ความคิดเห็นที่ 1 ย้ายคนออกไป ... จบ จากคุณ : Nibiru - [ 31 ส.ค. 51 14:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1. แก้ไขเรื่องระบบน้ำทิ้งครับ  น้ำเสียจากครัวเรือนและโรงงานต้องไม่ลงในแม่น้ำโดยตรง 2. แก้ไขเรื่องระบบหมุนเวียนของน้ำครับ เมื่อก่อนกรุงเทพมหานครมีคลองมากเนื่องจากชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตกร จำเป็นต้องมีน้ำและคลองส่งน้ำเพื่อช่วยเหลือด้านการเกษตรและการขนส่ง แต่เมื่อมาทุกวันนี้ ชาวบ้านไม่ใช้น้ำคลองกันแล้ว ทำให้น้ำมันไม่ได้ไหลและหมุนเวียนทำให้น้ำมันเน่าครับ 3. เอาง่ายๆ คนบ้านเรามีขยะในรถยังทิ้งข้างทาง รถลงแม่น้ำกันเลยครับ ผมบอกไปแล้วว่า รถจอดแล้วค่อยทิ้งก็ได้เขาก็ยังทิ้งหน้าตาเฉย คงจะเกรงใจผมมั่ง ฮ่า........ จากคุณ : Ice-man - [ 31 ส.ค. 51 14:53:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกะคห.๑ และ คห.๒ แต่ไม่หวังอะไรกะ กทม.แล้วอ่ะ เดี๋ยวนี้ ต่างจังหวัด ชอบแก้ปัญหาดินทรุดริมคลองด้วยการสร้าง เขื่อนกันตลิ่ง ผมว่ามันทำให้ระบบนิเวศน์เสียหายพวกสัตว์ที่อยู่ริมตลิ่งไม่มีที่อยู่ ผมอยาให้มีการปลูกต้นลำพู ริมตลิ่ง อย่างน้อยมันก็ช่วยดักตะกอน แล้วก็เป็นที่อยู่ เป็นแหล่งอาหาร ของสิ่งมีชีวิตริมตลิ่งหลาย ๆ อย่าง เมื่อระบบนิเวศน์ครบผมว่าอะไร ๆ มันก็ดีขึ้น แล้วก็สุดท้ายคือแก้ที่   "จิตสำนึก" จากคุณ : ไม้โมก - [ 31 ส.ค. 51 15:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใสอีกก็สกปรกได้อีก - -* อยู่ที่จิตสำนึกของคนด้วยเนอะ จากคุณ : คุณซัมซุง - [ 31 ส.ค. 51 15:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หลังบ้านติดแม่น้ำลำคลองอย่างนี้ ยังไงๆ น้ำก็เสียครับ แต่จะอพยพประชาชนริมน้ำออกไปได้อย่างไร โดยละมุนละม่อม จากคุณ : ksk - [ 31 ส.ค. 51 15:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คนบางคนยัง ทิ้งขยะไม่ลงถัง/ถมน้ำลายลงพื้นอยู่เลย เห็นแล้วเหนื่อยใจ จากคุณ : satitpor - [ 31 ส.ค. 51 15:34:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่งไปเกาหลีกลับมาแต่ก่อน เค้าก็มีปัญหา แบบนี้เค้าใช้วิธีการ ทำให้พื้นทีริมแม่น้ำขึ้นไป 1 กม ข้ามสร้างอะไรเลย ใช้พื้นทีเป็นสวนแทน จากคุณ : Napoleonic - [ 31 ส.ค. 51 16:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แสนแสบอ่ะ.. อย่างแรกเลย... เน่าโครต..  (แต่ยังเห็นเด็กลงไปเล่นอยู่เลย) จะให้ใสจริงคงต้องปรับปรุงเขตติดคลองครั้งใหญ่เลย พวกน้ำเสียต้องไปโรงบำบัดให้หมด จากคุณ : Baritoreca - [ 31 ส.ค. 51 16:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 #7 ใช่ครับ ที่ผมประทับใจมากก็ที่ใกล้ๆ ดงแดมุนนั่นหล่ะ ไปหนแรกๆ เห็นสร้างกันอยู่นาน สงสัยว่าอะไร พอหลังๆ ไปอีกครั้ง ประทับใจมากเขาทำมาสวยสุดๆ อยากให้ กทม มีแบบนั้นบ้างจังครับ จากคุณ : xnone - [ 31 ส.