้เกิด การหยุดตัวของสายพาน THC ได้ ส่วนสาเหตุของยุคน้ำแข็งตามที่พระเอกอ้างนั้น เรื่องจริงน่าจะเกิดจาก การเกิดเหตุทำนบน้ำจืดจากทะเลสาปขนาดยักษ์ได้ไหลลงมหาสมุทรอย่างฉับพลันจนทำให้หยุด THC จนเกิด Ice Age ในที่สุด ดังนั้นหนังจึงอ้างถึงทฤษฎี Younger-Dryas ไม่ถูกต้อง เพราะสาเหตุหลัก ๆ ที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือจะต้องเกิดจาก การไหลท่วมของน้ำจืดจากทะเลสาปจำนวนมหาศาลอย่างเฉียบพลัน ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับสภาวะโลกร้อนในปัจจุบันเท่าใดนัก สรุปประเด็นตามนี้ พอได้ไหมครับ มีท่านใดจะช่วยเพิ่มเติมอีกครับ? จากคุณ : JZS161-V300 - [ 6 พ.ค. 51 17:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ หนังทำไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่สมมติให้ชั้นน้ำแข็งแตกเพราะสภาวะโลกร้อนแล้วครับ ผมว่าสภาวะโลกร้อน น่าจะทำให้น้ำแข็งละลายอย่างนี้มากกว่า แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 51 20:11:43 จากคุณ : กาลามะชน - [ 6 พ.ค. 51 18:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ส่วนการแตกหักออกแบบที่เห็นในหนัง หรืออย่างในรูปข้างล่าง น่าจะเป็นเพราะแพน้ำแข็งมีขนาดใหญ่เกินไปจนเกาะอยู่กับแผ่นดินไม่ไหว และถูกกระแสน้ำพัดให้หักขาดออกจากชายฝั่ง แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 51 19:49:27 จากคุณ : กาลามะชน - [ 6 พ.ค. 51 19:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 63 การละลายของน้ำแข็งนั้นน่าสนใจ.. การแตกหักแบบนี้ เกิดจากน้ำแข็งทานน้ำหนักตัวเองไม่ไหว จึงถล่มทลายลงมา.. อากาศร้อนไม่สามารถทำให้ธารน้ำแข็งแตกหักแบบนี้ได้.. แต่ชาวโลกร้อนชอบเอารูปแบบนี้มาขู่ ธารน้ำแข็งจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นถ้ามีมวลน้ำแข็งสะสมมากขึ้น น้ำหนักจะกดดันให้เกิดการเคลื่อนตัวเร็วขึ้น   แม้โลกร้อนจะไม่เกี่ยวโดยตรง แต่จะว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่เชิง อากาศที่อุ่นขึ้นอาจจะทำให้หิมะตกมากขึ้น ทำให้ธารน้ำแข็งมีน้ำหนักมากขึ้น และเคลื่อนตัวลงทะเลด้วยอัตราที่เร็วขึ้นก็ได้ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 51 19:44:04 จากคุณ : กาลามะชน - [ 6 พ.ค. 51 19:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 64 การละลายของน้ำแข็งในทะเล ก็ไม่ได้เกิดจากอากาศที่อุ่นขึ้นเสมอไป แม้ในท่ามกลางฤดูร้อน อุณหภูมิอากาศที่ขั้วโลกเหนือก็ยากที่จะขึ้นสูงเกินจุดเยือกแข็ง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าน้ำแข็งในทะเลขั้วโลกส่วนใหญ่จะละลายจากทางด้านล่างเพราะกระแสน้ำอุ่น THC ขอให้สังเกตว่าน้ำแข็งที่ละลายจากด้านล่าง แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 51 19:47:44 จากคุณ : กาลามะชน - [ 6 พ.ค. 51 19:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณคุณกาลามะชนมากครับ ได้ความรู้เพิ่มมากจริง ๆ : ) จากคุณ : JZS161-V300 - [ 6 พ.ค. 51 21:06:51 ]

ความคิดเห็นที่ 66 มาช่วยดันครับ.. เยี่ยมไปเลย จากคุณ : K-T-O - [ 6 พ.ค. 51 21:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 67 มารออ่านต่อค่ะ จากคุณ : ด๋อยด๋อย - [ 6 พ.ค. 51 21:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 68 มาลงชื่ออ่านค่ะ น่าสนใจมากๆ ขอบคุณสำหรับความรู้ จากคุณ : Janur - [ 6 พ.ค. 51 22:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ปักธงก่อน จากคุณ : pattapon - [ 7 พ.ค. 51 00:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 70 Thank you ja จากคุณ : Be Happy ja - [ 7 พ.ค. 51 01:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 แหล่มเลยครับ !!!!~ จากคุณ : อ้ายคนเมือง - [ 7 พ.ค. 51 02:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แล้วสองปีที่ผ่านมา ประเทศที่เคยลบสี่สิบอย่างฟินแลนด์ ปีที่แล้วลบแค่ยี่สิบ ปีนี้ที่เฮลซิงกิแค่ลบสิบสองล่ะคะ แถมหน้าร้อนก็มาเร็วกว่าปีที่แล้วซึ่งปีที่แล้วคนฟินบอกว่าร้อนที่สุดตั้งแต่เคยเจอ ปีนี้ยิ่งหนักเลย หิมะตกแป๊บเดียวเอง หรือเป็นเรื่องธรรมดาน๊อ จากคุณ : นั่นน่ะซิ - [ 7 พ.ค. 51 04:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 73 รู้สึกเด๋วนี้ Mr.Fusion  พูดเยอะขึ้น เยอะเลย น่าสนใจกว่าโลกร้อนอีก อิอิ จากคุณ : extra-caramel shot - [ 7 พ.ค. 51 06:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 74 โหวดให้ด้วยคนครับ ...เยี่ยมมาก ได้สาระดีครับ จากคุณ : เต่าเทอร์โบ (udom.t) - [ 7 พ.ค. 51 08:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เข้ามาหาความรู้ครับ จากคุณ : GPPd - [ 7 พ.ค. 51 08:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ลงชื่อเข้าอ่านสาระดี ๆ จ้า จากคุณ : biebie999 - [ 7 พ.ค. 51 09:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 77 น้ำจะท่วมโลก เป็นคำขู่ที่ชาวโลกร้อนชอบพูดบ่อยมากๆ ถ้าน้ำแข็งที่เกาะกรีนแลนด์ละลายจนหมด น้ำทะเลจะสูงขึ้นประมาณ 7.2 เมตร อัตราการละลายของน้ำแข็งที่เกาะกรีนแลนด์ ช่วงที่โลกร้อนจัดที่สุด (ปี 2006) อยู่ที่ 57.3 ลบ.ไมล์ โดยพื้นที่ที่พบว่ามีการละลายเกิดขึ้นจะแสดงในโทนสีตามรูปข้างล่าง ด้วยอัตราการละลายของปี 2006 นี้ จะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นปีละ 0.02 นิ้ว และต้องใช้เวลาประมาณ 8,000-10,000 ปี จึงจะละลายน้ำแข็งได้ทั้งหมด นอกจากนี้อากาศที่กลับมาหนาวในปี 2008 ทำให้อุณหภูมิของกรีนด์แลนด์ลดลงอย่างมาก และย้ายกลับไปอยู่ทางด้านหนาวกว่าปกติ ซึ่งน้ำแข็งก็น่าจะละลายน้อยกว่าปกติ ถ้าน้ำทะเลจะสูงขึ้นปีละ 0.02 นิ้ว เราควรจะวิตกถึงปัญหาน้ำท่วมโลกแค่ไหน? น้ำจืดไหลลงทะเลเฉลี่ย 50 ลบ.ไมล์ เราควรจะวิตกถึงและการปิดตัวของ THC แค่ไหน? http://en.wikipedia.org/wiki/Greenland_ice_sheet แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 51 10:29:13 จากคุณ : กาลามะชน - [ 7 พ.ค. 51 09:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 78 นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ไม่ค่อยจะบอกเล่าให้ทราบกัน คือโลกร้อนทำให้หิมะตกที่กรีนแลนด์มากขึ้นด้วย ทำให้พื้นที่บริเวณตรงกลางเกาะมีน้ำแข็งหนาขึ้น ชดเชยกับการสูญเสียน้ำแข็งบริเวณชายฝั่งได้ส่วนหนึ่ง แผนที่แสดงการเปลี่ยนแปลงความหนาของหิมะ แม้ว่าน้ำแข็งบริเวณชายฝั่งจะลดความหนาลง (สีโทนฟ้า) แต่ขอให้สังเกตบริเวณที่มีความหนาเพิ่มขึ้น(สีขาวนวล)ทางใต้สุด ว่าอยู่ในเขตที่ภาพข้างบนบอกว่ามีการละลาย ถ้าเราดูแต่แผนที่ข้างบน ก็คงจะคิดว่าแย่แล้ว น้ำแข็งในบริเวณนี้น่าจะลดลงเรื่อยๆ แต่พอมาดูแผนที่แสดงระดับความหนาของน้ำแข็ง กลับพบว่าน้ำแข็งบริเวณนั้นหนาเพิ่มขึ้น แสดงว่าแม้จะมีการละลายเพราะอากาศอุ่นขึ้น แต่หิมะก็อาจจะตกมากขึ้นด้วย และมากกว่าที่ละลายไป แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 51 13:38:08 แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 51 10:19:26 จากคุณ : กาลามะชน - [ 7 พ.ค. 51 09:53:16 ]

ความคิดเห็นที่ 79 โลกร้อนทำแมลงเขตร้อนสูญพันธุ์ ทีมนักวิทยาศาสตร์สหรัฐอเมริกา ระบุไว้ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ "โปรซีดิ่ง ออฟ เดอะ เนชั่นแนล อะคาเดมี ออฟ ไซน์ซ" ฉบับวันที่ 6 พฤษภาคม ว่า แมลงหลายชนิดในพื้นที่เขตร้อนอาจสูญพันธุ์ไปภายในศตวรรษนี้ เพราะไม่สามารถปรับเข้ากับอุณหภูมิที่สูงขึ้นสืบเนื่องจากภาวะโลกร้อนได้ ทั้งนี้ เนื่องจากบรรดาแมลงในเขตร้อนมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมากกว่า เมื่อเทียบกับแมลงในภูมิภาคอื่นๆ ทั้งนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ดังกล่าวดำเนินการศึกษาวิจัยพบว่าระหว่างปี 2490 ถึง 2543 สิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์เลือดเย็นไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้เหมือนอย่างสัตว์จำพวกเดียวกันในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาว ที่สามารถสลัดขนหรือเพิ่มความหนาของขนไปตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมากๆ ได้ นายโจชัว ทิวก์สบิวรี หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้ดำเนินการวิจัยดังกล่าว กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแมลงจำพวกนี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในระดับที่อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น 5.4 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิในปัจจุบันเท่านั้น ระดับดังกล่าวเป็นระดับอุณหภูมิที่คาดว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้เกิดขึ้นในปี ค.ศ.2100 นี้ ผลวิจัยชิ้นนี้ระบุด้วยว่า เมื่ออุณหภูมิโลกร้อนขึ้น แมลงบางจำพวกในเขตร้อนอาจใช้วิธีการอพยพขึ้นไปอยู่ที่สูงขึ้นซึ่งอุณหภูมิต่ำกว่า, ย้ายถิ่นขึ้นไปทางเหนือมากขึ้น หรือค่อยวิวัฒนาการปรับร่างกายเข้ากับอากาศที่ร้อนขึ้น แต่จะมีแมลงอีกไม่น้อยที่ต้องตายไปเพราะสภาพร่างกายอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วและไม่สามารถปรับร่างกายให้ทนทานได้อีกต่อไป (บีบีซี) จากคุณ : .eAT - [ 7 พ.ค. 51 10:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 80 โอววววววว ความรู้ใหม่ จากคุณ : เนเวอร์แลนด์ - [ 7 พ.ค. 51 13:02:10 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เยี่ยม จากคุณ : Balleno - [ 7 พ.ค. 51 16:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 82 มาชม จากคุณ : LAPD21 - [ 7 พ.ค. 51 17:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อมยิ้มท่าน จขกท. เท่ห์สุดยอดดดดดดดดดดด ปล.ขอบคุณสำหรับเนื้อหาครับ จากคุณ : กระแตตาโต - [ 7 พ.ค. 51 21:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ิอ่านแล้วก็โหวต จากคุณ : Horz doeuvre - [ 7 พ.ค. 51 22:33:23 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ชอบครับชอบ ทั้งๆที่ยังไม่อ่าน เพราะผมมีความคิดเรื่องโลกร้อน เหมือนของคุณกาละมะชนครับ อืม....นั่นสินะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 00:02:44 จากคุณ : คุณชายอ่านะ - [ 8 พ.ค. 51 00:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 86 --- โหวตครับผม ^o^ จากคุณ : myth - [ 8 พ.ค. 51 00:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ได้ความรู้ใหม่ๆดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคุณกาละมะชนมากๆที่นำสิ่งดีๆมาแบ่งปันให้ทราบกัน **  โหวต *** จากคุณ : kekodes - [ 8 พ.ค. 51 09:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 88 แวะมาเก็บความรู้ ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้สำหรับสาระดี ๆ ครับ จากคุณ : risk - [ 8 พ.ค. 51 09:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 89 น้ำแข็งมันก็ลอยในทะเลอยู่แล้วนิครับ ถ้ามันละลายน้ำมันจะเพิ่มได้มากขนาดไหน   มันก็น่าจะเหมือนกับน้ำแข็งในแก้วละลายน้ำในแก้วก็เพิ่มนิดเดียวเอง จากคุณ : ข้าคือคนไทย - [ 8 พ.ค. 51 10:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ทำไมโลกร้อนทำให้มีหิมะตกมากกว่าเดิมเครับ จากคุณ : เสือฮ้าย - [ 8 พ.ค. 51 11:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 91 Vote จากคุณ : ยังมีหวัง - [ 8 พ.ค. 51 11:46:01 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณครับ แล้วภัยของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จนทำให้พายุ หรือฤดูการเปลี่ยนแปลงจนพืชและสัตว์ มนุษย์ มีผลอย่างไรครับ อย่างเช่น พม่าเจอไซโคลน จากคุณ : แดงน้อย (wittaya_wat) - [ 8 พ.ค. 51 13:54:25 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เยี่ยมครับ  นี่แหละครับ สังคมทรงปัญญา  ผู้รู้ มาให้วิทยาทานแก่ผู้ไม่รู้ ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ จากคุณ : taweesak19 - [ 8 พ.ค. 51 14:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณทุกท่านครับ ที่ให้ความสนใจ ขอตอบคำถามบางส่วนคามปกติในแถบขั้วโลกมีหิมะตกน้อย เพราะมีความชื้นน้อย เพียงแต่มีการละลายน้อย น้ำแข็งก็เลยคงอยู่ได้ พออุ่นขึ้นความชื้นก็มากขึ้น ก็มีหิมะตกมากขึ้น ส่วนสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง นอกจากวัฤจักรยุคน้ำแข็งแล้ว ยังมีวัฎจักรอย่างอื่นอีก ซึ่งจะขอตอบในกระทู้ต่อไป เพราะเรื่องค่อนข้างเยอะยาว ตอนนี้มีดราฟท์ไว้อีกสองกระทู้ สำหรับกระทุ้นี้จะพยายามรักษาขัวข้อในส่วนที่เกี่ยวกับ The Day After Tomorrow จากคุณ : กาลามะชน - [ 8 พ.