ความคิดเห็นที่ 1 เอ่อ..... แกอยากร้องเพลงป่าวครับ แต่ร้องเนื้อผิด "เมียพี่มีชู้............ อู้ อู อู้ อู" แล้วตกลง ไปส่งเข้าโรงบาลไหนอ่ะครับ อาการเป็นไงมั่ง จากคุณ : โอจารุมารุ (โอจารุมารุ) - [ 29 พ.ค. 51 02:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น้าน...ขนาดมาดึกยังโดนปาด อิอิ ต่อๆ พออาการเริ่ม แกก็เปลี่ยนเป็นคนละคนทันที จากที่เคยช่วยเมียหิ้วของ เปลี่ยนเป็น ซ้อมเมีย แทน แรกๆ ก็ยังมีช่วงเวลาที่สติกลับมาบ้าง แกจะนั่งงงตัวเอง บ่นว่า เอ๊ะ เราคิดยังงั้นไปได้ยังไง ทุกคนก็โล่งใจ ว่าแกกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว จากนั้นอาการก็กำเริบใหม่ นั่งดูเวบโป๊ทั้งวัน โดยไม่แคร์สายตาลูกสาวคนเล็กที่ยังอยู่ในวัยเรียน + สูบบุหรี่ + กินเบียร์ แล้วก็ เดินพล่านทั่วบ้าน ตามเมียทุกฝีก้าว ด่าๆๆ ไปด้วย (มันมีดีอะไร มันก็แค่ซำเหมา ไปมีอะไรกับมันใช่ไม้ ฯลฯ) ช่วงที่เป็นหนักๆ เห็นว่าไม่หลับไม่นอนหลายคืน พูดๆๆ ไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน คาดว่าอยู่ได้เพราะน้ำหวานที่ชงไว้เป็นเหยือกๆ ในตู้เย็น (ซึ่งมันคงทำให้ก้าวร้าวขึ้นด้วย) สมาชิกในบ้านเริ่มหาวิธีจัดการกันเอง แรกๆ ก็นี่เลย ยาถ่ายจากร้านขายยาปากซอย กลบรถขมๆ ด้วยการผสมลงในก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระปากซอยอีกเช่นกัน หวังว่าถ้าขี้แตกอย่างหนักแล้วจะทำให้หมดแรงบ้า แถมหาเรื่องพาไปโรงพยาบาลได้ด้วย ว่างั้นเหอะ "ก๋วยเตี๋ยวไก่วันนี้ทำไมขมๆ" น้าแกบ่น แต่ก็กิน ทุกคนในบ้านลุ้นระทึก... แต่ไม่ได้ผล ไม่เห็นแกจะเดือดเนื้อร้อนใจอะไร จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 02:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แผนต่อมาอุบัติขึ้น "ยานอนหลับ" ลูกชายแกลงมือด้วยตัวเอง ผสมลงในน้ำหวานที่ชงทิ้งไว้ในตู้เย็นเป็นเหยือกๆ ทุกคนลุ้นระทึกอีกครั้ง วันนั้นไม่รู้อาถรรพ์ หรือพรายกระซิบอะไร น้าแกไม่แตะต้องน้ำหวานในตู้เย็นซักนิด ทั้งที่ปกติเอามาเทกินทั้งวัน แล้วในที่สุด... "กรูเผลอกินเอง" ไอ้คนผสม บอกพี่สาวมันแบบนี้ --" จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 02:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลองปรึกษาหมอเผ่าดูสิครับ เผื่อจะมีวิธีเด็ดๆ อิๆ ล้อเล่นๆ มาปูเสื่อรอดูด้วยคน จากคุณ : matheus - [ 29 พ.ค. 51 02:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ เอาด้วยคาถา มีบุคคลหวังดีแสดงความเห็นว่า น้าแกคงโดนของมาแหงๆ ไสยศาสตร์ก็เริ่มต้นขึ้นเป็นลำดับต่อมา แต่ไม่รู้เวรกรรมอะไร คำแนะนำหนึ่งที่ได้มา "ถ้าโดนของ กินน้ำแช่ผ้านุ่งแม่ หายแน่นอน" ไอ้ที่มีคราบเหลืองๆ นั่นแหละ ผ้านุ่งชั้นในของคุณยาย(ผ่านการใช้งานมาแล้ว ยังไม่ได้ซัก) ถูกส่งตรงมาจากต่างจังหวัดเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่ครั้นจะผสมลงในแก้วให้ดื่ม ก็กลัวเป้าหมายจะรู้ตัว อาจผิดสังเกตุได้ เพราะเป้าหมายมีอาการหวาดระแวงกลัวโดนวางยาด้วย อย่ากระนั้นเลย ต้องผสมลงในถังน้ำดื่ม คูลเลอร์น้ำดื่มของบ้าน เลยมีน้ำ...(น้ำแช่ผ้านุ่ง อย่าคิดมาก) ของคุณยายเจือปนอยู่ด้วยประการฉะนี้ "น้ำที่ตู้ก็มี ทำไมไม่ดื่ม" น้าแกสงสัยคนในบ้าน ซึ่งสะดุ้งเฮือกๆ เมื่อโดนถาม และแอบกลั้นอ้วกเมื่อเห็นแกดื่มน้ำในคูลเลอร์หน้าตาเฉย แต่ ไม่ได้ผล แกก็ยังคงมีอาการเหมือนเดิม (สงสัยไม่ได้โดนของมั้ง) จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 02:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นี่ยังไม่จบอิก หลายเอพพิโสดแล้วนะนี่ "กรูเผลอกินเอง" ไอ้คนผสม บอกพี่สาวมันแบบนี้ --" อันนี้ฮา น้าเค้าน่าจะเก็บกดมานานนะผมว่า แบบมีความคิดแบบนี้อยู่ลึก ๆ มานาน จากคุณ : โอจารุมารุ (โอจารุมารุ) - [ 29 พ.