ค. 51 16:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สังเกตุว่าคนส่วนใหญ่ที่มีโอกาสได้เห็นภาพริมคลองที่ได้พัฒนาเรียบร้อยแล้ว ก็จะรู้สึกอยากให้ได้เป็นแบบนั้นบ้าง สามัญสำนึกจะบอกแบบนี้กันออกมาเอง ถ้ามีการจัดงบทำสื่อ หรือผู้ผลิตรายการต่างๆรู้สึกอยากจะช่วยกันคนละเล็กละน้อย นำเสนอภาพให้ประชาชนให้เห็นแนวทางดี โดยที่ไม่ยัดเยียด ยกตัวอย่าง มีกิจการออกกำลังกายโดยให้ช่วยกันเก็บ ดูแลสถานที่ของแต่ละคน ทำให้ดุเป็นตัวอย่างทีดีและสนุกสนาน มีสปอนเซอร์ให้รางวัลจูงใจการทำดี เน้นกิจกรรมในทาง+ เยอะๆขึ้น ทั้งในชุมชน หน่วยงานต่างๆ และโรงเรียน อย่างบางทีท่าได้ไปทะเล เจอขยะก็หยิบมาซักชิ้นติดมือไปลงถังขยะ คนละไม้คนละมือ ก็จะเป็นการช่วยปลูกจิตสำนึกที่ดูแล้วไม่น่าอายไปในตัวด้วยครับ จากคุณ : ผ่านทางมางั้นๆ (himajin006) - [ 31 ส.ค. 51 16:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เวรคืนที่ดินเรียบคลองทั้งหมดใน กทม ห้ามใครเข้าไปใช้ประโยชน์ แล้วสร้างเป็นสวนสาธารณะติดคลอง 2 ข้าง ได้ 2 ต่อเลย ทั้งสวนสาธารณะ และคลองที่น้ำใส จากคุณ : veenews2004 - [ 31 ส.ค. 51 16:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อย่าหาว่ามองโลกแง่ร้ายเลยนะ เปิดเป็นสวนสาธาได้จริง แล้วคนเข้าไปได้ มันก็ทิ้งอีกแหละ จากคุณ : arsarn - [ 31 ส.ค. 51 16:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มองในแง่วิทยาศาสตร์นะครับ พอดีเรียนมานานจนลืม... ในทางเคมี น้ำที่เน่าเสียและเป็นสีดำนั้น ตัวสีดำเราเรียกว่า"Glycol" ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีแบบไม่มีออกซิเจน ประเด็นคือ ในน้ำมีแบคทีเรีย และแบคทีเรียเอง ทำงานได้สองแบบ คือ แบบใช้ออกซิเจน และแบบไม่ใช้ออกซิเจน ทีนี้ ในน้ำที่จะเน่านั้น ออกซิเจนมันลดลงต่ำเกิน แปลง่ายๆคือ ในน้ำนั้นไม่มีออกซิเจนให้แบคทีเรียเอาไปใช้น่ะครับ ผลของมันก็คือ แบคทีเรียพวกนี้ ก็พยายามจะย่อยสบายกากต่างๆที่อยู่ในน้ำ เริ่มแรกก็อยากจะทำแบบมีออกซิเจนล่ะครับ แต่พอมันไม่มี ก็เลยไปทำแบบไม่มีออกซิเจนซะ.... ผลผลิตที่ออกมาเลยดำสมใจท่านละครับ ที่ว่านั้น เป็นที่มาที่ไป ส่วนวิธีแก้ไข ขอลัดขั้นตอนไปที่การแก้ไขที่เป็นรูปธรรม แบบที่เขาทำๆกันแล้วได้ผลนะครับ ๑.ที่บึงพระรามเก้า ในหลวงทรงมีรับสั่งให้ผู้ว่ากทม.(สมัยนั้นคือพลตรีจำลอง) ติดตั้งเครื่องเติมอากาศในบึงฯ และให้เลี้ยงผักตบชวาในบึงด้วย นัยว่า เพื่อเติมออกซิเจนลงในน้ำให้เพียงพอต่อการใช้งานของตัวแบคทีเรีย อีกทั้งให้รากของผักตบชวาช่วยในการดูดซับตะกอนต่างๆ จนกระทั่งน้ำในบึงพระรามเก้าฯนั้นดีขึ้นมาเป็นลำดับ มีคำเปรียบเปรยว่า สวนสาธารณะต่างๆในกทม.เป็นเสมือนปอด..... เราก็มีบึงพระรามเก้าฯนี่เเหละที่เป็นเสมือนไต ๒.