ความคิดเห็นที่ 1 จากประสบการณ์เท่าที่รู้มา อาจารย์คนหนึ่งที่สอนนักศึกษาได้ A ทุกคน ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี ถูกมหาวิทยาลัยตั้งกรรมการสอบสวน และลาออกจากการเป็นอาจารย์ไปแล้ว จากคุณ : Practical x 2 - [ 17 พ.ค. 51 04:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ช่วงนี้เปิดเทอมแล้ว แต่เกรียนยังไม่เตรียมตัวไปเรียนอีกหรือไงนะ ที่ จขกท ถาม คงเกี่ยวกับว่า เนื้อหา คือ อะไรมั้ง ถ้าท่องจำก็คงพอไหว แต่ถ้าเป็นความเข้าใจ วิเคราะห์ก็ขึ้นกับแต่ละคนด้วยล่ะ จะคิดออกมายังไง สอนให้รู้ได้ แต่สอนให้คิดได้มันก็ยากนะ จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 17 พ.ค. 51 05:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะเป็นไปได้หรือครับ ที่ช่างตีเหล็ก จะตีดาบ 500 เล่ม ให้มีความคมเท่ากันทุกเล่ม ในเมื่อเหล็กที่นำมาตี มีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น 1.เหล็กหล่อ แข็งกระด้าง ทนร้อนทนเย็น ถ้าทำดาบจะคมน้อยครับ 2.เหล็กเหนียว ดัดให้โค้งงอได้ จะมีความคมพอประมาณ 3.เหล็กกล้า แข็งแกร่ง หากนำไปทำดาบ จะคมมากครับ ศิษย์ก็มีหลายประเภท 1.ศิษย์บางคนก็กระด้าง สติปัญญาไม่สูง ไม่อาจเรียนรู้ตามที่อาจารย์สอนได้ 2.ศิษย์บางคนว่านอนสอนง่าย เรียนรู้ได้เท่าที่อาจารย์สอนครับ 3.ศิษย์บางคนสติปัญญาดี นอกจากจะเรียนรู้ตามที่อาจารย์สอนแล้ว ยังอาจรู้มากกว่าตำรา ที่อาจารย์นำมาสอนอีกครับ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 51 11:36:20 จากคุณ : บุญถิ่น - [ 17 พ.ค. 51 06:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สอนให้ทุกคนรู้น่าจะพอทำได้ เเต่จะให้เก่ง ให้เชี่ยวชาญหมดคงยาก เพราะมันขึ้นกับตัวเด็กด้วยว่าจะเอาหรือเปล่าความรู้ จะเอาไปใช้ ไปประยุกต์ หรือไม่ สอนให้รู้คือหน้าที่อาจารย์ ที่เหลือก็อยู่ที่เด็กเเล้ว จากคุณ : Atomic Secret - [ 17 พ.ค. 51 06:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ง่ายที่สุดคือ หานักศึกษาที่เก็งเท่ากัน 500 คน มาให้ อาจาร์ย ท่านนี้สอน จากคุณ : วิญญานพเนจร_2 - [ 17 พ.ค. 51 07:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มันคงอยู่ที่วิธีการเรียนด้วย ในอดีตมีคนที่ทำได้คือพระพุทธเจ้าสามารถสอนชฎิล500 ชฎิล 300 ชฎิล200 สำเร็จกันหมด ว่ากันว่าสอนโดยการหยั่งรู้วาระจิตนักศึกษาไปด้วย ไขข้อข้องใจนักศึกษาโดยไม่ต้องถามมาก แต่ชฎิลก็เป็นนักบวช มีความฝักใฝ่ในธรรมะอยู่แล้ว ความใฝ่ธรรมะนั้นจริงจังถึงขนาดแลกด้วยการสละชีวิตแบบฆราวาส เมื่อมีการสอนก็เรียนรู้และปฏิบัติแบบเอาจริงเอาจัง เมื่อสงสัยก็ไม่ต้องเก็บเอาไว้ ได้รับคำตอบที่เคลียร์ ส่วนนักศึกษาในปัจจุบัน บางทีอยากถามแต่ก็ยากที่จะถาม เพราะอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าควรจะสงสัยอะไรดี