ความคิดเห็นที่ 1 เอาคร่าวๆเท่าที่ผมพอรู้ละกันนะ เอาละเอียดเดี๋ยวยาว (แล้วอีกอย่างผมก็จำไม่ค่อยได้อะ) ก่อนอื่นต้องรู้ที่มาของโซลาร์เซลล์ก่อน แล้วมาว่ากันถึงวิธีการผลิต โซลาร์เซลล์แรกเริ่มพบโดย Willoughby Smith (1828-1891)ชาวอังกฤษในปี 1873 เป็นก้าวสำคัญที่เขาพบว่า เมื่อมีแสงตกกระทบซีลีเนียม (Selenium) ทำให้ค่าความต้านทานของซีลีเนียมลดลงในขณะที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน พูดให้ง่ายคือ ซีลีเนียมโดนแสงจะนำไฟฟ้าดีขึ้น ผลการค้นพบนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สนใจเรื่องของ Photoelectric Effect มากขึ้นเรื่อยๆ สิบปีต่อมาก็ทำโซลาร์เซลล์จากซีลีเนียมได้ แต่ประสิทธิภาพการแปลงพลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าได้ไม่มากไปกว่า 2% จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 18:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อมานักวิทยาศาสตร์ก็พบว่าธาตุกึ่งตัวนำ ชื่อซิลิกอน (Silicon)ก็ให้ผลในทำนองเดียวกันเป็นที่น่าพอใจ มีการพัฒนาการใช้ Si เป็นหลักในการผลิตโซลาร์เซลล์ (ต่อไปขอเรียก PVนะครับ) PV มาจาก Photovoltaic Photo = แสง voltaic = แรงเคลื่อนไฟฟ้า ซิลิกอน นับเป็นธาตุที่มีมากเป็นอันดับสองในโลก (เป็นรองออกซิเจน) ว่ากันว่าโลกใบนี้มี Si อยู่ถึง 27.7% ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของซิลิกา SiO2 แต่การนำSi ออกจาก SiO2 ก็ยุ่งพอควร ต้องเอาหินเขี้ยวหนุมาน(หรือทรายในบางกรณี) ไปเผากับคาร์บอน (C) เพื่อให้ได้ Si บริสุทธิ์ จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 18:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในขบวนการใช้ Si เป็นองค์ประกอบสำคัญเพื่อทำ PV ต้องทำให้ Si มีความบริสุทธิ์สูงมากถึง 99.999999 %(เลขเก้าหลังทศนิยมไม่น้อยกว่าห้าตัว) ขบวนการนี้สิ้นเปลืองพลังงานไปมากเหมือนกัน ซิลิกอน (Si)ที่บริสุทธิ์นี้ถูกหลอมแล้วให้ตกผลึกอย่างช้าๆ กรรมวิธีนี้มีศัพท์เรียกอันนึงว่า Czochralski process (เผื่อใครจะไปค้นต่อ) แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 51 19:04:36 จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 18:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อเย็นตัวจะมีหน้าตาอย่างนี้ เรียกกันว่า Silicon Ingots มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวสิบสองซม. หรือกว่านั้น การตกผลึกอย่างนี้ทำให้อะตอมของ Si เรียงตัวเป็นระเบียบ เรียกว่า Single crystalline Silicon (บางทีเรียก Mono crystalline Silicon ) จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 18:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การตกผลึกอีกอย่างหนึ่ง คือปล่อยให้ Si เหลวเย็นตัวในเบ้า ใช้เวลาไม่นาน ใช้พลังงานน้อยกว่า แต่ Si ตกผลึกปนเปไปหมด ผลึกเรียงตัวกันเป็นกลุ่มๆ อย่างนี้จะเรียกว่า Poly crystalline Silicon หรือ Multi crystalline Silicon จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 18:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมขอถามอีกคนครับ  แบบง่ายๆเลยว่า  ถ้าสมมุติ อย่างบ้านเราธรรมดาๆ หนึ่งหลังเนี่ย สมมุติ มีหลอดไฟ (40 วัตต์)ซัก  10  