ความคิดเห็นที่ 1 เอามาแปะห้องนี้อาจจะได้คำตอบสองแบบคือหนึ่ง ไม่มีใครตอบ (เพราะตอบกันไปเยอะแล้ว เป็นเรื่องเป็นราวไปทีนึงแล้วจนเกือบไม่ได้จัดงานมีทติ้ง) หรือสอง คุณจะได้คำตอบยาวเป็นหางว่าวแต่เป็นคำตอบแบบที่คุณไม่ต้องการจะได้ยิน อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะครับ? จากคุณ : Nexus - [ 24 มิ.ย. 51 23:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตาม คห.๑ เรื่องป้ายยา เคยกลายเป็นสงครามระหว่างโต๊ะหว้ากอ กับโต๊ะเครื่องแป้ง ไปทีนึงแล้ว ดังนั้น กรุณาอย่าเอากระทู้เรื่องนี้ ทางฝั่งนู้นมาแปะเลยนะ แล้วก็อย่าเอากระทู้เรื่องนี้ทางฝั่งนี้ ไปแปะทางฝั่งนู้นด้วย . . . . กระทู้ป้ายยานี่ถามกันมาหลายครั้งแล้วในห้องนี้ แต่จะมาถามสักกี่ครั้ง ห้องนี้ก็สรุปกันได้ว่า ไม่คิดไปเอง ... ก็เป็นข้ออ้าง กันคนอื่นหาว่าโง่ จากคุณ : UPluto - [ 24 มิ.ย. 51 23:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่อยากเอาเรือเข้าไปขวางครับ... จากคุณ : AbsolutelyTop - [ 25 มิ.ย. 51 00:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่่องจริงที่ใครไม่อยากเจอ  ปล.มีญาติเคยโดน พูดได้อย่างเดียว อย่าประหม่าเป็นดี จากคุณ : บลูเรย์ - [ 25 มิ.ย. 51 00:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมมาเริ่มจากฝั่งที่ไม่เชื่อครับ สารเคมีที่มีคุณสมบัติแบบนี้ : ซึมผ่านผิวหนัง ทำให้เกิดอาการมึนง่วงงง ผมเชื่อว่าในโลกนี้มี ... แต่ราคาจะสูงเท่าใดก็ไม่ทราบได้ และไม่รู้ว่ามิจฉาชีพจะเอาวิธีใดไปป้ายโดยที่ตัวเองไม่โดนพิษของยาเข้าไปเสียก่อน ผมเชื่อว่า ถ้ามีอาการจริงต้องเกิดจากการเผลอกินเข้าไป แต่จะเป็ฯตอนไหนก็ว่ากันอีกที เพราะยาที่ก่ออาการเหล่านี้ ผมว่าสามารถกะช่วงเวลาคร่าวๆได้ว่าจะออกฤทธิ์เมื่อไร - สมมุติว่าจะลวงคน เรากะช่วงเวลาลงมือภายใน 15 นาที ... ก็พอกะได้ว่ายาตัวไหน - ถ้าเราไม่แน่ใจ คนนี้หลอกยากหน่อย อาจจะต้องใช้เวลา 30-60นาที ... ก็ใช้ยาอีกตัวนึง กะได้ครับ และเลยทำให้ยาเหล่านี้โดนจัดไปอยู่ในกลุ่มยาควบคุม ส่วนเรื่องที่ว่า น่าจะมีจริงแต่หมอไม่มีทางรู้ เพราะว่าอาจจะเป็ฯสารเคมีที่ไม่ได้ใช้ในทางการแพทย์เพราะมีพิษ ตอนแรกผมเคยเชื่ออย่างนั้น ... แต่พอนึกทบทวนเหตุผลอีกที ทำไมอาจารย์ที่สอนพิษวิทยา ไม่สอนการรักษาผู้ป่วยเหล่านี้เลย ทำไมคนเป็นหมอมาหลายสิบปีหลายๆคน ไม่เคยเจอเคสผู้ป่วยที่โดนป้ายยาแบบจังๆเลย แปลกดี ส่วนประเด็นว่า ไม่เป็ฯที่เปิดเผย เพราะอาจจะมีมิจฉาชีพเอาไปใช้ ฟังไม่ขึ้นครับ เพราะอย่างนั้นแปลว่าสารตัวนี้เป็ฯสารที่ทั่วโลกต่างพากันปิดบัง ... ไม่มีที่ใดในโลกที่ใช้สารตัวนี้เลยนอกจากไทย ... ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ยาหรือสารเสพติดหลายๆตัว ก็ควรจะปิดบังไว้ด้วยสิครับ ทำไมจำเพาะเจาะจงมาปิดตัวนี้ตัวเดียว คำแนะนำของผมคือ หากเกิดอาการที่สงสัยว่าจะโดนพิษของยาป้าย ให้รีบหนีไปในที่ปลอดภัยหรือหาตำรวจ ... จากนั้นให้แจ้งความ ให้ตำรวจพาไปโรงพยาบาล แล้วทำการตรวจสารกล่อมประสาทครับ ผมว่าดีไม่ดีจะตรวจเจอยานอนหลับ ที่เผลอกินเข้าไปโดยไม่รู้ตัวนะครับ จากคุณ : หมอแมว - [ 25 มิ.ย. 51 00:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าคิดจะหาสาเหตุ ก็อย่ามีธงคำตอบ ไม่งั้น มันก็แคบอยู่ที่ทางเดียว ป้ายยา ป้ายยา ป้ายยา ป้ายยา มันต้องป้ายยา แน่ๆ - -" จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 25 มิ.ย. 51 00:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็ว่าเหมือนหมอแมวนะ 1 ตัวยาเป็นความลับสุดยอด (แล้วจะรู้ในหมู่พวกโจรได้ยังไง โดยไม่รอดมาถึงคนธรรมดา ) 2 ถ้าคนโดนน่าจะมีสารตกค้างหรือเอฟเฟคบางอย่าง มาถึงมือหมอ 3 ยาเทพขนาดนั้น ถ้าฝรั่งคิด ต้องมีให้อ่านบ้าง หรือถ้าคนไทยคิด คงขึ้นหน้า 1 ไปหลายวัน ทำยาออกมาคงรวยมากกว่าจะเอาไปป้ายคนอื่น 4 คนป้ายรอดจากพิษได้ยังไง 5 แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะมียานั้นอยู่ในโลก จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 25 มิ.ย. 51 00:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กระทู้นี้ มาบ่อย แต่แปลก ที่ ส่วนใหญ่ พวกหมอ หรือเภสัช จะไม่เชื่อว่ามียานี้ และพยายามอธิบายเหตุผล แต่ฝ่ายที่เชื่อ ซึ่งเป็นคนทั่วไป ไม่ได้เป็นคนใช้ยา หรือรู้จักยา แต่จะเชื่อ และพยายามจะหาเหตุผล มาบอกว่า หมอหรือเภสัช ไม่จำเป็นต้องรู้จักยาทุกอย่าง ยานี้ อาจจะมีจริงๆ แต่ แปลกที่กลุ่มหลัง นี่ไม่ยักคิดว่า แม้หมอหรือเภสัชคนนึง อาจจะไม่รู้จัก แต่ทำไม หมอมากมาย และเภสัชมากมาย (หรือเกือบทั้งหมด ) จะไม่มีคนรู้จักเลย ทั้งที่ยาทั้งหลายที่ใช้กัน ก็ผ่านมือหมอ หรือเภสัช ทั้งนั้น อิๆ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 25 มิ.ย. 51 00:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ต่อได้อีกค่ะคุณหมอเจ  เอาแบบชัดๆได้มั้ยคะ อยากรู้จังว่ามีจริงรึปล่าวน่ะ สงสัยมานานแล้วค่ะ  ^^ จากคุณ : *คุณวรมัน* - [ 25 มิ.