อันนี้แหละ น่าจะเป็นจุดหลักในการเรียนรู้ของคนที่เรียนอ่อนกว่าว่าจะตามคนเก่งๆทันหรือเปล่า ถ้าอาจารย์สามารถรู้ได้ว่าคนที่อ่อนเขาควรจะติดขัดสงสัยตรงไหนได้บ้าง โดยไม่ต้องถามมาก อาจารย์ท่านนั้นก็คงเก่งไปอีกขั้น หรือถ้าสามารถสร้างบรรยากาศให้นักศึกษาที่การเรียนอ่อนสามารถถามทุกอย่างที่อยากจะถาม(มีเวลาให้ถามมาก บรรยากาศดี ถามแล้วตอบได้ดี ) ก็น่าจะช่วยได้บ้าง จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 17 พ.ค. 51 08:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าสอนเป็นรายบุคคล หรือ แบ่งกลุ่มสอนหนะได้ แต่ถ้าสอนด้วยวิธีเดียวกันพร้อมๆกัน 500 คน เป็นไปได้ยากมาก  เพราะความสามารถในการรับรู้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน จากคุณ : oakemon - [ 17 พ.ค. 51 08:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ทฤษฏี ปฏิบัติงาน ผลการปฏิบัติ วิชาการในเมืองไทยอยู่ในตำรามากไปหน่อย และการวัดผลก็วัดผลจากการที่เด็กรู้ทฤษฏีเป็นส่วนใหญ่ จากคุณ : หลับตา - [ 17 พ.ค. 51 08:28:28 A:58.64.103.99 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คนพูดไม่เคยสอนไงครับ ผมได้เกียรตินิยมทั้งที่เข้าเรียนไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ  เพื่อนบางคนได้3.5+ ทั้งที่เข้าเรียนไม่ถึง20%ก็มี หลักๆมันอยู่ที่ตัวคนเรียนมากกว่าอาจารย์ จากคุณ : maxijojo123 - [ 17 พ.ค. 51 08:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะสอนเด็ก500คนให้เก่งทุกคน เพราะในจำนวน500คนนั้นจะต้องมีเด็กเก่ง,ไม่เก่ง,ขยัน,ขี้เกียจ ฯลฯ อาจารย์อย่าไปใส่ใจเลยครับ ผมว่ามันยังไม่ได้เรียนมหาลัยหรอก ก็แค่เด็กน้อยที่ยังไม่โตน่ะครับ จากคุณ : jubchay - [ 17 พ.ค. 51 08:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นไปไม่ได้ครับ อาจารย์แพรคฯ ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต พระพุทธเจ้ายังทรงเปรียบบุคคลเป็นบัว  4 เหล่าเลย จากคุณ : 447 - [ 17 พ.ค. 51 08:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมคิดว่า เป็นวิธีคิดแบบไม่กล่าวโทษผู้อื่น ซึ่งควรจะใช้กับทั้ง 2 ฝ่าย แต่ไปๆมาๆ ก็ถูกใช้เพื่อกล่าวโทษฝ่ายเดียว หากว่าเป็นการที่อาจารย์หันกลับมามองหาจุดบกพร่องเพื่อแก้ไข และนักศึกษาก็หันกลับมามองจุดบกพร่องเพื่อแก้ไข ก็จะดีกับทุกๆฝ่าย แต่ตอนนี้ เหมือนกับ อาจารย์ถูกชี้ให้กลับไปมองจุดบกพร่อง แล้วนักศึกษายืนกอดอก บอกว่า มาสอนผมให้รู้เรื่องซะดีๆ และบางที่ก็เป็นตรงข้ามคือ อาจารย์โทษว่าเด็กไม่สนใจเอง แต่ปัญหาคืออาจารย์ก็ไม่ได้ตั้งใจสอนอย่างที่ควรจะเป็น แล้วยืนกอดอกบอกนักศึกษาว่า พวกคุณควรจะเข้าใจเองได้ จากคุณ : ksk - [ 17 พ.