ความคิดเห็นที่ 1 อ่านช้าๆแต่ทำความเข้าใจได้ ลึกซึ่ง อยากให้เน้น ตรงนี้มากกว่าครับ จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 16 มิ.ย. 51 19:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลองไปยืนอ่านฟรีตามร้านหรือแผงหนังสืครับ เริ่มจากพวกนิตยสารก่อนก็ได้ โดยสมมติสถานการณ์ว่าคุณมีเวลาในการบืนอ่านจำกัด เริ่มแรกให้เลือกอ่านเฉพาะเล่มหรือเฉพาะหัวข้อที่สนใจก่อน เดี๋ยวคุณก็จะรู้สึกว่าอ่านได้เร็วขึ้น แถมยังจำได้แม่นและจำได้ทนนานขึ้นด้วย จากคุณ : LR3 - [ 16 มิ.ย. 51 19:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านโดยไม่ต้องกวาดสายตาจากซ้ายไปขวาทีละตัวครับ พยายามอ่านทีละบรรทัดในทีเดียวถ้าทำได้ หรืออ่านทีละประโยคยาวๆ เข้าไปในทีเดียวเลย โดยไม่ต้องอ่านทีละคำๆ อีกอย่างการฝึกอ่านให้เร็ว กวาดสายตาให้เร็วก็ช่วยได้ครับ ปล. แต่ถ้าคุณอ่านช้าๆให้ชำนาญแบบ คห.1 ว่า จะช่วยให้สะกดคำไทยได้ถูกต้องยิ่งขึ้นแน่นอนครับ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 16 มิ.ย. 51 19:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างผมจะใช้วิธี เอาหนังสือไว้ใต้หมอนแล้ว ก็หลับอย่างเป็นสุขครับ เพื่อให้ตัวหนังสือมัน ออสโมซิสเข้าสมองผมตอนหลับ นะฮาฮา จะเลียนแบบ ก็ได้นะครับ จากคุณ : กระสวยบูราน - [ 16 มิ.ย. 51 19:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ให้ ช้า แต่ต้อง ตีความหมาย ให้ชัดเจนด้วยน่ะครับ จะได้ลึกซึ้ง ถ้าเป็นพวก เลข แนะนำให้ลองทำแบบฝึกหัดดู แต่ถ้าเป็นวิชาจำๆ เช่น กฏหมาย หรือ สังคม ไทย ก็ลองดูว่าประโยคเนี่ย ประธานทำเพื่อใคร โยงไปถึงอะไรได้บ้าง แล้วทำเป็น ดูเหตุและผลของประโยค เป็นหลัก เอาใช้ ช่วยครับ ผมเคยอ่านหนังสือช้ามาเหมือนคุณ ยังอุตสาติด ม.รัฐ ได้ 5555 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 20:01:12 จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 16 มิ.ย. 51 19:58:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หลักในการอ่านหนังสือเร็ว 1. สมาธิดี มีส่วนสำคัญมาก เช่นเดียวกับการขับรถเร็ว ระบบเบรกต้องดี จิตใจต้องนิ่ง ไปข้างหน้าไม่คิดเรื่องอื่น ช่วยให้อ่านติดต่อกันได้เป็นเวลานาน ปกติการเรียนในห้อง จะกำหนดคาบละ 50 นาที เพราะความสนใจของคนมีแค่นั้น จากนั้นหยุดพัก 10 นาที ฉะนั้น การการอ่านหนังสือจึงไม่ควรอ่านเกิน 50 นาที สลับกับหยุดพัก 10 นาที 2. วางโครงทำ Mind Map อันใหญ่ คงต้องไปหาต่อนะครับ google เพียบ 3. อย่าโลภมากในการอ่าน 3.1 ข้อความหรือส่วนไหนอ่านแล้วเข้าใจ มั่นใจว่าไม่ลืม โปรดทิ้งไป ไม่ต้องโน้ตย่ออะไรทั้งสิ้น แล้วไม่ต้องกลับมาอ่านอีก ชีวิตและเวลาของเรามีค่ามากกว่านี้ 3.2 ข้อความใดอ่านแล้ว เป็นความรู้ธรรมดา และเราคิดว่า ถ้ามันออกสอบมา เราตัดสินใจเลือกข้างที่ถูกได้แน่ ๆ สังเกตง่าย ๆ ว่า อ่านแล้วร้องอ๋อ แหงล่ะ ถ้าไม่อย่างงี้แล้วจะยังไง ก็ไม่ต้องห่วงมันอีกเช่นกัน 4. เลือกคำสายฟ้า หรือเลือกคำหิ่งห้อย เมื่อท่านซื้อหวย คนที่ไม่ถูก เกือบถูก เฉียดไปเฉียดมาไม่ว่าจะมันจะใกล้แค่ไหน เช่น งวดนี้ออก 44 ตัวเลขที่ใกล้คือ 43, 45 คนที่บอกว่า ของเขาเกือบถูกก็มี 34 เพราะเพิ่มข้างหน้าอีก 1 ก็ถูกแล้ว ผมเปรียบเทียบว่า 44 คือสายฟ้า ตัวเลขอื่นคือหิ่งห้อยทั้งสิ้น โดยเฉลี่ยผมจะวงกลมที่คำสายฟ้าประมาณ 12 คำ จาก 30-32 บรรทัด (1 บรรทัดมี 12 คำโดยประมาณ) เมื่อท่านกลับมาอ่านรอบสอง สาม สี่ ... ท่านก็อ่านตรงคำสายฟ้าที่ท่านวงไว้ อย่าไปจดหรือย่อในกระดาษอื่นอีก เพราะท่านจะไม่เข้าใจ มีแต่หนังสือก็เพียงพอแล้ว 5. ทำ Mind Map เล็ก ๆ ไว้บนหัวกระดาษ เมื่ออ่านเข้าใจแล้ว นำคำสายฟ้าจากข้อ 4. มาทำ หรือหลักมันว่าอย่างไร นำ Mind Map เล็ก  ๆ นี้ไปใส่ไว้ใน Mind Map ใหญ่ ให้ถูกที่ของมัน ตรงไหนที่เข้าใจ แต่ยังจำไม่ได้หรือต้องกลับมาอ่านใหม่ ให้ท่านลากยาวเป็นเป็นตรงลงมาที่ขอบหนังสือ ยาวเท่าข้อความที่ท่านต้องกลับมาอ่านใหม่ อย่าใช้ขีดเส้นหรือหรือปากกาสี ตรงที่ท่านอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ หรือต้องถามผู้รู้อีก ก็ลากยาวแบบหยัก ๆ ที่ขอบหนังสือนั่นแหล่ะครับ 6. อ่านซ้ำรอบสอง สาม สี่ ห้า ให้อ่านด้วยความเร็ว 6.1 อ่านด้วยใจ ฝึกยากสักหน่อย การอ่านเร็วธรรมดา คืออ่านออกเสียง อ่านไม่ออกเสียง ในระยะแรกนั้น เมื่อเราอ่านใจใจตามที่ครูประถมเคยสอนเรามา คือ อ่านออกเสียง แต่ไม่มีเสียงนั้นเอง แต่อันนี้คือการอ่านด้วยใจ คือ ใช้ตามองหนังสือทั้งหน้า แล้วมองคำสายฟ้าที่เราวงกลมไว้แล้วใช้ใจ ความรู้สึกนึกคิด มิใช่การอ่านธรรมดา ในการอ่านรอบที่สองของผม หนึ่งหน้ากระดาษของหนังสือ มสธ.จะใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาทีเท่านั้น หากเป็นรอบสอง สาม สี่ ห้า จะเร็วขึ้นอีก 6.2 มีทฤษฎียืนยันว่า สิ่งที่เร็วกว่าแสงนั้นคือใจนั่นเอง ถ้าใจเป็นรถยนต์ที่วิ่งเร็ว พวงมาลัยต้องไม่แกว่ง เบรคต้องดี สมาธิเปรียบเหมือนเบรค หากใครไม่ฝึกสมาธิจะอ่านเร็วแบบนี้ไม่ได้ 7. ข้อแนะนำที่ไม่ควรทำ (ตามความเห็นของผม) คือไม่ควรอัดเทปคำบรรยายของอาจารย์มาฟังอีก เพราะจะทำให้ใช้ประสาทหูมากเกินไป ท่านจะเป็นคนหูแว่ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับความบ่อยในการฟัง หากฟังวิชาใดมาก ก็จะทำให้ทำวิชานั้นได้ดี แต่ก็จะสับสนกับวิชาต่อ ๆ ไป ท่านต้องรับรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 6 ให้เท่าเทียมกัน อย่าหนักไปทางใดทางหนึ่ง ถ้าท่านทำตามคำแนะนำของผม และทำได้ดีกว่าผมให้มาก ท่านจะสอบได้ที่ 1 ทุกสนามสอบ อ่านหนังสือได้เร็วกว่าคนที่อ่านเร็วที่สุดในโลก (อ่านซ้ำครั้งที่สองนะครับ) เพราะอ่านเฉพาะ Mind Map และคำสายฟ้า เท่านั้น ************************************* ข้างต้นนี้ผมคัดลอกจากเวบบอร์ด มสธ. คนเขียนคงจบนิติศาสตร์ไปเรียบร้อยนานแล้ว เห็นว่าอาจเป็นประโยชน์ ก็นำมาให้อ่านต่อครับ จากคุณ : suttigan - [ 16 มิ.