ความคิดเห็นที่ 1 แรงดันน้ำมัน ไม่เกี่ยวครับ เพราะมีระบบ pressure regulator ปรับแรงดันก่อนเข้าหัวฉีดอยู่แล้ว แต่เป็นคำถามที่น่าสนใจ ไม่เคยคิดถึงเลย ถ้าต้องแบกน้ำมันเต็มถัง รถก็จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าเติมครึ่งเดียว เลยเปลืองกว่ามั้งครับ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 26 ก.ค. 51 21:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปรกติผมเติมประมาณครึ่งถัง เพราะเติมเต็มถังคิดว่ารถมันจะหนักทำให้สิ้นเปลืองไปเปล่าๆ แต่เรื่องแรงดันเวลาเติมเต็ม นี้ไม่น่าใช่มั้งบางรุ่นถังน้ำมันก็อยู่ใต้ท้องรถ จากคุณ : PowerBerry - [ 26 ก.ค. 51 21:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คห2 ดูมีเหตุผล จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 26 ก.ค. 51 21:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อิ อิ น้ำหนักเท่าไรหัวฉีดก็อันเดิมนิครับถ้าเป็นแท้งน้ำบนหลังคาว่าไปอย่าง จากคุณ : PUMPKINbig โดนแบนได้ไงหว่า - [ 26 ก.ค. 51 21:40:25 A:124.121.92.227 X: TicketID:179013 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตาม #2 ก็น่าจะใช่ครับ ตอนผมเติมเต็มถังเสร็จแล้วขับไป พอรู้สึกได้เลยว่ารถมันหนักขึ้น(ก่อนเติมถังโล่ง) แต่มีความเชื่อที่ว่าถ้าถังโล่งนานๆ ส่วนบนๆของถังที่ไม่โดนน้ำมันมานาน จะเกิดปัญหาการถังผุ ส่วนที่ว่าน้ำมันด้านบนจะกดทับลงมาก็ดูมีเหตุผลนะ เพราะถังน้ำมันของบางยี่ห้อรถ เค้าออกแบบมาเป็นถังรูปตัววาย Y หรือประมาณทรงสามเหลี่ยมกลัวหัวอ่ะครับ(ใช่เปล่าหว่า) ด้านบนก็คงหนักกว่าด้านล่าง ว่าแต่ว่าผมอยากรู้นะว่าน้ำมันลิตรหนึ่ง ถ้าคิดเป็นกิโลกรัมจะหนักเท่าไร เบนซินหรือดีเซลก็ได้ ใครรู้บ้างเอ่ย? จากคุณ : taechawat - [ 26 ก.ค. 51 21:49:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องนี้ความจริงไม่ต้องใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์หรือเครื่องกลก็ได้ครับอ.ดิจิตอล ^_^  เพราะในเมื่อสถาณการณ์ปัจจุบันที่ราคาน้ำมันพุ่งทะยานขึ้นตลอดเวลา  การเติมน้ำมันทีละครึ่งถังนั้นมันก็ทำให้เราเสียเงินเกินความจำเป็นอยู่ดีครับ  ลองคิดดูว่าสมมุติวันนี้เราเอาน้ำมันกรอกใส่รถครึ่งถังคิดเป็นเงิน1000บาท(สมมุติ)ซึ่งตอนนั้นราคาน้ำมันอยู่ที่ลิตรละ40  แล้วพอเอารถไปวิ่งๆๆๆๆจนน้ำมันหมดก็มาเติมอีก1000บาทเท่าครั้งก่อน  แต่อุแม่เจ้า!!  