ค. 51 09:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับ คห 12 บุคคลก็เปรียบเหมือนบัวสี่เหล่า และเหล่าที่มีเยอะๆ ก็ไม่ใช่บัวพ้นน้ำ หรือบัวปริ่มน้ำ ครับ แต่อาจารย์ทั้งหลายก็อย่าท้อแท้เลยนะครับ คนฝึกได้สอนได้ ยังมีอยู่ และพวกนี้แหละ จะเป็นประโยชน์ต่อไป เหมือนคำอารธนาพระธรรมท่านว่า สัตว์ที่มีธุลีในดวงตาเบาบาง ยังมีอยู่ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงทรงแสดงพระธรรมอนุเคราะห์หมู่สัตว์นี้เถิด จากคุณ : ธัมมนันทิ - [ 17 พ.ค. 51 09:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาให้กำลังใจ ละกันครับ ปล. #4 เห็นภาพชัดเจนเลยครับ จากคุณ : vn, man - [ 17 พ.ค. 51 09:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 16 น่าจะได้นะครับ แต่คงต้องใช้เวลา เพราะคนเราความสามารถในการรับรู้และเรียนรู้ไม่เท่ากัน ซึ่งถ้าอาจารย์จะสอนให้นักศึกษาให้เข้าใจ ให้เก่งทุกคนเนี่ย บางทีอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 4 ปีด้วยซ้ำ แล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็กเองด้วย เอ้านักศึกษามีอะไรสงสัยตรงไหนไหม ถามมาได้เลย เงียบ..... พอตอน test ไม่รู้เรื่องเลยว่ะ อาจารย์แกสอนไม่ได้เรื่อง (อ้าว....) จากคุณ : Ice-man - [ 17 พ.ค. 51 10:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ช่างตีดาบที่มีฝีมือ เมื่อได้เหล็กดี ก็สามารถตีได้ดาบชั้นเลิศ ถ้าเอาเหล็กไม่ดีมาให้ช่างตี ก็คงได้แค่ดาบ ครูกับเด็ก อยากได้บัณฑิตชั้นดี มักก็ต้องประกอบด้วยครูดีและศิษย์ดี ในแง่ของการเรียนมหาวิทยาลัยผมมองว่าปัจจัยอยู่ที่นศ.มากๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอาจารย์จะไม่มีส่วน เอ้าตอบจขกทหน่อยว่าไม่มีหรอก จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 17 พ.ค. 51 10:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใช่ครับ ฉลาดอยู่แล้วจะมาเรียนทำไม บางที นิสิต/นักศึกษา สอบเข้าได้คิดว่าตัวเองเก่ง เลยไม่ค่อยตั้งใจเรียน แล้วพอมีการสอบก็.............. จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 17 พ.ค. 51 10:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าคนเรียนรู้เรื่อง สอบผ่าน มากกว่าคนไม่รู้เรื่องก็ OK แล้ว จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ 17 พ.ค. 51 10:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เพราะยึดกับคำว่า"สอน"ไงครับ การศึกษาในระดับอุดมศึกษานั้นอาจารย์หรือผู้บรรยาย(Lecturer) มาชี้แนะหรือguide มากกว่า"สอน" การศึกษาระดับนี้เป็นการฝึกตนครับ ในแต่ละวิชาในแต่ละหลักสูตร มีเป้าหมายมีเกณฑ์ไว้แล้ว นักศึกษาจะต้องถามตนเองว่าทำอย่างไรฉันจึงจะไปถึงจุดหมาย resourceหรือทรัพยากรที่จะช่วยให้ไปถึงมีอะไรบ้าง เช่น ชั่วโมงบรรยาย อาจารย์ หนังสือ เวลา