การบำบัดน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี  อ่านกันไม่ผิดหรอกครับ แม่น้ำเพชรบุรี ที่ปู่เย็นลอยเรืออยู่นั่นแหละ เรื่องของเรื่องก็ดูมาจากสารคดีใรโทรทัศน์ ก่อนกน้านี้น้ำในแม่น้ำนี้ สีดำปี๋ ต่อมาก็มีโครงการพัฒนาแม่น้ำสายนี้.... จะเป็นใครอื่นมิได้ .... พระมหากษัตริย์ผู้ทรงปรีชาญานของเรานั่นเอง พระองค์ทรงมอบนโยบายในการผันน้ำ และการสร้างทุ่งกก(เท่าที่จำได้จะเป็นพืชชนิดนี้นะครับ มีหญ้าแฝกด้วย) โดยทำทุ่งแล้วปลูกพืชพวกนี้ลงไป แล้วปล่อยน้ำที่ว่าเสีย ให้ท่วมทุ่งจนเอ่อล้นไปอีกทุ่งหนึ่ง โดยในแต่ละทุ่งจะทำให้ต่างระดีบกันเป็นขั้นบันได น้ำที่ผ่านทุ่งไปแล้ว จะโดนดูดซับตะกอนไว้ส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังได้รับแร่ธาตุ(เข้าใจว่าเป็นเหล็ก จากดินลูกรังหรือดินที่ปลูกหญ้าในทุ่งนั่นแหละ) ทำให้น้ำที่ปลายทุ่งดีขึ้นในระดับหนึ่ง ก่อนไหลลงสู่ทะเลไป ส่วนที่ต้นน้ำ ก็จะมีการผันน้ำดีเข้ามาเพิ่ม โดยกระทำอย่างนี้เป็นวัฎจักร จนน้ำดีขึ้นเป็นลำดับ ๓.ที่คลองแสนแสบ  มีลุงคนนึงอยู่แถวๆหลังนิด้า(หากผมจำไม่ผิดนะ)  ลุงเขาจะเอาน้ำหมักชีวภาพมาเทลงในคลองเรื่อยๆ ตัวน้ำหมักชีวภาพนี้ แกไปทำมาเอง โดยการนำหัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพมาผสมกับน้ำและน้ำตาลหรือกากน้ำตาล แล้วนำน้ำนั้นมาเทลงในคลองวันละเล็กวันละน้อย จนสามารถมองเห็นเป็นรูปธรรมได้ว่า น้ำแถวนั้นดีขึ้น  วันก่อนก็เห็นว่ามีการรณรงค์การเติมน้ำหมักชีวภาพนี่ ออกโทรทัศน์ด้วย มีการเชิญผู้ว่าอภิรักษไปช่วยเทคนละขวดสองขวด ... แต่ไม่ทราบว่ามีการทำที่ต่อเนื่องรึเปล่า??? คงสรุปและเล่าให้ได้ เท่าที่ผมรับรู้มา เราเอง น่าจะช่วยกันรณรงค์ โดยกำหนดเป้าชัดๆไปเลยว่าเราจะทำให้น้ำในคลอง"ดึ่มได้"ภายในกี่ปี เพื่อถวายความดีแก่พ่อหลวงของเรา ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน จากคุณ : xxded (xxded) - [ 31 ส.ค. 51 17:42:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่ชาวบ้านริมคลองเหล่านั้นยังขาดจิตสำนึกอยู่ จากคุณ : maxijojo123 - [ 31 ส.ค. 51 17:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ คุณ xxded  มากครับ เป็นความรู้ดีจริงๆ เสียดายให้คะแนนไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ว่าจะทำรึเปล่าและจิตสำนึกจริงๆนะครับ พอในหลวงท่านทรงรับสั่งและลงมือทำกัน เราก็ทำกันได้จริงๆ แสดงว่าเป็นไปได้  สินะครับนี่ :D จากคุณ : xnone - [ 31 ส.ค. 51 17:59:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ....   งบ   +   ผู้บริหารคิดจะทำ จากคุณ : DR บ๊อง - [ 31 ส.ค. 51 18:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบคำถามนี้จังครับ ถ้าน้ำใสขึ้นมาได้ กรุงเทพฯ คงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ ฝัน ฝัน ฝัน จากคุณ : coolplay - [ 31 ส.ค. 51 18:13:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ประทับใจตาม คห 7 เช่นกัน ทำไมเมืองไทยไม่มีแบบนั้นในเมืองบ้างนะ ใช้ทำกิจกรรม วิ่งเล่น แถมมีคนเล่นกีฬาทางน้ำด้วย ส่วนน้ำไม่ได้ดูว่า ใสไหม เพราะมัวแต่หนาวอยู่ พอดีไปช่วงเริ่มหน้าหนาว จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 31 ส.ค. 51 18:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 บางครั้งนโยบายทีออกมาจากรัฐบางทีผมว่ามันจะขัดกับประโยชน์ ของคนทีอยุ่ตรงพื้นที่ แต่คิดว่าถ้ารัฐบาลอาศัยอำนาจในความเป้นรัฐ ลงมือทำไปเลย ทำแล้วถือว่า คนทั้งประเทศได้ประโยชน์ เป็นทีท่องเที่ยว เพิ่มปอดให้กับ กทม ผมก็สนับสนุนนะ จากคุณ : Napoleonic - [ 31 ส.ค. 51 19:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อืมม อย่างแรกก็ต้องติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย ก่อนจะปล่อยลงคลอง ซึ่งปกติก็ลงกันแบบ direct เลย มาแก้ปลายเหตุทั้งชาติ ก็ไม่ใส รัฐคงต้องออกเงินทำ(เดี๋ยวมีคนขโมยอีก) เพราะคนที่อยู่ริมคลองใช่ว่าจะมีเงินทำอะไรแบบนั้น จากคุณ : รบมิพัก รักมิยั้ง - [ 31 ส.ค. 51 19:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปัญหาอยู่ที่คนอย่างเดียวเลย แก้ปัญหาเรื่องคนได้ ก็ทำได้ แต่ ปัญหาเรื่องคนนี่ ขึ้นชื่อว่าแก้ยากที่สุดเลยนะ --" จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 31 ส.ค. 51 20:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ฆ่าคนที่อาศัยในกรุงเทพทิ้งให้หมด แล้วไม่ให้มีอาศัยอยู่อีก ไม่ถึงปี น้ำก็ใส ไหลเย็นเห็นตัวแมวน้ำแล้ว ซึ่งแทบจริงเป็นจริงไม่ได้เลย น้ำเสียที่เป็นอยู่ตอนนี้ ส่วนใหญ่มาจากภาคครัวเรือน ไม่มีการบำบัดก่อนปล่อยลงคลองสาธารณะ จากคุณ : master foo bar - [ 31 ส.ค. 51 20:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ปลูกจิตสำนึกประชาชนสองข้างคลองให้หยุดทิ้งของเสีย พร้อมกับติดตั้งระบบเติมอากาศให้น้ำไว้ทุกจุดเป็นระยะๆ ฟอกได้มากได้น้อยก็ยังดีฟอกไปเรื่อยๆ คลองไหนเน่ามากก็จัดเก็บค่ารักษาดูแลจากชุมชนนั้นๆถือเป็นค่าปรับแสดงความรับผิดชอบเลยดีไหม เอาเงินมาใช้เป็นค่าไฟฟ้าปั้นเครื่องเติมอากาศ ค่าแรงงานดูแลรักษาลำคลอง ฯลฯ เมื่อไหร่ที่น้ำบริเวณนั้นใสดีแล้วก็ลดค่าปรับลงเรื่อยๆจนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป *อยากโหวตคะแนนถูกใจ คห.13 ด้วยอีกหนึ่งความคิดเห็นครับ จากคุณ : เข้มเท่านั้น - [ 31 ส.ค. 51 21:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไป ๆ มา ๆ ผมชักชอบระบบการให้ Give แฮะ ดูเหมือนจะทำให้แนวทางคำตอบดีขึ้น และคนที่ตอบดี ๆ ก็ได้รับกำลังใจด้วย :) จากคุณ : cookiecompany - [ 31 ส.ค. 51 22:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 :D ความฝันตอนนี้ อยากให้ เมืองไทยกลายเป็นเวนิชตะวันออกครับ ฮ่าๆๆๆ จะได้มีเรือพายรับจ้างกันชมเมืองอีก ในคลองที่ไม่มีเรือยนต์ ;) จากคุณ : xnone - [ 31 ส.ค. 51 23:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอแนะนําว่า 1    บําบัดน้ำเสียทีอยู่ตามบ้านเรือนทั้งหมดโดยติดตั้งถังบําบัดน้ำเสียทุกหลัง  และต้องดูแลระบบให้ดีตลอดเวลา มีกฎหมายควบคุม 2  ภาครัฐต้องสนับสนุนภาคเอกชนทําถังบำบัดน้ำเสีย  ราคาถูกจําหน่ายกับประชาชน   บําบัดน้ำเสียให้ดีก่อนทิ้ง ทุกคน  ทุกด้าน  บ้านเราก็จะสวยงาม  ไม่มีโรคด้วยครับ จากคุณ : ลุงขาว (renangkull) - [ 31 ส.