Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    โอเปค จ๋อยสนิท!!! ได้เวลา "รถอนาคต" ลด&เลิกใช้น้ำมัน

    http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9510000080894

    ด้วยเหตุที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนใช้รถใช้ถนนทั่ว โลก ไม่เฉพาะเมืองไทยเท่านั้น การคิดค้นเครื่องยนต์สันดาปภายในแต่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทอื่นมาใช้ใน การเผาไหม้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงขุมพลังรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงหรือพึ่งพาน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อมาใช้ในการผลิตกำลังสำหรับขับเคลื่อน จึงถือเป็นทางออกเร่งด่วนที่บรรดาผู้ผลิตรถต่างทำงานเพื่อผลักดันให้ผลผลิต เหล่านี้สามารถออกสู่ตลาดในลักษณะการขายเชิงพาณิชย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะ ทำได้
          ในตอนนี้ เมืองไทยอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับคำว่า รถพลังไฟฟ้า, เครื่องยนต์ไฮบริด, รถเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) หรือ การใช้ไฮโดรเจนแทนน้ำมันเบนซินสำหรับใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ ณ วินาทีที่นโยบายด้านพลังงานของเมืองไทยยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะเดินไป ทางไหนบวกกับราคาน้ำมันที่ทะยานแบบติดจรวด หากไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับรถหรือใช้รถ เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานเกินรอ เราคงจะได้รู้จักกับรถพลังงานทางเลือกอื่น หรือ Alternative Fuel Car เหล่านี้กับการใช้งานจริงบนถนนในบ้านเราอย่างแน่นอน
         
          Hybrid : เต็งหนึ่งสู่ความนิยมในอนาคต
          นับจากโตโยต้าผลิตรถไฮบริดเพื่อขายในเชิงพาณิชย์อย่างพริอุสออกสู่ ตลาดญี่ปุ่นเมื่อปี 1997 รถประเภทนี้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนมามียอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกาแบบก้าวกระโดดเอาเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา เมื่อแนว โน้มของราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจนคนอเมริกันหลายคนเริ่มเมินเอสยูวีซึ่งเป็นรถ ยอดฮิตในยุค 1990 แล้วหันมาคบกับรถไฮบริดกันมากขึ้น แถมเมื่อไม่นานมานี้ โตโยต้าก็เพิ่งฉลองยอดขายของรถไฮบริดทุกรุ่นครบ 1 ล้านคันเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2007 และ 1 ล้านคันเฉพาะรุ่นพริอุสเมื่อเดือนเมษายนปี 2008
          ไฮบริดเป็นชื่อของขุมพลังลูกผสมซึ่งเป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์ สันดาปภายในกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยส่วนแรกจะเป็นเบนซินหรือดีเซลก็ได้ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละผู้ผลิต แต่จากการที่โตโยต้าเป็นผู้เปิดตลาดรายแรกโดยใช้เครื่องยนต์เบนซินก็เลยยึด ถือรูปแบบนี้มาโดยตลอด
          สิ่งที่ทำให้รถไฮบริดมีความประหยัดน้ำมันคือ การได้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยในการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ ซึ่งหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีแตกต่างกันไปตามแนวทางการพัฒนาของผู้ผลิต คือ เป็นได้ทั้งขับเคลื่อนเดี่ยวๆ เช่น การออกตัว เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ และช่วยขับเคลื่อนด้วยในบางจังหวะ เช่น การเร่งแซง หรือช่วยขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว หรือในบางรุ่นเช่น โตโยต้า คราวน์ ไฮบริดใหม่ที่เพิ่งขายเมื่อต้นปี จะมีปุ่มกดเลือกให้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวก็ได้ หรือ EV Mode และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมดก็ค่อยเปลี่ยนหน้าที่กลับมายังเครื่องยนต์
          แต่สิ่งที่เหมือนกันของทั้ง 2 แบบ คือ เวลาที่มีการเบรกหรือถอนคันเร่ง มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีอีกหน้าที่ในการปั่นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ ซึ่งกระแสไฟฟ้าเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ป้อนสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในรถ เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องเสียง ในกรณีที่ตัวรถดับเครื่องเมื่อจอดนิ่งอยู่กับที่
          ไฮบริดเป็นแนวทางที่ผู้ผลิตรถญี่ปุ่นให้ความสนใจและมองว่าเป็นทางออก แบบเร่งด่วนที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาราคาน้ำมันที่แพงขึ้น และเป็นทางผ่านก่อนที่จะไปถึงยอดปิรามิดในการพัฒนารถแบบที่ไม่ต้องพึ่ง น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คือ รถเซลล์เชื้อเพลิง
          ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า และนิสสันต่างมีการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อการพัฒนารถไฮบริดรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในช่วงปี 201-2012 ซึ่งฮอนด้าวางแผนเปิดตัวทั้งรถไฮบริดขนาดเล็กรุ่นใหม่และเวอร์ชันไฮบริดของ ฟิตรุ่นปัจจุบัน รวมถึงการสร้างโรงงานสำหรับผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะเปลี่ยนจากแบบนิเกลเมทัล ไฮดรายที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมาเป็นแบบลิเธียม-ไออนเหมือนกับแบตเตอรี่ของ โทรศัพท์มือถือและโน๊ตบุ๊ค โดยแบตเตอรี่ประเภทนี้จะได้รับการผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับรถไฮบริดและรถพลัง ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ
          ขณะที่ผู้ผลิตรถฝั่งอเมริกาบางราย เช่น ฟอร์ดก็ได้พัฒนาระบบไฮบริดของรุ่นเอสเคป และฝาแฝดอย่างเมอร์คิวรี่ มาริเนอร์ให้เครื่องยนต์สันดาปภายในสามารถใช้เชื้อเพลิงแบบ E85 ได้ เพื่อเป็นการลดภาระในด้านการเติมน้ำมันอีกทาง
          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับรถไฮบริด คือ ปัญหาเรื่องขยะแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ซึ่งต้องมีการจัดการระบบที่ดีในการขจัดแบตเตอรี่เหล่านี้เพื่อไม่ให้ก่อ ปัญหาทางด้านมลพิษ รวมถึงราคาของแบตเตอรี่ซึ่งในตอนนี้ยังถือว่าสูงมาก และเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรถไฮบริดเท่านั้น แต่รถที่ต้องใช้แบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบหลัก เช่น เซลล์เชื้อเพลิง หรือรถไฟฟ้าต่างก็เจอกับอุปสรรคชิ้นนี้และทำให้กลายเป็นเรื่องยากที่จะ ผลิตออกขายในเชิงพาณิชย์ โดยที่มีราคาสำหรับคนทั่วไป
         
          ดึงข้อดีของไฮบริดมาสู่การใช้งานทั่วไป
          รถไฮบริดถือว่าเป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายให้ผู้ผลิตรถบางรายนำข้อ ดีของบางระบบมาใช้ในการติดตั้งกับรถที่ขายอยู่ในตลาด เช่น การใช้ระบบ Stop/Start เพื่อลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือการปลดปล่อยก๊าซพิษ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศ ในขณะจอดติดไฟแดง
          ระบบนี้แพร่หลายอยู่ในรถบางรุ่นของผู้ผลิตยุโรป เช่น ซีตรอง ซี3 ซึ่งถือว่าเป็นรถในสายการผลิตรุ่นแรกของโลกที่นำระบบนี้มาใช้เมื่อปี 2003 ซึ่งว่ากันว่าสามารถลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเวลาขับในเมืองที่เจอกับการจราจร ติดขัดได้ถึง 15% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นธรรมดา และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสรุ่นปัจจุบันก็มีระบบนี้ติดตั้งมาด้วย
          ส่วนบีเอ็มดับเบิลยูยังมีการนำแนวคิดของการนำพลังงานที่สูญเปล่าใน ระหว่างที่ถอนคันเร่งหรือเบรกมาใช้ในการปั่นกระแสไฟฟ้าผ่านทาง Alternator แบบพิเศษเพื่อเก็บในแบตเตอรี่ และเรียกระบบนี้ว่า Brake Energy Regeneration ซึ่งมีลักษณะการทำงานหลักๆ คล้ายกับระบบไฮบริด แต่ไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อน และบีเอ็มดับเบิลยูเรียกระบบนี้ว่า Micro Hybrid ซึ่งระบบนี้มีใช้ทั้งในซีรีส์ 5 และซีรีส์ 1
          นอกจากนั้น การออกแบบตัวถังให้มีความเพรียวลม การเพิ่มอัตราทดของเกียร์ในแต่ละตำแหน่ง ลดความสูงของตัวถัง รวมถึงการติดตั้งชิ้นส่วนต่างๆ บนตัวรถเพื่อลดแรงต้านของอากาศในขณะแล่นก็ยังเป็นอีกวิธีในการช่วยเพิ่มความ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบง่ายๆ เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์กับเวอร์ชัน BlueEFFICIENCY ของเอ-คลาสหรืออย่างฟอร์ดที่เปิดตัวเวอร์ชัน ECONetic ในรุ่นเทอร์โบดีเซล 1,600 ซีซี ทำให้มีความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการลดระดับการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งแนวคิดนี้จะถูกนำมาใช้กับรถรุ่นอื่นๆ ของฟอร์ดอีก เช่น เฟียสตา และมอนเดโอ

    แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 51 14:16:26

     
     

    จากคุณ : Lord of Sealand - [ 11 ก.ค. 51 14:14:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom