ความคิดเห็นที่ 1 3. ความหนาของหนังสือไม่ได้แปรผันตรงกับแรงที่ต้องใช้ในการอ่านหนังสือ ในหน้าที่ 67 คุณหมอเขียนเปรียบเทียบ "ในทางนามธรรมก็เช่นกัน ตอนใกล้สอบเราต้องอ่านหนังสือด้วยความเร่ง ซึ่งต้องใช้แรงมากกว่าปกติ ยิ่งถ้าหนังสือหนา (m มาก) ก็ต้องใช้แรงมากขึ้นไปอีก ตามสูตร F=ma ดังนั้นถ้าเราเป็นคนเร่งตัวเอง กระตือรือร้นอยู่เสมอ เราจะมีแรงและพลังที่เหนือกว่าคนอื่น" มี 2 ประเด็น ก. อ่านเพชรพระอุมา 48 เล่ม (pocket book) ใช้แรงน้อยกว่าอ่าน On the Electrodynamics of moving Bodies เปเปอร์อันโด่งดังปี 1905 เพียง 29 หน้า (ที่พิพม์รวม collection ของ Dover) ข. ประโยคในเครื่องหมายคำพูดที่ผมยกมา ไม่นำไปสู่ข้อสรุป ดังนั้นถ้าเราเป็นคนเร่งตัวเอง... จัดเป็นระดับ 1 4. F = ma (หน้า 67) "เมื่อพิจารณา F=ma เราจะเห็นว่ามวล คูณ ความเร่ง จะให้แรงออกมา" คุณเชื่อมั้ยครับว่าประโยคไม่ถูก แม้มันจะดูเหมือนถูก และการอธิบาย ("เราจะเห็นว่า...") เป็นการตีความกฎข้อ 2 ของนิวตันที่ผิด คุณอาจคิดว่าผมเล่นสำนวนภาษา แต่เดี๋ยวผมมีตัวอย่างที่ให้เห็นชัด ๆ เลยว่าการเข้าใจของคุณหมออธิบายธรรมชาติผิด concept ของนิวตัน กฎข้อ 2 ของนิวตันบอกว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมของวัตถุ (ต่อเวลา) แปรผันตรงกับแรงลัพธ์ที่กระทำกับวัตถุในทิศทางเดียวกัน p/t = F (mv)/t = F ma = F ความสัมพันธ์นี้บอกเราว่า เมื่อวัตถุมวล m ถูกกระทำด้วยแรง F มันจะมีความเร่ง a, หรือหากมีวัตถุมวล m เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง a นั่นหมายความว่ามีแรงลัพธ์ F กำลังกระทำอยู่กับมัน สิ่งที่คุณหมอเข้าใจ คุณหมอเข้าใจว่า ถ้าเราป้อนมวล กับความเร่งเข้าไป แล้วจะได้แรงออกมา ทำไมผมจึงพูดว่าคุณหมอเข้าใจผิด ดูจากตัวอย่างสกู๊ป 3.2 (หน้า 72) ของคุณหมอครับ เป็นรูปคน 2 คนดึงมือกันคนหนึ่งอยู่บนหน้าผา อีกคนตกหน้าผา หมอบอกว่าถ้าแขนทนแรงดึงได้ 600 นิวตัน ขณะที่เพื่อนหนัก 50 กิโลกรัม (ไม่ใช่หนัก 50 กิโลกรัม แต่มีมวล 50 กิโลกรัมนะหมอ) ถามว่า เราจะต้องดึงเพื่อนขึ้นด้วยความเร่งน้อยกว่าเท่าใด เพื่อนเราจึงไม่หลุดตกลงไป คุณหมอทำแบบนี้ ขั้นแรกแปลงน้ำหนักให้เป็นแรง 500 นิวตัน (น่ากรี๊ดมั้ยครับ) แขนเราทนได้ 600 นิวตัน แปลว่าแขนเรายังทนได้อีก 100 นิวตัน ฉะนั้น 100 = 50a ได้ a = 2 m/s2 หมอบอกว่า "ห้ามดึงเพื่อนขึ้นด้วยความเร่งมากกว่า 2 เมตรต่อวินาทียกกำลังสองเด็ดขาด มิฉะนั้นน้ำหนักเพื่อนจะกลายเป็น 60 กิโลกรัม (ขอกรี๊ดทีเถอะครับ) หรือ 600 นิวตันทันที แขนเราจะทนแรงดึงไม่ไหว ปล่อยเพื่อนตกลงไป" น้ำหนักเพื่อนที่ห้อยต่องแต่งอยู่ที่หน้าผาเพิ่มขึ้นได้ยังไง ? น้ำหนักคือ mg มันจะเพิ่มขึ้นได้เพียง 2 กรณี ไม่ m ก็ g เพิ่ม ซึ่ง 2 อย่างนี้ไม่เพิ่มขึ้นบนโลกครับ (เว้นแต่ระหว่างที่ห้อยเพื่อนคุณหมอจะใช้อีกมือจับนกมากินเล่น) ลองมาดูว่าโจทย์ข้อนี้จริง ๆ คิดยังไง ขั้นแรกดูว่ามีแรงอะไรกระทำกับเพื่อนบ้าง เราพบว่ามี 2 แรง 1. น้ำหนัก (mg) 2. แรงดึงขึ้นจากเรา (T) ถ้าเราดึงเพื่อนให้เคลื่อนที่ขึ้นแรงลัพธ์เท่ากับ T-mg = ma หรือ T = m(g+a) น้ำหนักของเพื่อนไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยยังเป็น mg เท่าเดิม แล้ว ma มาจากไหน มันมาจากแรงลัพธ์ที่ทำให้เพื่อนเคลื่อนที่ขึ้นครับ ในโจทย์ข้อนี้ถ้าเรามีแรง T จำกัดแค่เพียง 600 นิวตัน หมายความว่าเก่งแค่ไหนเราก็ดึงเพื่อนให้มีความเร่งมากกว่า 2 m/s2 ไม่ได้ ถึงแม้ว่าอยากจะให้มันเร่งกว่านั้นก็เถอะ คุณสังเกตการตีความให้ดี ถ้าคุณหมอบอกว่าตอนที่เราดึงเพื่อนมวล 50 ก.ก. ขึ้นด้วยความเร่ง 2 m/s2 เราต้องใช้แรงดึงเท่ากับแรงที่ฉุดเพื่อนซึ่งมีมวล 60 ก.ก. ที่ห้อยอยู่ที่หน้าผานิ่ง ๆ (และไม่จับนกมากินเล่น) แบบนี้พูดถูกครับ แต่การตีความว่า พอมีมวล มีความเร่งคูณกันทำให้เกิดแรง คุณหมอแกจับไปชนมั่วเป็นแรงนั้นคือน้ำหนักเพื่อนที่เพิ่มขึ้นจึงเอวังด้วยประการฉะนี้ (เพราะถ้าอธิบายว่าน้ำหนักเพื่อนเพิ่มขึ้นเป็น 600 นิวตัน แล้วเราออกแรงดึง 600 นิวตัน เพื่อนมันจะขึ้นมาได้มั้ยครับ) (หน้า 71) "ในสภาวะที่ห้อยอยู่นิ่ง ๆ แรงที่แขนของทั้งสองคนจะคงที่ แต่เมื่อใดก็ตามที่พยายามจะดึงขึ้น ความเร่งจากการดึงขึ้นจะทำให้คนที่ห้อยน้ำหนักเพิ่มขึ้น (F=ma) เหมือนตอนเราขึ้นลิฟต์น้ำหนักตัวมากกว่าตอนลงลิฟต์" ผมคงไม่ต้องบอกว่าผิดยังไงแล้วนะครับ น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นตราบเท่าที่ไม่จับกินนกและไม่ถูกใครวาร์ปไปดาวเคราะห์ดวงอื่น และมันคนละประเด็นกับน้ำหนักที่อ่านได้จากตาชั่งในลิฟต์ เพราะน้ำหนักที่อ่านจากตาชั่งในลิฟต์คือแรงกิริยาที่ขาคนเรากดลงบนตาชั่ง (หรือพื้นลิฟต์) ซึ่งเดี๋ยวผมมีอธิบายต่อไป อยู่ระหว่างระดับ 2 ถึงระดับ 3 ครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 01:17:06 จากคุณ : ศล - [ 19 ก.ค. 51 00:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 5. แรงกิริยา = แรงปฏิกิริยา ผมรู้ว่าเขาห้ามโฆษณาบล็อก แต่ขอโยนลิงค์ให้ละกันนะครับ ผมเคยเขียนลงไว้ในบล็อก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=zol&month=06-07-2008&group=1&gblog=42 ตอนที่เขียนยังไม่ได้ซื้อหนังสือมา ตอนนี้ซื้อมาเพิ่มเติมอ้างอิงจากหนังสือได้แล้วครับ (หน้า 70) "ผลไม้ที่ติดอยู่บนกิ่งจะมีแรงดึงดูดของโลกคอยดึงอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ไม่หลุดลงมาก็เพราะมีแรงอีกแรงหนึ่งจากกิ่งให้ทิศตรงกันข้ามคอยดึงลูกผลไม้นั้นไว้ นิวตันเรียกแรงชนิดนี้ว่า แรงปฏิกิริยา" จัดเป็นระดับ 3 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 01:17:48 จากคุณ : ศล - [ 19 ก.ค. 51 00:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมยังไม่เคยเห้นหนังสือเล่มที่ว่าเลยครับ ถ้าเป็นแบบนั้นก็แย่ละ เรื่องพวกนี้มันพื้นฐานมาก น่าโกรธยิ่งกว่าหนังสือที่เรียก สัมพัทธภาพ ว่า สัมพันธภาพ ซะอีก . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 19 ก.ค. 51 01:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผิดตามข้อกล่าวหา ยกเว้น (หน้า 70) "ผลไม้ที่ติดอยู่บนกิ่งจะมีแรงดึงดูดของโลกคอยดึงอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ไม่หลุดลงมาก็เพราะมีแรงอีกแรงหนึ่งจากกิ่งให้ทิศตรงกันข้ามคอยดึงลูกผลไม้นั้นไว้ นิวตันเรียกแรงชนิดนี้ว่า แรงปฏิกิริยา" จัดเป็นระดับ 3 -มิ้นไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหนเลย แรงปฏิกริยา ของคนยืนบนโลก คือแรงที่โลกทำกับเท้า แรงปฏิกริยาที่ มือดันกำแพงคือแรงที่กำแพงดันมือ ผลไม้มีแรงโน้มถ่วง ส่งผลให้ ผลไม้ดึงกิ่ง แต่กิ่งเองก็ดึงผลไม้ด้วยแรงปฏิกริยา ที่เท่ากัน เราดึงเชือก เชือกก็ดึงมือเรา ทำให้เราไม่เคลื่อนที่ ทำให้ผลไม้หยุดนิ่ง  Sigma(F)=ma วัตถุหยุดนิ่ง ความเร็วคงที่ คือ 0 a = 0 Sigma(F)=แรงกริยา - แรงปฏิกริยา=0 แรงกริยาเท่ากับแรงปฏิกริยา ทุกๆแรงเกิดเป็นคู่ เรียกแรงกริยา และแรงปฏิกริยา ไม่รู้ว่าคิดแบบนี้ผิดหรือเปล่า จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 19 ก.ค. 51 01:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 F=ma จะคิดว่า การใช้แรง ทำให้ มวล เคลื่อนที่ไปได้ด้วยความเร่ง หรือคิดกลับคือ ถ้ามวลเคลื่อนที่ไปด้วยความเร่ง ต้องใช้แรงเท่านี้ๆๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด แม้แต่คนเก่งๆในนี้ ก็ตาม ตัวอย่างที่ผิด อย่าง E = 1/2mv^2 มีมวล เคลื่อนที่ ด้วยความเร็ว เกิดพลังงาน E=mgh =W = Fs เมื่อ s = h ,F=mg คำถาม แรงทำให้เกิดพลังงาน หรือพลังงานทำให้เกิดแรง จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 19 ก.ค. 51 01:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถามความเข้าใจของคุณมิ้นๆ 1. จากข้อความข้างบนนั้น หมอสมอธิบายว่า "แรงดึงของกิ่งไม้ เป็นแรงปฏิกิริยาของแรงโน้มถ่วงโลก" ใช่ไหมครับ 2. แล้วถ้าแอปเปิ้ลกำลังตกลงมา ยังมีแรงคู่กิริยา-ปฏิกิริยาหรือเปล่า? อะไรคือแรงปฏิกิริยาของแรงโน้มถ่วง 3. พอจะเห็นหรือยังครับว่าผิดตรงไหน? จากคุณ : ikkyu - [ 19 ก.ค. 51 01:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 #4 โลกดูดแอบเปิ้ลด้วยแรง w เป็นแรงกิริยา แอบเปิ้ลดูดโลกด้วยแรง w เป็นแรงปฏิกิริยา ทำให้แอบเปิลดึงกิ่งด้วยแรง w เป็นแรงกิริยา กิ่งจึงดึงแอบเปิลกลับด้วยแรง w เป็นแรงปฏิกิริยา ถ้ามีคนสรุปว่า โลกดูดแอบเปิ้ลด้วยแรง w เป็นแรงกิริยา กิ่งดึงแอบเปิลกลับด้วยแรง w เป็นแรงปฏิกิริยา มิ้น ๆ ว่าถูกแล้วหรือครับ ประเด็นคือแรงคู่นี้ไม่กระทำบนวัตถุเดียวกัน ซึ่งจุดนี้หมอเข้าใจผิด มีตัวอย่างที่ชัดกว่านั้น "ในทางตรงกันข้ามเพื่อนกลับรู้สึกว่ากำลังถูกดึงขึ้น (F3) แต่แรงดึงดูดของโลกกำลังดึงเขาลง (F4) F3 กับ F4 เป็นแรงคู่กิริยาซึ่งกันและกัน (F4 เป็นแรงกิริยา และ F3 เป็นแรงปฏิกิริยา)" ทั้งแรง F3 และ F4 ของหมอกระทำบนตัวเพื่อนทั้งคู่ ผิดชัดมั้ยมิ้น ๆ จากคุณ : ศล - [ 19 ก.ค. 51 02:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 #6 1. ไม่ใช่ แรงดึงของกิ่งต่อผล = แรงดึงของผลต่อกิ่ง 2. มีแรงคู่ปฏิกริยา แรงโน้มถ่วงคือแรงดึงดูดระหว่างมวล โลกดึงแอป แอปก็ดึงโลก และดึงด้วยแรงเท่ากัน 3.ยังไม่เห็นว่าเราจะคิดผิดตรงไหนเลย คุณ ikkyu มาช่วยเฉลยหน่อยค่ะ ว่าสองข้อข้างบนถูกหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 02:05:32 จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 19 ก.ค. 51 02:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 #7 โลกดูดแอบเปิ้ลด้วยแรง w เป็นแรงกิริยา กิ่งดึงแอบเปิลกลับด้วยแรง w เป็นแรงปฏิกิริยา มิ้น ๆ ว่าถูกแล้วหรือครับ ans. ถูก แต่ที่ถูกจริงๆคือ เกิดแรงสองคู่ โลกดูดแอบเปิ้ลด้วยแรง w เป็นแรงกิริยา1 แอบเปิ้ลดูดโลกด้วยแรง w เป็นแรงปฏิกิริยา1 ทำให้แอบเปิลดึงกิ่งด้วยแรง w เป็นแรงกิริยา2 กิ่งจึงดึงแอบเปิลกลับด้วยแรง w เป็นแรงปฏิกิริยา2 หมออาจเข้าใจถูกแล้ว กิ่งจึงดึงแอบเปิลกลับด้วยแรง w เป็นแรงปฏิกิริยา2 แต่อธิบายไม่ดี  เลยทำให้คุณศลสับสนได้ เอาเป็นว่าเข้าใจละค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 02:14:07 จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 19 ก.ค. 51 02:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณมิ้นอาจจะเข้าใจเรื่องแรงถูกแล้ว แต่คำถามของผมคือ ผู้เขียน(หมอสม)เขาเข้าใจถูกหรือเปล่า คุณมิ้นอ่านข้อความนี้แล้วเข้าใจว่า ผู้เขียน ต้องการสื่อความว่าอย่างไรครับ (หน้า 70) "ผลไม้ที่ติดอยู่บนกิ่งจะมีแรงดึงดูดของโลกคอยดึงอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ไม่หลุดลงมาก็เพราะมีแรงอีกแรงหนึ่งจากกิ่งให้ทิศตรงกันข้ามคอยดึงลูกผลไม้นั้นไว้ นิวตันเรียกแรงชนิดนี้ว่า แรงปฏิกิริยา" ก) แรงดึงของกิ่งต่อผล = แรงดึงของผลต่อกิ่ง    ผลไม้จึงไม่ร่วง ข) แรงดึงดูดของโลก = แรงดึงของกิ่งต่อผล      ผลไม้จึงไม่ร่วง แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 02:14:11 จากคุณ : ikkyu - [ 19 ก.ค. 51 02:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ก ค้าบ ^^ เข้าใจละ อาจเป็นการเข้าใจผิด เพราะรวบรัด ข้อความ มากเกินไป หรือคุณหมอก็อาจจะไม่เข้าใจจริงๆ 55+ ยังไงก็ช่วยตอบ คห5 ล่างสุดด้วยค่ะ จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 19 ก.ค. 51 02:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มิ้นๆ (mint_la) ครับ ถ้าตามของหมอสม (หน้า 70) "ผลไม้ที่ติดอยู่บนกิ่งจะมีแรงดึงดูดของโลกคอยดึงอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ไม่หลุดลงมาก็เพราะมีแรงอีกแรงหนึ่งจากกิ่งให้ทิศตรงกันข้ามคอยดึงลูก ผลไม้นั้นไว้ นิวตันเรียกแรงชนิดนี้ว่า แรงปฏิกิริยา" ผลไม้ลูกนั้นคงขาดครึ่งไปแล้วละครับ มาแบ่งกันชัดๆได้ว่า 1. โลกดึงผลไม้ (ถ้าผลไม้มันห้อยอยู่ แรงนี้ก็มีทิศทางลงละนะ) 2. ก้านผลไม้ดึงผลไม้ อันนี้ดึงขึ้น จากสองข้อนั้น ถ้าผลไม้ไม่ยืดหยุ่นพอ ก็จะขาดลงมากองทีี่พื้น แต่ถ้ามันยืดหยุ่นพอละก็ ผลไม้ลูกนั้นคงยืดลงมาถึงพื้นดินละครับ อ่ะ หรือว่าเขาพยายามอธิบายปรากฏการณ์ การยืดตัวของมะเขือหว่า จุดนี้แหละที่ในหนังสือ ผิด จากคุณ : ginosty - [ 19 ก.ค. 51 02:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 #7 (แอบผิดหวังนะเนี่ย) "มิ้น ๆ ว่าถูกแล้วหรือครับ ans. ถูก แต่ที่ถูกจริงๆคือ เกิดแรงสองคู่" ถ้ามิ้น ๆ ว่าถูก ผมว่ามิ้น ๆ ผิดครับ เพราะถ้า โลกดูดแอบเปิ้ลด้วยแรง w เป็นแรงกิริยา กิ่งดึงแอบเปิลกลับด้วยแรง w เป็นแรงปฏิกิริยา 2 ข้อความนี้ถูก หมายความว่าแรงกิริยาและแรงปฏิกิริยาคู่ใด ๆ สามารถหักล้างกันได้ งั้นอย่ามีดีกว่าครับ ดีไม่ดีพาลจับกฎข้อนี้ไปใส่กฎข้อ 1 ได้เลย เพราะ ขนาดมันเท่ากันเสมอ ทิศทางตรงข้ามกันเสมอ ตอนนี้มิ้น ๆ บอกว่าถูกต้องที่มันจะอยู่บนวัตถุเดียวกัน (เอเมน) คุณหมอไม่ใช่อธิบายไม่ดี อธิบายดีเชียวล่ะ เพราะอธิบายจนผมเข้าใจได้เลยว่าแกเข้าใจว่าอะไร แต่สิ่งที่อธิบายมานั้นผิดครับ จากคุณ : ศล - [ 19 ก.ค. 51 02:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีตรงไหนในข้อความที่พูดถึงแรงดึงของผลต่อกิ่ง ด้วยหรือครับ ผมว่าไม่มีนะ จากข้อความนั้น เห็นเขากล่าวถึงเพียงสองแรงคือ 1-แรงดึงดูดของโลกคอยดึงผลไม้อยู่ตลอดเวลา 2-แรงอีกแรงหนึ่งจากกิ่งคอยดึงผลไม้นั้นไว้ แรงที่ข้อความนั้นไม่ได้พูดถึงคือ 3-แรงดึงดูดที่ผลไม้กระทำต่อโลก 4-แรงที่ผลดึงกิ่งไว้ ซึ่งแรงคู่กิริยาก็คือ 1 คู่กับ 3 และ 2 คู่กับ 4 ซึ่งแรงแต่ละคู่จะขนาดเท่ากัน ทิศตรงข้ามกันเสมอ ส่วน 1 กับ 2 ไม่จำเป็นต้องขนาดเท่ากันเสมอไป เพราะไม่ใช่แรงคู่กิริยา กรณีที่มันไม่เท่ากัน ผลไม้ก็จะมีความเร่ง แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 07:23:46 จากคุณ : ikkyu - [ 19 ก.ค. 51 02:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โอเค งั้นแปลว่ามิ้น อ่านไม่ดี หรือเข้าใจไปเอง ว่าคุณหมอเข้าใจค่ะ ตอนนี้มิ้น ๆ บอกว่าถูกต้องที่มันจะอยู่บนวัตถุเดียวกัน (เอเมน) ไม่ได้บอกแบบนั้นค่ะ บอกว่ามันเป็นแรงคนละคู่ แต่เรียกว่าแรงปฏิกริยาเฉยๆ ขอโทษคุณศลด้วย ^^ รวมถึง #14 ด้วย ไม่มีน่ะค่ะ แต่มิ้นคิดไปเองว่า คุณหมอคงหมายถึง แรงโน้มถ่วงดึงแอป ส่งผลให้แอปดึงกิ่ง "แรงอีกแรงหนึ่งจากกิ่งให้ทิศตรงกันข้ามคอยดึงลูกผลไม้นั้นไว้ นิวตันเรียกแรงชนิดนี้ว่า แรงปฏิกิริยา" คิดว่า ประโยคนี้ แยกจาก ประโยค หน้า "ผลไม้ที่ติดอยู่บนกิ่งจะมีแรงดึงดูดของโลกคอยดึงอยู่ตลอดเวลา" สรุปแล้วเป็นความเข้าใจผิดทาง การวิเคราะห์ภาษาของมิ้นเอง ค่ะ จบน้า แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 02:52:39 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 02:47:04 จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 19 ก.ค. 51 02:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มิ้นๆ (mint_la) ครับ ถ้าตามของหมอสม (หน้า 70) "ผลไม้ที่ติดอยู่บนกิ่งจะมีแรงดึงดูดของโลกคอยดึงอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ไม่หลุดลงมาก็เพราะมีแรงอีกแรงหนึ่งจากกิ่งให้ทิศตรงกันข้ามคอยดึงลูก ผลไม้นั้นไว้ นิวตันเรียกแรงชนิดนี้ว่า แรงปฏิกิริยา" ผลไม้ลูกนั้นคงขาดครึ่งไปแล้วละครับ มาแบ่งกันชัดๆได้ว่า 1. โลกดึงผลไม้ (ถ้าผลไม้มันห้อยอยู่ แรงนี้ก็มีทิศทางลงละนะ) 2. ก้านผลไม้ดึงผลไม้ อันนี้ดึงขึ้น จากสองข้อนั้น ถ้าผลไม้ไม่ยืดหยุ่นพอ ก็จะขาดลงมากองทีี่พื้น แต่ถ้ามันยืดหยุ่นพอละก็ ผลไม้ลูกนั้นคงยืดลงมาถึงพื้นดินละครับ อ่ะ หรือว่าเขาพยายามอธิบายปรากฏการณ์ การยืดตัวของมะเขือหว่า จุดนี้แหละที่ในหนังสือ ผิด จากคุณ : ginosty - [ 19 ก.ค. 51 02:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อแอปเปิล  (dy/ds) = (dy/du)(du/dx)(dx/ds)   เค้าคิดแบบนี้หรือป่าว พวกที่เขียนหนังสือชอบโชว์เหนือ จนทำให้งง เพราะทุกแรงล้วนกระทำการต่อกันเป็นทอดๆ ผมคิดแบบนี้ครับ มันเป็นตำราเรียนเหรอครับ หรือว่าหนังสืออ่านเสริม ถ้าเป็นตำราเรียนก็พออภัยเพราะจะต้องมีการขยายความจากอาจารย์แต่ถ้าเป็นหนังสืออ่านเสริมถือว่าไม่ค่อยจะน่าอ่านสักเท่าไหร่ เพราะจะทำให้สับสน แต่เหมาะกับคนต้องการใช้จิตนาการอย่างมาก หรือว่า ประเด็นที่เด่นของหนังสือเล่มนี้คือ ต้องการให้ผู้อ่านสร้างจินตนาการบรรเจิด 55+ จากคุณ : askedwutt - [ 19 ก.ค. 51 02:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หมอสม VS. คุณศล จากคุณ : Keropii,MCE - [ 19 ก.ค. 51 03:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นคุณหมอว่าอยากจะเปิดโรงเรียนสอนฟิสิกส์ที่อธิบายด้วยภาพนี่ครับ อธิบายแบบคุณหมอ  อาจจะทำให้นักเรียนเข้าใจฟิสิกส์มากขึ้น  และเห็นว่าฟิสิกส์เป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งที่เด็กเข้าใจ  อาจกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด ๆ   ยุ่งละซีทีนี้  ผมยิ่งโง่ ๆ ฟิสิกส์อยู่  ตอนแรกอยากอ่านหนังสือคุณหมอ  เพราะได้ยินว่า  คุณหมออธิบายด้วยฟิสิกส์ด้วยพุทธศาสนา ขอบคุณคุณศลมาก  ที่ยอมเปลืองตัวออกมาให้ความรู้ จากคุณ : jedi-jaidee - [ 19 ก.ค. 51 06:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าให้เด็กๆเค้าเข้าใจแบบที่คุณหมอจะสอนก็ดีนะครับ ไม่เชื่อคุณลองเขียนบทเรียนฟิสิกส์ซักเรื่องดิ จะรู้ว่ามันมีแต่คำยากๆเต็มไปหมด เพราะเวลาเราเขียน เราจะมองจากมุมมองของเรา ที่เข้าใจฟิสิกส์อย่างละเอียด ชัดเจน แจ่มแจ้ง ทะลุ ปรุโปร่ง (แต่สร้างไรไม่ได้ซักอย่าง) แต่คุณหมอเขียนด้วยมุมมองของคนที่ไม่เข้าใจฟิสิกส์ครับ มันเกินขั้นที่คุณกำลังอธิบายไปอีกขั้นหนึ่ง เป็นการอธิบายเพื่อให้คนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้อะไรเลย ได้รู้ ได้เข้าใจ เมื่อเค้าเข้ามาอ่านเค้าชอบฟิสิกส์เค้าก็จะรู้ตามที่คุณรู้เอง จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง - [ 19 ก.ค. 51 07:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณคุณศลมากๆ ด้วยครับ ที่ไม่วางเฉยต่อเรื่องนี้ และขอบคุณไปถึง ดร. บัญชา อีกคนนึงด้วย http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6800053/X6800053.html การเขียนที่อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการ (แม้แต่หนังสือนิยาย) ถ้าเขียนถูกๆ ผิดๆ คนอ่านก็ได้รับความรู้ผิดๆไป เรียกว่าชุ่ยและน่าตำหนิ ต่อให้คนเขียนเก่งเทพแค่ไหน ก็น่าจะมีการริวิวก่อนที่จะพิมพ์ จากคุณ : ikkyu - [ 19 ก.ค. 51 07:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คห ยี่สิบ ผมคิดว่า แบบนั้น อันตรายครับ ถ้าคนเราเข้าใจอะไรไปแล้ว มันยากที่จะไปเปลี่ยนแปลงความเข้าใจนั้น ถึงแม้ว่าความเข้าใจเก่ามันจะขัดต่อความจริงก็เถอะ บทเรียนฟิสิกส์ ที่อธิบายด้วยภาพ ของต่างประเทศมีเยอะแยะไปครับ ทำออกมาเป็นการ์ตูนยังมีเลย แบบนั้นยังจะเหมาะซะกว่า บางเรื่องที่ไม่คิดว่าเค้าจะทำออกมาเป็นการ์ตูนได้ก็ยังมีครับ อย่าง Fourier transform (ทำออกมาก่อนผมเกิดอีก อาจารย์ผมหยิบมาให้ดูในสภาพที่กระดาษกรอบไปหมดแล้ว) จากคุณ : ginosty - [ 19 ก.ค. 51 09:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อนานมาแล้ว http://atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5120334/X5120334.html&Query=ปัจจตัง%20ศล จากคุณ : AlleluiA - [ 19 ก.ค. 51 10:50:27 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โอ้เย้ ผมเคยเข้าไปอ่านเรื่องที่คุณศลติมาที่ว่านี้ ในบล็อคคุณศลแล้วนี่นะ ชอบบรรยากาศห้องหว้ากอแบบนี้จังเลยครับ อยากให้เป็นแบบนี้บ่อยๆบ้างจัง นอกเรื่องได้พอคลายเครียด ไม่ใช่ 100 กระทู้ นอกเรื่อง 90 ^^ ปล.ไม่เห็นด้วยกับ #20 และเห็นด้วยกับ #22 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 11:51:51 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 19 ก.ค. 51 11:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่มีใครตอบ #5 ของเราเลย จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 19 ก.ค. 51 12:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คห ห้า ของคุณมิ้นๆ ขอถามนิยาม พลังงาน ของคุณมิ้นก่อนครับ จากคุณ : ginosty - [ 19 ก.ค. 51 13:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พลังงานไม่ทำให้เกิดแรงแน่นอน แรงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพลังงาน (หมายถึงมีแรงแรงหนึ่ง ทำให้เกิดแรงสุทธิไม่เป็นศูนย์น่ะ) เนื่องจากงาน คือการเปลี่ยนแปลงพลังงาน แต่ถ้าไม่มีแรงไปกระทำ(แรงสุทธิเป็นศูนย์) ก็มีพลังงานได้ แต่จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงพลังงาน เท่านั้นเอง จากคุณ : อัมมาลย์ - [ 19 ก.ค. 51 13:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความเข้าใจฟิสิกส์ผิดๆมีทุกสังคมครับ แม้แต่เด็กกลุ่มที่เรียนเก่งที่สุด แต่ถ้าไม่ได้สนใจจริงๆ โอกาสจะแก้ความเข้าใจผิดยากครับ เหมือนการคัดเลือกอย่างหนึ่ง คือ ถ้าคุณไม่เข้าใจเรื่องแรงคู่กิริยา คุณก็จะเข้าใจผิดเรื่องอื่นๆ ต่อไป แล้วระยะห่างเรื่องความเก่งกาจก็จะห่างกันไปด้วย เหมือนค่อยๆมีด่านสำหรับกักน่ะครับ คนที่ถึงเส้นชัยถึงได้มีน้อย ส่วนใหญ่ ตายตั้งแต่น้ำตื้น นี่คือเหตุผลว่า ทำไมสมัยก่อน คนเก่งก็ได้เต็ม100หรือ9xไปเลย คนอ่อน ก็ได้แค่1x หรือ 2x โดยที่คนได้เต็ม100มีปริมาณเยอะกว่าวิชาอื่นเยอะเลย ส่วนคนอ่อนๆก็เยอะกว่าวิชาอื่นเช่นกัน คุณทันตแพทย์สมก็คงเข้าใจอะไรผิดๆไปเยอะ ไม่น่ามาเขียนหนังสือน่ะนะ แต่รายได้ดีล่ะมั้ง เล่นกับฟิสิกส์ยิ่งขายดี เพราะนักเรียนไม่เข้าใจฟิสิกส์มีเยอะ จากคุณ : อัมมาลย์ - [ 19 ก.ค. 51 14:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เหอๆ ขนาดผมจบบริหารมายังรู้เลยว่าผิด... จากคุณ : Cocopok - [ 19 ก.ค. 51 18:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เฮ้ยยยย !!! จากคุณ : pattapon - [ 19 ก.ค. 51 18:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าน่าจะคุยกับทางสำนักพิมพ์ดูก่อน ถ้าเกิดไม่มีการแก้ไข คงต้องทำอะไรซักอย่าง . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 19 ก.ค. 51 20:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หนังสือของคุณหมอสมไม่ใช่หนังสือวิชาการเป๊ะๆ ความผิดเรื่องที่มาที่ไปของ กฎ จึงไม่น่าจะสำคัญเท่าไหร่  ข้อ 1 2 3 และ 4 ไม่หนักไม่หนา ที่น่าจะผิดจริง ก็ข้อ 5.แรงกิริยา = แรงปฏิกิริยา  (ผมไม่ได้รู้เรื่องนะครับ ก็อ่านเอาจากกระทู้นี้ และคห.14 ทำให้เข้าใจ)    มีผิดพลาดเรื่องอื่นๆ อีกหรือเปล่า คืออ่านแล้วสนุกดี  คุณศลทำให้ผมพอเข้าใจเรื่อง มวลกับน้ำหนัก ขึ้นเยอะ,เรื่องที่มา f=ma ก็ด้วย   ถามอีกนิดทำไมคุณศล จึงคิดว่าแนวคิดของพุทธศาสนาไม่เป็นวิทย์ ละครับ ?       คุณ มิ้นๆ (mint_la) มาขยายความต่อจาก #5 หน่อยซิครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 21:26:00 จากคุณ : เอแดง - [ 19 ก.ค. 51 21:24:52 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ทำไมต้องขอนิยามของเราก่อนถึงจะตอบได้อ่ะ  ทฤษฎีที่มันอิงแค่คนๆเดียว มันจะเรียกว่าทฤษฎีได้เหรอ จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 19 ก.ค. 51 21:39:39 ]

ความคิดเห็นที่ 34 หนังสือมีจุดมุ่งหมายที่จะอธิบายเด็กที่ไม่เข้าใจฟิสิกส์นี่ครับ ความผิดเรื่องที่มาไม่สำคัญไม่ได้ครับ ผมลำบากมาขนาดไหน กว่าจะผ่านชั้นเรียนฟิสิกส์ม.4มาได้ ไม่ได้โทษอาจารย์ว่าสอนผิดหรอกครับ แต่ถ้าสอนผิดจะเป็นอะไร ที่ยุ่งยากเหลือเกิน ความคิดมันตีกันไปหมด ที่ปรึกษาก็ไม่มี เรียกได้ว่าไม่เข้าใจอะไรก็มืดแปดด้าน เรียกได้ว่าต้องพินิจทุกตัวอักษรของหนังสือเลย จากคุณ : อัมมาลย์ - [ 19 ก.ค. 51 21:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จขกท โปรดอ่านบทอื่นโดยไว จากคุณ : eera - [ 19 ก.ค. 51 22:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เพิ่งไปร้านหนังสือเย็นนี้ อยู่หิ้งหนังสือขายดีเสียด้วย ต้องขอโทษด้วยครับ ยังไม่ได้ซื้ออ่านเลย แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 12:17:03 จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 19 ก.ค. 51 23:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37  คุณเมษฯอ่านแล้ว  ผลเป็นไงบ้าง? แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 23:22:01 จากคุณ : เอแดง - [ 19 ก.ค. 51 23:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณครับคุณ ikkyu คุณ ginosty  โดยเฉพาะ#22 และคุณอัมมาลย์โดยเฉพาะความเห็นที่ #34 มิ้น ๆ อีกคน ขอบคุณที่เป็นแนวร่วมครับ (เป็นจริงรึเปล่าไม่รู้ ขอดึงตัวไว้ก่อน) #20 คุณกำลังจะบอกว่าให้เด็กเข้าใจผิด ๆ ก็ดีเหรอครับ #31 ถ้าสำนักพิมพ์ยอมแก้ไขให้ถูกต้องจะดีมากเลย เพราะหนังสือ popular science บ้านเรามีน้อย (เมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ) ยังไม่ต้องแก้ตามที่ผมบอกก็ได้ ลองไปปรึกษาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ จุดไหนผิดก็แก้ อย่าปล่อยให้เสียชื่อเสียง สำนักพิมพ์และคุณหมออาจไม่เสียตอนนี้ แต่ต้องเสียเข้าสักวัน เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของคนอ่าน คนที่ควักเงินในกระเป๋าซื้อหนังสือด้วยครับ #32 ตามความเห็นของผม ข้อ 1 กับ 3 ไม่หนักหนา แต่แสดงภูมิรู้ภูมิปัญญาของผู้เขียน ข้อ 2 หนักหนา เพราะมันคือนิยามของคำที่ใช้วิชานี้ ในเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่เข้าใจคำ คุณจะเข้าใจความหมายของมันได้ยังไง คุณจะสื่อสารกับคนอื่น ๆ ได้ยังไง ข้อ 4 หนักหนา เพราะตีความหมายของกฎผิด เข้าใจกฎผิด มีอย่างที่ไหน น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เพราะเคลื่อนที่ขึ้น น้ำหนักคืออะไร ? ข้อ 5 หนักหนา และหนักชนิดที่ไม่เห็นแก่หน้านิวตันเลย ผมเพิ่งอ่านไปแค่ 10 แผ่น เดี๋ยวจะอ่านต่อครับ ทำไมผมคิดว่าพุทธศาสนาไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ขอตอบสั้น ๆ นะครับ เพราะพุทธศาสนาเกิดจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็น ปฏิเวธ (penetrate) ความรู้ของพระพุทธศาสนาเรียกว่าหลักธรรม (บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก) ส่วนกระบวนการให้ได้มาซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้อาศัยการตรัสรู้ แต่อาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีที่ได้มาซึ่งความรู้ของทั้งคู่แตกต่างกันชัดเจนอยู่แล้ว #35 ผมเพิ่งกลับจากดูคอนเสิร์ตฟังบรานเด็นบวร์กของบาค (รวดเดียว 6 หมายเลข) เดี๋ยวรอให้กลิ่นไอดนตรีหมดไปแล้วผมจะอ่านต่อครับ จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 00:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หนังสือมีชื่อเต็มว่าอย่างไรคะ ขอชื่อไปเสิชหน่อยจิ หาเจอละค่ะ เลยได้รู้มาว่าแกเปิดติวเตอร์สอนฟิสิกส์ด้วย  - -" แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 09:12:30 จากคุณ : -ทำเป็นเล่นไป- - [ 20 ก.ค. 51 00:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คคห36ครับ แต่ก่อน ไรขายดี ก็ขึ้นหิ้งนะใช่ แต่เดี๋ยวนี้ ผมไม่รู้นะว่า อยากขายดี เลยขึ้นหิ้งรึเปล่า จากคุณ : mohicann - [ 20 ก.ค. 51 00:33:23 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ... เข้ามาดู . . . ลงชื่อไว้ก่อน ในฐานะที่ซื้อหนังสือของ ทันตแพทย์ท่านนี้หลายเล่มอยู่ จากคุณ : Koongie - [ 20 ก.ค. 51 00:44:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อ่ะ คุณมิ้นๆ ครับ ที่ขอนิยาม จะได้เข้าใจว่า เราเข้าใจตรงกันแค่นั้นแหละ อุอุอุ เคยไปสอนเพื่อนอยู่ครั้งนึง อธิบายไงมันก็ไม่เข้าใจ มารู้ตอนสุดท้ายว่า มันเข้าใจนิยามไปอีกแบบนึง ส่วนเรื่องของหนังสือ ผมรู้สึกไม่ดีตั้งแต่เล่มที่เป็น ไอสไตน์ละ ยิ่งไปดูรายการทางทีวีที่คุณหมอมาออก ยิ่งไม่ชอบไปกันใหญ่ คือรู้สึกได้ว่า ออกทะเล และจับแพะชนแกะ แต่ด้วยความอยากรู้เลยไปยืนอ่านที่ร้านลูกเดียว จากคุณ : ginosty - [ 20 ก.ค. 51 04:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ฟิสิกส์ อ่านเพียวๆสนุกกว่ามาแทนตัวอย่างให้ดู แนวคิดของฟิสิกส์เพียวๆไม่เอาสมการของคณิตศาสตร์มาปนนะ อ่านประวัติย่อของกาลเวลาถึงจะงงๆแต่ก็สนุกดี ปล.หมอสมนี่ใครหรอครับไม่เคยเห็นได้ยินชื่อ รู้ จักแต่ อ.บัญชา จากคุณ : Mr.june - [ 20 ก.ค. 51 09:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 44 นาน ๆ หนูจันทร์จะได้แวะมาหว้อกอสะที ไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ แหะ แหะ คงต้องย่อยเป็นธรรมชาติอีกเยอะ กว่าหนูจันทร์จะเข้าใจ... แต่ขอบคุณคุณศลที่ช่วยเปิดสวิทช์ให้ แต่เท่าที่อธิบายแบบภาษาง่าย ๆ หนูจันทร์ก็เข้าใจเยอะ รวมทั้งที่ท่านอื่น ๆ พยายามอธิบายกันด้วย แต่แอบขอขำ ความเห็นที่ 38 ที่ตอบคำถามความเห็นที่ 35 #35 "ผมเพิ่งกลับจากดูคอนเสิร์ตฟังบรานเด็นบวร์กของบาค (รวดเดียว 6 หมายเลข) เดี๋ยวรอให้กลิ่นไอดนตรีหมดไปแล้วผมจะอ่านต่อครับ" คงต้องรอคุณศลแปลงร่างก่อน   เธอมีร่างหลายภาค (ความสามารถ) อยู่  เหะ เหะ... แต่ก็คงไม่นาน คนอะไรก็ไม่รู้อ่านหนังสือเร็วเป็นบ้า แถมขมองอิ่มมีหลายล้านกิ๊กอยู่ ทั้ง input/output  อีกต่างหาก ...เอ หรือขมองอิ่มความจุเป็นไม่มีลิมิทนี่ เฮ้อออ อยากฉลาดได้สักละอองฝุ่นกับเขาบ้างคงดี .... จากคุณ : Tethys - [ 20 ก.ค. 51 11:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 45 การอ่านฟิสิกส์ที่เป็นส่วน popular science อ่านแค่ผลลัพธ์ที่ฉาบฉวย แค่เปลือกนอกของฟิสิกส์ แล้วพาลตีความกันมั่วซั่วไปแบบนี้ จะยิ่งทำให้เด็กเข้าใจผิด และจำสิ่งผิด ๆ ไปจนโต ผมขอพูดในฐานะคนเรียนฟิสิกส์ แบบจริง  ๆ จัง ๆ สักหน่อย (ยังไม่ได้อ่านสักเล่ม ของ คุณหมอ(ฟัน)สมนะครับ) การเขียนหรืออธิบาย เกี่ยวกับเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ ควรจะอธิบาย โดยผู้รู้จริง ไม่ใช้เพยงรู้แบบฉาบฉวย ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วมาเล่าครับ นักวิทยาศาสตร์ หลายต่อหลายคนพยายาม อธิบาย สิ่งต่าง ๆ ให้คนอื่นเข้าใจง่าย ๆ ตีความสมการยาก ๆ ให้เป็นเรืองราวที่ดูง่าย แต่ดูแปลกประหลาด จนดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจ อย่างเช่นเรื่อง สัมพันธภาพ หรือควอนตัมฟิสิกส์ พวกเค้าเหล่านั้นทำได้ เพราะ เค้ารู้ต้นตอที่มาที่ไป เป็นอย่างไรมาอย่างไร ทำไม เวลาหดสั้นลง เงื่อนไขเป็นอย่างไร มีกรณีใดบ้าง แต่หลายคนไปอ่าน แล้วเกิดสนุก อยากรู้เรื่องราว เพิ่มเติม แต่ไปอ่านอะไรที่มีสมการอีรุงตุงนังไม่ได้ เพราะ ตัวเองก็ไม่ค่อยมีความรู้เท่าไรนั้น เพราะไม่ได้เรียนมาทางนี้โดยตรง แต่เอาไปเล่าต่อ ก็เหมือนกับที่เราเล่นเกม ส่งข่าวนั้นแหละครับ จากคนที่ 1 ไปคนที่ 2 3 4 ไปเรื่อย ๆ เนื้อหาย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้ ผมไม่เห็นด้วยกับการอธิบายผิด ๆ แล้วบังเอิญผลลัพธ์ ถููก แล้วบอกว่าเพื่อให้เด็กเข้าใจ เด็กทำได้ แบบนั้นครับ ้เพราะยิ่งทำให้เด็กเข้าใจผิดหนักกว่าเดิม เพราะแบบนี้หรือเปล่าการศึกษาไทยจึงย่ำอยู่กับที่แบบนี้ครับ (ขออนุญาตนอกเรื่องนิดนึง) ขนาดหนังสือเรียน บางเล่มยังสอนผิด ๆ ถูก ๆ เลยครับ ส่วนเรื่องวิทยาศาสตร์ กับศาสนาพุทธ ผมคิดว่า ควรแยกกันนะครับ วิทยาศาสตร์ ก็วิทยาศาสตร์ ศาสนาพุทธ ก็ศาสนาพุทธ แค่ศาสนาพุทธ มีความคิดหลายสิ่ง หลายอย่างที่ตรงกับแนวคิดวิทยาศาสตร์เท่านั้น ไม่ต้องพยายามตีความอะไีรมากกว่าไปกว่านั้นเถอะครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 11:57:18 จากคุณ : handghost - [ 20 ก.ค. 51 11:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 37 คุณเมษฯอ่านแล้ว  ผลเป็นไงบ้าง? ขอโทษครับ ยังไม่ได้ซื้ออ่านเลย จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 20 ก.ค. 51 12:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมความเห็นที่ยี่สิบนะครับ กำลังรู้สึกว่าหลายๆคนเข้าใจความหมายของผมผิดไป ผมหมายถึงว่า ถ้าคนที่เค้าสนใจในฟิสิกส์มากๆ แล้วเค้าอ่านพวกนั้นแล้วรู้ว่าผิด ก็อาจจะอ่านต่อไปด้วยความรู้สึกว่า คนเขียนจะออกทางไหน แต่ถ้าคนที่ไม่สนใจและไม่รู้ฟิสิกส์แล้ว แม้แต่นิยามของ คำ เอามาออกสอบให้เขียนก็ยังมีคนเขียนผิดเยอะแยะเลย เพราะว่าคนเขียนหนังสือส่วนมากเขียนจากประสบการณ์ตัวเอง มองจากมุมที่ตัวเองรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นแบบนี้ มีบางความเห็นข้างบนบอกว่า ต่างประเทศมีการ์ตูนฟิสิกส์ด้วย เขียนแบบนั้นยังดีกว่าเลย เอาเลยสิ คุณเขียนเลยสิ มาบอกผมทำไม ถ้าคิดว่าแบบนั้นดีกว่าทำออกมาเลย ไม่ใช่ว่ามาจับผิดคนทำงาน แล้วภูมิใจไปเองว่าตัวเองฉลาด มีผลงานแล้ว ทั้งๆที่ไม่ใช่เลย ไม่มีผลงานอะไรเลย จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง - [ 20 ก.ค. 51 13:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เรื่องพื้นฐาน เข้าใจผิดๆไม่ได้หรอก คุณหมอเป็นคนดัง คนตามอ่านหนังสือตั้งเท่าไร เมื่อวานเดินผ่านร้านหนังสือก็เห็นขึ้นหิ้งหนังสือแนะนำ ไม่ว่าคุณหมอจะมีเจตนาดี อยากให้เด็กไทยเข้าใจฟิสิกส์ง่ายๆ เป็นหนังสืออ่านเล่น หรืออย่างไรก็ตาม แต่ผิดก็คือผิดและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข หวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี จากคุณ : Cryptomnesia - [ 20 ก.ค. 51 14:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ... เข้ามาดู จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 20 ก.ค. 51 14:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ^ ^ เนียนเลยครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 20 ก.ค. 51 14:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 51  46#  เห็นบางคนบอกยืนในร้านอ่านก่อน ถ้าชอบค่อยซื้อ    --------------------------------------------------------   ทำไมผมคิดว่าพุทธศาสนาไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ขอตอบสั้น ๆ นะครับเพราะพุทธศาสนาเกิดจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็น ปฏิเวธ (penetrate)ความรู้ของพระพุทธศาสนาเรียกว่าหลักธรรม (บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก)ส่วนกระบวนการให้ได้มาซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้อาศัยการตรัสรู้แต่อาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์     วิธีที่ได้มาซึ่งความรู้ของทั้งคู่แตกต่างกันชัดเจนอยู่แล้ว  ----------------------------------------------------------        ผมก็ไม่แน่ใจว่า การตรัสรู้ เกิดขึ้นได้อย่างไร  แต่แน่ใจว่า การตรัสรู้ ก็ต้องมีวิธีการให้เข้าถึง(แม้ว่าจะยาก) ถ้า วิทยาศาสตร์ คือกระบวนการแสวงหาความจริงที่มีลำดับ เมื่อพิสูจน์ตามลำดับ ก็ให้ผลเหมือนเดิม   พุทธศาสนาก็น่าจะมีส่วนเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย      ผมว่าที่จริง ศาสตร์ทุกแขนง ต้องการเพียง ผลลัพท์  วิธีการเป็นเพียงเครื่องช่วยยืนยันความถูกต้อง      เช่น  สมมุติให้บวกเลขจำนวนมากๆ  เราจะบอกว่าคนคิดเลขในใจ คิดไม่เป็นวิทย์ไม่ได้(ตราบเท่าที่ ผลลัพธ์ถูกต้อง) เราอาจไม่เห็นวิธีการคิดของเขา แต่เมื่อผลลัพธ์ถูกต้องอยู่เสมอ  อันนั้นก็คือวิทยาศาสตร์          ผมจะสรุปนะครับ ว่า...วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่อยู่ภายในพุทธศาสนา คือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพุทธศาสนา (ผมไม่ได้บอกว่าพุทธเหนือกว่า อย่าเข้าใจผิด)   สาเหตุที่ วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่พุทธศาสนา ก็เพราะวิทยาศาสตร์ ยังไม่ครอบคลุมความจริง (และผมไม่ได้บอกว่าพุทธเหนือกว่า อย่าเข้าใจผิด เพราะจะเหนือหรือไม่เหนือ ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้ประโยชน์อะไร )   ความไม่ครอบคลุมก็อย่างเช่น     มีไก่ในเล้าอยู่จำนวนนึง ทุกวันจะถูกนำไปเป็นอาหารหนึ่งตัว แล้วคนจะหาลูกไก่มาเพิ่มในเล้าหนึ่งตัว   ผ่านไปเวลานึงไก่ชุดแรกๆ ก็หมดไป จะเหลือแต่ไก่รุ่นใหม่ๆ   คำถามก็คือ ...       ทำไมไก่ในเล้า จึงคิดว่า  โลกของความจริง มีเพียงเท่าที่มันเห็น  คือถ้าไก่ที่ตายแล้ว พูดได้ก็คงบอกว่า  เฮ๊ย ไม่จริง  โลกไม่ได้มีแค่อย่างที่พวกแกเห็น เพราะพวกข้าไม่เห็นอะไรเลย       ผมว่าคนเราก็เหมือนกัน ที่ต้องให้คนอื่นมาช่วยตัดสิน ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง  เหมือนว่าเมื่อเราตาย เราก็จะยังยืนยันว่าโลกมีอยู่ เพราะเราจะคิดใช้คนที่ยังไม่ตายมายืนยัน ส่วนเราเองยืนยันไม่ได้แล้วเพราะตายซะแล้ว    ดังนี้แล้วการแสวงหาความจริงของวิทยาศาสตร์  จึงมีข้อด้อย   ไม่ได้มาเถียงกับคุณศล  เพราะคุณศลก็สนใจพุทธศาสนา ก็ถือว่าเราแลกเปลี่ยนความคิดกันไป  และผมว่า คุณศล ไม่ชอบ ถ้าใครนำพุทธศาสนาไปใช้แบบ เอ่อ  ..ผิดฝาผิดตัว   แต่ถ้าไม่ซีเรียส อยากเห็นคุณศลเขียนหนังสือแนวๆนี้บ้างนะครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 14:40:19 จากคุณ : เอแดง - [ 20 ก.ค. 51 14:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อย่างน้อย ท่าน ทพ.สม ก็คงขอบใจ คนช่วยตรวจสอบ (ที่สำคัญ ฟรีๆ) ทำให้หนังสือถูกต้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น  ถ้าขายดี คงต้องมีพิมพ์ซ้ำแก้ตอนนั้นก็ได้มั้ง จากคุณ : เอแดง - [ 20 ก.ค. 51 14:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 53 #52 แก้แทบทั้งเล่ม... อีกเล่มก็ผิดตั้งแต่แนวคิด... . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 20 ก.ค. 51 15:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เชื่อคห44 เลยไปท่องบล๊อกคุณศลมา สงสัยมีความน่าจะเป็นค่อนข้างสูงที่ผมจะต้องรอนาน 555 ว้า ผมก็ต้องซื้อเล่มนี้แล้วดิ ชักอยากรู้ มันเหมือนสมัยเด็กเวลาเราทำโจทย์ กับเพื่อน แล้วเราทำถูก(โดยบังเอิญ) แต่เพื่อนผิด พอช่วยกันดูว่าเค้าผิดยังไงเนี่ย เราจะเข้าใจขึ้นไปอีกนะครับ ยกเว้นคุณศลจะเป็นสไตล์ ตีเหล็กต้องตีเมื่อร้อน อันนี้เราอาจได้อ่านกันเร็วหน่อยนิ จากคุณ : eera - [ 20 ก.ค. 51 15:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ต้องแก้ทั้งเล่มรึป่าวเนี่ย จากคุณ : ฟินจัง - [ 20 ก.ค. 51 15:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 56 #47 แปลว่า "ปล่อยมันเหอะ ผิด ก็ไม่เป็นไร ดีแล้ว เยี่ยมแล้ว มีแต่คนอวดฉลาดเท่านั้นที่เข้ามาท้วงติง" รึเปล่าครับ #48 เห็นด้วยครับ #51 ผมขี้เกียจคุยเรื่องศาสนา #52 ถ้าแก้ไขจริงอนุโมทนาสาธุเลยครับ ยกค่าวิชาให้ฟรี ๆ #54 กำลังจะโพสต์ต่อแล้วครับ จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 16:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ความเห็นห้าสิบหกเกือบเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อแล้วครับ ผมกำลังสื่อถึงคนทำงานกับคนท้วงคนทำงานครับ ถ้าคุณเห็นว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนั้นเขียนไม่ดีผิดตรงไหน หรือคุณแน่ใจว่าอธิบายได้ดีกว่า ทำเป็นผลงานออกมาเลยครับ พิมพ์เล่มขายเลย ถ้างานของคุณดีกว่า ยอดขายก็มากกว่าของเค้า ของเค้าก็ขายไม่ได้ไปเองแหละครับ ทำเสร็จแล้วมาประกาศนะครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง - [ 20 ก.ค. 51 16:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมอ่านบทที่ 4 การเคลื่อนที่แบบวิถีโค้งแล้ว ประเด็นต้องชี้แจงข้อความที่เชื่อว่าคุณหมอเข้าใจผิด และอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดดังกระทู้ที่แตกประเด็นไปครับ จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 16:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ไม่เข้าใจการกระทำของคุณซื่อสัตย์ มั่นคง ครับ ถ้าหนังสือของคุณหมอถูกจริง กระทู้นี้ก็ย่อมไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว สำคัญคือมันผิด และมันผิดเราจึงมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ หรือเราทำไม่ได้ ต้องไปเขียนหนังสือแย้งเขาเท่านั้น ห้ามมาวิจารณ์บนเว็บบอร์ด? อย่างที่บอกนะ เจตนาคุณหมอน่ะดีครับ แต่ผิดก็คือผิด สมควรแก้ไข เมื่อมีคนวิจารณ์ก็ควรน้อมรับไปพิจารณา ไม่ใช่ตะแบง จากคุณ : Cryptomnesia - [ 20 ก.ค. 51 16:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 20 ก.ค. 51 18:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ชอบค่ะชอบ ขอบคุณ คุณศลมากค่ะ จากคุณ : แมวบอส - [ 20 ก.ค. 51 18:56:08 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ทำไมถึงต้องมาประชดกัน จากคุณ : Mr.june - [ 20 ก.ค. 51 19:37:50 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ่าน โหวต และเก็บครับ จากคุณ : ประจุบวก - [ 20 ก.ค. 51 20:25:51 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ดีค่ะ เห็นด้วยว่า..ถ้ามีผิดควรทักท้วง.. ไม่อย่างนั้น วงการวิชาการจะพัฒนาได้ยังไง เผอิญไม่ถนัดเรื่องฟิสิกส์ด้วยนะคะ เห็นเล่มนี้คงมองผ่านแน่เลย แฮ่ อืมม...ที่น่าแปลกคือ พิมพ์ครั้งที่สามแล้วด้วย หนังสือเล่มนี้คงไม่ได้ใช้เป็นตำราแน่เลย..เพราะน่าหวั่นใจมิใช่น้อย เพราะหากเป็นตำรา..ก็ต้องมีคนในสาขาช่วยอ่านแก้ไขก่อนออกตีพิมพ์ งานตัวเองนี่เขียนออกมา ยังโดนแก้ไขซะเยินเลยค่ะ.. เอ้า สู้ ๆ นะคุณศล ถึงขั้นต้อง built อารมณ์ก่อนอ่านเลย.. อิอิ.. จากคุณ : คิมมี่ (*CriMy*) - [ 20 ก.ค. 51 21:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณซื่อสัตย์ มั่นคง  รู้ได้ไงว่าเค้า(คนอื่นที่วิจารณ์) ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์อยู่แล้ว หืมม แบบนี้ก็ห้ามวิจารณ์กันงั้นซี ต่างคนต่างผลิตออกมา ผิดถูกไม่มีใครรู้ เล่มไหนดีกว่าเล่มไหน ไม่มีใครรู้ แล้วคุณเอาที่ไหนมาพูดว่า ถ้าเขียนดีกว่า ก็ขายดีกว่า เพราะมันไม่มีคนวิจารณ์คนซื้ออาจซื้อเล่มเขียนผิดๆแต่สำนวนเฮฮาก็ได้ ธ่อ อนึ่ง คนวิจารณ์ อาจไม่ถนัดผลิตงานสร้างสรรค์สื่อ แต่เค้ามีความรู้ว่าตรงไหนผิด ซึ่งมันก็ดีกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว เฮ้อออ รู้สึกเหมือนเจอพวกที่บอก วิจารณ์หนังเก่งนัก ไปสร้างเองไป๊ ยังไงพิกล จากคุณ : Archi - [ 20 ก.ค. 51 22:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณเอแดงลองอ่านความเห็นของคุณศลในกระทู้นี้ดู (#28, #29, #31) http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6744149/X6744149.html จากคุณ : Kitsune - [ 20 ก.ค. 51 23:11:06 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณซื่อสัตย์พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ  ถึงผมจะทำอาหารไม่เป็น แต่ผมรู้ว่าอันไหนรสชาติดี อันไหนรสชาติห่วย (สำหรับผม) เพราะฉะนั้นผมก็มีสิทธิที่จะวิจารณ์รสชาติอาหารตราบใดที่ผมยังชิมรสได้  ใช่มั้ยครับ จากคุณ : Munch - [ 20 ก.ค. 51 23:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เข้ามาดูครับ ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เท่าไร หาข้อสรุปได้แล้วก็ให้พัฒนาปรับปรุงนะครับ ประโยชน์จะเกิดต่อคนอ่านหนังสือและกระทู้นี้ทุกคน จากคุณ : AW Milan - [ 21 ก.ค. 51 10:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ผิด Concept นี่รับไม่ได้อย่างรุนแรงครับ สิ่งหนึ่งตลอด 4 ปี ที่ผมเรียนในสาขาฟิสิกส์ ก็คือการะมัดระวัง สรุป คั้นเอาหัวใจของเรื่องนั้นๆออกมา ทั้งคำพูด นิยาม และคำสัญที่สุดคือคำอธิบายสำคัญ มนุษย์เดินดินทั่วไปสามารถจะเข้าใจได้ การใส่ความคิด ที่ผิดConcept ลงไป ผมไม่อยากนึกเลยครับ มันเป็นเหมือนการปลูกฝังความคิดผิดๆลงไป แล้วคนที่โชคร้ายที่สุดก็คือ เด็กนักเรียนที่ซื้อหนังสือมาอ่านมาทำแบบฝึกหัด ผมเจอเยอะครับ น้องน้องบางคนท่องจำแบบผิดๆมา พอเราอธิบายสิ่งที่ถูก ยังเถียงหน้าตั้ง เห่อ......... หนังสือแบบนี้  ผมเรียนว่า เพี้ยน ครับ ปล  คนระดับ รศ เเต่งหนังสือเพี้ยนยังมีเลยครับ หาซื้อได้ตามท้องตลาด บริษัท เอ็ดๆๆ ทั้งหลาย ขอบคุณ คุณศลมากครับ จากคุณ : joejo99 - [ 21 ก.ค. 51 10:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าห้ามวิจารณ์คนทำงาน เค้าน่าจะวงเล็บไว้ที่ปกซะหน่อยนะครับ ว่า "หากไม่พอใจสินค้า หรือพบข้อผิดพลาด ยินดีคืนเงิน" จากคุณ : ของเล่นใหม่ - [ 21 ก.ค. 51 15:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 71 หนูซื้อมาเเล้วคะ แปลกนะ หนูอ่านเเล้วเข้าใจ แต่พอมาอ่านในกระทู้ งงกว่าเดิม สรุปเเล้วที่อ่านไป เข้าใจผิดหรอ แต่คุณหมอเขียนเเล้วอ่านสบายไม่เหมือนหนังสือวิชาการเล่มอื่นๆ จากคุณ : namwana - [ 21 ก.ค. 51 18:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 72 #71 หนูลองตอบคำถามง่าย ๆ เหล่านี้ดู 1. มวลกับน้ำหนักต่างกันยังไง 2. แรงกิริยากับแรงปฏิกิริยาคืออะไร ทิศทางเป็นยังไง เกิดที่ไหน หักล้างกันได้มั้ย 3. ที่ลูกแอบเปิ้ลไม่ตกลงพื้นโลกทั้ง ๆ ที่มีแรงกิริยาคือแรงดึงดูดโลกดึงลงมาเพราะแรงปฏิกิริยาของแรงนั้นเหรอ 3. น้ำหนัก (หน่วยเป็นนิวตัน) ของคนเราเกิดจากอะไร เปลี่ยนแปลงไปตามแรงได้มั้ย 4. แรงเสียดทานคืออะไร เกิดขึ้นเมื่อไร อะไรมีผลกับแรงเสียดทานบ้าง 5. ปาก้อนหินขึ้นอากาศเมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วหล่นลงมา มันมีจุดสูงสุดได้ยังไง แรงปาก้อนหินค่อย ๆ ลดลงหรือ 6. เอ็นโทรปี้คืออะไร สัมพันธ์กับกฎการเคลื่อนที่ทั้ง 3 ข้อของนิวตันยังไง 7. ถ้าปาก้อนหินที่ความสูงเท่ากัน มันจะใช้เวลาอยู่ในอากาศได้นานเท่ากัน ใช้เป็นข้อสรุปได้ไหม 8. ความเร็วกับอัตราเร็วเหมือนหรือต่างกันยังไง 9. การเคลื่อนที่แบบวงกลมกับแบบหมุนเหมือนหรือต่างกันยังไง 10. แรงหนีศูนย์กลางคืออะไร 11. แรงสู่ศูนย์กลางคืออะไร เกิดจากอะไร เป็นคู่แรงกิริยากับข้อ 10. มั้ย ถ้าหนูตอบข้อ 1 ว่าต่างกัน แสดงว่าหนูไม่ได้อ่านหนังสือของคุณหมอจริง เพราะคุณหมอใช้ปน ๆ กัน แต่ถ้าหนูตอบข้อ 1 ว่าเหมือนกันและบอกว่าเห็นมั้ยหนูเข้าใจดี แสดงว่าหนูกำลังเข้าใจผิดนะครับ หรือข้อ 2 ถ้าหนูตอบว่าแรงกิริยากับปฏิกิริยาหักล้างกันได้ ทำให้แอบเปิลไม่ตกลงมา แสดงว่าหนูอ่านหนังสือของคุณหมอจริง และหนูก็เข้าใจตามที่คุณหมอเขียน แต่หนูกำลังเข้าใจผิดนะ ฯลฯ จากคุณ : ศล - [ 21 ก.ค. 51 19:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ว้า อย่างนี้พวกนักวิจารณ์หนังของ Hollywood นี่ ก็ควรจะถูกปลดออกให้หมด คนพวกนี้ไม่เคยสร้างหนังหรือกำกับหนังแม้ต่เรื่องเดียว หากจะวิจารณ์ว่าหนังเรื่องนี้เรื่องนั้นแย่หรือห่วย ต้องทำยังไงครับ ต้องออกมาสร้าง มากำกับเอง หรือครับ เล่มไอน์สไตน์ฯ แฟนซื้อมา ผมหยิบเข้าไปอ่านในห้องน้ำครั้งเดียว ไม่เคยหยิบมาอ่านอีกเลย ไม่ชอบครับที่จะสรุปอะไรเองง่ายๆแบบนั้น อีกเรื่องก็เจ็ดจักรวาลหรืออะไรนี่แหละ อุตสาห์ซื้อมาอ่านก็เพราะคนแต่ง เป็นถึง สย. อ่านแล้วอยากร้องไห้จริงๆ เก็บไว้ตั้งหลายปี แต่หายเสียแล้วตอนย้ายบ้าน กะจะเอาไปคืนคนแต่ง จากคุณ : ศักดิ์ระบือ - [ 21 ก.ค. 51 19:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ที่คุณศลจับผิด ยังน้อยไป เมื่อเทียบกับมาตรฐานหนังสือของเมืองนอก จะยกตัวอย่างหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อหนังสือ Introduction to Algorithms ของ MIT Press ตำรานี้ เรียกว่าเป็นตำราที่คนที่เรียน computer science ด้าน theory ทุกคนต้องรู้จัก ทราบไหมครับว่าตั้งแต่พิมพ์ครั้งแรก มีคนตรวจพบข้อผิดพลาดทั้งหมดกี่จุด? คำตอบ -- 236 จุด เขาให้คนอ่านช่วยกันแจ้งข้อผิดพลาดมา อันไหนผิดจริงก็เอาขึ้นเว็บ ลองเข้าไปอ่านในเว็บเขา คนเขาจับผิดชนิดที่ว่า ลืมเติม s ที่กริยา, ลืมเติม a หรือ the, ไวยากรณ์ผิด, พิมพ์ตัวเลขตัวใหญ่ผิด, ใช้ตัวแปรไม่สอดคล้องกัน (เช่นตอนแรกใช้ b ต่อมาใช้ B), ฟุตโน้ตใส่ตัวเลขผิด, ใช้วงเล็บผิด ไปจนถึงข้อผิดพลาดรุนแรงที่อาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน ทั้งหมด คนเขียนเขารับไปแก้หมด ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ไม่ต้องพูดถึงจุดใหญ่ว่าเขาซีเรียสกันขนาดไหน (ตอนนี้เหลือเพียง 2 จุดเล็ก ที่จะได้แก้ไขในการพิมพ์ครั้งต่อไป) แล้วผลจากการมาจับผิดแบบนี้ (ตั้ง 236 จุด) มันทำให้คุณค่าหนังสือลดลงหรือเปล่า? มันทำให้คนอ่านหมดศรัทธาในคนเขียนหรือเปล่า? เปล่าเลยครับ -- มันกลับทำให้หนังสือสมบูรณ์ขึ้น คนอ่านเกิดความมั่นใจขึ้นว่าได้อ่านในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเพชรน้ำเอกอีกเล่มหนึ่งในวงการคอมพิวเตอร์ ช่วยกันทำให้วงการหนังสือวิทยาศาสตร์บ้านเรามีคุณภาพเถิดครับ ป.ล. ถ้าใครอยากดูก็เข้าไปที่ http://www.cs.dartmouth.edu/~thc/clrs-2e-bugs/bugs.php ตรง Show errata in เลือก first printing แล้วกดปุ่ม Show errrta ครับ จากคุณ : Kitsune - [ 21 ก.ค. 51 22:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 75 #73 หนังสือไอน์ฯ  เรียกว่า  .."จับแพะชนแกะครับ" #74 เรียนด้วยความเคารพครับ ผิดผิดตกหล่น ไม่ร้ายแรงหรอกครับ แต่ ! ! !  ผิด concept นี่รับไม่ได้อย่างรุนแรงครับ ลักษณะอย่างที่ # 74 กล่าวหละครับ ตัวหนังสือเองมีการแสดงความสัมพันธ์ ที่ผิดจาก แนวคิดจิง และมีการ เออ ออ ด่วนสรุป ( ผมกับเพื่อนใช้คำว่าจับแพะชนแกะ )  เห็นบางประเด็นเข้าเค้า ก็ลากมาอ้างอิงเสริมแต่งก็ดูมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้าอ่านดูเพลินๆ ก็บางทำเนา แต่ถ้าอ่านเอาความรู้นี่ สงสารคนอ่านครับ เรามีสิทธิเลือกเสพความรู้ และ วิเคราะห์ความสมควร แต่สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงวิชาการโดยเฉพาะฟิสิกส์ มันถึงขันฉีกตำรา 100 กว่าปีที่มีมาเลยนะครับ ด้วยความเคารพ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 23:48:38 จากคุณ : joejo99 - [ 21 ก.ค. 51 23:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 76 สุดๆ อะ กระทู้นี้ ทั้งคุณหมอสม และคุณศล สงสัยอยู่อย่างว่าสำนักพิมพ์เค้าปล่อยหนังสือนี้ออกมาได้ไงอ่ะ รอติดตามค่ะ จากคุณ : โยษิตา - [ 22 ก.ค. 51 08:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ผิดกระทั่งนิยาม ผิดกระทั่งหลักการพื้นฐาน จะคุยกันรู้เรื่องได้ไงหว่า จากคุณ : อะธีลาส - [ 22 ก.ค. 51 17:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ที่บ้านไม่รู้ใครซื้อมา เลยได้อ่านแล้วเหมือนกัน สรุปไปสั้นๆเลย ก็แค่คนที่ "จับแพะมาชนแกะ" แล้วออกหนังสือมาหาเงินโดยใช้ความเป็นหมอ มาให้ดูเท่ห์ว่ามีความรู้ น่าเชื่อถือ เสียเวลาอ่านมากๆ ไม่ได้อะไรเลย จากคุณ : เจ้าหมูแมวน้ำ - [ 22 ก.ค. 51 21:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อ่าน คห แบบผ่านๆ ก็สงสัยว่าผิดยังไง พอคุณศลอธิบาย คอนเซปต์ เหอๆ มันผิดนี่หว่า (เหมือนเข้าใจว่ารถไฟหัวลาก ใช้น้ำมันทำให้วิ่งได้ ใช่ครับ ถูกครับ แต่เข้าใจผิด เพราะจริงๆแล้ว มันใช้น้ำมันปั่นไฟฟ้าเพื่อให้มอเตอร์ลากขบวนต่างหาก เลยเข้าใจผิดว่ารถไฟใช้น้ำมันลากขบวน) สมัยเรียน ม.4 ผมเองก็เคยเข้าใจฟิสิกส์แบบในหนังสือ คือทำถูก แต่คอนเซปต์ไม่ถูก ผลคือ ผมก็ทำข้อสอบได้ แก้ปัญหาในหนังสือได้ แต่พอไปเจอข้อสอบอื่นๆที่ยากๆต้องการเขียนอย่างละเอียด อย่างพวกพรีเอนทรานซ์พร้อมคำอธิบาย เรากลับทำไม่ได้ เพราะคอนเซปต์ที่ฝังหัวมา เราเข้าใจผิดอย่างแรงงงงง!!!!!! ขนาดหมอยังเชื่อไม่ได้ 100%  อาจารย์เดี๋ยวนี้ก็เอาแต่หื่นกับลูกศิษย์ จะหาความรู้กับใครได้มั่งเนี่ย 5555 จากคุณ : Demilo - [ 23 ก.ค. 51 03:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 80 กลายเป็นกระทู้ดิสเครดิตคุณหมอสมไปซะอย่างนั้น อันที่จริงเจตนาของเจ้าของกระทู้คือชี้จุดผิด ที่ต้องสะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่คุณหมอเข้าใจนั้น ผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ได้รับการยอมรับกันอยู่ในปัจจุบัน ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของกระทู้เข้าใจถูกไปทั้งหมด และของนายแพทย์สม ผิดไปทั้งหมด คงต้องใช้เวลาถกกันไปซักพักแบบนี้ เพื่อให้ผู้ติดตามอย่างเรา ๆ ค่อย ๆซึมซับและตัดสินได้ว่า จริง ๆแล้ว ตรงไหนบ้างที่ผิด ตรงไหนบ้างที่ถูก อย่างตัดสินแบบเหมารวมเลยนะครับ สังคมมันเละเทะและไม่พัฒนาเพราะการ "เหมารวม" แบบนี้มาเยอะแล้ว ที่แย่ที่สุด บางคนยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย ก็เข้ามาผสมโรงเฮฮา และก่นดาคุณหมอไปแล้ว ถือว่าท่านเป็นผู้ชมที่มั่วนิ่มมากเลยครับ หนังสือเล่มนี้ ดังมาก และขายดีมานานแล้ว น่าตกใจเหมือนกันที่บางคนที่เรียกตัวเองว่าผู้สนใจด้านวิทยาศาสตร์จะไม่รู้จักหนังสือเล่มนี้ (แอบแซว) ลองไปหามาอ่านดูครับ หนังสือไม่ได้เลวร้าย ยังมีส่วนดีอยู่อีกมาก โดยเฉพาะในส่วนของศาสนา ที่อธิบายหลักธรรมให้เข้าใจง่ายได้อย่างเห็นภาพ ส่วนของฟิสิกส์ที่ผิด ก็ว่ากันไปครับ Feedback ไปถึงสำนักพิมพ์เลยจะยิ่งดีครับ จะได้มีการปรับปรุงกันต่อไป จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 23 ก.ค. 51 11:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 81 หลักธรรมก็ผิดเยอะด้วยครับ สรุปว่าแพะทั้งฟิสิกส์และหลักธรรม สมควรดีสเครดิตละครับ ทั้งหนังสือ ทั้งคนเขียนเลย ดีสเครดิตให้เลิกเขียนไปเลย ถ้ายังไม่พยายามแก้ให้ถูกต้อง จากคุณ : alan the lamb - [ 23 ก.ค. 51 13:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อธิบายให้เข้าใจง่ายกับอธิบายถูก ผมว่ามันคนละเรื่องกัน และผมเชื่อว่า อธิบายง่าย กับ อธิบายถูกต้อง 2 เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้อง trade off กันด้วยครับ จากคุณ : ศล - [ 24 ก.ค. 51 00:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 83 วิชาการทางโลกก็ส่วนหนึ่ง ธรรมก็ส่วนหนึ่ง ถ้าจะเอาดีก็ควรเอาดีซักอย่าง หรือไม่ก็เน้นด้านใดด้านหนึ่ง เช่น เก่งวิชาการทางโลกและมีธรรมในใจ หรือปฏิบัติธรรมแบบยังไม่ถึงขั้นปล่อยโลก แล้วก็มีความรู้ในทางโลกสำหรับดำเนินชีวิตในประจำวันได้ เพราะเท่าที่ผมเห็นมา คนที่ศึกษาทั้ง 2 ด้าน 『และพยายามเอาทั้ง 2 ด้านนี้มาเชื่อมเข้าด้วยกัน』 เจ๊งทุกรายครับ คือจะเข้าใจอย่างผิดๆทั้ง 2 ด้าน เข้าใจผิดทางโลกยังไม่เป็นไร แต่การเข้าใจผิดทางธรรมเป็นการสั่งสมทิฏฐิที่ผิด แล้วยิ่งเผยแพร่ออกมาให้คนอื่นเข้าใจผิดตาม ยิ่งเป็นบาปด้วยครับ ปล ผมกล่าวรวมๆไม่ได้เจาะจงผู้ใดเลยครับ จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 24 ก.ค. 51 11:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 84 1. กฎของนิวตันไม่ได้ทำให้เรามีอะไรสารพัดดังที่คุณหมอเข้าใจ (หน้า 65) "ที่เรามีดาวเทียม รถไฟ เครื่องบิน รถยนต์ เครื่องซักผ้า เครื่องจักรทุกชนิด ฯลฯ ก็เพราะกฎทั้งสามข้อนี้" ก็ถูกของแกระดับหนึ่งอยู่นะผมว่า แต่ไม่ทั้งหมด เพราะกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันคือจุดตั้งต้นที่นำไปสู่การพัฒนา math models ทางกล ต่างๆ นำไปสู่วิชา continuum mechanics สมการของ Navier-Stokes และอื่นๆ จนกลายมาเป็นเทคโนโลยีทางด้าน computational mechanics computational fluid dynamics computational stuctural dynamics ฯลฯ หรืออาจอยู่ในรูปของ numerical methods เช่น FEM FVM FDM BEM ฯลฯ ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนา ชิ้นส่วนของสิ่งเหล่านั้น ทราบพฤติกรรมทางกลและความเป็นไปในกระบวนการขึ้นรูปของชิ้นส่วนเหล่านั้น ฯลฯ แก้ไขประโยคนิดหน่อยก็ OK แล้วครับ จากคุณ : AnotherPractitioner - [ 24 ก.ค. 51 13:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 85 #80 เย๊ย..กลับมานั่งอ่าน เจอคุณคนไทยฯ แซว (ใครก็ไม่รู้) "น่าตกใจเหมือนกันที่บางคนที่เรียกตัวเองว่าผู้สนใจด้านวิทยาศาสตร์จะไม่รู้จักหนังสือเล่มนี้ (แอบแซว)" รู้สึกร้อน ๆ พร้อมขำตัวเองเป็นอย่างยิ่ง...อิอิอิ ขอเป็นหนึ่งบุคคลนิรนามที่ยอมรับผิดโดยดี เพราะไม่รู้จักจริง ๆ ซ้ำร้าย..จนถึงตอนนี้มานั่งอ่านกระทู้ก็จริง..ยังไม่ได้ไปเดินหาดูเลยล่ะค่ะ แฮ่..ทำไมเราเป็นคนแบบนี้น๊า.. อิอิ.. :) จากคุณ : คิมมี่ (*CriMy*) - [ 24 ก.ค. 51 22:22:53 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เห็นเค้ากำลังจะเปิดคอร์สสอนพิเศษกันนี่ อย่างนี้แอฟพลายฟิสิกส์มีหวังตกงานแน่ๆ 555 ผมว่าเค้าคงจะวางแผนไว้อย่างดีแล้วล่ะ ปล่อยหนังสือออกมาก่อน พอติดแล้วก็เข้าแผนต่อไป รวยเละ จากคุณ : โรแมนติค (โรแมนติคโครตพิศดาร) - [ 25 ก.ค. 51 10:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ผมเองก็ชอบฟิสิกส์นะ แต่ไม่เก่ง ฮ่าๆๆ เห็นด้วยกับ จขกท. และหลายๆท่านที่ว่า อะไรที่สอนกันแบบผิด คนเรียนก็จะจำแบบผิดๆไปนั่นแหละ เรื่องแบบนี้ มันก็นะ ...ไม่ควรจะถูกนิ่งเฉยหรอก จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ 25 ก.ค. 51 13:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 88 หากแก้ไขแล้ว คนที่ซื้อแล้ว แลกคืนได้มั๊ยครับ ถามเจ้าของสำนักพิมพ์ หรือทำเป็นเว็บหน้าที่แก้ก็ยังดีนะครับ... แฮะๆ ใครช่วยแนะนำหนังสือฟิสิกส์ที่ตอบคำถามกระทู้ที่ #72 หน่อยครับ จะได้มาอ่านประกอบกัน จากคุณ : Optimus - [ 25 ก.ค. 51 19:38:01 A:202.12.97.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 89 รวมลิงค์ให้ครับ การเคลื่อนที่แบบวิถีโค้ง (ของหมอสม){แตกประเด็นจาก X6810858} http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6814863/X6814863.html การเคลื่อนที่แบบหมุน (ของหมอสม)...กระทู้นี้เดี้ยง http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6817082/X6817082.html ทำไมเข้ากระทู้คุณศลไม่ได้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6821235/X6821235.html แรงเสียดทาน (ความเข้าใจผิดจากหนังสือฟิสิกส์นิวตัน) http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6814863/X6814863.html งาน พลังงาน และกำลังงาน (ส่วนที่ผิดในหนังสือฟิสิกส์นิวตัน) http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6831066/X6831066.html จากคุณ : Cryptomnesia - [ 25 ก.ค. 51 19:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เห็นด้วยกับ 11, 12, 13 และอีกหลาย ๆ ข้อครับ ท่านคิดเองเออเองไปหมด ผมซื้ออ่านแล้วด้วยความอยากรู้ว่าจะจับแพะชนแกะอย่างไร เพราะมีแนวเขียนหลายคนเป็นแบบนี้ ซึ่งจะว่าไปก็เริ่มจากนักฟิสิกส์ฝรั่งบางคนเองนั่นแหละที่พยายามจับแนวคิด Modern physics (ทฤษฎีสัมพัทธภาพ, ควอนตัม, Chaos, String, Big bang, ......) มาเชื่อมว่าเข้ากันได้ดีกับพุทธธรรม เชื่อมแบบเอาสีข้างเขาถู หลังจากนั้นนักเขียนไทยก็เอาบ้าง เลียนแบบ หลงภูมิใจว่าฝรั่งมาชื่นชมพุทธของเรา เลยเขียนบ้าง เขียนกันใหญ่ เชิดชูพระพุทธเจ้า (แบบผิด ๆ) เยอะแยะไปหมด ถ้าฝรั่งไม่เริ่มให้ก่อน ก็คิดกันเองไม่ออก นี่ไปเลียนแบบเขามาแล้วยังมาตู่เฉยเลยว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์สู้ภูมิปัญญาพุทธเราไม่ได้ ถ้ามีปัญญาเองจริง ทำไมคิดเองไม่ได้ พอฝรั่งเริ่มให้ก็ต่อยอดเอากันใหญ่ กรณีของ "ไอสไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น" ก็มาในแนวการเจริญสติปัฏฐานให้เร็วเท่าการเกิดดับของคลื่นแสงโดยเปรียบเหมือนการเกิดดับของจิตที่เร็วเท่าทันกัน ทำให้เวลาหยุดนิ่งหายไป เข้าสู่นิพพาน อ่านเพลิน ๆ ก็สนุกดี ช่างคิดดี จับโน่นชนนี้ได้ดี อย่าไปซื้อมาอ่านเลยนะ จะพาเราสับสน จะดึงเอาพุทธธรรมผิดเพี้ยนไป กรณี "ฟิสิกส์นิวตัน" ยิ่งเพี้ยนหนัก เทียบแรงเสียดทานเป็นความเครียด ความพยายาม เทียบความเค้นเป็นแรงกระตุ้น เทียบการเคลื่อนที่แบบหมุนเป็นการเวียนว่ายตายเกิดอะไรแบบนี้ เลอะเทอะหนัก พอทีเถอะกับการพยายามนำวิทยาศาสต์มาตีความอธิบายพุทธ พุทธธรรมสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพยายามหาอะไรมายืนยัน ท่านเองก็บอกอยู่ว่าไอสไตน์เทียบกับพระพุทธองค์ไม่ได้เลย แต่หลายตอนท่านก็เอาคำพูดหรือผลงานของไอสไตน์มายืนยันว่านี่ไงแม้แต่ไอสไตน์ยังบอกแบบนี้ มันดู Double Standard ยังไงก็ไม่รู้นะ ถ้าตรงกับที่คิดก็บอกว่านี่ไงใช่เลยไอสไตน์ยังบอกแบบนี้เลย แต่ถ้าไม่ตรงก็บอกว่าความรู้ไอสไตน์แค่หางอึ่ง จากคุณ : MENG - [ 26 ก.ค. 51 16:33:08 A:10.29.41.29 X:203.144.139.227 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อ่านด้วยคนนะคะ จากคุณ : dokbotan - [ 26 ก.ค. 51 17:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 92 การเปลี่ยนแปลงที่น่าชื่นชม ^^~ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6833611/X6833611.html จากคุณ : Cryptomnesia - [ 26 ก.ค. 51 17:42:33 ]