ค. 51 02:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอาเทียนแก้ของมาจุด ด้วยความลำบากลำบน ต้องปีนหน้าต่างออกไปจุดที่ระเบียงชั้น 3 ไม่ให้แกรู้ จากนั้นก็สรรหาน้ำมนต์มาผสมให้กินก็แล้ว หาเจ้าทรงก็แล้ว (นอกจากไม่หาย ยังมาบอกว่าที่บ้านมีวิญญาณอยู่อีก ยิ่งผวาหนัก) ยังคงไม่ได้ผล (ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ได้โดนของ) แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือ น้าแกควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เวลาแขกใครมาบ้าน ก็พูดคุยได้ตามปกติทุกอย่าง แต่เวลาอยู่กับคนในบ้าน มีอาการ จะไร้เหตุผลได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตัวอย่างเช่น "นาฬิกาข้อมือนี่ มันซื้อให้ใช่ไม้ ทุกทีไม่เห็นเคยใส่" ความจริงคือ ตัวเองเป็นคนซื้อให้เมีย "ถ้ามันเป็นอาเสี่ยก็ว่าไปอย่าง นี่มันแค่ซำเหมา คนงานในโรงงาน" (แล้วมันจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อนาฬิกาไม่ทราบ) ปล.พนง.คนนั้น พอเห็นมีเรื่องแบบนี้เลยลาออกไปแล้ว "คราบนี่ คราบน้ำอสุจิแน่ๆ มาทำอะไรกันตรงนี้ใช่ไม้" ว่าพลางชูเบาะผ้าเน่าๆ ที่มีรอยเป็นดวงๆ แถมเอาปากกาแดงวงไว้อีกต่างหาก ร้อนถึงลูกสาวต้องมาแก้ ว่าเป็นคราบประจำเดือน "แล้วทำไมไม่ใส่ผ้าอนามัย?" น้าแกคาดคั้นเอากับลูก "พ่อก็ลองมาเป็นเมนส์ดูดิ" เจอมุขนี้เลยเงียบไป "จะไปทำอะไรกับใครได้ไง ก็อยู่ด้วยกันตลอด" มีคนตั้งคำถามแก "มันแอบออกไปมีอะไรกันที่ระเบียงตอนกลางคืน" แกว่างั้น...(นอนห้องเดียวกันไม่ใช่เร้ออออ) "กางเกงในลายลูกไม้นี่ มันซื้อให้ใช่ไม้"...เอาเข้าไป น้าแกใช้เวลาว่าง(ที่มีทั้งวันทั้งคืน) หมดไปกับการหาหลักฐานว่าเมียแกมีอะไรกับชู้ แม้แต่ฉี่หมา แกก็เห็นเป็นน้ำอสุจิได้เสมอ วันดีคืนร้ายมีเศษผมหรือขนอะไรติดเสื้อผ้า มันจะกลายเป็น "ขน เพ ชร" ของชายชู้ทันที จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 02:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขออภัย ซ้ำกับอันบน แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 03:10:11 จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 03:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Paranoia,Delusional disorder,Schizophrenia  เข้าเป้าสักอย่างล่ะน่า (สามอย่างนี้เกี่ยวข้องกัน อาจเกิดแยกกัน เกิดรวมกัน แล้วแต่คน) แต่น่าจะออกอันแรกชัดเจน เรื่องสรุปจะเป็นไงเนี่ย จากคุณ : atheist - [ 29 พ.ค. 51 03:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แว้กๆๆ พิมพ์ตั้งนาน หายซะงั้น พิมพ์ใหม่ก็ด้ะ T_T เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางออกสุดท้ายจึงอยู่ที่ โรงพยาบาลบ้า แต่ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ศรีธัญญา แจ้งว่าไม่มีรถพยาบาลมารรับ ให้จ้างรถพยาบาลจากรพ.แถวบ้านไปส่ง แจ้งตำรวจให้มาช่วยจับ แต่เอาเข้าจริง รถพยาบาลก็ไม่ยอมมา ตำรวจก็ไม่อยากยุ่งด้วย วางยาสิครับงานนี้ คุณหมอที่รพ.ใกล้บ้าน แนะให้หายานอนหลับแรงๆ พร้อมให้ชื่อมาด้วย "ดอร์มีกุ้ม" (เภสัชเรียก ยาเสียสาว) ยาตัวนี้ปัจจุบันเลิกขายไปแล้ว เพราะมีผลข้างเคียง อย่างแรก มันแรงมากๆ ชนิดที่ว่า กินข้าวอยู่ อาจหลับไปทั้งที่ข้าวคาปาก เดินๆ อยู่ ล้มหลับกลางอากาศไปเลย หรือ อาบน้ำอยู่ หลับไปแล้วหัวจุ่มถังน้ำ อาจตายได้ อย่างต่อมา ตอนที่หลับไม่รู้ตัว ก็อาจจะทำอะไร เช่น พูดๆๆๆ เรื่องที่เป็นความลับ หรือ ละเมอไปทำอะไร แล้วตื่นมาจำเหตุการณ์ไม่ได้เลย ด้วยความเป็นยานอนหลับอย่างแรง มันจึงหาซื้อจากร้านขายยาไม่ได้ และการจะซื้อจากโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะไม่ได้กินเอง แต่เอาไปวางยาคนอื่น เราโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้อง จากการคุยกับแม่เรื่องยานอนหลับตัวนี้ พอแม่รู้ชื่อยา แม่ก็บอกว่า "แม่มี แม่กินอยู่ หมอให้มา" แม่หยิบยามาให้เราดู ใช่จริงๆ ด้วย เราโทรไปบอกลูกสาวของน้าแกทันที แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 14:20:40 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 03:29:44 จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 03:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อเสนอ "จะรีบส่งยาไปให้" ได้รับคำตอบว่า "มาช่วยหน่อยสิ"...เอาล่ะสิ ในที่สุด เราก็เดินทางข้ามจังหวัดไปบ้านของน้าแก พร้อมกับยานอนหลับ 3 เม็ดในกระเป๋า (แม่มีแค่นี้ ไถมาหมดเลย) บวกกับทางบ้านของน้าแก ก็มียาหยดชนิดน้ำ ไร้สี ไร้กลิ่น ที่ได้จากหมอ แอบนัดพบกันข้างนอกเพื่อส่งยา(นอนหลับ ไม่ใช่ยาบ้า) คืนนั้น เราเช่าโรงแรมนอนอยู่ใกล้ๆ บ้านแก พะวักพะวงทั้งคืน ส่วนลูกสาวแก ก็นั่งเอามีดซอยเม็ดยายาให้เป็นผงอยู่ที่บ้าน เม็ดเดียวเกรงจะไม่พอ เพราะน้าแกกินเบียร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เคยชินกับการถูกดประสาท...