ซึ่งต้องรู้จักนำมาใช้เพื่อพัฒนาตนเอง การถ่ายทอดความรู้ในชั่วโมงบรรยายของระดับนี้ เป็นเรื่องรองๆด้วยซ้ำ(ซึ่งต่างจากมัธยม) เพราะถ้ารู้จักว่าจุดหมายคืออะไร รู้ว่าจะไปเข้าหาองค์ความรู้ได้อย่างไร ท้ายสุดก็ได้องค์ความรู้นั้นเอง ถ้าโทษว่าบรรยายแล้วไม่น่าสนใจ ลองคิดดูว่าเวลาออกไปทำงาน เขาไม่สนหรอกครับว่าคุณจะสนใจในเรื่องนั้นๆหรือไม่ ถ้าcommit แล้วก็ต้องทำ อาชีพต่างจากสมัครเล่นตรงที่อาชีพนั้น ต้องทำงานได้แม้ไม่มีอารมณ์อยากทำ ดังนั้นถ้าอยากเป็นอาชีพนั้นจริงๆ ก็ต้องรู้จักหาวิธีการ ทำให้เรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ในวิชาชีพนั้นๆน่าสนใจให้ได้ ไม่ว่าคนมาบรรยายหรือตัวเนื้อหานั้นน่าเบื่อเพียงไร ซึ่งถ้าทำไม่ได้ ผมสนับสนุนให้ลองคิดทบทวนดูว่า เรื่องน่าเบื่อพวกนี้จะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน เพราะเราต้องประกอบอาชีพนี้ ดังนั้นการที่เราจัดการเรื่องที่น่าเบื่อนี้ไม่ได้ เราควรจะเปลี่ยนเป้าหมายไปเรียนอย่างอื่นดีไหม ผมไม่ได้บอกนะครับว่าอาจารย์หรือผู้บรรยายไม่มีส่วนเลย แต่จะเห็นว่าตามปรัชญาการศึกษาในระดับนี้แล้ว ส่วนหลักๆแล้วตกอยู่กับตัวนักศึกษาเองมากกว่า เพราะไม่งั้นแล้วทุกคนจะกลายเป็นค่ากลาง แทนที่จะเป็นนักศึกษาแต่ละคนจะพัฒนาไปถึงที่สุดของเขา ท้ายสุด อุดมศึกษาปี 1 ไม่ใช่มัธยม 7 การศึกษาในระดับอุดมศึกษา ไม่ใช่ (และ ไม่ควร) เป็นภาคบังคับ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 51 12:04:00 จากคุณ : KL - [ 17 พ.ค. 51 11:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คห. 10 เรียนสาขาอะไร ม.ไหนครับ ปล. ถามเพราะอยากรู้ จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า - [ 17 พ.ค. 51 11:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่ได้ แต่ถ้านักศึกษามีผลการสอบแย่ลง อาจารย์ก็ควรพิจารณาตนเองด้วย ว่าควรปรับการสอนอย่างไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม ให้นักศึกษาเข้าใจได้ง่ายกว่าเดิม ไม่ใช่สอนแบบเดิมๆหรือแบบเดียวกับที่สอนมาหลายปี โดยไม่มีการพัฒนา ตัวผู้เรียนก็สำคัญครับ แต่เราจะไปเปลี่ยนอะไรเขาได้บ้าง ??? แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 51 12:14:27 จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 17 พ.ค. 51 12:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 วิศวะคอม ลาดกระบังครับ โดดเรียนก็ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรอก นั่งทำหุ่นยนต์อยู่ชมรม ไม่ก็รับงานนอกมาทำแถวห้องโปรเจกนั่นแหละ จากคุณ : maxijojo123 - [ 17 พ.ค. 51 12:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าเด็กเรียนไม่ผ่านเยอะนั่นแสดงถึงคุณภาพการสอนของตัวอาจารย์เอง กระทู้นั้นเราก็บอกทำนองนี้ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 17 พ.