ค. 51 16:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 95 กรณีแพน้ำแข็งขนาดใหญ่แตกหลุดลอยออกมาจากทวีปแอนตาร์กติก รวมทั้งข่าวเกี่ยวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลาย ตามข้อมูลของ NOAA มีสิ่งที่เป็นปริศนาทางวิทยาศาสตร์ http://www.ncdc.noaa.gov/oa/climate/research/2008/feb/global.html#seaice ขอให้ดูรูปข้างล่าง น้ำแข็งขั้วโลกเหนือมีแนวโน้มที่จะละลายมากขึ้น มี trend เห็นได้ชัดเจน ตรงกันข้ามกับน้ำแข็งขั้วโลกใต้ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งก็เห็นได้ชัดเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 22:26:51 จากคุณ : กาลามะชน - [ 8 พ.ค. 51 17:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ผมอยากขอให้สังเกตกราฟข้างบน.. ประเด็นแรก จะเห็นว่า trend ของทะเลน้ำแข็งมีทั้งที่เพิ่มขึ้นและลดลง.. ถ้าสาเหตุเป็นเพราะโลกอุ่นขึ้น .. trend ของทะเลน้ำแข็งก็น่าจะลดลงในทิศทางเดียวกันทั้งสองซีกโลก แต่การที่ทางเหนือลดลง ส่วนทางใต้กลับเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าสาเหตุน่าจะเป็นอย่างอื่น เหมือนมีวัฏจักรอะไรบางอย่างที่ยังไม่รู้ชัดกำลังย้ายความร้อนจากขั้วหนึ่งไปให้อีกขั้วหนึ่ง มีทฤษฎีอยู่สองสามทฤษฎีที่พยายามจะอธิบายข้อเท็จจริงที่แปลกประหลาด โดยเฉพาะทฤษฎีที่กำลังมาแรงและเป็นที่สนใจคือ pacific/atlantic decadal oscillation คือปรากฎการณ์การสลับ patern ของสภาวะอากาศ โดยกลไกของกระแสน้ำในมหาสมุทร ที่ที่เคยร้อนกว่าปกติจะกลายเป็นเย็นกว่าปกติ ที่ที่เคยเย็นกว่าปกติกลายเป็นร้อนกว่าปกติ กาสลับ patern จะเกิดเป็นวงจรทุกๆ 60-80 ปี ซึ่งผมจะนำเสนอในกระทู้ต่อไป แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 20:06:38 จากคุณ : กาลามะชน - [ 8 พ.ค. 51 17:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ประเด็นที่สอง ดูเหมือนจะมีความผันแปรเป็น cycle ซ้อนทาบอยู่บน trend การกระเพื่อมของทางซีกโลกเหนือ(อาร์กติก) เหมือนมีค่า amplitude ค่อนข้างคงที่ แต่การกระเพื่อมของทางซีกโลกใต้ (แอนตาร์กติก) มีแนวโน้มจะกวัดแกว่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ทางซีกโลกใต้แม้ trend โดยรวมจะมีน้ำแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ความผันแปรก็จะมีบางปีที่น้ำแข็งลดต่ำมาก และทุกครั้งที่ถึงช่วงน้ำแข็งทางซีกโลกใต้ลดต่ำ ชาวโลกร้อนก็จะฉวยโอกาสประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง พยายามจะโน้มน้าวให้ชาวโลกรู้สึกว่าทวีปแอนตาร์กติก กำลังตกอยู่ในอันตรายจากสภาวะโลกร้อน แต่พอเวลาที่วงจรแกว่งกลับมาทางบวก เช่นในปีนี้ ซึ่งน้ำแข็งทางใต้มีมากเป็นประวัติการณ์ ทางฝ่ายค้านก็จะได้ทีพูดบ้าง ส่วนชาวโลกร้อนก็หลบไปพูดเรื่องอื่นแทน แต่น่าเสียดายที่ขีดความสามารถในการประชาสัมพันธ์ของสองฝ่ายนั้น ต่างกันมาก คนทั่วไปจึงไม่ค่อยทราบข้อเท็จจริงที่แปลกประหลาดในธรรมชาติ และมักจะเข้าใจว่า น้ำแข็งกำลังลดลงทั้งสองซีกโลก แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 17:47:09 จากคุณ : กาลามะชน - [ 8 พ.ค. 51 17:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบพระคุณคุณอากาลามะชน สำหรับข้อมูลดีๆ และเรื่องที่น่าสนใจค่ะ จากคุณ : ครูแอนค่ะ (มรกตนาคสวาท) - [ 8 พ.ค. 51 17:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ข้อมูลยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมครับ จากคุณ : Seamaster (Omega1120) - [ 8 พ.ค. 51 23:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เรื่องน้ำแข็งขั้วโลกใต้ เคยอธิบายไปแล้ว คุณ กาลามะชน ยังจะสงสัยอะไรอีก ยกมาอ้างอีกแล้ว กราฟเก่าๆ ทำไมโลกร้อนแล้ว ยังมีปริมาณน้ำแข็งซีกโลกใต้เพิ่มขึ้น สวนทางกับ ซีกโลกเหนือ โลกร้อนนั้นเป็น Fact คือ มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น 0.6 องศา อันนี้ปฎิเสธไม่ได้ แต่ ซีกโลกทางใต้นั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรเป็นหลัก ซึ่งมีการดูดซับความร้อนได้ดี โดยมีการกระจายความร้อนลงไปในชั้นน้ำที่ลึกลงไป ทำให้อุณหภูมิที่พื้นผิวไม่เปลี่ยนแปลงมาก ตรงนี้ต่างจากซีกโลกทางเหนือ ที่พื้นที่จำนวนมากเป็นแผ่นดิน ซึ่งสะท้อนความร้อนได้ดีกว่า เร็วกว่า ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวแปรผันกับปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์ชัดเจนมากกว่า นอก จากนี้ ที่รอบขั้วโลกใต้ ยังมีกระแสน้ำเย็นวนรอบ ที่เรียกว่า The Antarctic Circumpolar Current (ACC) ที่ป้องกันกระแสน้ำอุ่นไม่ให้ไหลเข้าสู่ทวีปแอนตาร์คติก ทำให้แผ่นน้ำแข็งคงตัวอยู่ได้ http://en.wikipedia.org/wiki/Antarctic_Circumpolar_Current กระแส แบบนี้ทางซีกโลกเหนือไม่มี ทำให้ผลกระทบของโลกร้อนมีทางซีกโลกเหนือมากกว่าซีกโลกใต้ ซึ่งตามรายงานของ IPCC ก็แสดงผลกระทบในซีักโลกเหนือ มากกว่าซีกโลกใต้อยู่แล้ว เลิกอ้างซะที จากคุณ : L - [ 9 พ.ค. 51 00:59:36 A:84.92.227.48 X: TicketID:174259 ]

ความคิดเห็นที่ 101 อ่านใน นสพ.วันนี้เอง เชิญคลิกเลย............ http://www.komchadluek.net/2008/05/09/x_scoo_p001_201780.php?news_id=201780 จากคุณ : blackhawk1 (blackhawk1) - [ 9 พ.ค. 51 10:56:53 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เสริมเรื่อง แมลง คห 79 ส่วนมากแมลงที่ได้รับผลกระทบน่าจะเป็นพวกที่วงจรชีวิตยาวหน่อยครับ ส่วนพวก ยุง ที่วงจรชีวิตสั้นๆ โตเร็วเชียวครับ ทั้งนี้ สิ่งมีชีวิตที่วงจรชีวิตสั้นๆ จะปรับตัวได้เร็วเพราะ การพัฒนาแบบรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะเชื้อโรค จากคุณ : GreenEyes - [ 9 พ.ค. 51 12:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 103 คห 100 คุณ L เท่าที่ตามอ่านข้อมูลจากที่ต่างๆ ก็ทราบเช่นกันว่า อุณหภูมิเฉลี่ยร้อนขึ้นจริงๆ ส่วนสาเหตุ นั้น ผมเองก็มองไปหลายๆด้าน เพราะดูแล้วเหมือนไก่กับไข่ มันเสริมกันเองหมดเลย แต่ผมรักธรรมชาติอยู่แล้ว จึงอนุรักษ์เต็มที่ ทุกทาง โลกร้อนผมก็ห่วง แต่โดยส่วนตัว ห่วงธรรมชาติที่โดนรุกรานมากขึ้นๆ มากกว่า จากคุณ : GreenEyes - [ 9 พ.