อย่ากระนั้นเลย ล่อซะเม็ดครึ่ง รุ่งขึ้น ดอร์มีกุ้ม เม็ดครึ่ง กับยาน้ำ 50 หยด ถูกผสมลงในน้ำส้มคั้น เพื่อขืนใจนางเอก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น "มาได้แล้วแก แดร๊กเรียบเลย" น้าแกฟาดน้ำส้มหมดแก้ว เรารีบออกจากโรงแรมตรงไปแถวๆ บ้าน ซุ่มอยู่แถวๆ นั้นเพื่อแอบดูเหตุการณ์ + รอให้ยาออกฤทธิ์ มีอะไรไม่ชอบมาพากลทีก็โกยแน่บที เวลาผ่านไป โผล่หน้าไปดู คิดว่าแกคงหลับแล้ว ก็ขอผ้าห่ม 1 ผืน มาม้วนตามยาวครึ่งนึง จับตัวแกตะแคง เอาผ้าห่มสอดเข้าไปใต้ตัว แกก็ลืมตาขึ้นมา "อ่าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่" เสียงงัวเงียทักตามประสาคนคุ้นเคย เราไม่พูดไม่จา รีบพลิกตัวกลับมาอีกด้าน ผ้าห่มม้วนๆ ที่สอดไว้โผล่มาใต้หลัง พอคลี่ออก ก็รองใต้ตัวแกพอดี แต่...คนงานที่ตามมาช่วยแบก พอเห็นว่าต้องทำอะไร ก็เผ่นหายไปไหนไม่รู้ สรุปเลยต้องแบกกันเอง จับผ้าคนละมุมหิ้วลงมาจากชั้นสองอย่างทุลักทุเล เอาใส่รถ ระหว่างนั้นแกก็งัวเงีย "เล่นอะไรกันเนี่ย จะพาไปไหน" แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 14:22:31 จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 03:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก่อนถึงศรีธัญญา แกก็รู้ตัวแล้ว แต่ง่วงจนทำอะไรไม่ได้ พอไปถึงก็ปีนขึ้นเตียงหลับเป็นตายไปเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่รับรู้คนบ้าคนอื่นๆ ที่อาละวาดอยู่รอบตัว หมอที่รับเคสแกไว้รักษา คือนางงามที่เคยไปช่วยตอนสึนามิถล่ม คงยังจำกันได้ ระหว่างนั้นก็มีเรื่องให้ลุ้นอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากคนบ้าที่เข้ามาตะละคน เทียบกันแล้วน้าแกชิวๆ ไปเลย ลุงคนนึงนั่งยิ้มแปล้อยู่ที่เก้าอี้ มีสายเทปหนามเตยมัดมือ 2 ข้างให้วางอยู่ข้างๆ ตัว พูดอยู่คนเดียวเหมือนกำลังคุยกับใคร ผู้หญิงอีกคนอยู่คนเตียงร้องห่มร้องให้ "ฮือๆๆ อยากตายก็ตายไม่ได้" เดี๋ยวๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง "จะเอาน้ำเย็น จะเอาน้ามมมมมมม" กรี๊ดสนั่น เปลี่ยนเรื่องกรี๊ดไปเรื่อยๆ อีกคนนั่งตาขวางอยู่ที่เก้าอี้มัดมือ (ความจริงเป็นม้านั่ง มีผ้าสำหรับมัดมือ - เท้าติดอยู่ ดูจากความยาวของม้านั่ง น่าจะนั่งได้ 4 - 5 คน) เว้นระยะห่างเล็กน้อย (กันแกะมือให้คนข้างๆ) พอเดินเข้าไป อาจจะโดนคนบ้าดุเอา "บังอาจ ไม่เห็นเรอะ จ้าว....นั่งอยู่เนี่ย" เด็ดสุดเป็นน้องกระเทยคนนึง เจ้าหน้าที่ชาย 3 คนยังจับแทบไม่อยู่ ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน พอโดนมัดมือติดเก้าอี้ก็ยังสามารถ พยายามยกเท้าขึ้นมาแกะเชือก ทำสำเร็จซะด้วย แต่เจ้าหน้าที่เห็นทัน รีบวิ่งกรูเข้ามาจับ โดนถีบอุตลุต คราวนี้เลยโดนมัดเท้าด้วย เธอก็ยังสามารถ ก้มตัวลงไปเอาปากแกะเชือกได้อีก เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งวุ่นหลายรอบ จนในที่สุดเธอก็โดนมัดอย่างแน่นหนา ถึงตอนนี้ น้าแกก็ตื่นแล้ว และโดนนำตัวมามัดมืออยู่ที่ม้านั่งตัวเดียวกัน นั่งข้างๆ น้องกระเทยนั่นแหละ "ลุง...แกะให้หน่อย" น้าแกได้แต่หันไปมองหน้าทำตาปริบๆ เพราะตัวแกก็โดนมัดมืออยู่เหมือนกัน ส่วนลุงที่นั่งยิ้มแฉ่งพูดคนเดียวอยู่ตั้งแต่แรก ก็หันมา "แกะไอ้นี่ให้หน่อย หา แกะไม่ได้เรอะ วุ้ย ไม่ได้เรื่องเลย แค่นี้ก็แกะไม่ได้" โดนคนบ้าด่าอีก...เอาเข้าไป แก้ไขคำผิดหน่อยนะคร้า แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 03:59:32 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 03:57:26 จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท - [ 29 พ.ค. 51 03:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ง่วงละ ค่อยมาต่อนะ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 04:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โอ้วววววววววววววววววว มันยังไม่จบ จากคุณ : โอจารุมารุ (โอจารุมารุ) - [ 29 พ.ค. 51 06:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อิอิ น่าสนุกครับ แต่จริงๆ เจ้าหน้าที่จะพยายาม "เก็บ" คนไข้ที่อาละวาดด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมที่สุดนะครับ ดูเหมือนน่าสงสาร (จริงๆก็น่าสงสาร) แต่ปล่อยออกมา ได้เรื่องเลยละครับ จากคุณ : คนเคยอยุ่ในนั้น (atheist) - [ 29 พ.ค. 51 06:05:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รออยู่ครับ,,, จากคุณ : แมงวันวี่วี่ - [ 29 พ.ค. 51 06:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สงสารสังคมไทย ผู้ที่มีปัญหา เจ็บป่วยทางจิต ก็ไม่ได้ต่างจากผู้ที่มีปัญหา เจ็บป่วยทางกาย เป็นหวัดเจ็บคอ ปอดบวม แขนหัก ฯลฯ แต่สังคมไทย จะตราหน้าคนมีปัญหาทางจิต ว่า "บ้า" หรือหนักหน่อยก็คือ ผีเข้า โดนของ ฯลฯ ทั้งๆที่ไม่ต่างกัน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 29 พ.ค. 51 06:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าเป็นเช่นนั้นอะไรคือเส้นแบ่งระหว่าง "บ้า" กับ "เจ็บป่วยทางจิต" ล่ะครับ.... จากคุณ : matheus - [ 29 พ.ค. 51 07:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มารออ่านนะคะ จากคุณ : platoo_cd - [ 29 พ.ค. 51 08:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านละกลัว กลัวโดนเองอ้ะ  -"- จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 29 พ.ค. 51 08:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เด๋ว กลับมาอ่านใหม่ งง อ่ะ จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 29 พ.ค. 51 08:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อาการแบบนี้ลองหาสาวๆสวยๆ มาอยู่ที่บ้านอีกคนรับรองหายขาด จากคุณ : อยากมีกิ๊ก (peko6681) - [ 29 พ.ค. 51 08:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าเป็น คอมฯ คงฟอร์แมท แล้วลงวินโดวส์ใหม่ ....บ้าดีนัก.... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 29 พ.ค. 51 08:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มันเป็นภาพลักษณ์ของคนในสังคมไทยเองครับว่าคนบ้าเท่านั้นที่ต้องไปหาจิตแพทย์ ซึ่งน่าที่จะทำความเข้าใจใหม่ว่าจิตแพทย์ยังช่วยบรรเทาความเครียดจากเรื่องอื่นได้อีกด้วย เช่นอกหักรักคุด สอบไม่ติด เจ้านายไม่รัก ภรรยาไม่ทำการบ้าน Retire ทำนองนั้น แต่มันต้องใช้เวลาสักหน่อยในการเปลี่ยนทัศนคติคนในสังคม จากคุณ : Nexus - [ 29 พ.ค. 51 08:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รออ่านต่อครับ เขียนสนุกดี จากคุณ : Pu'Chew - [ 29 พ.ค. 51 09:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มารอคิวอ่านค่า จากคุณ : DEKZA..JA - [ 29 พ.ค. 51 09:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เหอะ ๆ ขนาดนั้งมองตีนตะขาบรถแบ๊คโฮเฉย ๆ ยังโดนด่าว่าบ้า(ผมโดนเอง) งานนี้ต้องปูเสื่อรอครับ จากคุณ : PUMPKINbig - [ 29 พ.ค. 51 09:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าว่าผมเลยนะ แต่ว่ายิ่งอ่านยิ่งฮาจริงๆเลย จากคุณ : 555 (อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ) - [ 29 พ.ค. 51 09:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ก็เรียกได้อีกอย่างว่า จิตเภท แหละค่ะ เพียงแต่คำว่า บ้า มันพูดแล้วเข้าใจทันที คนเราถึงได้เอามาเรียกกันแบบนั้น จากคุณ : ด๋อยด๋อย - [ 29 พ.ค. 51 09:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คนที่ถูกเรียกว่าบ้า ส่วนใหญ่คือผู้ป่วยทางจิตเรื้อรังที่ไม่ได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆครับ ส่วนมากถ้ารับการรักษาแต่เร็วไว ต่อให้ไม่หายขาด อาการก็จะดีกว่าที่เห็นๆครับ เห็นด้วยกับคุณแมวเหมียวพุงป่องมากๆ เพราะผมก็เคยโดนคนเรียกว่าบ้าเหมือนกัน จากคุณ : atheist - [ 29 พ.ค. 51 10:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ในสังคมมีคนอาการหนักหลายคนนะ แต่ไม่ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลแค่นั้นเอง จากคุณ : AVSystem - [ 29 พ.ค. 51 10:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ้าว ....รออยู่นะเนี่ยยยยยยย มาโพสต่อ  ด้วยคร้าบบบบบบบบบบ ติดตามๆๆ จากคุณ : azimuth89 - [ 29 พ.