ความคิดเห็นที่ 1 เนื้อหาโฆษณานี่บางอย่างอาจจะเป็นไปไม่ได้เกินไป เช่นสมุนไพร ฯลฯ แต่ดูแล้วเห็นภาพรวมดีครับ แล้วผมก็ชอบโฆษณาที่พยายามจะสื่ออะไรตรงๆ ง่ายๆ อย่างสร้างสรรค์แบบนี้มาก อีกชิ้นหนึ่งที่ชอบมากคือ...โฆษณาก่อนเลือกตั้งน่ะครับ ผู้นำต้องเสียสละ ผู้นำต้อง....หลายๆอย่าง ที่มีคนคอยเกาะเอวกันเดินไปกันน่ะครับ น่ารัก+ได้สาระดี ^^ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง - [ 22 พ.ค. 51 13:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อันนี้เป็นเกษตรปราณีตคะ...จิ้งจอกดูโฆษณาแล้วก็เลยไปหาข้อมูลมาศึกษา.. อารมณ์ประมาณอยากไปเป็นชาวไร่ชาวสวนอยู่เหมือนกันถ้ามีโอกาส จำไม่ได้ละว่าไปเอามาจากเวปไหน..ก็อปไว้ใส่บล็อค... +++++++++++++++++++++++ เกษตรปราณีต "เราต้องคิดว่า เราคือ ผู้แพ้สงครามเกษตรเชิงเดี่ยว ใช้สารเคมีจนดินเสื่อมหมดแล้ว เป็นหนี้สินพ้นตัว หนีมาพื้นแผ่นดินใหม่ มีพริก มะเขือ ผักชนิดต่าง ๆ ไก่บ้าน ปลาในบ่อ เป็นพลทหาร จะระดมพลออกรบเมื่อไหร่ก็ได้มีพืชสมุนไพร ผักพื้นบ้านเป็นยา ใช้รักษายามเจ็บไข้ มีลูกยอ กล้วย เป็นนายสิบ มีไผ่เป็นนายร้อย มียางนา ตะเคียนทอง เป็นนายพัน นายพล โดยมีเจ้าของสวนเป็นจอมทัพ สะสมกำลังอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ เพียงหนึ่งไร่ ไม่ต้องหวังรำรวย เอาแค่พออยู่พอกิน หวังสร้างทรัพย์สินทางปัญญาเป็นมรดกให้ลูกหลาน ทำอย่างนี้เท่านั้น ที่จะนำพาชีวิตครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติไปสู่ชัยชนะได้" นี่คือ คำพูดของพ่อคำเดื่อง ภาษี ปราชญ์ชาวบ้าน แห่งอำเภอแดนดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เปรียบเปรยให้เห็นถึงแนวทางการทำเกษตรปราณีตหนึ่งไร่ ซึ่งรัฐบาลชูให้เป็นแนวทางหนึ่งของการแก้ไขปัญหาความยากจน พ่อคำเดื่อง เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะทำเกษตรปราณีตหนึ่งไร่ ก็ทำเกษตรธรรมชาติในพื้นที่ 50 ไร่ มาก่อน ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ตั้งแต่การปลูกไผ่ ขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกพืชนานาชนิด ซึ่งชีวิตก็อยู่ได้อย่างมีความสุข "ช่วงนี้สถานการณ์ด้านหนี้สิน และความล้มเหลวจากเกษตรเชิงเดี่ยวมันรุนแรงขึ้น ก็มาคิดว่า จะทำอย่างไรให้คนที่จะหนีจากวงจรอุบาตของเกษตรเคมี ได้เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น ครั้นจะให้ดูการทำในพื้นที่ขนาดใหญ่ บางคนก็ท้อ ทำไม่ไหวแน่ ๆ ก็มาคิดถึงการทำเกษตรปราณีต 1 ไร่" "ใครมีพื้นที่เท่าไหร่ก็แล้วแต่ ก็ให้กัน 1 ไร่ มาทำเกษตรปราณีต โดยคนที่จะเข้าสู่โครงการเกษตรปราณีตจะต้องมีการปรับตัวจัดการใน 4 แนวทางด้วยกัน" ประการแรก ต้องปรับแนวคิดเสียใหม่ ในทุก ๆ เรื่อง ทั้งแนวคิดการทำเกษตรที่พึ่งพาทางธรรมชาติ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ไม่พึ่งการตลาด ปรับชีวิตให้พออยู่พอกิน ไม่หวังผลอย่างรวดเร็ว และอีกหลาย ๆ อย่าง พ่อคำเดื่อง บอกว่า การปรับแนวคิดนี้สำคัญที่สุด และทำยากที่สุด เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านถึงกับตั้งเป็นไฟท์บังคับที่จะต้องทำเราเรียกว่าการอบรม "วปอ. ภาคประชาชน" เน้นหนักไปในทางปรับแนวคิดด้านการเกษตรก่อนลงมือทำ แต่ถ้าใครปรับได้ก็จะเกิดแรงบังดาลใจ ทำงานอย่างแข็งขัน ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ประการถัดมา ต้องจัดการกับความรู้ด้านดิน น้ำ และพืชเสียใหม่ ความรู้สมัยใหม่ที่เราหลงไหลมานาน มักจะบอกว่า การปลูกพืชแต่ละต้นต้องมีระยะห่าง ต้องดายหญ้า ต้องอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย แต่ที่ธรรมชาติสอนเรานั้น บอกว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้น สมมติว่า เราปลูกกล้วย โคนกล้วย เราก็ปลูกพริก ปลูกมะเขือ หรือปลูกไม้ยืนต้นอย่างตะเคียนทอง ยางนา ฯลฯ พืชแต่ละอย่างป้องกันแดดให้กันและกัน ดูดน้ำและธาตุอาหารที่ต่างกัน และยังเป็นการจัดการที่ดินทุกตารางนิ้ว ให้เกิดประโยชน์สูงสุด "อย่างเรารดน้ำลงไป พวกพริก มะเขือ มีรากอยู่ผิวดิน ก็จะดูดน้ำผิวดินไปใช้ ก่อนที่น้ำจะซึมไปให้พวกตะเคียนทองได้ดูดกิน พวกหญ้าก็เหมือนกันไม่ต้องถอน มันไม่ได้แย่งอาหารหรอก แต่จะป้องกันไม่ให้น้ำระเหยเร็วกว่าปกติ เวลาตายก็กลายเป็นปุ๋ยอีก" พ่อคำเดื่องแจงเรื่องการจัดการน้ำให้ฟัง * เกษตรปราณีต 1 ไร่ ดำเนินงานโดยชาวบ้านเครือข่ายภูมิปัญญาไทย สนับสนุนงบประมาณโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ปราชญ์จากบุรีรัมย์ เล่าอีกว่า นอกจากนี้ เรื่องสมุนไพรและผักพื้นบ้านเป็นเรื่องที่เราคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้ คนรู้จักผักไม่กี่ชนิด เฉพาะที่วางจำหน่ายในห้าง ซึ่งไม่ค่อยแน่ใจเรื่องความปลอดภัย แต่ที่นี่ทุกอย่างปลอดภัย เพราะเราปลูกเอง เราปลูกแบบธรรมชาติ พ่อคำเดื่อง ชี้ไปที่ต้นยางนา และตะเคียนทอง แล้วพูดว่า "มีคนอาชีพไหนบ้างที่กล้าพูดว่า ในอนาคตลูกหลานจะมีบ้านที่สร้างจากไม้ตะเคียนทอง แต่เราพูดได้ เพราะเราปลูกมันขึ้นมาเอง มีใครบ้างที่กล้าพูดว่า ได้สร้างอนาคตที่มั่นคงปลอดภัยให้กับลูกหลาน แต่พวกเราที่ทำเกษตรปราณีตหนึ่งไร่กล้าพูด" ด้านนายสำเริง เย็นรัมย์ ชี้ให้ดูพืชนานาชนิดในแปลงเกษตรปราณีต ที่ตนลงแรงมาร่วมปีกว่า พื้นที่รอบ ๆ สระจะปลูกผักบุ้ง และพืชพื้นบ้าน ถัดมาก็ปลูกมะระ ผักหวาน กล้วย และพืชต่าง ๆ อีกหลายชนิด ทุกวันจะขายผักได้วันละไม่ต่ำกว่า 300 บาท โดยมีคนมารับซื้อถึงสวน และยังมีตลาดปลอดสารพิษในหมู่บ้านอีกด้วย "เมื่อก่อนตนเป็นคนกินเหล้า ดูดบุหรี่ แต่พอหันมาทำเกษตรปราณีต ทำงานอย่างเพลิดเพลิน จนลืมดูดบุหรี่ไปเลย ตอนนี้ก็เลิกได้แล้ว ตอนเช้าลูก เมีย ก็มาช่วยเก็บผัก พูดคุยกันอย่างมีความสุข ผมว่ามีน้อยคนที่มีความสุขเท่าผม" "อยากให้ลูกหลานคนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ก็บอกลูกให้ชวนเพื่อน ๆ นักเรียนมาเที่ยวที่สวน ก็มากันครั้งละหลายคน มาตกปลาในบ่อ ปิ้งปลา ตำส้มตำกินกัน แล้วแจกพันธุ์ไม้ให้ทุกคนไปปลูกที่บ้าน เราตั้งใจว่า เด็ก ๆ จะกลับไปชวนพ่อแม่หันมาทำเกษตรปราณีต" ส่วนนางกตัญชลี เกล้าพิมพ์ เล่าว่าเมื่อก่อนตนกับสามี ทำงานรับจ้างอยู่ในโรงงาน ทำถุงมือในตัวเมือง มีรายได้รวมกันตกเดือนละเกือบ 20,000 บาท แต่ก็หมดไปกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งกินอยู่ ค่าเช่าบ้าน ฯลฯ ก็เลยกลับมาอยู่บ้าน พร้อมหนี้สินติดตัวร่วม 200,000 บาท "ทราบข่าวว่า เขามีการอบรม วปอ. ภาคประชาชน ก็เข้าไปอบรมกับเขาด้วย พออบรบเสร็จก็ลงมือทำเลย จำได้ว่า ตอนนั้นฟิตมากถึงกับไปขุดยางนา ตอนกลางคืน เพื่อนำมาปลูก แรก ๆ ก็ปลูกในพื้นที่หนึ่งงานรอบ ๆ บ้าน ตอนหลังก็หันมาทำปราณีตหนึ่งไร่ ปลูกทุกอย่างทั้งผัก ชนิดต่างๆ พืชบ้าน กล้วย ไม้ยืนต้น พวกยางนา ตะเคียนทอง ตอนนี้พืชล้มลุกให้ผลผลิตแล้วหลายรุ่น อีกทั้งยังมีรายได้จากการเพาะชำยางนาและพืชต่าง ๆ ขาย สามารถนำเงินไปปลดหนี้ได้แล้วแสนกว่าบาท คาดว่า หนี้ที่เหลือจะหมดในไม่ช้านี้" พ่อคำเดื่อง เล่าเพิ่มเติมอีกว่า แนวทางการทำเกษตรปราณีต เป็นการหันไปหาปัญญาดั้งเดิม ต้องเร่งทำในตอนนี้ หากคนรุ่นเราล้มหายตายจาก ก็จะไม่มีมรดกด้านความรู้ ตกทอดถึงลูกหลาน ตอนนี้เรามีแปลงนำร่อง 250 แปลง ทั่วทั้งภาคอีสาน ทุกเดือนเราจะประชุมกัน แลกเปลี่ยนความรู้กัน นำพันธุ์ไม้แปลก ๆ มาแลกกัน เราจึงได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องนี้ต้องทำให้เป็นกระแส เราตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2560 ทั่วทั้งภาคอีสาน น่าจะมีพื้นที่เกษตรปราณีต 1 ล้านครอบครัว หรือประมาณหนึ่งใน 10 ของประชากรในภาคอีสาน "ไม่น่าเชื่อว่า ทรัพยากรทุกอย่างที่สั่งสมมานับล้าน ๆ ปี ไม่ว่า ดิน น้ำ ป่า แร่ต่าง ๆ ถูกใช้หมดโดยคนที่มีชีวิตอยู่ในช่วง 100 ปีนี้เอง ไม่ค่อยมีคนคิดถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ว่าจะอยู่กันอย่างไร ดังนั้น ที่เรามาทำเกษตรปราณีต 1 ไร่ เท่ากับ เรามาร่วมกันสร้างมรดกให้กับลูกหลาน ทั้งมรดกความรู้ด้านการเกษตร ความรู้ด้านด้านการครองตน ที่ดินที่สมบูรณ์ และวิถีชีวิตที่ดีงาม" +++++++++ มาแก้คำที่มันกลายพันธ์ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 51 13:33:56 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 51 13:29:28 จากคุณ : จิ้งจอกสาวฝึกหัด - [ 22 พ.ค. 51 13:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แนวคิดโฆษณาดีครับ แต่ เรื่องการเกษตร มันก็มีข้อดีข้อเสียต่างๆกันออกไป แนวผสมผสานคือการลดความเสี่ยง แนวเชิงเดี่ยวคือทำมากได้มากทำน้อยได้น้อย เหมือนอย่างเมกา นิยมทำพืชไร แบบเชิงเดี่ยวมาก ปลูกกันทีเป้นพันๆหมื่นๆไร ใช้ เครื่องบินโปรยยา การดูแลการลงทุนทำได้ให้ผลผลิตได้จำนวนมากกก แต่กับบ้านเราอาจจะไม่เหมาะเพราะ สินค้าเกษตรเรายังจัดการกันไม่ดี เวลาผลผลิตออกมามากๆ การส่งออกการ ส่งต่อไปให้ภาคอุตสหกรรมยังไม่ดีพอ ก็เลยใช้แบบผสมผสาน น่าจะดี จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 22 พ.ค. 51 13:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โฆษณาให้คนไทยดูก็ต้องแบบนี้แหละครับ คำถาม 1.คุณป่วยจะหาสมุนไพรกินเอง โดยไม่ไปโรงพยาบาล? 2.ไม่ใช้สารเคมี ใครจะซื้อผักเน่าๆของคุณ ? 3.ถ้าต้องการจะเป็นใหญ่ในอุตสาหกรรมการเกษตร ปลูกอย่างละนิดจะสู้เค้าได้ ? 4.จะมีเกษตรกรคนไหนที่ปลูกพืชเป็นแต่ไม่มีผักสวนครัวไว้ในบ้าน ? 5.เราอยู่ในระบบทุนนิยม หรือ อยู่ไปวันๆ ? ความเห็นผม คือ ทุกอย่างมันต้องมีความพอดีครับ เชิงเดี่ยว เพียวๆจริงๆไม่มีหรอกครับ ถ้าไม่ใช่พวกนายทุนรายใหญ่จริงๆ เกษตรกรมีความรู้ แทบทุกคนสามารถปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ได้พอกินทั้งชีวิตอยู่แล้ว แต่ ! ความต้องการมันมากกว่านั้น เลยต้องหาเงินมาลงทุน แล้ววิธีการลงทุน จะลงทุนทำอะไร ทำยังไง นี่แหละปัญหา ที่ผ่านมา อะไรราคาดีก็จะแห่ไปปลูกอันนั้นหมด สักพักก็ราคาตก แล้วก็ขาดทุน เป็นหนี้ พูดไปก็สงสารเกษตรกรไทย ปัญหาจริงๆแล้วเกิดขึ้นจากความ "ไม่พอเพียง" ล้วนๆ . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 22 พ.ค. 51 13:42:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวอย่างมันคงเว่อไปจริงๆแหละ แต่ลองๆดูก็ดีเหมือนกัน เผื่อจะดีกว่าเดิม จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 22 พ.ค. 51 13:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆแล้วเกษตรปราณีต/เกษตรผสมผสาน ก็คือการแบ่งพื้นที่ในการเพาะปลูก/เลี้ยงสัตว์ ตามสภาพความเหมาะสมของพื้นที่ให้เพียงพอต่อการบริโภค เมื่อเหลือจากการบริโภคก็นำไปขาย ที่สำคัญคือไม่ใช้สารเคมี....เช่นเดียวกับ แนวคิดตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ...แนวคิดเดียวกันอาจแตกต่างกันบ้างในเรื่องของวิธีการ จากคุณ : ปอเปี๊ยะน้อย - [ 22 พ.ค. 51 13:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เวลามีจำกัดครับ ต้องสื่อความหมายให้เข้าใจ โฆษณานี้ดีมากครับ... จากคุณ : yugioh2500 (yugioh2500) - [ 22 พ.ค. 51 13:48:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องอธิบายทุกอย่างในเวลา 30 วินาที เองนะครับ จากคุณ : อะธีลาส - [ 22 พ.