ค. 51 12:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ เพราะฉะนั้นต้องลดคุณภาพข้อสอบ? จากคุณ : nisas - [ 17 พ.ค. 51 12:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ เพิ่มคุณภาพนักศึกษา โดยเพิ่มคุณภาพระบบและผู้สอน จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 17 พ.ค. 51 13:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การเป็นบัณฑิตได้นั้น "สอน"กันไม่ได้ครับ ได้แต่"แนะนำ" เพิ่ม ถ้าต้องการแค่คนที่ใช้ความรู้แบบสอนกันได้ ช่วยๆรณรงค์รับ ม.6 ไปก็พอครับ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 51 13:46:14 จากคุณ : KL - [ 17 พ.ค. 51 13:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ ลดคุณภาพข้อสอบ หรือ เพิ่มคุณภาพนักศึกษา หรือ เพิ่มคุณภาพผู้สอน ก็ยังไม่พอ เพราะเด็กปี 1 เวลาเข้าไปเรียน วัน ๆมีแต่รับน้องคณะ  รับน้องโรงเรียน  รับน้องรหัส  รับน้องภาค ประชุมเชีัยร์ ฯลฯ แถมยังมีการโดดเรียนอีก  บางคนแทบไม่เคยเข้าเรียนเลย เลยติดโปรไปซะครึ่งภาควิชา จากคุณ : --^ไชโย^-- - [ 17 พ.ค. 51 13:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบคุณ--^ไชโย^-- เรื่องกิจกรรม การเข้าชั่วโมงบรรยาย ฯลฯ นี้ ผมว่าก็แล้วแต่การจัดการครับ และมันก็เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกตนในมหาวิทยาลัยด้วย คือต้องรู้ตนเอง รู้เป้าหมายอยู่แล้วว่าต้องเรียนให้ได้เท่านั้นเท่านี้ ต้องได้เท่านี้จึงจบ ดังนั้นก็ต้องรู้จักประมาณตน ทำกิจกรรมต่างๆได้แค่ไหน จะเข้าห้องบรรยายหรือไม่ ก็ต้องตัดสินใจและวางแผนเอา นี้เป็น 1 ในคุณสมบัติของบัณฑิตครับ จากคุณ : KL - [ 17 พ.ค. 51 13:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โยนความผิด และความรับผิดชอบไปให้คนอื่น มันง่ายกว่าการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น จากคุณ : maxijojo123 - [ 17 พ.ค. 51 14:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อืมเอาตอบจริงๆนะ ตัวอาจารย์เองก็ไม่ใช่สักแต่สอนให้จบๆชั่วโมงตัวเองไป อาจารย์ก็ต้องขยันหาความรู้มาเพิ่มเติมในการสอนของตัวเองเสมอ และต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่านักศึกษาในคณะตนต้องฉลาดหลักแหลม สอนไปแล้วมันต้องเข้าใจทุกคน ใครไม่เข้าใจมันโง่ อย่าลืมว่านักศึกษาทุกคนความเข้าใจช้าเร็วมันไม่เท่ากัน ตัวนักศึกษาเองก็ต้องขยันด้วย เรียนไม่เข้าใจก็ต้องหัดเข้าหาอาจารย์ รู้จักถามและใฝ่หาความรู้ ไม่ใช่รอให้อาจารย์เอาข้อมูลมาป้อน เวลาเรียนก็นั่งหลับ นั่งเฉย ไม่ยอมจดเนื้อหา ถึงเวลาสอบก็ไปก็อปปี้เลคเชอร์ของเพื่อนที่จดมาอ่านมาท่องและเข้าห้องสอบ การปรับปรุงระบบการศึกษามันต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายทั้งผู้เรียนและผู้สอนว่าไหม นะ.... จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 17 พ.ค. 51 14:12:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ต่อให้อ.สอนเทพขนาดไหนแต่นักศึกษา ไม่อ่านทบทวน เล่นเกม เที่ยว นั่งคุยกะเพื่อน วันรุ่งขึ้นไปเรียนต่อกลับมาทำแบบเดิม มานั่งอ่านหนังสือ2วันก่อนสอบ คิดว่าพวกนี้จะรอดมั้ยหล่ะ ถ้าเรียนเสร็จกลับมาทบทวนทุกวัน ไม่เข้าใจตรงไหนไปถามอ. แล้วยังได้เกรดน้อย อันนี้ค่อยว่ากันอีกที จากคุณ : zeroxs - [ 17 พ.ค. 51 14:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วิธีที่สอนมาแบบเดิมๆหลายๆปี ไม่ได้หมายความว่า วิธีการสอนนั้นไม่ดีีนิครับ การปรับเปลี่ยนวิธีการสอนได้จากจากการออกแบบการสอน ทดลองสอน และค่อยๆปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆเมื่อเจอปัญหาไม่ใช่รึครับ วิธีการสอนนั้นถูกปรับปรุงมาจากการสอนนักเรียนหลายสิบรุ่น และผมมั่นในว่าอาจารย์มักจะมีสิ่งใหม่ๆมาอัพเดทเสมอแน่นอน แต่อยู่ๆถ้าเกิดวิธีการสอนที่เคยสอนรุ่นก่อนได้ผลดี และรุ่นก่อนหน้านี้ก้ชมว่าอาจารย์สอนดี และรุ่นของรุ่นก่อนๆ ก้ยังมาคุยให้รุ่นน้องฟังได้ว่าอาจารย์คนนี้สอนดี พอมาถึงรุ่นนี้ เด็กกลับเรียนไม่ไหว มันเกิดจากอะไรรึครับ? ตรงจุดพลิกผันตรงนี้จะให้อาจารย์เอากระบวนท่าไหนมาสอนครับ ในเมื่อหลักสูตรวิธีการสอนที่ดี มันต้องใช้เวลานานทีเดียว ถึงจะค้นพบความลงตัวตรงนั้น ผมเห็นด้วยกับหลายความเห็นที่ว่าอาจารย์คือผู้แนะแนวทางครับ ขึ้นระดับมหาวิทยาลัยแล้วคือการเตรียมตัวออกไปสู่โลกกว้างครับ อาจารย์คือคนที่จะเดินนำทางไปเท่านั้น ไม่ได้ลากเด็กไป ผมเบื่อนะที่เจอเด็กหลายคนมาสมัครงาน แต่ ไม่สามารถที่จะทำงานได้ เหมือนความรู้เป็น 0 หากจะให้เริ่มสอนใหม่ก็คงไม่ไหว งานไม่เดินแน่ๆ ระดับมหาวิทยาลัยเรียนเพื่อเอาไปทำงานนะครับ หากไม่กระตือรือร้นเอง จะไปโทษใคร และถ้าเรียนไม่ไหว แถมไม่สนใจหาความรู้อีก ผมก็เห้นด้วยที่ให้เปลี่ยนสายการเรียนไปซะ ไม่งั้นจะกลายเป็นขยะในสายวิชาชีพนั้น หากได้ทำในสิ่งที่รักสิ่งที่ถนัด จะรุ่งกว่านะ เด็กคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นสุดยอดในหมู่ดาบ แต่ก็อาจจะเป็นสุดยอดในหมู่มีด อาจจะเป็นสุดยอดในหมู่จอบเสียม เป็นสุดยอดในหมู่ถ้วยชามไหหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ให้ตายเถอะ เด็กส่วนมากไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นสุดยอดในอะไร แต่ผู้ใหญ่บอกว่าเป็นเศษดาบดูดีที่สุดซะงั้น - -! จากคุณ : soginal (soginal) - [ 17 พ.ค. 51 14:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาแชร์ประสบการณ์ค่ะ เคยเรียนในวิชานึง คนกว่าครึ่งห้องทำคะแนนได้ไม่ถึง 20% แต่อีกวิชานึง ที่มีแต่เด็กที่ตั้งใจอยากจะเรียน ได้ A กันยกชั้น นับเฉพาะส่วนที่สอนโดยอาจารย์คนเดียวกันค่ะ จากคุณ : อุริ อุริ - [ 17 พ.ค. 51 15:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่มีหรอกแบบนั้น การเรียนที่ดีที่สุด คือการเรียนด้วยตัวเอง อาจารย์เป็นเพียงผู้แนะแนวทาง แค่นั้น จากคุณ : foxaon1 - [ 17 พ.ค. 51 15:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มายกตัวอย่างให้ดูครับ เผื่อจะเห็นชัดขึ้น ในจุดมุ่งหมายของการศึกษาระดับอุดมศึกษา จะมี Liberty of Mind กับ Independent แค่สองอย่างนี้ก็จะเห็นว่ามัน"สอน"กันไม่ได้ครับ ได้แต่"แนะนำ" ตัวอย่าง มีครั้งหนึ่งอาจารย์เข้ามาบรรยายในชั่วโมงบรรยาย เริ่มคาบท่านก็ถามว่า ในเรื่องนี้คุณมีประเด็นอะไร หรือมีอะไรสงสัยหรือน่าสนใจ ปรากฏทั้งห้องเงียบ อาจารย์ก็เลยบอกว่าOK งั้นเลิกได้ ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ท่านนี้เต็มๆเลย มาเสริม ที่ผมเห็นด้วยเพราะการเข้ามาเจออาจารย์นั้น เราไม่ได้มาเอาความรู้พื้นฐานครับเพราะพวกนั้นไปอ่านเอาในตำราได้ แต่ที่เราเข้ามาเจออาจารย์นั้น เพื่อที่จะเอาความคิดหรือไอเดียหรือข้อสงสัย จากความรู้ในตำรามาถกกับอาจารย์ มามองมุมบางมุมที่ไม่มีในตำรา เพื่อให้ไปถึงLiberty of mind ผมว่าคนที่เข้ามาแล้วตกไม่ใช่โง่ครับ แต่ไม่ถนัด แต่มันก็มีคำถามที่น่าจะถามตนเองว่า แล้วจะทนทำสิ่งไม่ถนัดทำไม หรือถ้าอยากจะทนก็ต้องยอมรับว่าต้องทำให้ได้ ไม่ใช่อยู่เฉยๆแล้วจะผ่าน อีกกรณีที่เจอคือ ไม่สามารถจัดการตนเองได้(เพื่อนไปทำกิจกรรมแล้วแห่ตามไปทั้งๆที่ไม่พิจารณาตนเอง) อันนี้ก็ต้องพยายามรู้ตัวเองครับว่าเราได้แค่ไหน ซึ่งไม่เฉพาะเรื่องเรียนและกิจกรรม ทักษะอันนี้เอาไปใช้อย่างอื่นด้วย เช่นการใช้จ่ายเงิน ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 51 15:33:18 จากคุณ : KL - [ 17 พ.ค. 51 15:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าครูอาจารย์ปฏิบัติงานอย่างสำนึกในภาระหน้าที่ที่มีต่อศิษย์  มีธรรมะอย่างครู  รับผิดชอบ  เอาใจใส่ต่อนักเรียนเต็มที่  หมั่นปรับปรุงแก้ไขประสิทธิภาพการทำงานตัวเอง   อย่างนี้ก็ไม่สมควรโทษหรอกถ้าเด็กมันจะสอบตก  เพราะผลสำเร็จจริงๆของศิษย์ขึ้นกับบริบทและปัจจัยอื่นๆมากมาย แต่ที่เห็นจริงๆครูอาจารย์หลายๆคนไม่มีคุณสมบัติอย่างที่ว่า   พอถึงเวลา lecture ก็ทำแบบผ่านๆไม่สนใจว่าใครจะเข้าใจหรือไม่   พอเด็กไปถามก็หาว่าแค่นี้ไม่รู้  ไม่ยอมอ่านหนังสือมาก่อน   แต่พอไม่ถามก็หาว่าไม่กระตือรือร้นไม่สนใจฝ่รู้   บางทีก็หาเรื่องดุด่าในคุณธรรมที่ตัวเองก็ยังไม่มี   เวลาราชการก็ทำไปทำมาหาประโยชน์ใส่ตัว ต่างคนก็ต่างพิจารณาตัวเองแล้วกันครับ จากคุณ : Exampli gratia - [ 17 พ.ค. 51 18:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สอนเนื้อหาสาระที่เป็นความรู้ นั้นสอนได้ แต่สอนให้คนรู้จักคิดนั้นสอนกันไม่ได้ จากคุณ : เซียนแห่งmath - [ 17 พ.