PANTIP.COM : X6814863 การเคลื่อนที่แบบวิถีโค้ง (ของหมอสม){แตกประเด็นจาก X6810858} [วิทยาศาสตร์]

การเคลื่อนที่แบบวิถีโค้ง (ของหมอสม){แตกประเด็นจาก X6810858}

ในบทที่แล้วผมอ่านค้างถึงหน้า 72 ตอนนี้จะรวมหน้า 73-78 และบทการเคลื่อนที่แบบวิถีโค้ง หน้า 81-89 ไม่พบที่ผิดชนิดออกทะเลลึกถึงคาบสมุทรไอบีเรีย (อย่างกรณีกฎข้อ 3 ของนิวตัน) แต่ชนิดที่วน ๆ อยู่แถวอ่าวไทยเยอะเหมือนเดิม

ก่อนอื่นผมขอพูดถึงจุดประสงค์ที่คุณหมอเขียนหนังสือจากคำนำของท่านผู้เขียน

1. คุณหมอประหลาดใจที่เด็กไทยได้คะแนนฟิสิกส์เฉลี่ย 27/100
2. ฟิสิกส์เป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ การที่เด็กไทยอ่อนฟิสิกส์ "จะทำให้ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของประเทศทั้งระบบถดถอย"
3. หมอสมจึงเขียนฟิสิกส์นิวตันขึ้นมาเพื่อ "เป็นหนังสือที่เปิดเผยความลับของการเรียนฟิสิกส์ไว้อย่างหมดสิ้น" และคุณหมอเชื่อว่า "ถ้านักเรียนไทยทั้งหมดได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะทำให้คะแนนเฉลี่ยในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีต่อไปสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ"

เจตนาของผู้เขียนดีเยี่ยม แต่ผมอยากจะขอร้องให้เขียนหนังสือตามเจตนาที่จะเปิดเผยความลับของฟิสิกส์ทำให้น้อง ๆ นักเรียนเข้าใจฟิสิกส์ --- เริ่มจากผู้เขียนต้องตอบคำถามในใจตัวเองให้ได้ก่อนว่าคุณเข้าใจฟิสิกส์ดีแล้วหรือยัง

คุณอาจพูดว่าผมมาจับผิดคุณหมอ พูดแบบนั้นไม่ผิดครับ แต่เจตนาของผมก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าหนังสือที่คุณหมอเขียน มีความเข้าใจผิด ๆ ตามหลักฟิสิกส์ (ตามชื่อหนังสือฟิสิกส์นิวตัน) ผิดถึงขั้นที่รุนแรงก็มี หยุมหยิม ๆ ก็มี ในเมื่อคุณรู้ว่ามันผิดแล้วหนังสือเผยแพร่กระจายไปในวงกว้างโดยไม่มีใครออกมาทักท้วง สังคมที่มีวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบนี้ ดีแล้วหรือครับ

6. แรงเสียดทานไม่ได้แปรผันตามน้ำหนัก (อย่างเดียว)

(หน้า 73) เป็นรูปกล่องมวล 5 ก.ก. วางบนพื้นเอียง "เรารู้ว่ามีแรงชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแรงฝืดคอยดันที่ฐานกล่องไม่ให้กล่องเคลื่อนที่ลงมี (x ก็คือแรงเสียดทานนั่นเอง) และเรารู้อีกด้วยว่าแรงเสียดทานจะแปรผันตามน้ำหนัก"

คุณหมอเขียนไว้บรรทัดก่อนหน้าว่า "พยายามคิดให้ถี่ถ้วน" แต่ข้อความที่คุณหมออธิบายแรงเสียดทานนี้เองก็สะท้อนให้เห็นความไม่ถี่ถ้วน

มองในกรณีทั่ว ๆ ไป แรงเสียดทานไม่ได้แปรตามน้ำหนัก หากคุณหมอจะสอนใคร ผมอยากให้มองไปที่ธรรมชาติของมันจริง ๆ ครับ แรงเสียดทานเกิดขึ้นเมื่อวัตถุ 2 ชิ้นมีหน้าสัมผัสกัน (นี่เป็นหัวใจของแรงเสียดทานครับ ถ้าไม่มีหน้าสัมผัสระหว่างวัตถุ 2 ชิ้น ก็ไม่มีแรงเสียดทานระหว่างการเคลื่อนที่ของคู่นั้น) หากหน้าระหว่างหน้าสัมผัสนั้นพยายามจะเคลื่อนที่ เพราะความไม่ราบเรียบของผิวสัมผัสในระดับเล็ก ๆ (คุณหมอไม่ต้องพูดถึง residual electromagnetic force หรือสมมติฐานที่เป็นไอเดีย Coulomb friction อะไรแบบนั้น แต่คุณหมอก็ควรจะรู้ไว้ในใจว่าแรงเสียดทานเป็นผลส่วนหนึ่งจากแรงแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้ concept ผิวสัมผัสของวัตถุ 2 ชิ้นแสดงออกมาให้ทุกคำบรรยายที่สอนเด็ก ๆ) จึงทำให้มีแรงต้านการเคลื่อนที่

ถ้า concept ตรงนี้เคลียร์ ถามเด็ก ๆ ให้ช่วยออกความเห็นได้เลยครับว่าสรุปแล้วแรงเสียดทานแปรผันกับปัจจัยใด ๆ บ้าง 2 ข้อที่ชัดเจน 1. ธรรมชาติของผิวสัมผัสระหว่างวัตถุ 2 ชิ้น (ส.ป.ส. แรงเสียดทาน) และ 2. แรงกิริยา-ปฏิกิริยาระหว่างผิวสัมผัส เฉพาะข้อ 2 นี่เอง ในกรณีพื้นราบ มันเท่ากับน้ำหนัก (Normal force, N = -mg) แต่จะสรุปให้เด็ก ๆ ฟังว่าแรงเสียดทานแปรผันตรงตามน้ำหนักไม่ได้ ไม่ควร ในกรณีพื้นเอียง "แรงปฏิกิริยาที่เป็นคู่ของแรงกิริยาวัตถุกดพื้นเอียง" หรือ "normal force" ไม่ได้แปรตามน้ำหนักอย่างเดียว แต่ยังแปรตามมุมของพื้นเอียงด้วย

จัดเป็นระดับ 2

หมายเหตุ - เรื่องแรงเสียดทานนี้คุณหมอเขียนไว้ในบทที่ 6 ผมพลิกไปดูประโยคแรกเขียน "สิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ซึ่งค้นพบจากกฎข้อที่สามของนิวตันก็คือแรงเสียดทาน แรงเสียดทานคือแรงปฏิกิริยา" (ผมค่อยวิจารณ์ต่อตอนถึงบทนั้น)

7. อย่าตั้งกฎอะไรเพิ่มเติม (ถ้ามันมีกฎของมันอยู่แล้ว)

(หน้า 73) "เรารู้ว่าน้ำหนักของกล่องจะตกลงในแนวดิ่ง แต่ก็สามารถแตกแรงไปในแนวตั้งฉากและขนานกับพื้นเอียงได้ ตามกฎของรูปสามเหลี่ยม"

สิ่งที่ควรสอนนักเรียนให้เข้าใจคือการบวก ลบ ปริมาณเวกเตอร์ อย่านำเทคนิคการคิดอะไรต่าง ๆ นานาแล้วบอกกับเด็ก ๆ ว่านี่คือกฎ (law) ครับ มันไม่ช่วยให้คนอ่านเข้าใจอะไรเพิ่มมากขึ้น พ่วงด้วยความสับสนว่าอะไรคือกฎทางฟิสิกส์ กฎทางคณิตศาสตร์เข้าไปอีก เมื่อพูดถึงสิ่งที่เป็นกฎ เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ในการสื่อสารต่อผู้อ่านในอนาคต ก็ให้เรียกชื่อกฎให้มันถูก ๆ ครับ กรณีนี้คือการรวมเวกเตอร์ ไม่มีอะไรพิสดารและสามารถสอนให้เข้าใจได้ด้วยภาษาง่าย ๆ

จัดเป็นระดับ 1

จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 16:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 1

8. สู่จุดสูงสุด

(หน้า 82) เมื่อเราปาก้อนหินแบบวิถีโค้ง "แรงปาในแนวดิ่งขึ้นจะค่อย ๆ ลดลง เพราะแรงดึงดูดของโลกมีทิศทางตรงกันข้ามมาหักล้าง และดึงวัตถุให้ตกลงในที่สุด"

จุดนี้น่ากลัวเพราะมันมีส่วนที่ถูกแฝงในส่วนที่ผิด เป็นคำอธิบายที่ไม่เข้าใจธรรมชาติตามหลักของฟิสิกส์ครับ ส่วนที่ถูกคือ แรงดึงดูดของโลกดึงให้หินนั้นตกลงมาหลังจากที่มันขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่คำอธิบายนี้ไม่ได้ตอบคำถามให้เข้าใจว่าแรงดึงดูดของโลกไปทำอะไรให้ "แรงปาในแนวดิ่ง" ค่อย ๆ ลดลง และก่อให้เกิดความสับสนว่า แรงดึงดูดของโลกค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างนั้นหรือ ? ก้อนหินจึงไปหยุดที่จุดสูงสุดแล้วตกลงมา จากคีย์เวิร์ด "เพราะแรงดึงดูดของโลกในทิศตรงข้ามมาหักล้าง" จึงทำให้ "แรงปาในแนวดิ่งขึ้นจะค่อย ๆ ลดลง" ผมไม่ได้สรุปเองนะครับ คุณลองย้อนอ่านข้อความตั้งต้นสิ นี่แหละที่ผมกล้าสรุปว่ายังอธิบายไม่ดีพอ (หรือถึงขั้นคนอธิบายไม่เข้าใจมันจริง ๆ)

คำว่า "แรงปาในแนวดิ่งขึ้น" นั้นคลุมเครือ เพราะในความเป็นจริง เมื่อคุณปาก้อนหินคุณไม่ได้ใส่แรงให้ก้อนหินอย่างต่อเนื่อง คุณออกแรงแค่ครั้งเดียว การอธิบายว่าแรงปาในแนวดิ่งค่อย ๆ ลดลงจึงชวนให้สับสนระดับที่หนึ่ง จุดสำคัญคือคุณหมอต้องการบรรยายให้เด็ก ๆ เห็นภาพว่าเมื่อมันขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้วมันหล่นลงมา และจะอธิบายสภาพการไปถึงจุดสูงสุดของมัน คำอธิบายที่สวยงามทางฟิสิกส์ในเรื่องนี้คือ "กฎอนุรักษ์พลังงาน" ครับ

เมื่อเราออกแรงปาก้อนหิน เราได้มอบพลังงานจำนวนหนึ่งแก่มัน คือพลังงานจลน์ (mv²/2) ขณะที่ก้อนหินเคลื่อนที่สูงขึ้นพลังงาน mv²/2 สูญเสียไปเปลี่ยนเป็นพลังงานศักย์ (mgh) เมื่อมันขึ้นไปถึงความสูงระดับหนึ่งที่พลังงานจลน์ (พลังงานที่ทำให้มันเคลื่อนที่) หมดแล้ว (ณ จุดนั้นพลังงานศักย์มีค่าสูงสุด) มันก็หยุด แล้วตกลงมาด้วยแรงดึงดูดของโลกด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเพราะพลังงานศักย์ถ่ายเทคืนกลับมามากขึ้นเมื่อมันต่ำลง ... ธรรมชาติสวยงามกว่าความเข้าใจผิด เห็นด้วยมั้ยครับ

จัดอยู่เป็นเกือบ ระดับ 3

9. อย่าสรุปจากตัวอย่าง แต่ให้สรุปจากกฎ หรือจากทฤษฎี

สไตล์การเขียนหนังสือโดยเฉพาะหนังสือกึ่งวิชาการ ถ้าเราจะสรุป ข้อสรุปควรเป็นสิ่งที่ใช้อธิบายได้ทุกกรณี ไม่เช่นนั้นเราก็ต้องบอกว่าข้อสรุปนี้เป็นจริงกรณีใดบ้าง แต่ในหนังสือฟิสิกส์นิวตัน คุณหมอสมนิยมสรุปจากตัวอย่าง ซึ่งตัวอย่างเป็นเพียงกรณีเล็ก ๆ หนึ่งกรณี และเป็นตัวอย่างที่ไม่นำไปสู่ข้อสรุปสากล เช่น

(หน้า 87) "จากการเคลื่อนที่แบบวิถีโค้งเราจะเห็นได้ว่า เมื่อวัตถุถูกปาขึ้นไปในอากาศไม่ว่าด้วยความเร็วและมุมเท่าใด มันก็ต้องมีจุดสูงสุด และหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ลดต่ำลง ถ้าจุดสูงสุดเท่ากัน เวลาที่ใช้ลอยตัวอยู่ในอากาศจะเท่ากันเสมอ ไม่ว่าวัตถุนั้นจะหนักเท่าไรและจะไปได้ไกลเท่าใด"

คุณหมอลืมสิ่งสำคัญมากสิ่งหนึ่งคือ "ฉากในที่เกิดเหตุ" ผมยกตัวอย่างได้โดยรูป 4.3 ในหนังสือของคุณหมอเอง เป็นรูปการเคลื่อนที่แนวโค้งที่มีพิกัดจุดเริ่มต้น (x0,y0) และพิกัดสุดท้าย (x,y) ที่ y ไม่เท่ากับ y0 กรณีนี้แม้จุดสูงสุดจะเป็นจุดเดียวกัน แต่เวลาที่อยู่ในอากาศไม่เท่ากัน เช่น คุณปาก้อนหินขึ้นสูงสุดเท่ายอดเสาธงแล้วก้อนหินตกลงพื้นกับก้อนหินตกบนหลังคาบ้าน (สูงกว่าพื้น) เวลาในอากาศ 2 กรณีนี้ไม่เท่ากัน ... แสดงให้เห็นถึงความไม่รอบคอบในการเขียนหนังสือและการด่วนสรุป

จัดเป็นระดับ 1 (อาจไปถึง 2 อยู่ที่คุณให้ความสำคัญกับมันแค่ไหน)

10. เอ็นโทรปี้

ในบทการเคลื่อนที่แบบวิถีโค้ง คุณหมอพูดถึงเอ็นโทรปี้ ซึ่งผมมองว่าไม่เกี่ยวอะไรกับการเคลื่อนที่วิถีโค้งเลย (ยังไม่ต้องพูดว่าคุณหมออธิบายเอ็นโทรปี้โดยไม่พูดว่ามันคืออะไร) ถ้าต้องการอธิบายฟิสิกส์นิวตันให้กับคนที่ไม่เข้าใจด้วยภาษาง่าย ๆ แล้วจะพูดถึงเอ็นโทรปี้ทำไม ถ้าคิดว่ามันเป็นศัพท์หรู สู้คุณอธิบายสิ่งที่เป็นแก่นของหนังสือให้คนอ่านเข้าใจตรงประเด็นไม่ดีกว่าหรือ ยังมีศัพท์หรูอีกหลายคำถ้าคุณอยากใช้อธิบายเรื่องง่าย ๆ อย่างแรงเสียดทาน (เช่น residual E-M) หรือการเคลื่อนที่ถึงจุดสูงสุด (โดยใช้กฎอนุรักษ์พลังงาน)

คุณหมอได้ยกเอ็นโทรปี้มาเพื่อบอกว่ามันคือ "ความเสื่อม" (คนที่ไม่เคยเรียน thermodynamics มาก่อน ผมอยากแนะนำว่าถ้าคุณอยากเข้าใจเอ็นโทรปี้ คุณต้องเริ่มจากเข้าใจ กฎ 2 ข้อแรก ข้อ 0 กับข้อ 1 ที่นำหน้ามันก่อน เพราะกฎ 3 ข้อนี้บ่งชี้คุณลักษณะ 3 ประการ อุณหภูมิ พลังงานภายใน เอ็นโทรปี้ ของวัตถุใน classical thermodynamics ถ้าคุณไม่เข้าใจ internal energy หรือ U ซึ่งเป็นตัววัด quantity of energy ก็ยากที่จะเข้าใจ เอ็นโทรปี้ S ซึ่งเป็นตัววัด quality of energy) ผมเข้าใจว่าประเด็นของคุณหมอต้องการพูดเรื่องความเสื่อม ก็พูดโดยใช้คำว่า "ความเสื่อม" ไปสิครับ ไม่ต้องมาเอ็นโทรปงเอ็นโทรปี้

จัดเป็นระดับ 1

จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 16:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2

11. อย่ายัดความคิดของตัวเองใส่ความคิดของพระพุทธเจ้า

(หน้า 76) "ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ทรงค้นพบกฎของธรรมชาติมากมาย ไม่ใช่เฉพาะการยืดหดของเวลา"

(หน้า 78) "การค้นพบของพระพุทธองค์ก็มีพื้นฐานมาจากการใช้สติเพ่งพิจารณารูป-นาม จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า นามในระดับตื้น ๆ อย่างการค้นพบทางฟิสิกส์ พระพุทธองค์หยั่งรู้หมดแล้ว"

เอามาจากไหนมิทราบ ? ใช่การยืดหดเวลาเดียวกับไอน์สไตน์หรือเปล่า ?

อรรถกถาจารย์แสดงกฎธรรมชาติตามสายความคิดของพระพุทธศาสนาไว้ 5 นิยาม (the five aspects of natural law) 1. อุตุนิยาม 2. พีชนิยาม 3. จิตตนิยาม 4. กรรมนิยาม 5. ธรรมนิยาม ผมตัดข้อ 2-5 ทิ้งนะครับ เพราะไม่เกี่ยวอย่างชัดเจนกับการยืดหดของเวลา เหลือข้อ 1. อุตุนิยาม ฝรั่งชอบแปลกันว่า law fo physical phenomena บางก็แปลว่า law of energy ความเห็นของผมชื่อหลังแปลตรงศัพท์มากกว่า ในหนังสือพุทธธรรมของพระพรหมคุณาภรณ์เขียนว่า "อุตุนิยาม กฎธรรมชาติเกี่ยวกับปรากฎการณ์ฝ่ายวัตถุ โดยเฉพาะความเป็นไปของธรรมชาติแวดล้อมและความเปลี่ยนแปลงทางวัตถุ..." ไม่พบเห็นอะไรที่เกี่ยวกับการยืดหดของเวลา

จัดเป็นระดับ 1 (ในแง่นี่คือตำราฟิสิกส์ แต่ระดับ 3 สำหรับปรัชญา ศาสนา)

12. กิเลส vs ตัณหา

(หน้า 77) "แรงขับที่รุนแรงที่สุดและทำให้เกิดความเร่งขึ้นในจิตใจมนุษย์มากที่สุด ก็คือแรงขับอันเนื่องมาจากกิเลส ตัณหา"

อ่านแล้วไม่สบายใจ ขอท้วงติงสักนิดนะครับ คุณหมอจะแทรกสอดพุทธปรัชญาลงในฟิสิกส์นั้นผมก็เห็นว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ ส่วนที่จะท้วงคือ คนอ่านที่รู้อ่านแล้วจะพาลขำ เพราะการเขียนกว้าง ๆ ชวนให้ไขว้เขว ประเด็นนี้คือ คุณแยกความแตกต่างระหว่างกิเลสกับตัณหาออกรึเปล่าครับ

คนเก่าคนแก่หน่อยจะพูด "กิเลส 1500 ตัณหา 108" ที่มาของมันมาจากพระอภิธรรม ตรงนี้ผมเล่าไว้เผื่อ ๆ แฟนหนังสือคุณหมออ่านแล้วจะได้ไม่จำไปผิด ๆ ใช้สับสน กิเลสที่พูดแบบแจกแจงนิยมแจกแจงเป็น 10 ตัวคือ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อหิริกะ อโนตัปปะ อุทธัจจะ และถีนะ (10 x 75 = 750 เลข 75 คือสภาวะธรรม นับรวมจิต 1 เจตสิก 52 รูป 22 เป็น 75 - คุณที่ไม่เคยอ่านอธิธรรมก็ไม่ต้องตกใจ ผมแค่อยากแสดงให้ดูว่าบรรดาอรรถกถาจารย์โบราณเค้ารักตัวเลขกันขนานไหน แจกแจงละเอียดยิบ จาก 750 นำมาคูณ 2 เพราะมีภายนอกกับภายใน เป็น 1500 นี่แหละกิเลส 1500) ส่วนตัณหา นั้นจริง ๆ แล้วคือหนึ่งในกิเลส (โดยปรมัตถ์มันคือโลภะแค่ตัวเดียวเองครับ - ที่เขาแจกแจงได้ 108 เพราะตัณหามี 3 กาม ภวะ วิภวะ คูณ 6 ตามอารมณ์ คูณ 3 คือกาล อดีต ปัจจุบัน อนาคต คูณ 2 ภายนอก-ภายใน ลองคิดดู 3x6x3x2 = 108)

จุดที่ผมติงไว้เล็ก ๆ คือ ที่ถูกหมอต้องพูดว่า "แรงขับอันเนื่องมาจากตัณหา - ซึ่งเป็นกิเลส" (รายละเอียดทางพุทธปรัชญาผมละไว้แค่นี้) แต่ถ้าคุณหมายถึง "กิเลสตัณหา" ซึ่งคนไทยชอบพูดติดปากคู่กัน เป็นคำ ๆ เดียวที่มี 4 พยางค์ หมายถึง ตัณหา ผมก็ขออภัย แต่ถ้าคุณเว้นไว้เป็น 2 คำ กิเลส ตัณหา ผมก็ท้วงแบบนี้ ถือว่าผิดที่การพิมพ์เล่มไป

จัดเป็นระดับ 0.5 ละกัน

13. อนิจจังไม่ได้แสดงอาการมีขึ้นมีลง

(หน้า 87) "ทั้งหลายเหล่านี้ก็อยู่ในกฎแห่งอนิจจัง มีขึ้นก็ต้องมีลง ไม่มีอะไรที่ขึ้นหรือลงได้ตลอดไป"

นี่ก็เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เห็นแล้วอดเอามาพูดไม่ได้ อนิจจัง ในพุทธศาสนาหมายถึงความเปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลงนี่จะเปลี่ยนยังไงก็ได้ครับไม่จำเป็นต้อง oscillate ขึ้นลง เป็นจุดเล็ก ๆ ที่ผู้รู้ทางศาสนาไม่ควรพลาด มีหลักธรรมหลายข้อในพุทธศาสนาที่ประกันความเสื่อม เช่น มรรคจิต 4 เดินหน้าอย่างเดียวไม่ถอยหลัง หรือ อปริหานิยธรรม เป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่กษัตริย์วัชชี (บางทีเขาก็เรียกธรรมกลุ่มนี้ว่า วัชชีอปริหานิยธรรม) คือ ธรรมไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม นี่ก็แสดงว่าขึ้นอย่างเดียว จุดเล็ก ๆ ที่ผิดนี้มาจากความเร่งปั่นต้นฉบับเกินไปหรือไรผมไม่ทราบ แต่จุดเล็ก ๆ ที่ผิดนี้มีความหมายความเข้าใจที่ลึกซึ้งแฝงอยู่เสมอครับ

ระดับ 0.5

------------------------------------------
สำหรับบทนี้เรื่องที่ต้องแก้จริงจัง เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์นิวตันคือข้อ 6 และ 8

จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 16:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3

ติดตามอ่านครับ smile

จากคุณ : ksk - [ 20 ก.ค. 51 16:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4

หึๆๆ

ขวดนม . . .

จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 20 ก.ค. 51 17:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5

ตอนแรกๆเหมือนจะวิทยาศาสตร์ ไมมาหลังๆเหมือนคุณหมอที่เขียนหนังสือกลายเป็นเขียนหนังสือพระพุทธเจ้า -*-

จากคุณ : Mr.Whisper (wsteven) - [ 20 ก.ค. 51 17:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6

โหวตให้ไปเคีียงคู่กับกระทู้แรก

จากคุณ : ลูกไก่พองลม - [ 20 ก.ค. 51 17:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7

เข้ามาโหวตให้เลยคร่า ดีมั่กๆๆ

จากคุณ : ผึ้ง (Pattamas) - [ 20 ก.ค. 51 17:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8

โหวตด้วย เหมือนเรียนฟิสิกส์ใหม่ อิ อิ

จากคุณ : PUMPKINbig - [ 20 ก.ค. 51 18:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9

น่าสนใจครับ

จากคุณ : njnaja - [ 20 ก.ค. 51 19:18:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10

คุณศลเขียนขายบ้างสิครับ ผมจะช่วยซื้อ

ปล. กดโหวตให้แล้ว

จากคุณ : Master Chief - [ 20 ก.ค. 51 19:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11

vote

จากคุณ : ikkyu - [ 20 ก.ค. 51 19:32:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12

คิดเกินไปไหมครับนี่ ทำไมไม่คิดแรงต้านอากาศด้วยเลยล่ะ

จากคุณ : ใครเอาเลขบัตรผมไปใช้ - [ 20 ก.ค. 51 19:37:01 A:125.25.91.66 X: TicketID:182107 ]

ความคิดเห็นที่ 13

เริ่มอ่านบที่ 5 แล้วเครียด

คุณหมอแกแยกไม่ออกระหว่าง rotational motion กับ circular motion

ชื่อบทการเคลื่อนที่แบบหมุน ข้างในเป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลม ตัวอย่างก็เปะปะสับสนระหว่างหมุนกับวงกลม ... ไม่น่าเชื่อเลย

จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 19:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14

อ่ะ โหวตไป

จากคุณ : ginosty - [ 20 ก.ค. 51 19:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15

ลงชื่อตามอ่าน

จากคุณ : logarithm - [ 20 ก.ค. 51 19:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16

#12

คิดเกินไปข้อไหนครับ ข้อที่โยนก้อนหินรึเปล่า

"แรงปาในแนวดิ่งขึ้นจะค่อย ๆ ลดลง เพราะแรงดึงดูดของโลกมีทิศทางตรงกันข้ามมาหักล้าง และดึงวัตถุให้ตกลงในที่สุด"

แรงปาในแนวดิ่งลดลงได้ยังไงครับ การเคลื่อนที่นี้ความเร่งคงที่รึเปล่า ?

ถ้าความเร่งคงที่แล้วแรงปาในแนวดิ่งจะค่อย ๆ ลงลงยังไง ตรงนี้แหละประเด็นที่อยู่ในคำอธิบายครับ

จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 19:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17

ตามมาโหวตค่ะ ^ ^

จากคุณ : แมวบอส - [ 20 ก.ค. 51 20:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18

ู^
เข้าใจไปไหนแล้ว
คือผมอยากบอกว่า บางอย่าง ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากเกินไป เพราะผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นเด็กน่ะครับ บางอันที่ยกมา มันเพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงลึกขนาด เก็บทุกเงื่อนไข เพราะมันไม่มีทางเก็บหมดก็เท่านั้นเอง

จากคุณ : Alt.N - [ 20 ก.ค. 51 20:10:39 A:125.25.91.66 X: TicketID:182107 ]

ความคิดเห็นที่ 19

#19

"ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากเกินไป" ... แต่ไม่ใช่อธิบายผิด ๆ

"เพราะผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นเด็กน่ะครับ" ... แล้วยกเอ็นโทรปี้มาพูดได้นี่นะ

"บางอันที่ยกมา มันเพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงลึกขนาด เก็บทุกเงื่อนไข เพราะมันไม่มีทางเก็บหมดก็เท่านั้นเอง" ... เพราะเหตุที่ไม่มีทางเก็บได้หมด การสรุปจึงจำเป็นต้องบอกขอบเขตที่สรุปไงครับ

จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 20:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 20

อ่าน โหวต และเก็บครับ

จากคุณ : ประจุบวก - [ 20 ก.ค. 51 20:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21

#19 ผมไม่ได้หมายถึง อันที่อธิบายผิด - -

คุณลองกลับไปดูเองละกัน

จากคุณ : มิ้นๆ - [ 20 ก.ค. 51 20:31:06 A:125.25.142.3 X: TicketID:182107 ]

ความคิดเห็นที่ 22

อิอิ

จากคุณ : มิ้นๆ - [ 20 ก.ค. 51 20:32:36 A:125.25.91.66 X: TicketID:182107 ]

ความคิดเห็นที่ 23

ถ้าหมายถึงข้อโยนก้อนหิน
ข้อนั้นถือว่าผู้เขียนอธิบายผิดอย่างมาก

ในฟิสิกส์ แรง,ความเร่ง,ความเร็ว ถือว่าเป็นเรื่้องพื้นฐานที่สำคัญมากที่ผู้เรียนทุกคนต้องทำความเข้าใจและแยกให้ออก จะมาปนกันไม่ได้เด็ดขาด
วัตถุที่ตกลงมาบนพื้นโลก (ถ้าสมมติว่าโลกมีสนามโน้มถ่วงเท่ากันทุกจุด)
จะมีแรงมากระทำคงที่ ดังนั้นจึงมีความเร่งคงที่
แต่ความเร็วจะเปลี่ยนแปลง
ถ้าคุณหมอจะเขียนให้ถูกต้องต้องบอกว่า "ความเร็วลดลง"
การเขียนว่าแรงลดลง จึงเป็นการอธิบายผิดอย่างมาก
โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่เรียนฟิสิกส์ เรื่องแรง,ความเร่ง,ความเร็ว ต้องแยกให้ออก
ถ้าแยกไม่ออกก็ยากที่จะเรียนเรื่องที่สูงกว่าโดยเข้าใข้ได้

การอธิบายให้ง่ายเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ต้องไม่อธิบายผิดในเรื่องพื้นฐาน

จากคุณ : Kitsune - [ 20 ก.ค. 51 20:48:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24

ู^
เดาผิดอีกแล้ว ขอโทษคุณศลที่ล้อเล่นนะคะ ไม่ทราบว่าโกรธไหม เห็นช่วงนี้เครียดๆ ^^

จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 20 ก.ค. 51 21:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25

#12 อธิบายเฉพาะเรื่องแรงโน้มถ่วง แรงกระทำอย่างอื่นถือเป็น 0 ครับ

จากคุณ : PUMPKINbig - [ 20 ก.ค. 51 21:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26

ข้อ 8 นี้ชัดเจนครับ

ใช้คำว่าความเร็วลดลง จะถูกต้องกว่าแรงลดลง นะ หรือถ้าอยากเอาไปเกี่ยวกับแรง ก็ใช้ว่า ความเร็วที่เกิดจากแรงปา ก็ยังจะถูกเสียกว่า

จากคุณ : ratchana - [ 20 ก.ค. 51 21:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27

สงสัยค่ะ ^^
โยนหินจากหน้าผาสูง 100m กับโยน หินลงจากหน้าผาสูง 50เมตร หินในแต่ละกรณีจะตกกระทบพื้นด้วยแรงกี่นิวตัน
กำหนดให้หินมีมวล 1kg ,g=10m/s^2 ไม่คิดแรงต้านอากาศ

จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 20 ก.ค. 51 22:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 28

งง ทำไมต้องถอดล็อกอินโพส แถมเป็นผู้ชายอีก

ผมอ่านอย่างเดียว

จากคุณ : milchschokolade - [ 20 ก.ค. 51 22:40:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30

#24

555 + ไม่เครียด เพิ่งกลับจากกินข้าว กำลังจะเปิดดูหนัง

#29

สามคำถามที่ขีด "-" ผมตอบว่า เพราะผมไม่ได้กำลังอธิบายเด็กอยู่นะสิครับ ผมอธิบายคุณหมอว่าการอธิบายด้วยการบอกว่าแรงค่อย ๆ ลดลงนั้นผิด (หรืออย่างน้อยชี้แจงให้คนที่อ่านหนังสือของคุณหมอได้ทบทวนสิ่งที่คุณหมอสอนในหนังสืออีกที) และบอกสาเหตุที่มันขึ้นไปถึงจุดสูงสุดว่าอะไร ซึ่งส่วนที่ผมอธิบายคุณหมอน่าจะครอบคลุมนะครับ เพราะคุณหมอออกจะเก่งฟิสิกส์ คงไม่ต้องบอกว่าอะไรคือพลังงาน (ขนาดคุณภาพของพลังงานที่ผันตามเวลาในระบบปิดแกยังรู้จักและเขียนถึงเลย) ไว้ผมเขียนหนังสือแบบแกผมจะอธิบายประเด็นที่มิ้น ๆ ถามครับ

การอธิบายผิดกับอธิบายคนละแบบแตกต่างกันชัดเจนครับ มิ้น ๆ ยกตัวอย่างว่า g = 10 ในหนังสือแกก็เขียนเท่ากับ 10 ได้ยินผมท้วงสักคำรึยังเอ่ย ^-^

จากคุณ : ศล - [ 20 ก.ค. 51 23:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31

คห 27
ต้องรูก่อนว่า หินที่โยน เป็นประเภทไหน
หินปูน หินอัคนี หินอ่อน ฯลฯ

หินแต่ละประเภท ตกกระทบพื้นด้วยแรง ไม่เท่ากัน ?!

จากคุณ : sb*star - [ 20 ก.ค. 51 23:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32

อืม มาตามอ่าน ขอบคุณครับที่เขียนมาให้อ่านกัน
ข้อ12 เป็นคำพูดติดปากน่ะครับผมว่า
แต่ข้อ10และ13น่าจะระดับ3เพราะ จับแพะชนแกะแบบว่าจะต้องให้มันชนกันให้ได้

จากคุณ : eera - [ 20 ก.ค. 51 23:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33

อ๋อ ค่ะ เข้าใจผิดอีกแล้ว โง่จริงๆเรา หยอกเย้า

จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 20 ก.ค. 51 23:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 34

งงครับ แต่ก็อ่าน เอิ้ก

จากคุณ : scissorman - [ 21 ก.ค. 51 00:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 35

ผมเคยซื้อตำราซึ่งบอกได้เลยว่าเนื่อหามั่วๆเหมือนกัน ซื้อมาแล้ว แอบเสียดายเงิน.,.,.
เอาไปเปลี่ยนที่ร้านก็ไม่ได้ ร้านบอกไม่ได้ชำรุด -*-

ยกให้คนอื่นก็ไม้ดีแน่ เรารู้ว่าตำราเขียนผิด,.

เลย ใส่กล่อง เขียนจดหมายแปะ.,.
ส่งกลับไปหาสำนักพิมพ์.,. ติติงเพื่อจะได้ ระมัดระวังในการ เขียนหรือพิมพ์.,.

ปรากฏว่า จากวันนั้น มาวันนี้ เกือบ 5 ปี ไม่มี จดหมายตอบกลับขอความที่ในจดหมายที่ส่งคืนไปพร้อมหนังสือ ??? ขายแล้วขายเลยจริงๆ.,.

คุณศล ลองส่ง จดหมายไปท้วงติงผู้เขียนโดยตรงด้วยดีไหมครับ.,. จะได้รับฟัง ความเห็นจากผู้เขียนเพิ่มเติม.,.

จากคุณ : ป๋าแมน - [ 21 ก.ค. 51 02:14:30 ]

ความคิดเห็นที่ 36

#31 เอาแค่ว่า สองกรณี ได้แรงเท่ากันไหม ถ้าเป็นวัตถุชนิดเดียวกัน

จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 21 ก.ค. 51 03:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 37

ดีเลยครับ ที่มีการเขียนถึงหนังสือ ถ้าผิดพลาดจริงก็ควรเเก้ไข
เพราะเด็กๆซื้อหนังสือไปอ่านเเล้วจะเสียหายเข้าใจผิดๆ

จากคุณ : bigwores - [ 21 ก.ค. 51 07:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38

เ้ห็นแล้วเึครียดแทน

จากคุณ : handghost - [ 21 ก.ค. 51 10:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 39

กดกระทู้แตกประเด็นไปแล้ว แต่มันไม่ไปแฮะ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6817082/X6817082.html

จากคุณ : ศล - [ 21 ก.ค. 51 11:55:48 ]

ความคิดเห็นที่ 40

แวะมาชื่นชมพี่ศลครับ ศึกษาทั้งวิทยศาสตร์และพุทธศาสนามาเป็นอย่างดี
และละเอียดรอบคอบตรงไปตรงมาดีครับ

จากคุณ : zmen - [ 21 ก.ค. 51 12:31:01 ]

ความคิดเห็นที่ 41

ในข้อ 8 เรื่องจุดสูงสุดนั้น ผมเห็นด้วยกับคุณศลนะครับ คือ ของเค้าผิดจริงๆ แต่จะให้อธิบายสิ่งที่ถูกแบบที่คุณศลเขียนมา มันก็ออกจะยากไปซักนิดนะครับ กลายเป็นว่า เราต้องไปอธิบายเรื่องพลังงานศักดิ์ พลังงานจลน์ ออกทะเลไปอีก คิดว่าเด็กนักเรียนธรรมดาๆ เจอเรื่องการเคลื่อนที่ก็แย่แล้ว ดันต้องไปเข้าใจอีกเรื่องนึงอีกนี่ มันออกจะหนักไปนิดนึงนะครับ~

จากคุณ : นักศึกษา (นักศึกษาโดนรีไทร์น่าเวทนา) - [ 21 ก.ค. 51 14:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 42

#27
หินก้อนที่ตกลงมา 50 เมตร และ 100 เมตร
จะมีโมเมนตัม 31.62 kg m/s และ 44.72 kg m/s ตามลำดับ

การดล (impulse) เท่ากับการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม
Fdt = dP
หรือ F = dP/dt

แรงที่พื้นกระทำต่อหิน
แปรผันตรงกับการเปลี่ยนโมเมนตัมของหิน และแปรผกผันกับระยะเวลาที่หินกระทบพื้น

ดังนั้นแรงที่กระทำต่อหิน จะไม่คงที่ ขึ้นกับวัสดุของหินและพื้น และลักษณะการตก
ถ้าหินยืดหยุ่นได้ (สัมผัสพื้นเป็นเวลานานๆ) ก็จะมีแรงกระทำน้อยกว่า
ถ้ามีการกระดอน ก็แสดงว่าการเปลี่ยนโมเมนตัมเยอะกว่ากรณีที่ไม่กระดอน

จากคุณ : ikkyu - [ 21 ก.ค. 51 14:14:09 ]

ความคิดเห็นที่ 43

^
คุณ #26 น่าจะเข้าใจแล้วนะคะ (ถ้ายังเข้ามาอ่านอยู่นะ)

จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 21 ก.ค. 51 15:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 44

มาตอบช้า คุณ ikkyu เลยตอบให้แทนแล้ว

ดีจัง smile

จากคุณ : sb*star - [ 21 ก.ค. 51 18:51:15 ]

ความคิดเห็นที่ 45

ความคิดเห็นที่ 16 (หน้า 82) เมื่อเราปาก้อนหินแบบวิถีโค้ง
แรงปาในแนวดิ่งขึ้นจะค่อยๆลดลง เพราะแรงดึงดูดของโลกมีทิศทางตรงกันข้ามมาหักล้าง

น่าจะเป็นความเร็วแนวดิ่งขณะขึ้นค่อยๆลด เพราะความเร่ง -g
ความเร็วแนวดิ่งขณะลงค่อยๆเพิ่ม เพราะความเร่ง +g
ตามรูปข้างล่าง

จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 22 ก.ค. 51 13:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 46

ไฟล์ swf 38 kb เป็นเกมตีกอล์ฟดู projectie motion วิธีเล่นหลังโหลดไฟล์-เปิดไฟล์
ขยายให้เต็มจอ คลิกsmash เปลี่ยนความเร็วหรือมุมตี ใช้mouseเลื่อนขีดความเร็วหรือมุม
โปรแกรมจะตีให้เราไม่ต้องออกแรงตี

http://www.goalfinder.com/Downloads/ProjectileMotion.swf

จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 22 ก.ค. 51 13:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 47

#45
ถ้าคุณหมอเขาอธิบายแบบคุณเมษ ก็โอเคเลย ขาขึ้น ความเร็วแนวดิ่งค่อย ๆ ลดลง ขาลงความเร็วแนวดิ่งค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ... โอเค

จากคุณ : ศล - [ 22 ก.ค. 51 13:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 48

เพิ่มมุมตีลงได้เช่นกัน

จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 22 ก.ค. 51 13:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 49

ลงชื่อๆ ฟิสิกส์ มอ ปลายทั้งนั้น หยอกเย้า

จากคุณ : Mr.june - [ 22 ก.ค. 51 20:15:07 ]

ความคิดเห็นที่ 50

ความคิดเห็นที่ 16 (หน้า 82) เมื่อเราปาก้อนหินแบบวิถีโค้ง
แรงปาในแนวดิ่งขึ้นจะค่อยๆลดลง เพราะแรงดึงดูดของโลกมีทิศทางตรงกันข้ามมาหักล้าง

พูดด้วยเรื่องแรงไม่น่าถูกนะครับนี่
เพราะจริงๆแล้ว projectile คือ linear motion บนแกน x, y
ซึ่งต้องพูดถึงความเร็ว,การกระจัดมากกว่า

จริงๆแล้วน่าจะอธิบายถึงเรื่องเวคเตอร์ แล้วก็การมีผลต่อกันของเวคเตอร์หลายอันก่อนนะครับนี่

เพราะมันเอามาอธิบายโปรเจคไทล์ได้ว่าเราแบ่งการมองความเร็วเป็น 2 ระนาบตามเวคเตอร์ที่แตกได้ โดยเวคเตอร์ย่อยที่ได้นั้นไม่มีผลต่อกัน
ทำให้เราใช้การเคลื่อนที่แบบเส้นตรงคำนวณโปรเจคไทล์ได้
แล้วโปรเจคไทล์มันก็จะกลายเป็นเรื่อง linear motion ไปโดยปริยาย (แค่มอง 2 ระนาบแยกกัน)

จากคุณ : Go-Kung - [ 22 ก.ค. 51 23:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 51

man ... เข้ามาดู

จากคุณ : Mr. Fusion - [ 23 ก.ค. 51 10:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 52

อ่า ผมกำลังจะซื้อเล่มนี้ให้น้องพอดีเลยมันอยู่ม.4 เพิ่งสอบเรื่องแรงผ่านไปได้ 7 เต็ม 20 ตอนผมม.4 ได้ 13 เต็ม 20 -*- เห็นคะแนนมันแล้วรันทดมาก ตอนนี้ผมอยู่ม.5เรียนเรื่องคลื่นก็พยายามใช้จินตนาการให้มากอยู่เพราะมันช่วยได้เยอะทีเดียวครับ ตอนผมเห็นปกหนังสือผมก็นึกว่าเนื้อหาภายในจะประมาณเน้นการจินตนาการให้บรรเจิด >< แต่พอคุณศลอธิบายจุดผิดพลาดมาก็ เออนะ ถ้าอ่านผ่าน ๆ ก็คงไม่คิดอะไรแน่ ๆ (ยกเว้นเรื่องมวลกับน้ำหนัก นั่นโดนเน้นย้ำมาตลอดว่าไม่เหมือนกัน) เพราะอย่างผมก็คงไม่มีปัญญาพอจะบอก (จับผิด) ได้ว่า ที่เขาเขียนมาเนี่ยมันผิดหรือถูก

จากคุณ : ิอนาคตอันสดใสของไทยแลนด์ (หลินไห่) - [ 24 ก.ค. 51 22:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 53

ผมยังจำบทเรียนบทแรกของวิชาฟิสิกส์ ม.4 ได้เลยคือเรื่อง Vector แล้วอาจารย์ถามว่า ...... ลองนิยามว่าการเคลื่อนที่แนวเส้นตรงคืออะไร
น่าเสียดายที่อาจารย์ผมสอนได้แค่ปีเดียวเ่ท่านั้นแล้วแกก็ไปเรียนต่อ ...... เพราะหลังจากนั้นวิชา Physic ผมลดลงมาจากดี เหลือปานกลางเท่านั้นเอง
แต่จากพื้นฐานที่ดีที่อาจารย์วางไว้ก็ทำให้ผมอ่านเรื่องราวทางฟิสิกส์รู้เรื่องมาจนทุกวันนี้ ถึงจะไม่มีความสามารถทางคณิตศาสตร์มากพอที่จะเข้าใจทั้งหมดก็ตาม

พื้นฐานเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ ถ้าเราเริ่มผิด เราก็จะผิดไปเรื่อยๆ

จากคุณ : Nexus - [ 25 ก.ค. 51 13:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 54

ขอถามหน่อยครับ

น้ำหนักคือ N
แรงกระโดดในแนวดิ่งคือ Uy
ทำให้โดดได้สูงสุด Sy

ถ้าหากน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าคือ 2N
Uy จะเท่ากับเท่าไหร่

จะลดลง ครึ่งนึง หรือเปล่าครับ

จากคุณ : (-_-") - [ 25 ก.ค. 51 21:33:27 ]

ความคิดเห็นที่ 55

ตามอ่าน

จากคุณ : dokbotan - [ 26 ก.ค. 51 17:32:56 ]

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป