ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าซื้อไปแล้วมีโอกาสในการทำกำไรสูง ราคาขายก็สูง โรยงา มะพร้าวขูด จากคุณ : -=นามไร้ชื่อ=- - [ 13 ก.ย. 51 20:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ฐานลูกค้าและโอกาสในอนาคตไง เพราะพันทิปอยู่มาตั้งหลายปี กว่าจะได้ขนาดนี้ ถ้าเริ่มต้นตั้งเว็บใหม่ซิงๆ อาจใช้เงินมากกว่า100ล้านอีกครับ เหมือนกับกูเกิ้ลซื้อyoutubeไง ซื้อปุ๊บได้ลูกค้าเลย ไม่ต้องรอ..ไม่ต้องสร้างแบรนด์... จากคุณ : O-DED - [ 13 ก.ย. 51 20:43:41 A:124.122.147.175 X: TicketID:186995 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คำนวณจากการเข้าเวบแหละครับ บางทีอาจไม่แพงขนาดนั้น เพราะเป็นเวบภาษาไทย คนเข้าเป็นคนไทย กำลังซื้อน้อยกว่าของชาวตะวันตก จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 13 ก.ย. 51 22:26:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะราคามันไม่ได้ประเมินแค่ tangible asset แต่มันรวม intangible asset เข้าไปด้วย ไม่ได้มองแค่ปัจจุบัน แต่มองถึงสิ่งที่จะได้ในอนาคต นี่คือ brand ครับ .... brand ที่ไม่ได้แปลว่าตราสัญลักษณ์ ยี่ห้อ อย่างที่สอนๆกันในหนังสือ แต่มันรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่คนรับรู้เกี่ยวกับตัวสินค้าตัวหนึ่ง BRAND ที่มีเพาวเวอร์มากๆ ขายได้เป็นแสนๆล้านเลยนะ ลองดู Coca-cola ดิ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 13 ก.ย. 51 22:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ก็ต้องรวมทั้ง Tangible และ Intangible เข้าด้วยกัน แล้วต้องตั้ง Expected Return Rate ให้ดีๆด้วย เพราะมันมีผลกับการประเมินราคามากทีเดียว เวลาคิดผมไม่คิด Growth นะครับ เพราะ Growth ที่ไม่ได้เกิดขึ้นใน Franchise มันก็ไม่มีผลต่อการประเมินราคาเท่าไหร่ หรืออีกวิธีหนึ่งคือคิดว่า ถ้าเราจะตั้งเวบขึ้นมาแข่งกับพันทิพต้องใช้เงินเท่าไหร่ ก็ต้องมีตั้งแต่ค่า Server พัฒนาโปรแกรม ค่าโฆษณา ฯลฯ จากคุณ : Nexus - [ 13 ก.ย. 51 23:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีการประเมินว่า ถ้าโค้ก เสียทุกอย่างไป ทั้งโรงงาน สูตร อะไต่งๆ แบรนด์โค้ก ยังมีมูลค่าอยู่อีก1000กว่าล้านดอล จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 14 ก.ย. 51 01:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 - -" ไม่ได้แก้ไข 14 ก.ย. 51 00:00:01 จากคุณ : Pigusto - [ 14 ก.ย. 51 01:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 14 ก.ย. 51 01:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วิธีคิดมันก็มีหลายอย่างครับ Discount Cashflow , Residual Income, Relative Valuation ผมว่าวิธีคิดมูลค่าของเว็บโดยคำนวนจาก Asset แบบ tangible + intangible + premium มันไม่ค่อยเหมาะเเพราะเว็บไซต์มันจะมีสัดส่วน Intangible สูง ทั้งไม่มีราคากลางหรือราคาตลาดมาประเมิน ผมว่า DCF เหมาะกว่าแต่ก็ต้องดูโมเดลดีๆ เพราะการหา Require Rate of Return หรือค่า beta มันค่อนข้างยาก เพราะไม่ค่อยมีข้อมูลให้เทียบ RI น่าจะเหมาะกว่า เพราะหา WACC อย่างเดียว ส่วน Replacement Cost ผมว่าไม่เหมาะกับธุรกิจที่มี Growth Potential ------------------------------------- เอาเข้าไป - -" จากคุณ : แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยอมยิ้ม - [ 14 ก.ย. 51 06:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้..มายก้อด....!!!!! นอกวงการไม่มีสิทธิ์รู้เลยนะนี่ เด๋ววันหลังเราเล่นศัพท์เฉพาะเด็กวิทย์มั่งดีกว่า...... จากคุณ : O-DED - [ 14 ก.