ค. 51 13:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แนวคิด  เกษตรเชิงเดี่ยวและเชิงประณีต เกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ นั้น  ก็มาจากการทำกินโดยอิงเงินเลี้ยงชีวิตครับ  นัยว่า  ทำเกษตรอะไรก็ได้ให้มีรายได้รายวัน  รายเดือน  และรายปี (รายฤดู)  ประเทศไทยยังทำแบบเชิงเดี๋ยวจริงๆ  ยังไม่ได้นอกจากอาชีพชาวนาชาวไร่ เท่านั้น    แต่วิธีชีวิตจริงๆ  ของชาวนาชาวไร่เขาปลูกพืชแบบที่โฆษณากันอยู่แล้วครับ ตามหัวไร่ปลายนา  หรือข้างบ้านเช่นพืชสมุนไพร  พืชสวนครัว  ปลูกแบบกินเองไม่ต้องซื้อครับ เพียงแต่สัดส่วนของการปลูกมันยังไม่เด่นชัดเท่านั้น  แต่ถ้ามองจากรายได้ของพืชแล้ว  อาชีพชาวนาก็จะได้รายได้จากข้าวเป็นหลัก ปีละอาจจะ  3  ครั้ง  หรือ   1ครั้งแล้วแต่การทำปีหรือนาปรัง ถ้ามีการปลูกพืชผักเสริมก็จะมีรายได้เป็นวันขาย  ถ้าอยากจะมีรายได้เป็นปี  ก็ปลูกไม้ผล  หรือปลูกพืชไร่ก็จะมีรายได้ปีละครั้งบ้าง   โดยการปลูกถ้าให้สัดส่วนการปลูกเห็นชัดมากขึ้น ก็จะกลายเป็นเกษตร เชิงประณีต เกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่  นั่นเองครับ จากคุณ : เล็กชาย - [ 22 พ.ค. 51 14:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นไปไม่ได้ครับ คนเชื่อทุกอย่างที่เห็นใน tv มีแต่โง่ๆ จากคุณ : หอย - [ 22 พ.ค. 51 14:10:38 A:124.120.164.148 X: TicketID:168822 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คนที่พูดแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ครับ คนเชื่อทุกอย่างที่เห็นใน tv มีแต่โง่ๆ มันโง่กว่า ในทีวีอีก ง่ายที่สุด ยาทุกชนิดตอนนี้ มาจากสมุนไพร ทั้งนั้น แต่ จะ ใช้เป็นหรือ ปล่่าว ถ้าใครมีตำหรับยาสมัยโบราณจะรู้ สิ ผม เคยโดนรถชนเลือออดในสมอง หมอบอ ต้องรักษาตัว 3 เดือน ผมกินยาลูกกร้อน อยู่ 1 เดือนหาย เลย แค่ นี้ ละ การทำเหมือนสกปรก แต่ มีหลายอย่า ฆ่าเชื่อโรคอยู่ แล้ว เช่น น้ำผึ่งฆ่าเชื่อโรคได้ ใช้รักษาแผลสดได้ ตั้งแต่สมัยโบราณ มีการทดสอยแล้ว รักษาแผลที่โดนตัดเนื่อออก โดนเที่ยบกับยาตัวล่าสุด ที่อเมริกา น้ำผึ้งใช้เวลา 20วัน ยาตัวล่าสุด 15 วัน   เนื่อตาย ยาปัจจุบันรักษาไม่ได้ ใช้ ปลิงรักษาได้ ใช้หนอนแมลงวันกินเน่าไม่ต้องตัดเนื่อ ลองดู ของธรรมชาติมีดีเยอะ แต่ พวกโง่คิดว่าของแพงดี ของฟรีดีตั้งเยอะ ไม่ สนใจ จากคุณ : thanapatpp - [ 22 พ.ค. 51 14:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ความจริงแล้วหลักการจะทำเกษตรเชิงเดียว ในหลวง เคยบอกให้ทำสิ่งหนึ่ง คือ สหกรณ์ และการรวมตัวครับ แต่นิสัยอย่านึงคือ การไม่ชอบคุยกับคนระดับเดียวกันครับ หาว่าไปง้อเค้า ถ้าเกษตรกรไทย ทำเกษตรเชิงเดี่ยวแบบ รวมตัวกัน ทั้งตำบล เป็นพันไร่  ซื้อเครื่องปลูก หว่าน เก็บผลผลิตได้เลยในปีเดียว จะซื้อปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ก็ รวมตัวกันซื้อโดยตรง และต่อรองได้ แต่ก็นั่นแหละ  ข้างบ้านปัจจุบัน มีมอร์ไซด์  เราไม่อะไรเลย ไปร่วมมือกันเค้าก็รวยเพิ่มขึ้นเท่าเรา เมื่อไหร่เราจะมีเท่าเค้า แอบทำคนเดียวดีกว่า จะได้อวดข้างบ้านมันได้บ้าง จากคุณ : IRQ5 - [ 22 พ.ค. 51 14:48:35 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตาม ปกติ นะครับ 1. ถ้า คุณมี ที่ 5 ไร่ คุณคง ปลูกพืช เพียงอย่างเดียว + สวนครัว 2. ถ้า คุณมี ที่ 100 ไร่ คุณอาจทำไร่ 30 ทำสวน 30 ทำนา30 เลี้ยงปลาซัก5ไร่ แล้วที่เหลือทำรีสอร์ท ที่ทีวีแนะนำก็คือ 3. ถ้า คุณมีที่ ซัก 10 ไร่ ก็ให้ ทำไร่ ซัก 3 ไร่ ทำนา ซัก 3 ไร่ ทำสวนซัก 3 ไร่ ที่เหลือ ก็ เลี้ยงปลา+ปลูกบ้าน+สวนครัว คนที่ผม รู้จัก ที่เค้าทำเกษตร รวยๆมีฐานะดี (ไม่ได้รวยมากกมาย) เค้าก็ไม่ได้ทำ เกษตร อย่างเดียวกัน เค้าทำ มัน อ้อย ข้าว ข้าวโพด  สวนผลไม้ เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา โดยมาก คนะ ละ 3 -6 อย่าง เรามักจะพูดว่าเขารวย ธุรกิจเยอะ เวลาอันไหนขาดทุน อันอื่นก็พอประคองไว้ได้ ทีนี้เวลา ที่ รายย่อย ทำเกษตร เขาอยากได้เงินเยอะๆ มีที่ 10 ไร่ ก็จะ ปลูกมัน อย่างเดียว10ไร่เลย พอมันขาดทุน ก็เป้นหนี้ ขาดทุนหลายครั้งก็เสียที่ สุดท้าย ก็ จบกัน ถ้าทำแบบผสม จริงๆก็เหมือๆรายใหญ่ทำนั่นแหละ เพียงแต่ย่อสวนลงมา จากที่เคยปลุกมันอย่างเดียว เคยขายได้ กำไรที ละ1-2แสน ก็อาจจะเหลือ 3-6 หมื่น ปีนึงอาจจะได้ ซัก 3 ครั้ง แล้วอาจจะขาย ข้าว ได้กำไรนิดหน่อย ได้ข้าวเก็บไว้กิน ซักปีละ ครั้ง หรือ 2 ครั้ง แล้ว ก็ผลไม้ อีก ปีละครั้ง ได้กินผลไม้ด้วย มันเป็นการ กระจายความเสี่ยง และ ลดค่าครองชีพ ที่จริง โฆษณา ก็ อธีบายไว่ค่อนข้างดี มีรูปประกอบอยู่แล้วนี่นา รายได้ลดลง แต่รายจ่ายลดลงด้วย ที่สำคัญ ความเสี่ยงก็ลดลง จากคุณ : Humandroy - [ 22 พ.ค. 51 15:03:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆ ผมว่าโฆษณาก็ทำได้ดีพอควรเลยนะครับ อาจมีบ้างที่ดูเกินจริงแต่ก็สื่อความหมายให้เข้าใจจุดประสงค์หลักได้ชัดเจน ตัวโฆษณาอยากให้คนดูเห็นถึงทางเลือกใรการทำเกษตร ผมไม่มั่นใจในข้อมูลนัก แต่เชื่อว่าเกษตรกรบางคนจะฝากความหวังกับพืชชนิดเดียวอยู่ เช่นปลูกข้าวโพด10ไร่เพราะหวังว่าจะปลดหนี้ที่มีได้ ซึ่งหากผิดพลาด พลิกโผข้าวโพดราคาตก ก็ซวยไปเป็นต้น โฆษณา แค่เพิ่มแนวคิด ทางเลือก ให้ไปพิจารณา ศึกษาและต่อยอดให้นำมาประยุกต์ใช้กับตัวเองได้ ซึ่งผมว่าถ้าไม่มีโฆษณานี้ หลายๆท่านอาจยังไม่รู้จักเกษตรผสมผสานหรือเกษตรเชิงปราณีตเสียด้วยซ้ำไป จากคุณ : asadora - [ 22 พ.ค. 51 15:28:36 A:58.10.149.207 X: TicketID:162924 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าพูดแบบหรู ๆ มันก็คือ Risk Management นั่นแหละครับ พูดแค่นี้ล่ะครับ มีข้อมูลอยู่บ้าง แต่โพสไปเดี๋ยวก็โดน  Pathetic  ว่า ไม่โพสดีกว่า จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 22 พ.ค. 51 15:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มีบางคนพูดเหมือน ตัวเองรู้ข้อมูลจริง แต่ ไม่อยากคุยด้วยเหตุผล นะครับ อันที่จริงคนเรา ถ้ารุ้จริง ก็น่าจะแบ่งบัน นะ ไม่ใช่ เหยียดหยาม คนอื่น ว่า "แค่ดูเขาเล่ามา แล้วเอามาคุย" ก็ไม่เป้นไร ครับ พูดไปตามเหตุผล ญาติผม ที่ทำเกษตร ก็ ทำหลายอย่าง ไม่ได้ทำอย่างเดียว จากคุณ : Humandroy - [ 22 พ.ค. 51 15:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Pathetic  ไม่มีใครบอกว่า ชาวนาปลูกข้าวผิด ไม่มีใครบอกว่าคนปลูกมันไม่เก่ง สำคัญคือ จนวินาทีนี้ที่เราเห็น เกษตรกร จนได้ทุกวันไม่เว้นฤดูครับ ความจนรวย ไม่ได้เกิดจากปลูกข้าว จับปลา ขุดดินเก่งไม่เก่ง และความพอใจในการเป็นอยู่ส่วนหนึ่ง คือผลตอบแทนครับ เรื่อง การทำอย่างไรเพิ่อเพิ่มอำนาจต่อรอง เพิ่มผลผลิตนั้น ควรมีการช่วยกันคิด และ ในกระทู้นี้   คิดช่วยกัน ในฐานะมองว่า เกษตรกร ทำการปลูกได้ไดีแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครไปสอน ว่าต้องหว่านเมล็ดพันธุ์ กี่กระป๋อง ต่อนา 1 ไร่ แต่จะบอกว่า การ management แบบง่ายๆ ได้ผลดีอย่างไร จากคุณ : IRQ5 - [ 22 พ.ค. 51 16:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่ามันสุดโต่ง เกินไปอ่ะ เอาแบบชุดใหม่ คนเข็นรถ ดีกว่า เห้นภาพชัดเจน *0*// จากคุณ : vn, man - [ 22 พ.ค. 51 16:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ูซ้อนคนเมาแล้วขับ..ชัดเจนกว่า..โลงเห็น ๆ เลย ชนตู๊ม...พวงหลีดมาญาตินั่งกันให้พรึ่บ.. ปล.แต่่ยังคอยฟังจะเอาความรู้อยู่นะคะท่าน ๆ ทั้งหลาย... จากคุณ : จิ้งจอกสาวฝึกหัด - [ 22 พ.ค. 51 16:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 การทำเกษตรปราณีตหรือเกษตรผสมผสานยังมีข้อดีอีกหลายอย่างนะครับ อย่างในทีวีก็คือครอบครัวมีความสุข อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา หรือการที่เราไม่ต้องเหนื่อยเกินไป แดดร้อนก็ย้ายไปทำงานที่อยู่ในร่ม เช้าหรือเย็นก็ออกไปทำงานกลางแจ้งได้ ไม่พึ่งพาเครื่องจักรมากเกินไปในการทำเกษตร แล้วทำเกษตรแบบนี้ต้องเก่งกว่าชาวนาหรือชาวสวนเดี่ยวๆ หรือป่าว ไม่ได้เกี่ยวกันนี่ครับ แต่ชาวนาชาวสวนชาวไร่เชิงเดี่ยวความเสี่ยงมันสูงกว่าครับ ขาดทุนกันทีก็สิ้นเนื้อประดาตัว แจ็คพ๊อตขาดทุนสองครั้งหนี้สินก็มาแล้วต้องไปกู้หนี้เขา เกษตรแบบนี้เหมาะกันคนทุนเยอะอยากรวยเร็ว แต่เกษตรไทยส่วนใหญ่เนี่ยเป็นแบบนั้นหรือเปล่า คาดการตลาดล่วงหน้าได้หรือเปล่า มีอำนาจต่อรองราคากับพ่อค้าได้หรือเปล่า ขนาดไหน การทำเกษตรปราณีตไม่ได้สอนให้เก่งกว่าครับ แต่สอนให้อยู่ได้โดยพึ่งพาปัจจัยภายนอกน้อยที่สุดก่อน ลดความเสี่ยงก่อน ที่เหลือคือกำไร แต่รวยช้าหน่อยครับ ทั้งหมดมันก็คือการจัดการที่เหมาะสมเหมือนที่หลายๆ ความเห็นบอกแหล่ะครับ ถ้าคุณ Pathetic อยากดูของจริงหลังไมค์มาก็ได้ครับ บ้านผมก็เริ่มจากเป็นหนี้จนตอนนี้อยู่ได้สบายๆ ก็เกษตรผสมผสานนี่แหล่ะครับ อาจจะไม่ใช่เกษตรผสมผสานร้อยเปอร์เซ็น แต่บ้านผมก็ใช้หลักการนี้มาตั้งแต่ผมเด็กๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 51 16:58:49 จากคุณ : Fly With ME - [ 22 พ.ค. 51 16:52:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ ชวนคุณPathetic คนเดียวหร๋อคะ.. ว๊า...น้อยใจอุตสาห์เฝ้ากระทู้ประกาศตั้งแต่ คห.2 ว่าอยากศึกษา.. ทำอยู่แถวไหนคะ..ใช้ พท.ประมาณเท่าไหร่ที่มันพออยู่ได้.. สนใจจริง ๆ นะเนี๊ยะ จากคุณ : จิ้งจอกสาวฝึกหัด - [ 22 พ.ค. 51 17:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เชื่อว่าหลายๆอย่างขึ้นกับการบริหารจัดการครับ ผมเองไม่ได้มีความรู้เรื่องการทำไร่ทำนาหรือการเกษตรมากนัก แต่ทำงานในต่างจังหวัดก็เห็นอะไรหลายๆแบบ 1. การทำการเกษตรแบบไม่วางแผน ผมเชื่อว่าชาวไร่ชาวนาทุกคนสามารถทำนาได้ดี ปลูกต้นไม้ได้ดี ตรงที่ผมเคยอยู่ มีการทำนามากครับ เพราะชลประทานถึงดี มีอยู่ช่วงหนึ่งเมื่อปีก่อน ผมขี่จักรยานผ่านทุ่งนารอบๆโรงพยาบาล ในขณะที่หลายๆแปลงมีการใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำเข้านา มีอยู่บางแปลงที่ไม่สูบน้ำเข้า ช่วงนั้นมีกรณีที่ชาวบ้านทะเลาะกันเรื่องแย่งน้ำ มีการขนกระสอบมากั้นพื้นที่ในคลองส่งน้ำเพื่อจะดูดน้ำเข้าแปลงตนเอง ผมเองฟังข่าวก็รู้ว่าช่วงนั้นกำลังจะมีฝนตกหนัก มีพายุเข้า แต่ผมไม่มีความรู้ทางการเกษตร ก็เลยคิดว่านาที่ต้องการน้ำ คงต้องการน้ำอย่างมากจึงต้องสูบน้ำ ผ่านไปหลายวัน ฝนตกหนักติดต่อกัน จากคลองชลประทานที่แห้งขอดกลับมีแต่น้ำเต็มไปหมด เพราะว่ามีการไขน้ำจากเขื่อนลงมาประกอบกับฝนที่ตกหนัก นาแปลงที่ผมเห็นว่าสูบน้ำเข้า ต่างสูบน้ำออกเป็นทิวแถว ... ส่วนนาแปลงที่ไม่ได้สูบน้ำเข้าตั้งแต่ต้น ก็อยู่เฉยๆ ... เจ้าของนาบางคนบอกว่า ก็แค่ฟังข่าวกับพูดคุยกัน ก็รู้ข่าวตั้งแต่ต้นแล้วว่าน้ำจะมามาก ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลายคนถึงไม่รู้ข่าวและยังสูบน้ำเข้านาตนเอง ดังนั้นผมสรุปเบื้องต้นว่า การวางแผนนั้นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรเชิงเดี่ยวหรือไม่ก็ตาม 2. ใจร้อน มีคนไข้หลายคน (ไม่ใช่แค่คนเดียว) ที่บ่นเรื่องการทำสวน หลายปีก่อน ลงสวนส้มโอไว้พร้อมๆกันกับคนในละแวกเดียวกัน ... พอได้เวลาผลผลิตออก ปรากฎว่าผลผลิตล้นตลาด ก็พร้อมใจกันโค่นส้มโอทิ้ง หันมาปลูกมะม่วง ... แล้วก็พร้อมใจกันปลูกมะม่วงเหมือนๆกันหมด มาปีนี้2550-2551 มะม่วงล้นตลาด ก็พร้อมใจกันโค่นต้นมะม่วงอีก พอลองถามบางคนว่าแล้วปีนี้ถ้าโค่นมะม่วงหมดจะปลูกอะไร ... คำตอบคือ รอเพื่อนบ้านและกลุ่มก่อนว่าจะปลูกอะไร จะได้ปลูกตามกัน -_-' ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ส่วนป้าที่ทำอาหารที่รพ. บ้านแกมีสวนผลไม้ปลูกมาหลายสิบปี มีทั้งมะม่วง ส้มโอ ชมพู่ มะปราง แก้วมังกร ฯลฯ ป้าไม่รวยเท่าไหร่แต่ก็พอมีเงินใช้จ่ายไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้ แกบอกว่าทุกปีจะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับผลไม้ที่ราคาแพงในปีนั้นๆถึงสวน ส่วนผลไม้อะไรที่ราคาต่ำๆ ก็อาจจะแจกจ่ายหรือเอาไปทำอย่างอื่น (ปีนี้ทำส้มแผ่นมะม่วงกวน) ผมเคยถามป้าคนนี้ว่าไม่เคยคิดจะปลูกแบบเดียวไปเลยเหรอ คำตอบเรียบๆง่ายๆคือ เท่านี้ก็พอมีกินแล้ว ... และเห็นตัวอย่างมาเยอะ ปลูกแบบเดียวกันมากๆทีไร เจ๊งกันแทบทุกราย อย่างมากก็ได้เงินแค่ปีสองปี พอหลังจากถ้าปีไหนของล้นตลาดก็ต้องมานั่งกลุ้มใจทั้งปี ไม่คุ้มกัน อย่างน้อยป้าคนนี้ไม่ใช่เทพคีย์บอร์ดแน่นอน 3. เป็นหนี้ตั้งแต่ไม่เริ่มทำงาน เป็นกรณีที่ผมงงมากที่สุดในสามหัวข้อ ไม่รู้ใครเคยได้ยินบ้างไหม บ่นว่าทำไร่แล้วขาดทุน ... สาเหตุที่ขาดทุนคือ ต้องใช้เงินซื้อปุ๋ย พันธุ์พืช ยาฆ่าแมลง .... แต่ไม่มีเงิน ทางแก้คือ จำนำผลผลิตตั้งแต่ยังไม่ทันปลูก ซึ่งเงินที่ได้ น้อยกว่าค่ายาค่าปุ๋ย! ผมยังสงสัยว่า ในเมื่อถ้าอยู่เฉยๆยังเสมอตัว แต่ไปทำงานแล้วขาดทุนแบบเห็นๆ แล้วจะทำทำไม ... ถึงปัจจุบันยังไม่แน่ใจว่าเรื่องที่ได้ยินมานี่พูดเล่นพูดจริง ... แต่เจอสองราย-สามรายที่บ่นแบบนี้ สรุปแล้ว ผมว่าขึ้นกับการบริหารจัดการครับ จากคุณ : หมอแมว - [ 22 พ.