ตอนนั้นราคาน้ำมันพุ่งไปแตะที่ลิตรละ42แล้ว  จึงทำให้โดยรวมเราเติมน้ำมันได้น้อยกว่าครั้งก่อนนั่นเอง กลับกันถ้าเราเติมให้เต็มถังเลย2000(สมมุติ)ตั้งแต่ครั้งแรก  กว่าที่เราจะวิ่งจนน้ำมันหมดแล้วมาเติมอีกทีตอนน้ำมันราคาอาจอยู่ที่42หรือ43  ซึ่งถัวเฉลี่ยกันแล้วคนที่เติมเต็มถังตลอดก็จะประหยัดเงินกว่าครับ  ส่วนเรื่องรถหนักกับการกระดกน้ำมันนั้นผมว่ามันมีผลน้อยมากโดยเฉพาะรถโฟลด์วีล  ถ้าน้ำหนักจะมีผลจริงๆก็คงจะมาจากการบรรทุกคนโดยสารในจำนวนมากหรือใส่ของที่มีน้ำหนักเยอะๆบ่อยๆนั่นแหละครับจึงจะเห็นผลว่ามันกินน้ำมันกว่าปรกติ  เรื่องน้ำมันในถังนั่นเจไดหนุ่มจึงเห็นว่าเป็นแค่เรื่องน้ำจิ้มเท่านั้นครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 26 ก.ค. 51 21:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อืม.. แต่ละท่านพูดมาก็มีเหตุผลที่น่าคิดต่างๆกัน(อีกแล้วครับท่าน) แต่ผมฟังแล้วก็ยังไม่รีบสรุปนะครับ รออ่าน คห. ต่อๆไปอยู่ครับ แต่เรื่องที่ว่า ด่วนเติมไปแล้วน้ำมันมันราคาลงนี่ ผมเจ็บใจอยู่เหมือนกัน เพราะเติมไปเมื่อวันก่อน ก่อนราคามันจะลง เดี๋ยวนี้สลับใช้มอเตอร์ไซค์มากขึ้นครับ ส่วนรถยนต์เอาไว้ ตอนที่รับคนในบ้านที่ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไม่เหมาะ เช่น คนแก่ และสตรีมีครรภ์ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 26 ก.ค. 51 22:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บางท่านอาจยังคิดว่า น้ำหนักน้ำมันมาก ทำให้แรงดันน้ำมันมาก ใช่ครับ มันมากในถังจริง แต่เมื่อเครื่องยนต์มันดูดมาใช้ผ่านปั้มติ๊ก และ regulator มันไม่ได้มากตามนะครับ เพราะระบบมันจะคำนวนแรงดันน้ำมันที่จะผ่านหัวฉีดให้พอดีกับอัตราเหยีบคันเร่งอยู่แล้วครับ ไม่งั้นถ้าน้ำหนักน้ำมันเพิ่ม แรงดันเพิ่ม น้ำมันเข้าเครื่องยนต์มาก เครื่องก็เร่งเองสิครับ   เพราะงั้น เรื่องเติมครึ่งถังหรือเต็มถัง ไม่มีผลต่อแรงดันน้ำมันที่เข้าสู่เครื่องเลยครับ ดูจากภาพนะครับ 1 Fuel-filler cap 2 Fuel filter (high-pressure) 3 Pressure regulator 4 Fuel pump unit 5 Fuel pump 6 Fuel filter (low-pressure) 7 Fuel tank 8 Fuel injector 9 Fuel flow ที่บางท่านว่าแรงดันน้ำมันเพิ่ม มันจะเพิ่มใน 7 นะครับ ซึ่งไม่มีผลกับแรงดันในเส้นระหว่างเบอร์ 2 กับ 8 ซึ่งจะเข้าสู่เครื่องยนต์ครับ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 26 ก.