ค. 51 12:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คุณ L ข้อมูลจาก 95-97 ผมต้องการบอกเล่าให้ทราบว่า สภาวะโลกร้อนไม่ได้คุกคามแอนตาร์กติก ทวีปแอนตาร์กติกนั้นแม้ในฤดูร้อน อุณหภูมิก็ยังติดลบอยู่หลายองศา อาจมีบางเวลาที่คาบสมุทรที่ยื่นออกมาตรงแหลมฮอร์น มีอุณหภูมิขึ้นสูงกว่าจุดเยือกแข็งบ้าง แต่ก็ขึ้นสูงไม่มากและรวมเวลาทั้งปีแทบจะนับเป็นชั่วโมงได้ ตามรายงานถึงสภาวะโลกร้อนทวีปแอนตาร์กติกอุ่นขึ้นน้อยกว่าที่อื่นในโลกคือไม่เกิน 0.2 C ความร้อนแค่นี้ไม่น่าจะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการละลายได้มาก ถ้าคุณ L เชื่อว่าน้ำแข็งแอนตาร์กติกแปรผันกับดวงอาทิตย์ ไม่ใช่เพราะสภาวะโลกร้อนก็ดีแล้วครับ แต่น่าจะลองหากราฟมาเทียบกันดูด้วยตนเองว่ามันเป็นจริงตามนั้นหรือเปล่า ในความเห็นของผมที่กล่าวว่าแอนตาร์กติกมีกระแสน้ำที่ไหลวนรอบช่วยป้องกันกระแสน้ำอุ่นนั้น   ตามที่ผมทราบ กระแสน้ำและกระแสลมมีการเปลี่ยนความเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ มีการผสมผสานกับกระแสน้ำข้างเคียง และมีแม้กระทั่งการเปลี่ยนทิศทางในบางครั้ง กระแสน้ำและกระแสลมมีความสำคัญต่อการรวมตัวหรือแตกหักของแพน้ำแข็ง การเปลี่ยนแปลงปัจจัยเรื่องอุณหภูมิ  ทิศทาง และความเร็ว แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะมีผลอย่างมากต่อการเพิ่มหรือลดของทะเลน้ำแข็งของแต่ละปี ดังนั้นการสูญเสียของน้ำแข็งของทั้งสองขั้วโลก แม้จะต่างลักษณะกัน แต่ทั้งคู่มีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางสมุทรศาสตร์ ปล. กราฟนี้มาจาก NOAA ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นสถาบันแห่งชาติของสหรัฐ ยังจะใช้อ้างต่อไป เพราะเป็นหลักฐานที่ดีมาก ที่ช่วยยืนยันในสิ่งที่ผมกล่าว แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 51 10:23:24 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 17:19:13 จากคุณ : กาลามะชน - [ 9 พ.ค. 51 16:40:18 ]

ความคิดเห็นที่ 105 การลดใช้ไฟฟ้าแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างไร จากคุณ : npn - [ 9 พ.ค. 51 18:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ผมว่าการที่คุณกาลามะชนมีความรู้ขนาดนี้ ถ้าคิดว่าสามารถหักล้างได้จริง คุณน่าจะลองเปิดเผยตัวกับสื่อ รายการทีวีหน่อยนะครับ จะได้ดังกันเสียที ช่วยออกมาสู่สาธารณชน แล้วประกาศทฤษฏีแย้งโลกร้อนของคุณให้คนอื่นได้รับรู้มากขึ้นด้วยครับ แต่ถ้าทำงานหรือมีผลประโยชน์อยู่กับพลังงานที่ทำให้เกิดโลกร้อน ผมว่าน่าจะดับนะครับ จากคุณ : ขออถัย - [ 9 พ.ค. 51 23:47:21 A:58.8.130.164 X: TicketID:175939 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ู^ ู^ คุณกาลามะชนตอบเรื่อง ที่ทำงานไว้ ดังนี้ ตอนนี้ผมอยู่ในองค์กรที่ใช้น้ำมันรายใหญ่ ก็เลยสนใจความเป็นไปของน้ำมัน เพราะมีผลกระทบต่อองค์กร ถ้าคนทั้งประเทศประหยัดน้ำมัน ช่วยให้น้ำมันราคาถูกลง องค์กรของผมก็ได้ประโยชน์จากการใช้น้ำมันราคาถูก หน่วยงานของผมก็คิดคล้ายหลายคน คือร่วมในการประชาสัมพันธ์อนุรักษ์พลังงาน ..และค่อนข้างจะเห็นว่าการโกหกเพื่อสิ่งที่ดี เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ผมไม่.. ผมเห็นว่ามนุษย์ ควรต้องมีสิทธิได้รับรู้ความจริง และตัดสินใจด้วยตนเอง จากคุณ : กาลามะชน - [ 21 เม.ย. 51 09:05:25 ] ผมไม่เห็นด้วยเรื่อง ยอมรับการโกหกเพื่อสิ่งที่ดีได้ การตีข่าวเรื่องโลกร้อนเกินจริง ย่อมส่งผลเสียต่อแวดวงวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน อย่างกระทู้นี้ เนื้อหาด้านบนเรื่อง Younger Dyas นั้นถูกต้องแล้ว การออกมาชี้แจงแบบนี้ มีประโยชน์ เห็นด้วยครับ (ซึ่งผมก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรในประเด็นนี้) ในขณะเดียวกัน ฝ่ายต้านโลกร้อนบางคน ก็มีการใช้ข้อมูลบิดเบือนหลายอย่างเพื่อดิสเครดิตโลกร้อน โดยอาจจากเกิดจากความหมั่นไส้ ผลประโยชน์ การเมือง อะไรก็ตาม จึงอยากให้ฟังหูไว้หู มากกว่าเชื่อไปตามๆกัน จากคุณ : L - [ 10 พ.ค. 51 02:32:09 A:84.92.227.48 X: TicketID:174259 ]

ความคิดเห็นที่ 108 คนมักจะทำเพื่อผลประโยชน์ แต่ผลประโยชน์มีทั้งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม เรามักจะมองข้ามการฉ้อฉลเพื่อมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ในเชิงนามธรรมของผู้คน โลกในอุดมคติของนักอนุรักษ์ก็คงจะเป็นโลกที่ไม่มีมลภาวะ ความอยากได้โลกในอุดมคติ ก็จัดว่าเป็นความโลภเช่นกัน คนที่ฝันถึงโลกในอุดมคติมาก ก็จะมีแรงผลักดันให้กระทำการต่างๆเพื่อให้โลกในฝันได้เป็นจริง บางคนอาจยอมที่จะหลอกลวง ทั้งกับผู้อื่นและตนเอง เพื่อให้ได้โลกในอุดมคติของเขา ส่วนโลกในอุดมคติของผม และฝ่ายค้านส่วนใหญ่ คือต้องการได้เห็นสังคมอุดมปัญญา นักอนุนักษ์เจ็บปวดเมื่อเห็นโลกถูกรังแกฉันใด ผู้ที่ยึดมั่นในปัญญาก็ทนไม่ได้เมื่อเห็นชาวโลกถูกปั่นหัวด้วยความรู้อันเป็นเท็จ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 51 16:21:54 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 51 08:41:46 จากคุณ : กาลามะชน - [ 10 พ.ค. 51 07:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ก็ยึดทางสายกลางไว้กันเถิด อะไร "มาก" ไป หรือ "น้อย" ไป ....ไม่เกิดผลดีทั้งนั้น..... จากคุณ : ZZsassyZ - [ 10 พ.ค. 51 12:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 110 โลกในอุดมคติ  มีแต่ในความฝันมังครับ มัวแต่ฝัน ก็เลยมีแต่ความขัดแย้ง เราน่าจะอยู่ในโลกของความเป็นจริง ดีกว่า ครับ จากคุณ : นะ (ยังมีหวัง) - [ 10 พ.ค. 51 14:29:18 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ใครได้ดูที่ UBC เอามาฉายของอดีตผู้ท้าชิงประธานธิบดีสหรัฐ อัล กอล ข้อมูลและรูปคล้ายกับกระทู้นี้ จากคุณ : งุ๊งงิ๊งนุ๊งนิ๊ง - [ 11 พ.ค. 51 12:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ฉากแพน้ำแข็งที่แอนตาร์กติกแตกในตอนต้นของภาพยนต์สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาก จริงๆแล้วการแตกของแพน้ำแข็งมีได้จากหลายสาเหตุที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภาวะโลกร้อน แต่หลังจากภาพยนต์ออกฉาย ทุกครั้งที่มีแพน้ำแข็งแตกก็จะมีชาวโลกร้อนนำข่าวมาประชาสัมพันธ์ พยายามชี้นำให้คนเข้าใจไปว่านี่คือผลของสภาวะโลกร้อนทุกครั้งไป การจะพิจารณา ผมคิดว่าเราควรจะทราบข้อมูลของทวีปแอนตาร์กติก ทวีปแอนตาร์กติกมีน้ำแข็งปกคลุมประมาณ 5.3 ล้านตารางไมล์ มีความหนาเฉลี่ย 1 ไมล์ โดยมีพื้นดินที่ปราศจากน้ำแข็งประมาณ 1 แสนตารางไมล์บริเวณชายฝั่งและคาบสมุทร นอกจากพื้นทวีปแล้ว แอนตาร์กติกยังมีส่วนของทุ่งน้ำแข็งที่ยื่นลงไปในทะเลเป็นปริมณฑล ที่สำคัญคือ Ross Iceshelf และ Ronne-Filchner Iceshelf รวมทั้ง ice shelf ขนาดเล็กอีกจำนวนหนึ่ง (Larsen iceshelf  ที่ปรากฏในภาพยนต์นั้นอยู่บริเวณทิศตะวันออกของคาบสมุทรแอนตาร์กติก) รวมน้ำแข็งทั้งบนดินและในทะเลปริมณฑลจะมีประมาณ 7 ล้านลูกบาศก์ไมล์ ถ้าน้ำแข็งทั้งหมดละลาย จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นประมาณ 70 เมตร ข้อมูลคร่าวๆของทวีปแอนตาร์กติก http://en.wikipedia.org/wiki/Antarctic ข้อมูลเกี่ยวกับ Antarctic icesheet http://en.wikipedia.org/wiki/Antarctic_ice_sheet#cite_note-1 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 51 10:14:04 จากคุณ : กาลามะชน - [ 11 พ.ค. 51 17:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 113 อุณหภูมิของทวีปแอนตาร์กติก ในใจกลางทวีปฤดูหนาวจะลดต่ำลงถึง -80 C ถึง -90 C ส่วนในฤดูร้อนช่วง ธันวาคม-มกราคม อุณหภูมิอาจจะขึ้นสูงประมาณ -30 C ส่วนบริเวณชายฝั่งขอบทวีปและคาบสมุทรอาจจะอุ่นขึ้นได้ 5 C ถึง 10 C แต่มวลอากาศอุ่นจากทะเล ยากที่จะเจาะลึกเข้าไปในแผ่นดินได้ สภาวะโลกร้อนมีผลกระทบต่อทวีปแอนตาร์กติกน้อยมาก ผลกระทบที่แต่ละสำนักคิดออกมาอาจจะแตกต่างกันบ้างขึ้นกับการตั้งนิยามขอบเขตของทวีป ในปัจจุบันเฉพาะส่วนที่เป็นตัวพื้นทวีปนั้นเย็นลง แต่มหาสมุทรโดยรอบจะอุ่นขึ้นเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงทั้งอุ่นขึ้นหรือเย็นลงเกิดขึ้นน้อยมาก อยู่ระหว่าง 0.2 C ถึง -0.2 C ยกเว้นตรงส่วนปลายสุดของคาบสมุทร เป็นที่เดียวที่ที่มีการอุ่นขึ้นมากที่สุด การละลายของน้ำแข็งในทะเลรอบๆแอนตาร์กติกมีการผันแปรค่อนข้างมากตามที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่ trend โดยรวมในระยะยาวหลายสิบปีจะพบว่าปริมาณน้ำแข็งกลับเพิ่มมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์พบว่าแม้จะมีการละลายในบางแห่ง และก็มีการสะสมมากขึ้นในบางแห่งเช่นกัน ข้อมูลจากดาวเทียมพบว่าน้ำแข็งที่ก่อตัวมีมากกว่าที่ละลายไปในอัตราประมาณ 2 ต่อ 1 Antarctic Cooling Down; The Antarctic Ice Sheet is Growing http://www.globalwarming.org/node/160 Antarctic cooling pushing life closer to the edge http://www.usatoday.com/news/science/cold-science/2002-01-13-antarctic-cooling.htm SATELLITES SHOW OVERALL INCREASES IN ANTARCTIC SEA ICE COVER http://www.gsfc.nasa.gov/topstory/20020820southseaice.html รูป Antarctic Temperature Trend 1982-2004 (NASA) แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 51 20:26:20 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 51 17:58:07 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 51 17:46:06 จากคุณ : กาลามะชน - [ 11 พ.ค. 51 17:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เราทราบว่าอุณหภูมิของส่วนที่เป็นพื้นทวีปนั้นเย็นลง น้ำแข็งจึงมีโอกาสที่จะสะสมเพิ่มขึ้น น้ำแข็งที่สะสมเพิ่มขึ้นจะค่อยๆเลื่อนไถลลงทะเลกลายเป็น ice shelf ice shelf เมื่อใหญ่มากขึ้น จะค่อยๆแตกหักหลุดลอยออกชายฝั่ง ด้วยแรงทางกล ของกระแสน้ำคลื่นลม กลายเป็นแพน้ำแข็ง ice raft และภูเขาน้ำแข็ง ice bergและค่อยๆแตกตัวกลายเป็น sea ice ไหลไปตามกระแสน้ำ แล้วไปละลายเมื่อลอยขึ้นเหนือไปสู่ที่ที่อุ่นกว่า แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 51 18:08:51 จากคุณ : กาลามะชน - [ 11 พ.ค. 51 18:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เมื่อท่านได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับแอนตาร์กติกพอสังเขปแล้ว คราวนี้ลองดูข่าว ice shelf collapse ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2008 อยากให้ลองเข้าไป และคลิกดูภาพวีด๊โอในข่าวซึ่งสั้นๆ ใช้เวลา load ไม่นานนัก ภาพข่าวให้รายละเอียดที่ค่อนข้างดีมาก ขอให้ลองดูลักษณะการแตกของน้ำแข็ง ท่านคิดว่าการแตกแบบนี้เกิดจากสภาวะโลกร้อน หรือแรงทางกลจากเหตุปัจจัยอื่น http://www.csmonitor.com/2008/0328/p25s10-wogi.html# http://www.guardian.co.uk/environment/2008/mar/26/poles.antarctica http://edition.cnn.com/2008/TECH/science/03/25/antarctic.ice/index.html http://www.news.com/2300-11395_3-6235636-1.html จากคุณ : กาลามะชน - [ 11 พ.ค. 51 19:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ผมคิดว่าคนที่มีความรู้เกี่ยวกับวัสดุวิทยา น่าจะดูออกทันทีว่าการแตกแบบนี้เกิดจากแรงทางกล ไม่น่าจะเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อน หรืออุณหภูมิที่สูงขึ้น แต่น่าจะเป็นผลจากปรากฏกาณ์ทางสมุทรศาสตร์ เช่นการเปลี่ยนแปลงทิศทางหรือความเร็วของกระแสน้ำ ก่อให้เกิดคลื่นหรือแรงเค้นกดดัน ice shelf ทำให้เกิดการแตกออกเป็นริ้วๆแบบในภาพ นอกจากนี้ ปีนี้น้ำแข็งในทะเลมีมากเป็นประวัติการณ์ ยิ่งมีขนาดใหญ่ โอกาสที่จะแตกก็ยิ่งมีมาก สิ่งที่ผมรู้สึกรำคาญใจคือ เหล่านักวิทยาศาสตร์ที่ออกมาพูดว่าโลกร้อนเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำแข็งแตกออกนั้น ตัวเขาเองเชื่อเช่นนั้นจริงๆหรือ? ..   แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 51 07:50:17 จากคุณ : กาลามะชน - [ 11 พ.ค. 51 19:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ภาพถ่ายดาวเทียม แสดงขั้นตอนของการแตกหัก รูปนี้แสดงให้เห็นรอยการแตกหักในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดก่อนหน้านี้แต่ไม่เป็นข่าว และที่สำคัญคือจะเห็นน้ำแข็งที่อยู่ติดกับส่วนที่แตกหักยังเป็นปกติดีอยู่ สิ่งที่ควรพิจารณา ถ้าสาเหตุเกิดจากสภาพอากาศที่อุ่นขึ้น ก็ควรเกิดทั่วทั้งบริเวณ ไม่ใช่เฉพาะตรงหย่อมที่พังทลาย จากคุณ : กาลามะชน - [ 13 พ.ค. 51 08:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 118 แพน้ำแข็งที่ละลายจากด้านบนเพราะความอุ่นของอากาศ น่าจะมีลักษณะแบบนี้มากกว่า การละลายจากทางด้านบนแบบนี่ สามารถทำให้แพน้ำแข็งแตกออกได้เช่นกัน น้ำที่เกิดจากการละลายที่เห็นขังอยู่บนผิวหน้าดังในรูป จะซึมลงไปทางด้านล่างและเซาะให้แพน้ำแข็งแตกออก แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 51 10:49:20 จากคุณ : กาลามะชน - [ 13 พ.ค. 51 08:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เรื่องของทวีปแอนตาร์กติก มีส่วนที่เกี่ยวกับการหมุนเวียนของกระแสน้ำ THC ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่านอกจากกระแสน้ำจะมีการจมตัวที่ทะเลขั้วโลกเหนือแล้ว การจมตัวลงสู่ระดับลึกยังเกิดขึ้นรอบๆทวีปแอนตาร์กติกด้วยเช่นกัน และเกิดขึ้นในขนาดที่ใหญ่กว่าที่การเกิดที่ขั้วโลกเหนือเป็นหลักสิบเท่า แต่การจมตัวที่แอนตาร์กยังไม่มีการศึกษามากเท่านัก จากคุณ : กาลามะชน - [ 13 พ.