หลอด  แอร์ 12,000 บีทียู  1 ตัว เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น, ทีวี, เครื่องเล่นดีวีดี, ฯลฯ  เอาเป็นว่าปัจจุบันค่าไฟบ้านผมประมาณเดือนละ 1,000  บาทน่ะ ผมต้องใช้ไอ้ตัวโซล่าเซลล์เนี่ยประมาณกี่แผง  ตกราคาแผงละกี่บาทครับ และต้องลงทุนทั้งหมดประมาณเท่าไหร่ (หมายถึงรวมตัวเครื่องเก็บไฟ ตัวแปลงไฟอะไรสารพัดนี่แล้ว พร้อมใช้งานน่ะครับ) ผมเห็นในทีวี (ข่าว)  มีบ้านหลังนึง เค้าใช้ไฟจากโซล่าเซลล์นี่แหละเป็นตัวหลัก  เค้าบอกว่าคุ้ม ที่คุ้มเพราะเค้าคิดระยะเวลาอีกประมาณ  20  ปีข้างหน้า (เค้าเทียบให้ดูเฉยๆ) ว่าค่าไฟในอนาคตมีแต่จะขึ้น ไม่มีลด  อีกอย่างเค้าบอกว่ามันทำให้บ้านเย็นด้วย (แผงอยู่บนหลังคาบ้าน) เอาเฉพาะค่าลงทุนติดโซล่าเซลล์ นะครับ  ที่พอจะทำให้พอใช้งานในบ้านหนึ่งหลังได้ครับ จากคุณ : อ้ายเซียงจ่อย - [ 28 พ.ค. 51 18:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถึงตรงนี้ขอแถมนิดนึง ยังมีการทำผลึก Si อีกอย่าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อนนิยมทำกัน (สงสัยจะยุ่งยากกว่ารึไงผมก็ไม่ทราบ) วิธีที่ว่าคือการดึง Si เหลวขึ้นมาเป็นฟิลม์บางๆ เรียกกรรมวิธีนี้ว่า EFG ย่อมาจาก Edge-defined film-fed Growth วิธีนี้ใครสนใจไปค้นต่อละกันครับ จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 19:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบคุณอ้ายเซียงจ่อย คห.6 ก่อนคร่าวๆ ในสภาวะปัจจุบัน ราคาไฟฟ้า 3.50 Bht/unit การต่อระบบเชื่อมสายส่งราคาตลาดโลกอยู่ที่ (ประมาณ)วัตต์ละ 220-250 บาทยังไม่คุ้มครับ จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 19:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อได้ผลึก Si มาแล้วทั้งสองกรณี ก็นำมาเฉือนให้เป็นแผ่นบางๆ เรียกว่า Wafer ใช้หน้าตัดเป็นพื้นที่รับแสง ดังนั้นยิ่งเฉือนบางก็ยิ่งได้เนื้อที่มาก แต่ในทางปฏิบัติจะบางมากได้ราวๆ 150 ไมครอน... ชักจำไม่ได้แล่ว (บางกว่านี้แตกเสียหายมากในขั้นตอนต่อไป) จากนั้นก็จะทำการDoping คือการใส่ Impurity ลงไปสองอย่างเพื่อให้เกิดP-N junction โดปด้วยโบรอน (B) เป็น Positive charge โดปด้วยฟอสฟอรัส(P) เป็น Negative charge หลังขั้นตอนนี้ นำ wafer ที่ได้ไปสกรีนขั้วลบ(ด้านบน)ด้วยโลหะเงิน เป็นเส้นเล็กๆนำไฟฟ้าได้ เส้นใหญ่ไปจะบังแสงซะหมด ขั้วบวก(ด้านล่าง)เป็นโลหะเต็มพื้นที่ นำเวเฟอร์นี้ไปเรียงคว่ำหน้าบนกระจก ต่อเชื่อมแต่ละเซลล์เข้าด้วยกัน ทำขั้วไฟฟ้า บวก-ลบ ปิดทับด้านหลังด้วย EVA (Ethyl Vynyl Acetate)ภายใต้สภาวะสุญญากาศปราศจากความชื้น จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 19:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่ว่ามาเป็นPV ชนิด Crystalline ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพประมาณ 12-13 % หมายความว่าในเนื้อที่ 1 ตร.ม.ให้พลังงานไฟฟ้า120-130 watts ที่ STC -Standard Test Conditions (ความเข้มแสง=1000 watts/sq.m Cell temperature = 25 Deg Celcius Air mass = 1.5) ในยุคหลังๆมานี้มีเทคนิคการผลิตแผง PV อีกอย่างที่เรียกว่า Amorphous Silicon วิธีนี้อาศัยการจับตัวของ Si บนวัตถุเช่นกระจก โลหะ หรือพลาสติคบางๆ วัตถุดิบจะมีซิลิกอนมาในรูปของก๊าซ เรียกก๊าซไซเลน (Silane gas -  SiH4) PV ชนิด Amorphous ถูกพัฒนาขึ้นมากในญี่ปุ่น ด้วยเหตที่ผลิตได้เร็วทันอกทันใจความต้องการของโลก ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เพราะไม่ต้องยุ่งยากในการหลอม Si และทำให้บริสุทธิ์ แม้ได้ประสิทธิภาพน้อยกว่า (ประมาณ 7%) ก็ทำให้มีใช้แพร่หลายมากขึ้น จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 20:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่ว่ามาเป็นขบวนการคร่าวๆ คงจะได้แนวทางไปบ้างนะครับ ยังมีรายละเอียดอีกเยอะ ลองใช้ keyword ที่ผมให้ไว้ลองค้นดูครับ จากคุณ : พรเลิศ - [ 28 พ.ค. 51 20:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สุดยอดดดดด save โลด - ขอบคุณครับ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 28 พ.ค. 51 20:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณนะครับคุณพรเลิศ จากคุณ : กาแฟเย็นต้ม (กาแฟเย็นต้ม) - [ 29 พ.ค. 51 09:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ โหวตให้ 1 คะแนน จากคุณ : ช า ติ - [ 30 พ.ค. 51 00:05:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ของ BSC ทำขายรู้สึกจะตกแผ่นละประมาณ 5000 บาทครับ ได้ 40 วัตต์ต่อ 1แผ่น หน้าโรงงงานมีฟาร์ม ส่งไฟฟ้าขายให้ กฟผ มีประมาณ 40000 กว่าแผง ได้ไฟ 1.3 เมกกะวัตต์ ครับ ข่ายหน่วยละ 11 บาท มีฟาร์มหลายที่เลยครับ บ.นี้ ส่วนกรรมวิธีทำผมเองก็ชักลืมๆไปบ้าง เอารายละเอียดคร่าวๆนะครับ เค้าจะใช้กระจก TCO (นำเข้าจากญี่ปุ่น)ตัดด้วยเลเซอร์ แล้วเข้าไปเคลือบด้วย si ในตู้ อบก่อน แล้วนำมมาตัดด้วยเลเซออีกครั้ง จากนั้นก็เคลือบอีกครั้ง (จำไม่ได้แล้วอ่ะครับว่าเคลือบด้วยอะไรน่าจะเป็นอลูมิเนียม) ตัดเลเซอร์ครั้งที่3 แล้วก้ปิดดด้วยกระจกธรรมดา เป็นอันเสร็จ อยากทราบรายละเอียดก็นี่เลยครับ Bangkoksolar โรงงานรู้สึกจะอยู่ ฉะเชิงเทรานะครับ ลองติดต่อดู จากคุณ : quartzite - [ 30 พ.ค. 51 00:32:53 A:125.26.171.114 X: TicketID:161904 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ......   ถ้า        40  W   =       5,000     บาท                       1,000  W   =    125,000     บาท         ใครว่าคุ้ม   ทำได้ครับ     แต่ผมยอมครับ . จากคุณ : DR บ๊อง - [ 30 พ.ค. 51 06:54:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ที่คห.15 พูดถึงอยู่ที่จ.ฉะเชิงเทรา ขนาดรวมของ PV = 1.64 MW ครับ ได้พลังงานไฟฟ้า 1.3 MW หากคูณด้วย 4.6 ชม./วัน = 6 MWh/day ระบบนี้ใช้ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า ขนาด 60 kW จำนวน 22 เครื่อง แปลงจาก DC เป็นไฟ AC เข้าสามเฟสขายคืนการไฟฟ้าภูมิภาค ระบบนี้ใช้แผงโซลาร์เซลล์ที่ผลิตในประเทศไทย และใช้เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าของคนไทย ขณะนี้ถือเป็น Solar Farm ชนิด Amorphous ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุ้มแค่ไหนไม่ทราบเพราะมีเงื่อนไขประกอบมากมาย ได้ยินว่ากำลังขยายระบบไปอุดร อ่างทอง และอีกหลายจังหวัด จากคุณ : พรเลิศ - [ 30 พ.