ค. 51 22:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่อ . . . สำหรับรถยนต์ทั่วไปอย่าง vios หรือ civic การแบกภาระน้ำมันที่ 40 ลิตร หรือ 20 ลิตร ผมว่าไม่ทำให้รถหนักจนเป็นผลให้เห็น ถึงความแตกต่างอย่างสำคัญนะครับ เพราะว่าต่างกันไม่ถึง 20 กิโลกรัม . . . เบากว่าถุงกอล์ฟเยอะ!!! เพราะงั๊น . . . ผมจึงเลือกที่จะเติมเต็มถังไว้ก่อน แต่ถ้าไม่มีตังก็เติมตามที่มีอ่ะ T_T คล้ายๆกับเวลาที่น้ำมันขึ้น ลิตรละ 50 สต. ในวันรุ่งขึ้น แต่เรารีบขับรถไปเติมทั้งๆที่ กลับถึงบ้านแล้ว ขับออกไป-กลับ ราวๆ 6 กิโลเมตร เพื่อไปเติมน้ำมันอีก 20ลิตร สมมติว่าราคาก่อนปรับลิตรละ 30 บาท ปรับแล้ว 30.5 จะมีส่วนต่าง = 10 บาท T_T จากคุณ : A49 GTR34 - [ 26 ก.ค. 51 22:17:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลืมๆ เครดิตคุณ nomix http://www.thaimazda3.com/forum/lofiversion/index.php/t32844.html จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 26 ก.ค. 51 22:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ******* ถ้าเอารถยนต์แค่แรงดันของน้ำมันอย่างเดียว หมดสิทธิ์ทำให้เครื่องติดได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคาร์บูฯ ฤ เครื่องหัวฉีด ก็ถังน้ำมันมานอยู่ต่ำกว่าเครื่องนี่หว่า ถ้าจะให้น้ำมันไปถึงเครื่องได้ก็ต้องใช้ปั๊มดูดน้ำมันขึ้นไปนะแหละ 6666666 ******* ส่วนของมอไซค์ ถ้าเป็นแบบคาร์บูฯ ที่ส่วนใหญ่ถังน้ำมันอยู่สูงกว่าคาร์บูฯ น้ำมันก็ไหลลงด้านล่างเข้าคาร์บูฯ โดยตรง จริงอยู่ว่า ถ้าน้ำมันเยอะ ก็จะทำให้มีแรงดันให้น้ำมันไหลเร็วขึ้น แต่เครื่องไม่ได้ดูดน้ำมันจากถังโดยตรง แต่ดูดจากห้องลูกลอย ซึ่งห้องลูกลอยก็เป็นที่พักน้ำมันจากถังอีกที ซึ่งก็เท่ากับว่า ไม่ว่า ในถังจะมีน้ำมันเยอะ ฤ น้อย เมื่อมาถึงห้องลูกลอยพอได้ระดับน้ำมันเต็มห้อง เข็มน้ำมันก็จะปิดไม่ให้น้ำมันเข้ามาเพิ่ม ซึ่งเครื่องยนต์จะดูดน้ำมันจากห้องลูกลอยไปใช้ เร็ว ฤ ช้า ก็ขึ้นกับเครื่องยนต์ครับ 6666666 ******* ถ้าคิดที่น้ำหนัก ถ้ารถยนต์เติมน้ำมันเต็มถัง 60 ลิตร เติมน้ำมันครึ่งถัง กับเต็มถัง น้ำหนักที่แบกอยู่ก็ต่างกันเห็นได้ชัดแล้วนะครับ แต่จะคุ้มกับมีพื้นที่อากาศในถังให้ไอน้ำกลั่นตัวเป็นน้ำหยดลงในก้นถังน้ำมัน ฤ เปล่า ม่ายยู้ 66666 จากคุณ : monsungja - [ 26 ก.ค. 51 22:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพิ่งเรียน Queuing Theory มา มีตัวอย่างแบบนี้เป๊ะเลย สรุปว่า ถ้าทุกคนเติมทุกครึ่งถัง แถวที่รอเติมจะยาวขึ้น 4-5 เท่า เวลารอจะมากขึ้น 2-3 เท่า สรุปว่า เสียเวลามากขึ้น รอนานขึ้น เผาน้ำมันฟรี ๆ มากขึ้น คิดที่ คนเข้าปั๊มชั่วโมงละ 7.5 คน เติมคนละ 4 นาที เวลารวมสำหรับลูกค้าแต่ละคนจะเป็น 8 นาที ถ้าคนเข้ามาชั่วโมงละ 15 คน เติมคนละ 4 นาที เวลารวมสำหรับลูกค้าแต่ละคนจะเป็น 20 นาที (Erickson Problem 1973) แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 51 22:27:17 จากคุณ : ไม่ใช่ภาคเครื่องแต่อยากแจม (Lost Seraph) - [ 26 ก.