ค. 51 20:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หัวช้าพยายามแล้วไม่เก่ง จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 17 พ.ค. 51 22:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 40 งานวิจัยทางจิตวิทยาการสอน (จำแหล่งไม่ได้ครับ ขอโทษที) บอกว่า สัมฤทธิ์ผลทางการศึกษา ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียน 75% ตัวผู้สอนแค่ 25% ครับผม ถ้าสอนเก่งยังไง คนเรียนมันไม่อ่าน ไม่ฟัง จะสอนมันยังไงล่ะครับ ไม่มีไม้เท้ากายสิทธิ์เสกให้มันเก่งนิ แต่ถ้าคนเรียนเก่ง ขวนขวายเอง ไม่ต้องสอน มันก็ค้นเองเก่งเองได้ครับ ผู้สอนก็มีผล แต่ความเอาใจใส่ของผู้เรียนสำคัญกว่าครับ จากคุณ : Dancing Sakura - [ 18 พ.ค. 51 00:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อยากเรียนนั้น กว่าจะเข้าได้ ต้องขวนขวายกันทุกคน แต่พอเข้าไปแล้ว ดันไม่เรียนซะนี่... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 18 พ.ค. 51 02:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 18 พ.ค. 51 08:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Impossible จากคุณ : Cryptomnesia - [ 18 พ.ค. 51 09:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คห 4  โอ้...  คมจริง จากคุณ : mr.wisdom - [ 18 พ.ค. 51 11:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ผมจำได้สมัยประถม ครูคนนึงเคยบอกว่า รุ่นพี่ที่เค้าจบไปแล้ว อยู่ในโรงเรียนมัธยม เรียกคนที่สอนหนังสือว่าอาจารย์ พอกลับมาเยี่ยมโรงเรียน ก็มาเรียกครูว่าอาจารย์ ครูไม่ชอบ อย่าเรียกครูว่าอาจารย์ จากคุณ : Avexiouz - [ 20 พ.ค. 51 02:46:41 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขนาดโรงเรียนชื่อดังอย่าง Raffles Junior College ที่รับเด็กเก่งที่สุดของที่สุด Best of the Best เข้ามายังทำไม่ได้เลยครับ (1 cohort ประมาณ 800 จำนวน นร ที่เลือกเรียนวิชาเดียวกัน ~ 500-600) ต้องมีบางคนที่ทำคะแนนแย่กว่าคนอื่น อาจเป็นเพราะ ทะนงตัวว่าเก่ง เล่นเกินไป ทุ่มกับกิจกรรมเกินไป Raffles Junior College (Singapore) รร ที่ได้ชื่อว่า Ivy League Machine (อาจผิดเล็กน้อย) เพราะเด็กทีจบมามีอัตราการเข้า ม. ใน Ivy League ของอเมริกามากที่สุด มากกว่า high school ใดๆในอเมริกาเสียอีก พวกเก่งๆก็ HYP (Harvard, Yale, Princeton) กันทั้งนั้น จากคุณ : ผ่านมา - [ 22 พ.ค. 51 14:34:20 A:203.146.25.174 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 อาจารย์สอนก็ส่วนหนึ่ง ผู้เรียนก็ต้องตั้งใจเรียนด้วย ลองมาเรียนเขียนโปรแกรมที่นี่ซิ ให้ดูการสอนก่อนตัดสินใจ ติดต่อได้ที่ 086-445-1600 จากคุณ : helloyok - [ 22 ต.ค. 51 15:35:20 ]