ค. 51 17:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณFly With Me บ้านอยู๋ภาคตะวันออกหรือเปล่าครับ จากคุณ : หมอแมว - [ 22 พ.ค. 51 17:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เอาตัวอย่างมาให้ดู อาจจะเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเกษตรแบบผสมผสาน แต่ก็ใกล้เคียงหล่ะ เพราะทำแต่เลี้ยงสัตว์อย่างเดียว พื้นที่บ้านไม่แน่ใจว่ากี่ไร่ แต่ไม่น่าจะถึง 5 ไร่ แต่สามารถเลี้ยงหมูหลายสิบตัว เฉพาะพ่อแม่พันธุ์ก็เกือบ 10 ตัวเข้าไปแล้ว ลูกหมูอีกหลายสิบตัว หมูป่่าเลี้ยงแบบหมูหลุม 4 ตัว ได้ทั้งหมู ได้ทั้งปุ๋ย ปลาดุก 3 บ่อ กบอีก 5-6 บ่อ เล้าไ้ก่อีก 10 กว่าตัวตั้งอยู่บนบ่อปลาดุก แถมยังมีพื้นที่สำหรับทำเป็นห้องบรรยายอีกนิดหน่อย รูปที่ถ่ายมาถ่ายได้ไม่ครบทุกส่วนของบ้านนะครับ เจ้าของบ้านไม่ใช่นักวิชาการด้วย แต่เป็นเกษตรกรตัวจริงแท้ ๆ ที่เมื่อก่อนเคยขาดทุน แต่พอกลับมาทำแบบผสมผสานแล้ว สามารถตั้งตัวได้ จนได้รับรางวัลมากมาย มีคนมาดูงานเกือบทุกวัน บางวันมาชนกัน 3-4 คณะ จากคุณ : Buff_Power - [ 22 พ.ค. 51 17:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เจ้าของบ้้านคนทางขวาครับ ที่ใสเสื้อสีขาวนะ ถ้าอยากรู้ว่ามีผลงานแค่ไหนเอาชื่อไปค้นใน google ได้เลยครับ คุณ สุรชัย มรกตวิจิตรการ หรือ เฮียแดง ตัวอย่างของเกษตรแบบผสมผสานที่ประสบความสำเร็จ อยู่ที่ อำเภอดอยสะเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนคุณ Pathetic  ถ้าอยากไปก็ติดต่อมาได้เลยครับ จากคุณ : Buff_Power - [ 22 พ.ค. 51 17:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ลืมรูปครับ จากคุณ : Buff_Power - [ 22 พ.ค. 51 17:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 .. เรื่องนี้ต้องคุยกันยาวเหยียด รายละเอียดเยอะ แต่เรื่องง่ายๆ ที่เราถูกสอนตอนเรียนประถม ไม่ค่อย (หรือแทบจะไม่เคย) เห็นใครเอาไปทำจริงๆ เช่น เรื่องการบำรุงรักษาดิน เราเคยถูกสอนให้ปลูกพืชหมุนเวียน ปลูกพืชตระกูลถั่ว สิ่งที่สอนนั้น เป็นภูมิปัญญาของคนโบราณ ที่เขาทำได้ผลจริงๆ แต่สมัยนี้ ขาดทุนเพราะปุ๋ยราคาแพง ผมเคยลงไปทำเอง เรื่องปุ๋ยนี่แหละ ที่บ้านผมทำนา 30 ไร่  ก็ใช้ปุ๋ยเคมีมาทุกปี ไม่เคยเว้น และก็ใช้เพิ่มขึ้นทุกปี ปีละประมาณ 10,000 บาท บังเอิญว่าปีนั้นเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ กลับไปอยู่บ้าน ก็เลยทำปุ๋ยใช้เอง โดยส่วนประกอบหลักๆ  คือ ขี้วัว  ประมาณ 2 ตัน  (ต้นทุน 1500 บาท) แกลบ ประมาณ 2 ตัน  (ต้นทุน 100 บาท  ซื้อกับชาวบ้านที่มีโรงสี) รำหยาบ  ประมาณ 200 กก.  (ต้นทุน 600 บาท ก.ก.ละ 3 บาท  เดี๋ยวนี้คงแพงขึ้น) จุลินทรีย์ EM - 120 บาท กากน้ำตาล - 50 บาท รวมต้นทุน 2,370 บาท ผมใช้แรงงานตัวเอง คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดเอง ปีนั้น  ผมบอกทางบ้านว่า ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมี แล้วมาดูกันว่าจะได้ผลหรือเปล่า ความยุ่งยากที่เพิ่มขึ้นมาตอนใส่ปุ๋ยครับ เพราะน้ำหนักมากกว่าปุ๋ยเคมีประมาณ 3 เท่า จึงต้องจ้างแรงงาน  ประมาณ 5 คน ๆ ละ 150 บาท = 750 บาท เบ็ดเสร็จ ใช้เงินทุนไป 3,120 บาท ผลจากการใส่ปุ๋ย พอใส่ปุ๋ยปุ๊บ  น้ำที่ใสๆ  กลายเป็นน้ำสีดำเข้ม (ก็เหมือนกับใส่ขี้วัวขี้ควาย  มันจะไม่เข้มได้ยังไง) ผ่านไป 4 วัน ตะไคร่น้ำขึ้นเขียวเต็มผืนนา ผ่านไป 1 สัปดาห์  ใบข้าวมีสีเขียวเข้ม (คนอื่นๆ ที่ใช้ปุ๋ยเคมีก็เขียวเข้มเหมือนกัน) ผ่านไป 1 เดือน  ใบข้าวก็ยังเขียว แต่ลดความเข้มลงบ้าง (คนอื่นๆ ที่ใช้ปุ๋ยเคมี เริ่มเหลือง) ช่วงออกรวง นับเมล็ดข้าวแบบสุ่มๆ นับ  เฉลี่ยประมาณ 210 เมล็ดต่อรวง (นาคนที่อยู่ใกล้เคียงที่ใช้ปุ๋ยเคมี  นับได้เฉลี่ยประมาณ 190 เมล็ดต่อรวง) อันนี้สุ่มนับประมาณ 20 รวง ผ่านไป 1 ปี  หลังฝนตกหนักๆ ในปีถัดมา ดินในนามีความนุ่ม  เหยียบลงไปจมหลังเท้าจนมิด (นาคนอื่น ค่อนข้างแข็ง เหยียบลงไปดินยุบเพียงเล็กน้อย ถ้ามีใครมาบอกกับผมว่า ทำนาไม่ใส่ปุ๋ยเคมี แล้วไม่ได้ผลผลิต ผมก็จะไม่เชื่อเขาอีกเลยครับ  (เพราะทำมากับมือแล้ว) .................... พูดถึงเรื่องเกษตรผสมผสาน (อันนี้ไม่ได้ทำเอง  แต่ก็ได้เห็นคนที่ทำจริงๆ) พอดีว่าหลังบ้านมีที่ 1 ไร่ มีลุงมาใช้ที่ปลูกผัก  หลากหลายชนิด สารป้องกันศัตรูพืช  แกทำง่ายๆ เลยครับ ไปหักเอากิ่งสะเดา มาแช่น้ำทิ้งไว้แค่นั้น  ไม่ได้เติมอะไรอื่นเลย ก็เห็นลุงแกขายได้วันละ 200-300 บาท อาจจะไม่ทุกวัน  แต่ก็เกือบทุกวัน หากคำนวณรายได้ วันละ 300 บาท เดือนนึงขายได้สัก 20 วัน  ก็เดือนละ 6,000 บาท หรือปีละ 72,000 บาท (ไม่นับส่วนที่กินเองด้วย  กลับบ้านไปผมก็ได้กินด้วยทุกครั้ง) นี่ไร่เดียวนะครับ เทียบกับนาข้าวที่บ้านของผม  ขายได้เพียงปีละไม่ถึง 100,000 บาท (ปกติได้ข้าวประมาณ 11-12 ตัน  ราคาขายที่เคยได้ประมาณ 7-9 บาท  แต่ไม่ได้ขายทั้งหมด ขายประมาณ 8-10 ตัน) บางปีได้แค่ หกเจ็ดหมื่นเท่านั้น  เพราะราคาไม่ดี นี่นา 30 ไร่นะครับ รายได้พอๆ กับที่ลุงแกทำแค่ไร่เดียวได้เลย (หมายเหตุ : ลุงคนนี้แกไม่มีที่นาครับ เลยต้องขออาศัยทำกินในที่บ้านผม) ผมเลยไม่แปลกใจว่า คนที่ทำอย่างเข้าใจ (เหมือนที่พ่อคำเดื่องทำอยู่) จะไม่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร .. จากคุณ : ไม่เป็นดั่งใจ - [ 22 พ.ค. 51 18:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เรียนคุณ จิ้งจอกสาวฯ คุณหมอแมว บ้านผมอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ ครับ เป็นบ้านเกิดของราชินีลูกทุ่งครับ พื้นที่ที่เหมาะก็ตั้งแต่ 3-15 ไร่ครับ ถ้าเกิน 10 ไร่นี่เหนื่อยครับ เอิ๊กๆ ถ้าเหมาะสมจริงๆ ก็ 3-8 ไร่ครับ ส่วนพื้นที่ที่ทำเกษตรผสมผสานที่บ้าน 10 ไร่ครับ(จริงๆ มีมากกว่านี้ครับแต่ให้คนอื่นเช่าทำนา ปลูกผัก) ที่บ้านผมต่างจากคุณ สุรชัย ตรงที่เน้นที่พืชครับ เมื่อก่อนตอนที่พวกผมลูกๆ ยังไม่ได้มาเรียนต่อ-ทำงานที่กรุงเทพฯ กันก็จะเลี้ยงหมูเกือบๆ 100 ตัวครับ เพราะมีแรงงานพอที่จะช่วยกันทำไหว แต่ตอนนี้อยู่กันแค่สองคนตายายเลยเลี้ยงแค่ประมาณ 10 ตัวเพื่อเอามูลมาทำไบโอก๊าซครับ เลี้ยงไก่บ้าน 30 ตัว ส่วนปลาก็มีอยู่ในบ่อน้ำ และในร่องสวน แต่ไม่เคยจับหรือตกเลยครับ เพราะจะมีป้าบ้านข้างๆ เอาปลามาให้ประจำ กินหมูและไก่น้อยครับ ต้นไม้ที่ปลูกตอนนี้ก็มีมะม่วงเป็นหลักครับ แซมด้วยกล้วย ตะไคร้ปลูกตรงที่โล่ง กระชายปลูกใต้ตนมะม่วง มะกรูด มะนาว มีละมุด 20 ต้น ขนุน ส้มโอ 10 กว่าต้น ปลูกผักสวนครัวเล็กๆ น้อยๆ ข้างๆ บ้าน ที่สวนแทบไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงเลยครับ ยกเว้นเพลี้ยลงตอนมะม่วงเริ่มติดลูก และไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าจนตอนนี้บางส่วนจะกลายเป็นป่าดงดิบไปแล้ว ปุ๋ยอินทรีย์ก็ใช้ขี้หมูมาทำ(ไบโอก๊าซใช้เฉพาะน้ำ) รายได้รายวันส่วนใหญ่จะมาจากส่วนต่างๆ ของกล้วยครับ และตำลึงที่ขึ้นทั่วไปในสวนครับ และอย่างที่บอกครับ ร้อนก็พักหรือย้ายมาทำงานในร่ม ทำงานช่วงเช้าและเย็นครับ จากคุณ : Fly With ME - [ 22 พ.ค. 51 19:28:13 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ..... ว้าว ดีใจที่ไม่กลายเป็นกระทู้ด่ากัน แต่กลายเป็นกระทู้น่าอ่าน ชอบครับชอบ ๆ ^ ^ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 22 พ.ค. 51 19:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าพึ่งพาตนเองได้ ก็ช่วยลดเงื่อนไง หรือ ปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ นั่นก็หมายถึงการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงในชีวิตได้ ภาพยนต์โฆษณาชุดที่ 2 คงจะเห็นกันแล้ว ถ้าชุมชนที่พึ่งพาปัจจัยภายนอกน้อยมากเท่าไหร่ ก็ทำให้มั่นคงได้มากเท่านั้น เพราะเรควบคุมเองได้เกือบทุกอย่างความเสี่ยงจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มันน้อยลงไป ปัจจุบัน ระบบเศรษฐกิจไทย แก้ไขไม่ได้ เพราะพึ่งพาปัจจัยภายนอกมากเกินไป เราควบคุมมันไม่ได้ หลายคนคงยังไม่ลืมการปั่นหุ้น(อำนาจทุนต่างประเทศในตลาดหลักทรัพย์) ทำระบบเศรษฐกิจพังไปเมื่อ ปี 40 ปัจจุบัน อำนาจทุนต่างชาติ ยังคงมีอำนาจในระบบเศรษฐกิจ แต่คงจะไม่หนักหนาเท่าการเข้ามามีบทบาทในอำนาจทางการเมือง เชื่อว่าชุมชนพึ่งพาตนเอง เป็นหนึ่งในไม่กี่หนทางที่จะรอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ ที่จริงแล้วคิดว่าสามารถนำหลักพึ่งพาตนเองไปประยุกต์ใช้ได้แม้ในอุตสหกรรม ผสานกับระบบสหกรณ์ ร้อยเป็นทุนใหญ่ ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และใช้เป็นอำนาจต่อลอง ซึ่งสามารถขยายสเกลให้ใหญ่ไปในระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด ภูมิภาค และ ประเทศ สร้างความมั่นคง และมั่งคั่งให้ประเทศชาติได้ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 51 23:43:04 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 51 23:23:03 จากคุณ : นายไวรัส - [ 22 พ.ค. 51 21:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผม เอง ไป หา พ่อ ที่ปลูกสวน รอปลดออกจากงาน มี 10 ไร่ วันก่อน ไป ซื้อ หมู ไป กิน ปลา ตก เอา พริก กระเพราะ ตะไคร้ หา ได้ ในส่วน มี มะม่วง เงาะ แก้วมังกร กล้วย  ขนุน ถึงหน้า ไม่ต้องซื้อ ไป เอาได้ เลย ปลา สวาย-ดุก ยาวเกือบ 60 ซมใหญ เท่าน่อง ตวเดียว 2-3 โล ปลาคราฟ ยาว 70 ซม ปลา บึก ปลาซิล-ปล่าสร้อย ตกวันละ 1 ถัง ยังไม่ หมด เลย จากคุณ : thanapatpp - [ 22 พ.ค. 51 21:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เคยไปดูที่ศูนย์เรียนรู้ มีคนไปเช่าที่ปลูกผัก เนื้อที่ไม่ถึงครึ่ไร่ ยังมีรายได้วันละ 300-700 บาท แถวบ้านผักแพงครับ มีคนมารับซื้อถึงไร่ สนใจเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ 3-4 ไร่ ในทำเลดีๆที่เหมาะสม แม้อยู่ในชนบท ก็ใช่ว่าราคาจะถูกๆ คงต้องไปหาดูลูกสาวเจ้าของสวน เผื่อจะได้เป็นเขย 5555 จากคุณ : นายไวรัส - [ 22 พ.ค. 51 22:15:03 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ทู้นี้ดีจัง แต่จะว่าไป คนที่ทำเชิงเดี่ยวอยู่ ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจนะ เท่าที่ฟังดูเหมือนเขาจะถอนตัวยากเสียแล้ว จำต้องวัดดวงต่อไป จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก - [ 22 พ.ค. 51 22:54:50 A:203.107.202.60 X: TicketID:175673 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ยืนยันเกษตรแบบผสมผสานครับ การผสมผสานมันเอื้อหลายๆอย่างนะครับ เพียงแต่มันต้องเสริมกันนิดหน่อยให้เป็นวงจร ปลูกผักสวนครัว ไม่ต้องกลัวแมลง แค่ปลูกสะเดาไว้ด้วยสักมุมละต้นริมนอก มีบ่อน้ำไว้รดน้ำ และเลี้ยงปลา (และกบ)ปลูกกล้วย ถ้าสร้างวงจรได้ ผักชะอุ่มเขียวครับ และก็สวยพอที่จะเอาไปขายแบบปลอดสารพิษได้ ใช้สะเดาหักแช่น้ำทิ้งไว้แล้วเอามาพ่น เท่ากับรดน้ำไปด้วย พ่นกันแมลงไปด้วย ข้าวเองไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี (แต่เหนื่อยเพิ่มขึ้นหน่อย เพราะต้องทำปุ๋ยเอง) และเหมือนจะยุ่งยากกว่าเวลาใช้ แต่รับรองว่าผลผลิตได้มากกว่าครับ นอกจากนั้นค่าใช้จ่ายลดลงด้วย รูรั่วน้อยเพราะแค่เดินในสวนก็มีทานครบแล้ว ปลา กบ ไก่ หมู(นานๆที) สลับๆ กับยอดผักจิ้มน้ำพริกกรอบๆ หอมอร่อย บวกไข่เจียวอีกสักจานร้อนๆ โอ้โฮ...สุข จากคุณ : granun - [ 23 พ.ค. 51 00:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 37 วิธีเพิ่มปุ๋ยแบบง่ายๆอีกวิธีคือปลูกพวกถั่วคละลงไปในพื้นที่เลย เมล็ดถั่วเอามาทำปุ๋ย ขายได้กก.ละ 11 บาท เก็บได้หลายรอบ แบบไม่รีบใช้เงิน ราคาดีกว่าคนที่รีบขาย เพราะยังไงก็ต้องใช้ปุ๋ย และปุ๋ยที่มีถั่วเป็นส่วนผสมหลักกับมูลสัตว์ เป็นสูตรพิเศษที่ให้ผลผลิตดีมากๆ จากคุณ : granun - [ 23 พ.ค. 51 00:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผักงามสวยและน่ากินครับ ปลอดสารพิษ เอามาใช้เป็นจุดขายได้ด้วย วันนึงปริมาณต่อชนิดอาจไม่มาก แต่พอรวมๆหลายๆอย่างแล้วก็ได้เยอะอยู่นา จากคุณ : granun - [ 23 พ.ค. 51 00:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ข้าวก็ยืนยันตาม คห. 29 เขียวชอุ่มสวย และผลผลิตดีกว่าเดิมในปีต่อๆไปมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เป็นหนี้ค่าปุ๋ยล่วงหน้าไปก่อน แม้จะต้องจ่ายค่าแรงมากขึ้นแต่เปรียบเทียบแล้วคุ้มกว่า จากคุณ : granun - [ 23 พ.ค. 51 00:33:32 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ชอบกระทู้นี้มากเลยครับ... ได้ความรู้เยอะเลย  อ่านแล้วผมอยากลองเปลี่ยนอาชีพไปทำนา ทำไร่ ตามบรรพบุรุษ พ่อแม่ผม ที่เป็นชาวนามาก่อน ถ้าเมืองไทย คนรุ่นใหม่คิดทำเกษตรกรรมแบบสมัยใหม่ กลับไปบ้านเอาความรู้จากที่ร่ำเรียนมา ไปพัฒนาบ้านเกิด ประเทศเรา...คงจะไม่เป็นประเทศที่กำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้เป็นแน่แท้ จากคุณ : Renzolution - [ 23 พ.ค. 51 04:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ลองดูรายการทางช่อง ไทยPBS เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาเวลาไม่แน่ใจน่าจะ 2 ทุ่มครึ่ง ก็มีการทำสารคดีนี่อยู่ และวันพุธหน้าก็จะมีอีกตอนหนึ่ง ลองคิดตามดูละกันแล้วจะรู้ว่า เกษตรเชิงเดี่ยว นั้นมันเป็นอย่างไร จากคุณ : CSI-Beau - [ 23 พ.ค. 51 04:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ดูแล้วได้แต่สงสารคนทำเกษตรกร ที่ไม่สามารถจะหลุดพ้นวงจรอุบาทว์ได้ เป็นคนปลูกกับมือแท้ๆแต่ไม่สามารถกำหนดราคาได้เลย ครั้นจะเล่นตัวไม่ ขายก็ไม่ได้เพราะของมันเน่ามันเสียเค้าให้เท่าไรก็เท่านั้น ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเมล็ดพันธุ์ แพงแสนแพง บางคนเป็นหนี้ 1 แสนบาทมา 10 กว่าปี ทุกวันนี้หนี้ยังไม่หมด เงินต้นเท่าเดิม ที่ทำๆไปส่งแต่ดอกมาตลอด แล้วพูดอย่างน้อยใจว่าชาตินี่ก็ใช้ไม่หมด คงต้องยกให้เป็นภาระของลูกหลานต่อไป   เฮ่อ!!!!! จากคุณ : CSI-Beau - [ 23 พ.ค. 51 05:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สงสัยเรื่องหญ้าครับ ปล่อยให้ยาวไม่ทำอะไรเลยหรือครับ จากคุณ : 821 (บัตรผ่าน 821) - [ 23 พ.ค. 51 09:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 44 #41 รายการนั้นเป็นของทีวีบูรพาครับ ชื่อ "แผ่นดินไท เพื่อ ไทย เป็น ไท" ตอนหน้าน่าจะเป็นการพูดถึงการใช้เกษตรผสมผสานนะครับ #42 นั่นแหล่ะครับถึงต้องใช้เกษตรผสมผสาน ปลูกพืชหลายอย่าง ลดต้นทุน ไม่ปลูกมากจนเกินไป ตัวนี้ขายไม่ได้ราคาก็ยังมีตัวอื่นที่ขายได้ราคา ถึงขายไม่ได้ก็แจกจ่ายได้ แล้วผลจะกลับมาครับ(อย่างที่บ้านผมไม่ต้องซื้อปลาหรือปลาของตัวเองยังไม่ต้องจับเลย) แต่ทุกวันนี้ทุกอย่างมันรีบเร่ง เราก็เลยรีบเร่งตาม อยากรวยเร็วก็ต้องใช้เกษตรเชิงเดี่ยว เร่งทุกอย่าง ต้นทุนก็เลยสูง ถ้าเราไม่มีทุน ไม่มีเครื่องทุ่นแรง มีแต่กำลังตัวเอง เกษตรผสมผสานคือทางที่ดีที่สุดครับ #43 มันมีปัจจัยให้ต้องคิดครับ ถ้าที่ตรงนั้นเป็นที่โล่งยังไม่ได้ปลูกอะไรปล่อยไว้ก็ได้ครับ เป็นการคลุมดินไปในตัว แต่ก็ต้องดูชนิดของหญ้าด้วนนะครับ ถ้าเป็นหญ้าเช่น หญ้าคา ที่ขยายพันธ์ด้วยการแตกเหง้า(น่าจะ)ในดินลึก ถ้าไม่เยอะก็ขุดได้ครับ แต่ถ้าเยอะก็ต้องฉีดหญ้าฆ่าหญ้ากำจัดให้หมดก่อน(พยายามให้หมดภายในครั้งเดียว) แต่ถ้าเป็นหญ้าที่มีรากตื้นก็ปล่อยๆ ได้ครับ หรือจะเลี้ยงสัตว์เพื่อให้กินหญ้าก็ได้ครับ เช่น แพะ แกะ หรือ ห่าน ที่ไม่แนะนำสัตว์ใหญ่เพราะมันจะทำให้หน้าดินเสียครับ -------------- ส่วนการทำเกษตรผสมผสานนั้นเราต้องยอมรับในเงื่อนไขบางอย่างให้ได้ก่อนนะครับ 1. ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการเกษตรแบบนี้ก่อน 2. ความลำบากครับ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงแรกๆ 3. เห็นผลค่อนข้างช้า ต้องใช้ความอดทนนิดหนึ่ง ที่คิดออกหลักๆ มีแค่นี้ครับ ปล. จริงๆ ยังมีโฆษณาอีกตัวที่ผมชอบนะครับ ที่เป็น นาย ก. นาย ข. นาย ค. ตัวนี้แสดงให้เห็นภาพรวมของสังคมแบบเศรฐกิจพอเพียงได้ดี ซึ่งมันจะขยายต่อจากเกษตรผสมผสานอันนี้แหล่ะครับ จากคุณ : Fly With ME - [ 23 พ.ค. 51 10:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เกษตรเชิงเดี่ยวใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า *แต่* ข้อจำกัดคือ - คุณต้องมีพื้นที่มากพอที่จะก่อให้เกิด Economy of scale - ต้องมีอำนาจต่อรองสูงพอในตลาด - คุณต้องเข้าใจของที่คุณปลูกอย่างดี ตั้งแต่ปลูกจนถึงขาย ดังนั้นการปลูกพืชเชิงเดี่ยวน่าจะเหมาะกับ Contract Farmer มากกว่า จากคุณ : Nexus - [ 23 พ.ค. 51 13:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่รู้ล่ะครับ ขอเก็บเข้าคลังกระทู้ล่ะครับ^^ จากคุณ : ZZsassyZ - [ 23 พ.ค. 51 17:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47   ....สาระดี  มากมาย มีคำถามเรื่องต้นไม้  การทำเกษตร   เรื่องปุ๋ยน้ำหมัก    บลาๆๆ...... ไปที่ห้องจตุจักร  มุมเกษตร  ได้นะครับ...  สาระ  ร้อยแปดคร๊าบบบบ..... จากคุณ : Mr.คนดง (คนดง คนเดิม) - [ 23 พ.ค. 51 22:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เกษตรผสมผสาน ผมว่ามีผลดีต่อเกษตรกรมากๆ ก็ตรงที่การปลูกผักหรือผลไม้ไว้หลายๆพันธุ์ เพื่อว่าหากอะไรราคาตก ก็ยังมีผักผลไม้อื่นๆอีก ผมว่า ลงตัวดีนะครับ ปล. ส่วนตัวไม่ได้ทำไร่นาหรือสวนอ่ะครับ แต่ญาติๆผมเคยทำสวนมาก่อน บ้างก็มีที่นา แต่ตอนนี้ทำธุรกิจอื่นแทน เสียดายแฮะ อยากเป็นชาวนา -*- จากคุณ : Nanoดะ - [ 24 พ.ค. 51 00:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ... เครดิตภาพ : http://www.thaihealth.or.th/files/kasadpor.jpg [ "นายแดงป่วย ต้องไปโรงพยาบาล หมดเงินหมดทอง" แต่ "นายเขียวป่วย สมุนไพรหน้าบ้าน" ] http://www.google.co.th/search?q=PANTIP.COM+X6551062+12:59:11 จากคุณ : Mr. Fusion - [ 24 พ.ค. 51 10:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ^ ^ ^ กรี๊ดดดดดดดดด!!! จากคุณ : ZZsassyZ - [ 24 พ.ค. 51 16:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มาตอบอย่างลูกชาวนา ขนานแท้ เริ่มต้นด้วยโครงการไร่นาสวนผสมเมื่อหลายปีก่อน พ่อผมมีที่นาปลูกข้าว  มีแปลงผักไว้กิน มีสวนมะม่วง ไร่มันสำปะหลัง สวนฝรั่งไร้เมล็ด มีบ่อปลา บ่อกุ้ง เลื้ยงวัว เลี่ยงหมู เลั้ยงไก่ โรงสี หน้าแล้งเราใช้ที่นาปลูก ข้าวโพดกับถั่ว นำขี้ไก่ ไปเลี้ยงปลา  นำขี้วัว ขึ้หมูไปทำปุ๋ย เหลือบรรจุขายได้ ปลูก พื้ช เช่น ข้าวโพด สะเดา ไว้ ล่อแมลง ยอมเสียเนื้อที่เป็นห้าไร่ แต่ก้อมีการใช้สารเคมีบ้าง แต่ก้อลดค่าใช้จ่ายลงได้พอควร หากผักที่มีคำว่าปลอดสารพิษจะขายได้ราคาดีกว่า ที่จะบอกคือ บ้านกระผมสบาย ไม่ออกตลาดก้ออยู่ได้ วันๆ ก้อไม่ค่อยใช้ตัง ซื้อผักปลา มีรายได้ทั้งปี หน้าผลผลิตก้อไปเที่ยว ตปท  เล่นๆ  เร็วๆ นี้จะลงทุนทำ รีสอร์ท แล้วก้อมีลูกอย่างผมผลาญเงินพ่อแม่ จากคุณ : azimuth89 - [ 27 พ.ค. 51 19:23:48 ]

ความคิดเห็นที่ 52 โชว์รูปบ้างหล่ะครับ จากคุณ : azimuth89 - [ 27 พ.ค. 51 19:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 53 โชว์ ที่จะทำรีสอร์ท บ้างอีกหล่ะครับ จากคุณ : azimuth89 - [ 27 พ.ค. 51 19:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 54 โชว์ปลากระชัง บ้างหล่ะครับ จากคุณ : azimuth89 - [ 27 พ.ค. 51 19:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 55 โชว์ ที่นาเล็กๆ ของกระผมอีกหล่ะครับ จากคุณ : azimuth89 - [ 27 พ.ค. 51 19:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ก่อนอื่นขอให้ตีความว่า คนที่ปลูกผักทำเกษตรกรรม จะอยู่ต่างจังหวัด ห่างไกลหมอ...อนามัย...คลีนิค   ยาสมุนไพร จึงเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับกลุ่มคนชนบทที่ห่างไกล  ถึงจะใกล้แต่ก็ต้องคิดค่าเดินทาง ค่ารถ และคนต่างหวัดโดยมาก มักไม่ค่อยไปหาหมอถ้าไม่มากจริงๆ  ชอบซื้อยากินเอง  สมุนไพรไทยบางอย่างเป็นยาจริงๆค่ะ  ไม่ใช่ว่าต้องพึ่งแต่แพทย์สมัยใหม่เท่านั้น เว้นแต่พวก ผ่าตัด หรือ หนักเกินรักษา  พ่อเราเวลาห้องเสียก็เดินไปหลังบ้าน เก็บใบไม้ของต้นอะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้มากิน  ก็หายท้องเสีย  ทำแบบนี้มาเป็นสิบๆปีแล้ว พ่อว่า ดีกว่ายาแก้ท้องเสียซะอีก  เวลาเมาค้าง หรือ เลิกบุหรี่ แม้แต่ล้างพิษ ก็เดินไปหยิบรางจืดมากิน ไม่ต้องไปซื้อหมากฝรั่งที่กินตอนอดบุหรี่ หรือ กินยาแก้เมาค้าง แต่ถ้าประเภทไหล่หลุด อันนี้ก็ต้องส่งหมอเหมือนกัน  คือ ไม่ใช่ทุกอย่างที่สมุนไพรแก้ได้ แต่สมุนไพรบางอย่างก็ช่วยเล็กๆน้อยๆ ไม่ต้องไปซื้อยาที่ร้าน จับนก จับปลา อันนี้บางทีไม่ต้องไปซื้อ เพราะตามลำธาร คลองชลประทานก็มีปลาให้จับได้ฟรีๆ แถมนกก็ยิงเอา แต่ผักถ้าไม่ได้ปลูกไว้ก็ยังต้องซื้ออยู่ดี หรือ อาจจะไปเก็บเอาอย่างพวกผักบุ้ง ตำลึง ผักEแซว Eสึก ฯ พวกนี้อาจจะขึ้นตามริมทางริมไร่ แต่ถ้าให้พูดถึงปัญหาหลักจริงๆก็คือ การรับซื้อ ถูกมาก ถ้าหากเกษตรกรไม่มีรถไปส่ง เขามารับซื้อถึงไร่ แต่ให้ราคาต่ำ.....ต่ำมาก จนแทบไม่เหลือกำไร ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนของปีต่อไป  ส่วนถ้าไปขายหน้าโรงรับก็ยังต่ำอยู่ดี ขายที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะเขาจะมีคำว่า อิทธิพลของนายทุนอยู่  แต่ละที่จะมีนายทุนอยู่ อาจจะเป็น เสี่ย สจ สส หรือ อะไรก็แล้วแต่ ชาวบ้านเขาจะรู้จักกันดี  เขาไม่อยากเดือดร้อนก็ขายๆรับต่ำๆมาดีกว่าไม่ได้เลย  ลองมีคนแกล้งไปเผาไร่เผานา จะไปจับใครดมได้ล่ะ  บางที่เปลี่ยวมาก เรียก ถนนควายเดิน คนจะทำอะไรยังไม่มีใครรู้ ไม่มีพยาน ตอนนี้ที่ไร่ที่ลพบุรีก็ปลูกมันสำปะหลัง  กระเจี๊ยบ  เลี้ยงปลา  ปลูกผักสวนครัวบ้าง ก็โอเคอยู่  กระเจี๊ยบนี่เป็นพืชไม่ต้องดูแล หว่านๆไปเหอะ พอถึงเวลาก็ไปเก็บ แต่ราคาถูกจนไม่อยากเก็บขาย กระเจี๊ยบสด 10 โล ตากแห้งได้ 1 โล  กระเจี๊ยบที่ไปตากนี่ต้องแคะเม็ดออกก่อนด้วย  ราคารับซื้อที่ไร่ กระเจี๊ยบแห้งตกโลละ 40-50 บาท  ขายให้เขาที่ร้านได้โลละ 60  แต่เห็นเขาเอาไปแพ๊กขายกันที 100-200 แต่ชาวไร่ชาวนาที่ทำได้แค่นี้จริงๆ นอกนั้นนายทุนได้  ที่บ้านเลยไม่ทำขาย ทำแค่พอกินพอแจก ได้ปีละ 50-60 โลแห้งก็พอใจล่ะ อาจจะเอาดอกตูมสดๆมาเคี่ยวทำเป็นแยมกระเจี๊ยบไว้กินกับขนมปัง  ปีหนึ่งจะทำครั้งเดียว คือ ช่วงที่ดอกกระเจี๊ยบกำลังได้ที่  ก็ถือว่าโอเค สำหรับพืชที่ไม่ต้องดูแล  เราเอากระเจี๊ยบมาปั่นกับเครื่องปั่นหมู แล้วเอาตวงใส่ผ้าขาวบางตัดเล็กๆ + น้ำตาล มัดจุกให้เรียบร้อย เก็บใส่กล่อง เวลาจะกินก็เอามาแกว่งๆในน้ำร้อน ก็สบายดี ไม่ต้องไปต้มน้ำเดือด รสชาติก็โอเคเลยล่ะ ไม่ต่างจากกระเจี๊ยบที่ต้มในน้ำเดือดเลย  เหมาะสำหรับการกินรอบดึกและอยากกินแค่แก้วเดียว  (พ่อยังว่า น่าทำขายเนอะ พัฒนาดีๆ บรรจุสวยๆ แต่เราคิดแล้ว ถ้าพ่อทำขายจริงๆ เราทำการตลาดไม่เป็นจะเริ่มยังไงล่ะ)   แต่จะเห็นว่า มีพืชบางอย่างตรงตามโฆษณา คือ ให้มันโตเอง  อย่างกระเจี๊ยบ กล้วย ตะไคร้ ผักสวนครัวบางอย่าง  พวกนี้ไม่ต้องไปพ่นยา ไม่ต้องไปดูแล มันโตเองจริงๆ ขอแค่มีเมล็ดหว่านลงไป มีฝนบ้างก็พอ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 51 20:05:09 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 51 20:01:13 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 51 19:59:22 จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 27 พ.ค. 51 19:56:40 ]

ความคิดเห็นที่ 57 26 - 27 - 28  โดนใจ........ ที่สำคัญต้องขยันครับ........พวกเกษตรเชิงเดี่ยว  เหมือนพนักงานของพวกนายทุน  ที่เขาเอาทุนมาให้เรา  ใช้แรงงานเรา  ใช้ที่เรา   พูดง่าย ๆ ทำงานเอาเงินให้นายทุนเกือบหมด.......... จากคุณ : มหาอุตม์ - [ 27 พ.ค. 51 21:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ถ้ามีใคร สนใจจะไปดูชีวิตเกษตรกร ติดต่อได้นะครับ ผมทำงานที่ต้องเจอเกษตรกรที่พื้นที่จริง วันละไม่ต่ำกว่า 5 คน ขึ้นเขาลงห้วย ไปตามไร่นา ทุกวันครับ พบเกษตรกรทั้ง ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ใบยาสูบ พืชผักสวนครัว ทุกอย่างครับ เผื่อจะได้แนวคิดใหม่ๆให้เกษตรกรไทย ไม่ใช่ไปดูที่สำเร็วแล้วอย่างเดียว มันไม่สนุกครับ ทุกที่ปัจจัยแต่ละอย่างก็ต่างกันไป ติดต่อได้นะครับ จะได้นั่งรถไปดูด้วยกัน จากคุณ : Yo-Ak (Yo-Ak) - [ 27 พ.ค. 51 22:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 59 โอ้ ลัลล้า  สมุนไพรรักษาไม่ได้ทุกโรคค่ะ  แต่รักษาได้หลายโรค  และบางโรคยาสมัยใหม่ยังสู้ไม่ได้เจ้า จำข่าวนึงได้คนป่วยโดนงูกัด โดนพิษแมงดา โดนฯลฯ  ยาสมัยใหม่รักษาไม่อยู่  กินรางจืดแล้วหาย -_-' โฮะ ๆ ๆ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 27 พ.ค. 51 22:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 60 วิธีการเพิ่มกำไรมี 2 วิธี วิธีแรกเพิ่มรายรับ (เชิงเดี่ยว) ลดต้นทุน (แบบผสม) ปัญหาคือคนเราเวลาคิดจะเพิ่มกำไร มักจะไปนึกถึงการเพิ่มรายรับ แต่ประเทศไทยยังขาดประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า ถ้าปลูกมากๆก็จะล้นตลาดราคาตก เป็นหนี้กันไป ดังนั้นถ้าจะปลูกเชิงเดี่ยวให้ได้กำไรดีในประเทศไทย เกษตรกรต้องรู้จักคาดการตลาดเหมือนเล่นหุ้น ชิงปลูกสิ่งที่คนอื่นปลูกน้อยและไม่ลูกของที่คนอื่นแห่กันปลูก หรือต้องรู้หรือวิเคราะห์ความต้องการของตลาดล่วงหน้าได้ ตามหลักดีมานซัพพลาย ^_^ จากคุณ : จอมมารเพนกวิ้นฟ้า - [ 28 พ.ค. 51 00:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ในฐานะคนเรียนเกษตรมาโดยตรง ผมก็แนะนำให้ทำเกษตรแบบผสมผสานครับ เพราะการทำเกษตรแบบนี้แม้มีกำไรน้อยกว่าเชิงเดี่ยว แต่ลดความเสี่ยง รวมถึงลดต้นทุนในการทำการเกษตรด้วย และสำหรับคนที่ต้องการทำแบบนี้ ผมแนะนำให้เพิ่มอีกสองวิธีครับ 1. เกษตรอินทรีย์ (เห็นในโฆษณาพูดบางส่วนแล้ว) - อันนี้นอกจากการใช้ปุ๋ยอินทรีย์แล้ว ยังมีกลวิธีการใช้แมลงในการควบคุมแมลงอีกด้วย เช่นตัวห้ำ ตัวเบียน การเกษตรแบบนี้ทำให้สามารถลดต้นทุนทั่งในส่วนปุ๋ยเคมีที่ตอนนี้ราคาสูงมาก รวมถึงสารเคมีที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของเกษตรกร และผู้บริโภคอีกด้วย 2. การปลูกพืชหมุนเวียน - ก็คือการปลูกพืชหลายๆชนิดเป็นวงจรในพื้นที่เดียวกันในรอบระยะเวลาหนึ่ง เช่นการปลูกถั่วในนาข้าว หลังช่วงเก็บเกี่ยวแล้ว ซึ่งวิธีนี้ก็ช่วยเพิ่มรายได้เล็กๆน้อย (ถั่ว) รวมถึงเพิ่มธาตุอาหารจำเป้นในดินด้วย ความจริงการเกษตรแบบนี้ร่ายได้เป็นวันๆเลย เดี๋ยวว่างๆผมจะทำสรุปขึ้นกระทู้ให้นะครับ จากคุณ : ประจุบวก - [ 28 พ.ค. 51 08:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 62 มารออ่านเรื่อยๆเลยครับ จากคุณ : phoenixia - [ 28 พ.ค. 51 10:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 63 จริงๆ หลักการนี้ มีมานานแล้ว เพียงแต่ มันถูกกลบโดย 'การตลาด' ไปเสีย จากคุณ : " คุณชายช่างฝัน " - [ 28 พ.ค. 51 10:50:43 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ยังตามอ่านอยู่คะ.. จากคุณ : จิ้งจอกสาวฝึกหัด - [ 28 พ.ค. 51 11:22:55 ]

ความคิดเห็นที่ 65 การทำเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเพาะปลูก หรือเลี้ยงสัตว์ก็มีความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนในการผลิตสินค้า แตกต่างจากผลิตผลิตทางอุตสาหกรรมที่สามารถความคุมการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดโดยใช้เครื่องจักร ฉะนั้นถ้าเราสังเกตุดีๆเกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จมักจะมีความสามารถให้การความคุมความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี อย่างแรกคือความเสี่ยงด้านราคาสินค้า ที่มีราคาเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นลงตามปริมาณสินค้าที่ผลิตขึ้นในแต่ละรอบ/cropการเก็บเกี่ยว อย่างที่สองคือความเสี่ยงด้านการผลิตผลิตที่ต้องใช้ปัจจัยการผลิต เช่น น้ำ ดิน ฟ้า อากาศ สภาวะแวดล้อม หากเกษตรกรสามารถจัดสรรความคุมปัจจัยเหล่านี้ได้การผลิตจะเริ่มมาตรฐานขึ้นและลดความเสี่ยงการการพึ่งพิงธรรมชาติที่มีความไม่แน่นอนได้ การทำเกษตรผสมผสานก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถลดความเสี่ยงที่มีมากได้พอสมควร เหมือนการลงทุน เหมือนเราเอาไข่ไว้ในตะกร้าใบเดี่ยวกันหมด หากได้ก็ได้กำไรเยอะแต่ก็แตกหมดได้เช่นกัน ก็เสี่ยงขาดทุนเยอะเช่นกัน จากคุณ : วิญญาณเทวดา - [ 28 พ.ค. 51 12:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เกษตรกรบางคนก็น่าเห็นใจ จะเชิงเดี่ยวหรือผสมก็ยังจนซ้ำซาก ข้าวราคาดี สิ่งแรกที่คิดซื้อคือมอไซด์ให้ลูกชาย ค่ำลงไม่มีเงินกินเหล้าขาว พอมีเงิน กินเหล้าสี หวยทุกงวดตามตลอดงวดละหลายร้อยที่เล่นเพราะอยากมีเงิน ขายข้าวได้ราคาดีมีเงินก็ยังเล่นหวยอีก ตกลงยังไงก็จะเล่น ตังค์ค่าน้ำมันมอไซด์+ค่าเหล้า+ค่าหวย รายจ่ายคงที่ตลอด ต่อให้ผลผลิตดียังไงก็จนเหมือนเดิมถ้าไม่เปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเอง จากคุณ : DEDETE - [ 28 พ.ค. 51 13:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อ่าน คห.56 แล้วเห็นใจเกษตรกรครับ ทำงานแทบตายถูกพวกนายทุนเอาไปหมด จากคุณ : Pu'Chew - [ 28 พ.ค. 51 13:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 68 วันก่อนดูรายการจับเข่าคุย ฟัง คุณธนินทร์ แห่ง ซีพี. พูด เขาบอกว่า คนจนไม่มีความรู้ เสี่ยงทุกอย่าง..เสี่ยงทุกประตู มาวันนี้มาอ่านกระทู้นี้ ชักรู้สึกว่ามันก็ไม่จริงเสมอไปแล้วซิเนี่ย.. จากคุณ : primjang - [ 28 พ.ค. 51 14:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอแตกประเด็นไปนี้นะครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6650864/X6650864.html คือว่าผมสงสัยนะครับว่าระบบการผลิตแบบนี้จะพอเลี้ยงคนทั้ประเทศได้หรือครับ แล้วในระยะยาวแล้วมันจะดีต่อระบบเศรษฐกิจยังไงละครับ จากคุณ : new426 - [ 28 พ.ค. 51 15:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อ่านแล้ว น่าสนใจมากๆ ค่ะ ถึงจะไม่มีโอกาสได้ทำไร เพราะไม่มีที่ดินก็เถอะ ขอเข้ามาอ่านเป็นความรู้แล้วกันนะคะ ส่วนรายการของทีวีบูรพานั่นก็ได้ดูเหมือนกันค่ะ ดูแล้วสงสาร ชาวไร่ ชาวนา เป็นหนี้เป็นสินกันแบบที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหมดหนี้เลยค่ะ ถึงเวลาจะเริ่มเพาะปลูกก็ไปกู้เงินเค้ามาลงทุน พอเพาะปลูกเสร็จ เงินที่ได้ กลับไม่พอจ่ายหนี้ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกฤดูเพาะปลูก หนี้ก็สะสมเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเหมือนกัน น่าสงสารชาวไร่ ชาวนา จริงๆค่ะ จากคุณ : SFFC - [ 28 พ.ค. 51 16:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เอ่อ เจ้าของกระทู้ซื่อเกินไปรึเปล่าครับ โฆษณาเค้าแค่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้ดูภายในระยะเวลาของโฆษณา ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยมันก็มีอีกเยอะ กระทู้นี้มีนัยอะไรแอบแฝงรึเปล่าอ่ะ จากคุณ : Soul society - [ 28 พ.ค. 51 17:19:04 A:58.9.102.224 X: ]

ความคิดเห็นที่ 72 เข้ามากิน...อาหารสมองเพียบบบ จากคุณ : ZXR - [ 28 พ.ค. 51 18:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ชอบน่ารักดี จากคุณ : . (pattapon) - [ 28 พ.ค. 51 20:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เข้ามาเก็บความรู้ครับ ขอบคุณผู้ให้ความรู้ทุกท่านครับ ถ้ามีที่เป็นของตัวเองเมื่อไหร่จะขอคำปรึกษานะครับ ตอนนี้ก้มหน้าก้มตาทำงานเก็บเงิน(ไม่ค่อยจะได้)ไปก่อน จากคุณ : Redrum - [ 28 พ.ค. 51 21:03:44 ]

ความคิดเห็นที่ 75 รู้สึกดีครับ นานๆ ทีที่ชาวนาจะถูกชื่นชม ไม่โดนดูถูกว่าเป็นชาวนา จากคุณ : ละอ่อนหลังเขา (ละอ่อนชายแดน) - [ 29 พ.ค. 51 14:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ชุดแรกสอนให้รู้จักกินผักดี ชุดสองสอนให้รู้จักเลี้ยงดูตนเอง ชุดสามสอนให้รู้จักร่วมมือร่วมใจในชุมชน รอดูชุดสี่อยู่น้า อิอิ จากคุณ : chinjungza - [ 29 พ.ค. 51 16:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ดีครับ  โหวต... จากคุณ : Zew - [ 29 พ.ค. 51 17:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ในรูปอนาคต Security Admin อย่างผมจะไปอยู่อย่างนี้แหละครับ กังหันลมปั่นไฟ ใช้รถไฟฟ้า สร้างบ้านจากดิน กินข้าวที่ปลูกเอง พืชผักอยากกินอะไรก็ปลูกเอา ผมยังมองแทบไม่เห็นรายจ่ายเลย ในขณะที่รายรับมีเข้ามาตลอด แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 51 18:33:38 จากคุณ : chaos_r - [ 29 พ.ค. 51 20:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อีกรูปละกัน อันนี้เป็นบ้านพี่ที่เฝ้าสวนที่ผมลงทุนอยู่ มีที่เหลืออยู่อีก 2-3 ไร่ยังไม่รู้ว่าจะปลูกอะไรดี ในที่นี้มีผู้รู้หลายท่าน อาจจะขอคำแนะนำนะครับ จากคุณ : chaos_r - [ 29 พ.ค. 51 20:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 81 จริงๆ แล้ว ภ้าเรามองอีกมุมนึงหล่ะครับ เกษตรเชิงเดี่ยวนั้นเหมือนกับเล่นพนันโดยทุ่มไปที่ สินค้าตัวเดียวด้วยทุนทั้งหมด ได้ก็ได้เยอะ ภ้าขาดทุนก็ขาดทุนเยอะเหมือนกัน แต่เกษตรผสมผสาน เหมือนกับลงทุนอย่างปลอดภัย อันนึงขาดทุน ก็สามารถเอาอีกอย่างมา ชดเชยกันได้ เท่าที่ผมสัมผัสมา อีกเหตุผลนึงที่ ชาวนาไม่ได้ผลกำไรดีเพียงพอ ในการทำการเกษตรเชิงเดี่ยว เพราะขาดการวางแผนที่ดี นี้ยกตัวอย่างเอาแค่ข้าวก็พอนะครับ เพราะบ้านผมเป็นโรงสีข้าว เอาเรื่องการเลือกพันธุ์ข้าวที่ปลุกแล้วกัน ช่วงนึง รัฐบาลรับประกันข้าวหอมมะลิด้วยราคาสูงกว่าราคาตลาดมากๆ ราคาข้าวหอม ดีดตัวสูงมาก ปีต่อมา ชาวนาก็พากันปลุก หอมมะลิกันหมด แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลไม่มีการรับจำนำ ชาวนาก็ขาดทุนแหลกลาญเพราะ ผลผลิด ข้าวหอมเยอะมากๆ แต่กลายเป็นว่า ข้าวเหนียวที่มีการปลุกน้อยลงก็ราคาดีดตัวสูงอย่างน่ากลัว (ปีที่แล้วมีใครซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งแล้วรู้สึกว่าข้าวเหนียว 5 บาทแทบไม่ได้อะไรเลยบ้างหล่ะ ) ชาวนาก็แห่กันปลุก ข้าวเหนียวในปีต่อมา ซึ่งก็คือปีที่ผ่านมานั้นเอง ข้าวมะลิ ก็แพงหูฉีกอีก ข้าวเหนียวก็ราคาตกอย่างแรง ดีที่น้ำมันมันขึ้น ราคาเลยไม่ตกลงมาก ไม่งั้นได้เห็นม็อปข้าวเหนียวนาปีแห่เข้าเมือง กรุงแน่ๆ ซึ่งผมก็เป็นคนขาย เมล็ดพันธุ์ข้าว ให้ชาวนาแถวๆบ้านนี้แหละ ซึ่งผมก็เตือนทุกคนที่มาซื้อพันธุ์ข้าวว่า อย่าปลุกแค่อย่างเดียวนะ เดี๋ยวจะซวยเอา ตอนที่มีแต่คนมาซื้อพันธุ์ข้าวเหนียว ผมก็เดาได้และว่าปีหน้าข้าวเหนียวจะถูก ซึ่งไม่มีใครเชื่อเลย ทุกคนจะเชื่อว่า ปีนี้ข้าวเหนียวแพง ปีหน้าข้าวเหนียวก็ต้องแพง ถ้าปีนี้ข้าวมะลิแพงปีหน้าข้าวมะลิก็ต้องแพง ยกตัวอย่างปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ ชาวนาที่เชียงราย ถ้าเขาเลือกที่จะปลุกข้าวเจ้าในฤดูนาปรังที่ผ่านมาคงไม่มีเรื่องวุ่นวายม็อปปิดถนนแล้ว (เพราะข้าวเหนียวมันขายยากกว่าข้าวเจ้านะเอง) แต่ถ้าไปถามว่าทำไม ปลุกข้าวเหนียว เหตุผลก็จะมีสองข้อ คิดว่าราคาน่าจะดี กับ ถึงขายไม่ได้เก็บไว้กินเองก็ได้ ซึ่งที่ผมอยากจะบอกคือ การทำเกษตรเชิงเดี่ยวจะได้ผลดี ก็ต่อเมื่อสามารถคาดเดาราคาในอนาคตได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากๆ เพราะการขาดแคลนข้อมูลในการวิเคราะห์ ถ้าลองมาคิดดูรายการทีวี วิทยุ ที่ให้ความรู้เกษตรกร ในเรื่องการวางแผนว่าควรจะปลูกอะไร ขายเมื่อราคาเท่าไหร่ แทบไม่มีเลย ซึ่งส่วนมากจะเป็นรายการเทคนิดการเพาะปลูกมากกว่า ทั้งๆที่ประเทศไทยเป็นประเทศ เกษตรกรรม แต่เที่ยงๆ มีแต่รายการ หุ้น รายการเกี่ยวกับข้อมูลการเกษตร นู่นตี5แหนะ แต่การจะเปลี่ยนแปลง ผลผลิตการเกษตร โดยการคาดเดาว่าอะไรจะขึ้นจะลงทุกปี เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ปีนี้ปลูกอ้อย ปีหน้าข้าวน่าจะดี ปลุกข้าวดีกว่า เปลี่ยนทีไม่ใช้เรื่องง่ายนะ ยิ่งเห็นมีข่าวว่า ชาวไร่มะม่วงเห็นมะม่วงถูก ตัดต้นมะม่วงทิ้งมาปลุกข้าวดีกว่า ข้าวราคาดี ซะงั้น เดี๋ยวคอยดูนะ อีก 4-5 ปีจะมีปัญหา เรื่องยางพารา ราคาตก เพราะเดี๋ยวนี้อีสานก็แห่กันมาปลุกยางกันเต็มไปหมด สรุปก็คือ ผมเห็นว่า เกษตรผสมผสานได้เงินน้อยแต่ก็ปลอดภัย เกษตรเชิงเดี่ยวก็ดีถ้าเราเดาตลาดได้ จากคุณ : Geon37 - [ 29 พ.ค. 51 21:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 82 คห.52 53 79 80 ถ่ายได้สวยครับ โดยเฉพาะ คห.80 ภาพดูเป็นอัซซูลิเอทมากๆ(เคยได้ยินอาจารย์ตอนสอนถ่ายรูปพูดแบบเนี้ยประเภทภาพย้อนแสงอ่ะ) ถ้าได้เห็นดวงอาทิตย์เต็มๆแบบกลมๆสีแดงๆตอนไกล้จะตกหรือเพิ่งขึ้นนะด้วยนะ แหล่มเลย จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return - [ 30 พ.ค. 51 00:02:42 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ผมว่าถ้าคิดว่าทำแล้วมีกำไลมากๆๆอยากไปทำเกษตรเลยครับมีแต่ขาดทุนเกษตรต้องทำให้พออยู่ได้มีความสุขเท่าที่จำเป็นในชีวิตจะอยู่ได้พออยากได้กำไรมากๆๆก็ลงทุนมากๆๆก็ขาดทุนครับพีน้องสู้พ่อค้าไม่ได้ชื่อไปขายมากำไรเห็นๆๆ จากคุณ : ชีวิตพอแล้ว - [ 30 พ.ค. 51 00:51:41 A:125.26.150.225 X: TicketID:176019 ]

ความคิดเห็นที่ 84 "ผม เคยโดนรถชนเลือออดในสมอง หมอบอ ต้องรักษาตัว 3 เดือน ผมกินยาลูกกร้อน อยู่ 1 เดือนหาย เลย" แสดงว่าไม่เคยดูโฆษณายาลูกกลอน ยาลูกกลอนไม่ใช่ยาสมุนไพร แต่เป็นสเตียรอยด์ธรรมดานั่นเอง ทางการแพทย์แผนปัจจุบันก็มีที่ใช้ แต่อันตรายมาก ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ถ้าไปซื้อมาใช้เอง... ของแบบนี้ได้ไม่คุ้มเสียครับ คนไข้หลายคนที่นอนอยู่ก็จะตายจากยาลูกกลอนเนี่ยแหละ จากคุณ : vandalism - [ 30 พ.ค. 51 04:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เคยดูรายการเจาะใจมั้ง เมื่อสักสิบปีที่แล้ว มีคนที่เคยตามรับใช้เบื้องพระยุคลบาท พ่อหลวง เขาจดจำวิธีที่พ่อหลวงสอน เป็นการเกษตรแบบนี้แหละ พอออกจากราชการแล้ว ก็มาเป็นชาวไร่ ชาวนา เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ ได้ผลดีอย่างที่เห็นในโฆษณาเลย ไม่ใช่สารเคมี มีกิน มีรายได้ ไม่อด ไม่มีหนี้ และผลผลิตที่ได้อร่อยกว่าใช้สารเคมีด้วย ไม่มีการถางปรับพื้นที่เพาะปลูกแบบถางเรียบ จะปลูกพืชที่เกื้อหนุนกันไว้ด้วยกัน จำได้ว่าปลูกข้าวกับอะไรไม่รู้ ทางรายการไปถ่ายมา ปลูกเหมือนรกๆ แต่มีหลักการ มีแมลงเต่าทองด้วย(ไม่มียาฆ่าแมลงแน่นอน) พวกแมลงศัตรูพืชก็มีวิธีกำจัดแบบบ้านๆ และได้ผลดี ปลูกข้าวได้มา ชาวนาชาวสวนใกล้เคียงมาชิมแล้ว ถามใหญ่ว่าพันธ์ข้าวอะไร จริงๆ ก็พันธุ์ข้าวเดียวกัน ซื้อมาเหมือนๆ กัน บอกไปเขาก็ไม่เชื่อ หาว่ากั๊กไม่ยอมบอกอีกแหนะ   มันอยู่ที่ดินอร่อย ดินสมบูรณ์ เขาบอกเลยว่าต้องหมักยังไง คลุมยังไง ปรับดินยังไง ปลูกยังไง แต่ไม่มีใครทำตามอ่ะ ..............-_-" จากคุณ : (( aloha )) - [ 30 พ.ค. 51 04:42:37 ]

ความคิดเห็นที่ 86 กลับมาอ่านอีกที สาระเพียบบบบเลย ครับ ^^ จากคุณ : vn, man - [ 30 พ.ค. 51 13:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เพิ่มหนังสือที่คิดว่าน่าสนใจนะครับ ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว คนเขียนเป็นคนญี่ปุ่น ความคิดน่าสนใจมาก  แต่ไม่รู้ว่าเหมาะกับเมืองไทย(โดยมาก)หรือเปล่านะ จากคุณ : ขุนไกรครับผม - [ 30 พ.ค. 51 18:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ทำโฆษณา ให้ "เกษตรกร" เข้าใจน่ะครับ เลยต้องเน้นให้ตรงจุด ว่าการเกษตรเชิงเดี่ยวกับการเกษตรเชิงผสมผสาน นี่มันแตกต่างกัน มันดีกว่ากัน มันแย่กว่ากัน ยังไง.. จริง ๆ ก็เป็นแนวพระราชดำริ เมื่อนานมาแล้วนะครับ สมัยที่ทำเป็นหนังสือ ว่าควรจะแบ่งที่ดินเป็นกี่ส่วน แล้วใช้ทำอะไรบ้าง ผมว่าโอเคมาก ๆ  ๆ เลยล่ะครับ หนับหนุน ๆ ๆ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 51 00:06:16 จากคุณ : ความฝัน = รักษายิ่งชีวิต - [ 30 พ.ค. 51 23:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 89 กระทู้นี้ดีมาก ความรู้เยอะ ติดตามอ่านต่อ จากคุณ : autumn whispers - [ 31 พ.ค. 51 14:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ท่านสอนให้ อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจให้มาก ยืนบนขาตัวเอง ถึงล้มมันก็เจ็บน้อย อย่าโลภมาก เดี๋ยวลาภมันจะหาย จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 31 พ.ค. 51 21:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 92 จาก คคห 87  ลงลิงค์ให้ครับ Masanobu Fukuoka เกษตรกรผู้ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว http://www.onopen.com/2007/02/1538 จากคุณ : April Slowly - [ 1 มิ.ย. 51 01:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 93 จริงๆ มันคือการกระจายความเสี่ยง และผลพลอยได้จากการกระจายความเสี่ยงนั่นแหละครับ จากคุณ : perspeceviT - [ 1 มิ.ย. 51 14:52:25 ]

ความคิดเห็นที่ 94 .. นักลงทุน  ได้รับการสอนอยู่เสมอว่า "อย่านำไข่ไปใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว" นักลงทุนผู้ชาญฉลาดก็เลือกทำแบบนี้ นักลงทุนระดับปานกลางเขาก็ทำแบบนี้ นักลงทุนระดับไหนเขาก็ทำแบบนี้ (ยกเว้นพวกเซียนหุ้นไม่กี่คน) แล้วถ้าเกษตรกร  (ที่ไม่เก่งอย่างนักลงทุน) ทำสวนทางกับหลักการข้อนี้  จะเกิดอะไรขึ้นลองคิดดู .. จากคุณ : ไม่เป็นดั่งใจ - [ 1 มิ.ย. 51 21:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 95 มันทำได้จริงครับ สำหรับการพออยู่พอกินนะ แต่ถ้าจะทำเกษตรกรรมชนิดที่ว่ากำไรมากๆ ต้องปลูกเดี่ยวครับเพราะ ไม่มีเวลามาดูแลพืชได้ทีละหลายๆ ชนิด รายละเอียดอื่นๆ ก็มีกันครบละ ผมก็เกษตรกรคนนึง เข้าใจครับว่า มันยากที่จะทำแบบในโฆษณา 100 คนอารจจะมีซัก 0.5 ที่สามารถ ผมเชื่อว่างั้น ถามว่าทำไมไม่ยอมทำ ก็เพราะว่าทำอย่างละน้อยๆ มันคืนทุนไม่ได้นะสิ..... การเก็บเมล็ดไว้ต่อยอดปลูกเองมันก็ทำได้ แต่เมื่อใช้ต่อไปสักระยะ จะมันจะกลายพันธุ์ เราก็จำเป็นต้องซื้อเมล็ดแพงๆ มาใช้อยู่ดี วิธีเดียวที่จะให้เกษตรกรลืมตาอ้าปาก รัฐต้องควบคุมราคาสารเคมี เท่านั้น ก็จบ ละ ไม่ใช่ปล่อยให้ปุ๋ยแพงเป็นพันบาท แบบนี้ตายตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดเลย ปีนี้เกษตรกรจะเป็นหนี้เพิ่มขึ้น เพราะท่านไม่แลเหลียว จากคุณ : leetaesok - [ 1 มิ.ย. 51 23:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เขาดูแล้วให้คิด คิดเหมาะกับตัวเอง แล้ว เข้าใจ และ พัฒนาฯ ไม่ใช่ดูแล้ว เลียนแบบ ถ้าซักแต่จะเลียนแบบ แล้วก็มาประชด แบบโง่ๆ นะ ถ้าซักแต่จะเลียนแบบ ไม่ใช่สมอง ไม่ว่าจะเกษตรเดียว หรือ เกษตรผสมผสานก็เจ็งเหมือนกันครับ หึหึหึ จากคุณ : ช้างยิ้ม - [ 1 มิ.ย. 51 23:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เกษตรผสมผสาน & เศรฐกิจ พอเพียง คนฐานะธรรมดาทำไม่ได้หรอกครับ คนที่จะทำได้ดีต้องมีฐานะพอสมควร หรือเป็นข้าราชการเกษียรอายุที่มีเงินประจำ คือต้องมีทุนต้องเข้าใจก่อนว่าการทำเกษตรไม่ใช่ทำวันนี้ได้ผลพรุ่งนี้อย่างน้อยๆก็ 3-4 เดือน ขุดบ่อน้ำต้องใช้เงินเท่าไร ถ้าไม่มีน้ำจะทำอย่างไร การหาตลาดใครจะซ้อสินค้า ของใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวันก็ต้องซื้อผลิตเองไม่ได้มีปัญหาอีกเยอะแยะทำการเกษตรไม่ใช่ทำง่ายๆไม่งั้นชาวไร่ชาวนาก็มีฐานะกันหมดแล้ว จากคุณ : kotolay - [ 2 มิ.ย. 51 13:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 98 #97 ลองดูเทปคนค้นคน ตอนของคุณแหลมครับ เกษตรผสมผสานและเศรษฐกิจพอเพียง ทำได้ไม่เกี่ยวกับฐานะทางการเงินครับ "แต่ต้องอยู่ในสัมมาทิฏฐิ และต้องมีอิทธิบาท 4" จริงๆชาวบ้านที่ทำเกษตรกรแนวผสมผสานมีเยอะมากทั้งที่นำมาเผยแพร่และไม่เผยแพร่ ผมเห็นประสบผลสำเร็จในชีวิตกันทุกคน สิ่งที่ต้องพึงตระหนักอยูเสมอคือ คุณต้องไม่หวังพึ่งเงินเพื่อดำรงชีพ คุณต้องออกจากระบบบริโภคนิยมก่อน เกษตรเชิงเดี่ยวแถวบ้านผมเจ๊งเพราะวิ่งเข้าหาระบบทุนนิยม ความไม่มีระเบียบวินัยในการใช้เงิน อยากสบายแต่ขี้เกียจ อันนี้สรุปจากเท่าที่ผมเคยพบมา ขายมัน ขายอ้อยได้ซัดลาบ-ก้อย-เหล้า-เบียร์ อยู่แถวคิวรถ กลับบ้านเหลือเงินอยู่นิดเดียว อนาคตที่เหลือค่อยว่ากัน อยู่ไปวันๆจริงๆ สมัยเด็ก บ้านผมอยู่ติดชายป่าดงดิบ ชนิดที่ว่ามีเหยี่ยวบินมาโฉบลูกไก่กลางลานบ้านตอนกลางวันแสกๆ คนยุคนั้นดำรงชีพด้วยเกษตรแบบผสมผสานกันเกือบทุกครัวเรือน เจ้าบ่าวจะได้รับการอนุมัติจากพ่อตาเมื่อทดสอบการทำนาผ่าน พอกระแสบริโภคนิยมเข้าไปในหมู่บ้านทุกอย่างเปลี่ยน ชาวบ้านหันมาทำเกษตรเชิงเดี่ยว (ข้าว มัน สปล อ้อย ปอ) เพื่อเงินอย่างเดียวลืมวิถีชีวิตเดิมๆ สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน วิธีแก้ก็คือหันกลับไปดำเนินชีวิตแบบคนรุ่นเก่าโดยการใช้เกษตรแบบผสมผสานที่ผ่านการ refined ด้วย R&D เลิกมุ่งประเด็นไปที่เงินอย่างเดียว อ้อ ... ประยุกต์ใช้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วย จากคุณ : SomeoneFromKK - [ 2 มิ.