ย. 51 00:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รอบใหม่ เรื่องเริ่มมาจากห้องชายคา ลามมา blueplanet  ตอนนี้ ลามไปเครื่องแป้ง  ผมท้า (เหมือนกับที่หมอ j เคยท้าพิสูจน์เรื่องไสยศาสตร์ แต่เงินเริ่มน้อยกว่า ไม่ได้รวยเท่านี่หว่า )  สรุปสั้นๆ  ยินดีจ่ายเงิน 10,000 บาททันที ที่ได้ลองยา  และจ่าย 1,000,000 บาท ทันที ที่ได้สูตร  จากนั้น จ่ายอีก 1,000,000 บาท ทุกๆปี เป็นเวลาสามสิบปี    จ่ายให้คนพามา 100,000 บาท ทุกปี เป็นเวลาสามสิบปี เช่นกัน  รายละเอียด ตามบล็อก  http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=roenthai&group=7 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 25 มิ.ย. 51 00:59:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 บางวันจิตใจคนเรามันโดนต้มง่ายๆโดยไม่ได้ต้องใช้ยาเลย ถึงคำตอบเป็นเป็นการคิดไปเอง แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ควรหาคำตอบที่ขยายคำว่าคิดเอาเองให้เจอ คนรวยมีเงินเจอการตลาดดีๆก็พร้อมจะควักเงินซื้อสินค้าที่เกินการใช้งาน ถ้ายามีจริง โจรก็ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นด้วยจิตวิทยา ในเชิงจิตวิทยา มนุษย์พร้อมจะผลักความผิดไปที่สิ่งอื่นๆก่อน ความผิดตัวเองจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่มองเห็นและยอมรับ จากคุณ : หลับตา - [ 25 มิ.ย. 51 01:33:27 A:58.64.62.39 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หุๆๆๆๆๆๆๆ หมอแมวเหมียว ท้าแล้วผมท้าเพิ่มอีก ใครป้ายยา แล้ว มอมยาได้ เลือกเอา Haya สีส้ม  2008 หรือ สีดำ 2005 ที่ตั้งไว้ที่รัชดา ไปได้เลยคันนึง ทันที อิๆ :P :P http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6735885/V6735885.html จากคุณ : -=Jfk=- - [ 25 มิ.ย. 51 01:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อืม ขอเล่าบ้าง เป็นเรื่องของป้าคนนึง ซึ่งรู้จักกับเราดีเลย เพราะบ้านใกล้กัน เรื่องเกิดที่จังหวัดชลบุรีนี่แหละ ซึ่งตอนโน้นเคยเห็นคนเอามาโพสไว้ว่าเป็นชลบุรีเหมือนกัน แต่เหมือนจะเป็นในห้างหรือไงไม่แน่ใจค่ะ ป้าเราคนนี้ มีทองอยู่1เส้น ที่ใส่ติดคอประจำ หนัก 2 บาท แล้ววันที่เกิดเหตุ ป้าแกเล่าว่า ไปซื้อของที่ตลาดผ้า ที่ใกล้ๆกับเฉลิมไทยน่ะค่ะ แล้วก็นั่งทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ แล้วก็มีคนเดินกันมาสองคน มานั่งที่โต๊ะ ด้านหน้า ตอนแรกป้าก็ไม่คิดอะไร แล้วคนหนึ่งในสองคนก็หยิบทองเส้นห้าบาทออกมาจากถุง แล้วก็เริ่มพูดกัน ให้ป้าเราได้ยินด้วย จำไม่่ค่อยได้ ประมาณว่า (สมมุติว่าเป็นคนร้าย A,B) A:เธอ ไม่ได้นะ เราว่าเธอน่ะ เอาไปส่งให้ตำรวจดีกว่า B:ไม่ๆๆ เชื่อเรา เนี่ยเราเอามาแบ่งกันเลย A:มันจะดีเหรอ ฺB:ไหนๆเราก็เจอกันสองคน ก็แบ่งกันเลย A:กี่บาทเนี่ย น่าจะซัก 7-8บาท ฺB:มาๆแบ่งกันเลย A:แล้วเราจะแบ่งยังไง เนี่ย มีตังติดมือมาสามร้อยเอง ฺB:(หันมามองป้าเรา) นี่ เธอๆ ได้ยินเรื่องเมื่อกี้รึเปล่า ป้า:เอ๊ะ เอ่อ อ๋อ อืม B:เธอๆ เนี่ย ช่วยเราหน่อยสิ เด๋วเราแบ่งให้ เราเจอทองมา A:อือ ใช่ๆ เธอพอจะมีเงินมาบ้างไหมล่ะ เราจะได้แบ่งๆกัน ป้า:(ด้วยความโลภ(ป้าบอกเอง)) เอ้อ เจอจริงเหรอ ไหนขอเราดูซิ A:หนักๆแบบเนี๊ย สิบบาทหรือเปล่าก็ไม่รู้ B:เออเธอ งั้นเราไปหาร้านให้ร้านดูกันไหม A:ไปสิๆ ไปด้วยกันเลย แล้วป้าเราก็เดินตามไป จนถึงร้านทอง พอเอาทองให้ชั่งดูก็ปรากฏว่าเป็นทองแท้ขนาด 5 บาท เท่านั้นเอง แล้วเดินออกมาจากร้าน  มาปรึกษากัน โดยให้ป้าเราเป็นคนถือทองไว้ (ทองใส่อยู่ในถุงทึบที่มีหูหิ้ว) A:จะขายเลยดีไหม แล้วเอาเงินมาแบ่งกัน ฺB:บ้าเหรอ ทองดีขนาดนี้ ขายไปก็เสียดาย A:งั้นไม่ขายละกัน B:ชั้นมีอยู่พันเดียว เธอมีเท่าไหร่ ป้า:ชั้นมีสามพัน B:แล้วนาฬิกาเธอล่ะเท่าไหร่ ป้า:ประมาณหมื่นบาท A:เอางี้ไหม เด๋วเธอเอาทองไป แล้วให้เงินกับ นาฬิกาชั้น ป้า :แต่งินชั้นมีแค่ห้าพันเอง ฺB:แล้วทองที่คอเธอหละเท่าไหร่ ป้า:ทองชั้น2บาท ฺB:เอางี้นะ เด๋วเธอเอาทองเส้นใหญ่ไปนะ แล้วเอาของเธอให้ชั้น แล้วเด๋วชั้นกดเงินคืนให้เธอห้าพันละกัน หลังจากนั้น A ซึ่งได้นาฬิกากับเงินไปก็แยกไป เหลือป้ากับB ก็ขึ้นรถสองแถวแดง มาลงที่รพ.ชลบุรี เพราะBบอกว่า จะมาเยี่ยมญาติ แต่เราว่ามาที่ลับตาล่ะมั้ง ระหว่างทางป้าว่า ชวนคุยตลอด แล้วก็พาป้าไปนั่งส่วนที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน แล้วก็ให้ป้า เรานั่งรออยู่ เด๋วเค้าจะไปกดเงินมาให้ โดยฝากทองไว้กับป้าเลย แล้วขอทองไปก่อนบอกว่ากลัวเด๋วป้าหนี เสร็จแล้ว ป้าก็นั่งๆไป ซักครึ่งชม. เห็นว่ายังไม่มา ก็เลยคิดว่า มันแปลกๆแล้ว เลยเปิดถุงดู ปรากฏว่า อ้าว กลายเป็นกำไลเด็กเล่น ได้ไงไม่รู้ ซึ่ง เค้าให้ถุงป้าถือตลอด แต่ไม่รู้ใช้วิธีการไหน ถึงได้สลับเอาทองจริงอออกไปแล้ว เสร็จแล้วป้าก็เลยไปแจ้งความ ตำรวจก็ลงบันทึก แล้วก็บอกว่า มีคนมาแจ้งหลายรายแล้ว แต่ยังจับไม่ได้ วิธีการจะต่างกันไปเรื่อยๆ แต่ป้าเราบอกว่า ไม่ได้ง่วงนะ แต่ งงงง เบลอๆ สงสัยอาจจะงงเพราะช๊อกว่าโดนหลอกก็เป็นได้ แต่ส่วนนึงที่ป้ายอมรับ คือป้าโลภจริงๆตอนนั้น ไม่งั้นก็คงไม่โดนแบบนี้ จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 25 มิ.