ค. 51 22:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่คิดค่าน้ำมันที่ต่างกัน การเติมบ่อย ต้องเลี้ยวเข้าปัมพ์ ต้อง ดับเครื่องและ สตาร์ทเพิ่ม 1 ครั้ง ทุกครั้งที่เติม ขึ้นกับว่าเดือนหนึ่งเติมกี่ครั้งด้วย จะมีตัวแปรเพิ่มอีก 1 ใช้ Inventory Model คิด น่าจะได้ (สตาร์ท 1 ครั้ง กินเท่าไรไม่รู้) จากคุณ : ไฟล์ท B ทีน้ำเงิน - [ 26 ก.ค. 51 22:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับคุณ คุณ : monsungja  ครับ รถคันเก่าผม ไม่เคยเติมเต็มถัง นานเข้า ถังผุ ครับ ทีนี้พอถังผุ สนิมก็ไปตันที่กรองน้ำมัน อาการต่อไปคงทราบกันนะครับ ถ้ากรองน้ำมันตัน จากคุณ : totspol - [ 26 ก.ค. 51 23:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เคยได้ยินว่า ตาม 2 ครับ จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 26 ก.ค. 51 23:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แฟนอาจารย์ ดิจิ ท้องแล้วหรือครบ อุุุอุอุ จากคุณ : ท้าวคำไหล (pisitman) - [ 26 ก.ค. 51 23:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เติมเต็มประหยัดกว่าครับ เพราะ ไม่ต้องขับเข้าปั๊มบ่อย จากคุณ : Santa_Baby - [ 26 ก.ค. 51 23:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณเจไดหนุ่ม  คิดแบบเงินเฟ้อเลยนะครับเนี่ย . . . จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 27 ก.ค. 51 03:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สตรีมีคัน ท่านว่า ให้เกาครับ ;-) เติ่มครึ่งถังประหยัดกว่าครับ เต็มถัง 60 ลิตร ครึ่งถึงก็ 30 ลิตร ประมาณ 30 kg ทุกกิโล มีความหมายต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันครับ ไม่งั้น รถ F1 คงไม่ทำเวลา/รอบได้ดีขึ้นเมื่อวิ่งไปจนน้ำมันหายไปเยอะๆแล้วหรอกครับ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 27 ก.ค. 51 04:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าปั้มน้ำมันอยู่หน้าบ้านคุณก็ถือว่าครึ่งถังประหยัดกว่าครับ แต่ถ้าคุณต้องขับรถไปเติมซัก 100 เมตรก็ไม่คุ้มแล้ว ไหนจะสตาร์ทต้องรถใหม่อีกรอบอีก จากคุณ : vandalism - [ 27 ก.ค. 51 09:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเติมเต็ม แต่ยกยางอะหลั่ยออกเมื่อไม่ขับทางไกล รถเบาขึ้น 17 กิโลกรัม จากคุณ : ตี้หลง - [ 27 ก.