ย. 51 17:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ถ้าคิดแบบ #97 ก็ไม่้ต้องทำอะไรกินแล้วครับ นอนรอวันตายไปเหอะ ทำเกษตรก็ต้องคิดแบบเกษตรกรสิครับ ไม่ใช่คิดแบบนายทุนที่เอาเงินไปลงทีโครม ๆ มีน้อยก็เริ่มทีละน้อย ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน ไม่ใช่ว่าเห็นเขามี ก็อยากมีบ้าง ถ้าคิดแบบนี้ต่อให้ทำเกษตรเก่งแ่ค่ไหนก็ไม่รอดหรอก จากคุณ : Buff_Power - [ 2 มิ.ย. 51 21:28:00 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เกษตรกรจริงๆ น่ะไม่ได้จนหรอกครับ ส่วนที่จนๆ น่ะทำตัวเองทั้งนั้น ได้เงินมาก็เอาไปเข้าบ่อนไก่ วิดกุ้งเสร็จก็ตั้งวง กินเหล้า คาราโอเกะ อย่างนี้มันจะไปเหลือเหรอ ที่นาข้างๆ ที่นาบ้านผม ทำนาอย่างเดียว ห้าสิบกว่าไร่ กำไรปีนึง สามสี่แสน สบายๆ มันอยู่ที่คนจะรู้จักบริหารจัดการหรือเปล่าต่างหาก แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 51 09:59:02 จากคุณ : kanoomtan - [ 3 มิ.ย. 51 07:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 101 กระทู้นี้ สุดยอดจริงๆค่ะ ตามอ่านๆๆๆ จริงๆคิดว่าถ้ามีลูกจะส่งลูกเรียนเกษตร เพราะต่อไปอาหารจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆๆๆ ตอนนี้อยากไปเรียนเองซะแล้วซี จากคุณ : วี้ดวิ้ว - [ 4 มิ.ย. 51 00:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ทำได้จริงๆ ครับ แต่คนทำเกษตรแบบผสมผสานต้องเป็นคนขยัน จากคุณ : ลูกตุ้ยของแม่ - [ 4 มิ.ย. 51 15:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เข้ามาเติมความรู้ ^^ จากคุณ : จุ๊บยางเป็ดน้อย - [ 4 มิ.ย. 51 18:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอถามนะครับ.... -  มีประเทศใด บ้าง ที่เป็น ตัวอย่าง ในโฆษณา ? -  ทุนนิยม กับเกษตรเเบบในโฆษณาหนะ มันไปด้วยกันได้มั้ยครับ? - ในตัวอย่าง ในโฆษณา หนะเรื่องการหาสมุนไพรเเล้ว ไม่ ต้องไป หาหมอ เเล้ว ถ้าเป็นโรค ที่ ต้อง ใช้ เงินรักษา ที่ใช้เงินเป็น จำนวนมากหละ เช่นมะเร็ง ? จะใช้วิธีเเบบในโฆษณาหรือครับ -เเล้วเรื่องเกษตรเชิงเดี่ยวหละ ถ้าเขาขายได้กำไร เขาไม่เก็บ เงินไว้ทำลงทุนอย่างอื่นเลยเหรอครับ?  เเล้วเวลาตอนป่วยเป็นโรคเล็กๆน้อยใช้ยาสามัญประจำบ้านก็ได้หนะครับ ในโฆษณา กินเเต่สมุนไพรอย่างเดียวเหรอ (สมัยนี้เดินเข้าร้านเภสัชเเล้วซื้อยามากินเร็วกว่าปะ?)?   -ในโฆษณา จำเป็นด้วยเหรอที่เกษตรเชิงเดี่ยวจะไม่รอดเหมือนในโฆษณา? ขอมาเพิ่มต่อ - ที่ไม่ใช้สารเคมีหนะ ปลูกอะไรได้บ้างหละครับ  พืีชบางชนิดก็จำเป็นต้องใช้สารเคมี หรือว่าปลูก เเล้วไม่ใช้สารเคมีเลย? เช่น ยาฆ่าหญ้า ยาคุมหญ้า ยาฆ่าเเมลงศัตรูพืช  ปุ๋ยเคมี ไม่่ใช้?   เเล้วผลผลิตต่อไร่เท่าไหร่ เมือ่เทียบกับเเบบใช้  กำไรสุทธิเท่าไร่ จากทั้งสองกรณี)? แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 07:55:34 จากคุณ : CaniZzaro - [ 5 มิ.ย. 51 07:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 105 สนุนไพรไว้ใช้เวลาเจ็บป่วยเล็กๆน้อย หรือทานเป็นประจำเพื่อสุขภาพครับ บางชนิดมีสรรพคุณสามารถใช้แทนยาบางชนิดได้ ซึ่งสำหรับหลายๆคนแล้ว ยาที่ขายตามร้านนับว่าแพงทีเดียวครับ เราอาจไม่ค่อยรู้สึกกันเพราะเรามีเงิน แต่ถ้าโรคร้ายแรงก็ต้องไปโรงพยาบาลน่ะครับ แต่คนที่ไม่ได้ปลูกสมุนไพร ไม่ว่ากรณีใดๆที่เจ็บป่วยก็ต้องเสียเงินซื้อยาหรือไปโรงพยาบาลครับ เช่นถ้ายกตัวอย่างกรณีมะเร็ง ก็คิดว่าคงพิจารณาเองได้ครับ ในโฆษณาแนะนำให้ปลูกหลายๆอย่างซึ่งแต่ละอย่างก็สามารถขายได้ และลดความเสี่ยงเมื่อเกิดภาวะสินค้าชนิดหนึ่งล้นตลาด ซึ่งก็จะทำให้ไม่เดือดร้อนมากนัก เราจะทำอะไรไม่ต้องไปคอยเลียนแบบต่างประเทศหรอกครับ รอให้เค้าทำก่อนเราค่อยทำมั่ง คอยทำตาม ทำให้ไม่ค่อยคิดอะไรใหม่ๆเอง แม้จะมีความเสี่ยงบ้าง แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาด้วยตนเอง อนาคตผมก็อยากให้ประเทศอื่นๆต้องพูดว่า "มาทำตามประเทศไทยกันเถอะ" คงน่าภูมิใจไม่น้อยครับ จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 5 มิ.ย. 51 07:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 106 สารเคมี ในการเกษตรก็จำเป็นต้องใช้ในบางกรณีครับ เช่น ปุ๋ยเคมีควรใส่เพิ่มให้แก่พืชร่วมกับปุ๋ยคอกเพื่อให้พืชได้รับสารอาหารเพียงพอ (เพิ่มเติม - ข้อนี้กรมวิชาการเกษตรก็แนะนำครับ) แต่กรณียาฆ่าแมลง ก็คิดว่ามีวิธีธรรมชาติในการกำจัดแมลงศัตรูพืชครับ ในบางประเทศใช้แมงมุมชนิดหนึ่ง ซึ่งจะจับเพลี้ยกินเป็นอาหาร เขาก็จะปล่อยแมงมุมนี้เข้าไปอาศัยในสวนของเขา ทำให้ไม่ต้องใช้ สารเคมีกำจัดเพลี้ย ศัตรูอันดับต้นๆของเกษตรกรเลยล่ะครับ ส่วนยาฆ่าหญ้านี้นำไปใช้กับต้นหญ้าครับ แทบไม่ส่งผลกับต้นพืช เพราะเวลาฉีดต้องระวังไม่ให้โดนใบของพืชน่ะครับ (หรืออาจเลี้ยงสัตว์ที่กินหญ้าไว้ก้ได้ครับ) เรื่องกำไรมากน้อยผมไม่แน่ใจครับ แต่ที่แน่ๆคือลดความเสี่ยงทางด้านการเิิงิน ได้มากทีเดียว อีกทั้งช่วยรักษาสุขภาพอนามัย ทั้งของตัวเกษตรกร และผู้บริโภคเอง โดยภาพรวมผมถือว่าคุ้มครับ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 08:08:16 จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 5 มิ.ย. 51 08:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คุณ #104 ถ้าเมื่อคืน (วันพุธ) คุณดูช่อง ThaiPBS ช่วงเวลา 20:20-21:15 คุณอาจไม่ตั้งคำถามเหล่านั้นเลยก็ได้ เพราะมันมีคำตอบทุกอย่างที่คุณถามจริงๆมีมากกว่าที่คุณถามอีก ที่ 17 ไร่ รายได้เป็นแสนบาทต่อเดือน ของจริงทำจริงมีให้เห็นอยู่แล้วรอดูรายการย้อนหลังทางเวบของทีวีบูรพาก็แล้วกัน เขามีทั้งหมด 20 ตอน พึ่งฉายไป 4 ตอน รายการ แผ่นดินไท เพื่อไทยเป็นไท ของ สสส ร่วมกับ ทีวีบูรพา http://www.tvburabha.com/tvb/playoldprogram/programold_pdt080528hi.asp คิดว่าแค่ 4 ตอนแรกก็น่าจะตอบคำถามคนที่ doubt เรื่องเกษตรแบบผสมผสานและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้พอสมควร ถ้าไม่มี "อคติ" เต็มหัวใจนะ คนค้นคน ตอนนายแหลม http://www.tvburabha.com/tvb/playoldprogram/programold_kkk071004hi.asp http://www.tvburabha.com/tvb/playoldprogram/programold_kkk071005hi.asp แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 15:26:14 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 12:41:02 จากคุณ : SomeoneFromKK - [ 5 มิ.ย. 51 09:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เราชอบนะ  โฆษณานี้  ทำได้ดีมาก เราว่าสิ่งที่เขาสื่อมันก้อต้องมีส่วนจิงอยู่บ้าง  อย่างที่หลายคนว่าเวลามันน้อยและต้องสื่อให้ตรงให้เข้าใจง่าย  ก้อเป็นทำมะดาที่จะมีบางอย่างเกินจิงบ้าง  อย่างเรื่องสมุนไพร  เราว่าเขาก้อใช้เฉพาะเจ็บไข้เล็กๆ น้อยๆ  แต่ถ้าป่วยหนักขั้นมะเร็งหรือแขนขาหักเขาก้อต้องไปโรงพยาบาลอยู่แล้ว  ปัจจุบันแล้วนะไม่ใช่ยุคโบราณ  เราว่าต้องแยกแยะเรื่องจิงกับโฆษณนิดนึงอย่าเอามารวมกัน  ถ้าจะให้เขาโฆษณาละเอียดขนาดนั้น  คงต้องเข้าไปดูในโรงหนังแล้วละ ส่วนตัวแล้วยังอยากไปทำอย่างในโฆษณาบ้างเลย  คงรู้สึกดีที่เดินไปหน้าบ้านก้อมีของกิน  จะได้เอาเงินไปใช้จ่ายส่วนอื่นแทน..อิอิ จากคุณ : PlaTonG (patchjiko) - [ 5 มิ.ย. 51 10:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 109 .. ตอบคุณ CaniZzaro นะครับ เอาแค่ประเด็นการลงทุนกับรายได้นะครับ ผมจะสมมุติตัวเลขให้ดู ถ้าลงทุนทำนา 20000 บาท  (ใส่ปุ๋ย ใช้สารเคมี เพื่อให้ได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วย) ขายได้ทั้งหมด 50000 บาท (ได้กำไร 30000 บาท  คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์) กับการลงทุนทำนา 5000 บาท  (ใช้เท่าที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ  ได้ผลผลิตไม่เต็มที่) ขายได้ทั้งหมด 35000 บาท (ได้กำไร 30000 บาท เหมือนกัน  คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์) ถ้าเกิดปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ  ใครจะแย่กว่ากัน ถ้าเกิดต้องการขยายพื้นที่เพิ่ม  ใครใช้ทุนน้อยกว่ากัน ถ้าเกิดปัญหาภัยแล้งน้ำท่วม ศัตรูพืชระบาดหนัก ใครเสียหายมากกว่ากัน .. จากคุณ : ไม่เป็นดั่งใจ - [ 5 มิ.ย. 51 16:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 110 มาเชียร์ เกษตรแบบผสมผสาน ถ้าคนไทยหันมาสนใจมากขึ้น รับรอง ประเทศชาติ เจริญ จากคุณ : Molass - [ 5 มิ.ย. 51 19:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 111 กระทู้นี้อารมณ์ แบลคทูเนเจอร์ มากมาย เก็บตังซื้อที่ตามบ้านนอกดีกว่าตู จากคุณ : 22471 (4 NOBLE THUST) - [ 5 มิ.ย. 51 19:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ถ้าลงทุนทำนา 20000 บาท (ใส่ปุ๋ย ใช้สารเคมี เพื่อให้ได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วย) ขายได้ทั้งหมด 50000 บาท (ได้กำไร 30000 บาท คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์) กับการลงทุนทำนา 5000 บาท (ใช้เท่าที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ ได้ผลผลิตไม่เต็มที่) ขายได้ทั้งหมด 35000 บาท (ได้กำไร 30000 บาท เหมือนกัน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์) ถ้าราคาตก เกิดภัยธรรมชาติ ขายได้30000 แหละกำลังกี่เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : พานพิท - [ 5 มิ.ย. 51 20:12:56 A:124.121.6.196 X: ]

ความคิดเห็นที่ 113 ขอถามหนะครับ  สงสัยๆ คห112 คห 109  ครับ ?  เอา ข้อมูลลิ้ง ข้อมูลที่เชื่อถือได้มายืนยัน หน่อย สิครับ? ต้นทุนที่ ใช้กับราคาที่ขายได้?   คุณ ยกกรณี ข้าวใช่มั้ย? งั้นคุณ ปลูกกี่ไร่  ยืนยันราคา่ด้วยหนะ ? วิธีปลูกทำอย่างไร ผลผลิตต่อไร่เท่าไหร่  ความชื้นข้าวกี่เปอร์เซนต์ครับ ?ใช้อะไรในการปลูก บ้าง คุณบอกมาอย่างละเอียดเลยหนะ เเล้วที่คุณ บอกจาก ตัวอย่างเเรก ใช้ปริมาณเท่าไหร่หละเต็มเม็ดเต็มหน่วยหนะ  ปลูกอย่างไร อยากทราบ ครับ ? ขอเเก้เพิ่ม ผมขอทราบ ผลผลิตต่อไร่ ทั้ง 2 กรณีด้วย ครับเอาของกรณีประเทศไทยหนะ อย่างน้อยก็ต้องมีข้อมูลมายืนยันอ่านะ (ขอข้อมูลยืนยันด้วยหนะไม่ใช่มามั่วเลข) ปล.กรุณามาตอบด้วยรออยู่ ขออภัยเเก้เยอะ ครับ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 22:44:22 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 21:12:21 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 21:09:53 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 21:04:49 จากคุณ : CaniZzaro - [ 5 มิ.ย. 51 21:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขอเพิ่มนิดหนะครับ  ข้อมูล ที่ คห. 112 คห 109 อะ ครับ ข้อมูล ที่คุณ ให้มาหนะ เก็บข้อมูลกี่ตัวอย่างครับ   เก็บอย่างไร  ข้อมูล น่าเชื่อถือไหม ?   ทำไมถึงชี้ได้ว่าข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือครับ? ปล1.ผมสงสัยอะครับ จะได้ ชี้ให้คนสงสัยอย่างผมได้ทราบครับ ปล2. ผมบวกเลขไม่ค่อยเป็นไม่เก่ง ด้านคำนวณเเละสถิติกรุณา ลงข้อมูล ให้ชัดๆหนะครับ ปล3. กรุณามาตอบด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 22:11:28 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 21:49:05 จากคุณ : CaniZzaro - [ 5 มิ.ย. 51 21:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขอบคุณ SomeoneFromKK ครับ ผมคงต้องไปดู หละครับไม่พลาดเเน่นอน ^^ ขอบคุณ Sir.ขงเบ้ง หนะครับ ที่ให้ความรุ้  ;) -------------------------------------------------- ขอถาม ต่อหนะเรื่อง  เกษตรเชิงผสมผสาน กับ เกษตรเชิงเดี่ยว ครับ  ถ้าเรา ตั้งสมมุติฐานว่า  เกษตรเชิงผสมผสานดีกว่าเกษตรเชิงเดี่ยว    กับตั้งสมมุติฐานว่า   เกษตรเชิงเดี่ยว ดีกว่าเกษตรเชิงผสมผสาน  เราใช้อะไรเป็นตัววัดได้บ้าง ในกรณี 2 เเบบนี้ครับ   เเล้วจาก คห. ข้างบนหนะครับ ที่ผมได้อ่าน(ยังอ่านไม่หมด)  ที่ใ้ช้วัดกัน คือ  ความสุขที่มากกว่า ?   