ความคิดเห็นที่ 1 ปี 52 เตรียมถอยรถยนต์พลังลม (The Air Car) มาใช้ได้แล้วครับ บทความโดย : อาคม จากคุณ : ruddy01 - [ 29 มิ.ย. 51 05:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรมากครับ เพียงแต่จะหาวิธีการใดมาลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมัน ส่วนการเพิ่มรายได้นั้นก็คงต้องปวดหัวกันอีกหลายยก เอาละครับ วิธีเดินทางด้วยพลังงานสะอาด และประหยัดมีหลายวิธีการ ทั้งเดิน และปั่นจักรยาน กระทั่งการพยายามประดิษฐ์เครื่องยนต์พลังลมอัด แต่ที่ประสบความสำเร็จจนถึงการนำไปใช้เชิงพาณิชย์แล้วก็คือคุณ Guy Negre ชาวฝรั่งเศส ซึ่งใช้เวลาในการวิจัยพัฒนาประมาณ 14 ปี ผลผลิตจะอยู่ในรูปของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์พลังลมอัดเพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รถชนิดนี้ใช้ได้ดีในเมืองเพราะไม่มีมลพิษกรณีใช้ลมอัด หรือมีมลพิษน้อยลงกรณีใช้ร่วมกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน จากคุณ : ruddy01 - [ 29 มิ.ย. 51 05:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เสียงเครื่องยนต์จะเบามาก ขณะรถติดจะไม่มีการใช้พลังงานเลย องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จอยู่ที่การออกแบบกระบอกสูบ-ลูกสูบให้ทำงานที่ความดัน 2 ระดับให้มีประสิทธิภาพสูง ถังลมมีปริมาตร 90 ลูกบาศก์เมตร เก็บลมอัดที่ความดัน 300 บาร์ (ประมาณ 300 เท่าของบรรยากาศ) ระบบนี้เป็นจริงได้เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีเส้นใยคาร์บอน (Carbon fiber) ที่ทำให้สามารถผลิตถังที่มีความแข็งแรง ปลอดภัยจากการเกิดระเบิด และมีน้ำหนักเบามาก ระบบควบคุมเป็นอีกปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ รถชนิดนี้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงานเกือบทุกระบบ การควบคุมลมที่ป้อนเข้าสู่เครื่องยนต์ใช้ระบบการกระจายเชิงอิเล็กโตรแมกเนติกส์แบบง่าย มีการติดตั้งมอเตอร์และอัลเทอร์เนเตอร์ (Electric motor-alternator) ขนาด 5 กิโลวัตต์ไว้ที่ล้อช่วยแรง (Flywheel) ขณะเบรกจะมีการผลิตไฟฟ้าไปเก็บไว้ใช้ต่อไป จากคุณ : ruddy01 - [ 29 มิ.ย. 51 05:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในอนาคตหากมีการใช้รถประเภทนี้จำนวนมาก จะมีสถานีเติมลมในลักษณะเดียวกับสถานีเติมก๊าซ LPG หรือ CNG (Compressed natural gas) ที่นิยมเรียก NGV (Natural Gas Vehicle) ในบ้านเรา ในกรณีที่ยังไม่มีสถานีเติมลม มีการติดตั้งระบบอัดลมเข้าถังที่ใช้ไฟฟ้าเป็นตัวขับมาด้วยแล้ว ระยะเวลาในการอัดลมจะประมาณ 5.5 ชั่วโมงเมื่อใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ หรือ 3.5 ชั่วโมงเมื่อใช้ไฟฟ้า 380 โวลต์  หากคิดเป็นกิโลเมตรละประมาณ 50 สตางค์ จากคุณ : ruddy01 - [ 29 มิ.ย. 51 05:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ล่าสุดบริษัท Tata Motors บริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย ประกาศผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานลมในการขับเคลื่อน โดยจะทยอยนำส่งเข้าสู่โชว์รูมในปี พ.ศ. 2552  รถยนต์พลังลม หรือ AirCar นี้ ใช้การปล่อยอากาศจากระบบบีบอัดอากาศด้วยความดันสูง โดยอากาศที่ปล่อยออกมาจะทำหน้าที่หมุนเพลา ทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ โดยการเติมอากาศ สามารถเติมได้ตามสถานีอัดอากาศด้วยราคาไม่แพง โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ประมาณ 200 กิโลเมตรต่อการเติมอากาศหนึ่งครั้ง จากคุณ : ruddy01 - [ 29 มิ.