ค. 51 10:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาติดตามมั่ง ปูเสื่อช้าไปหน่อยคงไม่ว่ากัน :-) คนนั่งพื้นเย็นๆไม่เมื่อยมั่งเหรอ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 29 พ.ค. 51 10:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หิ้วหนังสือพิมพ์มาปูรอเลย ใครเอาบ้าง ยังเหลืออีกเล่ม จขกท. หลับแล้วเหรอ มาโพสต์เร็วๆ ดิ อ่านกะลังมันเลยอ่ะ จากคุณ : โครงการณ์ 8 สินค้าเบ็ดเตล็ด - [ 29 พ.ค. 51 10:54:48 A:172.16.1.80 X:127.0.0.1, 58.181.216.39 TicketID:175024 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มาปูเสื่อรอด้วยคน ติดตามรอตอนต่อไปอยู่นะคร๊าาาา จู๊ๆ จากคุณ : Kryta (kryta) - [ 29 พ.ค. 51 11:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มาจองที่ เดี๋ยวไปซื้อหมึกปิ้งก่อน ปล. เขียนได้น่าติดตามจริง ๆ จากคุณ : Pixzz - [ 29 พ.ค. 51 11:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 38 รออยู่น่ะคร้าบบบบบ จากคุณ : Future is on my hand - [ 29 พ.ค. 51 12:22:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ฮาดี เหอๆๆ จากคุณ : GUSTAV - [ 29 พ.ค. 51 12:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มันก็ขำน่ะแต่ก็แย่จัง แล้วน้าคุณจขกท.มีโอกาสหาเป็นปกติมั้ยคะ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 29 พ.ค. 51 12:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จขกท. ไปโรงบาลแล้วมั๊ง แซวเล่นนะครับ จากคุณ : G_AOD - [ 29 พ.ค. 51 12:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มาแว้ววววววววว หลังจากเอาแกเข้ารพ.ได้ สถานการณ์ทางบ้านแกสงบไปซักพัก จนวันหนึ่ง... "คุณ..... หมอให้กลับบ้านได้แล้วนี่คะ" พยาบาลเจือกหลุดปากบอกน้าแกไปแบบนั้น ทั้งที่ทางบ้านแกยังไม่พร้อม แต่พอแกรู้ แกก็พยายามจะกลับบ้านให้ได้ สุดท้ายเลยต้องกลับมาบ้าต่อที่บ้าน หมอนัดให้ไปดูอาการ + ปรับยาเป็นระยะๆ แต่แกก็ไม่ยอมไป ด้วยเหตุผลที่ว่า "ชั้นไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย" อันนี้เป็นสเตปมาตรฐานของคนบ้าทั่วไป ซึ่งจะไม่ยอมรับว่าตัวเองบ้า ญาติๆ ที่เหลือเมื่อรู้ข่าวก็พยายามช่วย บางคนก็ว่าให้ไปปฏิบัติธรรมที่วัด เผื่อจะได้สติ ถึงกับลงทุนลากแกไปอยู่วัดที่ต่างจังหวัด แต่กลายเป็นว่าแกเอาแต่นอน ส่วนเมียแกก็ตั้งตาตั้งตาเดินจงกรม เดินๆ อยู่ น้าแกก็ลืมตาขึ้นมาด่าเมีย "มันก็มีดีแต่ hum น่ะแหละ ของมันใหญ่ใช่มะ ลีลามันดีใช่มะ" วันดีคืนดี แกเกิดไอเดียบรรเจิดว่าชายชู้มันต้องตามมาอยู่แถวนั้นแน่ๆ แกจัดการยืมรถของญาติ ขับตระเวณออกไปตามโรงแรมและที่พักต่างๆ ทั่วอำเภอ เพื่อตามหาชายชู้คนนั้น แต่ก็ไม่เจอ (เจอก็บ้าละ แต่ก็บ้ามาตั้งแต่แรกแล้วอะนะ) เรื่องคราบบนเสื้อผ้าเป็นเรื่องที่เมียแกปวดหัวอย่างแรง ถ้าเกิดไปเปื้อนอะไรมาแม้แต่น้อยนิด มันจะกลายเป็นคราบน้ำอสุจิทันทีไม่มีข้อแม้ วันนึง เมื่อเมียแกปฏิบัติธรรมเสร็จก็ไปสอบอารมณ์ตามปกติ แต่เจ้ากรรม ฝนดันตก ทำให้ใบไม้เก่าๆ บนหลังคา ถูกชะลงมาเป็นน้ำสีน้ำตาล เปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด สอบอารมณ์เสร็จกลับมาโดนทันที "นี่คราบอะไร น้ำอสุจิ?" พี่สาวของแกต้องช่วยแก้ตัวว่ามันคือน้ำฝนต่างหาก แล้วก็เปื้อนเหมือนกัน เพราะไปสอบอารมณ์ด้วยกัน "นี่ไง พี่ก็มีเหมือนกัน" "ของพี่ไม่เกี่ยว" น้าแกเล่นง่ายๆ แต่ในความจริงแล้ว นักจิตวิทยาบางคนที่ไปปรึกษาก็บอกว่า ไม่ควรให้คนป่วยแบบนี้ไปปฏิบัติธรรม เนื่องจากเราไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ การให้นั่งสมาธิ ให้เดินจงกรม ทำให้เค้าคิดฟุ้งซ่านไปได้เรื่อยเปื่อย ซึ่งน้าแกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นความจริง แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 13:15:09 จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 13:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ปฏิบัติธรรมไม่ได้ผล แถมตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล บางครั้งอาการหนักรุนแรงกว่าเดิมอีก วันนึงแกอาละวาดหนัก บีบคอลูกสาวเกือบตายคามือ ดีว่าลูกชายอีกคนมาช่วยไว้ทัน คราวนี้เรื่องถึงตำรวจอีกครั้ง เพราะทางบ้านเห็นว่าต้องจับส่งโรงพยาบาล ขืนให้อยู่ต่อเดี๋ยวแกฆ่าคน ตำรวจมาถึง..."