จำนวนเงินที่มากกว่า ?   เรื่อง  จำนวนเงิน   ข้อมูลนี้มาจากไหนหละครับ ผมยังไม่เห็นใครเอาข้อมูลที่เชื่อถือได้มายืนยันเลย  ข้อมูลการวิจัย อยู่ไหนครับ ? (ของประเทศไทยหนะของประเทศอื่นคงไม่มี)   เเล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อมูล ที่ผู้วิจัย ให้มาหนะ ข้อมูลน่าเชื่อถือไหม?  เก็บข้อมูลอย่างไร? ทำไมถึงชี้ได้ว่าข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือครับ? เรื่อง ''ความสุขที่มากกว่า'' วัดอย่างไรครับ ? ทำไมถึงใช้วิธีการวัด เเบบนั้น? เเละมีวิธีอะไรบ้างในการวัดความสุขนอกจากวิธีที ่ เราได้เลือกใช้วิธีนั้นในการวัด? แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 00:19:52 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 23:44:07 จากคุณ : คนสงสัย (CaniZzaro) - [ 5 มิ.ย. 51 23:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ถาม: เอ... แต่บางคนทำเกษตรเชิงเดี่ยว ทำนาอย่างเดียวทำไมถึงรวยเอ๊ารวยเอา ตอบ: ก็ทำนาบนหลังคนน่ะซี่ จากคุณ : DARKNESSCHANG - [ 6 มิ.ย. 51 02:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 117 กระทู้สาระ...โหวต โหวตตตต!!! จากคุณ : knine2five - [ 6 มิ.ย. 51 08:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เท่าที่ผมดู ของลุงนิล ในรายการ แผ่นดินไท มันไม่ใช่ แบบเดี่ยว ข้าว 100% versus แบบผสม ข้าว 50% + อ้อย 30% + หมู 20% แต่ของลุงนิลมันเป็นแบบคอนโดครับประมาณว่า ปลา 50% หมู 100% เป็ด 100% กระชาย 70%  พริกไทย 50% กล้วย 50% ทุเรียน 20% ไม้ยืนต้น 60% อื่นๆ 20% คือมันซ้อนกันอยู่ในพื้นที่ 17 ไร่ อย่างเรามีสวนทุเรียนแล้วปลูกกระชายข้างล่างไม่ก็ไม่ได้ไปลดพื้นที่การปลูกกระชายมากนัก ปลูกพริกไทยผสมเข้าไปเลยกล้วยก็แทรกเข้าไป ไม่ใช่แบ่งเป็นส่วนๆ ส่วนโมเดลของอีสานซึ่งแห้งแล้งมากกว่า แนะนำแบบของ คุณแหลม (จริงๆมีอีกหลายคนที่แตกต่างออกไป หรืออาจทำแบบของลุงนิลก็ได้ถ้ามีน้ำใต้ดิน) จากคุณ : SomeoneFromKK - [ 6 มิ.ย. 51 09:28:37 ]

ความคิดเห็นที่ 119 โฆษณาหลอกด่าเกษตรกร ปัจจัยในการทำเกษตรผสมผสานไม่ได้มีแค่คิดจะทำก็ทำได้ คนที่จำเป็นต้องปลูกพืชเชิงเดี่ยวก็มี พื้นที่ที่มีการชลประทานดีไม่ได้มีทั่วประเทศ ผมเป็นตามพื้นที่ชนบทในป่าในเขา ปลูกกันแต่อ้อย มันสำปะหลัง เขาอยากปลูกแค่นั้นจริง ๆ หรือ อ้อย, มัน เป็นพืชที่ทนแดด ทนแล้ง ถามว่าเกษตรถ้าเลือกได้เขาจะปลูกพืชชนิดอื่นที่ขายได้ราคากว่านี้ไหม แต่ความเป็นจริงมันทำได้หรือเปล่า พื้นที่ของเขาอาจปลูกได้แต่แบบนั้นก็ได้ ความเป็นจริงมันโหดร้าย ในพื้นที่กันดาร ปลูกพืชไร่พอเก็บเกี่ยวได้ยังมีคนเอาปืนมาไล่ยิง ปล้นผลผลิตกันหน้าตาเฉย พื้นที่เสี่ยงแบบกรณีนี้ถามหน่อยว่าใครมันจะไปปลูกบ้านนั่งเฝ้าไร่ ผมว่าเป็นโฆษณาหวังผลแอบแฝงมากกว่า หลอกด่าเกษตรกรว่าโง่ (ผมว่าได้ผลนะ คนกรุงเทพคงคิดแบบนี้กันเยอะ ชาวไร่ชาวนาจริง ๆ จะดูโฆษณานี้กันสักกี่คน คนที่มีโอกาสได้ดูและเชื่อฝังหัวว่าเขาอยากพัฒนาเกษตรกรรมจริง ๆ ก็คนกรุงนั่นแหละ) ปล. เห็นโฆษณานี้แล้วมันปี๊ด เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ขอระบายเฉย ๆ อย่าว่าผมนะ จากคุณ : tuinui98 - [ 6 มิ.ย. 51 14:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ^ ^ คุณอ่านคห.81หรือยังคะ ถ้ายังลองอ่านดูสิคะ แน่นอนว่าแนวคิดนี้ใช้ไม่ได้ผลกับทุกพื้นที่ เขาถึงได้มีทิ้งเบอร์ไว้ให้คนที่สนใจโทรไปสอบถามรายละเอียดไงคะ แต่ปัญหา"นายแดง"มันมีจริงๆไงคะ เอาเป็นว่าโฆษณานี้กลุ่มเป้าหมายเป็น"นายแดง" พูดแบบนี้คุณจะเข้าใจมั้ยคะ แล้วที่คุณคิดว่าทำโฆษณาเพื่อหลอกด่าเกษตรกร จะทำไปเพื่ออะไรคะ ไม่ต้องหลอกด่าอะไรปล่อยให้เกษตรกร"โง่"กันต่อไป ไม่ต้องลืมตาอ้าปาก จะไม่ดูถูกได้มากกว่าหรือ? เอาเป็นว่าถ้าคุณคิดว่าเป็นโฆษณาหลอกด่าเกษตรกรก็อยากจะรู้อ่ะค่ะ ว่าคุณคิดว่าเขาจะลงทุนทำโฆษณาตัวนึงเสียเงินค่าทำ+ค่าออนแอร์ กี่ล้านก็ไม่รู้ล่ะ มาเพื่อหลอกด่าเกษตรกรเพื่ออะไรเหรอคะ? คำตอบประเภท "ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำโฆษณาหลอกด่าเกษตรกรไปเพื่ออะไร แต่ผมรู้สึกว่าเขาหลอกด่าจริงๆ" นี่ขอบิณฑบาตนะคะ ^^ จากคุณ : เจ้าหญิงคนต่อไป - [ 6 มิ.ย. 51 16:44:10 A:58.136.117.63 X: TicketID:174810 ]

ความคิดเห็นที่ 121 อ่า...ก็อปข้อความบางส่วนจากลิงก์ใน#92มาแปะจ้า ---------------------------- แนวคิดเกษตรธรรมชาติของฟูกูโอกะ เป็นแนวคิดค่อนข้าง “สุดขั้ว” ในแง่ที่ไม่พึ่งพาปัจจัยนอกธรรมชาติใดๆ เลย ไม่เว้นแม้แต่แรงงานมนุษย์และสัตว์ ทำให้ใช้ได้จริงเฉพาะในพื้นที่ที่ธรรมชาติยังค่อนข้างบริสุทธิ์อยู่ เหมือนกับไร่นาของเขา แปลว่าหลักการหลัก 4 ข้อของเกษตรธรรมชาติไม่สามารถนำมาใช้ตรงๆ กับประเทศอื่นได้ โดยเฉพาะประเทศที่คุณภาพดินและความหลากหลายทางชีวภาพได้ถูก “ทำลาย” อย่างย่อยยับจนต้องใช้เวลารื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ก่อนที่จะใช้แนวทางเกษตรธรรมชาติได้จริง ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ปัญหาดินเสื่อมและความหลากหลายทางชีวภาพถูกทำลายอาจทำให้เกษตรกรไทยใช้วิถีของฟูกูโอกะไม่ได้ทั้งหมด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเกษตรกรไทยควรทำเกษตรกระแสหลักต่อไปเรื่อยๆ เพราะผลเสียของเกษตรกระแสหลักนั้นชัดเจน และเห็นชัดว่าไม่ได้ทำให้เกษตรกรรายย่อยของไทยมีฐานะดีขึ้นแต่อย่างใด ซ้ำยังกลับจนลงและเป็นหนี้มากกว่าเดิม เพราะโครงสร้างการผูกขาดในตลาดยังไม่ได้รับการแก้ไข และยังต้องเผชิญกับปัญหาการแข่งขันสูงในตลาดโลก และผลผลิตต่อไร่ต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดีย จีน และเวียดนาม ---------------------------- เกษตรกรรมไม่มี “สูตรสำเร็จ” ที่ใช้ได้กับทุกพื้นที่ ทุกครัวเรือน เกษตรกรทุกคนควรหมั่นสังเกตและขยันทดลองเหมือนฟูกูโอกะ นำบางส่วนจากแนวคิดเกษตรธรรมชาติหรือรูปแบบอื่นของเกษตรก้าวหน้ามาประยุกต์หรือผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดภาระ แต่ควรพยายามใช้สารเคมีให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ---------------------------- รัฐควรส่งเสริมเกษตรก้าวหน้าในฐานะ “ทางเลือก” หนึ่งที่เป็นไปได้ และใช้ได้จริง เลิกยึดติดกับความเชื่อผิดๆ ว่าจะต้องส่งเสริมให้เกษตรกรใช้วิถีเกษตรกระแสหลักเพียงอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมา บทเรียนราคาแพงได้สอนเราแล้วว่า การทำเช่นนั้นรังแต่จะทำให้เกษตรกรจนลง สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม และสุขภาพของคนในสังคมทรุดโทรมลงเรื่อยๆ รัฐควรอธิบายให้เกษตรกรที่ยังไม่เชื่อมั่นในแนวคิดเกษตรอินทรีย์ (เพราะมองว่าการใช้ปุ๋ยเคมีให้ผลผลิตมากกว่า) เข้าใจว่าเกษตรอินทรีย์อาจให้ผลผลิตต่ำกว่าจริง แต่ก็ขายได้ราคาดีกว่า ทำให้กำไรตกถึงมือเกษตรกรมากกว่า ทำได้อย่างยั่งยืนกว่า และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผู้เขียนเข้าใจใช้คำนะคะ "ทางเลือก" แปลว่าไม่ได้ต้องมีทางนี้ทางเดียว ^^ ที่จริงอ่านที่บางท่านแย้งมาแล้วแปลกใจว่าทำไมต้องคิดว่าเกษตรกรทุกคนต้องหันมาทำแบบผสมกันหมดตามโฆษณา ที่จริงกลุ่มเป้าหมายที่โฆษณาต้องการสื่อก็ชัดอยู่แล้วแท้ๆว่าเป็นเกษตรกรรายย่อยอ่ะ จากคุณ : เจ้าหญิงคนต่อไป - [ 6 มิ.ย. 51 17:25:05 A:58.136.117.63 X: TicketID:174810 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เขาเรียกว่าการรณรงค์ให้ ปชช ทำในสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าดีกว่าหลังจากที่หลงทางอยู่ตั้งนาน แหม ทรรศนคติของคุณ # 119 นี่แปลกดี ผมจะแนะนำให้ในฐานะที่ครอบครัวมาจากเกษตรกรรมนะครับ ปลูกมันสำปะหลัง สามารถปลูกข้าวโพด แตงไทย ฟักทอง แตงโม ตระไคร้ และอีกสาระแซมเข้าไปเลยครับ ถึงแล้งก็มีหน้าฝนครับ ทำแบบผสมผสานได้ สมัยเรียนประถมผมชอบไปเล่นที่วัดในวันหยุด ชาวบ้านเขาจะอาแตงไทยมาถวายพระกองเต็ม... หลังจังหัน พวกเด็กวัดและเด็กบ้านก็ขูดมะพร้าวทำกระทิบวชแตงไทย แตงไทยปัจจุบันนี้ 4 งิม 10 บาท (ที่ขอนแก่น) ทำไมไม่ปลูกมาขาย ส่วนใหญ่เหลือแต่ปลูกมัน สปล เพรียวๆ  "มันห้านาที" โลละ 9 บาท 10 บาท ปลูกผสมเข้าไปกับมันสำปะหลัง (โลละ 2 บาท max สุด) สิ ปลูกอ้อย ครั้งหนึ่งเก็บได้ 3 ฤดูกาล ปีแรกเท่าทุนไม่ได้อะไร สองปีหลังถึงมีรายได้ นี่คือกรณีแบบเชิงเดี่ยว องค์ความรู้จากชาวบ้านที่ผมทราบมาเร็วๆนี้ ปลุกฟักทองกลางป่าอ้อยไม่ต้องรดน้ำเลยปล่อยตามบุญตามกรรมแต่ได้ผลเกินคาด อ้อย+ฟักทอง + ฯลฯ แทรกลงไปบนคูดินที่ไม่มีอ้อย ทำเงินเพิ่มได้มหาศาล  "แต่ไม่พากันทำ" ปัญหามีไว้ให้แก้ครับ ... เรื่องพืชผลทางอีสานผมพอรู้บ้างจากภาคปฏิบัติไม่ใช่ห้องเรียน ความเห็นสุดท้ายในกระทู้นี้แล้ว       รอฟังของท่านอื่นบ้าง จากคุณ : SomeoneFromKK - [ 6 มิ.ย. 51 17:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เรื่องหลอกด่า ผมว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถ้าพอเข้าใจกระบวนการโฆษณาปลุกระดมมวลชน แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 01:01:32 จากคุณ : tuinui98 - [ 7 มิ.ย. 51 00:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เหอๆ กะแล้วว่าต้องตอบแบบอิง conspiracy theory จากคุณ : เจ้าหญิงคนต่อไป - [ 7 มิ.ย. 51 10:15:41 A:58.136.117.63 X: TicketID:174810 ]

ความคิดเห็นที่ 125 .. ตอบคุณ CaniZzaro นะครับ จาก คห. 109  ผมเพียงยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า การลงทุนมาก มีรายได้มาก  (แต่ผลกำไรอาจเท่ากับ) คนที่ลงทุนน้อย มีรายได้น้อยกว่า (ไม่ใช่ตัวเลขจริง) ส่วนข้อมูลจริงๆ  เรื่องต้นทุนและรายได้นั้น แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ และแม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน การจัดการของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันครับ ยกตัวอย่าง บ้านผม ต้นทุนปลูกข้าวต่อไร่อยู่ที่ 1620 บาท ค่าไถหว่านคราดเสร็จสรรพ  ไร่ละ 300 บาท ค่าปุ๋ยไร่ละ 500 บาท ค่าเกี่ยวไร่ละ 600 บาท ค่าจ้างขนข้าว ไร่ละ 100 บาท ค่าจ้างขนข้าวไปขาย ตันละ 300  (เฉลี่ยไร่ละ 100 บาท) ค่าจ้างตากและเก็บข้าวขึ้นยุ้งฉาง  (เฉลี่ยไร่ละ 20 บาท) รวมต้นทุนไร่ละ 1620 บาท ผลผลิตเฉลี่ย 350 กก. ต่อไร่ ปีที่แล้วขายข้าวได้ ก.ก.ละ 10 บาท เฉลี่ยรายได้ไร่ละ 3500 บาท คนอื่น ต้นทุนปลูกข้าวต่อไร่อาจอยู่ที่ ตั้งแต่ 500-3000 บาท เรื่องการเก็บข้อมูลตัวอย่าง ผมเคยลงสำรวจข้อมูล ที่ จ.ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น กลุ่มตัวอย่างประมาณ 1300 ราย พบว่า  ต้นทุนเฉลี่ยต่อไร่ มีตั้งแต่ไม่ถึง 500 บาท  ไปจนถึง 3000 บาท ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่  มีตั้งแต่ 0 กก.  ถึง 1000 กก. หากเอาค่าเฉลี่ยมาคิด เราก็จะได้แค่มุมของค่าเฉลี่ย แต่ถ้าวิเคราะห์เป็นรายๆ ไป จะพบว่า มีทั้งคนที่ขาดทุน และได้กำไร ปะปนกันอยู่ในกลุ่มตัวอย่างครับ .. จากคุณ : ไม่เป็นดั่งใจ - [ 9 มิ.ย. 51 17:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ใคร เคยลองทำเกษตร ปราณีต แล้วมั่งคะ มาเล่าสู่กันฟังหน่อย คะ เพื่อ เป็นแนวทาง สนใจมากๆๆ แต่ไม่รู้จะปลูก อะไรดี ต้อง มี ทุน ซักเท่าไหร่ ใคร เคยลองทำแล้ว เล่า สู่กันฟังมั่งคะ รออ่านนะคะ จากคุณ : ติดตาม ตลอด ^O^ - [ วันอาสาฬหบูชา 17:27:42 A:118.173.249.33 X: ]