ค. 51 14:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 บริษัทร่วมทุนญี่ปุ่น-ฝรั่งเศส ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง ติดตั้งระบบผลิตผลังงานแสงอาทิตย์ต่อเชื่อมสายการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ใช้ PV ชนิด Poly crystalline ขนาด 171 Wp จำนวน 232 แผง รวม 40 kW ได้พลังงานไฟฟ้ากว่า 54,000 ยูนิตต่อปี เท่ากับการไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศมากกว่า 34 ตัน/ปี หลายๆบริษัทเอกชนที่ติดตั้งระบบ PV บางทีไม่ค่อยซีเรียสเรื่องการคืนทุน แต่สนใจในแง่การลด CO2 ตามพันธสัญญาที่ลงนามในพิธีสารเกียวโต เป็นการสร้างจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกมากกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 51 16:22:41 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 51 15:10:39 จากคุณ : พรเลิศ - [ 30 พ.ค. 51 15:03:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ด้วยเหตนี้ผมบอกไว้ในคห.8 บ้านพักอาศัยชาวบ้านอย่างเราๆ ไม่ค่อยคุ้ม ถ้าจะคุ้มต้องทำการขายคืนในหลักเกณฑ์ของ Adder (มีเงื่อนไขอีกเยอะ) โรงงานอุตสาหกรรม คุ้มในแง่การลด Peak ไฟฟ้าในช่วงกลางวัน, การลด CO2 ตามพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol), ภาพลักษณ์ขององค์กร แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 51 15:35:55 จากคุณ : พรเลิศ - [ 30 พ.ค. 51 15:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อีกตัวอย่างละกัน ปั๊มน้ำมันบางจากริมถนนพหลโยธิน ใกล้สามแยกเกษตร ติด PV ชนิด Amorphous แบบ See-through (แสงผ่านได้) เต็มหลังคา Rated power อยู่ที่ 18 kW ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่าปีละ 22,000 kWh จ่ายไฟคืนการไฟฟ้านครหลวง เท่ากับลดการปล่อยก๊าซ CO2 ออกสู่บรรยากาศในกทม.ราว 15 ตันต่อปี แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 51 17:43:22 จากคุณ : พรเลิศ - [ 30 พ.ค. 51 17:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ......    ถ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม     ก็ดีครับ    .....   -   น่าจะรณรงค์   ให้ผู้มีอันจะกิน      ชื้อใช้ก่อนนะครับ    เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี . จากคุณ : DR บ๊อง - [ 30 พ.ค. 51 20:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณคุณ พรเลิศที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ จากคุณ : quartzite - [ 30 พ.ค. 51 21:19:19 A:125.26.162.163 X: TicketID:161904 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ข้อมูลแน่นเอี๊ยด...ได้รับความรู้เพิ่มเติมขึ้นเยอะเลยค่ะ ^__^ ขอบคุณมากนะคะคุณพรเลิศ จากคุณ : _iOFFer_ - [ 31 พ.ค. 51 08:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 31 พ.ค. 51 10:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรียนคุณพรเลิศ ผมสนใจมากครับอยากได้รายละเอียดมากกว่านี้ครับ เพื่อไว้ศึกษา luckkypee@hotmail.com นักศึกษาปริญญาโท พลังงานทดแทน จากคุณ : ณัฐพงศ์ (luckkypee) - [ 5 มิ.ย. 51 12:26:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ยินดีครับคุณณัฐพงศ์ (luckkypee) จากคุณ : พรเลิศ - [ 9 มิ.ย. 51 14:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : sycs - [ 9 ก.ย. 51 10:20:33 A:118.173.142.212 X: ]