ค. 51 23:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คห 13 ถ้าจะได้ผลดี มันต้องเป็นระบบปิดไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : veenews2004 - [ 1 ก.ย. 51 00:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ทำได้ วิธีการสารพัด ถ้ามีเงิน จากคุณ : 068 - [ 1 ก.ย. 51 02:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตามความเห็นที่ 28 เลย ทำได้สารพัดวิธี ถ้ามีเงิน แต่ต้องทำควบคู่กันไปทั้ง 2 ทางคือ 1. การป้องกัน คือการป้องกันไม่ให้มีการทิ้งน้ำเสียลงในแหล่งน้ำ จนเกินความสามารถในการฟอกตัวเอง (self purification) นั่นคือโดยธรรมชาติแล้ว ในแหล่งน้ำนั้นมีจุลินทรีย์คอยกินของเสียเป็นอาหารอยู่แล้ว แต่ปริมาณจุลินทรีย์มีจำกัด และในน้ำนั้นมีปริมาณออกซิเจนจำกัด เพราะการเติมออกซิเจนนั้นมีวิธีเดียวคือการแลกเปลี่ยนที่ผิวหน้าน้ำตามธรรมชาติ ชุมชนใช่ว่าปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำไม่ได้เลย ปล่อยได้ เพียงแต่ปล่อยในปริมาณที่น้อยๆ (เช่นน้ำที่บำบัดแล้วซึ่งยังมีความสกปรกอยู่) ให้แหล่งน้ำรองรับและมีบำบัดให้น้ำนั้นสะอาดขึ้นมาได้ และ 2. การบำบัด ซึ่งทำได้ 2 ระยะ - ระยะต้นหรือระยะเร่งด่วน ได้แก่การขุดลอกเอาตะกอนท้องน้ำที่หมักหมมออกไปทิ้ง (ของเสียที่ตกตะกอนอยู่ท้องน้ำ) ซึ่งเป็นการลดภาระของจุลินทรีย์ในการทำความสะอาดน้ำ ลดกระบวนการไร้อากาศที่เกิดที่ท้องน้ำ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำดำเหม็น ทั้งนี้เพราะตะกอนท้องน้ำส่วนมากก็คือสารอินทรีย์ และเมื่ออากาศลงไปไม่ถึงท้องน้ำ กระบวนการหมักแบบไม่ใช้อากาศจึงเกิดขึ้น ผลผลิตที่สำคัญคือก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่มีกลิ่นเหม็นและทำให้น้ำมีสีดำคล้ำ ดังนั้นการเอาตะกอนออก (dredging) จึงเป็นการแก้ปัญหาในเบื้องต้น - ระยะยาวที่ต้องใช้เวลา ง่ายที่สุดคือต่อท่อเติมอากาศลงไปใต้ท้องน้ำ เพิ่มออกซิเจนให้จุลินทรีย์ใช้ในการหายใจ ในการกินอาหาร (ของเสียที่ละลายในน้ำ) เพื่อการเจริญเติบโต ของเสียในน้ำก็จะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปเซลล์ของจุลินทรีย์ นานๆทีก็มีการขุดลอกตะกอนจุลินทรีย์เหล่านั้นออกไปทิ้ง แต่ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ วิธีป้องกันนั้นต้องแลกมาด้วย - การสร้างจิตสำนึกที่เข้มแข็งจากทุกผู้คน (พวกเรามีกันหรือไม่) - มาตรการที่เข้มแข็งจากภาครัฐในการบังคับใช้กฎหมาย - สร้างระบบท่อดักน้ำเสียไม่ให้ลงแหล่งน้ำ และสร้างระบบบำบัดน้ำเสียรวม อันนี้พอเป็นไปได้ เพราะนักการเมืองชอบนักแล เพราะระบบท่อรวบรวมน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียนั้นมีงบประมาณมโหฬาร คนบางจำพวกชอบกินแต่มูถแต่คูตรแต่ของเน่าเสียเสียด้วยสิ วิธีบำบัดนั้นต้องแลกมาด้วย - งบประมาณมโหฬารในการก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการเดินระบบ วิธีบำบัดที่พูดถึงข้างต้นนั้นต่างชาติทำสำเร็จมาแล้ว เช่นการฟื้นฟูสภาพแม่น้ำเทมส์ในประเทศอังกฤษ การฟื้นฟูสภาพคลองชิคาโกในประเทศอเมริกา แต่นั่นเค้าใช้งบมโหฬาร การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างเดียว ไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืน การป้องกันต่างหาก จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก จริงๆแล้ว ต่อให้ไม่ต้องบำบัดน้ำในคลองในกรุงเทพ แต่งดปล่อยของเสียลง แหล่งน้ำก็สามารถฟื้นคืนสภาพได้เอง เพียงแต่อาจจะใช้เวลาบ้าง 20-30-40 ปี เปรียบเหมือนการรักษาโรคนั่นแหละ ถ้าป่วยมา ก็ต้องแก้ปัญหารักษาตามอาการที่หนักๆเสียก่อนในเบื้องต้น รักษาอาการอื่นๆให้หายขาดตามมา และก็ต้องมีการป้องกันสุขภาพในระยะยาวประกอบร่วมด้วย จึงเป็นการรักษาสุขภาพอย่างถาวร จากคุณ : vandyman - [ 1 ก.ย. 51 07:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ซื้อถังบำบัดขนาดใหญ่ ประมาณว่า ใช้ได้กับบ้าน 10-20 หลัง แล้วก็ให้ผ่อนชำระ เดือนละร้อย จนครบ เพาะถ้าให้ลงทุนเองทุกหลังคงยาก ต้องใช้วิธีผ่อนชำระอาจจะตกลงกับชาวบ้านริมคลองง่ายกว่า ......และถูกกว่าการเวณคืนที่ดิน ไม่งั้น กทม ก็ให้ตามมหาวิทยาลัยที่มีความรู้เรื่องพวกนี้ค้นคว่าทำบ่อบำบัดราคาถูกทำออกมา แล้ว กทม รับซื้อ นศ ได้ความรู้ +ได้เงิน กทม ได้ของดีราคาถูก จากคุณ : วิญญาณพเนจร - [ 1 ก.ย. 51 09:21:01 A:202.62.105.155 X: TicketID:177078 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #30 ไม่ต้องค้นคว้าหรอกครับ ระบบบำบัดน้ำเสียไม่ใช่สลับซับซ้อนอะไร การบำบัดน้ำเสียชุมชนเป็นเพียงการเอาจุลินทรีย์มาใช้งานแค่นั้นเอง ระบบบำบัดน้ำเสียอย่างง่าย เรามีใช้กันทุกครัวเรือน นั่นคือบ่อเกรอะ บ่อซึม ขอให้แต่ละบ้านในกรุงเทพมีบ่อเกรอะเถิด แค่นี้น้ำในคลองก็สะอาดขึ้นเยอะแล้ว ระบบบำบัดแบบไหนขนาดไหน วิศวกรเมืองไทยก็ออกแบบได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นเมืองขนาดใหญ่และชุมชนหนาแน่น ใช้การเดินท่อรวบรวมน้ำเสียไปบำบัดที่เดียวหรือระบบบำบัดน้ำเสียรวม จะประหยัดเงินกว่า แต่ถ้าเป็นชุมชนที่อยู่กระจัดกระจาย ชุมชนไม่หนาแน่น การเดินท่อไปเอาน้ำเสียนั้นจะเป็นการสิ้นเปลือง ในลักษณะนี้ก็ต้องใช้ระบบบำบัดน้ำเสียขนาดเล็ก (ในระดับครัวเรือน ในระดับ 10-20 หลังแบบที่ #30 บอก) ซึ่งมีแบบมีเทคโนโลยีหมดแล้ว ก็จะประหยัดกว่า แต่ปัญหาในปัจจุบันคือ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็ล้วนแต่ต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเงินลงทุนสร้างระบบ หรือค่าใช้จ่ายในการเดินระบบ (ค่าไฟ ค่าคน ค่าซ่อมบำรุง) และคนส่วนมากไม่ตระหนักในส่วนนี้ แค่กทม.เปรยๆ ว่าจะเก็บค่าบำบัดน้ำเสียพ่วงไปกับค่าน้ำประปา (เช่นน้ำประปา 10 บ./ลบ.ม. + ค่าบำบัดน้ำเสีย 5 บ./ลบ.ม.) ประชาชนก็เริ่มโวยวายแล้ว นักการเมืองก็พับโครงการเก็บ เพราะกลัวเป็นการเสียฐานคะแนนเสียง แต่การให้ประชาชนลงทุนเองก็เป็นความคิดที่ดี แต่การสมัครใจอาจไม่ได้ผล คนไทยชอบถูกบังคับ ก็อาจมีมาตรการเช่นการจะขอใบอนุญาตก่อสร้างหรือขอเลขที่บ้านได้ ต้องมีแบบระบบบำบัดน้ำเสียมาแสดง มีเจ้าหน้าที่ไปตรวจว่าได้ก่อสร้างจริง หรือการบังคับให้ทุกบ้านต้องมีระบบบำบัดในเบื้องต้นเป็นของตนเอง ขอย้ำอีกที แก้ไม่ยาก ขอแค่ทรัพยากรสองอย่าง แรงใจ กับ แรงเงิน จากคุณ : vandyman - [ 1 ก.ย. 51 10:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เคยอ่านว่า ทุกบ้านที่ไม่ได้บำบัดน้ำเสียก่อนทิ้งลงท่้อหน้าบ้าน มันก็จะไปลงที่คลองด้วย ไม่เฉพาะแค่คนที่อยู่ริมคลองเท่านั้นที่จะทิ้งน้ำเสียลงคลอง คนที่ทิ้งตามท่อมันก็ไปลงคลองอยู่ดี ไม่ทราบว่าถ้าทิ้งลงท่อ มันจะไปลงคลอง หรือไปจะไปสู่ระบบบำบัดน้ำเสียของ ก.ท.ม. ครับ ป.ล. ก.ท.ม. มีระบบบำบัดน้ำเีสียเปล่าหว่า จากคุณ : ป๋าของหม่ามี๊ไ่ม่ได้ล๊อกอิน (ป๋าของหม่ามี๊) - [ 1 ก.ย. 51 17:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วิธีแก้ปัญหานะครับ สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนคิดถึงส่วนรวม 0รู้จักคัดแยกขยะ เช่น ขยะอันตรายมีพิษ แบตเตอรี่มือถือเอาไปหย่อนที่ตู้มาบุญครอง ขยะรีไซเคิล เอาไปขายที่วงษ์พาณิชย์ http://www.wongpanit.com/ กล่องนมเอาไปให้รายการ 30 ยังแจ๋ว ทำโต๊ะเก้าอี้ได้ เศษอาหารเอาไปหมักกับจุลินทรีย์EM ทำเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ได้ http://kasetkyusei.com/webboard/index.php?topic=15.0 ปัจจุบันกทม. กำลังรณรงค์ให้ชาวบ้านคัดแยกขยะด้วยตนเองครับ http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROaVoyc3dNekU0TURnMU1RPT0=&sectionid=TURNek1nPT0=&day=TWpBd09DMHdPQzB4T0E9PQ== สร้างความเคยชินในการแยกขยะแล้ว จะได้ไม่เห็นคลองเป็นถังขยะอีก 0ใช้ EM ขยายและ EM BALL เทใส่คลองทุกอาทิตย์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การเคหะแห่งชาติได้ทำเห็นผลมาแล้ว ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.chivavithee.net/uploads/File/report/dec50.pdf http://www.chivavithee.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2172 http://www.emkyusei.com/index1.htm 0ชาวบ้านต้องหันมาใช้ ยาสระผม สบู่ น้ำยาซักผ้า น้ำยาขัดห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ติดต่อซื้อได้ที่ บ.เกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จก.  http://www.kasetkyusei.com/ โทร 0-3636-2072 มือถือ 08-7120-7679 หรือจะหัดทำเองก็ได้ ดูวิธีทำที่เว็บชีววิถี http://www.chivavithee.net/modules.php?name=News&file=article&sid=78 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 11:47:23 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 10:46:13 จากคุณ : ทิดมีน (mean2523) - [ 3 ก.ย. 51 10:37:38 ]