ความคิดเห็นที่ 1 ## ประเด็นที่ 1 ## เรารู้ได้ยังไงว่ามีควากส์ เรารู้ว่าอะตอมมีโครงสร้างภายใน (นิวเคลียส) และรู้ว่านิวเคลียสมีโครงสร้างภายใน (ควาร์ก) และรู้ืว่าควาร์กน่าจะไม่มีโครงสร้างภายใน เพราะว่า... Reyleigh Scattering http://en.wikipedia.org/wiki/Rayleigh_scattering แต่กว่าจะมาเป็นควาร์ค ในยุคหนึ่ง นักฟิสิกส์อนุภาคก็เคยค้นพบอนุภาคประกอบจำนวนมหาศาล หลายร้อยชนิด (จาก CERN จอมยุ่งนี่แหละ) เล่นเอาปวดหัวไปตามๆ กัน เมื่อเทียบกับความรู้เดิม ที่มีแค่ โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน (แถมโพสิตรอนด้วยเอ้า) แต่พอเจออนุภาคชนิดใหม่ มีมวล มีประจุแปลกๆ อีกเป็นร้อยๆชนิด นักฟิสิกส์แทบจะกลายเป็นนักอนุกรมวิธาน จัดลำดับสปีชี่ส์ของอนุภาคไปเลย จน Steven Weinberg, Abdus Salam และ Sheldon Glashow คิดค้นทฤษฏีที่เรียกว่า Standard Model ขึ้นมา ถึงเป็นที่เข้าใจว่า อนุภาคจำนวนมากมายที่ค้นพบนั้น   ล้วนเป็นอนุภาคที่ประกอบจาก quark, lepton และอนุภาคพาหะของแรง เพียงไม่กี่ชนิด http://en.wikipedia.org/wiki/Standard_model แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 22:14:17 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 21:58:50 จากคุณ : ikkyu - [ 13 ก.ย. 51 20:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 <เขียนใหม่ดีกว่า> (ดูความเห็นที่ 4 ครับ) แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 21:32:20 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 21:32:04 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 21:11:20 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 20:52:10 จากคุณ : ikkyu - [ 13 ก.ย. 51 20:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เค้าก็วิจัยกันมาครับ ทดลองโน้นทดลองนี่ มนุษอยากรู้อยากเห็น จากคุณ : sv_jame - [ 13 ก.ย. 51 20:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ## ประเด็นที่ 2 ## "นิวตริโน รวมกับโปรตอน กลายเป็นนิวตรอนรึเปล่า?" นิวตริโน + โปรตอน ไม่กลายเป็น นิวตรอน เฉยๆ แต่อาจจะกลายเป็น (นิวตรอน+โพสิตรอน) P + neutrino --> N + e+ หรืออีกแบบนึงที่เกิดได้คือ N + neutrino --> P + e- ( e+: โพสิตรอน, e-: อิเล็คตรอน, P: โปรตอน, N: นิวตรอน) เมื่อก่อน เค้าใช้ คลอรีน หรือ แกลเลียม มาดักรอให้นิวตริโนมาทำปฏิกิริยากับนิวตรอนหรือโปรตอนในนิวเคลียส ตามสมการข้างบนนี้ จนมันเปลี่ยนเป็นอีกธาตุ พอทดลองเสร็จ ก็เอาสารมาวิเคราะห์ ว่าเกิดธาตุใหม่เท่าไหร่ (เช่น gallium-71 กลายเป็น germanium-71 เพราะนิวตรอนกลายเป็นโปรตอนไปหนึ่งตัว) แต่มันทั้งแพงและไม่สะดวก เพราะต้องเอาสารออกมาวิเคราะห์ทีหลังถึงจะรู้ผล นิวตริโนที่มาชน มีทิศทางและความเร็วเท่าไหร่ มาชนเมื่อไหร่ ก็ไม่มีทางรู้ ตอนนี้ นิยมใช้วิธีดัก shockwave ของแสงในน้ำ (ดูตามความเห็นที่ 5) แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 22:13:15 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 21:49:52 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 21:39:00 จากคุณ : ikkyu - [ 13 ก.ย. 51 21:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ## ประเด็นที่ 3 ## "วิธีที่ใช้น้ำดักจับนิวตริโน" เป็นวิธีที่นิยมใช้ในปัจจุบัน อาศัยหลักการว่า - "ความเร็วแสงในน้ำ" จะลดลงจากความเร็วแสงในสุญญากาศมากพอควร (ช้าลง 25%) - เมื่อนิวตริโนทำปฏิกิริยานิวเคลียร์อย่างอ่อน (weak interaction) เกิด lepton (เช่นอิเล็กตรอน) ที่วิ่งเร็วกว่า "ความเร็วแสงในน้ำ" (แต่ไม่เร็วกว่าความเร็วแสงในสุญญากาศ เพราะเป็นไปไม่ได้) ก็จะเกิด "shockwave ของแสง" ที่เรียกว่ารังสีเซเรนคอฟ (Cerenkov radiation) (คล้ายๆ เครื่องบินเมื่อบินเร็วกว่าความเร็วเสียงในอากาศ ก็จะเกิด shock wave ของคลื่นเสียง) - รังสีเซเรนคอฟ ก็จะเป็นแสงรูปกรวย (เหมือน shockwave ของเสียง) ไปลงที่เครื่องวัด (Photomultiplier tube : แปลงแสงเป็นสัญญาณไฟฟ้า) ที่อยู่รอบๆถังน้ำ ทำให้เรารู้ความเร็วและทิศทางของนิวตริโนที่ผ่านเข้ามาได้ - แต่นิวตริโนตัวไหนที่พลังงานจลน์ต่ำๆ ไม่ทำให้เกิด lepton ความเร็วสูง มันก็จะผ่านไปเฉยๆ เครื่องก็จะตรวจจับมันไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 00:50:08 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 00:46:48 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 22:09:12 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 22:03:52 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 21:59:38 จากคุณ : ikkyu - [ 13 ก.ย. 51 21:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ## ประเด็นที่ 3.1 ## "น้ำมวลหนัก" (heavy water) เครื่องดักจับนิวตริโน อาจจะใช้ "น้ำมวลหนัก" (heavy water) แทนน้ำธรรมดา น้ำธรรมดา -> ประกอบด้วยออกซิเจนธรรมดา กับไฮโดรเจนธรรมดา ไฮโดรเจนธรรมดา -> ประกอบด้วยอิเล็กตรอนหนึ่งตัว กับโปรตอนหนึ่งตัว แต่ น้ำมวลหนัก -> ประกอบด้วยออกซิเจนธรรมดา กับไฮโดรเจนหนัก ไฮโดรเจนหนัก -> ไม่ได้มีแค่โปรตอนหนึ่งตัว แต่ดันมีนิวตรอนเพิ่มมา 1-2 ตัว เวลานิวตริโนมาทำอะไรกับน้ำมวลหนัก นอกจากจะทำให้เกิดรังสี Cerenkov แบบที่เกิดในน้ำธรรมดาแล้ว ยังอาจจะไปชนนิวเคลียสของไฮโดรเจนหนักให้แตกออก จนเกิดปฏิกิริยาให้เครื่องมันจับได้เพิ่มขึ้นอีก =จบข่าว= แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 22:07:05 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 22:01:16 จากคุณ : ikkyu - [ 13 ก.ย. 51 21:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แจ่มมากครับ จากคุณ : joyrisus (joyrisus) - [ 13 ก.ย. 51 22:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุนมากคับ จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 13 ก.ย. 51 22:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สุดยอดครับ จากคุณ : หมั่นไส้ - [ 14 ก.ย. 51 00:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ใช่ Cherenkov ของนิวตริโนในน้ำนะ แต่เป็น Cherenkov ของอิเลคตรอนหรือ muon ที่นิวตริโนเกิดอันตรกิริยากับนิวเคลียสของน้ำแล้วปล่อยออกมา Cherenkov radiation จะเกิดเฉพาะเมื่ออนุภาคมีประจุเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางด้วยความเร็วมากกว่าความเร็ววแสงในตัวกลางนั้นๆ อนุภาคไม่มีประจุที่ไม่มีอันตรกิริยาแม่เหล็กไฟฟ้ากับตัวกลางจะไม่ทำให้เกิด Cherenkov radiation แต่อย่างใด จากคุณ : บจ - [ 14 ก.ย. 51 00:03:48 A:125.25.89.12 X: TicketID:038839 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แก้ไขใน #5 แล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : ikkyu - [ 14 ก.ย. 51 00:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ช่วยเอาสิ่งที่พิมพ์ใส่ในเว๊บบ๊อกด้วยครับ  เป็นความรู้ดี  เผื่อใครต้องการหาข้อมูล จากคุณ : ruddy01 - [ 14 ก.ย. 51 03:29:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 14 ก.ย. 51 07:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่รู้จะตอบยังไง อิ อิ ดูรูปเพื่ออธิบาย คห.5 แล้วกัน Nutrino Catcher จากคุณ : PUMPKINbig - [ 14 ก.ย. 51 09:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Nutrino Catcher จากคุณ : PUMPKINbig - [ 14 ก.ย. 51 09:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรารู้ได้ยังไงว่ามีควากส์ และควากประกอบเป็นโปรตอน นิวตรอน แรกๆไม่รู้ว่ามีควาร์ก นักวิทยาศาสตร์ศึกษาฟิสิกส์พลังงานสูง เอาอิเล็กตรอนขว้างใส่โปรตอน http://hep.ph.liv.ac.uk/~green/mastclas/hepintro/sld004.htm จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 15 ก.ย. 51 09:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การมองดูโครงสร้างของโปรตอน ด้วยกล้องจุลทัศน์อิเล็กตรอน เนื่องจากโปรตอนมันเล็ก การเห็นโปรตอนต้องใช้อิเล็กตอน-ความยาวคลื่นสั้น-พลังงานสูง อัดโปรตอนอย่างแรง ผลคือมีก้อนอะไรไม่รู้หลุดออกมา มีประจุ -1/3 ต่อมาถูกตั้งชื่อว่า ควาร์ก http://hep.ph.liv.ac.uk/~green/mastclas/hepintro/sld005.htm แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 51 09:30:10 จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 15 ก.ย. 51 09:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ชื่อควาร์กนี้ท่านได้แต่ใดมา เจลมานตั้งให้ Gell-Mann 1929 - เมอร์เรย์ เจลมานเข้าม.เยลตั้งแต่อายุ15 ทำงานกับเฟอร์มิที่ม.ชิคาโก ปริญญาเอกจากMIT เป็นศาสตราจารย์ฟิสิกส์ที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ทศวรรษ1950s พบอนุภาคอนุอตอม-subatomic particlesมากมาย เจลมานเสนอว่าอนุภาคต่างๆมี8กลุ่ม-families  เจลมานเรียกมรรค8-eightfold way อ้างถึงมรรค8ในศาสนาพุทธ Buddhist philosophy's eight attributes of right living มรรค8อธิบายได้ดีถึงอนุภาค hadron ที่มีประจุเป็นสัดส่วน ไม่ใช่จำนวนเต็ม เรียกว่าควาร์ก มาจากนิยายของ James Joyce เรื่อง Finnegan's Wake จากประโยคที่ว่า "Three quarks for Muster Mark!" ขอแปลแบบไม่แน่ใจว่า ตรีควาร์กเพื่อเป้าหมายบรรจบ 1969 ได้ Nobel Prize สาขา physics http://www.pbs.org/wgbh/aso/databank/entries/bpgell.html จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 15 ก.ย. 51 10:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 8กลุ่มของอนุภาคเป็นไงบ้างอะครับ ลิงค์#18เข้าไม่ได้ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 15 ก.ย. 51 11:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 19  8กลุ่มของอนุภาคเป็นไงบ้างอะครับ ขอย้อนไปสมัยสุโขทัยแบบหนังเรื่องบุญชู สมัยก่อนคนตั้งทฤษฎีว่าสสารประกอบด้วยธาตุ4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าเป็นจีนก็5ธาตุ ทอง น้ำ ไม้ ไฟ ดิน ตัดฉับเร็วเหมือนโกหกมาต้นศตวรรษ20 นักวิทยาศาสตร์พบอิเล็กตรอน โปรตอน นิวตรอน อา..มีความสุขมากเลย เราอธิบายว่านิวเคลียสมีโปรตอน-นิวตรอน จำนวนโปรตอนบอกชนิดของธาตุ จำนวนอิเล็กตรอนเท่าจำนวนโปรตอนเพราะอตอมเป็นกลาง-ประจุหักลบกันพอดี จำนวนนิวตรอนในนิวเคลียสบอกไอโซโทปของธาตุ เราไม่จำเป็นต้องมีอนุภาคอื่นๆอีกแล้ว แค่นี้ก็อธิบายเรื่องธาตุเรื่องสสารได้ OK แล้วนะ ต้องโทษนักวิทยาศาสตร์มือบอนกลับทดลองต่อไปอีก ไปพบอนุภาคอื่นๆที่ไม่ใช่3ตัวแรกนั้น มีชื่อเป็นร้อยๆชนิดเช่น Lambda Sigma Delta Xi Omega ... ในทศววรษ 1950 ถึงแม้จะมีมากมายกลับไม่พ้นสายตาหลักแหลมของเจลมานไปได้ เจลมานค้นพบจุดร่วมอนุภาค เอาบาริออน(baryon-มีควาร์ก3ตัวใน1เม็ด)มา8ตัว พล๊อตกราฟระหว่างแกนนอน-แกนตั้ง isotopic spin projection - strangeness เกิดรูปสมมาตร-symmetry ดูรูปปลากรอบ 1964 รูปสมมาตรนี้ชี้ไปทฤษฎีควาร์กว่า ควรมีอนุภาคมูลฐานอีก3ชนิด U D S เป็นส่วนประกอบ ของบาริออน 8 ตัวนั้น บาริออน1ตัวมี3ควาร์ก ควาร์ก3ชนิดมี 2^3=8 บาริออน หรือเรียก 8หนทาง(The Eightfold Way) หรือเรียกมรรค8 มรรคแปลว่าวิธีหรือหนทาง ทศวรรษ1970การทดลองของ Department of Energy's SLAC พบควาร์กตัวเป็นๆ มิใช่ค่าทางคณิตศาสตร์เท่านั้น 1964 Symmetry operations on an octahedron illustrate the theory of quarks. By the 1960s, accelerators had revealed dozens of new particles. Theorist Murray Gell-Mann (and, independently, Yuval Ne'eman) discovered a theory that organized all the particles into families with properties mathematically the same as those of a "group of eight" in abstract algebra. Gell-Mann called it "The Eightfold Way." When physicists recognized that underlying fundamental particles could explain the eightfold pattern, the idea of quarks was born. In the 1970s, experiments at the Department of Energy's SLAC showed that quarks were not just mathematical constructs but real building blocks of protons and neutrons. http://www.fnal.gov/pub/inquiring/timeline/21.html จากคุณ : เมษ (ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ) - [ 15 ก.ย. 51 13:40:19 ]