ย. 51 01:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 . บรรดาหมอๆ เกทับกันเข้าไป . จากคุณ : AbsolutelyTop - [ 25 มิ.ย. 51 01:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เจอหมอเข้าไปสองคน ซีดเลยอ่ะดิ ซีดเลย 555 ผมขอแถมฮอนด้าคลิ้กมือ 2 ให้อีกคันครับ แล้วขอส่วนแบ่งเงินที่ขายยานี่ได้  หน่อยนึงนะหมอ 5555+ จากคุณ : Azureus - [ 25 มิ.ย. 51 01:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 บ้านคุณหมออยู่แถวไหนคะ จะเอายาไปป้ายซะที ... ยาสเน่ห์ อิอิ ล้อเล่นนะคะ ^^ จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 25 มิ.ย. 51 01:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ้อ อีกคำนึงที่พวกเรามักจะได้ยินทุกที ที่เถียงคอเป็นเอ็น คือ "ไม่เจอกับตัวมันไม่รู้หรอก" แล้วที่สังเกตุคือ คนที่ไม่เชื่อก็มักจะไม่โดนด้วยสิ จากคุณ : UVPhenix - [ 25 มิ.ย. 51 03:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ต้องระวังตัวเองครับ  เพิ่งจะได้อ่าน  ขอบคุณครับ จากคุณ : GoogGuu - [ 25 มิ.ย. 51 04:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 25 มิ.ย. 51 05:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาดู รถพี่หมอ... อิอิ เอาง่ายๆนะ ถ้ามันป้ายยา คนที่ป้ายยาต้องมีพฤติกรรมแปลกคือต้องสวมถุุงมือ ถ้าไม่สวม ตัวเองต้องโดนฤทธิ์ยาเช่นกัน แต่ทำไมรายงานการสอบสวนไม่เคยมีระบุถึงถุงมือเลย กรณีเป็นสเปรย์ ก็เช่นกัน มันต้องมีหน้ากากกันไว้ ไม่งั้นก็โดนเอง ถ้าคิดว่ายาป้ายมีจริง ให้เชื่อว่าโดนคาถามหาระรวย ผมว่ายังเป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าซะอีก จากคุณ : bbiggy - [ 25 มิ.ย. 51 05:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทำได้จริงผมเอาไปป้ายมหาเศรษฐีหมื่นล้านไม่ดีกว่าเหรอครับ ป้ายที่ได้แค่ไม่กี่หมื่น คุ้มไหมเนี้ย??? แค่นี้ก็ไม่สมเหตสมผลแล้ว ถ้าทำได้จริง คิดว่าอเมริกาเวลาบุกอีรักหรืออัฟกรา เอายาตัวนี้ไปโปรยเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ ไม่ต้องรบให้เหนื่อยด้วย ?????????? จากคุณ : kanoomtan - [ 25 มิ.ย. 51 07:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ป้ายยาหนึ่ง ผีหนึ่ง เข้าทรงหนึ่ง คนไม่เชื่อไม่เคยเจอ พอไปพิสูจน์ ก็ไม่เจอ แล้วคนที่เชื่อก็จะบอกว่า ก็แกไม่เชื่อ ก็เลยไม่เจอ ฮ่วย จากคุณ : alan the lamb - [ 25 มิ.ย. 51 07:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หรือว่ายาป้ายเนี่ยมีจริง แต่ห้องหว้ากอพยายามปิดบังไม่ให้ห้องอื่นรู้ ห้องโต๊ะเครื่องแป้งจะได้ไม่ระวัง เผื่อหนุ่มๆหว้ากอจะได้ใช้ยาป้ายสาวๆ จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 25 มิ.ย. 51 08:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 24 #20 คนป้่ายยาเค้าใช้คาถานะจังงังตะหาก จากคุณ : ....4จุด - [ 25 มิ.ย. 51 08:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อคืนดึกมาเลยไม่ตอบยาว ตอบตอนนี้เลยแล้วกัน เมื่อพิจารณาจากกระทู้ต้นเรื่องแล้ว ประเด็นแรกคือ ยาป้ายมีจริงหรือเปล่า? เราแยกเป็น 2 ทางคือ 1. ยาป้ายมีจริง แต่ไม่มีใครรู้ ไม่ว่าหมอหรือเภสัชกรในห้องนี้ รวมทั้งนักวิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน Pubmed (PubMed is a service of the U.S. National Library of Medicine that includes over 17 million citations from MEDLINE and other life science journals for biomedical articles back to the 1950s.) 2. ยาป้ายไม่มีจริง เมื่อเราพิจารณาข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ รวมทั้งข้อสัณนิฐานต่างๆนั้น เราก็สามารถใช้ Occam's Razor ตัดตัวเลือกที่ 1 ออกไปได้ ดังนั้นผมเชื่อมั่นว่า ยาป้าย(ที่ให้ผลตามคำเล่าลือ)ไม่มีจริง ประเด็นถัดมาคือ เรื่องในกระทู้นั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่? เราก็แยกออกมาได้สามทางเลือกคือ 1. เกิดเหตุการณ์อย่างที่เล่าไว้ขึ้นจริง 2. เกิดเหตุอย่างอื่นแต่เล่าอย่างที่เล่าไว้ในกระทู้นั้นเพื่อปิดบังว่าตัวเองเสียรู้ 3. ไม่ได้เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น ซึ่งถ้าเราพิจารณาจากว่า จขกท นั้นยืนยันว่าเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ได้ฟังมาจากคนอื่น ผมคิดว่าเราสามารถตัดข้อ 2 ออกไป เพราะถ้าอยากปิดบังก็คงไม่เข้ามาเล่าตั้งแต่ต้น และผมก็ไม่คิดว่าจขกทโกหก ดังนั้นเราตัดตัวเลือกที่ 3 ออกไป ในที่นี้ผมเชื่อว่าเกิดเหตุการณ์ตามที่เล่าไว้ในกระทู้นั้นจริงๆ แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผมจะเริ่มจากไล่เรียงเหตุการณ์ตาม Testimony ในกระทู้ก็แล้วกันนะครับ 1. เกิดในงานพรีเซลล์  คอนโด เวลาประมาณ 10.00 น มีผู้คนไปเข้าคิวเพื่อจองซื้อมากมาย 2. ผ่านไปซัก 300 กว่าคิว แล้วก็ยังไม่มีชื่อผม ก็มีชาย วัยกลางคน อายุประมาณ 45 ปี  คนนึง มานั่งคุยอยู่ข้าง ๆ ผม 3. ขณะที่กำลังคุยอยู่นั้น ก็มีชายผิวดำ ร่างใหญ่ เดินผ่านมา และก็ยื่อข้อเสนอ x การ์ด ซึ่งเป็นส่วนลดในการจองห้องชุด มาในราคา 500 บาท 4.  ระหว่างที่นั่งรอนั้น ก็นั่งกันทั้งหมด 3 คน  มีผม  ชายร่างเล็ก  และ ชายผิวดำ ก็คุยกัน สัพเพเหระ ทั่ว ๆ ไป 5. เขามาหย่อนบัตรคิวรอบแรกไม่ทัน ........... เขาจะขอเข้าไปซื้อพร้อมผม จะได้ลัดคิวในการรอได้ ไอ้ผมก็คนดี ก็ตอบว่าได้ครับ 6. เวลาผ่านไป ครึ่งโมงกว่า ๆ ชื่อของผมก็ดังขึ้น ได้คิว ประมาณ 600 กว่า ๆ 7. เมื่อมาถึงโต๊ะ ผมนั่งเลือกห้องกับ พนง.ชายร่างเล็ก น่งอยู่ทางขวามือผม ชายผิวดำซึงยืนอยู่ด้านหลังผม ขณะนั้นเอง ผมเริ่มมีอาการ คอแห้ง มือสั่น มึน ๆ หัว แต่สติของผมยังครบ แต่สั่งการได้ช้า 8. ขณะนั้น ชายร่างเล็กสะกิดผมบ่อยมาก ที่ข้อศอก รวมทั้งชาย ผิวดำที่ยืนข้างหลังก็สะกิดผมเช่นกัน 9. ตอนเดินออกมาจากห้องที่ ชายร่างเล็กก็ถามผมว่า ไปยัง แล้วก็ก้าวขาไปอีกทางซึ่ง ตรงข้าม กับทางที่จะไปทำการจอง 10.ผมก็ยิ้มแล้วบอกให้เขาเดินไปทางที่จะจ่ายเงิน ดาวน์และผมก็ควักเงิน จำนวน 500 ให้ชายผิวดำ ซึ่งก็คือ ไล่ ๆ ให้เขาไปเพราะเขาตัวใหญ่ ผมก็หวั่น ๆ เขาอยู่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อเข้ามาที่ห้องทำสัญญาจอง ผมก็ชิ่งจากชายร่างเล็กทันที  เพราะผมเริ่ม มึน ๆมากแล้ว กลัวสติหลุดไป เหมือนกัน ผมก็ไปทำสัญญาเสร็จเรียบร้อย ตอน เซ้นชื่อ นี่ มือสั่นเลยครับ แรงก็ไม่ค่อยมี พูดจาก็ไม่ค่อย รู้เรื่อง แต่สติยังครบ ผมถือว่า Testimony นี้เชื่อถือได้ และไม่ขัดแย้งถ้าเราถือว่าไม่มียาป้ายที่ว่าจริง ถ้าจะให้ผมอธิบายว่ามันเป็นไปได้ยังไงผมเชื่อว่า (ในกรณีที่ไม่โดนยา) เกิดจาก Anxiety ครับ หรือถ้าจะให้ระบุชัดเจนคือผมคิดว่าน่าจะเป็น Panic Attack ( http://en.wikipedia.org/wiki/Panic_attack ) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่มีตกอยู่ใต้ความเครียดเป็นระยะเวลานาน หรืออยู่ในภาวะกลัว ถ้าลองอ่านจาก Testimony ผมเห็นว่า เขาสงสัยคนสองคนนั้นมานานแล้ว ตั้งแต่พบกันเลยทีเดียว "แต่ที่ผิดสังเกต คือผมคิดในใจ ว่าทำไมชาย สองคน นี้ ถึงสนใจผมเป็นพิเศษ ทั้งที่พึ่งจะรู้จักกัน และชายผิวดำก็ดูสนใจผมเป็นพิเศษ" ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ที่การต้องอยู่กับคนที่เขาสงสัยเป็นระยะเวลานาน (ตั้งแต่คิวที่ 300 ถึงคิวที่ 600) อาจจะก่อให้เกิด Panic Attack ไำด้โดยไม่รู้ตัวครับ อาการของ Panic Attack ก็มีหลายอย่าง ผมจะยกมาที่เห็นว่าตรงกันก็แล้วกันครับ Physical    * Dizziness or vertigo    * Lightheadedness    * Tingling or numbness in the hands, face, feet or mouth (paresthesia)    * Trembling or shaking    * Exhaustion    * Feeling of physical weakness or limpness of the body Mental    * Loss of cognitive ability in general    * Feeling out of control Perceptual    * Heightened senses    * Feeling of loss of free will, as if acting entirely automatically without control จากคุณ : Nexus - [ 25 มิ.ย. 51 08:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมยังยืนยันว่า ถ้าสาวล่องหนคนนี้มาป้ายเองละก็ ทั้งหมอเจฯ หมอแมวเหมียวฯ  ต้องยอม ..... โดยไม่มีเงื่อนไข จากคุณ : 447 - [ 25 มิ.ย. 51 08:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วิธีการแก้ไขหรือป้องกัน Stand up Speak up ครับ ถ้าไม่ชอบก็บอกไปเลยว่าไม่ชอบ หรืออยากอยู่คนเดียว หรือยังไม่อยากคุยกับใคร ขอเป็นส่วนตัว อะไรก็ว่าไปครับ ต้องกล้าพูดกล้าทำ ถ้าไม่ชอบเขา สงสัยเขาแล้วจะคุยทำไมตั้งนานสองนาน จากข้อเขียนที่ว่ามาก็เห็นแล้วว่า คนเขียนไม่ได้มองสองคนนั้นในทางดีตั้งแต่ต้นเลย เราไม่รู้ความจริงว่าสองคนนั้นเป็นอย่างที่ว่าหรือเปล่าเพราะสิ่งร้ายๆต่างๆเป็นการสัณนิษฐานทั้งนั้นเช่น คาดจากการชวนสูบบุหรี่ว่า "ชายผิวดำ ก็ได้ทำการเช็คว่า มันเป็น ซองบุหรี่ หรือ โทรศัพท์ หรือเปล่า" หรือใช้คำว่า มุข ในประโยคนี้ "การที่พวกเขามานั่งอยู่กะผมได้ตลอดเวลาเพราะเขาใช้ มุข" รวมถึงอึดอัดเพราะเชื่อว่าเขาคิดไม่ซื่อ (ถ้าเป็นผม ผมก็ปฎิเสธไปแล้ว เชื่อว่าเขาคิดไม่ซื่อจะไปอยู่กับเขาทำไม?) ตอนนี้ผมเริ่มอึดอัดมาก เพราะเริ่มมีความมั่นใจได้ในระดับนึงว่า ชายสองคนนี้น่าจะคิดไม่ซื่อกะผมแน่ ๆ ถ้ารู้ตัวทำไมไม่เรียก รปภ ตั้งแต่ตอนนั้นล่ะครับจะได้จับได้คาหนังคาเขา ยาป้าย(ถ้ามี) ก็คงอยู่ในตัวนั่นแหละ "ผมรู้ตัวแล้ว ว่า โดนวางยา แน่ แต่ยังไม่มีหลักฐาน" ผมถึงเชื่อว่าน่าจะเป็น Panic Attack มากกว่า จากคุณ : Nexus - [ 25 มิ.ย. 51 09:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28 กระทู้แนวๆ นี้มาเรื่อยๆ จริงๆ แหะ ถ้ามียาป้ายจริงๆ ป้ายเศรษฐี น่าจะคุ้มกว่านะ -..- ไม่ก้อ ไปป้ายหมอเจ ก้อหมอเหมียว ฯ เลยยยย อิอิ จากคุณ : vn, man - [ 25 มิ.ย. 51 09:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มารอดูว่าจะมีคนมารับคำท้าไหม จากคุณ : Marine Red - [ 25 มิ.ย. 51 10:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 30 IRQ5 :  ผมมียาป้ายครับ 555  ผมประกาศไว้ในที่นี้แหละ   แล้วผมจะป้ายลากสาวๆหนุ่มๆ ไปข่มขืนซะวันละ คนสองคนทีเดียว   นอกจากนั้นยังมียารมควันด้วย พร้อมบัตรขับขี่แท็กซี่ วันไหนว่างๆ ก็ขับแท็กซี่หาเหยื่อนะครับ สาวๆ : กรี๊ด ไอ้โรคจิต หนุ่มๆ : เฮ้ย มันจะเอาหมดเลยเหรอไงวะ  ทำไมไม่เอาไปป้ายเศรษฐีหาตังซะเลยหละวะ IRQ5 : ก้อ ตูโรคจิตไง ผมประกาศแล้ว คราวนี้เชื่อกันแล้วชิมิ ว่ามีจริง 5555 เวลาผ่านไป สาวๆ ยังคงใส่สายเดี่ยว เดินเดี่ยวเช่นเดิม ผับบาร์ยังแน่นขนัด ขึ้นแท็กซี่ฉายเดี่ยวกันทั่วไป หนุ่มๆ ดำรงชีวิตปกติ --------- ลองถามตัวคุณเองถ้าคุณเชื่อ     คุณจะป้องกันตัวเองแบบไหน ถ้ามีคนเชื่อจริง คงเป็นคนที่ผมนึกว่าแขกมาเที่ยวประตูน้ำหนะครับ ใส่ไอ้โม่งปิดถึงข้อมือ ในถุงมือถุงแขน  ไปไหนมาไหนเป็นกลุ่ม ลองถามสาวๆที่เชื่อนะครับ ว่าวันนี้เค้าป้องกันอะไรแล้วหรือยัง หรือคิดแต่ว่าจะโชคดี สังเกตุอาการทันแบบคนที่กลับมาเล่าได้ ถ้าหากมีซัก 5 คนที่เชื่อและป้องกันตัวให้ดู ผมถึงจะเชื่อครับ ว่ามีคนเชื่ออย่างจริงจัง ปล หมอแมวเหมียว   แอบงกหงะ  ให้ส่วนแบ่งปีละ ล้านเองเหรอ ผมว่าซัก 20% ดีมั๊ยเนี่ย จากคุณ : IRQ5 - [ 25 มิ.ย. 51 10:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กระทู้นี้มีมาที่รู้จักๆ ก็สามหมอแล้ว พี่หมอเจ ผมขอท้าครับ แต่เป็นยาอีนะ   เดี๋ยวจะให้ อี มอมซะให้เข็ด   จากคุณ : ขอชื่อที่รักจ๋า ณ พันทิป - [ 25 มิ.ย. 51 11:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ Nexus ที่ว่า Panic Attack เนี่ยอ่านจากที่อธิบาย คือเราทำตัวเองเอง ชะมะครับ คิดไปเองว่าตกอยู่ในอันตรายจนทำให้เกิดอาการต่างๆ ชะมะครับ ผมเข้าใจถูกป่าวหว่า เคยตอนเป็นเด็ก รถล้มแม่พาไปล้างแผล แบบว่าเจ๊บมาก แล้วก็เกรงตลอดเวลา บางที่หมอยังไม่ได้แตะอะไรเลยก็เกรงไว้ก่อนอะครับ พอล้างเสร๊จแบบ ว่าไม่มีแรงเหนื่อยมากๆ ทั้งทีไม่ได้ขยับเขยื่อนเลย นั่งให้หมอล้างแผลเชยๆ เหนื่อยเหมือนวิ่งรอบสนามฟุตบอล 100 รอบ อาการเดียวกันมะครับ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 51 11:34:22 จากคุณ : ผ่านมาครับ (Fiarrytan) - [ 25 มิ.ย. 51 11:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ^ ^" เข้ามาดูเหมือนกัน จากคุณ : Choco-Mix - [ 25 มิ.ย. 51 11:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 34 จากคุณ : ช่อเอี้อง - [ 25 มิ.ย. 51 12:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จะลบทำไม มันไม่วิทยาศาสตร์ตรงไหน? จากคุณ : kanoomtan - [ 25 มิ.ย. 51 13:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่รู้เหมือนกันว่าเชื่อหรือเปล่า แต่ก็ระมัดระวังตัวเผื่อไว้เสมอ แล้วก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ไม่น่าปลอดภัย (ก็ไม่อยากเจอด้วยแหละ) แต่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ค่ะ เมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ไปเดินเดอะมอลล์บางกะปิ เข้าร้านขายเสื้อผ้า ขณะกำลังเดินดูของอยู่ ก็มี นส.เอ เดินมาถามว่า เห็นถุงของเค้าบ้างหรือเปล่า เขามาซื้อทองเป็นของหมั้นพี่สาว แล้วลืมวางทิ้งไว้ เราก็ตอบว่าไม่เห็น ท่าทางนส.เอ ร้อนรนมาก เราเดินออกจากร้าน ก็มีนส.บี เดินมาบอกเราว่า ตนเห็นถุงของนส.เอ แต่ว่ามีคนอื่นหยิบไปแล้ว เราก็สงสัยอยู่ว่า แล้วทำไมไม่ไปบอกนส.เอล่ะ มาบอกฉันทำไม แล้วนส.บี ก็ชี้ให้ดู นส.ซี ว่า นี่ไงๆ คนนั้นแหละที่เอาของๆนส.เอไป นส.บีพยายามดึงให้เราไปถามนส.ซี ว่าเอาของๆนส.เอ ไปจริงหรือเปล่า นส.ซี ยอมรับง่ายๆซะงั้น ว่าเอาของๆเอไป และบอกอีกว่า ไม่คืนหรอกเค้าเก็บได้ถือว่าเป็นโชคของเค้า (หน้าดร้านชะมัดเลย) แล้วก็เปิดถุงแง้มๆออกมาดู ให้เราเห็นแว๊บๆว่า เป็นห่อกระดาษสีชมพูขนาดพอประมาณ เหมือนห่อด้วยซองจดหมายสีชมพูแบบที่ร้านทองเค้าใช้น่ะค่ะ (เผอิญญาติทำร้านทอง เลยดูออก) นส.บี ทำเป็นพูดว่าแล้วจะทำไงกันดี น่าสงสารนส.เอ แต่นส.ซีก็ยืนยันว่า ยังไงๆก็ไม่คืน เค้าเก็บได้ ต่อมานส.บีก็พูดว่า ถ้าไม่คืนแล้วจะให้ นส.ซีได้ไปคนเดียวเลยเหรอ แล้วก็พูดเหมือนว่าขอส่วนแบ่งจากซี ในฐานที่เห็น ถ้าไม่อยากให้บีไปบอกคนอื่น ก็ต้องแบ่งให้ด้วย (ชักเข้าเค้าแล้วใช่มั๊ยคะ) ตอนนั้นเราก็ดันยืนฟังเค้าอยู่ได้ตั้งพักนึง ใจก็อยากกลับบ้านแล้วล่ะ เลยบอกไปว่า ไม่เอา จะกลับบ้านแล้ว (ประมาณนี้แหละ) แล้วก็เดินออกมา สักพัก นส.บี เดินตามเรามา แนะนำตัวเองเสร็จสรรพ ว่าเป็นพยาบาล อยู่รพ.รามคำแหง พลางโน้มน้าวว่า น่าเสียดายนะ ปล่อยให้นส.ซีเค้าได้ไปคนเดียวแบบนั้น แต่เห็นน้องไม่เอา พี่ก็เลยไม่เอาด้วย แต่พูดอยู่นั่นแหละ ว่าท่าทางทองจะหลายบาท ซื้อไปงานหมั้นด้วย ฯลฯ คือปากบอกว่าสงสารคนที่ทำหาย แต่ก็ดันอยากได้ของๆเขา พอถึงประตูห้าง เราก็เดินแยกออกไปเลย ระหว่างที่เค้าพล่ามเราไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่ได้รู้สึกวิงเวียน หรือหน้ามืด ใจสั่น แต่ประการใด ปกติดีนี่แหละค่ะ พอกลับไปบ้าน เล่าให้ที่บ้านฟัง แม่ตกใจแทบกรี๊ด ว่านั่นมันแก๊งตกทองแหงๆเลย (เราใส่สร้อยทองห้อยพระ 1บาทเส้นนึง) แถมดุเราอีกว่าไปยืนฟังมันพูดทำไม คือจริงๆแล้วขณะนั้นเราไม่ได้นึกถึงเรื่องแก๊งตกทองอะไรนั่นเลย พอมาฟังแม่พูดแล้วเลยนึกขึ้นได้ ว่าโห ถ้าตอนนั้นโลภอยากได้ของๆคนอื่น ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง แต่อีกอย่างนึง ที่เราว่ามีส่วนช่วยให้เรารอดมาได้ ก็คือ นส.บี ที่อ้างตัวว่าเป็นพยาบาลนั่นแหละค่ะ คือเราไม่เชื่อหล่อน เพราะ "หล่อนปากเหม็นอย่างร้ายกาจ" คือพูดมาทีนี่อยากจะอาเจียน เราคิดแค่ว่า พยาบาลบ้าบออะไรปากเหม็นอิ๊บอ๋าย เลยทำให้เราหาทางเลี่ยงพวกนี้ออกมาได้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 1. อย่าโลภ 2. แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ถ้ามีกลิ่นปากอย่าลืมหาน้ำยาบ้วนปากมาใช้ด้วย จากคุณ : vilandra - [ 25 มิ.ย. 51 14:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ^ ^ ข้อ 2 สำหรับแก๊งตกทองใช่ไหมครับ เหอๆ จากคุณ : ผ่านมาครับ (Fiarrytan) - [ 25 มิ.ย. 51 15:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อยากรู้ว่าในต่างประเทศ มีป้ายยาแบบนี้มั่งไหม หรือว่ามีแต่ที่เมืองไทยที่เดียว amazing Thailand!!! จากคุณ : Canossa - [ 25 มิ.ย. 51 19:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จากคุณ : i_nam - [ 25 มิ.ย. 51 20:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ยาป้ายไม่รู้ครับ แต่ถ้าพวกแก๊สนี่ มีชัวร์ๆ เคยดูสารคดี ที่มีพวกยึดโรงละครรัสเซีย จับคนเป็นตัวประกัน พวกรัสกี้ ใช้แก๊สประสาท อัดเข้าไป ทั้งคนทั้งโจรก็ต่างสลบ แต่พอส่ง รพ. หมอ(ในสมัยนั้น)ต่างก็งง เพราะไม่รู้ประเภทแก๊ส ไม่รู้สูตรรักษา ทำให้ช่วยเหลือไม่ทัน คนตายไปเยอะพอควร คงเป็นความลับทางทหารระดับหนึ่ง ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.bangkokhealth.com/lung_htdoc/lung_health_detail.asp?Number=9265 ถ้าเอาให้ใกล้เคียงว่าเรื่องในกระทู้จะเป็นจริง ก็(คงจะเป็น) นักวิทยาศาสตร์พิสดาร เอาแก๊สมาแปลงอัดให้เหลือในรูปของเหลว ซึ่งก็ไม่ได้ใช้ง่ายๆขนาดเอาไปป้ายแน่ๆ ถ้ามีก็ใครเจอก็เอาไปตบรางวัลกับเหล่าขาเก๋าๆห้องนี้ได้เลยครับ จากคุณ : นัยตาสองชั้น - [ 25 มิ.ย. 51 22:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พออ่านกระทู้นี้นึกได้ เมื่อ15ปีก่อนผมยั่งกินข้าวอยู่  มีเด็กผู้หญิงนั่งคนเดียวสักครู่ก็ร้องให้บอกว่า มีผู้หญิงกลางคนคล้ายแขก (ขอโทษ) บอกมีทองอยู่ขอแลกกับสร้อยคอสองสลึงบนคอเด็ก ใส่ห่อกระดาษให้ด้วย พอกลับมาปิดดูกลายเป็นก้อนหิน (เห็นกับตาตัวเอง) แต่แปลกที่ว่าทำไมเด็กถึงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนโดนยา..และอีกเคสหนึ่ง คนข้างบ้านเป็นผู้หญิงนั่งรถเมล์ที่อนุสาวรีย์ชัย มีผู้หญิงแก่มาจับแขนแล้วบอกว่า ยายขอสร้อยทองที่คอ แล้วเขาก็จำอะไรไม่ได้...เรื่องจริงกับคนใกล้ตัวครับ จากคุณ : งูเล็ก2509 - [ 25 มิ.ย. 51 23:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เอ่อ....เห็นฮายาบุสะแล้วน้ำหก.... อ่ะ งั้นผมเอา น้องยา มาป้ายได้ไหมครับ ป้ายเบาๆ ละมุนละไม ด้วยปลายจมูกก่อน แล้ว............. เอ่อ....ใกล้ทะเลแล้วครับ จากคุณ : granun - [ 25 มิ.ย. 51 23:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมไม่เคยทราบเลยนะครับ ว่า เรื่องป้าย ยา นี่เป็นกระทู้ถกเถียงกันในพันทิป แรก ๆ ผมก็คิดว่าจะมาเล่าในสิ่งที่ได้พบ และเตือน ๆ เพื่อน ๆ ในนี้ ซึ่งคำตอบหลาย ๆ  คน โดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ ดูจะอคติ กะเรื่องนี้เป็ฯอย่างมาก จนถึงกับมีการท้าพนันในสิ่งเหล่านี้ถ้ามีจริง คุณหมอ jfk ผมก็เคยติดตามผลงานของท่านนะครับ ใน สยามนาฬิกา ซึ่งผม เข้าเป็นประจำ รวมถึงข้อมูลนาฬิกาต่าง ๆที่ท่านได้ทำเว๊ป  ไว้ให้เป็นความรู้อย่างดี แต่การที่ท่านตอบนั้น ดูจะออกสนุกไปซักหน่อย รวมถึงหมอคนอื่น ๆ ผมขอชื่นชม ในคำตอบ ของคุณ  nexus ซึ่งวิเคราะห์ได้เป็นอย่างดี และน่ารับฟัง ว่าอาจจะเกิด จาก panic attack ซึ๋งมาจากความระแวง วิตก กลัว สงสัยเกินไป ซึ่ง panic attack นี่น่าจะเกิดได้บ่อย ๆ ในผู้ที่ใช้ยาเสพย์ติด สาร กระตุ้น เช่น ยาบ้า และ ยาไอซ์ ซึ่งจะเก่งในเรื่องประติดประต่อ เรื่องราว และจับคู่ความคิด ของตนกับสิ่งที่ อยู่รอบ ๆ ตัว ให้เกิดเป็นความสงสัย ซึ่งสารเสพติด ได้ไปทำลายสารบางตัว ในร่างกาย ของเราทำให้สมอง เกิดการทำงานผิดพลาด  ซึ่งผมเคยอ่านหนังสือ มาบ้าง และเคยดูสารคดี เกี่ยว กับ สถาบันวิจัย สารเสพติด ในประเทศหนึ่ง ที่ทำการทดลอง กับหนู  และให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ซึ่งเข้าใจง่ายกว่าที่ผมเล่าครับ ผมก็เอาคร่าว ๆ ที่จำได้นะครับ รวมทั้ง บุคคลใกล้ชิด และพบเจอ มา ในเคสนี้ผมก็พอเข้าใจ เพราะรับยาไปตรง ๆ เหตุการณ์ที่เกิดชึ้นผมไม่เถียงครับ ถ้าจะเกิด panic attack กับผมจริง ผมขอชีแจงเกี่ยวกับ สภาวะทางอารมณ์ขณะนั้นของผมนิดหน่อยนะครับ เผื่อจะได้เป็นข้อมูลของหมอหลาย ๆท่านในห้องนี้ ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอครับ เวลาเจอคนแปลกหน้า และก็ไม่ได้สงสัย ชายสองคนนี้ตั้งแต่ต้น ขณะที่รอผมก็ไม่ได้เกิดความเครียดใด ๆ เพราะอากาศ ยังไม่ร้อน ใจผมตอนนั้น จองได้ก็ได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะผมไว้เกร็งกำไร ไม่ได้คิดอยู่เอง จนถึงเขายื่นบัตร ส่วนลดในการจอง 20 000 ผมก็ยั้งเฉย ๆ ครับ เพราะคิดว่าอนาคตคงได้มากกว่านี้ และยังคิดว่าคงไม่ได้จองในห้องที่ ตั้งใจไว้ เพราะคิว ผ่านไปเยอะแล้ว จนผมคิดจะกลับบ้านแล้วครับ แต่ผมเป็นคนช่างสังเกต ครับ จับผิดคนเก่ง คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวผมส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีใครโกหกผมได้ครับ ถ้าผมเค้นความจริง ส่วนใหญ๋ก็ยอมรับ ก็ทางตำรวจเขาก็มีสอนกันหนิครับ ผมก็ผ่าน ๆ หู  มาบ้าง ใช่ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ว่ากันไป แต่ขอย้ำ ผมไม่ใช่คนมองอะไนในแง่ร้าย และใจเย็นพอสมควร การที่ผมเริ่มเกิดความสงสัย นั้นยอมรับครับ แต่ความกลัวนี่ไม่มีแน่นอนครับ เพราะยังไม่อยู่ในสถานะการณ์ที่สุ่มเสี่ยง หรือ ล่อแหลม ใด ๆ  ก็แค่อยากรู้ เลยดู ๆ ไป เพราะนาน ๆ จะได้เจอกับตัวเองซะที จะได้เอาไว้สอนลูกหลานได้ครับ คือบางครั้งผมรู้สึกสนุกที่อยู่ในสภาวะที่กดดัน หรือบีบบังคับ ซึ่งมันเป็นสิ่งท้าทาย ดีสำหรับผม และลองเอาตัวรอดมาให้ได้ โดยใช้สติ หรือการลำดับความคิด อย่างมีเหตุและผล ซึ่งมันเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่ เด็ก ๆ และทุกอย่างก็ผ่านมาได้ โดยผมก็มี ความคิดว่าทุกสิ่ง ไม่มีทางตัน มันมีทางออกเสมอ อยู่ที่ว่าจะหาเจอหรือเปล่า สิ่งที่ยืนยันความคิดของผมเรือง ว่าโดน ป้ายยา นี่คื่อ 1.การที่เขาสะกิดตัวผมครับ และไม่เกิน 2-3 นาที ผมจึงมีอาการเพราะก่อนหน้าน้น ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างใด ๆ เลยทั้งสิ้น ซึ่งที่ผมจำได้คร่าว ๆ ว่ามีการ สะกิดที่ข้อศอก ผม ประมาณ 4 ครั้ง ได้ครับ ในเวลาติด ๆ กัน สิ่งนี้ถ้าเกิดจากความสงสัย จนส่งผมกับร่างกาย ของผมเอง ก็ แล้วแต่ จะวิเคราะห์ครับ 2การที่เขาชวนผมไปอีกทางนี่ก็เป็นสิ่งนึงที่ชัดเจนครับ ซึ่งมาจากคำพูดของเขา และผมก็ได้ยินกับหู และเห็นกับตาว่า เขาจะเดินไปอีกทางจริง ซึ่งสิ่งนี้ผม ไม่ได้เกิดระแวงขึ้นมาเอง 3อาการที่เกิดขึนกับผม ตั้งแต่เกิดมา ถ้าเป็นผลมาจากความเครียดหรือความกลัว นี่ผมไม่เคยเป็นครับ อาการ มันเหมือนกับคนเมาเหล้า และพูดจาสื่อสารกับคนอื่น ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่อง ทั้งที่เราคิดได้ แต่ทำไม่ได้ ผมไม่เคยเป็นครับ ผมเป็นคนสุขภาพร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิต ก็ไม่ค่อยมีความเครียด โลกนี้ยังเป็นสิ่งสวยงามสำหรับผมเสมอครับ 4 การที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า คนหนึ่งในสองคนที่ผมเจอ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัย เขาเจอ มา สองงานแล้ว นี่เป็นงานที่ สาม ผมจะไม่ขอกล่าว ถึงรายละเอียด เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมสังเกตุ ได้ ซึ่งผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ครับ แต่มันเป็นสิ่งที่ประการณ์ผมสั่งสมมา กระทู้นี้ผมแค่ขอความคิดเห็น จากผู้ที่มีความรู้ทั้งหลาย ไม่ได้มาชวนใครทะเลาะนะครับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม และมีการถกเถียงกันอาจมีประโยชน์กับผู้อื่น และผู้ที่เป็นหมอ และรวมทั้งตัวผมได้บ้าง ไม่มากก็น้อย และขอย้ำว่า ผมไม่ได้เป็นพวกที่หาข้อมูลมาสนับสนุนความคิดของตนเองนะครับ ปล. สุดท้ายนี้มีอีกเคสนึง คือในตอนแรกผมได้ดื่มน้ำจากเขาจริง ซึ๋งตอนนั้น ผมยังไม่ได้สงสัย แต่ผมก็มองดูว่าแก้วปิดสนิท และเขาก็ยื่อหลอดมาให้ ผมสองหลอด  และผมก็คืนเขาไปหลอดนึง ดูจนเขาใช้กินน้ำแล้ว ผมจึง ค่อยใช้หลอด ดื่มน้ำตาม ซึ่งก็ห่าง จากเวลาที่ผม เกิดอาการประมาณ ครึ่ง ช.ม. กว่า ถ้าในน้ำมียา และ เขาใช้ยาอีกตัวมาป้าย ที่ศอกเพื่อกระตุ้นยาที่ผมได้ดื่มไป อันนี้ผมพอรับได้ครับ สมเหตุสมผล แต่การที่เขาจะวางยาในน้ำอย่างเดียว ผมไม่ค่อยเชื่อครับ เพราะว่าเขาไม่สามารถ ระบุเวลาที่แน่ชัดได้ ว่ายาจะไปออกฤทธิตอนที่ผมเลือกห้องได้เสร็จ ตอนไหน เพราะเขาไม่รู้ คิวในการเข้าไปจองของผม .......... ขอโทษทุกท่านที่พิมพ์ซะยืดยาว  ไม่เครียดกันนะครับ....... จากคุณ : จขกท (ปลาวาฬดิน) - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 03:09:42 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ อีกนิดนะครับ หวังว่า คงจะตอบกับรายละเอียดที่ผมได้ชีแจงไปบ้างนะครับ จะแก้ต่าง ยังไงก็ไม่ว่ากันครับ แต่อย่ามุ่งประเด็นไปที่น้ำอย่างเดียว แบบ ฟันธง มันไม่ได้ช่วยแก้ข้อสงสัย ใด ๆ ได้เลยครับ จากคุณ : ปลาวาฬดิน - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 03:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 45 . . . โดนป้ายยา . . . จากคุณ : MIG-ON-THE-WAY - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 05:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 46 . . . มีจริงจริง . . . จากคุณ : MIG-ON-THE-WAY - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 05:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สิ่งที่อธิบายไม่ได้คือทำไมหมอทุกคนที่ผมรู้จักไม่รู้จักยานี้? ทำไมรายงานการวิจัยจากทั่วโลกไม่พูดถึงยานี้? ถ้ามันวิเศษได้ขนาดนี้จริง เอาไปขายบริษัทยาได้เงินมากกว่าเอามาป้ายตกทอง ตกเงินเป็นไหนๆ ยาดีขนาดนี้จะเอาสักสิบล้าน ร้อยล้าน ก็ไม่เรียกว่ามากเกินไป ทำไม? เท่าที่เห็นก็มีคน(อ้างว่า)โดนไปตั้งหลายราย ทำไมไม่มีสักคนรับคำท้าของคุณหมอ? เห็นไหมครับอย่างที่ผมบอก มันมีสองทางคือหนึ่ง มันเป็นยาที่หมอทั่วโลกไม่รู้จัก หรือสอง มันไม่มียาอย่างที่ว่า คุณว่าอย่างไหนมันสมเหตุสมผลมากกว่ากัน? อ้อ คุณบอกว่าเขาจองข้างๆคุณ ลองตรวจดูจากการจองสิครับ ถ้าเขาจองห้องก็ควรจะมีชื่ออยู่ใช่ไหมครับ? แล้วคูปองส่วนลดนั่นมันมี ID อยู่หรือเปล่า น่าจะตรวจสอบได้ว่า Issue ออกไปให้ใคร จากคุณ : Nexus - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 07:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณปลาวาฬอยากได้เงินคืนไหมครับ?  ไม่ใช่ได้คืนแค่ห้าร้อยบาทที่เสีย  แต่ได้คืนเป็นแสน! เป็นล้าน!  แค่ไปตามหาคนสองสามคนนั้น ที่คุณปลาวาฬแน่ใจ(ฟันธง) ว่า เป็นมิจฉาชีพ  พาเขา ให้มาพบผม พร้อมกับสิ่งที่คุณปลาวาฬฟันธงว่าเป็นยาป้าย ทำให้สติเลอะเลือน  แค่นั้น คุณปลาวาฬก็มีสิทธิได้รับเงินแสนแล้วครับ  ถ้าคนสองสามคนนั้น คิดว่า ผมเป็นสายตำรวจ เพื่อหลอกจับ ฯลฯ  ผมยินดีบอกชื่อจริง และหลักฐานค้ำประกัน (รับรองว่า เชื่อถือได้เกิน 100%) ว่า  ... ถ้ายาป้ายนั้นเป็นจริง และมอบยา/สูตร ให้ผมทดลอง(อย่างเปิดเผย) ภายใต้เงื่อนไขที่ผมกำหนด(อย่างเปิดเผย) ... จนนำไปใช้ได้จริง  ผมจะใช้เงิน ฐานะ ศักดิ์ สิทธิ์ เส้นสาย เพื่อนฝูง ฯลฯ วิ่งเต้น ล็อบบี้ วิงวอน ขอร้อง ...  ทำทุกอย่าง ... เพื่อให้คนกลุ่มนั้น พ้นจากทุกคดีความผิด(ที่เกิดจากการใช้ยาป้ายตัวนั้น) อันไม่ใช่คดีอาญาร้ายแรง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 07:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ใครลบทู้นี้ ให้สงสัยว่าเป็นพวกแก๊งค์ป้ายยา....... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 09:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณแมวเหมืียวฯ ผมขอแบ่ง % ด้วยคนได้ไหม เอาสัก 0.5%/ปี จาก Patent Fee ก็พอ ยินดีจ่ายปีละ 100000 บาท ^^ เอากำไรเกินไปหรือเปล่าตู แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 51 11:30:59 จากคุณ : Nexus - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 11:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 51 "แต่อย่ามุ่งประเด็นไปที่น้ำอย่างเดียว แบบ ฟันธง มันไม่ได้ช่วยแก้ข้อสงสัย ใด ๆ ได้เลยครับ " คุณนั่นแหละครับ ที่มุ่งประเด็นไปทาง ป้ายยาซะอย่างเดียว ไม่ลืมหูลืมตา ไม่ได้ฟังคนอื่นพูดเอาซะเลย ถ้าสงสัยว่าโดนป้าย แล้วได้เอา "ยา" บริเวณ ที่โดนไปทดสอบหรือยังครับ ไหนมั่นใจว่าโดนป้ายแน่ๆ ก็น่าจะแน่ใจ ว่ามีตัวยาอยู่ที่ข้อศอกสิครับ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 18:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไปถาม วิน เอี่ยมอ่องเอา เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย - -'' จากคุณ : มังกรน้ำลายไหล - [ 27 มิ.ย. 51 20:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 53 งงกับเจ้าของกระทู้ ปลาวาฬดิน ใน คห 43 เหมือนกัน ในนี้ไม่ได้มีใครทะเลาะกันซะหน่อย มีแต่เข้ามาให้ความรู้กันมากกว่า มาเหมารวมว่าทะเลาะกันซะนี่ ทำให้ผมวิเคราะห์ได้อย่างหนึ่งว่า อาการวิตกจริต ทำให้คนเราเกิดอาการเครียดได้ ผมว่าคุณให้เงินเขาไปเพราะกลัวจะโดนเค้าอัดมากกว่ามั้ง จากคุณ : praphrut608 - [ 29 มิ.ย. 51 00:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ... ปิดกระทู้ได้แล้วมั้งครับ  คลิ้กเก็บเข้าคลังเถอะ .. คราวหน้าจะได้ไม่ต้องตอบกันอีก  ว่าแต่ .. เอ่อ ... ทำไมคนที่อยากจะลงขันจ่าย มันเยอะนักหว่า  โห .. นี่ถ้าเจ้าของยาป้ายนั่นรู้ ... เอามาขาย .. ป่านนี้ คงรวยพุงปลิ้นแล้วปลิ้นอีก  (ปล่อยให้ผมรวยพุงป่องอยู่คนเดียว อิอิ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 29 มิ.ย. 51 11:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาทดลอง... จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 29 มิ.ย. 51 18:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 56 จำได้ว่ามีคนที่มีอาชีพแบบนี้มาออกtvนานเเล้วเรื่องนี้มีเถียงกันมาเป็น20ปีได้เเล้ว เเล้วเขาบอกเองเลยว่ามันไม่มีๆๆๆๆมีเเต่คนจิตอ่อน หรือเพลนิคง่ายๆ กับ พวกโลภมาก แล้วอีกอย่างที่เขาบอกคือพวกมอมยาปล้นหรือตกทองเนี่ยเขาบอกเองว่ามันง่ายมากๆ เพราะคนที่โดนไม่บอกหรอกว่าโดนหลอกเพราะอายค่ะ  ยิ่งถ้ารทำกับคนละโมบเเล้วยิ่งไม่กล้าบอกหรอกว่าชั้นอยากละโมบเลยโดนหลอก ลองสังเกตนะคะบุคคลที่มาดดยประสงศ์ร้าย มักจะมีอะไรที่นำเสนอทางด้านเงินทองที่เหยื่อมักจะต้องสนใจเเค่นั้นเองง่ายๆค่ะ จากคุณ : doong - [ 30 มิ.ย. 51 01:13:00 ]