ความคิดเห็นที่ 1 แล้วทำไมทุกสิ่งต้องไม่เกิดขึ้น? ต้องลองมองในสิ่งเล็กๆก่อน เช่นทำไม จขกท. จึงตั้งคำถามนี้ ทั้งๆที่การไม่ตั้งคำถามนี้ เป็นไปได้มากกว่า คิดว่ามนุษย์พยายามอธิบายหลายๆสิ่งด้วยวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่สมองมนุษย์คิดขึ้นเองเองทั้งนั้น เพื่อใช้อธิบายสิ่งต่างๆ ตามหลักเหตุผล ซึ่งสมองก็สร้างหลักนี้ขึ้นมาเองนั้นแหละ ทั้งๆที่ทุกสิ่งมันก็เป็นแบบนั้นของมันอยู่แล้ว มนุษย์ก็เพียงไปหาคำอธิบายมา ใส่ให้มัน เพื่อสร้างความสอดคล้อง เท่านั้นเอง จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 25 ก.ค. 51 14:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะถ้ามันไม่ดำรงอยู่มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาตั้งคำถามว่าทำไมมันถึงดำรงอยู่ (Exist) ขยายความออกไปคือ มันอาจจะมีจักรวาลที่ไม่มีอะไรดำรงอยู่เลยก็ได้ แต่เรายังรู้ไม่ถึงเพราะเราอยู่ในจักรวาลที่มันมีอะไรอยู่นั่นเอง จักรวาลเราอาจจะเป็นกรณีพิเศษก็เป็นได้ เหมือนกับที่ Special Theory of relativity เป็น Special case ของ General theory of relativity จากคุณ : Nexus - [ 25 ก.ค. 51 14:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นพระประสงค์ของ ... หุหุ ล้อเล่นค่ะ ขอตอบจริงๆว่า เพราะการคงอยู่ มีความสุขมากกว่า มั้งคะ เช่นชีวิต กับความตาย ทำไมคุณจึงเลือกเกิดมา และพยายามดิ้นรน เพื่อมีชีวิตอยู่ เสพสุขให้ได้นานที่สุด ก่อนตาย แต่สำหรับ คนบางคน ความสุขของเค้าคือความตาย และการไม่ต้องมีชีวิตอยู่อีก บางสิ่งบางอย่าง (ทุกสิ่งทุกอย่างไม่น่าจะใช้ได้) ดำรงอยู่ด้วยความสุขของตนเอง แต่บางสิ่งที่ไม่ได้ดำรงอยู่ ก็ไม่ดำรงอยู่ด้วยความสุขของตัวเองเช่นกัน จากคุณ : มิ้นๆ (mint_la) - [ 25 ก.ค. 51 14:41:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 25 ก.ค. 51 14:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่เชื่อเรื่องอจิณไตยคับ มันเป็นแค่คำตอบปัดๆสำหรับคนที่ไม่อยากคิด ไม่อยากตอบอะไรเท่านั้นเอง รวมถึงพระพุทธเจ้าด้วยนั่นแหละ ถ้าเค้าเป็นคนบรรญัติคำนี้ขึ้นมาเองจริงๆนะ เรื่องของ จขกท. ผมเห็นว่ามันก็เป็นของมันยังงี้แหละ มันก็แค่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาในจักรวาล ถ้ามันดำรงอยู่ก้คือดำรงอยู่ ถ้ามันไม่ดำรงอยู่ มันก้ไม่ดำรงอยู่ ก็แค่นั้น แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 51 18:59:03 จากคุณ : Limelight - [ 25 ก.ค. 51 14:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาแปลให้เฉยๆ ไม่ขอตอบ เพราะ เงง ^ ^" อจินไตย คำแปล2 (มค. อจินฺเตยฺย; สก. อจินฺตฺย) ว. ไม่ควรคิด, พ้นความคิด, คิดไม่ได้, มี ๔ อย่าง คือ ๑. พุทธ-วิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า ๒. ฌานวิสัย วิสัยแห่งฌาน ๓. กัมมวิบาก ผลแห่งกรรม ๔. โลก-จินตา ความคิดของชาวโลก ทั้ง ๔ นี้ไม่ควรคิด ถ้าคิดเข้าก็หาผลที่สุดไม่ได้ จากคุณ : Choco-Mix - [ 25 ก.ค. 51 15:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นพระประสงค์ขององค์เทพมังกรครับ เอนมา เอ๊ย.. ไม่ใช่ เพราะว่าเบรนบ้าๆสองอันนั้นมันอาจจะเป็นสองอันของเบรนนับล้านๆที่ก่อให้เกิดพวก baby universe ทั้งหลาย ที่บ้างก็ก่อให้เกิดเป็นเอกภพที่มีความเสถียร บ้างก็ยุบไป เหมือนฟองในน้ำเดือดที่กำลังเดือด พวกนี้มันอาจจะ เป็นของที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เอกภพนี้ ก็อาจจะเหมือนกับเอกภพอื่นๆ(ถ้ามี) นับไม่ถ้วน ก็เป็นได้ ไม่ได้มีอะไรพิเศษแต่อย่างใด มันอาจเป็นของมันอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยากให้มันพิเศษ ถ้าเรามองย้อนไปลึกๆ ก็คือตัวมนุษย์เอง มนุษย์อยากให้การคงอยู่ของตัวเอง มีความหมายอะไรสักอย่างหนึ่ง ในฐานะผู้สังเกต ก็เลยประดิษฐ์เรื่องราวต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องเล่า เทพปกรณัม เรื่อยมาจนถึงศาสนาต่างๆ เพื่อให้การคงอยู่ ของตนเองนั้น มีความหมาย มีจุดหมาย มีทางไป มีจุดเริ่มต้น มีจุดจบ มนุษย์อาจยอมรับได้ยาก กับความคิดที่ว่ามนุษย์เกิดขึ้นมาเอง เอกภพเกิดขึ้นมาเอง โดยไม่มีใครสร้าง เพราะแนวคิดอย่างนั้น ทำให้มนุษย์มีความสำคัญลดลง ไม่ใช่ใครหรืออะไรที่ไหน จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 25 ก.ค. 51 16:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่มีเหตุผลทำแล้วมันสบายใจลัลลัลลัลล๊า ฮู้ ฮู เรื่องแบบนี้มันอยุ่เหนือเหตุผล เป็นความไร้เหตุผลแบบที่อยู่เหนือเหตุผล จากคุณ : อิอิคุง - [ 25 ก.ค. 51 16:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เออใช่ จะบอกว่า กระทู้นี้มันทำให้ผมคิดถึงข้อสอบเข้าภาควิชาปรัชญา ที่เขาถามว่า "ทำไมจึงมีบางสิ่ง แทนที่จะไม่มีอะไรเลย" แฟนผมเคยเล่าให้ฟังน่ะ คำถามคล้ายๆกับอันนี้เลย จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 25 ก.ค. 51 16:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพราะทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไป แล้วก็เกิดขึ้นใหม่เป็นวัฏจักร จากคุณ : บางเวลา - [ 25 ก.ค. 51 16:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Why is there something rather than nothing? Primordial Existential Question ถูกใจที่ดักคอไว้ทั้งสองข้อ จากคุณ : ikkyu - [ 25 ก.ค. 51 18:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมตอบให้ เพราะมีเรา(อัตตา) ความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุดจริงๆ ถ้าคุณมีสมองเหมือนค้างคาวหรือคุณเกิดเป็นค้างคาว คุณก็จะเห็นโลกนี้มีมิติเรดาห์เพิ่ม แล้วคุณกับเพื่อนค้างคาวก็จะมาตั้งคำถามว่าทำไมการมีเรดาห์จึงมี??? โลกธาตุเป็นเรื่องพิลึกพิลันนะ ที่จริงเคยได้ยินคำถามนี้จากไอนสไตน์ ในห้องหว้ากอนี่แหละ ที่เค้าไปคุยกับนักวิทยาศาสตร์คนอื่น แล้วเจอคำถามว่า สิ่งนั้นมีจริงหรือ???? ถ้าเราไม่เห็นสิ่งนั้นก็ไม่มี???? ประมาณนี้อะ ส่วนคำว่าอจินไตย แปลว่า สิ่งที่เข้าใจไม่ได้ด้วยการคิด แต่คุณสามารถเข้าถึงคำตอบได้ด้วยการสัมผัสมันโดยตรง เหมือนผมถามคุณว่า อาหารมื้อเที่ยงของฟาโรห์รสเป็นยังไง คุณจะตอบได้คุณก็ต้องกินมาก่อน แล้วเปลี่ยนความรู้สึกนั้นมาเป็นคำพูดบอกผมอีกที จากคุณ : หลับตา - [ 25 ก.ค. 51 19:09:10 A:58.64.69.215 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คำตอบหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือ .... พระเจ้า ครับ จากคุณ : PureTruth - [ 25 ก.ค. 51 19:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทำไมการไม่เกิดขึ้นถึงเกิดง่ายกว่าทำให้เกิดขึ้น? มันต้องเทียบกับอีกสิ่งถึงจะรู้ว่ามันเกิดหรือไม่เกิดขึ้น งง -*- จากคุณ : Mr.june - [ 25 ก.ค. 51 19:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 555 ดักคอไปหมดแล้วไม่ใช่เรอะครับ ถ้าผมตอบ ก็ึคง anthropic แหละ จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 25 ก.ค. 51 20:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #14 จากคำถาม Why is there something rather than nothing? พระเจ้าเป็น something หรือเปล่าครับ? จากคุณ : ikkyu - [ 25 ก.ค. 51 20:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 51 20:52:39 จากคุณ : ikkyu - [ 25 ก.ค. 51 20:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คำถามในหัวกระทู้นี้ ไม่ได้ assume ว่า สิ่งต่างๆถือกำเนิดมาจากความว่างเปล่าหรือไม่ (เพียงปัจจุบันมีสิ่งต่างๆอยู่จริงก็พอ) ต่อให้เอกภพเคยมีสถานะที่ "ไม่มีอะไรอยู่เลย" แล้วเปลี่ยนเป็นสถานะที่มีสรรพสิ่งถือกำเนิดขึ้น (จาก nothing กลายเป็น something) หรือต่อให้ไม่เคยมีสภาพ "ว่างเปล่า" มาตั้งแต่ต้น (ไม่เคยมี nothing) กล่าวคือถ้าหากมีบางสิ่งมีตัวตนอยู่ตั้งแต่ต้น (ไม่ว่าจะเรียกสิ่งนั้นว่าพระเจ้าหรืออะไรก็ตาม) คำถามนี้ก็ยังสามารถถามได้ทั้งสองกรณี ต่อให้พระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง ก็ยังไม่ได้ตอบคำถามว่า ทำไมถึงมีสรรพสิ่ง(รวมไปถึงตัวพระเจ้าเอง) แทนที่จะไม่มีอะไรเลย แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 51 07:49:27 จากคุณ : ikkyu - [ 25 ก.ค. 51 21:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 #17  ผมคิดว่าเป็น จากคุณ : taechawat - [ 25 ก.ค. 51 21:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ก่อนที่จะตอบคำถามที่ว่า ทำไมทุกสิ่งถึงดำรงอยู่แทนที่จะไม่ดำรงอยู่? ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนครับว่า ทุกสิ่งดำรงอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เราจินตนาขึ้นมาเอง (Brain in a vat) ไม่เช่นนั้นการตั้งคำถามนี้จะไร้ความหมายในตัวมันไปเลยโดยสิ้นเชิงครับ จากคุณ : Azure_Mile - [ 25 ก.ค. 51 21:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดำรงกับ ไม่ดำรง โอกาสเท่ากับ 50-50 ไม่หัวก็ก้อย .... เผอิญทายถูก เลยมี something rather than nothing..... จากคุณ : Artaria EpisodeII - [ 25 ก.ค. 51 21:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 anthropic principle ไม่เหมือน anthropology (มานุษยวิทยา) นะครับ จากคำถามกระทู้ ผมตอบว่าไม่รู้ครับ จากคุณ : ศล - [ 25 ก.ค. 51 23:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอตอบว่าไม่รู้ด้วยคน เข้ามาช่วยคิดเฉยๆ #21จริง ที่ว่าคำถามข้อนี้ assume ว่าต้องมีบางสิ่งดำรงอยู่ หากปราศจาก something แล้ว คำถามนี้ก็ย่อมไร้ความหมาย ยังไงก็ตาม ต่อให้เป็น brain in a vat หรือจะเป็นเดอะแมททริกซ์ มันก็หนีไม่พ้นที่จะมี something อยู่ดีน่ะครับ เมื่อมีตัวเรา ไม่ว่าจะแท้หรือเทียม ก็แสดงว่ามีตัวตนที่สามารถทำอะไรบางอย่างได้ (เช่นการคิด) อย่างน้อยก็ชั่วเวลานั้น I think therefore I am ถ้ามีโลกเสมือนครอบเรา เป็น virtual reality ก็ยิ่งห่างไกลจากความเป็น nothing ต่อให้อยู่ในโลกเสมือน ในจินตภาพของตัวเอง ก็ยังมีสิทธิ์ถามคำถามนี้ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 51 01:11:25 จากคุณ : ikkyu - [ 26 ก.ค. 51 00:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ต้นไม้ล้มในป่า มีเสียงมั้ยล่ะครับ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 26 ก.ค. 51 01:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเห็น #14 เข้ามาตอบพร้อมอมยิ้มนี่ชักจะหวั่นๆแล้วว่ามัน กำลังจะกลายเป็นทู้พระเจ้าไปอีกทู้ จากคุณ : Limelight - [ 26 ก.ค. 51 03:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ทำไมทุกสิ่งถึงดำรงอยู่แทนที่จะไม่ดำรงอยู่? เดาว่า เพราะการอยู่ในสภาวะ ดำรงอยู่ ง่ายกว่า ไม่ดำรงอยู่ จากคุณ : =Lord Gary= - [ 26 ก.ค. 51 11:25:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เวลาอ่านหนังสือปรัชญาไทยเขาก็แปลว่า "หลักมานุษยวิทยา(แบบอ่อน/เข้ม)" อ่ะ คุณศล (ถึงจะเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องเดียวกัน) ^^" จากคุณ : Cryptomnesia - [ 26 ก.ค. 51 17:02:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สิ่งที่ไม่ดำรงอยู่ มีมากมาย และ คุณก็ไม่มีวัน "รับรู้" ว่ามัน ไม่ดำรงอยู่ สิ่งที่ดำรงอยู่ มีมากมาย และ ถ้าไม่เคย "รับรู้" มันก็ไม่มีในความทรงจำ เราก็บอก ว่ามัน ไม่ดำรงอยู่ ========== ลำดับการพิจารณา ความจริงซึ่งธรรมชาติเท่านั้นที่รู้ : ดำรงอยู่ | ไม่ดำรงอยู่ ผู้สังเกต : มีการรับรู้( รู้โดยตรง | รู้โดยอ้อม(รู้โดยอ้อมโดยถูกตรรกะ( Obj ซึ่งเป็นเหตุรับรู้โดยตรงได้ | Obj ซึ่งเป็นเหตุรับรู้โดยตรงไม่ได้( รู้โดยอ้อม(...) ) ) | รู้โดยอ้อมโดยไม่ถูกตรรกะ) ) | ไม่เคยรับรู้ ในความทรงจำของผู้สังเกต : มีข้อมูล | ไม่มีข้อมูล การตีความของผู้สังเกต : มันดำรงอยู่ | มันไม่ดำรงอยู่ *หมายเหตุ* ฟังก์ชัน รู้โดยอ้อม() มีจุด recursive , ซึ่งหมายถึงถ้าสิ่งนั้นรู้โดยอ้อมได้หลายชั้น แต่สุดท้ายที่ปลายฐานต้องมีสิ่งที่รับรู้ได้โดยตรงอยู่ จึงจบการ recursive ได้ EDIT การเขียนด้านบนเขียนแค่คร่าวๆ มีบางจุดที่ยังไม่ได้จำแนกแบบละเอียด แค่เป็นแนวทาง เพราะบางทีเราสรุปว่าบางสิ่งมีอยู่ โดยเพราะความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล(แม้ไม่เคยรับรู้โดยตรง ก็ปักใจเชื่อได้) แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 51 20:51:28 จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 26 ก.ค. 51 20:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 30 #28 งั้นผมว่าศัพท์มันไม่ให้ -logy ... มาจาก logos (กรีก) แปลว่า การศึกษา ของไทยเราเจอเมื่อไรใช้ วิทยา เป็นปัจจัย (ผมเข้าใจว่างั้นนะครับ) biology ชีววิทยา psychology จิตวิทยา cosmology จักรวาลวิทยา ichthyology มีนวิทยา anthropology มานุษยวิทยา anthropic principle หลักที่ว่าด้วยมนุษย์ (ไม่น่าจะมีคำว่า วิทยา) ความเห็นผมล้วน ๆ นะ ไม่ได้อ้างอิงอะไร แต่ถ้ามีการบัญญัติเทียบศัพท์ กันแล้วว่า anthropic principle เท่ากับ หลักมานุษยวิทยา ผมก็ไม่แย้งอะไร เพียงรู้สึกแปลก ๆ ว่าคำว่า "วิทยา" มันโผล่มาจากไหนแค่นั้นอะครับ จากคุณ : ศล - [ 26 ก.ค. 51 22:16:55 ]