ค. 51 10:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่ผ่านมาผมคุมค่าใช้จ่ายโดยเติมน้ำมันครั้งละ 1000 เดือนนึงเติม 3 ครั้ง เป็น 3000 บาท(วิ่งวันละ 44 กม) แต่ล่าสุดลองเติมตั้งถัง 2000 กว่าหมด ไปแล้วเติมเข้าไปอีก 1000 เป็น 3000 กว่าใก้ลหมดแล้วยังเหลือเวลาอีก 14 วันกว่าจะถึงรอบบิลผมใช้บัตรเครดิตครับ ผมจะต้องเติม 1000 เป็น 4000 บาทแน่ๆเลย เดี๋ยวต้องกลับไปทำแบบเดิมดูผลอีกทีดีกว่า... จากคุณ : กาลัง กัตวา - [ 27 ก.ค. 51 11:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ...ครึ่งละกัน ค่อยๆใช้.... จากคุณ : ไร้สาระคุง - [ 27 ก.ค. 51 12:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สมมุติว่า มีรถ 1 ล้านคัน  วันนึง เติมน้ำมันพร้อมกัน เต็มถัง ใช้ได้  8 วัน   เต็มถัง  2000    ก็ไปอยู่ในกระเป๋าบริษัทน้ำมันทันที   2 พันล้าน 8 วัน   ถ้าเรา 1 ล้านคน เติม 500  เงินก็จะไปอยู่ในกระเป๋าบริษัทน้ำมัน 500 ล้าน    อีก 2 วัน ถึงจะออกจากกระเป๋าพวกเรา ไปอยู่ที่บริษัทน้ำมันอีก 500 ล้าน  เรื่อยๆ   ถังรถกระบะ 80 ลิตร หนักเท่าใหร่ไม่รู้   แต่น้ำ 80 ลิตร  หนัก 80 กก.     เติมไว้สัก 1/3 ถัง  อย่างน้อยรถมันก็คงเบาไปอีก 40 - 50 กก. หละครับ จากคุณ : tamrong - [ 27 ก.ค. 51 15:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ครึ่งถึงเปลืองกว่า เพราะต้องเลี้ยวเข้าปั้มบ่อยกว่า -*- จากคุณ : หมูกระเทียม+ไข่ดาว - [ 27 ก.ค. 51 19:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เติมเต็มถังตลอดช่วยให้ถังน้ำมันไม่เป็นสนิมนะครับ (ว่าแต่รถรุ่นใหม่ๆเป็นพลาสติกแล้วนิ -*-) จากคุณ : Sillything - [ 28 ก.ค. 51 00:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 27 + เวลาอันมีค่าของท่านที่เสียไปในการรอคิว จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 28 ก.ค. 51 04:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 28 น้ำมันเดี๋ยวนี้แทบไม่ต้องรอคิวแล้วครับ คนไปติดแก็สกันเยอะ....เท่าที่ผมขับรถมาสามปี ไม่เคยรอคิวเลยครับ.... ถังน้ำมันเดี๋ยวนี้ก็วัสดุสังเคราะห์ คงไม่มีผุ... ประเด็นผมว่า ระหว่างแบกนน.ราวๆ เกือบ20กิโล กับการเลี้ยวเข้าออกปัมพ์ อันไหนเปลืองกว่ามากกว่าครับ ต้องถามกลับว่า แบกนน.เยอะเนี่ยตอนไหน ขับๆ ติดๆ ออกตัวบ่อยเบรคบ่อย รึว่าวิ่งยาวๆละ.. ถ้าวิ่งยาวๆ แทบไม่เบรคไม่ออกตัว ผมว่าเติมทีเดียวเต็ม ไปเปรียบกว่าครับ เพราะนน.ที่เพิ่มขึ้นแทบไม่มีผล แต่ถ้าวิ่งติดๆหยุดๆ ออกตัวแรง เบรคแรง 20โล ผมว่ามีผลเยอะนะ...ถ้าขับรถติดปกติ ผมว่าก็มีผล โดยเฉพาะรถเล็ก นน.ตัวไม่มาก เพราะนน.เพิ่มขึ้นเทียบกับนน.ตัวรถแล้วมากพอควรครับ... เคยได้ยินไหมครับ ที่ลดนน.ของได้สิบโล แล้วประหยัดได้ระยะทางเพิ่มราวๆครึ่งกิโลลิตรหนะ ผมว่าผมเคยได้ยินนะ... จากคุณ : Extrusso - [ 28 ก.ค. 51 14:39:54 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมก็เติมแบบคุณเจได ราคาน้ำมันขาขึ้น เติมเต็มถังทุกครั้ง ราคาน้ำมันขาลง เติมทีละ 500 บาท คุ้มสุด จากคุณ : alan the lamb - [ 29 ก.ค. 51 16:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าคิดโดยรวมๆ คุณต้องคิดต้นทุนทางเวลาด้วยครับ เวลามีค่าเหมือนกัน เข้าเติมน้ำมันที ก็ต้องเสียเวลาเหมือนกัน เติมเต็มถังเข้าปั๊มน้อยครั้งกว่า แต่น้ำหนักส่วนเกินนั้นก็คงมีผล แต่ต้องอย่าลืมว่า การที่น้ำมันเลี้ยงถังน้อยๆ ปั๊มติ๊กในรถส่วนใหญ่เป็นแบบจุ่มถัง โดยใช้น้ำมันเป็นตัวช่วยระบายความร้อน ถ้าน้ำมันน้อยเกินไป ปั๊มติ๊กจะร้อน และถ้าน้อยจัดๆ มันจะดูดโดนอากาศเข้าไปด้วย อาจเจออาการสะดุด เพราะงั้น ส่วนสึกหรอจากเรื่องพวกนี้ต้องคิดเป็นต้นทุนด้วย ส่วนการเติมเต็มนั้น เสียเรื่องแบกน้ำหนักนั่นหล่ะครับ แต่อย่าลืมว่า เวลาเจอธุระด่วนแบบไม่ตั้งตัว นาทีเดียวก็มูลค่ามากมาย ส่วนเรื่องเหตุผลที่ยกมานั้น ผมว่าคนพูดก็เหมือนจะถูกครึ่งๆ ทั้งคู่เลยครับ ประการแรก ถังน้ำมันส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้เป็นถังไฟเบอร์ หรือไม่ก็พลาสติกแล้ว สนิมไม่มีหรอกครับ ส่วนเรื่องน้ำหนักกดนั้น ก็อย่างที่หลายคนบอกว่า ระบบมันควบคุมแรงดันเข้ารางหัวฉีดอยู่ ไม่ได้เข้าเพราะแรงดัน หรือน้ำหนักของน้ำมัน ผมเลือกเติมเต็มทุกครั้ง เพื่อประโยชน์ในแง่เวลา และรักษาปั๊มติ๊ก และต้องการวัดอัตราสิ้นเปลืองด้วยครับ จากคุณ : Ki@K:) - [ 30 ก.ค. 51 13:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เติมเต็มมันเปลืองทางอ้อมไงครับ ตอนที่เติมน้ำมันเติมทีน้อยๆ ก่อนกลับบ้านเหลือบมองเข็มที่จวนจะถึง E แล้ว  อืม กลับดีกว่า น้ำมันจะหมดล่ะ พอน้ำมันมีเกือบเต็ม -_-! วันนี้เลิกงานเร็ว แวะไป........ สักหน่อยดีกว่า สรุปว่าพอมีเยอะ มันก็อยากจะไปโน่นไปนี่   บางคนแค่ไปซื้อของปากซอยดันคว้ากุญแจรถซะแล้ว ถ้าใครควบคุมห้ามใจตัวเองได้ คือใช้เท่าที่ใช้ปกติ มันก็เท่าๆ กันนั่นล่ะ เติมเต็มไว้ก่อนดีกว่า ส่วนถังเป็นสนิม ผมว่ายังไงถ้าเติมไว้ครึ่งถังจริง ไม่น่าจะเป็นสนิมนะ เพราะเวลาเบรก คนนั่งยังหัวทิ่มเลย น้ำมันในถังมันก็ต้องกระฉอกไปมาอยู่แล้ว นอกจากจอดรถไว้นิ่งๆ ไม่ขับนานๆ จริงๆ จากคุณ : Ph - [ 31 ก.ค. 51 16:31:42 ]