ย. 51 05:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 MINICAT’s L l h P nb places CU Vitesse km/h autonomie en cycle urbain autonomie à 60 km/h CITYCAT’S Berline 3,84 1,72 1,75 750 6 500 110 200 240 Taxi 3,84 1,72 1,75 750 4+1 500 110 200 240 Fourg 3,84 1,72 1,75 690 1+1 550 110 200 240 Pick-up 3,9 1,72 1,7 650 2 550 110 200 240 MINICAT’S Mini 2,65 1,62 1,66 550 3   110 150 170 จากคุณ : ruddy01 - [ 29 มิ.ย. 51 05:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 บริษัทผู้ออกแบบรถยนต์พลังลมคันนี้ คือ บริษัท MDI จากประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งให้สิทธิบัตรแก่ TATAในการผลิตรถยนต์พลังลมในประเทศอินเดีย โมเดลแรกของTATA CityCAT ตั้งราคาไว้ประมาณ 400,000 บาท  โดย TATA หวังไว้ว่าจุดเด่นของ CityCAT ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศ และราคาไม่แพง จะทำให้รถพลังลมรุ่นแรกนี้ จะทำยอดขายได้ดีในตลาดอินเดีย และแน่นอนตอนนี้ Tata Motors กำลังรุกตลาดกระบะไทยอย่างหนัก คาดว่าปีหน้าคงนำรถพลังลมมาเปิดตลาดที่เมืองไทยแน่นอน จากคุณ : ruddy01 - [ 29 มิ.ย. 51 05:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 http://www.oknation.net/blog/akom/2007/06/15/entry-2/comment ช่วยกันโหวตเก็บด้วยนะครับ  เผื่อใครไม่รู้ข้อมูลจะได้มาดู  ขอบคุณ ขอบคุณบทความจากคุณ อาคม จากคุณ : ruddy01 - [ 29 มิ.ย. 51 05:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 *-*ง่า รู้ได้ไงว่าไม่มีครับ ทีมวิจัยกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ ตอนนี้มีพื้นที่ทดลองแล้วครับ และกำลังกำหนดเขตที่สามารถตั้งกังหันลมได้เหมาะสม จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 29 มิ.ย. 51 05:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพราะที่นี่ "ประเทศไทย" คุณ จขกท อาจจะลืมว่าที่นี่ "ประเทศไทย" จากคุณ : axquest - [ 29 มิ.ย. 51 07:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าปีหน้าเอามาขายจริงไม่เกินห้าแสนผมก็ซื้อ แต่เสียอย่างเดียว ทรงมันประหลาดล้ำเกิน ไปหน่อย ทำออกมาให้เหมือน ยาริสไม่ได้หรือไง จากคุณ : Master Chief - [ 29 มิ.ย. 51 07:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สุดยอดถ้าไม่โดนโอเปกสั่งเก็บไปซะก่อน จากคุณ : MaMa,PaPi - [ 29 มิ.ย. 51 08:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าเครื่อง FFV ที่ใช้กับน้ำมัน E0-E100 ทำก่อนถูกต้องแล้วละ เพราะจะได้มาใช้ภาคขนส่งสินค้า+บุคคล ซึ่งเป็นต้นทุนหลักไปแล้ว ส่วนรถพลังงานลมเหมือนเป็นทางเลือกเฉพาะทางเกี่ยวกับระบบขนส่งส่วนบุคคล แบกน้ำหนักไม่ได้มาก ไว้ทำทีหลังจากทำmain หลักให้รอดก่อน จากคุณ : หลับตา - [ 29 มิ.ย. 51 08:22:45 A:58.64.67.30 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุ้มค่าไฟฟ่าที่เอาไปอัดลมใส่ถังเหรอครับ จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย - [ 29 มิ.ย. 51 08:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 NGV 200bar วิ่งได้ 160km ถัง70ลิตร หนัก80โล ลมอัด300 bar จะให้วิ่งได้200km ถังต้องขนาดเท่าไหร่เนี่ย จากคุณ : เถ้าลอย - [ 29 มิ.