majestic 12 เพื่อนๆชาวหว้ากอที่สนใจเรื่องลึกลับย่อมเคยได้ยินชื่อมาบ้างแล้ว สมาชิก 12คนของรัฐบาลสหรัฐฯในการปกปิดเรื่องยูเอฟโอ
***อาจจะยาวไปซะหน่อย แต่ผมแถมสมนาคุณพิเศษด้วยน้องอ้อยกับมิยาบินะครับ 2 ภาพ***
ก่อนจะพูดถึง mj 12 หรือ majestic 12 ต้องเอ่ยถึงเรื่องเกิร่นนําซะก่อน
(บทความนี้คัดลอกจาก หนังสือ จานบินและมนุษย์ต่างดาว UFOS โดย บรรยง บุญฤทธิ์ )
ในปลายปี 1972 โรเบิร์ต อีเมนเนกเกอร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และอัลแลน แซนเดลอร์ ได้รับการติดต่อจากนายทหารระดับสูงแห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ให้ถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับโครงการลับของทางราชการ โรเบิร์ตรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อทราบว่าสารคดีที่จะถ่ายทำนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับจานบิน (ยูเอฟโอ) เนื่องจากคาดว่า เรื่องราวต่างๆ คงจะสานต่อจากโครงการบลูบุ๊คที่ปิดฉากลงเมื่อปี 1969
ทั้งสองมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีก เมื่อได้รับเชิญให้ไปยังหน่วยเพนตากอนของสหรัฐฯ ซึ่งที่นั่นพวกเขาได้พบกับนายทหารอากาศระดับสูงสองสามคนรวมทั้งนาวาเอกวิลเลียม โคลแมน และจอร์จ วีนเบรนเนอร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับโครงการบลูบุ๊ค โรเบิร์ตได้เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า บัดนี้กองทัพอากาศพร้อมที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงทั้งหมดแก่สาธารณชนแล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาทั้งสองประหลาดใจมากก็คือ ทางกองทัพอากาศได้นำภาพถ่ายและภาพยนต์ที่ไม่เพียงแต่เรื่องจานบินเท่านั้น ยังมีภาพยนตร์เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวผิวหนังสีเทา ทั้งที่ยังมีชีวิตและสิ้นชีวิตแล้วมาฉายให้ชมด้วย
โรเบิร์ต อีแมนเนกเกอร์ได้เล่าให้ผมฟังว่า เขาได้เห็นภาพยนตร์ 16 มม. เกี่ยวกับเรื่องมนถุษย์ต่างดาวในที่ทำงานของนายทหารอากาศคนหนึ่ง มนุษย์ต่าวดาวที่เห็นรอดชีวิตจากจานบินตกเมื่อปี 1949 และต่อมาถูกนำไปกักขังไว้ในที่ลับและปลอดภัยแห่งหนึ่งในลอสอะลามอส รัฐนิวเม็กซิโก จนกระทั่งได้สิ้นชีวิตด้วยสาเหตุลึกลับในปี 1952
ในช่วงต้นปี 1973 โรเบิร์ตและอัลแลนได้รับเชิญไปยังฐานบินนอร์ตันซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการบินแห่งกองทัพอากาศที่เมืองซานเบอร์นาร์ดิโน แคลิฟอร์เนีย ทำให้พวกเขาได้พบกับหัวหน้าทีมงานสอบสวนพิเศษของฐานปฏิบัติการกองทัพอากาศ (เอเอฟโอเอสไอ) และพอล ชาร์เติล อดีตหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย และหัวหน้าแผนกโปรแกรมโสตทัศนวัสดุแห่งนอร์ตัน ทั้งสองได้ทราบว่า ในช่วงเดือนเมษายน ปี 1964 มียานอวกาศนอกโลกลำหนึ่งได้ลงมายังพื้นโลกที่ฐานบินฮอลโลแมน เมืองอะลาโมกอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก หลังจากจอดไว้เพียงชั่วครู่ มนุษย์ต่าวดาวก็เดินออกมาจากยานและได้ติดต่อสื่อสารกับทีมนักวิทยาศาสตร์และนายทหารอากาศหลายนาย เรื่องราวทั้งหมดนี้ได้บันทึกไว้ในภาพยนตร์ทั้งสิ้น และโรเบิร์ต อีเมนเนกเกอร์ และอัลแลน แซนเดลอร์ได้ตกลงทำสัญญาถ่ายทำเป็นภาพยนตร์สารคดี สรุปเรื่องราวลงในฟิล์มขนาดความยาว 800 ฟิต โดยต้องหาเรื่องราวและข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายพันฟิต
โรเบิร์ตได้กล่าวว่า มีนักค้นคว้าจานบินคนหนึ่ง ได้รับอนุญาตให้นำภาพยนตร์ดังกล่าวกลับไปฉายดูที่บ้าน แต่ปรากฏว่าเขาได้ปฏิเสธผม ในช่วงระหว่างพูดคุยกันครั้งหนึ่งในหลายครั้งที่ลอสแอนเจลิส อย่างไรก็ตาม ทราบว่าต่อมานาวาเอกโคลแมนได้ยกเลิกการอนุญาตให้ยืมภาพยนตร์อย่างกะทันหัน โดยให้เหตุผลว่า ในช่วงนั้นสถานการณ์ทางการเมืองไม่เหมาะสม เนื่องจากมีเรื่องเอื้อฉาวเกี่ยวกับคดีวอเตอร์เกต