นั่นๆๆ คนนั้นไง จับเลยๆ" ตำรวจยืนบื้ออยู่อย่างนั้นไม่กล้าเข้าไปจับ จนน้าแกเดินหายออกไปจากบ้าน คงด้วยเหตุผลที่ว่า น้าแกยังพูดกับคนอื่นๆ รู้เรื่องทุกอย่าง ตำรวจก็เกรงว่า เกิดจับไป แล้วเค้าไม่ได้บ้า เดี๋ยวโดนฟ้องกลับขึ้นมาจะซวย "สมกับเป็นที่พึ่ง(พาอะไรไม่ได้) ของประชาชนจริงๆ" ครอบครัวของน้าแกชื่นชมตำรวจ ที่อุตส่าห์เสียน้ำมันเดินทางมาฟรีๆ บอกแล้วว่าให้มาช่วยจับคนบ้าส่งโรงพยาบาล ดันขี่รถเครื่องมาคนเดียว แล้วจะพาไปยังง้ายยยยย เอ็งจะให้น้าแกนั่งหน้า แล้วเอ็งขี่รถกอดคร่อมไปแบบแฟนกัน จู๋จี๋กันไปตลอดทาง ไปถึงศรีธัญญาเร้อออ (บ้านอยู่แถวบางกะปิ) จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 13:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สถานการณ์เปลี่ยนไป ทุกคนในบ้านเริ่มใจไม่ดี กลัวว่าแกจะเดินหายสาบสูญไปเลย อย่างที่เคยได้ยินว่าคนบ้าบางคนก็เดินออกจากบ้าน แล้วสาบสูญไปไม่กลับมาอีกเลย... การตามหาเริ่มต้นขึ้น ลูกสาวที่เพิ่งโดนบีบคอเกือบตาย คราวนี้ร้องห่มร้องให้กลัวพ่อหายไป โทรหาญาติๆ กันจ้าละหวั่น แม้แต่ญาติที่อยู่ต่างจังหวัด ส่วนใครที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นก็ช่วยกันออกตามหา มืดแล้วด้วย สองทุ่มกว่า เงินเท่าที่แกมี จะพอเดินทางไปที่ไหนได้บ้าง แล้วแกจะไปยังไง แถวนั้นมีทั้งแท๊กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถเมล์ แล้วแกจะไปที่ไหน หรือจะไปแบบไม่มีจุดหมาย แล้วหลงหายไปตลอดกาลลลลล เวลาผ่านพ้นไปพักใหญ่ ถ้าแกขึ้นแท๊กซี่ไปแล้ว ก็คงหมดหวังที่จะหาเจอ ค่ำมืดดึกดื่นจะไปนอนที่ไหน... ญาติคนนึงไม่ย่อท้อ ตามหาอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งในสุดก็พบแก ตอนที่พบนั้น แกอยู่ในสภาพ.... กำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ปากซอย -*- จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 13:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 45 หมู่บ้านไรนิแถวบางกะปิ เสนา สินธร กิ่งแก้ว เฟื่องฟ้า !? จากคุณ : Artaria EpisodeII - [ 29 พ.ค. 51 13:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มารอดูตอนจบ ครับ  ^___^ จากคุณ : w,,b (camtoeng) - [ 29 พ.ค. 51 13:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 47 "ใครที่เอากรูเข้ารพ. เดี๋ยวกูจะฆ่าให้หมดทุกคน" ลูกสาวแกถ่ายทอดคำพูดให้เราฟัง ทำเอาเราไม่กล้าไปเหยียบกทม. อยู่นาน แต่สุดท้ายดูเหมือนแกจะล้มเลิกความตั้งใจนี้ไปได้ ปัจจุบัน น้าแกยังคงอยู่กับครอบครัว และกินยาที่หมอสั่งตลอด ผลจากยาที่ไปกดสมอง ทำให้กลายเป็นคนเฉื่อยชา ขี้ลืม คิดช้า บางทีก็ยืนอยู่นิ่งๆ เป็นเวลานาน นานจนลูกด่า เพราะดันไปยืนบังทีวี (ถ้าไม่บอกแก แกก็จะยืนนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นได้เป็นสิบนาที) ความก้าวร้าวหายไป แต่กลายเป็นคนขี้กลัว ลูกค้ามีออร์เดอร์มาก็ไม่กล้ารับงาน ไม่กล้าลงมือทำอะไรทั้งนั้น วันๆ เอาแต่กินกะนอน แม้แต่ออกไปซื้อของปากซอยก็ไม่กล้าไปเอง งานทุกอย่างตกอยู่ที่เมียแกหมด โดยมีแกตามขัดขวางเป็นระยะๆ "ไม่ต้องทำหรอก ทำไม่ได้หรอก ทำไปทำไม เดี๋ยวก็เจ๊งงงงงงงง" แต่โดยรวมแล้วครอบครัวก็กลับมาอยู่ด้วยกันได้อีกครั้ง ถึงจะไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว... ส่งท้าย... ปัจจุบัน คนไทยยังมีทัศนคติผิดๆ เกี่ยวกับการพบจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาอยู่มาก อย่างที่เราๆ ท่านๆ รู้ คือ การพบจิตแพทย์ หมายถึง คนบ้า ต้องเสียชื่อเสียง โดนสังคมมองด้วยสายตาแปลกๆ ฯลฯ ซึ่งความคิดผิดๆ นี้ ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ที่แน่ๆ คือ อาการป่วยทางจิตบางประการ ที่น่าจะรักษาหายได้ง่ายๆ ก็ไม่ได้รับการรักษา จนกลายเป็นบ้าเต็มขั้น อาการบางอย่างที่เพิ่งเริ่มเป็น ก็ไม่ได้รับการรักษา จนฝังรากลึกยากแก่การรักษามากขึ้นทุกที ความเครียด หรือปัญหาในชีวิตประจำวัน ซึ่งนักจิตวิทยาก็สามารถช่วยหาทางแก้ไขได้ (ไม่ต้องถึงมือจิตแพทย์) ก็ไม่ได้รับการแก้ไข จนปัญหาสะสมบานปลาย แตกแขนงออกไปเป็นปัญหาอื่นๆ มากมาย คงเป็นการยากที่จะแก้ไขทัศนคติเหล่านี้ในเวลาสั้นๆ แถมทุกวันนี้วงการจิตวิทยาก็ไม่ได้รับการใส่ใจจากภาครัฐเท่าไหร่ ทั้งๆที่ ถ้าให้ความสำคัญกับมันมากๆ ปัญหาสังคมจะถูกแก้ไขที่ต้นเหตุ ซึ่งก็คือหน่วยย่อยอย่างตัวบุคคล และครอบครัวเลยทีเดียว... ในต่างประเทศ บางแห่งให้ความสำคัญกับนักจิตวิทยามากๆ เยอรมันถึงกับมีกฎหมายบังคับ ให้ทุกๆ บริษัทต้องมีนักจิตวิทยา นักจิตฯที่นั่นเป็นอาชีพที่มีเกียรติและได้รับการยอมรับมาก บางคนก็รายได้งาม เนื่องจากวิ่งรอกประจำหลายบริษัท 555 ไม่คิดว่าประเทศไทยจะก้าวไปถึงขั้นนั้นได้ในรุ่นเรา แต่หวังว่าอะไรๆ จะดีขึ้นกว่านี้ จบแล้วก๊าบบบบบ ขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่ติดตามและช่วยออกความเห็น จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 13:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านจบแล้ว... เครียดแทนครอบครัวแกจริง ๆ จากคุณ : ด๋อยด๋อย - [ 29 พ.ค. 51 14:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ฮาดีครับ จากคุณ : ช (รักเธอทุกวันหยุด) - [ 29 พ.ค. 51 14:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านจบแล้วก็เป็นอุทธาหรณ์ว่า ตัวเรานั้นเกิดมาช่างโชคดีที่ไม่มีความผิดปกติทางจิต และคนที่เรารู้จัก ญาติสนิทมิตรสหายก็ล้วนโชคดีเช่นกัน เข้ามาม้วนเสื่อแล้วเดินออกจากกระทู้เงียบๆ... จากคุณ : อย่าลืมเก็บขยะกันด้วยนะ (Cryptomnesia) - [ 29 พ.ค. 51 14:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แก จริงๆ เรื่องมันเครียดนะนั่น เขียนซะฮาเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Psycho poet - [ 29 พ.ค. 51 14:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เล่าเรื่องได้ฮามากครับ  สงสัยเหมือนกันว่า อะไรทำให้เป็นแบบนี้ไปได้ จากคุณ : nOMO_kabb - [ 29 พ.ค. 51 15:57:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ....เล่าได้ฮามาก..... จากคุณ : คาซีโอเพย่า. - [ 29 พ.ค. 51 17:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผู้ป่วยที่มีอาการเชิง psychosis ถ้าจำเป็นต้องได้รับยามากๆ ผลข้างเคียง(ที่หมอก็ไม่อยากให้มี) เยอะทีเดียวครับ อาจมีความยากลำบากในการเคลื่อนไหว เฉื่อยชา คลื่นไส้ เวียนหัว ฯลฯ แต่เท่าที่รู้จักเป็นการส่วนตัว คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังรับการรักษาทุกคนครับ ยาพวกนี้จะเน้นไปยุ่งกับสารสื่อประสาทต่างๆในสมอง สารพวกนี้และการทำงานของมันละเอียดอ่อน ก็เลยออกมาขาดๆเกินๆอย่างที่เห็น ก็มีการพยายามทำการศึกษายาใหม่ๆ ให้ทำงานแม่นยำ ลดผลข้างเคียงให้ได้มากที่สุดอยุ่เรื่อยๆ จากคุณ : atheist - [ 29 พ.ค. 51 17:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สงสัย ทำไมแม่จขกท.ถึงมียาดอมิคุมละ จากคุณ : หลับตา - [ 29 พ.ค. 51 19:06:49 A:58.64.102.246 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 58 นึกถึงเรื่อง beautiful mind ที่ รัสเซล โคล เล่นเป็น ศ.แนช เลยครับ ยังก็ขอให้อยู่กันอย่างมีความสุขนะครับ น้องที่ office เก่าก็พึ่งเข้า ศธญ เดือนก่อนโน่นยังเห็นทำงานปกติอยู่เลย อยู่ ๆ ก็มีอาการ คลุ้มคลั่ง ตอนที่รู้ข่าวครั้งแรกก็ยังคิดว่าคงเครียดธรรมดา พอมารู้อีก อยู่ ศธญ ซะแล้ว เฮ้อ.... จากคุณ : . (ซิมเปิ้ลแมน) - [ 29 พ.ค. 51 20:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เพราะแม่จขกท. ยิ่งอายุมากขึ้นๆ ก็นอนไม่หลับมากขึ้นๆ ยาเดิมๆ ก็เอาไม่อยู่ หมอก็ให้ยาแรงขึ้นๆ จนได้ดอร์มีกุ้มมากินอยู่ช่วงนึง จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 29 พ.ค. 51 20:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 60 น่าเศร้าใจ อยากรู้สาเหตุของอาการพวกนี้จัง   ทำไมสมองคนเรา ถึงพังได้ขนาดนั้น d-_-b จากคุณ : Sakuder - [ 29 พ.ค. 51 21:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ถ้าผมอ่านแล้วฮาจะผิดไหมเนี่ย - -''' จากคุณ : cookiecompany - [ 29 พ.ค. 51 21:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คนป่วยคนนี้โชคดี เพราะได้ครอบครัวที่ดี จากคุณ : ฝอยทองน้อย - [ 29 พ.