ย. 51 20:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านเยอะๆครับ ยิ่งอ่านบ่อยมันจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมเป็นคนอ่านหนังสือเร็ว(มาก) ก็ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรพิเศษ แต่เป็นคนอ่านหนังสือเยอะมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ Practice Practice Practice ภาษาอังกฤษก็เช่นกันเมื่อก่อนอ่านช้ามาก แต่พออ่านนิยายไปสัก 10-20 เล่มแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าอ่านไวขึ้น ถึงจะยังไม่เท่ากับภาษาไทยก็ตาม จากคุณ : Nexus - [ 16 มิ.ย. 51 20:09:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 skin & scan สิครับ ผมเป็นคนอ่านหนังสือเร็วอ่ะครับ   ทำข้อสอบก็เร็วกว่าเพื่อนราวๆ1.5-2 เท่าครับ  เป็นตั้งแต่เด็กเลย (ถูกผิดว่ากันทีหลัง  ฮ่าๆๆ) ธรรมชาติของผมเหมือนเป็นมนุษย์ไฮเปอร์   สมาธิค่อนข้างสั้น  แล้วก็ติงต๊อง  ทำอะไรจะชอบเห็นมันเห็นผลไวๆ จะให้มาละเลียดอ่านทีละบรรทัดนี่ทำไม่ได้หรอกครับ วิธีการของผมคือ อ่านชื่อเรื่องให้ขึ้นใจก่อน  พึมพำๆในปากซักสองสามรอบก็ไม่ผิดกติกา่ จากนั้น ทำการอ่านครับ  โดยประมาณ 2 - 3 รอบ  (ถ้าเนื้อหายากหรือเป็นภาษาต่างประเทศอาจวนรอบ 3 ) รอบแรก  ตะลุยอ่านแบบโมโตครอส   นึกออกป่ะครับ แบบว่าถึงถนนขรุขระหรือเน่าแค่ไหน  ก็พยายามขี่เร็วๆ  เจอเนินก็ตั้งใจโดดให้สวยๆ แบบว่าต้องรีบไปให้ถึงเส้นชัยอ่ะ ไอ้เนินที่ว่ามันคือ  Keyword ของแต่ละบรรทัดนั่นแหล่ะ  โดยเราก็ตั้งใจแค่กับคีย์เวิร์ดเท่านั้น  แต่ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศ  ที่ไม่เข้าใจ  อย่าเพิ่งเปิดดิก  วงไว้ก่อน  รอบหน้าจะกลับมาแก้แค้น ทีนี้รีบแถไปให้ถึงเส้นชัย   (ซักประมาณ 1 ย่อหน้า  ไม่เกิน 10 บรรทัด  ถ้าย่อหน้าไหนยาวก็ซอยเอาแค่พอให้จำได้)  พอถึงแล้ว  ก็ว้าฮ่าๆๆๆในใจได้พอประมาณ แต่จะว้าฮ่าๆๆได้  ก็ต้องจำไอ้ 10 บรรทัดได้บ้าง  ว่าเนื้อหามันพยายามจะพูดว่าอะไร รอบนี้เรียกว่า skim ครับ(อาจารย์พาเรียก ส่วนผมเรียกว่ารอบ ไถดะ) รอบนี้ถ้าไม่ถูกรบกวน  และเนื้อหามันไม่ซับซ้อนเกินไป  อาจจะผ่านย่อหน้านั้นได้เลย  เพราะเข้าใจไปแล้ว (แต่เน้นว่า  ต้องเข้าใจจริงๆเด๊อ  ถึงจะผ่าน) ส่วนรอบสอง  ผมเรียกว่า  ปัีกดำ ( แต่อาจารย์ให้เรียกว่า scan) หลังจากที่เราว้าฮ่าๆเสร็จ  อย่าเพิ่งลุกไปฉี่ครับ  เริ่มอ่านใหม่ทัีนที   (เดี๋ยวลืม )อ่านด้วยความเร็วเท่าเดิม(ถ้าคล่องก็จะอ่านได้เร็วกว่าเดิม) โดยตาเราจ้องที่ keyword แล้วดูคำรอบๆมัน  ว่าkeyword มันทำอะไร ไม่ต้องอ่านทุกคำก็ได้  (เพราะเรารู้โครงเรื่องจากรอบโมโตครอสมาแล้ว) ถ้าเป็นภาษาไทย  ก็น่าจะจบในรอบ 2  แต่ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศ  ที่ยังติดคีย์เวิร์ดบางคำ  ก็อนุญาตให้ข้ามได้อีกรอบ  แล้วรอบ 3 ค่อยกลับมาแก้แค้น   (ก็ยังไม่สาย  โดยรอบ 3 จะเน้นการชำระแค้นกับคำที่เราติดเท่านั้น  เพราะเนื้อหาโดยละเอียดกับโครงเรื่อง  เราน่าจะเข้าใจตั้งแต่รอบสองแล้ว) ช่วงแรกๆอาจจะช้า  แต่ถ้าคล่้องขึ้นมานี่สบายครับ(นิยายแจ่้มใสของแฟนเล่มหนาๆผมอ่านแค่ชั่วโมงครึ่งเอง) อ้อ  วิธีนี้  ไม่เหมาะกับการเอาไปอ่านโคนันนะครับ  เพราะมันจะเหมือนสปอยล์ตัวเอง...ฮ่าๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 21:04:39 จากคุณ : ไม่งงครับ ไม่งง - [ 16 มิ.ย. 51 20:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บางครั้งการอ่านเร็วเกินกำลังความคิดที่ต้องตีความหมาย ความเข้าใจก็อาจจะคลาดเคลื่อนได้เหมือนกัน พอไปอ่านทวนอีกครั้งถึงได้รู้ว่าพลาดไป ยังไงให้มันสอดคล้องกันไป ความเร็วให้เปลี่ยนเป็นคำว่าความชำนาญจะดีกว่า จากคุณ : รอยกาล - [ 16 มิ.ย. 51 22:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมอ่านแล้วจำไม่ค่อยได้ แต่ให้คนที่อ่านมาแล้วพูดให้ฟัง ทำข้อสอบได้หมดครับ จากคุณ : Valkyrie Randgris - [ 16 มิ.ย. 51 22:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อาจารย์เก่าผมคนนึงอ่านหนังสือทีละบรรทัดครับ โดยเอานิ้วไล่เรียงลงมาตั้งแต่บรรทัดแรกจนถึงบรรทัดสุดท้ายเลย เคล็ดลับคือ เขาอ่านเฉพาะคีย์เวิร์ด ครับ เป็นความสามารถเฉพาะตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเรื่องทำนองนี้มีคนที่มีความสามารถแปลกๆ เหมือนกัน เช่น คุณตามใจ ขำภโต คนที่เคยสอบได้ที่ 1 ของประเทศ และอดีตเอ็มดี แบ็งค์กรุงไทย เขาบวกเลขได้เร็วเหลือเชื่อ เอาตัวเลขเขียนลงกระดาษ ตัวเลขละบรรทัด เขากวาดสายตาจากบรรทัดแรกถึงบรรทัดสุดท้าย ได้คำตอบเลย นี่เฉพาะเมืองไทย เท่าที่ผมทราบนะครับ ถ้าทั่วโลก เคยอ่านเจอว่าเจ๋งกว่านี้ก็ยังมี รู้สึกจะเป็นชาวอินเดียนะ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 16 มิ.ย. 51 23:06:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเคยเห็นว่ามีคนนึงที่มหาลัยอะครับ อ่านแบบ เปิดไปเรื่อยๆ แต่ถามอะไรตคอบได้หมด... จากคุณ : arata_arty - [ 17 มิ.ย. 51 00:00:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องการอ่านเร็วครับ เพราะเมื่อไหร่ที่ผมเร่งSpeed ข้อมูลที่อยู่ในหัวจะถูกบีบอัดและระเบิดออกมา กระจัดกระจายไปทั่ว(ตบะแตก) เพราะสมองของผมมันจัดระเบียบข้อมูลไม่ทัน มันจึงทับซ้อนกันอย่างไม่มีระบบระเบียบ เก็บข้อมูลได้่ไม่เต็มที่และทับซ้อนกันไปมา จนเกิดความสับสน ผมจึงต้องค่อยๆอ่าน และทำความเข้าใจไปด้วย      (ช้าๆได้พร้าเล่มงาม)         ขอบคุณครับ จากคุณ : TMc. (tmct) - [ 17 มิ.ย. 51 00:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านสารบัญก่อนสิครับ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 17 มิ.