แต่ถึงอย่างไร ภาพยนตร์ดังกล่าวก็ได้รับอนุญาตให้นำมาประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีสรุปเรื่องราวเกี่ยวกับจานบิน
ในหนังสือเรื่อง "จานบิน : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต" ของโรเบิร์ต อีแมนเนกเกอร์ ซึ่งได้พิมพ์เมื่อปี 1974 ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ฐานบินฮอลโลแมน ตอนหนึ่งดังต่อไปนี้
เมื่อเวลา 05.30 น. ในวันนั้นเสียงโทรศัพท์ในห้องที่ฐานปฏิบัติการบินฮอลโลแมน ได้ดังขึ้น และจ่าอากาศแมน ได้รับแจ้งว่ามียานอวกาศลึกลับเข้ามายังฐาน ที่ห้องเรดาร์พบว่าในจอเรดาร์มีเป้าบนจอปรากฏขึ้นหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องเรดาร์ได้ประกาศว่า ยานอวกาศประหลาดได้เข้ามาตรงจุดพิกัดที่ 49-34 องศาทางตะวันตกเฉียงใต้ ตามเส้นทางเข้าไม่เด่นชัด
ย้อนกลับไปยังหอควบคุม พนักงานวิทยุได้พยายามติดต่อกับยานลึกลับนั้นหลายครั้งว่า
"นี่คือหอควบคุมฐานบินฮอลโลแมนแห่งกองทัพอากาศ โปรดแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับยานของท่าน ท่านกำลังล่วงล้ำเข้ามาในน่านฟ้าเขตทหารคำเตือน
โปรดระบุหมายเลขยานของท่าน ห้ามรุกล้ำเข้ามาในเส้นทางการบินของทหาร"
ปรากฏว่าไม่ได้รับคำตอบ นาวาเอกฮอร์เนอร์ผู้บัญชาการฐานบินได้ออกคำสั่งให้โทรศัพท์ติดต่อกับฐานบินไรท์-แพตเตอร์สัน และฐานบินเอ็ดวาร์ดเพื่อสอบถาม เผื่อมีเครื่องบินทดลองบินในเขตน่านฟ้าแถบนั้น จนอกจากนั้นได้ออกคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่ไอพ่นสองลำขึ้นไปสกัดกั้นยานประหลาดดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน จ่าทหารช่างซึ่งทำหน้าที่บันทึกภาพ และได้ประจำการอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งของฐานบินที่กำลังบินเข้ามาในช่วงนั้นพอดี ได้ถ่ายภาพยนตร์เกี่ยวกับยานประหลาดสามลำที่บินล่วงล้ำเข้ามาในเขตน่านฟ้าของทหาร ปรากฏว่ายานลำหนึ่งบินแยกตัวออกจากฝูงแล้วเริ่มร่อนลง ส่วนทีมทหารช่างภาพอีกกลุ่มหนึ่ง ได้ใช้กล้องที่มีความเร็วสูงถ่ายภาพยนตร์ 16 มม. ขณะที่ยานร่อนลงสู่พื้นโลก
ยานประหลาด (รูปร่างคล้ายอ่างอาบน้ำ ตามที่เห็นในภาพยนตร์ ซึ่งโรเบิร์ดได้เล่าให้ฟัง) ลอยอยู่เหนือพื้นดินราวสิบฟุต คล้ายกับเรือที่ทอดสมอกลางทะเลนานเกือบหนึ่งนาที จากนั้นค่อยๆ กางขาสามขาแล้วร่อนลงอย่างช้าๆ ตรงช่วงนี้ผู้บัญชาการฐานบิน นายทหารระดับสูง และนักวิทยาศาสตร์ของกองทัพอากาศหลายคนได้ปรากฏตัวในภาพ
ต่อมาแผงด้านข้างของยานก็เปิดออกเป็นประตู มีบันไดพาดลงมาและมีชายสามคนแต่งตัวในชุดรัดรูปเดินออกมา ลักษณะรูปร่างเตี้ยกว่ามนุษย์บนโลกเรามาก สีผิวสีเทาอมน้ำเงิน ดวงตาโตเห็นได้ชัด จมูกใหญ่ (ในช่วงสนทนากับลินดา โฮร์ โรเบิร์ตเล่าว่าเขาจำได้ว่ามนุษย์ต่างดาวสามคนนั้นสูงเพียง 5 ฟุต 2 นิ้วเท่านั้น ส่วนดวงตานั้นกลมโต แต่ลูกตาเป็นเส้นตรงลงมาคล้ายตาแมว)
ผู้บัญชาการฐานบินและนักวิทยาศาสตร์สองคนได้เดินเข้าไปหาแสดงการต้อนรับ ซึ่งในขณะสื่อสารพูดคุยกันนั้น ดูเหมือนว่าต่างใช้เครื่องมือแปลภาษาช่วย
ต่อจากนั้นทั้งกลุ่มก็ได้เดินไปยังห้องปฏิบัติการภายในบริเวณคิงหนึ่งก่อนที่จะนำไปยังปลายถนนมาร์ซ ทางด้านทิศตะวันตกไปยังอาคารหมายเลข 930
นั่นคือเนื้อหาสาระตอนหนึ่งในหนังสือของโรเบิร์ต ซึ่งได้กล่าวถึงภาพยนตร์เกี่ยวกับจานบินและมนุษย์ต่างดาว
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 51 18:56:42
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 51 18:56:12
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 51 18:34:20