ย. 51 08:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^  ^  ถังอัดลม ขนาด 90 ลูกบาศก์เมตร  แท็งก์ฺเก็บน้ำทั่วๆไป ขนาด 2-3 ลบ.ม.  รถสิบล้อ บรรทุกน้ำมัน 30,000 ลิตร = 30 ลบ.ม. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 29 มิ.ย. 51 09:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ทำไมกระทรวงพลังงานจึงไม่มีแผนส่งเสริมรถพลังงานลม ทั้งๆที่เขาผลิตขายกันในเชิงพานิชแล้ว เพราะมันยังไม่มีการผลิตขายในเชิงพาณิชครับ จุดอ่อนของ AirCarโดยเฉพาะปัญหาเรื่องประสิทธิภาพเป็นจุดอ่อนใหญ่ เอาไฟฟ้าปริมาณเท่ากันมาหมุนมอเตอร์ จะได้พลังมากกว่าเอามาอัดลมสามเท่า นั่นหมายความว่า มันสิ้นเปลืองพลังงามมากกว่ีารถไฟฟ้าถึงสามเท่า ถ้าใช้งานเหมือนกัน มันจะประหยัดกว่าอย่างที่อ้างไว้จริงหรือเปล่า? มันลดการปล่อยมลภาวะจริงหรือเปล่า? หรือแค่ย้ายที่ปล่อยจากในเมืองไปเป็นที่โรงไฟฟ้า? แต่ปล่อยมากกว่าเดิม ที่ดูเหมือนมันประหยัดกว่าเพราะรถมันเบากว่ามาก เพราะเจ้าเครื่อง AirEngine เนี่ยมันให้แรงม้าต่ำ ถ้ารถหนักมันจะวิ่งไม่ไหวเอา เราก็ต้องชั่งน้ำหนักเรื่องความปลอดภัยด้วย รถ Air Car หนักราวๆ 570 กิโล ถ้าเกิดอุบัติเหตุชนกับรถธรรมดาที่หนักราวๆ 1 ตัน มันให้ความคุ้มครองคนนั่งเพียงพอหรือเปล่า? Disadvantage    * When the air is expanded in the engine, it will cool down via adiabatic cooling and lose pressure thus its ability to do work at colder temperatures. It is difficult to maintain or restore the air temperature by simply using a heat exchanger with ambient heat at the high flow rates used in a vehicle, thus the ideal isothermic energy capacity of the tank will not be realised. Cold temperatures will also encourage the engine to ice up.    * Compressed air vehicles likely will be less robust than typical vehicles of today. Which poses a danger to users of compressed air vehicles sharing the road with larger, heavier and more rigid vehicles.    * Using energy to compress air is less efficient than charging a battery with that same energy - compressed-air car's overall efficiency is approximately one third of a comparable electric car.    * The major problem of all compressed air or liquified air cars is the lack of torque provided by the compressed gas and the high cost to compress the gas. This was shown to be the case starting in 1903 with the Liquified Air Company car of London England    * Long refill time when refilled using a home or low-end system (circa 4 hours). However, at a commercial station refilling would take only 3 minutes. But for that, fueling stations would have to invest in new dispensers. จากคุณ : Nexus - [ 29 มิ.ย. 51 09:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มันเป็น Energy sink ไม่ใช่ Energy source การที่กระทรวงฯ ไม่พูดถึงจึงไม่ใช่เรื่องแปลก จากคุณ : Pod... - [ 29 มิ.ย. 51 10:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 19 #14 ดูจาก #4 ค่าไฟอัดเข้าถังเองตกลิตรละ 5 บาทเองนะครับถ้าเทียบกับน้ำมัน ถูกมาก เติม 100 บาทเต็มถัง วิ่งได้ 200 กิโลเมตร รถผมเติม 1500 บาทเต็มถังวิ่งได้ 400 กิโลนิดๆเอง จากคุณ : ของเล่นใหม่ - [ 29 มิ.ย. 51 10:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มันเป็นการย้ายแหล่งเก็บพลังงาน จากแบตเตอรี่ เป็นอากาศอัดเท่านั้น เช่นเดียวกับรถไฮโดรเจน ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นแหล่งพักพลังงาน ต้นทางพลังงาน ก็มาจากโรงไฟฟ้าเหมือนกัน จากคุณ : อะธีลาส - [ 29 มิ.ย. 51 12:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ แต่ถ้าย้ายแล้ว เบากว่า เล็กกว่า  ก็ดีไม่ใช่เหรอครับ และที่สำคัญ  ถูกกว่าหรือไม่ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 29 มิ.ย. 51 14:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 22 รัฐมนตรีบอกว่าลมมันเย็นครับ นั้งไม่ได้ จากคุณ : p_narin2000 - [ 29 มิ.ย. 51 15:25:31 A:125.24.152.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาทดลอง... จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 29 มิ.ย. 51 18:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มีขายแล้ว http://zeropollutionmotors.us/ จากคุณ : น้ำเค็ม - [ 29 มิ.ย. 51 20:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ #22 ตัวจริงรึปล่าวนั่น? จากคุณ : Sarutino - [ 29 มิ.ย. 51 21:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 .....     นี่แหละครับ   รถแห่งโลกอนาคต    ตัวจริง   ....   -    ผมชอบศึกษา  พวกพลังงานทั้งหลาย   และลมอัดนี่เองที่ผลทำนายไว้แล้ว         -   โลกอนาตค  แหล่งไฟฟ้า  แห่งใหม่   คือความร้อนใต้ภิภพ ( เมกาเขาเริ่มทดลองอยู่ )  มาผลิตไฟฟ้า  ครับ    รองรับรถ ลมอัด   -    หลังจากต่างประเทศ  หันมาใช้รถลมอัดมากขึ้น  จึงประสพปัญหา  ไฟฟ้าไม่พอ     จึงมองหาแหล่งใหม่ แทน นิวเครีย   -   ข่าวร้าย     มีคนไทยได้ใช้รถ ลมอัด จำนวนหนึ่ง    ทางรัฐ  ก็จะสั้งห้ามให้ขายรถชนิดนี้อีก     ไทยจะไม่สนับ สนุน เรื่องนี้ในระยะกลาง  เพราะจะประสพปัญหา   ขาดแคลนไฟฟ้า   -   ทั้ง ๆ ที่รัฐ  ก็พยายามจะสร้างโรงไฟฟ้า  ไม่ว่าแบบไหน แบบไหน  พี่ไทยประท้วงหมด   -   คาดว่า  ถ้าน้ำมันเกินลิตรละ  100 บาท   ไทยจะยุ่งเหยิง       -   ผู้คนจะรุมประทัวงรัฐ     แบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ ๆ       พวกเรียกร้องจะเอา  จะเอา   ( มักจะไม่ดูว่า ที่เป็นอย่างนี้เพราะใคร )                      พวกประท้วง ไม่ให้สร้างโน่น  ทำนี่   ( มักจะไม่ดูว่า ใครบางกลุ่มเดือดร้อน )    -   สำหรับ นายกที่ไทยใฝ่หา    คือ   ต้องไม่สร้างโน่น  ทำนี่     และต้องทำตามข้อเรืยกร้องให้ได้            ( เป็นไปได้ )   . จากคุณ : DR บ๊อง - [ 29 มิ.ย. 51 21:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ ในโรงงานใหญ่ๆ พวกเครื่องมือเช่นไขควง จักรเย็บผ้า ฯลฯ ใช้ลมทั้งนั้นเลยครับ ขนาดรถยกของก็ใช้ลมครับ ตกข่าวป่าวครับ จากคุณ : 124 (ruddy01) - [ 30 มิ.ย. 51 03:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผลประโยชน์หนะครับ จากคุณ : นายสาระแน - [ 30 มิ.ย. 51 07:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตาม คห.30 ครับ ตัวบล๊อคลมล๊อกน๊อตล้อรถ ก็แรงบิดมหาศาลเลยนะครับ.....ทั้งๆที่ใช้แต่ลมล้วนๆ เขาแค่เอาของที่มีอยู่แล้ว นำมาปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นเท่านั้นเอง บางคนอาจจะไม่อยากเชื่อว่าทำได้จริง และบางคนบอกว่า ถ้าทำได้ บริษัทรถ ทำไปนานแล้ว.... คิดว่า มูลค่าตลาดน้ำมันเท่าไหร่อ่ะครับ ????? คิดว่าเงินไม่มีผลต่อการลงทุนหรือการวิจัยเลยเหรอ....? นายกไทย คงทำไม่ได้ เพราะถ้าำทำอะไร ก็จะมี นักวิชาการ(ฝ่ายตรงข้าม) ออกมาปลุกระดมประชาชน ให้ต่อต้านให้ประท้วง ฯลฯ สุดท้ายก็ดับ..... ทำดีได้ แต่อย่าเด่น จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 30 มิ.ย. 51 08:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 มิ.ย. 51 08:59:39 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถังลมมีปริมาตร 90 ลูกบาศก์เมตร  ไม่น่าจะพิมพ์ผิดครับ  เพราะคิดปริมาตรที่ความดันบรรยากาศ ถังไนโตรเจนผอมๆยาว ยัง 7 ลูกบาศก์เมตร ได้เลย แรงดันต่ำกว่าเยอะ จากคุณ : ZXR - [ 30 มิ.ย. 51 10:54:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ปั๊มอัดลมแรงดัน300บาร์ หน้าตาเป็นอย่างไร ใชกำลังไฟเท่าไหร่ อยากเห็น ปั๊มลมโรงงานอุตสาหกรรมตัวเท่าห้องน้ำทำแรงดันได้10บาร์เอง จากคุณ : งบน้อย - [ 30 มิ.ย. 51 11:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ทำไมผมจะไม่ใช้รถพลังลม? รถของ Tata ทำจาก Fiberglass ครับ และยึดด้วย กาว ใช่ครับ กาว เครื่องยนต์พลังลมมันให้กำลังออกมาน้อยกว่าแบบ Conventional เยอะ เขาถึงต้อง Diet กันสุดขีดลดน้ำหนักรถเหลือ 500 กว่ากิโลเอง ไม่อย่างนั้นมันวิ่งไม่ไหว .... ผมเลือกชีวิตของผมครับ ถ้ามันดีจริง (หมายความว่าดีเทียบเท่ากับรถ Conventional ) เขาทำกันออกมาล้นตลาดนานแล้วครับ ไอ้ทฤษฎี Conspiracy ประเภท OPEC ลงขันปิดความลับน่ะ มันตื่นเต้นดีนะครับเหมาะกับเอาไปเขียนนิยาย ...แต่ก็ได้เท่านั้นแหละครับ เครื่องยนต์แบบอื่นๆเขาก็พัฒนากันอยู่ แต่มันยังไม่ถึงจุดที่ใช้การได้แทนสิ่งที่เราใช้ๆกันอยู่ได้เสียทีเดียว เราถึงยังไม่เห็นในตลาดครับ จากคุณ : Nexus - [ 30 มิ.ย. 51 15:21:32 ]

ความคิดเห็นที่ 39 0.3 ลูกบาศก์เมตร  ก็เป็นกล่องกว้างยาวสูง ขนาด 1 ไม้บรรทัด ความหนาถังน่าจะหนาพอๆกับ NGV เพราะแรงดันใกล้เคียง ถ้าคิดรวมความหนาถัง และดูจากขนาดรถ ในรูป ผมว่าก็สมเหตุสมผลนะ จากคุณ : ZXR - [ 3 ก.ค. 51 00:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อย่าเถียงกันเลย ไปหาความรู้ต่อกันที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Compressed_air_vehicle จากคุณ : Saiyajin - [ 16 ก.ค. 51 14:14:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 "ระบบนี้เป็นจริงได้เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีเส้นใยคาร์บอน (Carbon fiber) ที่ทำให้สามารถผลิตถังที่มีความแข็งแรง ปลอดภัยจากการเกิดระเบิด และมีน้ำหนักเบามาก" จากคุณ : JoeRazz - [ 16 ก.ค. 51 14:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จะรีบเถียงกันไปทำไมหรอครับ รอดูตัวเป็นๆๆก็ได้ สมัยที่เขาคิดทำเครื่องบินก็คงมีพวกฝ่ายค้าน คิดว่าสมองตัวเองสุดแสนประเสริฐ ข้าคิดแล้วว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วคนอื่นก็ต้องทำไม่ได้เหมือนตน ทุกวันนี้ที่ท่านทั้งหลายมีคอมฯมีอินเตอร์เน็ตใช้หรือกระทั่งรถยนต์ติดแอร์เย็นๆๆให้พวกคุณสุขสบาย สมัยคุณพ่อคุณแม่เราก็คงมีคนเถียงกันตามสภากาแฟเหมือนพวกคุณทุกๆคนกำลังเป็นอยู่นี่ล่ะครับ เรายังไม่ต้องวิจารณ์ ตอนนี้แต่หยุดรอฟังบริษัทเขาเปิดตัว ดีมั้ยครับ ถ้าเขาทำไม่ได้จริงเราเพิ่งมาถกกันจะดีกว่ามั้ย จากคุณ : คนผ่านทาง (มือกระบี่ที่ไร้ฝัก) - [ 16 ก.ค. 51 19:15:52 ]