ค. 51 08:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 120 พูดเรื่องน้ำแข็งละลายแล้ว ถ้าไม่พูดถึง คิรีมันจาโร ก็ยังรู้สึกว่าไม่ครบ ภูเขาคิลิมันจาโร อยู่ในประเทศแทนซาเนีย ที่ละติจูด 3 องศาเหนือ (ประมาเมืองกัวลาลัมเปอร์) แม้จะอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร แต่เนื่องจากอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 19,431 ฟุต ทำให้มีทุ่งน้ำแข็งปกคลุม แต่ทุ่งน้ำแข็งของคิลิมันจาโร กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวโลกหวาดวิตกถึงสภาวะโลกร้อน ต้นปี 2000 มีการติดตั้งเครื่องตรวจสภาพอากาศอัตโนมัติที่ยอดเขา ซึ่งส่งข้อมูลผ่านดาวเทียม นับตั้งแต่ติดตั้ง เครื่องตรวจวัดรายงานว่าไม่เคยแม้สักครั้งที่อุณหภูมิจะขึ้นสูงกว่าจุดเยือกแข็ง อุณหภูมิที่ยอดเขาต่ำสุดประมาณ -25 C และสูงสุดประมาณ -2 C ค่าเฉลี่ยทั้งปี -7 C นักวิทยาศาสตร์โดยเสียงส่วนใหญ่ เชื่อว่าทุ่งน้ำแข็งที่คิลิมันจากโรไม่ได้หายไปเพราะสภาวะโลกร้อน แต่หายไปเพราะสภาวะความแห้งแล้งที่ปกคลุมอัฟริกาตะวันตกมานานนับสิบปี ทำให้มีหิมะที่ตกใหม่ในแต่ละปีมีน้อย ไม่เท่าเทียมกับน้ำแข็งที่หายไปเพราะการระเหิด จากคุณ : กาลามะชน - [ 13 พ.ค. 51 09:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 121 น้ำ ในสภาพของน้ำแข็ง สามารถระเหิดด้วยการกระทำของกระแสลมได้ นักวิทยาสาสตร์โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าทุ่งน้ำแข็งของคิลิมันจาโรหายไปเพราะการระเหิด ถ้าหิมะที่ตกใหม่ในแต่ละปีมีมากกว่าการระเหิด น้ำแข็งจะสะสม และกลายเป็นธารน้ำแข็งไหลลงมา ถ้าหิมะตกเท่ากับอัตราการระเหิด ปริมาณน้ำแข็งบนยอดเขาก็จะมีคงที่ แต่ถ้าปริมาณหิมะที่ตกมีน้อยกว่า ทุ่งน้ำแข็งก็จะค่อยๆหดหายไปอย่างที่ปรากฏที่คิลิมันจาโรเป็นต้น แล้วในอนาคตทุ่งน้ำแข็งของคิลิมันจาโรจะหมดไปหรือไม่ คงไม่มีใครบอกได้ แต่ในเดือนมกราคม 2551 คือเมื่อต้นปีนี้เอง เกิดหิมะตกหนักใหญบนคิลิมันจาโรจนเป็นข่าว ภาพยอดเขาที่ถูกหิมะปกคลุมจนขาวโพลนได้กลับมาปรากฎให้เห็นอีกครั้ง http://www.iht.com/articles/2008/01/21/travel/explorer.php?page=1 ภาพในเดือนมกราคม 2551 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 51 09:52:43 จากคุณ : กาลามะชน - [ 13 พ.ค. 51 09:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ทุ่งน้ำแข็งของคิลิมันจาโรเป็นหนึ่งใน 9 จุดผิดของ An Inconvenient Truth ที่ศาลสูงอังกฤษตัดสินว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถ้าจะนำไปฉายตามโรงเรียนต่างๆ ต้องมีการเพิ่มข้อมูลที่ถูกต้องในส่วนที่เป็นปัญหา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000121271 ที่จริงกระทู้นี้มีเนื้อหาครอบคลุมจุดผิดอื่นๆอีกหลายจุดของ An Inconvenient Truth ด้วย คือ - คำขู่ว่าน้ำแข็งละลายจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมเมืองชายฝั่ง คือข้อที่ 1 - การละลายของน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์จะทำให้ THC ปิดตัว คือข้อที่ 3 - และ การละลายของทุ่งน้ำแข็งบนยอดเขาคิลิมันจาโร คือข้อที่ 5 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 51 19:22:19 จากคุณ : กาลามะชน - [ 13 พ.ค. 51 10:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 123 อืมขอบคุณครับ...ดีจังเลยแล้วจะมีต่ออีกปะครับจะรอตามอ่านครับ จากคุณ : Hitokiri - [ 13 พ.ค. 51 11:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ผมขอบคุณทุกท่านที่สนใจติดตาม ถ้านึกได้ว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องเพิ่ม ก็จะมาต่อครับ ผมยังมีเรื่องอื่นรออยู่อีก แต่ที่อยากจะย้ายไปตั้งกระทู้ใหม่ เพราะไม่อยากเพิ่มสิ่งที่ไม่ตรงกับหัวข้อกระทู้ อยากจะเก็บไว้สำหรับอธิบายเรื่องในภาพยนต์โดยเฉพาะ สิ่งที่อยากจะขอฝากคือ ถ้าท่านคิดว่าเรื่องในกระทู้นี้พอจะมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ควรแก่การพิจารณา ก็อยากจะขอได้โปรดช่วยเผยแพร่ต่อ ในกรณีที่ได้พบกับคนที่เชื่อในทฤษฎีสมมติที่ใช้ในภาพยนต์ ถ้าหากจะมีกุศลของการให้วิทยาทานความรู้แก่ผู้อื่น ก็ขอให้ได้เป็นของท่านโดยบริบูรณ์ ตอนนี้ผมมีดร๊าฟไว้อีกสองเรื่อง กำลังคิดว่าจะตั้งทีละเรื่อง หรือจะส่งทีเดียวสองกระทู้พร้อมกันดี แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 51 19:51:20 จากคุณ : กาลามะชน - [ 13 พ.ค. 51 19:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เอ้า ฝั่ง โลกร้อน ว่าไงต่อครับ รออ่านๆๆๆๆ จากคุณ : ยังมีหวัง - [ 13 พ.ค. 51 19:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ขอบคุณครับ จากคุณ : srich - [ 13 พ.ค. 51 22:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ปัญหาคือการจับผิดทฤษฏีคนอื่นมันง่าย ฝั่งโลกเที่ยงถาวรก็นำเสนอได้เท่านั้น เพราะตัวเองก็หาทฤษฏีดักไปข้างหน้าไม่ได้ว่าวันต่อไปปีต่อไปสิบปีต่อไปร้อยปีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับภูมิศาสตร์โลก เพราะทั้งสองฝ่ายต่างต้องใช้เวลาเก็บส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงร่วมกัน ปล. ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายโลกร้อนด้านทฤษฏีเพราะเห็นได้ชัดๆว่ามั่วนิ่มอาศัยการตลาดในการนำเสนอ ผมชอบข้อเท็จจริงมากกว่า แต่เชียร์ฝ่ายโลกร้อนเพราะชาวโลกร้อนมักจบปัญหาต่างๆด้วยคำตอบการอนุรักษ์ธรรมชาติ ใช้ทรัพยากรให้น้อยลง ซึ่งผมสนับสนุนตรงจุดนี้ จากคุณ : หลับตา - [ 13 พ.ค. 51 23:45:27 A:58.64.100.38 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 128 แล้วเรื่องน้ำมันละครับ ช่วยวิเคราะห์ด้วยก็ดีนะครับ จากคุณ : furgie - [ 14 พ.ค. 51 12:38:20 ]

ความคิดเห็นที่ 129 เกิดจากมนุษย์ มนุษย์ทำลายธรรมชาติ มนุษย์ทำลายภูเขา ภูเขาขาดป่า จึงเกิดความร้อน ผลตามมาคือดินถล่มเมื่อเกิดฝนมา ถ้าทุกคนอยากให้โลกหายร้อน ก็ต้องปลูกต้นไม้ เพราะต้นไม้สามารถแก้ปัญหาให้ธรรมชาติได้ มันเป็นวัฏจักรของเขาอยู่แล้ว เปรียบเทียบง่ายๆ ระหว่างเอาผ้าใบทำหลังคา กับใต้ต้นไม้อันไหนจะเย็นกว่ากัน จากคุณ : Kim - [ 14 พ.ค. 51 13:06:18 A:58.9.162.28 X: TicketID:114266 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ผมเสนอว่า คุณกาลามะชน ส่งหนังสือไปยังรายการทีวีสัมภาษณ์เลยดีกว่าครับ เพื่อเป็นข้อมูล ให้ประชาชนได้วิเคราะห์ ทำความเข้าใจ และ ศึกษากันต่อไป เป็นประโยชน์นะครับ ทั้งนี้... ผมยังไม่ได้เห็นด้วยกับข้อมูลของฝ่ายไหนหรอกนะครับ จากคุณ : อะไรดี - [ 14 พ.ค. 51 15:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ใครๆก็พูดเรื่องโลกร้อน และต่างก็รณรงค์ ประชาชนที่ทำไดเพียงเล็กๆน้อยๆ เช่นใช้ถุงผ้า ในการ Shopping ถึงเป็นเพียงการสร้างจิตสำนึก ถ้าไม่ดำเนินการที่ภาคอุตสาหกรรมอย่างจริงจังแล้ว คงสิ้นหวัง เป็นหน้าที่โดยตรงของภาครัฐที่ดูแลอยู่จะต้องใช้มาตราการทางด้านการส่งเสริมทาง ด้านเศษฐศาตร์สิ่งแวดล้อม และการบังคับทาง กม. ที่สำคัญเจ้าหน้าที่จะต้องเข็มแข็ง หน่วยงานที่ขอชมคือ กรมควบคุมมลพิษ แต่หน่วยงานอื่นๆ ไม่ขอให้คำชม เจ้าของกิจการโรงงานมักจะตัดสินใจลงทุนทางด้านการตลาด การขยายการผลิต แต่สำหรับการลงทุนทางด้านสิ่งแวดล้อม มักจะไม่สนใจจัดหางบประมาณให้ ถือว่าปล่อยมลพิษฟรี แต่ลองนึกดูว่า ถ้าท่านทิ้งเศษอาหารไว้กลางห้อง มันจะเน่าเสีย และเหม็นเต็มห้อง เช่นเดียวกับมลพิษทางปล่อยออกนกโรงงาน แต่มักยังคงความเป็นพิษในรอบๆบริวเณนั้น และสำหรับก๊าซเรือนกระจกถูกปล่อยออกจากโรงงานจำนวนมาก อย่างไม่มีการควบคุม ทั้งๆที่กม.ที่ออกมาบังคับใช้มีการควบคุมอยู่แล้ว หากเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจในการบังคับใช้ กม.ยังนิ่งเฉย เราก็คงต้องรับกรรมจากมลพิษ ที่ถูกปล่อยออก ฟรีฯ... ก๊าซเรือนกระจก ภาคส่วนที่เป็นแหล่งกำเนินมากที่สุด 56.1 % ของประเทศไทยมาจากภาค พลังงาน หรืออาจกล่าวได้ว่ามาจากภาคอุตสาหกรรม รองลงมา 24.1% มาจากภาคเกษตร ในการลดปริมาณก๊าเรือนกระจกจึงควรดูเรื่องภาคอุตสาหกรรมพลังงานมากที่สุด สมมุดว่าโรงงานแห่งหนึ่งปล่อยอากาศเสียทางปล่องแบบย่อมๆ คือปริมาณ 50 CMM. ซึ่งนับว่าปริมาณน้อยหากเทียบกับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วฯไป) ถ้าโรงงานนี้ทำงานวันละ 8 ชม. โรงงานนี้จะปล่อยก๊าซออกมาขนาดเท่ากับตึกยาว 20 เมตร กว้าง 20 เมตร สูง 60 เมตรต่อวัน รองคิดดูว่าโรงงานที่ปล่อยก๊าซขนาด 380 CMM จะปล่อยของก๊าซเท่าไหร่ และต่อเดือนเท่าไหร่? รายละเอียดเพิ่มเติม ดูที่ http://www.onep.go.th/onepboard/forum_posts.asp?TID=334 จากคุณ : ภาวะโลกร้อน - [ 14 พ.ค. 51 17:32:59 A:58.9.70.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 132 ระนี้ web http://www.onep.go.th/onepboard/forum_posts.asp?TID=334 ถูกโจมตีมาก หากดูไม่ได้ให้ดูที่ http://www.siamsafety.com/index.php?page=forums/view&type_forum=1&message_id=25449 จากคุณ : ภาวะโลกร้อน - [ 14 พ.ค. 51 21:36:18 A:58.9.73.246 X: ]

ความคิดเห็นที่ 133 เรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ครับ เรื่องโลกร้อน แล้วร้อนขึ้นเพราะสาเหตุอะไร หรือเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ หลายคนเอาทั้งสองประเด็นมาผสมกัน จนในที่สุดไม่รู้ว่าจะถกกันเรื่องอะไร ถ้าจะถกเถียงกับเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็คุยกันเรื่องนี้เป็นเรื่องเป็นราวกันไปเลย ว่าจะทำกันอย่างไร แก้ไขกันอย่างไร อะไรบ้างที่ทำได้และควรทำอย่างไร จากคุณ : Vikee - [ 14 พ.ค. 51 21:45:52 ]

ความคิดเห็นที่ 134 สุดยอดครับ อ่านแล้วสนุกมาก ได้ความรู้ด้วย ขอบคุณคุณกาละแมชนครับ หาเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านตลอดเลย จากคุณ : phoenixia - [ 15 พ.ค. 51 07:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 135 โลกเคยร้อนเคยเย็น ผ่านยุคต่างๆมาหลายยุคแล้วด้วยสาเหตุต่างๆ สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ส่วนที่ปรับตัวไม่ได้ก็สูญพันธุ์ไป เราจะช่วยกันอย่างไรก็ช่วยไม่ได้เต็มร้อยเพราะมีมนุษย์เป็นจำนวนมากจะไม่ทำอะไรจนกว่าผลจะมาถึงตัว วันที่ความร้อนของโลกขึ้นมากและมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันนั้นจะต้องมาถึงช้าหรือเร็วก็ต้องมาถึง แต่ก็เชือว่ามนุษยชาติจะแก้ปัญหาเรื่องโลกร้อนนี้ไปได้ มนุษย์ส่วนใหญที่มีการศึกษามีสังวรณ์ ทำลายสิ่งแวดล้อมหากไม่จำเป็น แต่ก็ต้องดำเนินชีวิตตามปรกติ เช่นจะไม่ให้ขับรถ ไม่ให้ใช้พลังงานใดๆที่ไม่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเลยก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะปัจจุบันพวกเราก็ต้องการความสดวกสบายในการดำรงชีวิตด้วย โลกร้อนขึ้นยังไม่กระทบกับการดำรงชีพประจำวันของมนุษย์ส่วนใหญ่ ดังนั้นแม้จะทราบแต่ก็ยังมีคนสนใจจะช่วยกันน้อย เพราะเป็นเรื่องไกลตัว จากคุณ : ... --- ... - [ 16 พ.ค. 51 07:49:53 A:58.8.143.243 X: TicketID:131874 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ร้อนจริงๆ จากคุณ : xczar - [ 16 พ.ค. 51 17:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 137 หลักฐานว่าโลกร้อนขึ้นจริง ๆ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 17 พ.ค. 51 09:39:14 ]

ความคิดเห็นที่ 138 มาดูชาวโลกร้อน กับ พวกSkeptics ทะเลาะกัน = =" แต่ผมสนับสนุนฝั่งโลกร้อน (แต่ไม่ใช่เอะอะๆก็โลกร้อน แผ่นดินไหวเพราะโลกร้อน ตรูจะบ้าตาย) เพราะอย่างที่หลายๆคห.บอก มันช่วยให้มนุษย์มีจิตสำนึกมากขึ้น ซึ่งทางฝ่ายตรงข้ามเอง ก็ยังหาเหตุมายกให้อนุรักษ์ธรรมชาติไม่ได้ จึงได้แต่พูดว่า "ไม่จำเป็นต้องยกภาวะโลกร้อนมาขู่ ก็มีหลายวิธีที่จะทำให้มนุษย์ช่วยกันอนุรักษ์ได้" แล้วไหนล่ะครับ ทฤษฎีพวกนั้น   เป็นไปได้ที่โลกเราจะเข้าสู่ยุคที่ร้อนหลังยุคน้ำแข็ง แต่กิจกรรมของมนุษย์มันก็ไปเร่งกระบวนการมากเกินไป   ผมสนใจทฤษฎีGlobal Dimming อีกทฤษฎี ว่ามันเกี่ยวกับกิจกรรมของมนุษย์ด้วยหรือไม่   Edit เพิ่ม = =" ส่วนเรื่องโกหก หรือไม่นั้น มันเถียงกันไม่จบหรอกครับ เหมือนเถียงกันว่าพระเจ้ามีจริงไหม  ต่างฝ่ายต่างมีทฤษฎีของตน ตั้งธง และแบกอัตตากันไว้เต็มเปี่ยม เถียงกันกี่ล้านปีก็ไม่จบหรอกครับ เพราะต่างฝ่ายต่างก็หาว่าอีกฝ่ายโกหก แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 51 19:45:01 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 51 19:38:30 จากคุณ : icy_CMU - [ 17 พ.ค. 51 19:31:56 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ต่อไปจะเป็นยุคของคนโลกร้อน ค.ศ. 2000-5000 ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษทนความร้อนได้มากกว่าปกติ ถึง 50 C พวกที่ทนไม่ได้ จะกลายเป็นตำนานไป จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 18 พ.ค. 51 20:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ความคิดเห็นที่ 137  ผมเชื่อแล้วครับว่าโลกร้อน*0* จากคุณ : ZZsassyZ - [ 21 พ.ค. 51 01:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ความคิดเห็นที่ 121 ครับ คุณ กาลามะชน http://www.iht.com/articles/2008/01/21/travel/explorer.php?page=1 ได้เข้าไปดูแล้วครับ มันเป็นข่าวเล็กๆในคอลัมน์ Travel&Dining ของหนังสือพิมพ์ International Herald Tribune นี่ครับ ผมว่าข้อสังเกตุของนักท่องเที่ยว/คอลัมนิสต์คนหนึ่งที่ว่าไม่น่าจะเอามาเป็นหลักฐานอ้างอิงถึงการเพิ่มขึ้นของปริมาณหิมะบนยอดคีรีมันจาโรได้นะครับ เห็นด้วยครับที่หิมะสามารถระเหิดโดยการกระทำของกระแสลมได้ แต่ไม่เห็นด้วยที่คุณกาลามะชนอ้างว่าปริมาณหิมะที่ปกคลุมยอดคีรีมันจาโรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญโดยอาศัยเพียงแค่การบอกเล่าของนักท่องเที่ยวที่เขียนคอลัมน์ลงหนังสือพิมพ์คนหนึ่งครับ แต่หากคุณกาลามะชนมีหลักฐานอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียมหรือตัวเลขสถิติจากสถาบันที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิง เปรียบเทียบปริมาณหิมะก่อนและหลังเหตุการณ์ "ปริมาณหิมะบนยอดคีรีมันจาโรเพิ่มขึ้นจนเป็นข่าว" ได้ก็ยินดีนะครับ It looked nothing like the photographs of Kibo nearly denuded of ice and snow in the Al Gore documentary "An Inconvenient Truth." Nor did it seem to jibe with the film's narrative: "Within the decade, there will be no more snows of Kilimanjaro." - ตีความได้ว่าอย่างไรครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : OxfordGuy - [ 22 พ.ค. 51 14:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 142 มันดูไม่เหมือนภาพถ่ายยอดเขา Kibo ที่เกือบจะปราศจากน้ำแข็งและหิมะในภาพยนต์สารคดีของอัลกอร์เรื่อง An Inconvenient truth หรือเป็นไปในทางคำบรรยายในภาพยนต์ "ภายในสิบปี จะไม่มีหิมะบนยอดเขาคิลิมันจาโรอีกต่อไป" ตีความว่าผู้กล่าวไปเห็นทุ่งหิมะขนาดใหญ่ ดูแล้วไม่ตรงกับที่เห็นในภาพยนต์เรื่อง An Tnconvenient Truth เรื่องหลักฐาน ใน link ข่าวมีภาพหิมะสวยๆให้ดูหลายภาพ เป็นการฟ้องด้วยภาพไปแล้ว ถ้าไม่เห็นด้วย ก็ต้องหาภาพถ่ายยอดเขาโล้นๆ ที่ถ่ายหลังเดือนมกราคม 2551 มายัน แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 51 21:26:36 จากคุณ : กาลามะชน - [ 22 พ.ค. 51 21:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 143 คุณกาลามะชนครับ คือผมอยากจะชี้แจงให้เห็นว่า ภาพถ่ายของบุคคลเพียงคนเดียว (คือผู้เขียนคอลัมน์) หรืออาจจะหลายคนตามเนื้อหาข่าวในคอลัมน์ Travel&Dining ใน International Herald Tribune ที่คุณกาลามะชนเสนอ ซึ่งเป็นภาพถ่ายและความคิดเห็นจากการสังเกตุเห็นเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีข้อมูลชี้วัดหรือข้อมูลที่จะเอามาเปรียบเทียบได้ เช่น ข้อมูลทางสถิติ ภาพถ่ายดาวเทียม ฯลฯ มาประกอบ ไม่น่าที่จะเอามาใช้เป็นหลักฐานยืนยันปริมาณหิมะที่ปกคลุมยอดคีรีมันจาโรเพิ่มขึ้นได้  คือผมคิดว่า หากเป็นนักวิทยาศาสตร์ หลักฐานที่จะแสดงให้เห็นได้อย่างแท้จริงว่าปริมาณหิมะบนยอดคีรีมันจาโรมันเพิ่มขึ้นจริง อย่างมีนัยยะสำคัญ น่าจะ้เป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ ถึงจะสามารถชี้ชัดได้ว่า ปริมาณหิมะมันเพิ่มขึ้นจริงๆ ไมใช่่จากการสังเกตุและคาดเดาหรือสรุปเอาเองของนักท่องเที่ยวไม่กี่คน พูดง่ายๆ ผมอยากเห็นตัวเลข กราฟ ภาพถ่ายดาวเทียม บทวิเคราะห์ รายงาน ฯลฯ ของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง หรือจากสถาบันค้นคว้าวิจัยที่น่าเชื่อถือครับ ผมถึงจะกล้าเชื่อได้ว่า ปริมา๊๊ณหิมะบนยอดคีรีมันจาโรได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อต้นปี ซึ่งปริมาณที่เพิ่มขึ้นนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจนเป็นที่น่าสังเกตุจนเป็นข่าวใหญ่ เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า หิมะบนยอดเขามีโอกาสระเหิดเป็นไอได้เนื่องจากการกระทำของกระแสลม และความชื้นที่ลดต่ำลงในภูมิภาคนั้นทำให้ปริมาณหิมะที่ตกนั้นลดลง คงต้องสังเกตุกันต่อไปหากปริมาณหิมะบนยอดคีรีมันจาโรมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากจริงๆว่ามาจากสาเหตุใด เพราะความชื้นในแถบภูมิภาคนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว-เพราะอะไร? จากคุณ : OxfordGuy - [ 23 พ.ค. 51 09:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ^ ^ จาก http://news.nationalgeographic.com/news/2007/05/070501-kilimanjaro.html บอกว่าหิมะเริ่มตกบนคิริมันจาโรมากขึ้นตั้งแต่ 2006 แทบจะท่วมสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ National Geographic น่าจะเชื่อถือได้ But in 2006 an El Nino weather pattern helped bring heavy snowfall that almost buried weather stations on Kilimanjaro. The storms also thickened the peak's glaciers, increasing their thickness even though their surface area stayed the same. คิลิมันจาโร มีหิมะปกคลุมสวยงานเป็นภาพที่ปกติ แต่การถดถอยชั่วคราวเป็นช่วงสั้นๆ ก็เคยเกิดมาก่อน อาจจะเกิดเป็นช่วงสั้นๆไม่กี่ปีในช่วงที่เกิดความแห้งแล้ง แล้วหิมะก็กลับมาขาวตามเดิม แล้วผู้คนก็ลืมกันไป ภาพจาก The Concensus on Kilimanjaro is Wrong (ผมมีแต่ pdf ไม่มี link ให้) แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 20:27:00 จากคุณ : กาลามะชน - [ 14 มิ.ย. 51 20:17:43 ]

ความคิดเห็นที่ 145 แม้โลกจะร้อนขึ้น แต่บริเวณรอบ Kilimanjaro ในช่วงที่น้ำแข็งกำลังหดอย่างรวดเร็วนั้น กลับเย็นลงเล็กน้อย ข้อมูลจากดาวเทียม NASA (1997-2001) แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 20:31:29 จากคุณ : กาลามะชน - [ 14 มิ.ย. 51 20:30:24 ]

ความคิดเห็นที่ 146 อุณหภูมิรอบๆ Kilimanjaro วัดจากดาวเทียม จากคุณ : กาลามะชน - [ 14 มิ.ย. 51 20:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ทำไมผมไม่ค่อยเชื่อใจคุณ กาลามชนเลยนะ ผมก็ว่าผมเก่งพอตัวนะ แต่ผมว่า ซึนามิ แคทรีนา แผ่นดินไหวที่ปากีสถาน จีนเสฉวน นากีสพม่า ไม่เกี่ยวกับ โลกร้อนสักนิดเลยนะ 555 จากคุณ : จริงๆนะ - [ 20 มิ.ย. 51 23:04:30 A:117.47.76.82 X: ]

ความคิดเห็นที่ 148 โอว ได้ความรู้ดีมากครับ อยากให้กระทู้แบบนี้ มีอยู่คู่พันธ์ทิพย์ไปนาน ๆ จัง จากคุณ : สุกรสยาม - [ 22 ต.ค. 51 20:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 149 คุณกะลามะชน.....สุโค่ยจิงๆ จากคุณ : Paultinus - [ 25 ต.ค. 51 03:44:25 ]