ย. 51 08:42:50 A:124.122.147.175 X: TicketID:186995 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แต่วิธี DFC เราต้อง "เดา" Cash Flow เป็นสิบปีเลยนะครับ(ถึงจะเดาอย่างมีหลักการก็เถอะ) ผมถึงไม่ค่อยนิยมวิธีนี้สักเท่าไหร่ วิธี Replacement Cost น่าจะพอเอามาปรับใช้ได้ในกรณีนี้ (ถ้าเราหาบัญชีของพันทิพตั้งแต่ต้นเจอนะครับ) จากคุณ : Nexus - [ 14 ก.ย. 51 09:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เดาซักซัก 5 ปี ก็พอนะครับ ปัญหาของ DCF ผมว่าอยู่ที่ Terminal Value มากกว่าตัว Cashflow เองนะครับเพราะมันเป็นผลกระทบหลักกับตัว Valuation เลย ถ้าใช้ Gordon's Growth Model ค่า k กับ g จะมีผลมาก ตัว Cashflow Projection จะมีสัดส่วนน้อยกว่า บางคนจึงใช้ตัว Relative แบบ Price Multiple มาเป็น Terminal ถึงอย่างไร ผมว่า DCF มันค่อนข้าง Sensitive น่าจะใช้ RIมากกว่า แต่ยังยืนยันว่า Replacement Cost น่าจะจะใช้กับธุรกิจที่อิ่มตัวแล้ว เช่นพวกโรงกลั่น โรงสี หรือพวกเกี่ยวกับ Commodities มากกว่าจะมาใช้กับพวกธุรกิจ Hi-Growth ครับ เพราะถ้าเราลองแตกสัดส่วนของ P/E มาเป็น Franchise Factor กับ Growth Factor จะเห็นว่า ส่วนที่มาจาก Growth มันค่อนข้างมาก ---------------------------- - - ชักมัน.... จากคุณ : แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยอมยิ้ม - [ 14 ก.ย. 51 10:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แต่ผมว่า หากใช้ DCF ละก็ดูแค่ DHCP คงไม่พอนะ หรือไม่งั้นก็ดูตาม  OSPF หรือ IGRP หรือ RIP เลยก็ได้ แต่จะว่าไป หากเราเลือกใช้ syslog-ng ก็จะดัดแปลงให้ครอบคลุม กว่า เพราะ สามารถ ดึง log จาก FTP/SMTP/SQUID/etc. มาดูได้ :-p จากคุณ : รู้ใช่ไหมว่าผมมั่ว (อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ) - [ 14 ก.ย. 51 11:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 15 เดี๋ยวเขาก็ไล่ไปอยู่ห้อง Tech หรอกครับ 555+   15 คห. ผมรู้เรื่อง 15 อยู่อันเดียว จากคุณ : Nongsine - [ 14 ก.ย. 51 15:40:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุยเรื่องอะไรกันเหรอครับ ???? จากคุณ : จอมยุทธตะเกียบคู่ - [ 14 ก.ย. 51 15:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 RIP นะทุกท่าน จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 14 ก.ย. 51 19:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเองคงจะต้องขอ BYE จากกระทู้นี้ก่อนล่ะครับ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 14 ก.ย. 51 20:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เดี๋ยวพั่ด!!!  กำลังมึนๆมาจาก CMCC อยู่ เพราะโดนทั้ง ADVANCE, ACCORD, LIFE, HOPE, VADT, VAHIT ฯลฯ ว่ากันยาวเหยียด ตีกันให้เละระหว่าง ACEI, ARB, CCB และ BB ... นี่ยังไม่รวมพวก LDL, ACS  เริ่มต้นด้ัวย BNP ไม่พอ ยังแถมปิดท้ายด้วย CBI กับ double factorial design อีกตะหาก  ปีหน้า JNC-VIII ก็จะมาให้เวียนหัวตายอีก ... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 14 ก.ย. 51 22:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มะเขือเทศเขตร้อนและมุมอะซิมุท เกี่ยวข้องกับการDCFและDHCP ในการประมวลผลต่อการประเมินค่าtangible asset ซึ่งทำให้เวปพันทิพราคาแพงขึ้น .."!^@$%฿*#......สวัสดีชาวโลก..... แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 51 16:34:56 จากคุณ : error (J-shock) - [ 15 ก.ย. 51 16:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอ่อ ตอนแรกดูเหมือนจะวิเคราะห์ใช้ศัพท์การตลาดนะ Tangible และ Intangible เงี้ย cashflow เงี้ย ไหง หลังๆ ไม่รู้เรื่องเลยหว่า... จากคุณ : Choco-Mix - [ 15 ก.ย. 51 17:50:05 ]