ค. 51 22:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ^ ^ ^ ยืนยัน ว่าคนป่วยคนนี้โชคดี.,. เป็นครอบครัวที่ดีจริงๆ.,. จากคุณ : ป๋าแมน - [ 29 พ.ค. 51 23:02:10 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถ่ายทอดเรื่องราวได้สนุกจัง ชอบๆๆ จากคุณ : 76 (KuMp) - [ 29 พ.ค. 51 23:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 65 -อ่านไป สงสารไป ขำไป(กับสไตล์การเล่า) ถ้าคนเราให้ความสำคัญกับเรื่องของ "จิตใจ" มากขึ้น มันอาจช่วยให้หลายๆเรื่องไม่เกิดเป็นสิ่งเลวร้ายตามมา แต่ในขณะเดียวกัน..คิดว่า..คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม หรือไม่ก็ด้วยความไม่รู้.. จิตใจเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สามารถแสดงออกมาโดยการกระทำ การแสดงออก ฯลฯ ต่างๆ ได้... แต่จะมีสักกี่คนที่มองออก???? และในสังคมนี้มีอีกกี่คนที่อาจจะเป็นแบบนี้ เป็นน้อยกว่านี้ หรือมากกว่านี้ - จากคุณ : zz - [ 30 พ.ค. 51 00:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 66 น่ากลัวนะครับ โรคแบบนี้ เกิดจาก ความผิดปกติของ "สารเคมี" ในสมอง ไม่ได้เกิดจากการกระทบกระเทือน หรือเก็บกดอะไรเลย ดังนั้น มันอาจจะเกิดกับผม เกิดกับคุณ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เป็นแล้ว ก็เหมือนกับ ตัวเรา ไม่ใช่ตัวตนของเราอีกต่อไป กลายเป็นใครก็ไม่รู้ จากคุณ : Sial - [ 30 พ.ค. 51 00:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 67 นั่งขำตลอดกระทู้อ่ะ โดยเฉพาะประโยคนี้ "มันก็มีดีแต่ hum น่ะแหละ ของมันใหญ่ใช่มะ ลีลามันดีใช่มะ" จริงๆ หว้ากอนี่ก็ห้องรวมคนบ้าไม่ใช่เหรอ จากคุณ : อิฐมอญ - [ 30 พ.ค. 51 02:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ้>> ถ้าเป็นเช่นนั้นอะไรคือเส้นแบ่งระหว่าง "บ้า" กับ "เจ็บป่วยทางจิต" เส้่นแบ่งคือ เมตตาที่มีในใจ  ความ"บ้า" มันมีหลายความหมาย  ไอ้บ้า, ตาบ้า, บ้ากล้อง, บ้ารถ ฯลฯ ... ต่างจาก คนบ้า แน่นอน ความหมายที่แย่ที่สุด เลวร้ายที่สุด ของคำว่า "บ้า" คือ  บ้า = "ไม่มีความเป็นมนุษย์ปกติ ที่ควรจะอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม เป็นที่น่ารังเกียจ" .. เพียงเพราะจิตใจเขาพิการ แก้ไขไม่ได้  ..  คนที่ไม่มีความเมตตาเหลือในใจ .. ก็ตัดสินทันทีว่า คนคนนี้ ไม่ใช่คน ไม่มีความเป็นมนุษย์ปกติ ที่ควรจะอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม เป็นที่น่ารังเกียจ หากมองให้ดี  คนคนหนึ่ง สมบูรณ์ดีมาตลอด  เกิดโชคร้าย เส้นเลือดในสมองแตกไปเส้นหนึ่ง ทำให้ขาข้างหนึ่งเป็นอัมพาตถาวร เดินไปไหนมาไหน ก็ต้องเดินแบบลากขาไปตลอด  ความเป็นมนุษย์ของเขา หายไปไหม?  เขายังอยู่ในสังคมได้หรือไม่?  หรือควรถูกรังเกียจ ถูกขับไล่ออกจากสังคม?  ทุกคำถามสรุปลงที่คำตอบข้อเดียว  ... ขึ้นกับเมตตา ในใจของคนมอง ... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 30 พ.ค. 51 07:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณที่มาเล่าให้อ่านครับ  ต่อไปนี้ผมคงต้องระวังเรื่องอาหารและเครื่องดื่มให้มากขึ้น จากคุณ : งบน้อย - [ 30 พ.ค. 51 14:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อ่านจบแว๊วว จขกท.เขียนได้ดี อ่านเพลิน แต่เครียดแทนครอบครัวแกจริง ๆ จากคุณ : แมงง๊องแง๊ง (woraphan) - [ 30 พ.ค. 51 16:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าเรื่องนี้เกิดกับเรา ก็คงเศร้าน่าดูอ่ะ แต่เจ้าของกระทู้เล่าซะฮาเลย ^_^ จากคุณ : aThena^^ - [ 30 พ.ค. 51 17:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 72 สนุกมากเลยจ้ะ แต่สงสารคนในครอบครัวเค้าจัง T^T จากคุณ : aomjar - [ 30 พ.ค. 51 18:44:38 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ป๋มอยากพบจิตแพทย์ก๊า..บ กัวบ้าก๊า..บ จากคุณ : AJ_da_NR - [ 30 พ.ค. 51 20:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เล่าได้สนุกมากอ่ะ ^^* แต่คนป่วยทางจิตเภท ไม่ใช่ "คนบ้า" นะ จากคุณ : aimer@ - [ 31 พ.ค. 51 13:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เป็นเราคงเครียดน่าดู นึกถึงคำว่าสายใยรักในครอบครัวขึ้นมาเลย จากคุณ : ที่ว่างของความรัก - [ 31 พ.ค. 51 14:03:44 ]