ย. 51 01:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณกูรูทั้งหลายคับผมจะลองไปปรับใช้ดูคับ จากคุณ : บอส - [ 17 มิ.ย. 51 02:18:55 A:125.24.6.243 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ต้องพยายามอ่านเร็วหรอก มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคน ถ้าคุณเป็นคนอ่านช้าแล้วเข้าใจดีก็ไม่เห็นต้องพยายามอ่านเร็วให้ได้เหมือนเพื่อนนี่ เป็นตัวของตัวเองล่ะดีแล้ว จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 17 มิ.ย. 51 11:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เร็วช้าไม่สำคัญครับ มันขึ้นกับสมาธิมากกว่า ผมเป็นคนอ่านเร็ว แต่จับรายละเอียดได้ โน้ตย่อเลคเชอร์ไปด้วย ส่วนเพื่อนอีกคน อ่านช้ามาก อ่านไป3รอบก็ยังไม่เข้าใจ ทำข้อสอบไม่ได้ เพราะสะกดได้แต่ตัวหนังสือ แต่ใจลอยไปถึงเรื่องอื่น จากคุณ : ย่ามฝัน - [ 17 มิ.ย. 51 11:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 วิธีของผม  ถ้าอ่านเกี่ยวกับหนังสือสอบหรือการอ่านที่มีเวลาจำกัดจะอ่านด้วยวิธีซีร็อกซ์ครับ การอ่านแบบซีร็อกซ์ (แฟนเก่าผมชอบเรียกว่าวิธีนี้ว่า "ชัตเตอร์") - อ่านแบบดึงคีย์เวิร์ดของแต่ละบรรทัด  แต่ละย่อหน้าให้ขึ้นใจครับ  การอ่านในจุดนี้เราไม่ได้สนใจว่าคีย์เวิร์ดนั้นใช่คียเวิร์ดจริงๆหรือเปล่า  เอาเป็นว่าจำตำแหน่งของคำๆนั้นที่จะเชื่อมโยงไปยังส่วนอื่นๆให้ได้ก็พอ อ่านแบบนิทาน - คราวนี้เราเริ่มผูกเรื่องครับ  อาจนึกเปนนิทานบ้าๆบอๆในใจ  จุดนี้ผมเคยรังเกียจมากเพราะมันน่าจะสิ้นเปลืองพลังงานเสียเปล่า  แต่ก็แฟนเก่าผมอีกครับที่พยายามให้ผมลองทำอะไรต๊องๆ  แต่ได้ผลดีพอสมควรครับ  เช่น ปู (มะเร็ง) เดินไม่ตรงไปนู่นไปนี่ (ลุกลามไปทั่ว) จับให้เดินตรงๆก็ไม่ได้ (ควบคุมยาก, อาการดำเนินโรคห่วยแตก) ฯลฯ อ่านแบบจับจด - ผมชอบวิธีนี้ที่สุดครับ  เพราะเราได้เก็บรายละเอียดอย่างครบถ้วน  แต่มีข้อจำกัดที่การอ่านนั้นไม่ใช่เรื่องรีบร้อนนะครับ  เรามีเวลาละเลียด ตั้งคำถาม  นึกถึงการเชื่อมโยงต่างๆ  กล่าวคือ งงบรรทัดนี้ฉันจะย้อนไปอ่านให้รู้เรื่องก่อน  ย้อนไปกี่สิบหน้าก็จะอ่านจนกว่าจะได้ความค่อยผ่านไปบรรทัดอื่น  ทำให้เข้าใจเรื่องต่างๆได้ทะลุปรุโปร่ง จากคุณ : rafaelo - [ 17 มิ.ย. 51 19:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมใช้วิธีอ่านแบบ คห. 8 ครับ ความชำนาญมันเกิดจากการอ่านมากๆนะผมว่า... จากคุณ : granun - [ 17 มิ.ย. 51 23:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เราก็อ่านเร็ว ใช้วิธีแบบคีย์เวิร์ดเหมือนกัน คือบรรทัดนึงนี่จะมีคำสำคัญๆ สายตามันจะสะดุดคำเด่นๆ ไม่กี่คำ จะดึงตรงนั้นมาก่อน ส่วนคำเชื่อม ที่ไม่สำคัญอ่านผ่านมันจะเชื่อมคำกันเป็นประโยคออกมาเอง จากคุณ : Mehndi Laga Ke Rakhna - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 21:13:45 ]